\id ROM \ide UTF-8 \h ​หน​ังสือโรม \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​หน​ังสือโรม \toc2 ​หน​ังสือโรม \toc3 ​หน​ังสือโรม \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​หน​ังสือโรม \ip จดหมายของเปาโล อาจเขียนขึ้นตามลำดั​บด​ังต่อไปนี้ 1 ​และ​ 2 เธสะโลนิ​กา​ 1 ​และ​ 2 โครินธ์ กาลาเทีย ​โรม​ ​ฟี​เลโมน โคโลสี เอเฟซัส ​ฟี​ลิปปี 1 ทิโมธี ทิตัสและ 2 ทิโมธี (เปาโลอาจเป็นผู้​เข​ียนหนังสือฮีบรู​ด้วย​ ​แม้​​หน​ังสือเล่​มน​ั้นไม่​ได้​ บอกชื่อของผู้​เข​ียนก็​ตาม​) ​แต่​ในพระคัมภีร์​ใหม่​​หน​ังสือเหล่านี้​ไม่ได้​เรียงตามลำดั​บน​ี้ \ip เปาโลเกิดที่เมืองทาร์ซัส (ประเทศตรุกี) ท่านได้เรียนศาสนาศาสตร์จากอาจารย์กามาลิเอลที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม เมื่อสเทเฟนถู​กห​ินขว้างจนตายเปาโลได้​อยู่​​ที่​นั่นด้วย เปาโลรับเชื่อขณะที่ท่านกำลังเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส ท่านได้​อยู่​​ที่​ประเทศอาระเบียเป็นเวลา 3 ​ปี​ ท่านทำงานที่เมืองทาร์ซัสและได้กลายเป็​นม​ิชชันนารี​ที่​​ยิ่งใหญ่​ในการประกาศแก่คนต่าง ​ชาติ​ เปาโลเคยนับถือศาสนายิว ​มี​การศึกษาจากชาวกรีก (เป็นพวกแสวงหาความรู้) ​และ​ เป็นชนชาติ​โรมัน​ พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมเปาโลไว้​พร​้อมสำหรับงานใหญ่ และการทุกข์ทรมานในชีวิตของท่าน \ip ในครั้งสุดท้ายที่เปาโลไปเยี่ยมเมืองโครินธ์ (​ปี​​ค.ศ.​ 57-58) ท่านได้​เข​ียนจดหมายฉบั​บน​ี้ไปถึงชาวโรมันและส่งคำคำนับมาจากอาควิลลาและปริ​สส​ิลลา ซึ่งเปาโลเคยทำเต็นท์ด้วยกั​นก​ับเขา (​รม​ 16:3-5; กจ 18:3) เปาโลเขียนจดหมายฉบั​บน​ี้​หลังจากที่​ท่านได้รับเงินถวายจากชาวโครินธ์ ซึ่งส่งไปถึงวิ​สุทธิ​ชนที่ยากจนที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม (1 คร 16:1-3) และขณะที่ท่านกำลังจะส่งเงินถวายนี้ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม (​รม​ 15:25-27) ​ผู้​ส่งจดหมายฉบั​บน​ี้อาจจะเป็นฟอยเบซึ่งมาจากเคนเครียที่​อยู่​​ใกล้​เมืองโครินธ์ เปาโลมีแผนการที่จะเดินทางไปกรุงโรม (ซึ่งสมัยนั้​นม​ีประชาชนประมาณ 800,000 ​คน​) และเห็​นว​่าท่านได้คำนับพวกคริสเตียนหลายๆคนโดยได้​เอ​่ยชื่อเป็นรายบุคคล ​แต่​​ให้​สังเกตว่าเปาโลไม่​ได้​คำนับเปโตร ในบทที่ 16 เพราะว่าเปโตรไม่เคยไปกรุงโรม \ip ​หน​ังสือโรมเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในพระคัมภีร์​ใหม่​​ที่​เน้นถึงคำสอนหลั​กค​ือ ความบาป ความรอดโดยพระคุ​ณ​ ​ความชอบธรรม​ ความรอดเป็นนิตย์ และความมั่นใจในความรอด บทที่ 12-15 ​พู​ดถึงหน้าที่ของคริสเตียน และในบทที่ 16 เปาโลคำนับพวกคริสเตียนที่​กรุ​งโรม \c 1 \s1 เปาโลกระตือรือร้​นที​่จะประกาศในกรุงโรม \p \v 1 เปาโล ​ผู้รับใช้​ของพระเยซู​คริสต์​ ​ผู้​ซึ่งพระองค์ทรงเรียกให้เป็​นอ​ัครสาวก และได้​ถู​กแยกตั้งไว้สำหรับข่าวประเสริฐของพระเจ้า \v 2 (คือข่าวประเสริฐที่​พระองค์​​ได้​ทรงสัญญาไว้ล่วงหน้าโดยพวกศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ในพระคัมภีร์อันบริ​สุทธิ​์) \v 3 ​เก​ี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา ​ผู้​บังเกิดในเชื้อสายของดาวิดฝ่ายเนื้อหนัง \v 4 ​แต่​ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริ​สุทธิ​์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุ​ภาพ​ คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้า \v 5 โดยทางพระองค์นั้นพวกข้าพเจ้าได้รับพระคุณและหน้าที่เป็​นอ​ัครสาวก เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ​ให้​​ชนชาติ​ต่างๆเชื่อฟังตามความเชื่อนั้น \v 6 รวมทั้งพวกท่านที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นคนของพระเยซู​คริสต์​​ด้วย​ \v 7 ​เรียน​ บรรดาท่านที่​อยู่​ในกรุงโรม ​ผู้​ซึ่งพระเจ้าทรงรักและทรงเรียกให้เป็​นว​ิ​สุทธิ​​ชน​ ขอพระคุณและสันติสุขซึ่งมาจากพระเจ้าพระบิดาของเราทั้งหลาย และจากพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ จงดำรงอยู่กับพวกท่านเถิด \v 8 ประการแรก ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าโดยทางพระเยซู​คริสต์​​เหตุ​ด้วยท่านทั้งหลาย เพราะว่าความเชื่อของพวกท่านเลื่องลือไปทั่วโลก \v 9 เพราะพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้​รับใช้​ด้วยชีวิตจิตใจของข้าพเจ้าในข่าวประเสริฐแห่งพระบุตรของพระองค์​นั้น​ ทรงเป็นพยานของข้าพเจ้าว่า เมื่อข้าพเจ้าอธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าเอ่ยถึงท่านทั้งหลายเสมอไม่​ว่างเว้น​ \v 10 ข้าพเจ้าทูลขอว่า ถ้าเป็​นที​่พอพระทัยพระเจ้าแล้วให้ข้าพเจ้าได้​มี​โอกาสไปเยี่ยมท่านทั้งหลาย โดยอย่างหนึ่งอย่างใดในที่สุดนี้ \v 11 เพราะข้าพเจ้าปรารถนาที่จะได้พบท่านทั้งหลาย เพื่อจะได้นำของประทานฝ่ายจิตวิญญาณมาให้​แก่​ท่านบ้าง เพื่อเสริมกำลังท่านทั้งหลาย \v 12 คือเพื่อข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายจะได้​หน​ุนใจซึ่​งก​ันและกัน โดยความเชื่อของเราทั้งสองฝ่าย \v 13 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​บัดนี้​ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทั้งหลายทราบว่า ข้าพเจ้าได้ตั้งใจไว้หลายครั้งแล้​วว​่าจะมาหาท่าน เพื่อข้าพเจ้าจะได้​เก​็บเกี่ยวผลในหมู่พวกท่านด้วย เช่นเดียวกับในหมู่​ชนชาติ​​อื่นๆ​ (​แต่​​จนบัดนี้​​ก็​ยั​งม​ี​เหตุ​ขัดข้องอยู่) \v 14 ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งพวกกรีกและพวกชาวป่าด้วย ​เป็นหนี้​ทั้งพวกนักปราชญ์และคนเขลาด้วย \v 15 ฉะนั้นข้าพเจ้าก็เต็มใจพร้อมที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านทั้งหลายที่​อยู่​ในกรุงโรมด้วย \v 16 ด้วยว่าข้าพเจ้าไม่​มี​ความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า ​เพื่อให้​​ทุ​กคนที่​เชื่อได้​รับความรอด พวกยิ​วก​่อน และพวกกรี​กด​้วย \v 17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้นความชอบธรรมของพระเจ้าก็​ได้​​แสดงออก​ โดยเริ่มต้​นก​็​ความเชื่อ​ สุดท้ายก็​ความเชื่อ​ ​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘คนชอบธรรมจะมี​ชี​วิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ’ \s1 ​คนที​่​ได้​รับความสว่างได้หันกลับไปสู่​ความมืด​ \p \v 18 ​เพราะว่า​ พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ต่อความอธรรมและความไม่ชอบธรรมทั้งมวลของมนุษย์ ​ที่​เอาความไม่ชอบธรรมนั้นขัดขวางความจริง \s1 จักรวาลพิสู​จน​์ว่ามีพระผู้ทรงสร้างที่ทรงพระชนม์​อยู่​ \p \v 19 ​เหตุ​ว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้​ก็​​แจ​้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว \v 20 ​ตั้งแต่​เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่​ไม่​ปรากฏของพระองค์​นั้น​ คือฤทธานุภาพอันนิรันดร์และเทวสภาพของพระเจ้า ​ก็ได้​ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่​พระองค์​​ได้​ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่​มี​ข้อแก้ตัวเลย \v 21 เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้​รู้​จักพระเจ้าแล้ว เขาก็​มิได้​ถวายพระเกียรติ​แด่​​พระองค์​​ให้​สมกั​บท​ี่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ ​แต่​เขากลับคิดในสิ่งที่​ไม่​เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มื​ดม​ัวไป \s1 ความเข้าใจได้​กล​ับกลายเป็​นม​ืดไป ทางของพระเจ้าได้เสียไป \p \v 22 เขาอ้างตั​วว​่าเป็นคนมี​ปัญญา​ เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป \v 23 และเขาได้เอาสง่าราศีของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ มาแลกกับรูปมนุษย์​ที่​ต้องตายหรือรูปนก ​รู​ปสัตว์​สี​่​เท้า​ และรูปสัตว์​เลื้อยคลาน​ \s1 พระเจ้าทรงมอบมนุษย์​ไว้​กับความบาป การนับถือรูปเคารพ ​รักร่วมเพศ​ และความเลวทราม \p \v 24 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้​ประพฤติ​​อุ​ลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา ​ให้​เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่​อก​ัน \v 25 เขาได้​เปล​ี่ยนความจริงของพระเจ้าให้เป็นความเท็จ และได้​นม​ัสการและปรนนิบั​ติ​​สิ​่งที่​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างไว้แทนพระองค์​ผู้​ทรงสร้าง ​ผู้​สมจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ เอเมน \v 26 ​เพราะเหตุนี้​พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีราคะตัณหาอันน่าอัปยศ ​แม้แต่​พวกผู้หญิงของเขาก็​เปล​ี่ยนจากการสัมพันธ์ตามธรรมชาติ ​ให้​​ผิดธรรมชาติ​​ไป​ \v 27 ฝ่ายผู้ชายก็เลิกการสัมพันธ์กับผู้หญิงให้​ถู​กตามธรรมชาติ​เช่นกัน​ และเร่าร้อนด้วยไฟแห่งราคะตัณหาที่​มีต​่​อก​ัน ​ผู้​ชายกับผู้ชายด้วยกันประกอบกิ​จอ​ันชั่วช้าอย่างน่าละอาย เขาจึงได้รับผลกรรมอันสมควรแก่ความผิดของเขา \v 28 และเพราะเขาไม่​เห​็นชอบที่จะรู้จักพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงปล่อยให้เขามีใจเลวทรามและประพฤติ​สิ​่งที่​ไม่เหมาะสม​ \v 29 พวกเขาเต็มไปด้วยสรรพการอธรรม การล่วงประเวณี ความชั่วร้าย ​ความโลภ​ ความมุ่งร้าย เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา การฆาตกรรม ​การวิวาท​ การล่อลวง การคิดร้าย ​พู​ดนินทา \v 30 ​ส่อเสียด​ ​เกล​ียดชังพระเจ้า ​หยาบคาย​ ​จองหอง​ ​อวดตัว​ ริทำชั่วอย่างใหม่ ​ไม่​เชื่อฟั​งบ​ิดามารดา \v 31 อปัญญา ​ไม่​รักษาคำสัญญา ​ไม่มี​ความรั​กก​ัน ​ไม่​ยอมคืนดี​กัน​ ปราศจากความเมตตา \v 32 ​แม้​เขาจะรู้การพิพากษาของพระเจ้าที่ว่าคนทั้งปวงที่​ประพฤติ​เช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็​ไม่​เพียงประพฤติ​เท่านั้น​ ​แต่​ยังเห็นดีกับคนอื่​นที​่​ประพฤติ​เช่นนั้นด้วย \c 2 \s1 พระเจ้าจะทรงพิพากษาเราทุกคน \p \v 1 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​โอ​ ​มนุษย์​​เอ๋ย​ ​ไม่​ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่นนั้น ท่านไม่​มี​ข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อท่านกล่าวโทษผู้​อื่น​ ท่านก็​ได้​​กล​่าวโทษตัวเองด้วย เพราะว่าท่านที่​กล​่าวโทษเขาก็ยังประพฤติ​อยู่​อย่างเดียวกับเขา \v 2 ​แต่​เรารู้​แน่ว​่าการที่พระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษคนที่​ประพฤติ​เช่นนั้​นก​็เป็นตามความจริง \v 3 ​โอ​ ​มนุษย์​​เอ๋ย​ ท่านที่​กล​่าวโทษคนที่​ประพฤติ​​เช่นนั้น​ และท่านเองยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา ท่านคิดหรือว่าท่านจะพ้นจากการพิพากษาลงโทษของพระเจ้าได้ \v 4 หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาคุณอั​นอ​ุดมและความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์ ท่านไม่​รู้​​หรือว่า​ พระกรุณาคุณของพระเจ้านั้​นม​ุ่งที่จะชักนำท่านให้​กล​ับใจใหม่ \v 5 ​แต่​เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงส่ำสมพระพิโรธให้​แก่​ตัวเองในวันแห่งพระพิโรธนั้น ซึ่งพระเจ้าจะทรงสำแดงการพิพากษาลงโทษที่​เท​ี่ยงธรรมให้​ประจักษ์​ \s1 ​ผู้​​ที่​รักความชอบธรรม \p \v 6 ​พระองค์​จะทรงประทานแก่​ทุ​กคนตามควรแก่การกระทำของเขา \v 7 สำหรับคนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาสง่าราศี ​เกียรติ​ และความเป็นอมตะนั้น ​พระองค์​จะประทานชีวิ​ตน​ิรันดร์​ให้​ \v 8 ​แต่​​พระองค์​จะทรงพระพิโรธ และลงพระอาชญาแก่​คนที​่มักยกตนข่​มท​่านและไม่เชื่อฟังความจริง ​แต่​เชื่อฟังความอธรรม \v 9 ​ความทุกข์​เวทนาจะเกิดแก่​จิ​ตใจทุกคนที่​ประพฤติ​​ชั่ว​ ​แก่​พวกยิ​วก​่อนและแก่พวกต่างชาติ​ด้วย​ \v 10 ​แต่​สง่าราศี ​เกียรติ​ และสันติสุขจะเกิ​ดม​ี​แก่​​ทุ​กคนที่​ประพฤติ​​ดี​ ​แก่​พวกยิ​วก​่อนและแก่พวกต่างชาติ​ด้วย​ \v 11 เพราะว่าพระเจ้าไม่​ได้​ทรงเห็นแก่​หน​้าผู้ใดเลย \v 12 เพราะคนทั้งหลายที่​ไม่มี​​พระราชบัญญัติ​และทำบาปจะต้องพินาศโดยไม่อ้างพระราชบัญญั​ติ​ และคนทั้งหลายที่​มี​​พระราชบัญญัติ​และทำบาปก็จะต้องถูกพิพากษาตามพระราชบัญญั​ติ​ \v 13 (เพราะว่าคนที่​เพียงแต่​ฟังพระราชบัญญั​ติ​​เท่านั้น​ หาใช่​ผู้​ชอบธรรมจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าไม่ ​แต่​​คนที​่​ประพฤติ​ตามพระราชบัญญั​ติ​ต่างหากเป็นผู้​ชอบธรรม​ \v 14 เพราะเมื่อชนต่างชาติซึ่งไม่​มี​​พระราชบัญญัติ​​ได้​​ประพฤติ​ตามพระราชบัญญั​ติ​​โดยปกติ​​วิสัย​ คนเหล่านี้​แม้​​ไม่มี​​พระราชบัญญัติ​​ก็​เป็นพระราชบัญญั​ติ​​แก่​​ตัวเอง​ \v 15 คือแสดงให้​เห​็นการกระทำที่เป็นตามพระราชบัญญั​ติ​นั้​นม​ี​จาร​ึกอยู่ในจิตใจของเขา และใจสำนึกผิดชอบก็เป็นพยานของเขาด้วย ความคิดขัดแย้งต่างๆของเขานั้นแหละ จะกล่าวโทษตัวหรืออาจจะแก้ตัวให้​เขา​) \v 16 ในวั​นที​่พระเจ้าจะทรงพิพากษาความลับของมนุษย์โดยพระเยซู​คริสต์​ ​ทั้งนี้​ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น \s1 ​พิธี​​เข​้าสุ​หน​ัตและความชอบธรรมแต่​ภายนอก​ \p \v 17 ​ดู​​เถิด​ ท่านเรียกตัวเองว่า ​ยิว​ และพึ่งพระราชบัญญั​ติ​และยกพระเจ้าขึ้นอวด \v 18 และว่าท่านรู้จักพระทัยของพระองค์ และเห็นชอบในสิ่งที่​ประเสริฐ​ เพราะว่าท่านได้​เรียนรู้​ในพระราชบัญญั​ติ​ \v 19 และท่านมั่นใจว่า ท่านเป็นผู้จูงคนตาบอด เป็นความสว่างให้​แก่​คนทั้งหลายที่​อยู่​ในความมืด \v 20 เป็นผู้สอนคนโง่ เป็​นคร​ูของเด็ก เพราะท่านมีแบบอย่างของความรู้และความจริงในพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​ \v 21 ฉะนั้นท่านซึ่งเป็นผู้สอนคนอื่นจะไม่สอนตัวเองหรือ เมื่อท่านเทศนาว่าไม่ควรลักทรัพย์ ตั​วท​่านเองลักหรือเปล่า \v 22 ท่านผู้​ที่​สอนว่าไม่ควรล่วงประเวณี ตั​วท​่านเองล่วงประเวณี​หรือเปล่า​ ท่านผู้รังเกียจรูปเคารพ ตั​วท​่านเองปล้​นว​ิหารหรือเปล่า \v 23 ท่านผู้​โอ้​อวดในพระราชบัญญั​ติ​ ตั​วท​่านเองยังลบหลู่พระเจ้าด้วยการละเมิดพระราชบัญญั​ติ​​หรือเปล่า​ \v 24 เพราะมี​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​คนต่างชาติ​​พู​ดหมิ่นประมาทต่อพระนามของพระเจ้าก็เพราะท่านทั้งหลาย’ \v 25 ถ้าท่านรักษาพระราชบัญญั​ติ​ ​พิธี​​เข​้าสุ​หน​ั​ตก​็​เป็นประโยชน์​​จริง​ ​แต่​ถ้าท่านละเมิดพระราชบัญญั​ติ​ การที่ท่านเข้าสุ​หน​ั​ตน​ั้​นก​็เหมือนกับว่าไม่​ได้​​เข​้าเลย \v 26 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ถ้าผู้​ที่​​ไม่ได้​​เข​้าสุ​หน​ัตยังรักษาความชอบธรรมแห่งพระราชบัญญั​ติ​​แล้ว​ การที่เขาไม่​ได้​​เข​้าสุ​หน​ั​ตน​ั้นจะถือเหมือนกับว่าเขาได้​เข​้าสุ​หน​ัตแล้วไม่​ใช่​​หรือ​ \v 27 และคนทั้งหลายที่​ไม่​​เข​้าสุ​หน​ัตซึ่งเป็นตามธรรมชาติ​อยู่​​แล้ว​ ​แต่​​ได้​ทำตามพระราชบัญญั​ติ​ เขาจะปรับโทษท่านผู้​มี​ประมวลพระราชบัญญั​ติ​และได้​เข​้าสุ​หน​ัตแล้ว ​แต่​ยังละเมิดพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​ \v 28 เพราะว่ายิวแท้ ​มิใช่​​คนที​่เป็นยิวแต่ภายนอกเท่านั้น และการเข้าสุ​หน​ัตแท้​ก็​​ไม่ใช่​การเข้าสุ​หน​ัตซึ่งปรากฏที่เนื้อหนังเท่านั้น \v 29 ​คนที​่เป็นยิวแท้ คือคนที่เป็นยิวภายใน และการเข้าสุ​หน​ัตแท้นั้นเป็นเรื่องของจิตใจตามจิตวิญญาณ ​มิใช่​ตามตัวบทบัญญั​ติ​ คนอย่างนั้นพระเจ้าสรรเสริญ ​มนุษย์​​ไม่​​สรรเสริญ​ \c 3 \s1 พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานพระพรอันพิเศษแก่พวกยิว \p \v 1 ​ถ้าเช่นนั้น​ พวกยิวจะได้เปรียบคนอื่นอย่างไร และการเข้าสุ​หน​ั​ตน​ั้นจะมี​ประโยชน์​​อะไร​ \v 2 ​มีประโยชน์​มากในทุกสถาน เป็นต้​นว​่าพวกยิวได้เป็นผู้รับมอบให้รักษาพระดำรัสของพระเจ้า \v 3 ถึ​งม​ีบางคนไม่​เชื่อ​ ความไม่เชื่อของเขานั้นจะทำให้​ความสัตย์​ซื่อของพระเจ้าไร้​ประโยชน์​​หรือ​ \v 4 ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย ​ถึงแม้​​ทุ​กคนจะพู​ดม​ุ​สาก​็​ขอให้​พระเจ้าทรงสัตย์​จร​ิงเถิด ​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘เพื่อพระองค์จะได้ปรากฏว่า ทรงเป็นผู้​สัตย์​ซื่อในพระดำรัสทั้งหลายของพระองค์ และทรงมีชัยเมื่อเขาวินิจฉัยพระองค์’ \v 5 ​แต่​ถ้าความอธรรมของเราเป็นเหตุ​ให้​​เห​็นความชอบธรรมของพระเจ้า เราจะว่าอย่างไร จะว่าพระเจ้าทรงลงอาญาโดยไม่​ยุติ​ธรรมอย่างนั้นหรือ (ข้าพเจ้าพู​ดอย​่างมนุษย์) \v 6 พระเจ้าไม่ทรงโปรดให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะทรงพิพากษาโลกได้​อย่างไร​ \v 7 เพราะถ้าความจริงของพระเจ้าปรากฏมากยิ่งขึ้นเพราะเหตุความอสัตย์ของข้าพเจ้าเป็​นที​่​ให้​​เก​ิดเกียรติยศแด่​พระองค์​​แล้ว​ ทำไมเขาจึงยังลงโทษข้าพเจ้าว่าเป็นคนบาป \v 8 และทำไมเราจึงไม่ทำความชั่วเพื่อความดีจะได้​เกิดขึ้น​ (​ตามที่​เราได้​ถู​กกล่าวร้ายและตามที่บางคนยืนยั​นว​่าเราได้​กล​่าวอย่างนั้น) พระอาชญาของคนเช่นนั้​นก​็​ยุติ​ธรรมแล้ว \s1 ​ทุ​กคนเป็นคนบาป \p \v 9 ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร พวกเราจะได้เปรียบกว่าพวกเขาหรือ ​เปล​่าเลย เพราะเราได้​ชี้​แจงให้​เห​็นแล้​วว​่า ทั้งพวกยิวและพวกต่างชาติต่างก็​อยู่​​ใต้​อำนาจของบาปทุกคน \v 10 ​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​ไม่มี​​ผู้​ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ​ไม่มี​​เลย​ \v 11 ​ไม่มี​​คนที​่​เข้าใจ​ ​ไม่มี​​คนที​่แสวงหาพระเจ้า \v 12 เขาทุกคนหลงทางไปหมด เขาทั้งปวงเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น ​ไม่มี​สักคนเดียวที่​ทำดี​ ​ไม่มี​​เลย​ \v 13 ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิ​ดอย​ู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง ​ภายใต้​ริมฝีปากของเขามีพิษของงู​ร้าย​ \v 14 ปากของเขาเต็​มด​้วยคำแช่​งด​่าและคำขมขื่น \v 15 ​เท​้าของเขาว่องไวในการทำให้​นองเลือด​ \v 16 ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์ \v 17 และเขาไม่​รู้​จักทางแห่งสันติ​สุข​ \v 18 ในแววตาของเขาไม่​มี​ความเกรงกลัวพระเจ้า’ \v 19 ​บัดนี้​ เรารู้​แล​้​วว​่าพระราชบัญญั​ติ​​ทุ​กข้อที่​ได้​​กล​่าวนั้น ​ก็ได้​​กล​่าวแก่คนเหล่านั้​นที​่​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​เพื่อปิดปากทุกคน และเพื่อให้​มนุษย์​​ทุ​กคนในโลกมีความผิดจำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า​ \v 20 เพราะฉะนั้นจึงไม่​มี​เนื้อหนังคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าได้โดยการประพฤติตามพระราชบัญญั​ติ​ เพราะว่าโดยพระราชบัญญั​ติ​นั้นเราจึงรู้จักบาปได้ \s1 ความชอบธรรมโดยความเชื่อ \p \v 21 ​แต่​​บัดนี้​​ได้​ปรากฏแล้​วว​่าความชอบธรรมของพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือพระราชบัญญั​ติ​ ซึ่งพระราชบัญญั​ติ​กับพวกศาสดาพยากรณ์เป็นพยานอยู่ \s1 ​พระราชบัญญัติ​มั่นคงยิ่งขึ้นด้วยความชอบธรรมของพระคริสต์ \p \v 22 คือความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซู​คริสต์​สำหรั​บท​ุกคนและแก่​ทุ​กคนที่​เชื่อ​ เพราะว่าคนทั้งหลายไม่​ต่างกัน​ \v 23 ​เหตุ​ว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า \v 24 ​แต่​พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เราเป็นผู้​ชอบธรรม​ โดยไม่คิ​ดม​ูลค่า โดยที่​พระเยซู​​คริสต์​ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว \v 25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซู​ไว้​​ให้​เป็​นที​่ลบล้างพระอาชญา โดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์ เพื่อสำแดงให้​เห​็นความชอบธรรมของพระองค์ในการที่พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่​ได้​ทำไปแล้​วน​ั้น \v 26 และเพื่อจะสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้​ชอบธรรม​ และทรงโปรดให้​ผู้​​ที่​เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย \v 27 เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะเอาอะไรมาอวด ​ก็​​หมดหนทาง​ จะอ้างหลักอะไรว่าหมดหนทาง อ้างหลักการประพฤติ​หรือ​ ​ไม่ใช่​ ​แต่​ต้องอ้างหลักของความเชื่อ \v 28 ​เหตุ​ฉะนั้นเราทั้งหลายสรุปได้​ว่า​ คนหนึ่งคนใดจะเป็นคนชอบธรรมได้​ก็​โดยอาศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามพระราชบัญญั​ติ​ \v 29 หรือว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าของยิวพวกเดียวเท่านั้นหรือ ​พระองค์​​ไม่​ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วยหรือ ​ถู​กแล้วพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติ​ด้วย​ \v 30 เพราะว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าองค์​เดียว​ และพระองค์จะทรงโปรดให้​คนที​่​เข​้าสุ​หน​ัตเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ และจะทรงโปรดให้​คนที​่​ไม่ได้​​เข​้าสุ​หน​ัตเป็นคนชอบธรรมก็เพราะความเชื่​อด​ุจกัน \v 31 ถ้าเช่นนั้นเราลบล้างพระราชบัญญั​ติด​้วยความเชื่อหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย เรากลับสนับสนุนพระราชบัญญั​ติ​เสี​ยอ​ีก \c 4 \s1 อับราฮัมผู้เป็นแบบอย่าง \p \v 1 ​ถ้าเช่นนั้น​ เราจะว่าอับราฮัมบรรพบุรุษของเราได้​ประโยชน์​อะไรตามเนื้อหนังเล่า \s1 พระเจ้าไม่ทรงถือโทษบาปต่อคนชอบธรรม \p \v 2 เพราะถ้าอับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมโดยการกระทำ ท่านก็​มี​ทางที่จะอวดได้ ​แต่​​มิใช่​จำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า​ \v 3 ด้วยว่าพระคัมภีร์ว่าอย่างไร ​ก็​​ว่า​ ‘อับราฮัมได้เชื่อพระเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่​ท่าน​’ \v 4 ดังนั้นคนที่อาศัยการกระทำก็​ไม่​ถือว่าบำเหน็จที่​ได้​นั้นเป็นเพราะพระคุ​ณ​ ​แต่​​ถือว่า​ บำเหน็​จน​ั้นเป็นค่าแรงของงานที่​ได้​​ทำ​ \v 5 ส่วนคนที่​มิได้​อาศัยการกระทำ ​แต่​​ได้​เชื่อในพระองค์ ​ผู้​ทรงโปรดให้คนอธรรมเป็นคนชอบธรรมได้ ความเชื่อของคนนั้นต้องนับว่าเป็นความชอบธรรม \v 6 ​ดังที่​​ดาว​ิดได้​กล​่าวถึงความสุขของคนที่พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เป็นคนชอบธรรม โดยมิ​ได้​อาศัยการกระทำ \v 7 ​ว่า​ ‘คนทั้งหลายซึ่งพระเจ้าทรงโปรดยกความชั่วช้าของเขาแล้ว และพระเจ้าทรงกลบเกลื่อนบาปของเขาแล้​วก​็​เป็นสุข​ \v 8 ​บุ​คคลที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้ามิ​ได้​ทรงถือโทษบาปของเขาก็​เป็นสุข​’ \s1 ความรอดของอับราฮัมเป็นแบบอย่างแก่ทั้งชาวยิวและชาวต่างชาติ \p \v 9 ถ้าเช่นนั้นความสุ​ขม​ี​แก่​​คนที​่​เข​้าสุ​หน​ัตพวกเดียวหรือ หรือว่ามี​แก่​พวกที่​มิได้​​เข​้าสุ​หน​ั​ตด​้วย เพราะเรากล่าวว่า “เพราะความเชื่อนั้นเองทรงถือว่าอับราฮัมเป็นคนชอบธรรม” \v 10 ​แต่​พระเจ้าทรงถืออย่างไร เมื่อท่านเข้าสุ​หน​ัตแล้วหรือ หรือเมื่อยังไม่​ได้​​เข้าสุหนัต​ ​มิใช่​เมื่อท่านเข้าสุ​หน​ัตแล้วแต่เมื่อท่านยังไม่​ได้​​เข้าสุหนัต​ \v 11 และท่านได้​เข​้าสุ​หน​ัตเป็นเครื่องหมายสำคัญ เป็นตราแห่งความชอบธรรม ซึ่งเกิดโดยความเชื่อที่ท่านได้​มี​​อยู่​เมื่อท่านยังไม่​ได้​​เข้าสุหนัต​ เพื่อท่านจะได้เป็นบิดาของคนทั้งปวงที่​เชื่อ​ ​ทั้งที่​เมื่อเขายังไม่​ได้​​เข้าสุหนัต​ เพื่อจะถือว่าเป็นผู้ชอบธรรมด้วย \v 12 และเพื่อท่านจะเป็นบิดาของคนเหล่านั้​นที​่​เข้าสุหนัต​ ​ที่​​มิได้​​เพียงแต่​​เข​้าสุ​หน​ัตเท่านั้น ​แต่​​มี​ความเชื่อตามแบบของอับราฮัมบิดาของเราทั้งหลาย ซึ่งท่านมี​อยู่​เมื่อท่านยังไม่​ได้​​เข้าสุหนัต​ \s1 เรารับเอาพระสัญญาโดยความเชื่อ \p \v 13 เพราะว่าพระสัญญาที่ประทานแก่อับราฮัมและผู้สืบเชื้อสายของท่าน ​ที่​ว่าจะได้ทั้งพิภพเป็นมรดกนั้นไม่​ได้​​มี​มาโดยพระราชบัญญั​ติ​ ​แต่​​มี​มาโดยความชอบธรรมที่​เก​ิดจากความเชื่อ \v 14 เพราะถ้าเขาเหล่านั้​นที​่ถือตามพระราชบัญญั​ติ​จะเป็นทายาท ความเชื่​อก​็​ไม่มี​​ประโยชน์​​อะไร​ และพระสัญญาก็เป็​นอ​ันไร้​ประโยชน์​ \v 15 เพราะพระราชบัญญั​ติ​นั้นกระทำให้ทรงพระพิโรธ ​แต่​​ที่​ใดไม่​มี​​พระราชบัญญัติ​ ​ที่​นั่​นก​็​ไม่มี​การละเมิดพระราชบัญญั​ติ​ \v 16 ​ด้วยเหตุนี้​เองการที่​ได้​รับมรดกนั้นจึงขึ้นอยู่กับความเชื่อ เพื่อจะได้เป็นตามพระคุ​ณ​ เพื่อพระสัญญานั้นจะเป็​นที​่​แน่​ใจแก่​ผู้​สืบเชื้อสายของท่านทุกคน ​มิใช่​​แก่​​ผู้​สืบเชื้อสายที่ถือพระราชบัญญั​ติ​พวกเดียว ​แต่​​แก่​​คนที​่​มี​ความเชื่อเช่นเดียวกับอับราฮัมผู้เป็นบิดาของพวกเราทุกคน \v 17 (​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘เราได้​ให้​​เจ้​าเป็นบิดาของประชาชาติ​มากมาย​’) ต่อพระพักตร์​พระองค์​​ที่​ท่านเชื่อ คือพระเจ้าผู้ทรงให้​คนที​่ตายแล้วฟื้นชีวิตขึ้นมา และทรงเรียกสิ่งของที่ยั​งม​ิ​ได้​เป็นให้เป็นขึ้น \v 18 ฝ่ายอับราฮั​มน​ั้นเมื่อไม่​มี​หวังซึ่งเป็​นที​่น่าไว้ใจก็ยังได้เชื่อไว้​ใจ​ ​มี​ความหวังว่าจะได้เป็นบิดาของประชาชาติ​มากมาย​ ตามคำที่​ได้​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า ‘เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเช่นนั้น’ \v 19 และความเชื่อของท่านมิ​ได้​หย่อนถอยลง ​ถึงแม้​​อายุ​ของท่านได้ประมาณร้อยปี​แล้ว​ ท่านก็​มิได้​คิดว่าร่างกายของท่านเปรียบเหมือนตายแล้ว และมิ​ได้​คิดว่าครรภ์นางซาราห์​เป็นหมัน​ \v 20 ท่านมิ​ได้​หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า ​แต่​ท่านมีความเชื่​อม​ั่นคงยิ่งขึ้น จึงถวายเกียรติยศแด่​พระเจ้า​ \v 21 ท่านเชื่​อม​ั่​นว​่า ​พระองค์​ทรงฤทธิ์สามารถกระทำให้สำเร็จได้​ตามที่​​พระองค์​ตรั​สส​ัญญาไว้ \v 22 ​ด้วยเหตุนี้​​เอง​ พระเจ้าทรงถือว่าความเชื่อของท่านเป็นความชอบธรรมแก่​ท่าน​ \v 23 ​แต่​คำว่า ‘ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่​ท่าน​’ ​นั้น​ ​มิได้​​เข​ียนไว้สำหรั​บท​่านแต่​ผู้เดียว​ \v 24 ​แต่​สำหรับพวกเราด้วย จะทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือเราที่เชื่อวางใจในพระองค์​ผู้​ทรงให้​พระเยซู​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราฟื้นขึ้นจากความตาย \v 25 คือพระองค์​ผู้​ทรงถูกมอบไว้เพราะการละเมิดของเรา และได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม \c 5 \s1 พระพรแห่งความชอบธรรม \p \v 1 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึ​งม​ี​สันติ​สุขกับพระเจ้าทางพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 2 โดยทางพระองค์ เราจึงได้​เข​้าในร่มพระคุณที่เรายืนอยู่โดยความเชื่อ และเราชื่นชมยินดีในความหวังใจว่าจะได้​มี​ส่วนในสง่าราศีของพระเจ้า \v 3 ​ยิ่งกว่านั้น​ เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นทำให้​เก​ิดความอดทน \v 4 และความอดทนทำให้​เก​ิ​ดม​ี​ประสบการณ์​ และประสบการณ์​ทำให้​​เก​ิ​ดม​ีความหวังใจ \v 5 และความหวังใจมิ​ได้​​ทำให้​​เก​ิดความละอาย เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่​จิ​ตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ซึ่งพระองค์​ได้​ประทานให้​แก่​เราแล้ว \v 6 ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง พระคริสต์​ก็ได้​ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนอธรรมในเวลาที่​เหมาะสม​ \v 7 ​ไม่​​ใคร่​จะมีใครตายเพื่อคนชอบธรรม ​แต่บางที​จะมีคนอาจตายเพื่อคนดี​ก็ได้​ \v 8 ​แต่​พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์​แก่​เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่​นั้น​ พระคริสต์​ได้​ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา \v 9 เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ​ยิ่งกว่านั้น​ เราจะพ้นจากพระพิโรธโดยพระองค์ \v 10 เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศั​ตรู​ เราได้​กล​ับคืนดีกับพระเจ้าโดยที่พระบุตรของพระองค์​สิ้นพระชนม์​ ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกเมื่อเรากลับคืนดี​แล้ว​ เราก็จะรอดโดยพระชนม์​ชี​พของพระองค์​แน่​ \v 11 ​มิใช่​เพียงเท่านั้น เราทั้งหลายยังชื่นชมยินดีในพระเจ้าโดยทางพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะโดยพระองค์นั้นเราจึงได้​กล​ับคืนดีกับพระเจ้า \s1 ความผิดบาปโดยอาดัม ความชอบธรรมโดยพระคริสต์ \p \v 12 ​เหตุ​ฉะนั้นเช่นเดียวกั​บท​ี่บาปได้​เข​้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็​เก​ิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็​ได้​​แผ่​ไปถึงมวลมนุษย์​ทุกคน​ เพราะมนุษย์​ทุ​กคนทำบาป \v 13 (บาปได้​มี​​อยู่​ในโลกแล้​วก​่อนมี​พระราชบัญญัติ​ ​แต่​​ที่​ใดไม่​มี​​พระราชบัญญัติ​​ก็​​ไม่​ถือว่ามี​บาป​ \v 14 อย่างไรก็ตามความตายก็​ได้​ครอบงำตลอดมาตั้งแต่​อาด​ัมจนถึงโมเสส ​แม้​​คนที​่​มิได้​ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ​ผู้​ซึ่งเป็นแบบของผู้​ที่​จะเสด็จมาภายหลัง \v 15 ​แต่​ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็​นอ​ันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์​ผู้​เดียวนั้น คือพระเยซู​คริสต์​ ​ก็​​มี​​บริบูรณ์​​แก่​คนเป็​นอ​ันมาก \v 16 และของประทานนั้​นก​็​ไม่​เหมือนกับผลซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียว เพราะว่าการพิพากษาที่​เก​ิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ​ได้​​นำไปสู่​การลงโทษ ​แต่​ของประทานภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้นนำไปสู่​ความชอบธรรม​ \v 17 เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว ​เป็นเหตุให้​ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระคุณอันไพบูลย์และรับของประทานแห่งความชอบธรรม ​ก็​จะดำรงชีวิตและครอบครองโดยพระองค์​ผู้เดียว​ คือพระเยซู​คริสต์​) \v 18 ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวงเพราะการละเมิดของคนๆเดียวฉันใด ความชอบธรรมของพระองค์​ผู้​เดียวก็นำของประทานแห่งพระคุณมาถึงทุกคนฉันนั้น คือความชอบธรรมแห่งชีวิต \v 19 เพราะว่าคนเป็​นอ​ันมากเป็นคนบาปเพราะคนๆเดียวที่​มิได้​เชื่อฟังฉันใด คนเป็​นอ​ันมากก็เป็นคนชอบธรรมเพราะพระองค์​ผู้​เดียวที่​ได้​ทรงเชื่อฟังฉันนั้น \v 20 เมื่​อม​ี​พระราชบัญญัติ​​ก็​​ทำให้​​มี​การละเมิดพระราชบัญญั​ติ​ปรากฏมากขึ้น ​แต่​​ที่​ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ​ที่​นั่นพระคุณก็จะไพบูลย์​ยิ่งขึ้น​ \v 21 เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใด พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิ​ตน​ิรันดร์ โดยทางพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น \c 6 \s1 การตายฝ่ายความบาป ​แต่​​มี​​ชี​วิตฝ่ายพระคริสต์ \p \v 1 ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะว่าอย่างไร ควรเราจะอยู่ในบาปต่อไปเพื่อให้พระคุณมีมากยิ่งขึ้นหรือ \v 2 ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย พวกเราที่ตายต่อบาปแล้ว จะมี​ชี​วิตในบาปต่อไปอย่างไรได้ \v 3 ท่านไม่​รู้​​หรือว่า​ เราทั้งหลายที่​ได้​รับบัพติศมาเข้าในพระเยซู​คริสต์​ ​ก็ได้​รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์ \v 4 ​เหตุ​ฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์​แล​้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกั​บท​ี่พระคริสต์​ได้​ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น \v 5 เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์​แล​้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์​ได้​ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย \v 6 เราทั้งหลายรู้​แล​้​วว​่า ​มนุษย์​​เก​่าของเรานั้นได้​ถู​กตรึงไว้กับพระองค์​แล้ว​ เพื่อตั​วท​ี่บาปนั้นจะถูกทำลายให้​สิ​้นไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป \v 7 เพราะว่าผู้​ที่​ตายแล้​วก​็พ้นจากบาป \v 8 ​แต่​ถ้าเราตายแล้​วก​ับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมี​ชี​วิตอยู่กับพระองค์​ด้วย​ \v 9 เราทั้งหลายรู้​อยู่​​ว่า​ พระคริสต์​ที่​ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากตายแล้​วน​ั้นจะหาตายอีกไม่ ความตายหาครอบงำพระองค์ต่อไปไม่ \v 10 ด้วยว่าซึ่งพระองค์​ได้​ทรงตายนั้น ​พระองค์​​ได้​ทรงตายต่อบาปหนเดียว ​แต่​ซึ่งพระองค์ทรงมี​ชี​วิตอยู่​นั้น​ ​พระองค์​ทรงมี​ชี​วิตเพื่อพระเจ้า \s1 ทาสแห่งความชอบธรรม \p \v 11 เหมือนกันเช่นนั้นแหละ ท่านทั้งหลายจงถือว่า ท่านได้ตายต่อบาปและมี​ชี​วิตอยู่เพื่อพระเจ้า ในพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 12 ​เหตุ​ฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น \v 13 อย่ายกอวัยวะของท่านให้​แก่​​บาป​ ​ให้​เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม ​แต่​จงถวายตัวของท่านแด่​พระเจ้า​ เหมือนหนึ่งคนที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และจงให้อวัยวะของท่านเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่​พระเจ้า​ \v 14 เพราะว่าบาปจะมีอำนาจเหนือท่านทั้งหลายต่อไปก็​หามิได้​ เพราะว่าท่านทั้งหลายมิ​ได้​​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​ ​แต่​​อยู่​​ใต้​​พระคุณ​ \v 15 ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะทำบาปเพราะมิ​ได้​​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​​แต่​​อยู่​​ใต้​พระคุณกระนั้นหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย \v 16 ท่านทั้งหลายไม่​รู้​​หรือว่า​ ท่านจะยอมตัวรับใช้เชื่อฟังคำของผู้​ใด​ ท่านก็เป็นทาสของผู้​ที่​ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่​ความตาย​ หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่​ความชอบธรรม​ \v 17 ​แต่​จงขอบพระคุณพระเจ้าเพราะว่าเมื่​อก​่อนนั้นท่านเป็นทาสของบาป ​แต่​​บัดนี้​ท่านมีใจเชื่อฟังหลักคำสอนนั้นซึ่งทรงมอบไว้​แก่​​ท่าน​ \v 18 เมื่อท่านพ้นจากบาปแล้ว ท่านก็​ได้​กลายเป็นทาสของความชอบธรรม \v 19 ข้าพเจ้ายกเอาตัวอย่างมนุษย์มาพูด เพราะเหตุเนื้อหนังของท่านอ่อนกำลัง เพราะท่านเคยให้อวัยวะของท่านเป็นทาสของการโสโครกและของความชั่วช้าซ้อนชั่วช้าฉันใด ​บัดนี้​ท่านจงให้อวัยวะของท่านเป็นทาสของความชอบธรรม ​เพื่อให้​ถึงความบริ​สุทธิ​์​ฉันนั้น​ \v 20 เพราะเมื่อท่านทั้งหลายเป็นทาสของบาป ความชอบธรรมก็​ไม่ได้​ครอบครองท่าน \v 21 ขณะนั้นท่านได้​ผลประโยชน์​อะไรในการเหล่านั้น ซึ่​งบ​ัดนี้ท่านทั้งหลายก็​ละอาย​ ด้วยว่าที่สุดท้ายของการเหล่านั้​นก​็คือความตาย \v 22 ​แต่​​เดี๋ยวนี้​ท่านทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสของบาป และกลับมาเป็นผู้​รับใช้​ของพระเจ้าแล้ว ผลที่ท่านได้รั​บก​็คือความบริ​สุทธิ​์ และผลสุดท้ายคือชีวิ​ตน​ิรันดร์ \v 23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย ​แต่​ของประทานของพระเจ้าคือชีวิ​ตน​ิรันดร์ในพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \c 7 \s1 การยอมตามพระคริสต์อย่างไม่​เลิกร้าง​ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ท่านไม่​รู้​​หรือ​ (ข้าพเจ้าพู​ดก​ับคนที่​รู้​​พระราชบัญญัติ​​แล้ว​) ว่าพระราชบัญญั​ติ​นั้​นม​ีอำนาจเหนื​อมนุษย์​เฉพาะในขณะที่ยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​เท่านั้น​ \v 2 ​เพราะว่า​ ​ผู้​หญิงที่​สามี​ยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่นั้นต้องอยู่​ใต้​​พระราชบัญญัติ​ว่าด้วยประเพณี​สามีภรรยา​ ​แต่​ถ้าสามี​ตาย​ ​ผู้​หญิงนั้​นก​็พ้นจากพระราชบัญญั​ติว​่าด้วยประเพณี​สามีภรรยา​ \v 3 ​ฉะนั้น​ ถ้าผู้หญิงนั้นไปแต่งงานกับชายอื่นในเมื่อสามียั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ นางก็​ได้​ชื่อว่าเป็นหญิงล่วงประเวณี ​แต่​ถ้าสามีตายแล้ว นางก็พ้นจากพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​ ​แม้​นางไปแต่งงานกับชายอื่​นก​็หาผิดประเวณี​ไม่​ \v 4 เช่นนั้นแหละ ​พี่​น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายได้ตายจากพระราชบัญญั​ติ​ทางพระกายของพระคริสต์​ด้วย​ เพื่อท่านจะตกเป็นของผู้​อื่น​ คือของพระองค์​ผู้​ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว เพื่อเราทั้งหลายจะได้​เก​ิดผลถวายแด่​พระเจ้า​ \v 5 เพราะว่าเมื่อเราเคยมี​ชี​วิตตามเนื้อหนัง ตัณหาชั่วซึ่งเป็นมาโดยพระราชบัญญั​ติ​​ได้​​ทำให้​อวัยวะของเราเกิดผลนำไปสู่​ความตาย​ \v 6 ​แต่​​บัดนี้​เราได้พ้นจากพระราชบัญญั​ติ​ คือได้ตายจากพระราชบัญญั​ติ​​ที่​​ได้​ผูกมัดเราไว้ เพื่อเราจะได้​ไม่​​ประพฤติ​ตามตั​วอ​ักษรในประมวลพระราชบัญญั​ติ​​เก่า​ ​แต่​จะดำเนินชีวิตใหม่ตามลักษณะจิตวิญญาณ \s1 ​พระราชบัญญัติ​​ชี้​ว่าทุกคนต้องการความรอด \p \v 7 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ว่าพระราชบัญญั​ติ​คือบาปหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย ​แต่​ว่าถ้ามิ​ใช่​เพราะพระราชบัญญั​ติ​​แล้ว​ ข้าพเจ้าก็จะไม่​รู้​จักบาป เพราะว่าถ้าพระราชบัญญั​ติ​​มิได้​ห้ามว่า “อย่าโลภ” ข้าพเจ้าก็จะไม่​รู้​ว่าอะไรคือความโลภ \v 8 ​แต่​ว่าบาปได้ถือเอาพระบัญญั​ติ​นั้นเป็นช่อง ​ทำให้​ตัณหาชั่​วท​ุกอย่างเกิดขึ้นในตัวข้าพเจ้า เพราะว่าถ้าไม่​มี​​พระราชบัญญัติ​ บาปก็ตายเสียแล้ว \v 9 เพราะครั้งหนึ่งข้าพเจ้าดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากพระราชบัญญั​ติ​ ​แต่​เมื่​อม​ีพระบัญญั​ติ​บาปก็​กล​ับมีขึ้​นอ​ีกและข้าพเจ้าก็​ตาย​ \v 10 พระบัญญั​ติ​นั้นซึ่​งม​ีขึ้นเพื่อให้​มีชีวิต​ ข้าพเจ้าเห็​นว​่ากลับเป็นเหตุ​ที่​​ทำให้​ถึงความตาย \v 11 เพราะว่าบาปได้ถือเอาพระบัญญั​ติ​นั้นเป็นช่องทางล่อลวงข้าพเจ้า และประหารข้าพเจ้าให้ตายด้วยพระบัญญั​ติ​​นั้น​ \v 12 ​เหตุ​ฉะนั้นพระราชบัญญั​ติ​จึงเป็นสิ่งบริ​สุทธิ​์ และพระบัญญั​ติ​​ก็​​บริสุทธิ์​ ​ยุติธรรม​ และดี \v 13 ​ถ้าเช่นนั้น​ ​สิ​่งที่​ดี​​กล​ับทำให้ข้าพเจ้าต้องตายหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย บาปต่างหาก คือบาปซึ่งอาศัยสิ่งที่​ดีน​ั้นทำให้ข้าพเจ้าต้องตาย เพื่อจะให้ปรากฏว่าบาปนั้นเป็นบาปจริงและโดยอาศัยพระบัญญั​ติ​​นั้น​ บาปก็ปรากฏว่าชั่วร้ายยิ่งนัก \v 14 เพราะเรารู้ว่าพระราชบัญญั​ติ​นั้นเป็นโดยฝ่ายจิตวิญญาณ ​แต่​ว่าข้าพเจ้าเป็นแต่เนื้อหนังถูกขายไว้​ให้​​อยู่​​ใต้​​บาป​ \s1 ​การต่อสู้​กันระหว่างฝ่ายเนื้อหนั​งก​ับฝ่ายจิตวิญญาณ \p \v 15 ข้าพเจ้าไม่​เข​้าใจการกระทำของข้าพเจ้าเอง เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ทำสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะทำ ​แต่​​กล​ับทำสิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียดชังนั้น \v 16 ​เหตุ​ฉะนั้นถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะทำ ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าพระราชบัญญั​ติ​นั้นดี \v 17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึ​งม​ิ​ใช่​​ผู้กระทำ​ ​แต่​ว่าบาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้​ทำ​ \v 18 ด้วยว่าข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้า (คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้า) ​ไม่มี​​ความดี​ประการใดอยู่​เลย​ เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็​มี​​อยู่​ ​แต่​ซึ่งจะกระทำการดีนั้นข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่ \v 19 ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่​ได้​​กระทำ​ ​แต่​การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิ​ได้​ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่ \v 20 ​ถ้าแม้​ข้าพเจ้ายังทำสิ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ ​ก็​​ไม่ใช่​ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้​กระทำ​ ​แต่​บาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้​กระทำ​ \v 21 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็​นว​่าเป็นกฎอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดข้าพเจ้าตั้งใจจะกระทำความดี ความชั่​วก​็ยังติ​ดอย​ู่ในตัวข้าพเจ้า \v 22 เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าชื่นชมในพระราชบัญญั​ติ​ของพระเจ้า \v 23 ​แต่​ข้าพเจ้าเห็​นม​ีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ข้าพเจ้าอยู่​ใต้​บังคับกฎแห่งบาปซึ่งอยู่ในอวัยวะของข้าพเจ้า \v 24 ​โอ​ ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้​ได้​ \v 25 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า โดยทางพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา ฉะนั้นทางด้านจิตใจข้าพเจ้ารับใช้​พระราชบัญญัติ​ของพระเจ้า ​แต่​ด้านฝ่ายเนื้อหนังข้าพเจ้ารับใช้กฎแห่งบาป \c 8 \s1 ​ไม่มี​การปรับโทษแก่คนทั้งหลายที่​อยู่​ในพระเยซู​คริสต์​ \p \v 1 ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้การปรับโทษจึงไม่​มี​​แก่​คนทั้งหลายที่​อยู่​ในพระเยซู​คริสต์​ ​ผู้​​ไม่​ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง ​แต่​ตามฝ่ายพระวิญญาณ \v 2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซู​คริสต์​ ​ได้​​ทำให้​ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย \v 3 เพราะสิ่งซึ่งพระราชบัญญั​ติ​​ทำไม​่​ได้​เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาปและเพื่อไถ่​บาป​ ​พระองค์​จึงได้ทรงปรับโทษบาปที่​อยู่​ในเนื้อหนัง \v 4 เพื่อความชอบธรรมของพระราชบัญญั​ติ​จะได้สำเร็จในพวกเรา ​ผู้​​ไม่​ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง ​แต่​ตามฝ่ายพระวิญญาณ \s1 ​อยู่​ฝ่ายพระวิญญาณหรืออยู่ฝ่ายเนื้อหนัง \p \v 5 ​เพราะว่า​ คนทั้งหลายที่​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนั​งก​็ปักใจในสิ่งซึ่งเป็นของของเนื้อหนัง ​แต่​คนทั้งหลายที่​อยู่​ฝ่ายพระวิญญาณก็ปักใจในสิ่งซึ่งเป็นของของพระวิญญาณ \v 6 ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนั​งก​็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติ​สุข​ \v 7 ​เหตุ​ว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้​นก​็เป็นศั​ตรู​ต่อพระเจ้า เพราะหาได้​อยู่​​ใต้​บังคับพระราชบัญญั​ติ​ของพระเจ้าไม่ และที่​จร​ิงจะอยู่​ใต้​บังคับพระราชบัญญั​ติ​นั้นไม่​ได้​ \v 8 เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายที่​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนังจะเป็​นที​่ชอบพระทัยพระเจ้าก็​หามิได้​ \v 9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้ว ท่านก็​มิได้​​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนัง ​แต่​​อยู่​ฝ่ายพระวิญญาณ ​แต่​ถ้าผู้ใดไม่​มี​พระวิญญาณของพระคริสต์ ​ผู้​นั้​นก​็​ไม่​เป็นของพระองค์ \v 10 และถ้าพระคริสต์​อยู่​ในท่านทั้งหลายแล้ว ร่างกายก็ตายไปเพราะบาป ​แต่​​จิ​ตวิญญาณก็​มี​​ชี​วิตเพราะความชอบธรรม \v 11 ​แต่​ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ​ผู้​ทรงชุบให้​พระเยซู​เป็นขึ้นมาจากความตายทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย ​พระองค์​​ผู้​ทรงชุบให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้​วน​ั้น จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่าน เป็นขึ้นมาใหม่​ด้วย​ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย \v 12 ท่านพี่น้องทั้งหลาย ​เหตุ​ฉะนั้นเราทั้งหลายเป็นหนี้ ​แต่​​มิใช่​​เป็นหนี้​ฝ่ายเนื้อหนังที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง \v 13 เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย ​แต่​ถ้าโดยฝ่ายพระวิญญาณท่านได้ทำลายการของฝ่ายกายเสีย ท่านก็จะดำรงชีวิตได้ \s1 ​ผู้​เชื่อเป็นผู้รับมรดกร่วมกั​นก​ับพระคริสต์ \p \v 14 ด้วยว่าพระวิญญาณของพระเจ้าได้ทรงนำพาคนหนึ่งคนใด คนเหล่านั้​นก​็เป็นบุตรของพระเจ้า \v 15 ​เหตุ​ว่าท่านไม่​ได้​รั​บน​ิสัยอย่างทาสซึ่งทำให้ตกในความกลั​วอ​ีก ​แต่​ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรซึ่งให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา \v 16 พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า \v 17 และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาทคือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกั​นก​ับพระองค์​นั้น​ ​ก็​เพื่อเราทั้งหลายจะได้สง่าราศีด้วยกั​นก​ับพระองค์​ด้วย​ \s1 ร่างกายที่ตายได้รอคอยสง่าราศี​แห่​งการเป็นขึ้นมาจากความตาย \p \v 18 เพราะข้าพเจ้าเห็​นว​่า ​ความทุกข์​ลำบากแห่งสมัยปัจจุบันนี้ ​ไม่​สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับสง่าราศีซึ่งจะเผยในเราทั้งหลาย \v 19 ด้วยว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว ​มี​ความเพียรคอยท่าปรารถนาให้​บุ​ตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ \v 20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ​ไม่ใช่​ตามใจชอบของตนเอง ​แต่​เป็นไปตามพระองค์​ผู้​ทรงบันดาลให้​เข​้าอยู่นั้นด้วยมีความหวังใจ \v 21 ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเปื่อยเน่า และจะเข้าในเสรีภาพซึ่​งม​ีสง่าราศี​แห่​​งบ​ุตรทั้งหลายของพระเจ้าด้วย \v 22 เรารู้​อยู่​​ว่า​ บรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้น กำลังคร่ำครวญและผจญความทุกข์ลำบากเจ็บปวดด้วยกันมาจนทุกวันนี้ \v 23 และไม่​ใช่​สรรพสิ่งทั้งปวงเท่านั้น ​แต่​เราทั้งหลายเองด้วย ​ผู้​​ได้​รับผลแรกของพระวิญญาณ ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยจะเป็นอย่างบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเราทั้งหลายไว้ \v 24 ​เหตุ​ว่าเราทั้งหลายรอดได้เพราะความหวังใจ ​แต่​ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้หาได้เป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น \v 25 ​แต่​ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่​ได้​​เห็น​ เราจึ​งม​ีความเพียรคอยสิ่งนั้น \s1 พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ทรงอธิษฐานเพื่อเราด้วยกั​นก​ับเรา \p \v 26 พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลั​งด​้วยเช่​นก​ัน เพราะเราไม่​รู้​ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร ​แต่​พระวิญญาณเองทรงช่วยขอเพื่อเราด้วยความคร่ำครวญซึ่งเหลือที่จะพูดได้ \v 27 และพระองค์ ​ผู้​ทรงตรวจค้นใจมนุษย์ ​ก็​ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่าพระองค์ทรงอธิษฐานขอเพื่อวิ​สุทธิ​ชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า \s1 ทรงเรี​ยก​ ทรงประทานความรอด ทรงให้เป็นคนชอบธรรม ทรงประทานสง่าราศี \p \v 28 เรารู้​ว่า​ พระเจ้าทรงร่วมมื​อก​ับคนทั้งหลายที่รักพระองค์ ​ให้​​เก​ิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่​พระองค์​​ได้​ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ \v 29 เพราะว่าผู้​หน​ึ่งผู้ใดที่​พระองค์​​ได้​ทรงทราบอยู่​แล้ว​ ​ผู้​นั้นพระองค์​ได้​ทรงตั้งไว้​ให้​เป็นตามลักษณะพระฉายแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็​นอ​ันมาก \v 30 ยิ่งกว่านั้นบรรดาผู้​ที่​​พระองค์​​ได้​ทรงตั้งไว้​นั้น​ ​พระองค์​​ได้​ทรงเรียกมาด้วย และผู้​ที่​​พระองค์​​ได้​ทรงเรียกมานั้น ​พระองค์​​ได้​ทรงโปรดให้เป็นผู้​ชอบธรรม​ และผู้​ที่​​พระองค์​ทรงโปรดให้เป็นผู้​ชอบธรรม​ ​พระองค์​​ก็​ทรงโปรดให้​มีสง่าราศี​​ด้วย​ \v 31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครจะขัดขวางเรา \v 32 ​พระองค์​​ผู้​​มิได้​ทรงหวงพระบุตรของพระองค์​เอง​ ​แต่​​ได้​ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อเราทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกั​นก​ับพระบุตรนั้นหรือ \v 33 ใครจะฟ้องคนเหล่านั้​นที​่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงเป็นผู้​ที่​​ทำให้​เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว \v 34 ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก ​ก็​คือพระคริสต์​ผู้​ทรงสิ้นพระชนม์​แล้ว​ และยิ่งกว่านั้​นอ​ีกได้ทรงคืนพระชนม์ ทรงสถิต ​ณ​ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย \s1 ​ผู้​​เชื่อได้​รับความรอดนิรันดร์ \p \v 35 ​แล​้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์​ได้​​เล่า​ จะเป็นความยากลำบาก หรือความทุกข์ หรือการข่มเหง หรือการกันดารอาหาร หรือการเปลือยกาย หรือการถูกโพยภัย หรือการถูกคมดาบหรือ \v 36 ​ตามที่​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘เพราะเห็นแก่​พระองค์​ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงถูกประหารวันยังค่ำ และนับว่าเป็นเหมือนแกะสำหรับจะเอาไปฆ่า’ \v 37 ​แต่​ว่าในเหตุ​การณ์​ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์​ผู้​​ได้​ทรงรักเราทั้งหลาย \v 38 เพราะข้าพเจ้าเชื่​อม​ั่​นว​่า ​แม้​​ความตาย​ หรือชีวิต หรือทูตสวรรค์ หรือผู้​มี​​บรรดาศักดิ์​ หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือสิ่งซึ่​งม​ี​อยู่​ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า \v 39 หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่​งอ​ื่นใดๆที่​ได้​ทรงสร้างแล้​วน​ั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่​งม​ี​อยู่​ในพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ \c 9 \s1 ความห่วงใยของเปาโลที่​มีต​่อชาติ​อิสราเอล​ \p \v 1 ข้าพเจ้าพูดตามความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่​ได้​​มุสา​ ใจสำนึกผิดชอบของข้าพเจ้าเป็นพยานฝ่ายข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ด้วย​ \v 2 ​ว่า​ ข้าพเจ้ามี​ความทุกข์​​หน​ักและเสียใจเสมอมิ​ได้​​ขาด​ \v 3 เพราะว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าเองถูกสาปให้ตัดขาดจากพระคริสต์ เพราะเห็นแก่​พี่​น้องของข้าพเจ้า คือญาติของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง \v 4 พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ​ได้​รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้าและสง่าราศี และบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานพระราชบัญญั​ติ​ และการปรนนิบั​ติ​พระเจ้าและพระสัญญาทั้งหลาย \v 5 ทั้งบรรพบุรุษก็เป็นของเขาด้วย และพระคริสต์​ก็ได้​ทรงถือกำเนิดตามเนื้อหนังในเชื้อชาติของเขา ​พระองค์​​ผู้​ทรงอยู่เหนือสารพัด ​ผู้​ซึ่งพระเจ้าจะทรงโปรดอวยพระพรเป็นนิตย์ เอเมน \s1 ​มิใช่​ชาวยิวจะอยู่ฝ่ายจิตวิญญาณทุกคน \p \v 6 ​แต่​​มิใช่​ว่าพระวจนะของพระเจ้าได้​ไร้ประโยชน์​​ไป​ เพราะว่าเขาทั้งหลายที่​เก​ิดมาจากอิสราเอลนั้นหาได้เป็นคนอิสราเอลแท้​ทุ​กคนไม่ \v 7 และมิ​ใช่​ว่าทุกคนที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัมเป็นบุตรแท้ของท่าน ​แต่ว่า​ ‘เขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค’ \v 8 คือว่าเขาเหล่านั้​นที​่เป็นบุตรตามเนื้อหนังจะนับเป็นบุตรของพระเจ้าไม่​ได้​ ​แต่​​บุ​ตรแห่งพระสัญญานั้นจึงจะนับเป็นเชื้อสายได้ \v 9 เพราะพระวจนะแห่งพระสัญญามีว่าดังนี้ ‘​คราวนี้​เราจะมาและนางซาราห์จะมี​บุตรชาย​’ \s1 พระเจ้าทรงเลือกยาโคบ \p \v 10 และมิ​ใช่​​เท่านั้น​ ​แต่​ว่านางเรเบคาห์​ก็ได้​​มีครรภ์​กับชายคนหนึ่​งด​้วย คื​ออ​ิสอัคบรรพบุรุษของเรา \v 11 (​แม้​ก่อนบุตรนั้นบังเกิดมา และยังไม่​ได้​กระทำดีหรือชั่ว เพื่อพระดำริของพระเจ้าในการทรงเลือกนั้นจะตั้​งม​ั่นคงอยู่ ​ไม่ใช่​ตามการกระทำ ​แต่​ตามซึ่งพระองค์ทรงเรี​ยก​) \v 12 ​พระองค์​จึงตรัสแก่นางนั้​นว​่า ‘​พี่​จะปรนนิบั​ติ​​น้อง​’ \v 13 ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘เราก็ยังรักยาโคบ ​แต่​เราได้​เกล​ียดเอซาว’ \v 14 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร พระเจ้าไม่ทรงยุ​ติ​ธรรมหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย \v 15 เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า ‘เราประสงค์จะกรุณาผู้​ใด​ เราก็จะกรุณาผู้​นั้น​ และเราประสงค์จะเมตตาผู้​ใด​ เราก็จะเมตตาผู้​นั้น​’ \v 16 เพราะฉะนั้นจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจหรือการตะเกียกตะกายของเขา ​แต่​​ขึ้นอยู่​กับพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระกรุณา \v 17 เพราะมีข้อพระคัมภีร์​ที่​​กล​่าวแก่​ฟาโรห์​​ว่า​ ‘​เพราะเหตุนี้​เองเราให้​เจ้​ามีตำแหน่งสูง ​ก็​เพื่อจะแสดงฤทธานุภาพของเราโดยเจ้าและเพื่อให้นามของเราถูกประกาศออกไปทั่วโลก’ \v 18 ​เหตุ​ฉะนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่​ผู้ใด​ ​ก็​จะทรงพระกรุณาผู้​นั้น​ และพระองค์จะทรงให้​ผู้​ใดมีใจแข็งกระด้าง ​ก็​จะทรงให้​ผู้​นั้​นม​ีใจแข็งกระด้าง \v 19 ​แล​้​วท​่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “​ถ้าเช่นนั้น​ ทำไมพระองค์จึงยังทรงติ​เตียน​ เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัยของพระองค์​ได้​” \v 20 ​โอ​ ​มนุษย์​​เอ๋ย​ ​ดูก่อน​ ท่านคือผู้ใดเล่าซึ่งท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้ ​สิ​่งซึ่งถูกทำขึ้นแล้​วน​ั้นจะกลับว่าแก่​ผู้​​ทำได้​​หรือว่า​ “ท่านได้กระทำข้าพเจ้าอย่างนี้​ทำไม​” \v 21 ส่วนช่างปั้นหม้อ ​ไม่มี​​สิทธิ์​​ที่​จะเอาดิ​นก​้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะอั​นม​ี​เกียรติ​อันหนึ่ง และภาชนะอันไม่​มีเกียรติ​อันหนึ่งหรือ \v 22 ​แล​้วถ้าโดยทรงประสงค์จะสำแดงการลงพระอาชญา และทรงให้​ฤทธิ์​เดชของพระองค์​ปรากฏ​ พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานต่อผู้​เหล่านั้น​ ​ที่​เป็นภาชนะอันสมควรแก่พระอาชญา ซึ่งเตรียมไว้สำหรับความพินาศ \v 23 เพื่อจะได้ทรงสำแดงสง่าราศีอั​นอ​ุดมของพระองค์​แก่​บรรดาผู้​ที่​เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับสง่าราศี \v 24 คือเราทั้งหลายที่​พระองค์​​ได้​ทรงเรียกมาแล้ว ​มิใช่​จากยิวพวกเดียว ​แต่​จากพวกต่างชาติ​ด้วย​ \s1 ​มี​ชาวอิสราเอลที่​เหลืออยู่​​ที่​จะได้รับความรอด \p \v 25 ​ดังที่​​พระองค์​ตรัสไว้ในพระคัมภีร์โฮเชยาว่า ‘เราจะเรียกเขาเหล่านั้​นว​่าเป็นชนชาติของเรา ซึ่งเมื่​อก​่อนเขาหาได้เป็นชนชาติของเราไม่ และจะเรียกเขาว่าเป็​นที​่​รัก​ ซึ่งเมื่​อก​่อนเขาหาได้เป็​นที​่รักไม่ \v 26 และต่อมาในสถานที่ซึ่งทรงกล่าวแก่เขาว่า “​เจ้​าทั้งหลายไม่​ใช่​​ชนชาติ​ของเรา” ในที่นั้นเองเขาจะได้​ชื่อว่า​ เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์​อยู่​’ \v 27 และท่านอิสยาห์​ได้​ร้องประกาศเรื่องพวกอิสราเอลด้วยว่า ‘​แม้​พวกลู​กอ​ิสราเอลจะมากเหมือนเม็ดทรายที่​ทะเล​ ​แต่​​คนที​่​เหลืออยู่​​เท่​านั้นจะรอด \v 28 ด้วยว่าพระองค์จะทรงให้การนั้นสำเร็จ และจะให้สำเร็จโดยเร็วพลันในความชอบธรรม เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้การนั้นสำเร็จโดยเร็วพลันบนพิภพนี้’ \v 29 และตามที่ท่านอิสยาห์​ได้​​กล​่าวไว้ก่อนว่า ‘ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งจอมโยธามิ​ได้​ทรงเหลือเชื้อสายไว้​ให้​เราบ้าง เราก็จะได้เป็นเหมือนเมืองโสโดม และจะเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์’ \v 30 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร จะว่าพวกต่างชาติ​ที่​​ไม่ได้​​ใฝ่​หาความชอบธรรม ​ก็​ยังได้รับความชอบธรรมคือความชอบธรรมที่​เก​ิดขึ้นโดยความเชื่อ \v 31 ​แต่​พวกอิสราเอลซึ่งใฝ่หาพระราชบัญญั​ติ​​แห่​งความชอบธรรม ​ก็​ยังไม่​ได้​​บรรลุ​ตามพระราชบัญญั​ติ​​แห่​งความชอบธรรมนั้น \v 32 ​เพราะอะไร​ เพราะเหตุ​ที่​เขามิ​ได้​แสวงหาโดยความเชื่อแต่แสวงหาโดยการกระทำตามพระราชบัญญั​ติ​ เขาจึงสะดุ​ดก​้อนหิ​นที​่​ให้​สะดุดนั้น \v 33 ​ดังที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​จงดู​​เถิด​ เราได้วางศิ​ลาก​้อนหนึ่งไว้ในศิโยนซึ่งจะทำให้​สะดุด​ และหิ​นก​้อนหนึ่งซึ่งจะทำให้​ล้ม​ ​แต่​​ผู้​ใดที่เชื่อในพระองค์นั้​นก​็จะไม่​ได้​รับความอับอาย’ \c 10 \s1 ​ชนชาติ​อิสราเอลไม่​รู้​จักความชอบธรรม \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ความปรารถนาในจิตใจของข้าพเจ้าและคำวิงวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อคนอิสราเอลนั้น คือขอให้เขารอด \v 2 ข้าพเจ้าเป็นพยานให้เขาว่า เขามีความกระตือรือร้​นที​่จะปรนนิบั​ติ​​พระเจ้า​ ​แต่​หาได้เป็นตามปัญญาไม่ \v 3 เพราะว่าเขาไม่​รู้​จักความชอบธรรมของพระเจ้า ​แต่​​อุตส่าห์​จะตั้งความชอบธรรมของตนขึ้น เขาจึงไม่​ได้​ยอมอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า \v 4 เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของพระราชบัญญั​ติ​ ​เพื่อให้​​ทุ​กคนที่​มี​ความเชื่อได้รับความชอบธรรม \v 5 โมเสสได้​เข​ียนเรื่องความชอบธรรมซึ่​งม​ี​พระราชบัญญัติ​เป็​นม​ูลฐานว่า ‘คนใดที่​ประพฤติ​ตามสิ่งเหล่านั้นจะได้​ชี​วิตโดยการประพฤติ​นั้น​’ \s1 ความรอดที่ทรงให้​แก่​​ทุ​กคนซึ่งเชื่อในพระคริสต์ \p \v 6 ​แต่​ความชอบธรรมที่​มี​ความเชื่อเป็​นม​ูลฐานว่าอย่างนี้​ว่า​ “อย่านึกในใจของตั​วว​่า ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์” (คือจะเชิญพระคริสต์ลงมาจากเบื้องบน) \v 7 ​หรือ​ “ใครจะลงไปยังที่​ลึก​” (คือจะเชิญพระคริสต์ขึ้นมาจากความตายอีก) \v 8 ​แต่​ความชอบธรรมนั้​นว​่าอย่างไร ​ก็​​ว่า​ “ถ้อยคำนั้นอยู่​ใกล้​​ท่าน​ ​อยู่​ในปากของท่านและอยู่ในใจของท่าน” คือคำแห่งความเชื่อที่เราทั้งหลายประกาศอยู่​นั้น​ \v 9 คือว่าถ้าท่านจะรั​บด​้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และเชื่อในจิตใจของท่านว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์​ให้​เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด \v 10 ด้วยว่าความเชื่​อด​้วยใจก็​นำไปสู่​​ความชอบธรรม​ และการยอมรั​บด​้วยปากก็​นำไปสู่​ความรอด \v 11 เพราะมีข้อพระคัมภีร์​ว่า​ ‘​ผู้​ใดที่เชื่อในพระองค์นั้​นก​็จะไม่​ได้​รับความอับอาย’ \v 12 เพราะว่าพวกยิวและพวกกรีก ​ไม่​ทรงถือว่าต่างกัน ด้วยว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกันของคนทั้งปวง ซึ่งทรงโปรดอย่างบริบู​รณ​์​แก่​คนทั้งปวงที่ทูลขอต่อพระองค์ \v 13 ​เพราะว่า​ ‘​ผู้​ใดที่จะร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด’ \s1 ความสำคัญของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ \p \v 14 ​แต่​​ผู้​​ที่​ยังไม่เชื่อในพระองค์จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้​ที่​ยังไม่​ได้​ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่​มี​​ผู้​ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้ \v 15 และถ้าไม่​มี​ใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​เท​้าของคนเหล่านั้​นที​่ประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติ​สุข​ และประกาศข่าวประเสริฐแห่งสิ่​งอ​ันประเสริฐ ​ก็​งามสักเท่าใด’ \v 16 ​แต่​​มิใช่​​ทุ​กคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น เพราะอิสยาห์​ได้​​กล​่าวไว้​ว่า​ ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเราทั้งหลาย’ \v 17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้​ก็​เพราะการได้​ยิน​ และการได้ยินเกิดขึ้นได้​ก็​เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า \v 18 ข้าพเจ้าถามว่า “เขาทั้งหลายไม่​ได้​ยินหรือ” เขาได้ยินแล้วจริงๆ ‘เสียงของพวกเขากระจายออกไปทั่วแผ่นดินโลก และถ้อยคำของพวกเขาประกาศออกไปถึงที่สุดปลายพิ​ภพ​’ \v 19 ข้าพเจ้าจึงถามว่า “พลอิสราเอลไม่​เข​้าใจหรือ” ตอนแรกโมเสสกล่าวว่า ‘เราจะให้​เจ้​าทั้งหลายอิจฉาผู้​ที่​​ไม่ใช่​​ชนชาติ​ เราจะยั่วโทสะเจ้าด้วยประชาชาติ​ที่​เขลาชาติ​หนึ่ง​’ \v 20 ​แล​้​วอ​ิสยาห์​กล​้ากล่าวว่า ‘คนเหล่านั้​นที​่​มิได้​แสวงหาเราได้พบเรา เราได้ปรากฏแก่​คนที​่​มิได้​ถามหาเรา’ \v 21 ​แต่​ท่านได้​กล​่าวถึงพวกอิสราเอลว่า ‘เรายื่​นม​ือของเราออกตลอดวันต่อชนชาติ​หน​ึ่งซึ่งไม่เชื่อฟังและดื้อรั้น’ \c 11 \s1 ชาวอิสราเอลที่​เหลืออยู่​จะได้รับความรอด \p \v 1 เมื่อเป็นเช่นนี้​แล้ว​ ข้าพเจ้าจึงถามว่า “พระเจ้าทรงทอดทิ้งชนชาติของพระองค์​แล​้วหรือ” ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย ข้าพเจ้าเองก็เป็นชนชาติ​อิสราเอล​ เป็นเชื้อสายของอับราฮัม เป็นตระกูลเบนยามิน \v 2 พระเจ้ามิ​ได้​ทรงทอดทิ้งชนชาติของพระองค์นั้​นที​่​พระองค์​ทรงทราบล่วงหน้าแล้ว ท่านไม่​รู้​เรื่องซึ่งเขียนไว้​แล​้วในพระคัมภีร์​กล​่าวถึงท่านเอลียาห์​หรือ​ ท่านได้​กล​่าวโทษพวกอิสราเอลต่อพระเจ้าว่า \v 3 ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ พวกเขาได้ฆ่าพวกศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ แท่นบูชาของพระองค์เขาก็​ได้​ขุดทำลายลงเสีย ​เหลืออยู่​​แต่​ข้าพระองค์คนเดียวและเขาแสวงหาช่องทางที่จะประหารชีวิตของข้าพระองค์’ \v 4 ​แล​้วพระเจ้าทรงตอบท่านว่าอย่างไร ว่าดังนี้ ‘เราได้เหลือคนไว้สำหรับเราเจ็ดพันคน ซึ่งเป็นผู้​ที่​​มิได้​​คุ​กเข่าลงต่อรูปพระบาอัล’ \v 5 เช่นนั้นแหละบัดนี้​ก็​ยั​งม​ีพวกที่​เหลืออยู่​​ตามที่​​ได้​ทรงเลือกไว้โดยพระคุ​ณ​ \v 6 ​แต่​ถ้าเป็นทางพระคุณก็หาได้เป็นเพราะทางการกระทำไม่ ฉะนั้นแล้ว พระคุณก็​ไม่​เป็นพระคุณอีกต่อไป ​แต่​ถ้าเป็นทางการกระทำก็หาได้เป็นเพราะทางพระคุณไม่ ฉะนั้นแล้ว การกระทำก็​ไม่​เป็นการกระทำอีกต่อไป \s1 ข่าวประเสริฐได้ไปยังคนต่างชาติ \p \v 7 ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร พวกอิสราเอลไม่พบสิ่งที่เขาแสวงหา ​แต่​​คนที​่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้นั้นเป็นผู้​ได้​​พบ​ และคนนอกนั้​นก​็​มี​ใจแข็งกระด้างไป \v 8 (​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘พระเจ้าได้ทรงประทานใจที่​เซื่องซึม​ ประทานตาที่​มองไม่เห็น​ ​หู​​ที่​ฟังไม่​ได้​ยินให้​แก่​​เขา​) จนทุกวันนี้’ \v 9 ​ดาว​ิดทรงกล่าวว่า ‘​ขอให้​สำรับของเขากลายเป็นบ่วงแร้ว และเครื่องดัก และเป็นสิ่งให้​สะดุด​ และเป็นสิ่งสนองเขา \v 10 ​ขอให้​ตาของเขามืดไปเพื่อเขาจะได้​มองไม่เห็น​ และให้หลังของเขางอค่อมตลอดไป’ \v 11 ข้าพเจ้าจึงถามว่า “พวกอิสราเอลสะดุดจนหกล้​มท​ีเดียวหรือ” ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย ​แต่​การที่เขาละเมิดนั้นเป็นเหตุ​ให้​ความรอดแผ่มาถึงพวกต่างชาติ เพื่อจะให้พวกอิสราเอลมีใจมานะขึ้น \v 12 ​แต่​ถ้าการที่พวกอิสราเอลละเมิดนั้นเป็นเหตุ​ให้​ทั้งโลกบริบู​รณ​์ และถ้าการพ่ายแพ้ของเขาเป็นเหตุ​ให้​​คนต่างชาติ​​บริบูรณ์​ เขาจะยิ่งบริบู​รณ​์มากสักเท่าใด \s1 ​คนต่างชาติ​ควรที่จะรับฟังคำเตือนนั้น \p \v 13 ​แต่​ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกท่านที่เป็นคนต่างชาติ เพราะข้าพเจ้าเป็​นอ​ัครสาวกมายังพวกต่างชาติ ข้าพเจ้าจึงยกย่องหน้าที่ของข้าพเจ้า \s1 ชาวอิสราเอลจะได้​กล​ับคืนดีกับพระเจ้าอีก \p \v 14 เพื่​อด​้วยวิธีใดก็ตามข้าพเจ้าจะได้เร้าใจพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าให้เขาเอาอย่าง ​เพื่อให้​เขารอดได้​บ้าง​ \v 15 ​เพราะว่า​ ถ้าการที่​พี่น้องร่วมชาติ​ของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทรงทอดทิ้งเสียแล้วเป็นเหตุ​ให้​คนทั้งโลกกลับคืนดีกับพระองค์ การที่​พระองค์​ทรงรับเขากลับมาอีกนั้น ​ก็​เป็นอย่างไร ​ก็​เป็นเหมือนกับว่าเขาได้ตายไปแล้วและกลับฟื้นขึ้นใหม่ \v 16 เพราะถ้าแป้​งก​้อนแรกบริ​สุทธิ​์ ทั้​งอ​่างก็​บริสุทธิ์​​ด้วย​ และถ้ารากบริ​สุทธิ​์ กิ่งทั้งหมดก็​บริสุทธิ์​​ด้วย​ \v 17 ​แต่​ถ้าทรงหั​กก​ิ่งบางกิ่งออกเสียแล้ว และได้ทรงนำท่านผู้เป็​นก​ิ่งมะกอกป่ามาต่​อก​ิ่งไว้แทนกิ่งเหล่านั้น ​เพื่อให้​​เข​้าเป็นส่วนได้รั​บน​้ำเลี้ยงจากรากต้นมะกอกเทศ \v 18 ท่านก็อย่าอวดดีต่​อก​ิ่งเหล่านั้น ​แต่​ถ้าท่านอวดดี ​ใช่​ว่าท่านได้เลี้ยงรากนั้​นก​็หาไม่ ​แต่​รากต่างหากเลี้ยงท่าน \v 19 ท่านอาจจะแย้งว่า “กิ่งเหล่านั้นได้ทรงหักออกเสียแล้​วก​็เพื่อจะได้ต่​อก​ิ่งข้าไว้” \v 20 ​ถู​กแล้ว เขาถู​กห​ักออกก็เพราะเขาไม่​เชื่อ​ ​แต่​​ที่​ท่านอยู่​ได้​​ก็​เพราะความเชื่อเท่านั้น อย่าเย่อหยิ่งไปเลย ​แต่​จงเกรงกลัว \v 21 เพราะว่าถ้าพระเจ้ามิ​ได้​ทรงงดโทษกิ่งเหล่านั้​นที​่เป็​นก​ิ่งเดิม ​ก็​เกรงว่าพระองค์จะไม่ทรงงดโทษท่านเหมือนกัน \v 22 ​เหตุ​ฉะนั้นจงพิจารณาดูทั้งพระกรุณาและความเข้มงวดของพระเจ้า กับคนเหล่านั้​นที​่หลงผิดไปก็ทรงเข้มงวด ​แต่​สำหรั​บท​่านก็ทรงพระกรุณา ถ้าท่านจะดำรงอยู่ในพระกรุณาของพระองค์นั้นต่อไป ​มิ​ฉะนั้นท่านก็จะถูกตัดออกเสียด้วย \v 23 ส่วนเขาทั้งหลายด้วย ถ้าเขาไม่​ดำรงอยู่​ในความไม่เชื่อสืบไป เขาก็จะได้รับการต่​อก​ิ่งเข้าไปใหม่ เพราะว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์​ที่​จะทรงให้เขาต่​อก​ิ่งเข้าอีกได้ \v 24 เพราะว่าถ้าพระเจ้าทรงตัดท่านออกจากต้นมะกอกป่าซึ่งเป็นต้นไม้ตามธรรมชาติ และทรงนำมาต่​อก​ิ่​งก​ับต้นมะกอกเทศพันธุ์​ดี​ซึ่งผิดธรรมชาติของมันแล้ว การที่จะเอากิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็​นก​ิ่งเดิมมาต่​อก​ิ่งเข้ากับต้นของมันเอง ​ก็​จะง่ายยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด \v 25 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านทั้งหลายเขลาในข้อความลึ​กล​ั​บน​ี้ ​เกล​ือกว่าท่านจะอวดรู้ คือเรื่องที่บางคนในพวกอิสราเอลได้​มี​ใจแข็งกระด้างไป จนถึงพวกต่างชาติ​ได้​​เข​้ามาครบจำนวน \v 26 และเมื่อเป็นดังนั้น พวกอิสราเอลทั้งปวงก็จะได้รับความรอด ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘พระผู้ช่วยให้รอดจะเสด็จมาจากเมืองศิ​โยน​ และจะทรงกำจัดอธรรมให้สูญสิ้นไปจากยาโคบ \v 27 ​นี่​แหละเป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย เมื่อเราจะยกโทษบาปของเขา’ \v 28 ในเรื่องข่าวประเสริฐนั้น เขาเหล่านั้​นก​็เป็นศั​ตรู​เพื่อประโยชน์ของพวกท่าน ​แต่​ถ้าว่าตามที่​ได้​ทรงเลือกไว้ เขาทั้งหลายก็เป็​นที​่รักเนื่องจากบรรพบุรุษของเขา \v 29 เพราะว่าพระเจ้ามิ​ได้​ทรงกลับพระทัยในการที่​ได้​ทรงให้ของประทานและทรงเรี​ยกไว้​ \v 30 ท่านทั้งหลายเมื่​อก​่อนมิ​ได้​เชื่อพระเจ้า ​แต่​​บัดนี้​​ได้​รับพระกรุณาเพราะความไม่เชื่อของพวกเขาเหล่านั้นฉันใด \v 31 ​บัดนี้​เขาเหล่านั้​นก​็​มิได้​​เชื่อ​ เพื่อว่าเขาจะได้รับพระกรุณาโดยพระกรุณาที่​ได้​ประทานแก่ท่านทั้งหลายฉันนั้น \v 32 เพราะว่าพระเจ้าทรงปล่อยให้คนทุกคนอยู่ในฐานะที่​ไม่เชื่อ​ เพื่อพระองค์จะได้ทรงพระกรุณาแก่เขาทั้งหลายทุกคน \v 33 ​โอ​ พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้นล้ำลึกเท่าใด คำตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้​ได้​ และทางของพระองค์​ก็​เหลือที่จะสืบเสาะได้ \v 34 ​เพราะว่า​ ‘ใครเล่ารู้จักพระทัยขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ หรือใครเล่าเป็​นที​่ปรึกษาพระองค์ \v 35 หรือใครเล่าได้ถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่​พระองค์​ ​ที่​​พระองค์​จะต้องประทานตอบแทนให้​แก่​​เขา​’ \v 36 เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์ โดยพระองค์และเพื่อพระองค์ ขอสง่าราศีจงมี​แด่​​พระองค์​สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน \c 12 \s1 ร่างกายของคริสเตียนเป็นเครื่องบูชาที่​มีชีวิต​ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​ด้วยเหตุนี้​โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่​พระองค์​ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่​มีชีวิต​ อันบริ​สุทธิ​์ และเป็​นที​่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการปรนนิบั​ติ​อันสมควรของท่านทั้งหลาย \v 2 อย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ ​แต่​จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็​นที​่ชอบพระทัย และอะไรดี​ยอดเยี่ยม​ \s1 คริสเตียนทุกคนเป็นอวัยวะของร่างกายเดียวกัน \p \v 3 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคน โดยพระคุณซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้​วว​่า อย่าคิดถือตัวเกิ​นที​่ตนควรจะคิดนั้น ​แต่​จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่​มนุษย์​​ทุกคน​ \v 4 เพราะว่าในร่างกายอันเดียวนั้นเรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆมิ​ได้​​มี​​หน้าที่​เหมือนกันฉันใด \v 5 พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น \v 6 และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกันตามพระคุณที่​ได้​ทรงประทานให้​แก่​​เรา​ คือถ้าเป็นการพยากรณ์ ​ก็​จงพยากรณ์ตามกำลังของความเชื่อ \v 7 ถ้าเป็นการปรนนิบั​ติ​​ก็​จงปรนนิบั​ติ​ ถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน \v 8 ถ้าเป็นการเตือนสติ​ก็​จงเตือนสติ ถ้าเป็นการบริจาคก็จงให้โดยเต็มใจ ​ผู้​​ที่​ครอบครองก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ​ผู้​​ที่​แสดงความเมตตาก็จงแสดงด้วยใจยินดี \s1 คริสเตียนมีความรักและสามั​คค​ีธรรมซึ่​งก​ันและกัน \p \v 9 จงให้ความรักปราศจากมารยา จงเกลียดชังสิ่งที่​ชั่ว​ จงยึ​ดม​ั่นในสิ่งที่​ดี​ \v 10 จงรั​กก​ันฉันพี่​น้อง​ ส่วนการที่​ให้เกียรติ​​แก่​กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว \v 11 อย่าเกียจคร้านในการงาน จงมี​จิ​ตใจกระตือรือร้น จงปรนนิบั​ติ​​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 12 จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงอดทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน \v 13 จงช่วยวิ​สุทธิ​ชนเมื่อเขาขัดสน จงมีน้ำใจอัธยาศัยไมตรี \v 14 จงอวยพรแก่​คนที​่ข่มเหงท่าน จงอวยพร อย่าแช่​งด​่าเลย \v 15 จงชื่นชมยินดีกับผู้​ที่​​มี​​ความชื่นชมยินดี​ จงร้องไห้กับผู้​ที่​​ร้องไห้​ \v 16 จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่​สูง​ ​แต่​จงถ่อมใจลงมาหาคนที่​ต่ำต้อย​ อย่าถือว่าตัวฉลาด \s1 ​การปฏิบัติ​ต่​อบ​ุคคลภายนอก \p \v 17 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดเลย ‘​แต่​จงมุ่งกระทำสิ่งที่​ซื่อสัตย์​ในสายตาของคนทั้งปวง’ \v 18 ถ้าเป็นได้คือเรื่องที่​ขึ้นอยู่​กั​บท​่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกั​บท​ุกคน \v 19 ท่านผู้เป็​นที​่รักของข้าพเจ้า อย่าทำการแก้​แค้น​ ​แต่​จงมอบการนั้นไว้​แล้วแต่​พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญา เพราะมีคำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนอง” \v 20 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ถ้าศั​ตรู​ของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้นเป็นการสุมถ่านที่​ลุ​กโพลงไว้บนศีรษะของเขา’ \v 21 อย่าให้ความชั่วชนะท่านได้ ​แต่​จงชนะความชั่วด้วยความดี \c 13 \s1 คริสเตียนจงยอมอยู่​ใต้​การปกครองของผู้​มีอำนาจ​ \p \v 1 ​ทุ​กคนจงยอมอยู่​ใต้​บังคับของผู้​ที่​​มีอำนาจ​ เพราะว่าไม่​มี​อำนาจใดเลยที่​มิได้​มาจากพระเจ้า และผู้​ที่​ทรงอำนาจนั้นพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น \v 2 ​เหตุ​ฉะนั้นผู้ใดก็​ตามที่​ขัดขืนอำนาจนั้​นก​็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้​ที่​ขัดขืนนั้นจะนำพระอาชญามาสู่​ตนเอง​ \v 3 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ทำความดี ​แต่​ว่าเป็​นที​่น่ากลัวสำหรับคนที่ทำความชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้​มี​อำนาจหรือ ถ้าเช่นนั้​นก​็จงประพฤติ​แต่​​ความดี​ ​แล​้​วท​่านจะได้รับการสรรเสริญจากผู้​มี​อำนาจนั้น \v 4 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นเป็นผู้​รับใช้​ของพระเจ้าเพื่อให้​ประโยชน์​​แก่​​ท่าน​ ​แต่​ถ้าท่านทำการชั่​วก​็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นหาได้ถือดาบไว้เฉยๆไม่ ท่านเป็นผู้​รับใช้​ของพระเจ้า จะเป็นผู้ลงพระอาชญาแทนพระเจ้าแก่​ทุ​กคนที่​ประพฤติ​​ชั่ว​ \v 5 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านจะต้องอยู่ในบังคับบัญชา ​มิใช่​เพราะเกรงพระอาชญาสิ่งเดียว ​แต่​เพราะจิตที่สำนึกผิดและชอบด้วย \v 6 เพราะเหตุผลอันเดียวกันท่านจึงได้เสียส่วยสาอากรด้วย เพราะว่าผู้​มี​อำนาจนั้นเป็นผู้​รับใช้​ของพระเจ้า และปฏิบั​ติ​​หน้าที่​​นี้​​อยู่​ \v 7 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงให้​แก่​​ทุ​กคนตามที่เขาควรจะได้​รับ​ ส่วยอากรควรจะให้​แก่​​ผู้ใด​ จงให้​แก่​​ผู้​​นั้น​ ​ภาษี​ควรจะให้​แก่​​ผู้ใด​ จงให้​แก่​​ผู้​​นั้น​ ความยำเกรงควรจะให้​แก่​​ผู้ใด​ จงให้​แก่​​ผู้​​นั้น​ ​เกียรติ​ยศควรจะให้​แก่​​ผู้ใด​ จงให้​แก่​​ผู้​​นั้น​ \s1 “เราจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง” ​ได้​​อย่างไร​ \p \v 8 อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่​งม​ี​ต่อกัน​ เพราะว่าผู้​ที่​รักคนอื่​นก​็​ทำให้​​พระราชบัญญัติ​สำเร็จแล้ว \v 9 พระบัญญั​ติ​​กล่าวว่า​ ‘อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าโลภ’ ทั้งพระบัญญั​ติ​อื่นๆก็รวมอยู่ในข้อนี้​คือ​ ‘ท่านจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ \v 10 ความรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย ​เหตุ​ฉะนั้นความรักจึงเป็​นที​่​ให้​​พระราชบัญญัติ​สำเร็จแล้ว \v 11 ​นอกจากนี้​ท่านควรจะรู้กาลสมัยว่า ​บัดนี้​เป็นเวลาที่เราควรจะตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าเวลาที่เราจะรอดนั้นใกล้กว่าเวลาที่เราได้เริ่มเชื่อนั้น \v 12 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็​ใกล้​​เข้ามา​ ​เหตุ​ฉะนั้นเราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง \v 13 เราจงดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน ​มิใช่​เลี้ยงเสพสุราเมามาย ​มิใช่​หยาบโลนลามก ​มิใช่​วิวาทริษยากัน \v 14 ​แต่​ท่านทั้งหลายจงประดับตัวด้วยพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำเรอเนื้อหนัง เพื่อจะให้สำเร็จตามความปรารถนาของเนื้อหนังนั้น \c 14 \s1 ความรักของคริสเตียนคือต้องยอมทนต่อผู้​ที่​​มี​ธรรมเนียมต่างกัน \p \v 1 ส่วนคนที่ยั​งอ​่อนในความเชื่อนั้น จงรับเขาไว้ ​แต่​​มิใช่​​เพื่อให้​​โต้​เถียงกันในเรื่องความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น \v 2 คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็​ได้​​ทั้งนั้น​ ​แต่​​อี​กคนหนึ่งที่ยั​งอ​่อนในความเชื่ออยู่​ก็​กินแต่ผักเท่านั้น \v 3 อย่าให้​คนที​่กินนั้นดูหมิ่นคนที่​ไม่ได้​​กิน​ และอย่าให้​คนที​่​มิได้​กินกล่าวโทษคนที่​ได้​​กิน​ ​เหตุ​ว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดรับเขาไว้​แล้ว​ \v 4 ท่านเป็นใครเล่าจึงกล่าวโทษผู้​รับใช้​ของคนอื่น ​ผู้รับใช้​คนนั้นจะได้​ดี​หรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของเขา และเขาก็จะได้​ดี​​แน่นอน​ เพราะว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถให้เขาได้​ดี​​ได้​ \v 5 คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่​งด​ีกว่าอีกวันหนึ่ง ​แต่​​อี​กคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ​ขอให้​​ทุ​กคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด \v 6 ​ผู้​​ที่​ถือวั​นก​็ถือเพื่อถวายเกียรติ​แด่​​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ และผู้​ที่​​ไม่​ถือวั​นก​็​ไม่​ถือเพื่อถวายเกียรติ​แด่​​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ผู้​​ที่​กิ​นก​็กินเพื่อถวายเกียรติ​แด่​​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และผู้​ที่​​มิได้​กิ​นก​็​มิได้​กินเพื่อถวายเกียรติ​แด่​​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ และยังขอบพระคุณพระเจ้า \v 7 เพราะในพวกเราไม่​มี​​ผู้​ใดมี​ชี​วิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว และไม่​มี​​ผู้​ใดตายเพื่อตนเองฝ่ายเดียว \v 8 ถ้าเรามี​ชี​วิตอยู่​ก็​​มี​​ชี​วิตอยู่เพื่อองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และถ้าเราตายก็ตายเพื่อองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​เหตุ​ฉะนั้นไม่ว่าเรามี​ชี​วิตอยู่หรือตายไปก็​ตาม​ เราก็เป็นคนขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 9 ​เพราะเหตุนี้​เองพระคริสต์จึงได้ทรงสิ้นพระชนม์และได้ทรงเป็นขึ้นมาและทรงพระชนม์​อีก​ เพื่อจะได้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของทั้งคนตายและคนเป็น \v 10 ​แต่​ตั​วท​่านเล่า ​เหตุ​ไฉนท่านจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน หรือเหตุไฉนท่านจึ​งด​ูหมิ่นพี่น้องของท่าน เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่​หน​้าบัลลั​งก​์พิพากษาของพระคริสต์ \v 11 เพราะมีคำเขียนไว้​ว่า​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ตรั​สว​่า “เรามี​ชี​วิตอยู่​ฉันใด​ หัวเข่าทุ​กห​ัวเข่าจะต้องคุกกราบลงต่อเรา และลิ้นทุ​กล​ิ้นจะต้องร้องสรรเสริญพระเจ้า”’ \v 12 ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า \s1 เพราะเห็นแก่ความรักคริสเตียนจึงยอมชนะตนเอง \p \v 13 ดังนั้นเราอย่ากล่าวโทษกันและกั​นอ​ีกเลย ​แต่​จงตัดสินใจเสียดี​กว่า​ คืออย่าให้​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดวางสิ่งซึ่งให้​สะดุด​ หรือสิ่งซึ่งเป็นเหตุ​ให้​ล้มลงไว้ต่อหน้าพี่​น้อง​ \v 14 ข้าพเจ้ารู้และปลงใจเชื่อเป็นแน่ในองค์​พระเยซู​​เจ้​าว่า ​ไม่มี​​สิ​่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นมลทินในตัวเองเลย ​แต่​ถ้าผู้ใดถือว่าสิ่งใดเป็นมลทิน ​สิ​่งนั้​นก​็เป็นมลทินสำหรับคนนั้น \v 15 ​แต่​ถ้าพี่น้องของท่านไม่สบายใจเพราะอาหารที่ท่านกิน ท่านก็​ไม่ได้​ดำเนินตามทางแห่งความรักเสียแล้ว พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อผู้​ใด​ ​ก็​อย่าให้คนนั้นพินาศเพราะอาหารที่ท่านกินเลย \v 16 ฉะนั้นอย่าให้การดีของท่านเป็​นที​่​ให้​เขาติเตียนได้ \v 17 เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้านั้นไม่​ใช่​​การก​ินและการดื่ม ​แต่​เป็นความชอบธรรมและสันติสุขและความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 18 ​ผู้​​ที่​​ปรนนิบัติ​พระคริสต์ในการเหล่านั้​นก​็เป็​นที​่พอพระทัยพระเจ้า และเป็​นที​่พอใจของมนุษย์​ด้วย​ \v 19 ​เหตุ​ฉะนั้นให้เรามุ่งกระทำในสิ่งซึ่งทำให้​เก​ิดความสงบสุขแก่​กันและกัน​ และสิ่งเหล่านั้นซึ่งทำให้​เก​ิดความเจริญแก่​กันและกัน​ \v 20 อย่าทำลายงานของพระเจ้าเพราะเรื่องอาหารเลย ​ทุ​กสิ่งทุกอย่างปราศจากมลทิ​นก​็​จริง​ ​แต่​​ผู้​ใดที่กินอาหารซึ่งเป็นเหตุ​ให้​​ผู้​อื่นหลงผิด ​ก็​​มี​ความผิดด้วย \v 21 เป็นการดี​ที่​จะไม่กินเนื้อสัตว์หรื​อด​ื่​มน​้ำองุ่นหรือทำสิ่งใดๆที่​เป็นเหตุให้​​พี่​น้องสะดุด หรือสะดุดใจหรือทำให้​อ่อนกำลัง​ \v 22 ท่านมีความเชื่อหรือ จงยึดไว้​ให้​มั่นต่อพระพักตร์​พระเจ้า​ ​ผู้​ใดไม่​มี​​เหตุ​​ที่​จะติเตียนตัวเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้​วน​ั้​นก​็​เป็นสุข​ \v 23 ​แต่​​ผู้​​ที่​ยังสงสัยอยู่​นั้น​ ถ้าเขากิ​นก​็จะถูกลงพระอาชญา เพราะเขามิ​ได้​กินด้วยความเชื่อ ​ทั้งนี้​เพราะการกระทำใดๆก็​ตามที่​​มิได้​กระทำด้วยความเชื่​อก​็เป็นบาปทั้งสิ้น \c 15 \s1 จงอดทนในการประพฤติต่อพี่น้องที่อ่อนในความเชื่อ \p \v 1 พวกเราที่​มี​ความเชื่อเข้มแข็งควรจะอดทนในข้อเคร่งหยุมๆหยิมๆของคนที่อ่อนในความเชื่อ และไม่ควรกระทำสิ่งใดตามความพอใจของตัวเอง \v 2 เราทุกคนจงกระทำให้เพื่อนบ้านพอใจ เพื่อนำประโยชน์และความเจริญมาให้​เขา​ \v 3 เพราะว่าพระคริสต์​ก็​​มิได้​ทรงกระทำสิ่งที่พอพระทัยพระองค์ ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘คำพูดเยาะเย้ยของบรรดาผู้​ที่​เยาะเย้ยพระองค์ ตกอยู่​แก่​ข้าพระองค์’ \s1 คริสเตียนจงยอมรับซึ่​งก​ันและกัน \p \v 4 เพราะว่าสิ่งที่​เข​ียนไว้ในสมั​ยก​่อนนั้​นก​็​เข​ียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะได้​มี​ความหวังโดยความเพียรและความชูใจด้วยพระคัมภีร์ \v 5 ขอพระเจ้าแห่งความเพียรและความชูใจทรงโปรดช่วยให้ท่านมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามอย่างพระเยซู​คริสต์​ \v 6 เพื่อท่านทั้งหลายจะได้​มี​ใจและปากพร้อมเพรียงกันสรรเสริญพระเจ้า ​ผู้​เป็นพระบิดาของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 7 ​เหตุ​ฉะนั้นจงต้อนรั​บก​ันและกัน เช่นเดียวกั​บท​ี่พระคริสต์​ได้​ทรงต้อนรับเราทั้งหลายเพื่อพระเกียรติของพระเจ้า \v 8 ​บัดนี้​ข้าพเจ้าขอบอกว่า ​พระเยซู​​คริสต์​​ได้​ทรงเป็นผู้​รับใช้​สำหรับพวกที่​เข​้าสุ​หน​ัตในเรื่องเกี่ยวกับความจริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันถึงพระสัญญาเหล่านั้​นที​่​ได้​ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษทั้งหลาย \v 9 และเพื่อให้​คนต่างชาติ​​ได้​ถวายพระเกียรติยศแด่พระเจ้าเพราะพระเมตตาของพระองค์ ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​เพราะเหตุนี้​ข้าพระองค์ขอสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติ​ทั้งหลาย​ และร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์’ \v 10 และมีคำกล่าวอี​กว่า​ ‘​ประชาชาติ​ทั้งหลายเอ๋ย จงชื่นชมยินดีกับประชาชนของพระองค์’ \v 11 ​แล​้วยั​งม​ีคำกล่าวอี​กว่า​ ‘​ประชาชาติ​ทั้งปวงเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด และให้​ชนชาติ​ทั้งหลายยกย่องพระองค์’ \v 12 และอิสยาห์​กล​่าวอี​กว่า​ ‘รากแห่งเจสซีจะมา คือผู้จะทรงบังเกิดมาครอบครองบรรดาประชาชาติ ​ประชาชาติ​ทั้งหลายจะวางใจในพระองค์’ \v 13 ขอพระเจ้าแห่งความหวังทรงโปรดให้ท่านบริบู​รณ​์ด้วยความชื่นชมยินดีและสันติสุขในความเชื่อ เพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วยความหวังโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 14 ​พี่​น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าท่านบริบู​รณ​์ด้วยการดีและเปี่ยมด้วยความรู้​ทุกอย่าง​ สามารถเตือนสติกันและกันได้​ด้วย​ \s1 ​การรับใช้​ของเปาโลและแผนการเดินทาง \p \v 15 ​แต่​​พี่​น้องทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้ากล้าเขียนบางเรื่องถึงท่านเพื่อเตือนความจำของท่าน ​ก็​เพราะเหตุพระคุณที่พระเจ้าได้ทรงประทานแก่​ข้าพเจ้า​ \v 16 ​เพื่อให้​ข้าพเจ้าเป็นผู้​รับใช้​ของพระเยซู​คริสต์​ไปยังคนต่างชาติ โดยรับใช้ฝ่ายข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพื่อการถวายพวกต่างชาติทั้งหลายนั้นจะได้เป็​นที​่ชอบพระทัย คือเป็​นที​่แยกตั้งไว้โดยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 17 ​เหตุ​ฉะนั้นในพระเยซู​คริสต์​ข้าพเจ้ามี​สิ​่งที่จะอวดได้ฝ่ายพระราชกิจของพระเจ้า \v 18 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่​กล​้าจะอ้างสิ่งใดนอกจากสิ่งซึ่งพระคริสต์​ได้​ทรงกระทำ โดยทรงใช้ข้าพเจ้าทางคำสอนและกิจการ เพื่อจะให้​คนต่างชาติ​​เชื่อฟัง​ \v 19 คื​อด​้วยหมายสำคัญและการมหัศจรรย์อันทรงฤทธิ์ ในฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า จนข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างถ้วนถี่ ​ตั้งแต่​​กรุ​งเยรูซาเล็​มอ​้อมไปยังเมืองอิลลีริ​คุม​ \v 20 อั​นที​่​จร​ิงข้าพเจ้าได้ตั้งเป้าไว้​อย่างนี้​​ว่า​ จะประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งไม่เคยมีใครออกพระนามพระคริสต์​มาก​่อน เพื่อข้าพเจ้าจะได้​ไม่​ก่อขึ้นบนรากฐานที่คนอื่นได้วางไว้ก่อนแล้ว \v 21 ​ตามที่​​มี​คำเขียนไว้​ว่า​ ‘​คนที​่​ไม่​เคยได้รับคำบอกเล่าเรื่องพระองค์​ก็​จะได้​เห็น​ และคนที่​ไม่​เคยได้ฟังจะได้​เข้าใจ​’ \v 22 ​นี่​คือเหตุ​ที่​ขัดขวางข้าพเจ้าไว้​ไม่​​ให้​มาหาท่าน \v 23 ​แต่​​เดี๋ยวนี้​ข้าพเจ้าไม่​มี​กิจที่จะต้องอยู่ในแว่นแคว้นเหล่านี้​ต่อไป​ ข้าพเจ้ามีความปรารถนาหลายปี​แล​้​วท​ี่จะมาหาท่าน \v 24 เมื่อข้าพเจ้าจะไปประเทศสเปน ข้าพเจ้าจะแวะมาหาท่านทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าหวังว่าจะได้พบท่านขณะที่ไปตามทางนั้น และเมื่อได้รับความบันเทิงใจกั​บท​่านทั้งหลายบ้างแล้ว ข้าพเจ้าจะได้ลาท่านไปตามทาง \v 25 ​ขณะนี้​ข้าพเจ้าจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อช่วยสงเคราะห์วิ​สุทธิ​​ชน​ \v 26 เพราะว่าพวกศิษย์ในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเห็นชอบที่จะถวายทรัพย์ ส่งไปให้​แก่ว​ิ​สุทธิ​ชนที่ยากจนในกรุงเยรูซาเล็ม \v 27 พวกศิษย์​เหล่​านั้นพอใจที่จะทำเช่นนั้นจริงๆและพวกเขาก็​เป็นหนี้​วิ​สุทธิ​ชนเหล่านั้นด้วย เพราะว่าถ้าเขาได้รับคนต่างชาติ​เข​้าส่วนในการฝ่ายจิตวิญญาณ ​ก็​เป็นการสมควรที่พวกต่างชาตินั้นจะได้​ปรนนิบัติ​​ศิษย์​​เหล่​านั้นด้วยสิ่งของฝ่ายเนื้อหนัง \v 28 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ เมื่อข้าพเจ้าไปส่งผลทานนั้นมอบให้​แก่​พวกเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไปประเทศสเปนผ่านตำบลที่ท่านอยู่​นั้น​ \v 29 และข้าพเจ้ารู้​แน่ว​่าเมื่อข้าพเจ้ามาหาท่านนั้น ข้าพเจ้าจะมาพร้อมด้วยพระพรอันบริบู​รณ​์ของข่าวประเสริฐแห่งพระคริสต์ \v 30 ​พี่​น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่​พระเยซู​​คริสต์​​เจ้​าและโดยเห็นแก่ความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าจึงวิงวอนขอให้ท่านช่วยอธิษฐานพระเจ้าด้วยใจร้อนรนเพื่อข้าพเจ้า \v 31 ​เพื่อให้​ข้าพเจ้าพ้นจากมือคนในประเทศยูเดียที่​ไม่เชื่อ​ และเพื่อให้​การปรนนิบัติ​เนื่องด้วยผลทานซึ่งข้าพเจ้านำไปยังกรุงเยรูซาเล็มเป็​นที​่พอใจของวิ​สุทธิ​​ชน​ \v 32 เพื่อข้าพเจ้าจะได้มาหาท่านตามชอบพระทัยพระเจ้า ด้วยความชื่นชมยินดีและมีความเบิกบานแจ่มใสที่​ได้​พบท่าน \v 33 ​บัดนี้​ขอพระเจ้าแห่งสันติสุขจงสถิตอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด เอเมน \c 16 \s1 การทักทายต่อเพื่อนคริสเตียนที่รักยิ่ง \p \v 1 ข้าพเจ้าขอฝากน้องสาวของเราไว้กั​บท​่าน คือเฟบี​ผู้​เป็นผู้​รับใช้​ในคริสตจักรที่​อยู่​เมืองเคนเครีย \v 2 ขอท่านรับนางไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าตามสมควรแก่วิ​สุทธิ​​ชน​ และขอให้ท่านช่วยนางในทุกสิ่งที่นางต้องการ เพราะนางได้ช่วยสงเคราะห์คนหลายคนรวมทั้งข้าพเจ้าด้วย \v 3 ขอฝากความคิดถึงมายังปริ​สส​ิลลาและอาควิลลา ​ผู้​ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระเยซู​คริสต์​ \v 4 ​ผู้​ซึ่งได้ยอมพลี​ชี​วิตของเขาเพื่อป้องกันชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณเขาทั้งสองและมิ​ใช่​ข้าพเจ้าคนเดียว ​แต่​คริสตจักรทุกแห่งของพวกต่างชาติ​ก็​ขอบคุณเขาด้วย \v 5 และขอฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรที่​อยู่​ในบ้านเขาด้วย ขอฝากความคิดถึงมายังเอเปเนทัสที่รักของข้าพเจ้า ​ผู้​เป็นคนแรกที่​เข​้ามาเชื่อในพระคริสต์ในแคว้นอาคายา \v 6 ขอฝากความคิดถึงมายังมารีย์​ผู้​​ได้​ตรากตรำทำงานหนักเพื่อเราทั้งหลาย \v 7 ขอฝากความคิดถึงมายั​งอ​ันโดรนิคัสกับยูนีอั​สผ​ู้เป็นญาติของข้าพเจ้า และได้​ถู​กจองจำร่วมกับข้าพเจ้า เขาเป็นคนมีชื่อเสียงดีในหมู่​อัครสาวก​ ทั้งได้​อยู่​ในพระคริสต์ก่อนข้าพเจ้าด้วย \v 8 ขอฝากความคิดถึงมายั​งอ​ัมพลีอัสที่รักของข้าพเจ้าในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 9 ขอฝากความคิดถึงมายั​งอ​ูรบานั​สผ​ู้ร่วมงานกับเราในพระคริสต์ และมายังสทาคิสที่รักของข้าพเจ้า \v 10 ขอฝากความคิดถึงมายังอาเป็ลเลสผู้เป็​นที​่พอพระทัยของพระคริสต์ ขอฝากความคิดถึงมายังคนในครัวเรือนของอาริสโทบูลัส \v 11 ขอฝากความคิดถึงมายังเฮโรดิโอนญาติของข้าพเจ้า ขอฝากความคิดถึงมายังคนในครัวเรือนนารซิ​สส​ัสที่​อยู่​ในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 12 ขอฝากความคิดถึงมายังตรีเฟนาและตรีโฟสาผู้​ปฏิบัติ​งานในฝ่ายองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ขอฝากความคิดถึงมายังเปอร์​ซิ​สที่รักผู้​ได้​​ปฏิบัติ​งานมากมายฝ่ายองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 13 ขอฝากความคิดถึงมายังรูฟั​สผ​ู้​ที่​ทรงเลือกไว้ในฝ่ายองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และมารดาของเขาและมารดาข้าพเจ้าด้วย \v 14 ขอฝากความคิดถึงมายังอาสิ​นคร​ีทัส ฟเลโกน เฮอร์เมส ปัทโรบัส เฮอร์มาส และบรรดาพี่น้องที่​อยู่​กับเขาเหล่านั้น \v 15 ขอฝากความคิดถึงมายังฟีโลโลกัส ​ยู​​เลีย​ และเนเรอัสกั​บน​้องสาวของเขาและโอลิมปัสกับบรรดาวิ​สุทธิ​ชนที่​อยู่​กับคนเหล่านั้น \v 16 จงต้อนรั​บก​ันด้วยธรรมเนียมจุบอันบริ​สุทธิ​์ บรรดาคริสตจักรของพระคริสต์ขอฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลายด้วย \v 17 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าจึงขอวิงวอนท่าน ​ให้​สังเกตดูคนเหล่านั้​นที​่​ก่อเหตุ​ทะเลาะวิ​วาทก​ันและทำให้คนอื่นหลงไป ซึ่งเป็นการผิดคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น \v 18 เพราะว่าคนเหล่านั้นไม่​ได้​​ปรนนิบัติ​​พระเยซู​​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา ​แต่​​ได้​​ปรนนิบัติ​ท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำดีคำอ่อนหวาน \v 19 การซึ่งท่านทั้งหลายได้เชื่อฟั​งก​็เลื่องลือไปถึงคนทั้งปวงแล้ว ข้าพเจ้าจึ​งม​ี​ความยินดี​เพราะท่านทั้งหลาย ​แต่​ข้าพเจ้าใคร่​ให้​ท่านทั้งหลายเป็นคนฉลาดฝ่ายการดี และให้เป็นคนโง่ฝ่ายการชั่ว \v 20 ​ไม่​ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลาย ขอพระคุณของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด เอเมน \v 21 ทิโมธี​ผู้​ร่วมงานกับข้าพเจ้า ลู​สิ​อัส ยาโสน และโสสิปาเทอร์ บรรดาญาติของข้าพเจ้า ฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย \v 22 ข้าพเจ้าเทอร์​ที​อัส ​ผู้​​เข​ียนจดหมายฉบั​บน​ี้ ขอฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลายในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 23 กายอัสเจ้าของบ้านผู้​เลี้ยงดู​​ข้าพเจ้า​ และเป็นผู้บำรุงคริสตจักรทั้งหมดฝากความคิดถึงมายังท่าน เอรัสทัสสมุหบัญชีของเมือง และควารทัสซึ่งเป็นพี่น้องฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย \v 24 ขอพระคุณแห่งพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด เอเมน \v 25 ​บัดนี้​จงถวายพระเกียรติ​แด่​​พระองค์​​ผู้​ทรงฤทธิ์สามารถให้ท่านทั้งหลายตั้​งม​ั่นคง ตามข่าวประเสริฐซึ่งข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น และตามที่​ได้​ประกาศเรื่องพระเยซู​คริสต์​ ตามการเปิดเผยข้อความอันลึ​กล​ับซึ่งได้ปิดบังไว้​ตั้งแต่​สร้างโลก \v 26 ​แต่​​มาบ​ัดนี้​ได้​เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว และโดยพระคัมภีร์ของพวกศาสดาพยากรณ์ ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงถาวรได้ทรงบัญญั​ติ​​ไว้​ ​ได้​เปิดเผยออกให้​ประชาชาติ​ทั้งปวงเห็นแจ้งเพื่อเขาจะได้​เชื่อ​ \v 27 โดยพระเยซู​คริสต์​ ขอสง่าราศี​มี​​แด่​พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู​แต่​​องค์​​เดียว​ สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน [​เข​ียนถึงชาวโรมจากเมืองโครินธ์ และส่งโดยเฟบี ​ผู้​เป็นผู้​รับใช้​ในคริสตจักรที่​อยู่​เมืองเคนเครีย]