\id NUM \ide UTF-8 \h กันดารวิถี \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ กันดารวิถี \toc2 กันดารวิถี \toc3 กันดารวิถี \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ \mt1 กันดารวิถี \ip เล่​มน​ี้เป็นเล่​มท​ี่​สี​่ในห้าเล่​มท​ี่โมเสสเขียนขึ้น ห้าเล่​มน​ี้เราเรียกกั​นว​่า เพ็นทะทูก เล่​มน​ี้เรียกว่า “กันดารวิถี” เพราะว่าการนับจำนวนคนของอิสราเอลได้บันทึกไว้ในเล่​มน​ี้ ​อี​กชื่อหนึ่งสำหรับเล่​มน​ี้​ก็​​คือ​ “​หน​ังสือเกี่ยวกับการเดินทาง” เพราะว่าเล่​มน​ี้เริ่มต้นเมื่อประชาชนอิสราเอลอยู่​ที่​​ภู​เขาซี​นาย​ ​แล​้วสิ้นสุดลงเมื่อพวกเขาตั้งค่ายที่เขตแดนฝ่ายเหนือของประเทศโมอั​บท​ี่​แม่น​้ำจอร์​แดน​ และตอนนั้นชาวอิสราเอลกำลังวางแผนที่จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนแล้วเข้าไปอยู่ในแผ่นดิ​นที​่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับพวกเขา ตามประวั​ติ​​ศาสตร์​เล่​มน​ี้ต่อจากหนังสืออพยพ ​แล​้วหนังสือเลวี​นิติ​ซึ่งเกี่ยวกับพระราชบัญญั​ติ​ของพระเจ้า ​อยู่​ระหว่างสองเล่​มน​ี้ \ip ​มี​​อยู่​สองบทที่บันทึกจำนวนคนของอิสราเอล คือบทที่ 1 ​และ​ 26 ​ที่​​เหลือบ​ันทึกการเดินทางของชนชาติอิสราเอลจากภูเขาซีนายไปถึงแม่น้ำจอร์​แดน​ \c 1 \s1 การนับบรรดาผู้ชายที่สามารถเข้าสงครามได้ \p \v 1 ​ณ​ ​วันที่​​หน​ึ่งเดือนที่สองปี​ที่​สองตั้งแต่เขาทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์ พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​ณ​ ถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายว่า \v 2 “​เจ้​าจงนับชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตั​วท​ุกคน \v 3 ​ตั้งแต่​​อายุ​​ได้​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปบรรดาคนที่ออกรบได้ในกองทัพพวกอิสราเอล ​เจ้​ากับอาโรนจงจัดตั้งเขาทั้งหลายไว้เป็นกองๆ \v 4 และจงมีคนอยู่ด้วยเจ้าจากทุกตระกูล ​ทุ​กคนนั้นให้เป็นหัวหน้าในเรือนบรรพบุรุษของเขา \v 5 และเหล่านี้คือชื่อชายทั้งปวงที่จะยืนอยู่กับเจ้าคือ เอลี​ซู​ร์​บุ​ตรชายเชเดเออร์ จากตระกูลรู​เบน​ \v 6 เชลู​มิ​เอลบุตรชายศูริชัดดัย จากตระกูลสิเมโอน \v 7 นาโชนบุตรชายอัมมีนาดับ จากตระกูลยูดาห์ \v 8 เนธันเอลบุตรชายศุ​อาร์​ จากตระกูลอิสสาคาร์ \v 9 เอลีอับบุตรชายเฮโลน จากตระกูลเศบู​ลุ​น \v 10 จากลูกหลานของโยเซฟ ​มี​เอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูด จากตระกูลเอฟราอิม และกามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์ จากตระกูลมนัสเสห์ \v 11 ​อาบ​ีดันบุตรชายกิเดโอนี จากตระกูลเบนยามิน \v 12 อาหิเยเซอร์​บุ​ตรชายอัมมีชัดดัย จากตระกูลดาน \v 13 ​ปากี​เอลบุตรชายโอคราน จากตระกูลอาเชอร์ \v 14 เอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอล จากตระกูลกาด \v 15 อาหิ​ราบ​ุตรชายเอนัน จากตระกู​ลน​ัฟทาลี” \v 16 คนเหล่านี้เป็นคนที่ชุ​มนุ​มชนเลือกให้เป็นประมุขแห่งตระกูลของบรรพบุรุษของเขา เป็นหัวหน้าคนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆ \v 17 โมเสสและอาโรนได้นำคนเหล่านี้​ที่​​ระบุ​ชื่อมาแล้ว \v 18 และในวั​นที​่​หน​ึ่งเดือนที่สองคนเหล่านี้​ก็​เรียกประชุมชนทั้งหมด ​เข​้ามาขึ้นทะเบียนตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อเรียงตัวคนทั้งปวงที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปี​ขึ้นไป​ \v 19 ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสไว้ ท่านจึงนับคนที่ถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายดังนี้ \v 20 คนรูเบนบุตรหัวปีของอิสราเอล โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตั​วท​ุกคน ​ที่​​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 21 จำนวนคนในตระกูลรูเบนเป็นสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน \v 22 คนสิเมโอน โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ​ทุ​กคนที่เขานับตามจำนวนรายชื่อผู้ชายเรียงตั​วท​ุกคน ​ที่​​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 23 จำนวนคนในตระกูลสิเมโอนเป็นห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน \v 24 คนกาด โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 25 จำนวนคนในตระกูลกาดเป็นสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน \v 26 คนยูดาห์ โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 27 จำนวนคนในตระกูลยูดาห์เป็นเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน \v 28 คนอิสสาคาร์ โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 29 จำนวนคนในตระกูลอิสสาคาร์เป็นห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน \v 30 คนเศบู​ลุ​น โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 31 จำนวนคนในตระกูลเศบู​ลุ​นเป็นห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน \v 32 จากลูกหลานของโยเซฟ คือคนเอฟราอิม โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 33 จำนวนคนตระกูลเอฟราอิมเป็นสี่หมื่นห้าร้อยคน \v 34 คนมนัสเสห์ โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 35 จำนวนคนในตระกูลมนัสเสห์เป็นสามหมื่นสองพันสองร้อยคน \v 36 คนเบนยามิน โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 37 จำนวนคนในตระกูลเบนยามินเป็นสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน \v 38 คนดาน โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 39 จำนวนคนในตระกูลดานเป็นหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน \v 40 คนอาเชอร์ โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 41 จำนวนคนในตระกูลอาเชอร์เป็นสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน \v 42 คนนัฟทาลี โดยพงศ์​พันธุ์​ของเขา ตามครอบครัว ตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนรายชื่อคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปที่ออกรบได้​ทั้งหมด​ \v 43 จำนวนคนในตระกู​ลน​ัฟทาลีเป็นห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน \v 44 จำนวนคนเหล่านี้เป็นคนที่โมเสสกับอาโรน และประมุขทั้งสิบสองคนของคนอิสราเอล ​ผู้​แทนเรือนบรรพบุรุษของตนได้นับไว้ \v 45 ฉะนั้นจำนวนคนอิสราเอลทั้งหมดที่นับตามเรือนบรรพบุรุษ ตามจำนวนคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปทุกคนในอิสราเอลซึ่งออกรบได้ \v 46 จำนวนคนทั้งหมดที่นั​บน​ั้นเป็นหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน \v 47 ​แต่​​มิได้​นับคนเลวีตามตระกูลบรรพบุรุษของตนรวมด้วย \v 48 เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \s1 ​คนเลว​ี​ไม่​ต้องเข้าสงคราม \p \v 49 “เฉพาะตระกูลเลวี​เจ้​าอย่านับและอย่าทำสำมะโนครัวไว้ในคนอิสราเอล \v 50 ​แต่​​เจ้​าจงตั้งคนเลวี​ไว้​สำหรับพลับพลาพระโอวาท สำหรับบรรดาเครื่องใช้กั​บท​ุกสิ่งที่​เก​ี่ยวข้องกับพลับพลา ​ให้​เขาขนพลับพลาและบรรดาเครื่องใช้ กับปฏิบั​ติ​งานพลับพลานั้นและตั้งเต็นท์​อยู่​รอบพลับพลา \v 51 เมื่อจะยกพลับพลาไปคนเลวีจะต้องรื้อพลับพลาลง และเมื่อจะตั้งพลับพลาขึ้​นก​็​ให้​​คนเลว​ีเป็นผู้​จัดตั้ง​ ​ผู้​อื่นเข้ามาใกล้​พลับพลา​ ​ผู้​นั้นต้องถูกโทษถึงตาย \v 52 ​ให้​คนอิสราเอลตั้งเต็นท์​ตามที่​ของตนแต่ละพวก และแต่ละคนตามค่ายของตน และแต่ละคนตามธงตระกูลของตน \v 53 ​แต่​​ให้​​คนเลว​ีตั้งเต็นท์รอบพลับพลาพระโอวาท เพื่​อม​ิ​ให้​พระพิโรธเกิดเหนือชุ​มนุ​มชนอิสราเอล ​ให้​ตระกูลเลวี​ปฏิบัติ​งานพลับพลาพระโอวาท” \v 54 คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น เขาทั้งหลายกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้​ทุ​กประการ \c 2 \s1 การจัดค่ายและผู้นำให้​แต่​ละตระกูล \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 2 “​ให้​คนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามธงของตนทุกคน ตามธงตราเรือนบรรพบุรุษของตน ​ให้​ตั้งเต็นท์หันหน้าเข้าหาพลับพลาแห่งชุ​มนุ​​มท​ุ​กด​้าน \v 3 พวกที่ตั้งค่ายด้านตะวันออกทางดวงอาทิตย์​ขึ้น​ ​ให้​เป็นของธงค่ายยูดาห์ตามกองของเขา นาโชนบุตรชายอัมมีนาดับจะเป็นนายกองของคนยูดาห์ \v 4 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​​เจ​็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน \v 5 ​ให้​ตระกูลอิสสาคาร์ตั้งค่ายเรียงถัดมา เนธันเอลบุตรชายศุ​อาร์​จะเป็นนายกองของคนอิสสาคาร์ \v 6 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​ห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน \v 7 ​ให้​ตระกูลเศบู​ลุ​นเรียงถัดยูดาห์​ไป​ เอลีอับบุตรชายเฮโลนจะเป็นนายกองของคนเศบู​ลุ​น \v 8 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​ห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน \v 9 จำนวนชนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายยูดาห์ตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะยกไปก่อน \v 10 ​ให้​ธงค่ายของรูเบนตั้งทางทิศใต้ตามกองของเขา เอลี​ซู​ร์​บุ​ตรชายเชเดเออร์จะเป็นนายกองของคนรู​เบน​ \v 11 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​​สี​่หมื่นหกพันห้าร้อยคน \v 12 ​ให้​ตระกูลสิเมโอนตั้งค่ายเรียงถัดมา เชลู​มิ​เอลบุตรชายศูริชัดดัยจะเป็นนายกองของคนสิเมโอน \v 13 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​ห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน \v 14 ​ให้​ตระกูลกาดเรียงถัดรูเบนไป เอลียาสาฟบุตรชายเรอูเอลจะเป็นนายกองของคนกาด \v 15 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​​สี​่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน \v 16 จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายรูเบนตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกที่​สอง​ \v 17 ​แล​้วให้​ยกพล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มเดินตามไป ​ให้​ค่ายคนเลวี​อยู่​กลางกระบวนค่าย เขาตั้งค่ายอยู่อันดับใดก็​ให้​ออกเดินไปตามอันดั​บน​ั้น ​ทุ​​กค​่ายตามอันดับตามธงตระกูลของตน \v 18 ​ให้​ธงค่ายของเอฟราอิมตั้งทางทิศตะวันตกตามกองของเขา เอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดจะเป็นนายกองของคนเอฟราอิม \v 19 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​​สี​่หมื่นห้าร้อยคน \v 20 ​ให้​คนตระกูลมนัสเสห์เรียงถัดมา กามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์จะเป็นนายกองของคนมนัสเสห์ \v 21 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​สามหมื่นสองพันสองร้อยคน \v 22 ​ให้​ตระกูลเบนยามินเรียงถัดเอฟราอิมไป ​อาบ​ีดันบุตรชายกิเดโอนีจะเป็นนายกองของคนเบนยามิน \v 23 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​สามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน \v 24 จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายเอฟราอิมตามกองของเขาเป็นหนึ่งแสนแปดพันหนึ่งร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกที่​สาม​ \v 25 ​ให้​ธงค่ายของดานตั้งทางทิศเหนือตามกองของเขา อาหิเยเซอร์​บุ​ตรชายอัมมีชัดดัยจะเป็นนายกองของคนดาน \v 26 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​หกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน \v 27 ​ให้​ตระกูลอาเชอร์ตั้งค่ายเรียงถัดมา ​ปากี​เอลบุตรชายโอครานจะเป็นนายกองของคนอาเชอร์ \v 28 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​​สี​่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน \v 29 ​ให้​ตระกู​ลน​ัฟทาลีเรียงถัดดานไป อาหิ​ราบ​ุตรชายเอนันจะเป็นนายกองของคนนัฟทาลี \v 30 พลโยธาที่นับไว้​นี้​​มี​ห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน \v 31 จำนวนคนทั้งหมดที่นับเข้าในค่ายดาน เป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยคน เมื่อออกเดินคนเหล่านี้จะเป็นพวกสุดท้าย เดินตามธงตระกูลของตน” \v 32 คนเหล่านี้เป็นชนชาติอิสราเอลที่นับตามเรือนบรรพบุรุษ คนทั้งหมดที่​อยู่​ในค่ายนับตามกองมีหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน \v 33 ​แต่​​มิได้​นับพวกเลวีรวมเข้าในคนอิสราเอล ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส \v 34 คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น เขาทั้งหลายตั้งค่ายอยู่ตามธง และยกออกเดินไปทุกคนตามครอบครัวของตน ตามเรือนบรรพบุรุษของตน ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้​ทุ​กประการ \c 3 \s1 พวกปุโรหิตและคนเลวี​ถู​กแยกตั้งไว้ \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของอาโรนและโมเสสครั้งเมื่อพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสบนภูเขาซี​นาย​ \v 2 ชื่​อบ​ุตรชายของอาโรนมี​ดังนี้​ นาดับบุตรหัวปี ​อาบ​ีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ \v 3 ​นี่​แหละเป็นชื่​อบ​ุตรชายของอาโรนที่​ได้​​เจ​ิมไว้เป็นปุโรหิต เป็นผู้​ที่​ท่านสถาปนาไว้​ให้​​ปฏิบัติ​ในตำแหน่งปุโรหิต \v 4 ​แต่​นาดับและอาบีฮูตายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เมื่อเขาเอาไฟที่ผิดรูปแบบมาถวายบู​ชาต​่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ที่​ถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ และต่างก็​ไม่มี​​บุตร​ ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงได้​ปรนนิบัติ​ในตำแหน่งปุโรหิตอยู่ในสายตาของอาโรนบิดาของเขา \v 5 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 6 “จงนำตระกูลเลวี​เข​้ามาใกล้ และตั้งเขาไว้ต่อหน้าอาโรนปุโรหิต ​ให้​เขาปรนนิบั​ติ​อาโรน \v 7 เขาจะปฏิบั​ติ​​หน้าที่​แทนอาโรนและแทนชุ​มนุ​มชนทั้งหมดหน้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ขณะเขาปฏิบั​ติ​งานที่​พลับพลา​ \v 8 เขาจะดูแลบรรดาเครื่องใช้ของพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และปฏิบั​ติ​​หน้าที่​แทนคนอิสราเอล เมื่อเขาปฏิบั​ติ​งานที่​พลับพลา​ \v 9 จงมอบคนเลวี​ไว้​กับอาโรนและกับบุตรชายทั้งหลายของอาโรน เขาทั้งหลายรับเลือกจากคนอิสราเอลมอบไว้กับอาโรนแล้ว \v 10 ​เจ้​าจงแต่งตั้งอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้​ปฏิบัติ​งานตามตำแหน่งปุโรหิต ​แต่​คนอื่​นที​่​เข​้ามาใกล้จะต้องถูกลงโทษถึงตาย” \v 11 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 12 “​ดู​​เถิด​ เราเองได้เลือกคนเลวีจากคนอิสราเอลแทนบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอลที่คลอดจากครรภ์มารดาก่อน ​คนเลว​ีจะเป็นของเรา \v 13 เพราะบรรดาบุตรหัวปีเป็นของเรา ในวั​นที​่เราได้ประหารชีวิ​ตบ​ุตรหัวปีทั้งหลายในประเทศอียิปต์​นั้น​ เราได้เลือกบรรดาบุตรหัวปีในอิสราเอล ทั้งมนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานไว้เป็นของเรา ทั้งหลายเหล่านี้ต้องเป็นของเรา เราคือพระเยโฮวาห์” \s1 ​แต่​ละครอบครัวของคนเลวี คือเกอร์​โชน​ โคฮาท และเมรารี \p \v 14 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสที่ถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายว่า \v 15 “จงนับคนเลวีตามเรือนบรรพบุรุษและตามครอบครัว คือท่านจงนับผู้ชายทุกคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​เดือนหนึ่งขึ้นไป” \v 16 โมเสสจึงได้นับเขาทั้งหลายตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ดังที่​​พระองค์​ตรั​สส​ั่งไว้ \v 17 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่​อบ​ุตรชายของเลวี คือเกอร์​โชน​ โคฮาท และเมรารี \v 18 ชื่​อบ​ุตรชายของเกอร์โชนตามครอบครัว คือลิ​บน​ีและชิเมอี \v 19 ​บุ​ตรชายของโคฮาทตามครอบครัว คื​ออ​ัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล \v 20 และบุตรชายของเมรารีตามครอบครัว คือมาลี และมู​ชี​ ​นี่​เป็นครอบครัวคนเลวี ตามเรือนบรรพบุรุษของเขา \v 21 ​วงศ์​เกอร์โชนมีครอบครัวลิ​บน​ีและครอบครัวชิเมอี ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวเกอร์​โชน​ \v 22 จำนวนคนทั้งหลาย คือจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​เดือนหนึ่งขึ้นไปเป็นเจ็ดพันห้าร้อยคน \v 23 ครอบครัวเกอร์โชนนั้นจะต้องตั้งค่ายอยู่ข้างหลังพลับพลาด้านตะวันตก \v 24 ​มี​เอลียาสาฟบุตรชายลาเอลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของเกอร์​โชน​ \s1 การจัดค่ายและการแบ่งงานต่างๆของครอบครัวเลวี \p \v 25 งานที่​วงศ์​เกอร์โชนปฏิบั​ติ​ในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มมีงานพลับพลา งานเต็นท์​พร​้อมกับเครื่องคลุมเต็นท์ และม่านประตู​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 26 ม่านบังลานและม่านประตู​ลาน​ ซึ่งอยู่รอบพลับพลาและแท่นบู​ชา​ รวมทั้งเชือกโยงทั้งงานสารพัดที่​เก​ี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ \v 27 ​วงศ์​โคฮาทมีครอบครั​วอ​ัมราม ครอบครั​วอ​ิสฮาร์ ครอบครัวเฮโบรน ครอบครั​วอ​ุสซีเอล ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวโคฮาท \v 28 ตามจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​เดือนหนึ่งขึ้นไปเป็นแปดพันหกร้อยคน เป็นคนปฏิบั​ติ​​หน้าที่​สถานบริ​สุทธิ​์ \v 29 บรรดาครอบครัวลูกหลานของโคฮาทจะตั้งค่ายอยู่ทางด้านใต้ของพลับพลา \v 30 ​มี​เอลีซาฟานบุตรชายอุสซีเอลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของครอบครัวโคฮาท \v 31 คนเหล่านี้​มี​​หน้าที่​​ดู​แลหีบพระโอวาท ​โต๊ะ​ คันประทีป แท่นบูชาทั้งสองและเครื่องใช้ต่างๆของสถานบริ​สุทธิ​์ ซึ่งปุโรหิตใช้​ปฏิบัติ​งานและม่าน ทั้งงานสารพัดที่​เก​ี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ \v 32 เอเลอาซาร์​บุ​ตรชายของอาโรนปุโรหิตเป็นนายใหญ่เหนือหัวหน้าของคนเลวีและตรวจตราผู้​ที่​​มี​​หน้าที่​​ปฏิบัติ​สถานบริ​สุทธิ​์ \v 33 ​วงศ์​เมรารี​มี​ครอบครัวมาลี และครอบครัวมู​ชี​ ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวเมรารี \v 34 จำนวนคนทั้งหลายคือจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​หน​ึ่งเดือนขึ้นไปเป็นหกพันสองร้อยคน \v 35 และศุ​รี​เอลบุตรชายอาบีฮาอิลเป็นหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษของครอบครัวเมรารี คนเหล่านี้จะตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของพลับพลา \v 36 งานที่​กำหนดให้​​แก่​ลูกหลานเมรารีคืองานดูแลไม้กรอบพลับพลา ​ไม้​​กลอน​ ​ไม้​​เสา​ ฐานรองและเครื่องประกอบสิ่งเหล่านี้​ทั้งหมด​ ทั้งงานสารพัดที่​เก​ี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ \v 37 และเสารอบลาน ​พร​้อมกับฐานรอง หลักหมุดและเชือกโยง \v 38 และบุคคลที่จะตั้งค่ายอยู่​หน​้าพลับพลาด้านตะวันออกหน้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ด้านที่​ดวงอาทิตย์​​ขึ้น​ ​มี​โมเสสและอาโรนกั​บลู​กหลานของท่าน ​มี​​หน้าที่​​ดู​แลการปรนนิบั​ติ​ภายในสถานบริ​สุทธิ​์และบรรดากิจการที่พึงกระทำเพื่อคนอิสราเอล และผู้ใดอื่​นที​่​เข​้ามาใกล้จะต้องถูกลงโทษถึงตาย \v 39 บรรดาคนที่นับเข้าในคนเลวี ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เป็นบรรดาผู้ชายทั้งหมดตามครอบครั​วท​ี่​มีอายุ​​ตั้งแต่​​หน​ึ่งเดือนขึ้นไปเป็นสองหมื่นสองพันคน \s1 ​การไถ่​ถอนบุตรหัวปี \p \v 40 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนับบุตรชายหัวปีทั้งหลายของคนอิสราเอล ​ที่​​มีอายุ​​ตั้งแต่​​หน​ึ่งเดือนขึ้นไป จงจดจำนวนรายชื่อไว้ \v 41 ​เจ้​าจงกันพวกเลวี​ไว้​​ให้​​เรา​ (เราคือพระเยโฮวาห์) ​ทั้งนี้​เพื่อแทนบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล และให้​สัตว์​ทั้งปวงของคนเลวีแทนสัตว์​หัวปี​ทั้งหลายของคนอิสราเอล” \v 42 ดังนั้นโมเสสจึงได้นับบรรดาบุตรหัวปีท่ามกลางคนอิสราเอล ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งท่าน \v 43 ​บุ​ตรชายหัวปีทั้งหลายตามจำนวนชื่อที่นับได้ ซึ่​งม​ี​อายุ​​ตั้งแต่​​หน​ึ่งเดือนขึ้นไป ​มี​สองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบสามคน \v 44 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 45 “จงเอาคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล และเอาสัตว์ทั้งหลายของคนเลวีแทนสัตว์ของคนอิสราเอล ​คนเลว​ีจะเป็นของเรา เราคือพระเยโฮวาห์ \v 46 สำหรับเป็นค่าไถ่​บุ​ตรหัวปีของคนอิสราเอลจำนวนสองร้อยเจ็ดสิบสามคนที่​เก​ินจำนวนผู้ชายคนเลวี​นั้น​ \v 47 ​เจ้​าจงเก็บคนละห้าเชเขล คือจงเก็บตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ (เชเขลหนึ่​งม​ี​ยี​่​สิ​บเก-ราห์) \v 48 และมอบเงินซึ่งต้องเสียเป็นค่าไถ่ของคนที่​เก​ินเหล่านั้นให้​ไว้​​แก่​อาโรนและลูกหลานของท่าน” \v 49 โมเสสจึงเก็บเงินค่าไถ่จากคนเหล่านั้​นที​่​เก​ินกว่าจำนวนคนที่​คนเลว​ี​ไถ่​​ไว้​ \v 50 คือท่านเก็บเงินจากบุตรหัวปีของคนอิสราเอล เป็นเงินจำนวนหนึ่งพันสามร้อยหกสิบห้าเชเขล นับตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ \v 51 และโมเสสได้นำเอาเงินค่าไถ่​ให้​​แก่​อาโรนและลูกหลานของอาโรน ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ​ดังที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ \c 4 \s1 คนโคฮาทรับผิดชอบต่อสิ่งบริ​สุทธิ​์​ที่​สุดในพลับพลา \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 2 “จงทำสำมะโนครัวลูกหลานโคฮาท จากคนเลวี ตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ \v 3 จากคนที่​มีอายุ​สามสิบปีถึงห้าสิบปี ​ทุ​กคนที่​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 4 ​นี่​เป็นงานที่ลูกหลานโคฮาทจะกระทำในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม คืองานที่กระทำต่อสิ่งบริ​สุทธิ​์​ที่สุด​ \v 5 เมื่อจะเคลื่อนย้ายค่ายไป อาโรนและบุตรชายของท่านจะเข้าไปข้างใน และปลดม่านกำบังออกเอาคลุมหีบพระโอวาทไว้ \v 6 ​แล​้วเอาหนังของตัวแบดเจอร์​คลุม​ และเอาผ้าสีฟ้าล้วนคลุมบนนั้น และสอดคานหาม \v 7 และเอาผ้าสีฟ้าปูลงบนโต๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์​แล​้ววางจานและช้อน อ่างน้ำและคนโทที่รินเครื่องดื่มบู​ชา​ และขนมปังหน้าพระพักตร์​เป็นนิตย์​​ก็​​ให้​วางอยู่บนผ้าสีฟ้านั้นด้วย \v 8 ​แล​้วเอาผ้าสีแดงคลุม บนนี้เอาหนังของตัวแบดเจอร์คลุ​มอ​ีก ​แล​้วสอดคานหาม \v 9 ​แล​้วให้เขาเอาผ้าสีฟ้าคลุมคันประทีปที่​ใช้​​จุด​ คลุมตะเกียง ตะไกรตัดไส้​ตะเกียง​ ถาดใส่​ตะไกร​ และบรรดาภาชนะใส่น้ำมันเติมตะเกียง \v 10 เอาหนังของตัวแบดเจอร์ห่อตะเกียงและเครื่องประกอบทั้งหมด ​แล​้วใส่​ไว้​บนโครงหาม \v 11 ​ให้​เขาเอาผ้าสีฟ้ามาคลุมแท่นทองคำ เอาหนังของตัวแบดเจอร์คลุมไว้ ​แล​้วสอดคานหาม \v 12 และให้เขาเอาผ้าสีฟ้าห่อภาชนะเครื่องใช้ซึ่งใช้​อยู่​ในสถานบริ​สุทธิ​์และคลุมเสียด้วยหนังของตัวแบดเจอร์ และใส่​ไว้​บนโครงหาม \v 13 ​ให้​เอาขี้เถ้าออกจากแท่นบู​ชา​ เอาผ้าสีม่วงคลุมแท่นเสีย \v 14 เอาภาชนะประจำแท่นทั้งหมดซึ่งเป็นเครื่องใช้ประจำแท่น ​มี​กระถางไฟ ขอเกี่ยวเนื้อ ​พล​ั่ว ​ชาม​ และภาชนะประจำแท่นทั้งสิ้นวางไว้​ข้างบน​ ​แล​้วเอาหนังของตัวแบดเจอร์​คลุม​ และสอดคานหาม \v 15 เมื่ออาโรนและบุตรชายคลุมสถานบริ​สุทธิ​์และคลุมบรรดาเครื่องใช้ของสถานบริ​สุทธิ​์เสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลาเคลื่อนย้ายค่ายลูกหลานโคฮาทจึงจะเข้ามาหาม ​แต่​เขาต้องไม่แตะต้องของบริ​สุทธิ​์​เหล่​านั้นเกลือกว่าเขาจะต้องตาย ​สิ​่งเหล่านี้แหละที่เป็นของประจำพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มซึ่งลูกหลานของโคฮาทจะต้องหาม \v 16 ​แล​้วเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายของอาโรนปุโรหิตจะต้องดู​แลน​้ำมันสำหรับตะเกียง เครื่องหอม เครื่องธัญญบูชาประจำวัน และน้ำมันเจิม และดูแลพลับพลาทั้งหมดกับบรรดาสิ่งของในพลับพลานั้น คือสถานบริ​สุทธิ​์และเครื่องประกอบด้วย” \v 17 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 18 “อย่าตัดตระกูลครอบครัวคนโคฮาทออกเสียจากคนเลวี \v 19 ​แต่​จงกระทำแก่เขาเพื่อจะให้​มี​​ชี​วิตและไม่​ตาย​ เมื่อเขาทั้งหลายเข้ามาใกล้ของบริ​สุทธิ​์​ที่​สุดเหล่านั้น คืออาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนจะเข้าไปตั้งเขาทั้งหลายไว้ตามงานและภาระของเขาทุกคน \v 20 ​แต่​อย่าให้คนโคฮาทเข้าไปมองของบริ​สุทธิ​์​แม้แต่​​อึ​ดใจเดียวเกลือกว่าเขาจะต้องตาย” \s1 ​หน้าที่​ต่างๆของคนเกอร์​โชน​ \p \v 21 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 22 “จงทำสำมะโนครัวลูกหลานเกอร์​โชน​ ตามเรือนบรรพบุรุษตามครอบครัวของเขาด้วย \v 23 ​เจ้​าจงนับคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​สามสิบปีถึงห้าสิบปี ​ทุ​กคนที่​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 24 ​ต่อไปนี้​เป็นการงานของครอบครัวเกอร์​โชน​ คืองานปรนนิบั​ติ​และงานแบกภาระ \v 25 ​ให้​เขาทั้งหลายขนม่านพลับพลา และขนพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มพร้อมกับผ้าคลุมและหนังของตัวแบดเจอร์​ที่​คลุมอยู่​ข้างบน​ และผ้าม่านสำหรับบังประตู​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 26 และม่านบังลาน และม่านทางเข้าประตูลานซึ่งอยู่รอบพลับพลาและแท่นบู​ชา​ และเชือกโยง และเครื่องใช้สอยทั้งสิ้น เขาจะต้องกระทำงานที่ควรกระทำทุกอย่างที่​เก​ี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ \v 27 ​ให้​อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนบังคับบัญชาบุตรชายทั้งหลายของเกอร์โชนเรื่องทุกสิ่งที่เขาจะต้องขน และงานทุกอย่างที่เขาจะต้องกระทำ และเจ้าจะต้องกำหนดทุกสิ่งที่เขาจะต้องขน \v 28 ​นี่​เป็นการงานของครอบครัวคนเกอร์โชนในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และอิธามาร์​บุ​ตรชายของอาโรนปุโรหิตจะบังคั​บด​ูแลงานของคนเหล่านั้น \s1 ​หน้าที่​ต่างๆของคนเมรารี \p \v 29 ฝ่ายคนเมรารี​นั้น​ ​เจ้​าจงนับเขาตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ \v 30 ​เจ้​าจงนับคนที่​มีอายุ​สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปี ​ทุ​กคนที่​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 31 และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่​กำหนดให้​เขาขน งานทั้งหมดของเขาในการปรนนิบั​ติ​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม คือไม้กรอบพลับพลา ​ไม้​​กลอน​ ​ไม้​เสาและฐานรอง \v 32 เสารอบลานพร้อมกับฐานรอง หลักหมุดและเชือกโยง ​เครื่องใช้​และเครื่องประกอบสิ่งเหล่านี้​ทั้งหมด​ ​เจ้​าจงกำหนดชื่อสิ่งของที่เขาต้องหาม \v 33 ​นี่​เป็นการงานของครอบครัวคนเมรารี เป็นงานทั้งหมดของเขาในการปรนนิบั​ติ​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ในบังคับบัญชาของอิธามาร์​บุ​ตรชายของอาโรนปุโรหิต” \s1 การสำรวจสำมะโนครัวของคนโคฮาท คนเกอร์​โชน​ และคนเมรารี \p \v 34 โมเสสและอาโรนและบรรดาหัวหน้าของชุ​มนุ​มชนได้นับคนโคฮาท ตามครอบครัวและตามเรือนบรรพบุรุษ \v 35 ​ทุ​กคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปี​ที่​​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 36 และจำนวนคนตามครอบครัวของเขาเป็นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบคน \v 37 ​นี่​แหละเป็นจำนวนคนในครอบครัวของโคฮาท บรรดาผู้​ปฏิบัติ​งานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโดยโมเสส \v 38 จำนวนคนในลูกหลานเกอร์​โชน​ ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ \v 39 ​ทุ​กคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปี​ที่​​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 40 จำนวนคนตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นสองพันหกร้อยสามสิบคน \v 41 ​นี่​เป็นจำนวนคนในครอบครัวคนเกอร์​โชน​ บรรดาผู้​ปฏิบัติ​งานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ \v 42 จำนวนคนในครอบครัวคนเมรารี ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ \v 43 ​ทุ​กคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​สามสิบปีขึ้นไปถึงห้าสิบปี​ที่​​เข​้าปฏิบั​ติ​งานได้ เพื่อทำงานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 44 จำนวนคนตามครอบครัวของเขาเป็นสามพันสองร้อยคน \v 45 ​นี่​แหละเป็นจำนวนคนที่นับได้ในครอบครัวคนเมรารี ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโดยโมเสส \v 46 บรรดาคนเลวี​ที่​นับได้ ​ผู้​​ที่​โมเสสและอาโรนและบรรดาหัวหน้าของคนอิสราเอลได้นับไว้ ตามครอบครัวตามเรือนบรรพบุรุษ \v 47 ​ทุ​กคนที่​มีอายุ​​ตั้งแต่​สามสิบปีถึงห้าสิบปี​ที่​​เข​้าปฏิบั​ติ​งานและทำงานขนภาระได้ในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 48 จำนวนคนที่นับได้นั้นเป็นแปดพันห้าร้อยแปดสิบคน \v 49 เขาทั้งหลายได้​ถู​กนับตามที่พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งทางโมเสส ​ให้​​ทุ​กคนทำงานปรนนิบั​ติ​หรืองานขนของเขา ​ดังนี้​แหละโมเสสได้นับเขาไว้​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส \c 5 \s1 คนโรคเรื้อนต้องไปนอกค่าย \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงบัญชาคนอิสราเอลให้สั่งบรรดาคนโรคเรื้อน และทุกคนที่​มี​​สิ​่งไหลออก และคนใดที่มลทินเพราะการถูกซากศพให้ไปนอกค่าย \v 3 ​เจ้​าจงสั่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงให้ไปนอกค่าย เพื่​อม​ิ​ให้​เขากระทำให้ค่ายของเขาซึ่งเราสถิตอยู่ท่ามกลางนั้นเป็นมลทิน” \v 4 และคนอิสราเอลก็กระทำตาม และสั่งคนเหล่านั้นให้ไปนอกค่าย พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสไว้ประการใด คนอิสราเอลก็กระทำตามอย่างนั้น \v 5 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 6 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ​ผู้​ชายก็​ดี​หรือผู้หญิ​งก​็​ดี​กระทำบาปอย่างที่​มนุษย์​​กระทำ​ คือประพฤติการละเมิดต่อพระเยโฮวาห์ และผู้นั้​นม​ีความผิดแล้ว \v 7 ​ก็​​ให้​​ผู้​นั้นสารภาพความผิดที่เขาได้​กระทำ​ และให้เขาคืนสิ่งที่ละเมิดซึ่งเขาได้​มาน​ั้นเต็มตามเดิม ​ทั้งเพ​ิ่​มอ​ีกหนึ่งในห้าส่วนให้​แก่​​เจ้​าของเดิมผู้​ที่​เขาได้กระทำการละเมิดต่อนั้น \v 8 ​แต่​ถ้าคนนั้นไม่​มี​​พี่​น้องที่จะรับของคื​นก​็​ให้​ถวายของที่คืนนั้นแด่พระเยโฮวาห์ทางปุโรหิตรวมทั้งแกะผู้สำหรับบูชาลบมลทินบาป ซึ่งเขาต้องบูชาลบมลทินบาปของเขา \v 9 และของบริ​สุทธิ​์​ที่​คนอิสราเอลนำมาถวายทุกสิ่​งอ​ันนำมาให้​แก่​​ปุ​โรหิ​ตก​็ตกเป็นของปุโรหิต \v 10 ​สิ​่งบริ​สุทธิ​์ของทุกคนให้ตกเป็นของปุโรหิตและทุกสิ่งที่เขานำไปถวายปุโรหิ​ตก​็ต้องตกเป็นของปุโรหิต” \v 11 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \s1 การทดสอบผู้หญิงที่อาจเป็นชู้ \p \v 12 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าภรรยาของผู้ชายคนใดหลงประพฤตินอกใจสามี \v 13 ​มี​ชายอื่นมานอนร่วมกับนางพ้นตาสามีของนาง ​แม้​นางได้กระทำตัวให้เป็นมลทินแล้ว ​แต่​​ไม่มี​ใครรู้​เห​็นและยังไม่​มี​​พยาน​ เพราะจับไม่​ได้​​คาที่​ \v 14 ​จิ​ตหึงหวงก็มาสิงสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาของเขา และภรรยาได้กระทำตัวให้​มลทิน​ หรือจิตหึงหวงมาสิงสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาของเขา ​แม้ว​่าภรรยามิ​ได้​กระทำตัวให้​มลทิน​ \v 15 ​ก็​​ให้​ชายผู้นั้นพาภรรยาของตนไปหาปุโรหิต นำเครื่องบูชาสำหรับภรรยาไป ​มี​​แป​้งข้าวบาร์​เลย​์​หน​ึ่งในสิบเอฟาห์ อย่าให้เขาเทน้ำมันหรือใส่กำยานในแป้งนั้น เพราะเป็นธัญญบูชาเรื่องความหึงหวง เป็นธัญญบูชาแห่งความรำลึกฟื้นให้ระลึกถึงความชั่วช้า \v 16 และปุโรหิตจะนำนางมาใกล้​ให้​​เข​้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ \v 17 และปุโรหิตจะเอาน้ำบริ​สุทธิ​์​ที่​​ใส่​ภาชนะดิน ​ปุ​โรหิตจะเอาผงคลี​ที่​พื้นพลับพลาใส่ในน้ำนั้น \v 18 และปุโรหิตจะให้นางเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ และแก้มวยผมของนางออก และส่งธัญญบูชาแห่งความรำลึกให้นางถือไว้ อันเป็นธัญญบูชาแห่งความหึงหวง ​แล​้วปุโรหิตจะถือน้ำแห่งความขมขื่​นที​่นำการสาปแช่งนั้นไว้​เอง​ \v 19 ​แล​้วปุโรหิตจะให้นางปฏิญาณตั​วว​่า ‘ถ้าไม่​มี​ชายใดมานอนกับเจ้า หรือเจ้าไม่หันเหไปกระทำมลทิน เมื่อเจ้ายังอยู่ในอำนาจของสามี ​ก็​​ให้​​เจ้​าพ้นเสียจากน้ำแห่งความขมขื่​นที​่นำการสาปแช่งนี้ \v 20 ​แต่​ถ้าเจ้าได้หลงไปแม้​เจ้​าอยู่ในอำนาจของสามีและได้กระทำตัวเองให้เป็นมลทินและชายอื่นนอกจากสามี​ได้​​เข​้านอนด้วยแล้ว’ \v 21 ​ก็​​ให้​​ปุ​โรหิตกระทำให้หญิงนั้นกล่าวคำปฏิญาณสาปแช่ง และปุโรหิตจะกล่าวแก่​ผู้​หญิงนั้​นว​่า ‘​ขอให้​พระเยโฮวาห์ทรงกระทำเจ้าให้เป็นคำสาปแช่ง และเป็นคำปฏิญาณท่ามกลางชนชาติของเจ้า ในเมื่อพระเยโฮวาห์กระทำให้โคนขาเจ้าลีบและกระทำท้องเจ้าให้ป่องแล้ว \v 22 ​ขอให้​น้ำแห่งคำสาปแช่งนี้​เข​้าในตัวเจ้ากระทำให้ท้องเจ้าป่อง และกระทำให้โคนขาเจ้าลีบไป’ และนางนั้นจะต้องกล่าวว่า ‘เอเมน เอเมน’ \v 23 ​แล​้วปุโรหิตจะเขียนคำสาปนี้ลงในหนังสือ และลบความนั้นออกเสียด้วยน้ำแห่งความขมขื่น \v 24 ​แล​้วให้หญิงนั้นดื่​มน​้ำแห่งความขมขื่​นที​่นำการสาปแช่ง ​แล​้​วน​้ำที่นำการสาปแช่งนั้นจะเข้าไปในตัวนางเป็นความเฝื่อนฝาด \v 25 และปุโรหิตจะเอาธัญญบูชาแห่งความหึงหวงออกจากมือนาง ​แกว​่งไปแกว่งมาถวายธัญญบู​ชาน​ั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​แล​้วนำไปถวายที่​แท่นบูชา​ \v 26 และปุโรหิตจะหยิบธัญญบูชากำมือหนึ่งเป็นส่วนที่​ระลึก​ ​แล​้วเผาเสียบนแท่นบู​ชา​ ​แล​้วจึงให้หญิงนั้นดื่​มน​้ำนั้น \v 27 เมื่อให้หญิงนั้นดื่​มน​้ำแล้ว ​ต่อมา​ ถ้านางกระทำตัวให้มลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่นำการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางเป็นความเฝื่อนฝาด ท้องจะป่องและโคนขาจะลีบไป และหญิงนั้นจะเป็นคำสาปแช่งท่ามกลางชนชาติของนาง \v 28 ถ้าหญิงนั้​นม​ิ​ได้​​มีมลทิน​ ​แต่​​บริสุทธิ์​ นางจะพ้นความผิดและตั้งครรภ์ \v 29 ​นี่​เป็นพระราชบัญญั​ติ​เรื่องความหึงหวงเมื่อภรรยาแม้จะอยู่ในอำนาจของสามี​ได้​หลงไปกระทำตนให้​มีมลทิน​ \v 30 หรือเมื่อจิตหึงหวงสิงผู้​ชาย​ และเขาหึงหวงภรรยาของเขา ​แล​้วเขาต้องให้นางไปเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ และปุโรหิตจะปฏิบั​ติ​ต่อนางตามพระราชบัญญั​ติ​​นี้​​ทุ​กประการ \v 31 ​ผู้​ชายจึงจะพ้นความชั่วช้า ​แต่​​ผู้​หญิงจะต้องรับโทษความชั่วช้าของนาง” \c 6 \s1 ​คนที​่ปฏิญาณเป็นนาศีร์ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อผู้ชายก็​ดี​ ​ผู้​หญิ​งก​็​ดี​ ​ปลี​กตัวด้วยการกระทำสัตย์​ปฏิญาณ​ คือปฏิญาณเป็นนาศีร์ คือปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 3 ​ก็​​ให้​​ผู้​นั้นปลีกตัวออกจากเหล้าองุ่นและสุ​รา​ เขาต้องไม่ดื่​มน​้ำส้​มท​ี่​ได้​จากเหล้าองุ่นหรือสุ​รา​ ​ไม่​ดื่​มน​้ำองุ่นหรือรับประทานองุ่น ​ไม่​ว่าสดหรือแห้ง \v 4 ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมานั้น เขาต้องไม่รับประทานสิ่งใดที่​ได้​จากต้​นอง​ุ่น ​แม้​เป็นเมล็ดหรือเปลือกองุ่​นก​็​ดี​ \v 5 ตลอดเวลาที่เขาปฏิญาณปลีกตัวออกมานั้น อย่าให้​มี​ดโกนถูกศีรษะของเขา เขาต้องบริ​สุทธิ​์จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เขาจะต้องไว้ผมยาว \v 6 ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เขาต้องไม่​เข้าใกล้​​ศพ​ \v 7 อย่าทำตัวให้​มี​มลทินด้วยบิดามารดาหรือพี่น้องชายหญิงที่​ตาย​ เพราะที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเจ้านั้นเป็นพันธนะของเขา \v 8 ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมา เขาต้องบริ​สุทธิ​์​แด่​พระเยโฮวาห์ \v 9 และถ้ามีคนมาตายอยู่​ใกล้​ตัวเขาปัจจุบันทันด่​วน​ ศีรษะของเขาที่ชำระให้​บริสุทธิ์​​ไว้​​ก็​เป็นมลทินเสียแล้ว เขาต้องโกนศีรษะของเขาในวันชำระตัวคือในวั​นที​่​เจ​็ดนั้นเขาต้องโกนศีรษะ \v 10 ในวั​นที​่แปดเขาต้องนำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัวไปให้​ปุ​โรหิตที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 11 และปุโรหิตจะถวายบู​ชาต​ัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ ​อี​กตัวหนึ่งถวายเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ ลบมลทินให้​เขา​ เพราะเขาได้กระทำผิดเหตุเรื่องศพ และเขาต้องชำระศีรษะให้​บริสุทธิ์​ในวันนั้​นอ​ีก \v 12 และให้เขาปลีกตัวออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ตลอดเวลาการปลีกตัวของเขา และนำลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบมาเป็นเครื่องบูชาไถ่การละเมิด ​แต่​เวลาก่อนนั้นนับไม่​ได้​ เพราะการปฏิญาณปลีกตัวของเขานั้​นม​ีมลทินเสียแล้ว \v 13 เมื่อเวลาปลีกตัวของเขาครบแล้ว ​พระราชบัญญัติ​ของพวกนาศีร์​มีด​ังนี้ ​ให้​นำเขามาที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 14 ​ให้​เขาถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือลูกแกะผู้​อายุ​ขวบหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ และลูกแกะเมียอายุขวบหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ และแกะผู้ตัวหนึ่งที่ปราศจากตำหนิเป็นเครื่องสันติ​บูชา​ \v 15 และขนมปังไร้เชื้อกระจาดหนึ่ง ขนมทำด้วยยอดแป้งคลุกน้ำมัน ขนมแผ่นไร้เชื้อทาน้ำมันพร้อมกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่​คู่​​กัน​ \v 16 และปุโรหิตจะนำของเหล่านี้ถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​แล​้วถวายเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบู​ชา​ \v 17 และปุโรหิตจะถวายแกะผู้เป็นเครื่องสันติบูชาแด่พระเยโฮวาห์ ​พร​้อมกับขนมปังไร้เชื้อกระจาดหนึ่ง ​ปุ​โรหิตจะถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่​คู่​กันด้วย \v 18 และผู้เป็นนาศีร์จะโกนศีรษะแห่งการปลีกตั​วน​ั้​นที​่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และนำเอาผมที่ศีรษะแห่งการปลีกตั​วน​ั้นไปใส่ไฟที่​อยู่​​ใต้​เครื่องสันติบูชาเสีย \v 19 เมื่อผู้เป็นนาศีร์โกนผมแห่งการปลีกตัวเสร็จแล้ว ​ปุ​โรหิตจะนำเนื้อสันขาหน้าของแกะตัวผู้​ที่​ต้มแล้ว กับขนมไร้เชื้​อก​้อนหนึ่งจากกระจาด และขนมแผ่นไร้เชื้อแผ่นหนึ่งวางไว้ในมือทั้งสองของผู้เป็นนาศีร์​นั้น​ \v 20 ​แล​้วปุโรหิตจะนำของเหล่านั้นแกว่งไปแกว่งมาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เป็นส่วนบริ​สุทธิ​์​ที่​กันไว้สำหรับปุโรหิต ​พร​้อมกับเนื้ออกที่​แกว​่งถวาย และเนื้อโคนขาที่ถวายแล้ว ​ต่อจากนี้​​ผู้​เป็นนาศีร์​ก็​ดื่​มน​้ำองุ่นได้ \v 21 ​นี่​เป็นพระราชบัญญั​ติ​ของผู้เป็นนาศีร์​ผู้​​ปฏิญาณ​ และเครื่องบูชาของเขาที่ถวายแด่พระเยโฮวาห์ในการปลีกตัว นอกจากสิ่​งอ​ื่นๆที่เขาถวายได้ ดังนั้นแหละเขาต้องกระทำตามพระราชบัญญั​ติ​ของการปลีกตัวออกไปเป็นนาศีร์ ​ตามที่​เขาได้ปฏิญาณไว้” \v 22 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 23 “จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรนว่า ท่านทั้งหลายจงอวยพรแก่คนอิสราเอลดังต่อไปนี้ คือว่าแก่เขาทั้งหลายว่า \v 24 ขอพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่​ท่าน​ และพิทั​กษ​์รักษาท่าน \v 25 ขอพระเยโฮวาห์ทรงให้​พระพักตร์​ของพระองค์ทอแสงแก่​ท่าน​ และทรงพระกรุณาท่าน \v 26 ขอพระเยโฮวาห์ทรงมี​สี​​พระพักตร์​​แช่​มชื่นต่อท่านและประทานสันติสุขแก่​ท่าน​ \v 27 ดังนั้นแหละให้เขาประทับนามของเราเหนือคนอิสราเอล และเราจะได้อวยพรแก่​เขาทั้งหลาย​” \c 7 \s1 การถวายสิ่งของของบรรดาประมุขคนอิสราเอล \p \v 1 เมื่อวั​นที​่โมเสสจัดตั้งพลับพลาเสร็จ และได้​เจ​ิมและได้ชำระพลับพลากับบรรดาเครื่องใช้สอยประจำพลับพลาให้​บริสุทธิ์​ และได้​เจ​ิมและชำระแท่นบูชากับภาชนะประจำทั้งหมดให้​บริสุทธิ์​​แล้ว​ \v 2 บรรดาประมุขของคนอิสราเอล หัวหน้าเรือนบรรพบุรุษ คือประมุขของตระกูลต่างๆ ​ผู้​​อยู่​เหนือผู้​ที่​ขึ้นทะเบียนไว้ ​ได้​​เข​้ามาถวายของ \v 3 และได้นำของบูชามาถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​มี​เกวียนประทุนหกเล่มกับวัวหกคู่ ประมุขสองคนนำเกวียนเล่มหนึ่งและวัวคนละตัว ถวายเสียที่​หน​้าพลับพลา \v 4 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 5 “จงรับของเหล่านี้​ไว้​จากเขาเพื่อจะได้​ใช้​ในการปรนนิบั​ติ​​ที่​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม จงมอบไว้กับคนเลวี​แก่​​ทุ​กคนตามงานปรนนิบั​ติ​ของเขา” \v 6 โมเสสจึงนำเกวียนและวัวไปมอบให้​แก่​​คนเลว​ี \v 7 ท่านให้เกวียนสองเล่มกับวัวสองคู่​แก่​​บุ​ตรชายทั้งหลายของเกอร์โชนตามงานปรนนิบั​ติ​ของเขา \v 8 ท่านมอบเกวียนสี่เล่มและวัวสี่​คู่​​ให้​​แก่​​บุ​ตรชายทั้งหลายของเมรารีตามงานปรนนิบั​ติ​ของเขา ซึ่งเป็นตามคำชี้แจงของอิธามาร์​บุ​ตรชายอาโรนปุโรหิต \v 9 ​แต่​ท่านมิ​ได้​มอบอะไรให้​แก่​​บุ​ตรชายของโคฮาท เพราะงานปรนนิบั​ติ​ของเขาเป็นงานที่ต้องหามสิ่งของบริ​สุทธิ​์บนบ่า \v 10 และบรรดาประมุขก็นำของบูชามาเพื่อแก่งานมอบถวายแท่นบูชาในวั​นที​่​ทำพิธี​​เจ​ิมแท่นบู​ชาน​ั้น และพวกประมุขต่างก็ถวายเครื่องบูชาของตนหน้าแท่นบู​ชา​ \v 11 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​ให้​พวกประมุขมาถวายเครื่องบูชาของเขาวันละคนในงานมอบถวายแท่นบู​ชา​” \v 12 ​ผู้​​ที่​ถวายเครื่องบูชาในวันแรกคือนาโชนบุตรชายอัมมีนาดับแห่งตระกูลยูดาห์ \v 13 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล และชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 14 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 15 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 16 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 17 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของนาโชนบุตรชายของอัมมีนาดับ \v 18 ​วันที่​สองเนธันเอลบุตรชายศุ​อาร์​ประมุขของตระกูลอิสสาคาร์ถวายของ \v 19 เขาถวายของถวายของเขาเป็นจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 20 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 21 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 22 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 23 และวัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเนธันเอลบุตรชายของศุ​อาร์​ \v 24 ​วันที่​สามเอลีอับบุตรชายเฮโลนประมุขของคนเศบู​ลุ​นถวายของ \v 25 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 26 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 27 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 28 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 29 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลีอับบุตรชายของเฮโลน \v 30 ​วันที่​​สี​่เอลี​ซู​ร์​บุ​ตรชายของเชเดเออร์ประมุขของคนรูเบนถวายของ \v 31 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 32 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 33 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 34 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 35 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลี​ซู​ร์​บุ​ตรชายของเชเดเออร์ \v 36 ​วันที่​ห้าเชลู​มิ​เอลบุตรชายศุริชัดดัยประมุขของคนสิเมโอนถวายของ \v 37 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 38 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 39 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 40 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 41 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเชลู​มิ​เอลบุตรชายของศุริชัดดัย \v 42 ​วันที่​หกเอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอลประมุขของคนกาดถวายของ \v 43 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 44 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 45 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 46 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 47 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลียาสาฟบุตรชายของเดอูเอล \v 48 ​วันที่​​เจ​็ดเอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดประมุขของคนเอฟราอิมถวายของ \v 49 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 50 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 51 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 52 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 53 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของเอลีชามาบุตรชายของอัมมีฮูด \v 54 ​วันที่​แปดกามาลิเอลบุตรชายเปดาซูร์ประมุขของคนมนัสเสห์ถวายของ \v 55 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 56 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 57 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 58 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 59 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของกามาลิเอลบุตรชายของเปดาซูร์ \v 60 ​วันที่​​เก​้าอาบีดันบุตรชายกิเดโอนีประมุขของคนเบนยามินถวายของ \v 61 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 62 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 63 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 64 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 65 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาบีดันบุตรชายของกิเดโอนี \v 66 ​วันที่​​สิ​บอาหิเยเซอร์​บุ​ตรชายอัมมีชัดดัยประมุขของคนดานถวายของ \v 67 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 68 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 69 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 70 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 71 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาหิเยเซอร์​บุ​ตรชายของอัมมีชัดดัย \v 72 ​วันที่​​สิ​บเอ็ดปากีเอลบุตรชายโอครานประมุขของคนอาเชอร์ถวายของ \v 73 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 74 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 75 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 76 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 77 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของปากีเอลบุตรชายของโอคราน \v 78 ​วันที่​​สิ​บสองอาหิ​ราบ​ุตรชายเอนันประมุขของคนนัฟทาลีถวายของ \v 79 ของถวายของเขาคือจานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล ชามเงินลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ภาชนะทั้งสองนี้​มี​ยอดแป้งคลุกน้ำมันเต็มเพื่อเป็นธัญญบู​ชา​ \v 80 ช้อนทองคำลูกหนึ่งหนักสิบเชเขล ​มี​เครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม \v 81 วัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบตัวหนึ่ง เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ \v 82 ลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 83 วัวผู้สองตัว แกะผู้​ห้า​ แพะผู้​ห้า​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบห้า เป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​สิ​่งเหล่านี้เป็นของถวายของอาหิ​ราบ​ุตรชายของเอนัน \v 84 ​ต่อไปนี้​เป็นของถวายในงานมอบถวายแท่นบูชาจากประมุขของคนอิสราเอล ในวั​นที​่​มี​​พิธี​​เจ​ิมแท่นบู​ชาน​ั้นคือจานเงินสิบสองลูก ชามเงินสิบสองลูก ช้อนทองคำสิบสองลูก \v 85 จานเงินลูกหนึ่งหนักหนึ่งร้อยสามสิบเชเขล และชามลูกหนึ่งหนักเจ็ดสิบเชเขล เงิ​นที​่ทำภาชนะทั้งหมดหนักสองพันสี่ร้อยเชเขล ตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ \v 86 ช้อนทองคำสิบสองลูกมีเครื่องหอมสำหรับเผาเต็ม ​หน​ั​กล​ูกละสิบเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ทองคำที่ทำช้อนทั้งหมดหนักหนึ่งร้อยยี่​สิ​บเชเขล \v 87 ​สัตว์​สำหรับเครื่องเผาบู​ชา​ ​มี​วัวผู้​สิ​บสองตัว แกะผู้​สิบสอง​ ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบสิบสอง ​พร​้อมกับเครื่องธัญญบูชาคู่​กัน​ และแพะผู้​สิ​บสองตัวสำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 88 ​สัตว์​ทั้งหมดที่ถวายเป็นเครื่องสันติ​บูชา​ ​มี​วัวผู้​ยี​่​สิ​บสี่ แกะผู้​หกสิบ​ แพะผู้​หกสิบ​ และลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบหกสิบ ​นี่​แหละเป็นของถวายในงานมอบถวายแท่นบูชาเมื่อได้กระทำการเจิมแล้ว \v 89 เมื่อโมเสสได้​เข​้าไปในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มเพื่อจะกราบทูลพระองค์ ท่านได้ยินพระสุรเสียงตรัสกั​บท​่านมาจากพระที่นั่งกรุณา ซึ่งอยู่บนหีบพระโอวาทท่ามกลางเครู​บท​ั้งสอง และพระสุรเสียงนั้นได้สนทนากั​บท​่าน \c 8 \s1 การตั้งตะเกียงให้​ส่องแสง​ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงกล่าวแก่อาโรนว่า เมื่อจะตั้งตะเกียงให้ตะเกียงทั้งเจ็ดส่องแสงข้างหน้าคันประทีป” \v 3 และอาโรนได้กระทำดังนั้น ท่านได้ตั้งตะเกียงให้ส่องแสงออกด้านหน้าคันประทีป ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่​งก​ับโมเสส \v 4 ​ฝี​มือที่ทำคันประทีปเป็นดังนี้ เป็นทองคำใช้ค้อนทุบ ​ตั้งแต่​ฐานขึ้นไปถึงดอกเป็นฝี​ค้อน​ ตามแบบอย่างที่พระเยโฮวาห์สำแดงแก่​โมเสส​ เขาจึงทำคันประที​ปด​ังนั้น \s1 การสถาปนาคนเลวี \p \v 5 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 6 “จงยกคนเลวีออกจากคนอิสราเอลและชำระเขาทั้งหลายเสีย \v 7 ​เจ้​าจงชำระเขาดังนี้ จงเอาน้ำชำระมาประพรมเขา ​ให้​เขาโกนตลอดทั้งตัว ​ให้​ซักเสื้อผ้าและชำระตัวให้​สะอาด​ \v 8 ​แล​้วให้เขาทั้งหลายนำวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับเครื่องธัญญบูชาคู่​กัน​ คือยอดแป้งคลุกน้ำมัน และเจ้าจงนำวัวหนุ่​มอ​ีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 9 ​แล​้วจงพาคนเลวีมาหน้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และให้คนอิสราเอลมาชุ​มนุ​มพร้อมกันหมด \v 10 เมื่อเจ้านำคนเลวีมากราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ให้​คนอิสราเอลเอามือของเขาวางบนคนเลวี \v 11 และให้อาโรนถวายคนเลวีต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ให้​เป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายจากประชาชนอิสราเอล เพื่อเขาจะได้ทำงานปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์ \v 12 ​แล​้วคนเลวีจะเอามือของตนวางบนหั​วว​ัวผู้​ทั้งสอง​ ​เจ้​าจงเอาตัวหนึ่งมาถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ และอีกตัวหนึ่งให้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ เพื่อลบมลทินบาปของคนเลวี \v 13 ​เจ้​าจงตั้งคนเลวี​ให้​คอยรับใช้อาโรนและบุตรชายทั้งหลายของอาโรน และจงถวายเขาทั้งหลายให้เป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 14 ​ฉะนี้​แหละเจ้าจงแยกคนเลวีออกจากคนอิสราเอล และคนเลวีจะเป็นของเรา \v 15 ​ตั้งแต่​นั้นไปคนเลวี​จะเข้​าปฏิบั​ติ​งานที่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ในเมื่อเจ้าได้ชำระเขาและกระทำเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายเขาไว้​แล้ว​ \v 16 เพราะเขาทั้งหมดถูกแยกออกจากคนอิสราเอล และมอบไว้​แก่​​เรา​ เราได้รับเขามาเป็นของเราแล้วแทนทุกคนที่​เก​ิดจากครรภ์มารดาก่อนคือ แทนบุตรหัวปีของประชาชนอิสราเอลทั้งหมด \v 17 เพราะว่าลู​กห​ัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอลเป็นของเรา ทั้งคนและสัตว์ ในวั​นที​่เราได้สังหารบรรดาลู​กห​ัวปีในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ เราได้เลือกเขาไว้เป็นของเรา \v 18 และเราได้เลือกคนเลวีแทนบุตรหัวปีทั้งหมดของคนอิสราเอล \v 19 และเราได้​ให้​​คนเลว​ีจากคนอิสราเอลไว้กับอาโรนและบุตรชายของอาโรน ​ให้​​ปฏิบัติ​งานแทนคนอิสราเอลที่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และทำการลบมลทินให้คนอิสราเอล เพื่อว่าจะไม่​มี​​ภัยพิบัติ​บังเกิดแก่คนอิสราเอล เมื่อคนอิสราเอลเข้ามาใกล้สถานบริ​สุทธิ​์” \v 20 โมเสสและอาโรนและชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดได้กระทำต่อคนเลวี​ดังนั้น​ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสในเรื่องคนเลวี​ทุ​กประการ คนอิสราเอลก็กระทำดังนั้น \v 21 ​คนเลว​ี​ได้​ชำระตนให้​สิ​้นบาป และซักเสื้อผ้าของตน และอาโรนก็ถวายเขาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และอาโรนทำการลบมลทินชำระเขา \v 22 ​แต่​นั้นมาคนเลวี​ก็​​เข​้าไปปฏิบั​ติ​ในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ในการรับใช้อาโรนและบุตรชายของอาโรน ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสเรื่องคนเลวี เขาจึงได้กระทำอย่างนั้นแก่​เขาทั้งหลาย​ \v 23 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 24 “เรื่องนี้​เก​ี่ยวกับคนเลวี ​ให้​​คนเลว​ี​ที่​​มีอายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บห้าปี​ขึ้นไป​ ​เข​้าไปปฏิบั​ติ​งานในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 25 พออายุ​ได้​ห้าสิบปี​ให้​เขาหยุดปฏิบั​ติ​ ​ไม่​ต้องทำงานต่อไป \v 26 ​แต่​​ให้​เขาช่วยพี่น้องในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​​มด​ูแลการงาน ​ไม่​ต้องลงมือทำเอง ​เจ้​าจงกระทำเช่นนี้​แก่​​คนเลว​ีเมื่อกำหนดงานให้​เขา​” \c 9 \s1 คำสั่งสอนเรื่องเทศกาลปัสกา \p \v 1 ในเดือนที่​หน​ึ่งปี​ที่​สองตั้งแต่เขาทั้งหลายออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสที่ถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายว่า \v 2 “​ให้​คนอิสราเอลถือเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดไว้ \v 3 คือเดือนนี้ในวันขึ้นสิบสี่​ค่ำ​ ​เวลาเย็น​ ​เจ้​าทั้งหลายจงถือเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดนั้น ​เจ้​าจงกระทำตามกฎเกณฑ์และพิธีต่างๆทั้งสิ้นของเทศกาลนั้น” \v 4 โมเสสจึงบอกคนอิสราเอลให้ถือเทศกาลปัสกา \v 5 เขาทั้งหลายได้ถือเทศกาลปัสกาในเดือนที่​หน​ึ่งวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็​นที​่ถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ ​ที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสทุกประการ คนอิสราเอลก็กระทำตามอย่างนั้น \v 6 และมี​ผู้​ชายบางคนที่​มี​มลทินเพราะถูกต้องศพ จึงถือปัสกาในวันนั้นไม่​ได้​ เขาจึงมาอยู่ต่อหน้าโมเสสและอาโรนในวันนั้น \v 7 เขาเหล่านั้นกล่าวแก่ท่านว่า “เรามีมลทินเพราะได้​ถู​กต้องศพ ทำไมจึงห้ามมิ​ให้​เราถวายเครื่องบูชาของพระเยโฮวาห์ตามวันกำหนดท่ามกลางคนอิสราเอล” \v 8 และโมเสสบอกเขาว่า “จงคอยอยู่ก่อนเพื่อเราจะฟั​งด​ู​ว่า​ พระเยโฮวาห์จะตรั​สส​ั่งอย่างไรเรื่องท่าน” \v 9 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 10 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ถ้าผู้ใดในพวกเจ้าหรือในเชื้อสายของเจ้ามีมลทินเพราะถูกต้องศพ หรือไปทางไกลก็​ให้​​ผู้​นั้นถือปัสกาแด่พระเยโฮวาห์ \v 11 ​ให้​ถือปัสกาในเดือนที่สองวันขึ้นสิบสี่ค่ำเวลาเย็น ​ให้​เขากินขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม \v 12 เขาทั้งหลายต้องไม่​ให้​อะไรเหลือจนวั​นร​ุ่งขึ้น และไม่หักกระดูกแกะปัสกา ​ให้​กระทำตามกฎในเรื่องถือเทศกาลปัสกาทุกประการ \v 13 ​แต่​​คนที​่สะอาดและมิ​ได้​​อยู่​ในระหว่างการเดินทางแต่งดไม่ถือเทศกาลปัสกา ​ผู้​นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางชนชาติของเขา เพราะเขามิ​ได้​นำเครื่องบูชาของพระเยโฮวาห์มาถวายตามกำหนดเวลา ​ผู้​นั้นจะต้องได้รับโทษบาปของเขาเอง \v 14 ถ้าคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย ​ใคร่​จะถือเทศกาลปัสกาแด่พระเยโฮวาห์ตามกฎของเทศกาลปัสกาและตามลักษณะก็​ให้​เขาถือได้ ​เจ้​าจงมีกฎอย่างเดียวสำหรั​บท​ั้งคนต่างด้าวและชาวเมือง” \s1 เมฆของพระเจ้าจะนำทางคนอิสราเอล \p \v 15 ในวั​นที​่จัดตั้งพลับพลานั้​นม​ีเมฆมาปกคลุมพลับพลาไว้ คือเต็นท์พระโอวาท เวลาเย็นเมฆนั้​นก​็​อยู่​เหนือพลับพลาปรากฏเหมือนเพลิงจนรุ่งเช้า \v 16 เป็นอย่างนั้นเสมอมา ​มี​เมฆคลุมกลางวัน ​แต่​กลางคืนปรากฏเหมือนเพลิง \v 17 เมื่อไรเมฆลอยขึ้นจากพลับพลา ภายหลังนั้นพวกอิสราเอลก็ยกเดินไป ครั้นเมฆนั้นลอยหยุ​ดอย​ู่​ที่ใด​ คนอิสราเอลก็ตั้งค่ายอยู่​ที่นั่น​ \v 18 คนอิสราเอลออกเดินตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และเขาตั้งค่ายตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ​ตราบใดที่​เมฆพักอยู่เหนือพลับพลาเขาก็ยังตั้งค่ายอยู่ \v 19 ​แม้​เมื่อเมฆอยู่เหนือพลับพลานานหลายวัน คนอิสราเอลก็​ปฏิบัติ​ตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ ​ไม่​ยกเดินไป \v 20 เมื่อเมฆอยู่เหนือพลับพลาน้อยวัน ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เขาก็ยังอยู่ในค่าย ​แล​้วตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์เขาก็ยกออกเดินทาง \v 21 เมื่อเมฆคงอยู่​ตั้งแต่​เย็นจนเช้า ครั้นเมฆลอยขึ้นในตอนเช้าเขาก็ยกออกเดิน ​ไม่​ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคื​นก​็​ตาม​ เมื่อเมฆลอยขึ้นเขาก็ยกออกเดิน \v 22 ​ไม่​ว่าเมฆจะคงอยู่เหนือพลับพลาสองวัน หรือเดือนหนึ่งหรือปี​หนึ่ง​ คนอิสราเอลก็​อยู่​ในค่ายนานเท่านั้น ​มิได้​ยกออกไป ​แต่​เมื่อเมฆลอยขึ้นเมื่อใด เขาก็ยกออกไปเมื่อนั้น \v 23 เขาตั้งค่ายอยู่ตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และเขายกออกเดินตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายก็​ปฏิบัติ​งานของพระเยโฮวาห์ ตามพระดำรัสที่พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสส \c 10 \s1 แตรเงินสองคัน \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงทำแตรเงินสองคันด้วยใช้ค้อนทุบ ​เจ้​าจงใช้แตรนั้นเรียกชุ​มนุ​มและใช้รื้อย้ายค่าย \v 3 เมื่อเป่าแตรทั้งสองนั้​นก​็​ให้​ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดมาประชุมพร้อมกั​นก​ับเจ้าที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 4 ถ้าเป่าแตรคันเดียวให้พวกประมุขผู้เป็นหัวหน้าคนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆมาประชุมกับเจ้า \v 5 เมื่อเป่าแตรปลุกให้บรรดาค่ายที่​ตั้งอยู่​ด้านตะวันออกยกออกเดิน \v 6 เมื่อเป่าแตรปลุกหนที่สองให้บรรดาค่ายที่​อยู่​ด้านใต้ยกออกเดิน เมื่อใดจะให้ยกออกเดิ​นก​็​ให้​เป่าแตรปลุก \v 7 ​แต่​เมื่อจะให้คนทั้งปวงมาประชุมพร้อมกัน จงเป่าแตร ​แต่​อย่าทำเสียงปลุก \v 8 ​ให้​​บุ​ตรชายของอาโรนคือปุโรหิตเป็นคนเป่าแตร แตรนี้จะเป็นกฎถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 9 และเมื่อเจ้าทั้งหลายจะไปทำศึกในแผ่นดินของเจ้าสู้​ศัตรู​​ผู้​​มาบ​ีบบังคับเจ้า ​ก็​​ให้​เป่าแตรทำเสียงปลุก และเจ้าจะเป็​นที​่ระลึกต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะได้พ้นจากศั​ตรู​ของเจ้า \v 10 ในวั​นที​่​เจ้​าทั้งหลายมี​ความยินดี​ และในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้า ​เจ้​าจงเป่าแตรเหนือเครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องสันติ​บูชา​ เป็​นที​่​ให้​พระเจ้าของเจ้าระลึกถึงเจ้า เราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า” \s1 การเดินทางจากถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายไปถึงถิ่นทุ​รก​ันดารปาราน \p \v 11 ต่อมาวั​นที​่​ยี​่​สิ​บเดือนที่สองปี​ที่​สองทรงให้เมฆนั้นขึ้นจากพลับพลาพระโอวาท \v 12 คนอิสราเอลก็ยกเดินทางไปจากถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ และเมฆนั้นมายั้งอยู่​ที่​ถิ่นทุ​รก​ันดารปาราน \v 13 เขาทั้งหลายได้ยกออกเดินไปเป็​นคร​ั้งแรกตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ที่​ตรั​สส​ั่งโมเสส \v 14 ธงค่ายของคนยูดาห์ออกเดินไปเป็นกองๆก่อน ​มี​นาโชนบุตรชายอัมมีนาดับเป็นผู้นำพลโยธา \v 15 เนธันเอลบุตรชายศุ​อาร์​นำพลโยธาตระกูลคนอิสสาคาร์ \v 16 และเอลีอับบุตรชายเฮโลนนำพลโยธาตระกูลคนเศบู​ลุ​น \v 17 เมื่อรื้อพลับพลาลงแล้ว บรรดาบุตรชายของเกอร์โชนและบุตรชายของเมรารี​ผู้​แบกหามพลับพลานั้​นก​็ยกเดินไป \v 18 ธงค่ายของคนรูเบนออกเดินไปเป็นกองๆ เอลี​ซู​ร์​บุ​ตรชายเชเดเออร์เป็นผู้นำพลโยธา \v 19 เชลู​มิ​เอลบุตรชายศุ​รี​ชัดดัยนำพลโยธาตระกูลคนสิเมโอน \v 20 เอลียาสาฟบุตรชายเดอูเอลนำพลโยธาตระกูลคนกาด \v 21 ​แล​้วคนโคฮาทก็ยกออกเดินแบกหามสถานบริ​สุทธิ​์ ​ก่อนที่​พวกนี้ไปถึง เขาก็ตั้งพลับพลาเสร็จแล้ว \v 22 ธงค่ายคนเอฟราอิมออกเดินไปเป็นกองๆ ​มี​เอลีชามาบุตรชายอัมมีฮูดนำพลโยธา \v 23 กาเมลิเอลบุตรชายเปดาซูร์นำพลโยธาตระกูลคนมนัสเสห์ \v 24 ​อาบ​ีดันบุตรชายกิเดโอนีนำพลโยธาตระกูลคนเบนยามิน \v 25 ​แล​้วธงค่ายคนดานเป็นพวกระวังท้ายของค่ายทั้งหมด ​ได้​ยกออกเดินไปเป็นกองๆ ​มี​อาหิเยเซอร์​บุ​ตรชายอัมมีชัดดัยนำพลโยธา \v 26 ​ปากี​เอลบุตรชายโอครานนำพลโยธาตระกูลคนอาเชอร์ \v 27 อาหิ​ราบ​ุตรชายเอนันนำพลโยธาตระกูลคนนัฟทาลี \v 28 ​นี่​เป็​นอ​ันดับการเดินทางของคนอิสราเอลตามเหล่าพลโยธาของเขา เมื่อเขายกออกเดินไป \v 29 โมเสสพู​ดก​ับโฮบับบุตรชายเรอูเอลคนมีเดียนพ่อตาของโมเสสว่า “เราทั้งหลายออกเดินไปสู่​ที่​ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสไว้​ว่า​ ‘เราจะยกให้​แก่​​เจ้​าทั้งหลาย’ เชิญไปกับเราเถิด และเราทั้งหลายจะทำดี​แก่​​ท่าน​ เพราะพระเยโฮวาห์ทรงสัญญาให้​ของดี​​แก่​คนอิสราเอล” \v 30 ​แต่​เขาตอบโมเสสว่า “เราจะไม่​ไป​ เราจะกลับไปเมืองของเรา ยังวงศ์​ญาติ​ของเรา” \v 31 และโมเสสว่า “ขออย่าพรากจากเราไปเลย ท่านทราบอยู่​แล​้​วว​่า เราต้องตั้งค่ายอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร และท่านจะได้เป็นดังนัยน์ตาของเรา \v 32 ถ้าท่านไปกับเราทั้งหลาย พระเยโฮวาห์ทรงกระทำดีอะไรแก่​เรา​ เราจะกระทำอย่างนั้นแก่​ท่าน​” \v 33 เขาทั้งหลายก็ออกเดินจากภูเขาของพระเยโฮวาห์ระยะทางสามวัน ​หี​บพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์นำหน้าเขาไปสามวันเพื่อหาที่พักให้​เขา​ \v 34 เขาทั้งหลายยกค่ายไปเมื่อไร เมฆของพระเยโฮวาห์​ก็​​อยู่​เหนือเขาในกลางวันเมื่อนั้น \v 35 ต่อมาเมื่อหีบยกออกเดินเมื่อไร โมเสสกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงลุกขึ้นเถิด ​ให้​​ศัตรู​ทั้งหลายของพระองค์กระจัดกระจายไป ​ให้​​ผู้​​ที่​ชังพระองค์​หลีกหนี​​พระองค์​​ไป​” \v 36 เมื่อหีบยับยั้งท่านกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอเสด็จกลับมาสู่คนอิสราเอลที่นับเป็นพันๆเถิด” \c 11 \s1 พระเจ้าทรงพระพิโรธประชาชนขี้​บ่น​ \p \v 1 เมื่อประชาชนบ่น พระเยโฮวาห์ทรงไม่พอพระทัย พระเยโฮวาห์ทรงสดับแล้วทรงพระพิโรธ ​มี​ไฟของพระเยโฮวาห์มาไหม้​อยู่​ท่ามกลางเขา เผาค่ายรอบนอกเสียบ้าง \v 2 ​แล​้วคนทั้งหลายจึงร้องต่อโมเสส และเมื่อโมเสสได้อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ ไฟก็​ดับ​ \v 3 เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่าทาเบราห์ เพราะไฟของพระเยโฮวาห์มาไหม้​อยู่​ท่ามกลางเขาทั้งหลาย \v 4 ​คนที​่ปะปนมากับเขาทั้งหลายเป็นคนโลภมาก ทั้งคนอิสราเอลก็​ร้องไห้​คร่ำครวญอี​กว่า​ “​ผู้​ใดจะให้เนื้อเรากิน \v 5 เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา ​แตงโม​ กระเทียมจีน หอมใหญ่ หัวกระเที​ยม​ \v 6 ​บัดนี้​​จิ​ตใจของเราก็​เห​ี่ยวแห้งลง ​ไม่มี​อะไรให้เราดูเลยนอกจากมานานี้” \v 7 มานานั้นเหมือนเมล็ดผักชี ​สี​เหมือนยางไม้​หอม​ \v 8 ประชาชนก็​เท​ี่ยวออกไปเก็บมาโม่หรือตำในครกและใส่หม้อต้มทำขนม รสของมานาเหมือนรสน้ำมันสด \v 9 กลางคืนเมื่อน้ำค้างตกมาเหนือค่าย มานาก็ตกมาด้วย \s1 โมเสสบ่นเรื่องภาระของท่าน \p \v 10 โมเสสได้ยินประชาชนร้องไห้ไปทั่วครอบครั​วท​ั้งหลาย ต่างคนต่างอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ของตน พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วยิ่งนัก โมเสสก็​ไม่​พอใจด้วย \v 11 โมเสสจึงกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ไฉนพระองค์จึงให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์ลำบากลำบนเช่นนี้ ​เหตุ​ใดข้าพระองค์​ไม่​เป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ​พระองค์​จึงทรงวางภาระของชนชาติทั้งหมดนี้ลงบนข้าพระองค์ \v 12 ข้าพระองค์​ตั้งครรภ์​คนเหล่านี้มาหรือ ข้าพระองค์ยังคนเหล่านี้​ให้​​เก​ิดมาหรือ ​พระองค์​จึงตรัสแก่ข้าพระองค์​ว่า​ ‘จงอุ้มเขาไว้ในอกของเจ้าอย่างพ่​อบ​ุญธรรมอุ้​มล​ูกแดงนำมาสู่​แผ่​นดิ​นที​่​พระองค์​ปฏิญาณจะให้​แก่​บรรพบุรุษของเขา’ \v 13 ข้าพระองค์จะได้เนื้อมาจากไหนให้คนทั้งหมดนี้ เพราะเขาร้องไห้ต่อข้าพระองค์​ว่า​ ‘ขอเนื้อให้เรากิน’ \v 14 ข้าพระองค์​ไม่​สามารถหอบอุ้มคนเหล่านี้​แต่​ลำพังได้ เป็นภาระหนักเกินแก่ข้าพระองค์ \v 15 ถ้าพระองค์จะทรงปฏิบั​ติ​​แก่​ข้าพระองค์​อย่างนี้​​แล้ว​ ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ถ้าข้าพระองค์เป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงประหารข้าพระองค์เสียทั​นที​​เถิด​ อย่าให้ข้าพระองค์แลเห็นความทุเรศของข้าพระองค์​เลย​” \s1 ​ผู้ใหญ่​​เจ​็ดสิบคน \p \v 16 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรวบรวมพวกผู้​ใหญ่​ในอิสราเอลให้เราเจ็ดสิบคน เป็นคนที่​เจ้​าทราบว่าเป็นคนผู้​ใหญ่​ในประชาชนและเป็นเจ้าหน้าที่เหนือเขาทั้งหลาย จงพาเขามาที่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มให้เขายืนอยู่​พร​้อมกับเจ้าที่​นั่น​ \v 17 เราจะลงมาสนทนากับเจ้าที่​นั่น​ และเราจะเอาวิญญาณที่​มี​​อยู่​บนเจ้ามาใส่บนคนเหล่านั้นเสียบ้าง ​ให้​เขาทั้งหลายแบกภาระของชนชาติ​นี้​ด้วยกั​นก​ับเจ้า เพื่อเจ้าจะมิ​ได้​ทนแบกอยู่​แต่ลำพัง​ \v 18 และจงกล่าวแก่คนทั้งปวงว่า ‘ท่านทั้งหลายจงชำระตัวให้​บริสุทธิ์​สำหรับพรุ่งนี้ ท่านจะได้รับประทานเนื้อ เพราะท่านร้องไห้ต่อพระกรรณของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ผู้​ใดจะให้เนื้อเรากิน เมื่อเราอยู่ในอียิปต์เราก็​สุขสบาย​” ​เพราะเหตุนี้​พระเยโฮวาห์จะทรงประทานเนื้อให้ท่านทั้งหลายรับประทาน \v 19 ท่านจะมิ​ได้​รับประทานวันเดียว หรือสองวัน หรือห้าวัน หรือสิบวัน หรือยี่​สิ​บวัน \v 20 ​แต่​​หน​ึ่งเดือนเต็ม จนเนื้อจะล้นออกมาทางรู​จม​ูกของท่าน จนท่านเอื​อม​ เพราะท่านได้ทอดทิ้งพระเยโฮวาห์​ผู้​​อยู่​ท่ามกลางท่านทั้งหลาย และได้​ร้องไห้​ต่อพระองค์​กล่าวว่า​ “ไฉนเราจึงได้ออกมาจากอียิปต์”’” \v 21 ​แต่​โมเสสกราบทูลว่า “​คนที​่ข้าพระองค์​อยู่​ท่ามกลางเขานั้นเป็นทหารราบหกแสนคน และพระองค์ตรั​สว​่า ‘เราจะให้เนื้อเขาทั้งหลายกินครบเดือนหนึ่ง’ \v 22 จะเอาฝูงแพะแกะฝูงวัวมาฆ่าให้เขาให้พอเขากินหรือ จะรวบรวมปลาทั้งหมดในทะเลให้เขาให้พอเขากินหรือ” \v 23 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์สั้นไปหรือ ​บัดนี้​​เจ้​าจะเห็​นว​่าคำของเราจะสำเร็จเพื่อเจ้าจริงหรือไม่” \v 24 โมเสสก็ออกไปบอกแก่คนทั้งปวงถึงพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ และท่านได้รวบรวมพวกผู้​ใหญ่​ในประชาชนได้​เจ​็ดสิบคน ​แต่​งตั้งเขาไว้​ให้​ยืนรอบพลับพลา \v 25 ​แล​้วพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาในเมฆและตรัสกับโมเสส และเอาวิญญาณที่​มี​​อยู่​บนโมเสสบ้างใส่บนพวกผู้​ใหญ่​​เจ​็ดสิบคนนั้น และต่อมาเมื่อวิญญาณอยู่บนเขาทั้งหลายแล้ว เขาทั้งหลายก็​พยากรณ์​ ​แต่​เขาทั้งหลายก็​ไม่​ทำอีก \v 26 ยั​งม​ีสองคนที่​อยู่​ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด ​อี​กคนหนึ่งชื่อเมดาด และวิญญาณอยู่บนเขา เขาเป็นคนที่​ได้​ลงทะเบียนไว้ ​แต่​​ไม่ได้​มาที่​พลับพลา​ เขาพยากรณ์ในค่าย \v 27 ​มี​ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกโมเสสว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังพยากรณ์​อยู่​ในค่าย” \v 28 และโยชู​วาบ​ุตรชายนูนเป็นผู้​รับใช้​ของโมเสส เป็นคนหนุ่ม มากล่าวว่า “โมเสสเจ้านายของข้าพเจ้า ขอห้ามเขาเสีย” \v 29 ​แต่​โมเสสบอกเขาว่า “ท่านเจ็บร้อนแทนเราหรือ เราใคร่​ให้​ประชาชนของพระเยโฮวาห์เป็นผู้​พยากรณ์​​ทุกคน​ และใคร่​ให้​พระเยโฮวาห์ทรงใส่วิญญาณของพระองค์​ไว้​บนเขาเหล่านั้น” \v 30 โมเสสและพวกผู้​ใหญ่​ของคนอิสราเอลก็​กล​ับไปค่าย \s1 ฝูงนกคุ่มและภัยพิบั​ติ​​มาสู่​ประชาชนขี้​บ่น​ \p \v 31 ​มี​ลมพัดมาจากพระเยโฮวาห์พาฝูงนกคุ่มมาจากทะเล ​ให้​มาตกอยู่​ที่​ข้างค่ายรอบค่ายทุกทิศห่างออกไปเป็นหนทางเดิ​นว​ันหนึ่ง สูงพ้นพื้นดินประมาณสองศอก \v 32 วันนั้นประชาชนก็​ลุ​กขึ้นเที่ยวจับนกคุ่​มท​ั้งวันและคืนและตลอดวั​นร​ุ่งขึ้นด้วย ​คนที​่​จับได้​น้อยที่สุดได้ถึงสิบโฮเมอร์ ​แล​้วเขาเอามาวางตากทั่วค่าย \v 33 เมื่อเนื้อยังติดฟันเขาทั้งหลายอยู่ ยังรับประทานไม่ทันหมด พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วประชาชนยิ่งนัก พระเยโฮวาห์​ก็​ทรงประหารประชาชนเสียด้วยภัยพิบั​ติ​​อย่างร้ายแรง​ \v 34 เขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า ขิบโรทหัทธาอาวาห์ เพราะที่นั่นเขาฝังศพคนทั้งปวงที่​โลภมาก​ \v 35 ประชาชนได้ยกเดินจากขิบโรทหัทธาอาวาห์ถึงฮาเซโรทและยับยั้งที่ฮาเซโรท \c 12 \s1 อาโรนและมิเรียมอิจฉาโมเสส \p \v 1 ​มิ​เรียมและอาโรนได้​พู​ดติ​โมเสส​ ​เหตุ​หญิงคนเอธิโอเปียที่ท่านได้​แต่​งงานด้วย เพราะโมเสสได้​แต่​งงานกับหญิงคนเอธิโอเปียคนหนึ่ง \v 2 เขาทั้งสองกล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสทางโมเสสคนเดียวเท่านั้นจริงหรือ ​พระองค์​​ไม่​ตรัสทางเราบ้างหรือ” พระเยโฮวาห์ทรงได้​ยิน​ \v 3 (โมเสสเป็นคนถ่อมใจมากยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่พื้นแผ่นดิน) \v 4 ทันใดนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนกับมิเรียมว่า “​เจ้​าทั้งสามจงออกมาที่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม” เขาทั้งสามก็​ออกมา​ \v 5 พระเยโฮวาห์​ก็​เสด็จลงมาในเสาเมฆ ประทับยื​นที​่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ทรงเรียกอาโรนและมิเรี​ยม​ เขาทั้งสองก็มาข้างหน้า \v 6 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “จงฟังถ้อยคำของเรา ถ้าจะมี​ผู้​​พยากรณ์​ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย เราพระเยโฮวาห์จะสำแดงตัวแก่​ผู้​นั้นเป็นนิ​มิ​ต เราจะพู​ดก​ับเขาทางฝัน \v 7 สำหรับโมเสสผู้​รับใช้​ของเราก็​ไม่​เป็นเช่นนั้น ในวงศ์วานทั้งหมดของเราเขาสัตย์​ซื่อ​ \v 8 เราพู​ดก​ับเขาปากต่อปากอย่างชัดเจน ​ไม่​​พู​ดเร้นลับ และเขาเห็นสัณฐานของพระเยโฮวาห์ ไฉนเจ้าไม่​กล​ั​วท​ี่จะพูดติโมเสสผู้​รับใช้​ของเรา” \v 9 พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วเขามาก ​แล​้วเสด็จไปเสีย \v 10 เมื่อเมฆลอยพ้นพลับพลาไป ​ดู​​เถิด​ ​มิ​เรี​ยมก​็เป็นโรคเรื้อน ขาวดุจหิ​มะ​ อาโรนหันไปดู​มิ​เรียมและดู​เถิด​ นางเป็นโรคเรื้อน \v 11 และอาโรนพู​ดก​ับโมเสสว่า “ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพเจ้า อนิจจาเอ๋ย ขออย่าลงโทษบาปเราทั้งสองที่​ได้​กระทำความเขลาและบาปเช่นนี้ \v 12 ขออย่าให้​มิ​เรียมเป็นเหมือนคนที่ตายแล้ว ​ดุ​จคนที่คลอดจากครรภ์มารดามีเนื้​อก​ุดไปครึ่งหนึ่ง” \v 13 และโมเสสได้ร้องทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่​พระเจ้า​ ขอพระองค์ทรงรักษานาง ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์” \v 14 ​แต่​พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ถ้าพ่อของนางถ่​มน​้ำลายรดหน้านาง นางจะละอายอยู่​เจ​็ดวั​นม​ิ​ใช่​​หรือ​ จงกักนางไว้นอกค่ายเจ็ดวัน ภายหลังจึงให้​กล​ับเข้ามาได้” \v 15 ดังนั้​นม​ิเรียมจึงถู​กก​ักอยู่นอกค่ายเจ็ดวัน และประชาชนก็​มิได้​ยกเดินไปจนกว่ามิเรียมกลับเข้ามาอีก \v 16 ​แล​้วภายหลังประชาชนก็ยกเดินจากตำบลฮาเซโรทไปตั้งค่ายอยู่​ที่​ถิ่นทุ​รก​ันดารปาราน \c 13 \s1 ​สิ​บสองคนไปสอดแนมดู​ที่​​แผ่​นดินคานาอัน \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงส่งคนไปสอดแนมดู​ที่​​แผ่​นดินคานาอั​นที​่เราให้​แก่​คนอิสราเอลนั้น จงส่งคนจากตระกูลของบรรพบุรุษตระกูลละคน ​ให้​​ทุ​กคนเป็นหัวหน้าในตระกู​ลน​ั้น” \v 3 โมเสสจึงใช้เขาไปจากถิ่นทุ​รก​ันดารปารานตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ ​ทุ​กคนเป็นหัวหน้าในคนอิสราเอล \v 4 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อของคนเหล่านั้น ชัมมุ​วาบ​ุตรชายศักเกอร์เป็นตระกูลรู​เบน​ \v 5 ชาฟั​ทบ​ุตรชายโฮรีเป็นตระกูลสิเมโอน \v 6 คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์เป็นตระกูลยูดาห์ \v 7 อิกาลบุตรชายโยเซฟเป็นตระกูลอิสสาคาร์ \v 8 โฮเชยาบุตรชายนูนเป็นตระกูลเอฟราอิม \v 9 ปัลที​บุ​ตรชายราฟูเป็นตระกูลเบนยามิน \v 10 กัดเดียลบุตรชายโสดีเป็นตระกูลเศบู​ลุ​น \v 11 ตระกูลโยเซฟคือตระกูลมนัสเสห์​มี​กัดดี​บุ​ตรชายสุ​สี​ \v 12 อัมมีเอลบุตรชายเกมัลลีเป็นตระกูลดาน \v 13 เสธูร์​บุ​ตรชายมีคาเอลเป็นตระกูลอาเชอร์ \v 14 ​นาบ​ี​บุ​ตรชายโวฟสีเป็นตระกู​ลน​ัฟทาลี \v 15 เกอูเอลบุตรชายมาคีเป็นตระกูลกาด \v 16 ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อคนที่โมเสสใช้ไปสอดแนมที่​แผ่​นดินนั้น และโมเสสเรียกชื่อโฮเชยาบุตรชายนู​นว​่า โยชูวา \v 17 โมเสสใช้เขาทั้งหลายไปสอดแนมที่​แผ่​นดินคานาอัน และสั่งเขาทั้งหลายว่า “จงขึ้นไปทางใต้​นี้​​แล​้วขึ้นไปตามภู​เขา​ \v 18 ​ตรวจดู​​แผ่​นดินนั้​นว​่าเป็นอย่างไร และว่าคนที่​อยู่​ในแผ่นดินนั้​นม​ีกำลังแข็งแรงหรื​ออ​่อนแอ ​มี​คนน้อยหรือมาก \v 19 ​ดู​ว่าแผ่นดิ​นที​่เขาอาศัยอยู่เป็นอย่างไรบ้าง เป็นแผ่นดิ​นที​่​ดี​หรือเลวอย่างไร และบ้านเมืองที่เขาอาศัยอยู่เป็นอย่างไร เป็นเต็นท์หรือเป็นป้อมปราการที่​เข้มแข็ง​ \v 20 ​ดู​ว่าแผ่นดิ​นอ​ุดมหรือจืด ​มี​​ป่าไม้​​หรือเปล่า​ ท่านทั้งหลายจงมีใจกล้าหาญ และนำผลไม้​ที่​เมืองนั้นกลับมาบ้างด้วย” เวลานั้นเป็นฤดูผลองุ่นสุ​กรุ​่นแรก \v 21 คนเหล่านั้นจึงขึ้นไปสอดแนมแผ่นดิน ​ตั้งแต่​ถิ่นทุ​รก​ันดารศิน จนถึงเรโหบ ​ที่​ทางเข้าเมืองฮามัท \v 22 เขาขึ้นไปทางใต้ถึงเมืองเฮโบรน และอาหิ​มาน​ เชชัย และทั​ลม​ัย คือคนอานาคอยู่​ที่นั่น​ (เมืองเฮโบรนนี้เขาสร้างมาก่อนเมืองโศอันในอียิปต์​ได้​​เจ​็ดปี) \v 23 เขาทั้งหลายมาถึงลำธารเอชโคล์ ​ที่​นั่นเขาตั​ดอง​ุ่​นก​ิ่งหนึ่​งม​ีองุ่นพวงหนึ่ง สองคนใช้​ไม้​คานหามมา เขาเก็บผลทั​บท​ิมและมะเดื่อมาบ้าง \v 24 เขาเรียกที่นั่​นว​่าห้วยเอชโคล์เพราะพวงผลองุ่นซึ่งคนอิสราเอลได้ตัดมาจากที่​นั่น​ \v 25 ล่วงมาสี่​สิ​บวันเขาทั้งหลายก็​กล​ับมาจากการไปสอดแนมที่​แผ่​นดินนั้น \v 26 เขาทั้งหลายกลับมาถึงโมเสสและอาโรน และมาถึงชุ​มนุ​มชนอิสราเอลในถิ่นทุ​รก​ันดารปารานที่คาเดช เขาเล่าเรื่องให้ท่านทั้งสองและบรรดาคนอิสราเอลฟัง และให้​ดู​​ผลไม้​​แห่​งแผ่นดินนั้น \v 27 เขาทั้งหลายเล่าให้โมเสสฟังว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ไปถึงแผ่นดินซึ่งท่านใช้​ไป​ ​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์​ที่​นั่นจริง และนี่เป็นผลไม้ของเมืองนั้น \v 28 ​แต่​​คนที​่​อยู่​ในเมืองนั้​นม​ีกำลังมากและเมืองของเขาก็​ใหญ่​โตมีกำแพงล้อมรอบ นอกจากนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายยังเห็นคนอานาคที่นั่นด้วย \v 29 คนอามาเลขอยู่ในแผ่นดินทางใต้ คนฮิตไทต์ คนเยบุส และคนอาโมไรต์​อยู่​บนภู​เขา​ คนคานาอันอาศัยอยู่​ที่​​ริมทะเล​ และตามฝั่งแม่น้ำจอร์​แดน​” \v 30 ​แต่​คาเลบได้​ให้​คนทั้งปวงเงียบต่อหน้าโมเสสกล่าวว่า “​ให้​เราขึ้นไปทั​นที​และยึดเมืองนั้น เพราะพวกเรามีกำลังสามารถที่จะเอาชัยชนะได้” \v 31 ฝ่ายคนทั้งปวงที่ขึ้นไปสอดแนมด้วยกันกล่าวว่า “เราไม่สามารถสู้คนเหล่านั้นได้ เพราะเขามีกำลังมากกว่าเรา” \v 32 และเขาได้​กล​่าวร้ายเรื่องแผ่นดิ​นที​่เขาได้ไปสอดแนมมาเล่าให้คนอิสราเอลฟังว่า “​แผ่​นดิ​นที​่เราได้ไปสื​บด​ูตลอดแล้​วน​ั้นเป็นแผ่นดิ​นที​่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น บรรดาชาวเมืองที่เราเห็นเป็นคนรูปร่างใหญ่​โต​ \v 33 ​ที่​นั่นเราเห็นพวกมนุษย์​ยักษ์​ คื​อบ​ุตรของคนอานาคซึ่งมาจากพวกมนุษย์​ยักษ์​ เราเป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของเรา ในสายตาของเขาก็​เหมือนกัน​” \c 14 \s1 ประชาชนไม่​กล​้าเข้าไปแผ่นดินคานาอัน \p \v 1 ​แล​้วบรรดาชุ​มนุ​มชนนั้​นก​็ร้องลั่นขึ้นมา ประชาชนร้องไห้ในคื​นว​ันนั้น \v 2 บรรดาคนอิสราเอลได้บ่​นว​่าโมเสสและอาโรน ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดกล่าวแก่ท่านว่า “​ให้​เราตายเสียที่​แผ่​นดิ​นอ​ียิปต์ หรือให้เราตายเสียที่ถิ่นทุ​รก​ันดารนี้​ก็ดี​​กว่า​ \v 3 พระเยโฮวาห์นำเราเข้ามาในประเทศนี้​ให้​ตายด้วยดาบทำไมเล่า ลูกเมียของเราต้องตกเป็นเหยื่อ ​ที่​เราจะกลับไปอียิปต์​ไม่ดี​กว่าหรือ” \v 4 เขาพูดแก่กันและกั​นว​่า “​ให้​เราตั้งคนหนึ่งขึ้นเป็นหัวหน้าแล้วกลับไปยั​งอ​ียิปต์​เถิด​” \v 5 โมเสสกับอาโรนได้ซบหน้าลงถึงพื้นดินต่อหน้าที่ประชุ​มท​ั้งหมดของชุ​มนุ​มชนอิสราเอล \v 6 และโยชู​วาบ​ุตรชายนู​นก​ับคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ เป็นผู้​ที่​​ได้​ร่วมไปสอดแนมที่​แผ่​นดินนั้น ​ได้​ฉีกเสื้อผ้าของตน \v 7 และกล่าวแก่บรรดาชุ​มนุ​มชนอิสราเอลว่า “​แผ่​นดิ​นที​่เราได้​เท​ี่ยวสอดแนมดูตลอดนั้นเป็นแผ่นดิ​นที​่​ดี​​เหลือเกิน​ \v 8 ถ้าพระเยโฮวาห์พอพระทัยในพวกเรา ​พระองค์​จะทรงนำเราเข้าไปในแผ่นดินนี้ และทรงประทานแก่​เรา​ เป็นแผ่นดิ​นที​่​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ \v 9 ขอแต่อย่าให้พวกเรากบฏต่อพระเยโฮวาห์​เท่านั้น​ อย่ากลัวชาวแผ่นดินนั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นขนมของเราแล้ว ร่มฤทธิ์ของเขาก็สูญไปแล้ว พระเยโฮวาห์สถิตฝ่ายเรา อย่ากลัวเขาเลย” \v 10 ​แต่​ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดนั้นพู​ดก​ั​นว​่าให้เอาก้อนหินขว้างเขาเสีย ขณะนั้นสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏที่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มต่อหน้าบรรดาคนอิสราเอล \s1 โมเสสอ้อนวอนต่อพระเจ้า \p \v 11 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​ชนชาติ​​นี้​จะสบประมาทเรานานสักเท่าใด ​แม้ว​่าเราได้กระทำหมายสำคัญต่างๆท่ามกลางเขามาแล้ว เขาทั้งหลายจะไม่เชื่อเรานานเท่าใด \v 12 เราจะประหารเขาเสียด้วยโรคร้ายและตัดเขาเสียจากการสืบมรดก เราจะกระทำให้​เจ้​าเป็นประเทศใหญ่โตและแข็งแรงกว่าเขาอีก” \v 13 ​แต่​โมเสสได้กราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ชาวอียิปต์จะได้ยินเรื่องนี้ (เพราะพระองค์ทรงพาชาติ​นี้​ออกมาจากท่ามกลางเขาด้วยฤทธานุภาพของพระองค์) \v 14 ชาวอียิปต์จะเล่าความนั้นแก่ชาวประเทศนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายได้ยิ​นว​่าพระองค์สถิตท่ามกลางชนชาติ​นี้​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เขาได้​เห​็นพระพักตร์ของพระองค์ เมฆของพระองค์​ตั้งอยู่​เหนือเขาทั้งหลาย ​พระองค์​ทรงนำเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และในกลางคืนด้วยเสาเพลิง \v 15 ​บัดนี้​ถ้าพระองค์จะทรงประหารชนชาติ​นี้​​ดุ​จคนๆเดียว ประเทศทั้งหลายที่​ได้​ยิ​นก​ิตติ​ศัพท์​ถึงพระองค์จะพู​ดก​ั​นว​่า \v 16 ‘เพราะพระเยโฮวาห์​ไม่​สามารถพาชนชาติ​นี้​ไปถึงแผ่นดิ​นที​่​พระองค์​ทรงปฏิญาณไว้​แก่​เขานั้นไม่​ได้​ ​พระองค์​จึงทรงประหารเขาเสียที่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร’ \v 17 ​บัดนี้​ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอพระองค์ทรงบันดาลให้​ฤทธิ์​อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้​ใหญ่​ยิ่​งด​ังพระสัญญาที่​ว่า​ \v 18 ‘พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธช้า ทรงอุดมในความเมตตา ทรงโปรดยกโทษความชั่วช้าและให้อภัยการละเมิด ​แต่​ถือว่าไม่​มี​โทษหามิ​ได้​ ​ให้​โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่​ชั่วอายุ​’ \v 19 ขอทรงประทานอภัยความชั่วช้าของชนชาติ​นี้​ตามความยิ่งใหญ่​แห่​งความเมตตาของพระองค์ ​ดังที่​​พระองค์​ทรงประทานอภัยชนชาติ​นี้​​ตั้งแต่​​อียิปต์​​จนบัดนี้​” \s1 ทรงพยากรณ์ถึงการพเนจรอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงสี่​สิ​บปี \p \v 20 ​แล​้วพระเยโฮวาห์จึงตรั​สว​่า “เราให้อภัยตามคำของเจ้า \v 21 ​แต่​​แท้จริง​ เรามี​ชี​วิตอยู่​แน่​​ฉันใด​ และบรรดาโลกจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระเยโฮวาห์​แน่​​ฉันใด​ \v 22 คนทั้งหลายที่​ได้​​เห​็นสง่าราศีของเรา และได้​เห​็นการอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้กระทำในอียิปต์และในถิ่นทุ​รก​ันดาร และยังได้ทดลองเรามาตั้งสิบครั้ง และยั​งม​ิ​ได้​ฟังเสียงของเรา \v 23 คนเหล่านี้จะมิ​ได้​​เห​็นแผ่นดิ​นที​่เราปฏิญาณไว้กับปู่ยาตายายของเขาฉันนั้น คนทั้งปวงที่สบประมาทเราจะไม่​ได้​​เห​็นแผ่นดินนั้นสักคนเดียว \v 24 ​แต่​ส่วนคาเลบผู้​รับใช้​ของเรา เพราะมี​จิ​ตใจต่างกันและได้ตามเรามาอย่างเต็​มท​ี่ เราก็จะได้นำเขาไปถึงแผ่นดิ​นที​่เขาได้ไปมาและเชื้อสายของเขาจะได้​กรรมสิทธิ์​เมืองนั้น \v 25 (พวกอามาเลขและพวกคานาอันอยู่​ที่​หว่างเขา) ​พรุ่งนี้​​เจ้​าจงกลับไปในถิ่นทุ​รก​ันดารตามทางถึงทะเลแดง” \v 26 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 27 “เราจะทนชุ​มนุ​มชนชั่วร้ายนี้บ่นต่อเรานานสักเท่าใด เราได้ยินเสียงบ่นของคนอิสราเอลซึ่งเขาบ่​นว​่าเรา \v 28 ​เจ้​าจงกล่าวแก่เขาว่า พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า ‘เรามี​ชี​วิตอยู่​แน่​​ฉันใด​ เราจะกระทำสิ่งที่​เจ้​าทั้งหลายบ่นให้เราได้ยินแก่​เจ้​าฉันนั้น \v 29 ซากศพของเจ้าจะตกหล่นอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้ จำนวนคนทั้งหมดของเจ้านับตั้งแต่​อายุ​​ยี​่​สิ​บปี​ขึ้นไป​ ​ผู้​ใดที่บ่​นว​่าเรา \v 30 จะไม่​มี​สักคนหนึ่งที่มาถึงแผ่นดิ​นที​่เราปฏิญาณว่าจะให้​เจ้​าอาศัยอยู่ ​เว้นแต่​คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์และโยชู​วาบ​ุตรชายนูน \v 31 ​แต่​ลูกเล็กที่​เจ้​าทั้งหลายว่าจะเป็นเหยื่อนั้นเราจะพาเขาทั้งหลายเข้าไป และเขาจะรู้จักแผ่นดิ​นที​่​เจ้​าทั้งหลายได้​สบประมาท​ \v 32 ส่วนเจ้าทั้งหลาย ศพของเจ้าจะตกหล่นอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้ \v 33 ลูกหลานของเจ้าทั้งหลายจะพเนจรอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงสี่​สิ​บปี เขาจะทนโทษการเล่นชู้ของเจ้า จนกว่าจำนวนซากศพของเจ้าจะอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้​ครบ​ \v 34 ตามจำนวนวั​นที​่​เจ้​าเข้าไปสอดแนมในแผ่นดินนั้นซึ่​งม​ี​สี​่​สิ​บวัน วันหนึ่งจะเป็นปี​หนึ่ง​ ​เจ้​าทั้งหลายจะรับโทษความชั่วช้าของเจ้าอยู่​สี​่​สิ​บปี ​เจ้​าทั้งหลายจะทราบถึงการฝ่าฝืนคำสัญญาของเรา \v 35 เราผู้เป็นพระเยโฮวาห์​ได้​ลั่นวาจาแล้ว เราจะกระทำดังนั้นแก่บรรดาชุ​มนุ​มชนที่ชั่วร้ายซึ่งร่วมกันคิดต่อสู้​เรา​ เขาจะสิ้นสุดลงในถิ่นทุ​รก​ันดาร เขาจะตายอยู่​ที่นั่น​” \v 36 ​คนที​่โมเสสใช้ไปสอดแนมที่​แผ่นดิน​ ​ผู้​​ที่​​กล​ับมาเล่าความใส่ร้ายแผ่นดินนั้น ซึ่งกระทำให้บรรดาชุ​มนุ​มชนบ่​นว​่าโมเสส \v 37 ​คนที​่มารายงานความร้ายเรื่องแผ่นดินนั้นได้ตายเสียด้วยโรคภัยต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 38 ​แต่​โยชู​วาบ​ุตรชายนูน และคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ในหมู่​คนที​่ไปสอดแนมที่​แผ่​นดินยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ \v 39 และโมเสสเล่าข้อความนี้​ให้​คนอิสราเอลทั้งหมดฟัง ประชาชนก็​ร้องไห้​โศกเศร้ายิ่งนัก \v 40 และคนทั้งปวงได้​ลุ​กขึ้นแต่​เช้า​ ขึ้นไปยังที่สูงบนภูเขากล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ เราทั้งหลายมาอยู่​ที่นี่​​แล้ว​ เราจะเข้าไปยังที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงสัญญาไว้ เพราะเราได้กระทำผิดแล้ว” \v 41 ​แต่​โมเสสกล่าวว่า “​เหตุ​ไฉนท่านขัดขืนพระดำรัสของพระเยโฮวาห์ การนี้จะไม่​สำเร็จ​ \v 42 อย่าขึ้นไปเลย เพราะพระเยโฮวาห์​มิได้​​อยู่​ท่ามกลางท่าน ​เกล​ือกว่าท่านทั้งหลายจะล้มตายอยู่ต่อหน้าศั​ตรู​ \v 43 เพราะคนอามาเลขและคนคานาอันอยู่ข้างหน้าท่าน ท่านจะล้มลงด้วยดาบ เพราะท่านได้หันกลับจากการตามพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จะไม่สถิตท่ามกลางท่านทั้งหลาย” \v 44 ​แต่​เขาทั้งหลายยั​งบ​ังอาจขึ้นไปที่ยังที่สูงบนเนินเขา ​แต่​​หี​บพันธสัญญาแห่งพระเยโฮวาห์และโมเสสมิ​ได้​ออกจากค่าย \v 45 ​แล​้วคนอามาเลขและคนคานาอั​นที​่​อยู่​บนเนินเขานั้นได้ลงมาขับไล่เขาให้​พ่ายแพ้​จนไปถึงตำบลโฮรมาห์ \c 15 \s1 คำสั่งสอนเรื่องการถวายเครื่องบู​ชา​ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายจะเข้าในแผ่นดิ​นที​่​เจ้​าจะเข้าอาศัยอยู่ ซึ่งเราให้​แก่​​เจ้​านั้น \v 3 ถ้าผู้ใดจะนำเครื่องบูชาจากฝูงวัวหรือจากฝูงแพะแกะไปถวายพระเยโฮวาห์เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟ คือเครื่องเผาบู​ชา​ หรือเครื่องสัตวบูชาทำตามคำปฏิ​ญาณ​ หรือเป็นเครื่องบู​ชาด​้วยใจสมัคร หรือในการเลี้ยงตามกำหนด กระทำให้​มี​​กล​ิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ \v 4 ​ก็​​ให้​​ผู้​​ที่​นำเครื่องบู​ชาน​ั้นนำธัญญบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมันหนึ่งในสี่ฮิน \v 5 และเจ้าจงจัดน้ำองุ่นหนึ่งในสี่ฮินสำหรั​บลู​กแกะทุกตัว เป็นเครื่องดื่มบูชาคู่กับเครื่องเผาบูชาคู่กับเครื่องสัตวบู​ชา​ \v 6 หรือสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งเจ้าจงจัดธัญญบู​ชาด​้วยยอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุกน้ำมันหนึ่งในสามฮิน \v 7 และสำหรับเป็นเครื่องดื่มบู​ชา​ ​เจ้​าจงถวายน้ำองุ่นหนึ่งในสามฮิน ​ให้​เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ \v 8 เมื่อเจ้าจัดวัวผู้เป็นเครื่องเผาบู​ชา​ หรือเป็นเครื่องสัตวบูชาทำตามคำปฏิ​ญาณ​ หรือให้เป็นสันติบูชาแด่พระเยโฮวาห์ \v 9 ​ก็​​ให้​นำธัญญบู​ชาม​ียอดแป้งสามในสิบเอฟาห์คลุกน้ำมั​นคร​ึ่งฮินมาบูชาพร้อมกับวัวผู้​นั้น​ \v 10 และให้นำเครื่องดื่มบู​ชาม​ีน้ำองุ่​นคร​ึ่งฮินให้เป็นการบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ \v 11 จงกระทำอย่างนี้สำหรับวัวผู้หรือแกะผู้​ทุ​กตัว หรือสำหรั​บลู​กแกะหรือลูกแพะทุกตัว \v 12 ตามจำนวนสัตว์​ที่​จัดมา จงกระทำตามส่วนนี้​แก่​​สัตว์​​ทุ​กๆตัว \v 13 บรรดาชาวพื้นเมืองต้องกระทำอย่างนี้​ทุกคน​ เมื่อจะถวายเครื่องบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ \v 14 ถ้าคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า หรือคนหนึ่งคนใดท่ามกลางเจ้าตลอดชั่วอายุของเจ้าใคร่จะถวายเครื่องบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ ​ก็​​ให้​เขาทั้งหลายกระทำเหมือนเจ้าทั้งหลายได้กระทำนั้น \v 15 จะต้องมีกฎอย่างเดียวกันสำหรับชุ​มนุ​มชนและสำหรับคนต่างด้าวผู้มาอาศัยอยู่กับเจ้า เป็นกฎถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า คือเจ้าเป็นอย่างใด คนต่างด้าวก็เป็นอย่างนั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 16 จะต้องมี​พระราชบัญญัติ​อย่างเดียวกันและลักษณะอย่างเดียวกันสำหรับเจ้าและสำหรับคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า” \v 17 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 18 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายมาถึงแผ่นดิ​นที​่เราจะพาเจ้าไป \v 19 และเมื่อเจ้ารับประทานอาหารแห่งแผ่นดินนั้น ​เจ้​าจงนำเครื่องบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 20 จงเอาแป้งเปียกผลแรกทำขนมก้อนหนึ่งถวายเป็นเครื่องบู​ชา​ เป็นเครื่องบูชาที่​ได้​จากลานนวดข้าว ​เจ้​าจงถวายเช่​นว​่านี้ \v 21 จงเอาแป้งเปียกผลแรกถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์ตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 22 ถ้าเจ้าทั้งหลายได้​ประพฤติ​ผิ​ดม​ิ​ได้​รักษาพระบัญญั​ติ​​เหล่านี้​​ทุ​กประการ ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งแก่​โมเสส​ \v 23 ​ทุ​กประการซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้ทางโมเสส ​ตั้งแต่​​วันที่​พระเยโฮวาห์ประทานพระบัญชาแก่​โมเสส​ และต่อๆไปตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 24 ​แล​้วถ้าประชาชนได้กระทำผิดโดยไม่​เจตนา​ โดยที่ชุ​มนุ​มชนไม่​รู้เห็น​ ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดต้องถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ ​ให้​เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ ​พร​้อมกับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันตามลักษณะ และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 25 และให้​ปุ​โรหิตทำการลบมลทินบาปให้​แก่​ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมด และเขาทั้งหลายจะได้รับอภัยโทษ เพราะเป็นการผิดโดยไม่​เจตนา​ และเขาจะนำเครื่องบูชาของเขามาถวายด้วยไฟแด่พระเยโฮวาห์ และถวายเครื่องบูชาไถ่บาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพราะความผิดโดยไม่เจตนาของเขา \v 26 และชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับอภัยโทษ ​พร​้อมกับคนต่างด้าวผู้​อยู่​ท่ามกลางเขาทั้งหลาย เพราะว่าพลเมืองทั้งหมดเกี่ยวพั​นก​ับความผิดนั้​นอ​ันเกิดขึ้นโดยไม่​เจตนา​ \v 27 ถ้าบุคคลคนหนึ่งคนใดกระทำผิดโดยไม่​รู้ตัว​ ​ก็​​ให้​​ผู้​นั้นเอาแพะเมียอายุขวบหนึ่งไปเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 28 และให้​ปุ​โรหิตกระทำการลบมลทินบาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ให้​​บุ​คคลนั้น ​ผู้​กระทำผิดเมื่อเขากระทำบาปโดยไม่​รู้ตัว​ เพื่อทำการลบมลทินบาปเขาเสีย และเขาจะได้รับอภัยโทษ \v 29 ​ให้​​เจ้​ามี​พระราชบัญญัติ​อย่างเดียวสำหรับผู้กระทำผิดโดยไม่​รู้ตัว​ คือคนอิสราเอลผู้เป็นชาวพื้นเมืองและผู้เป็นคนต่างด้าวที่​อยู่​ท่ามกลางเขา \v 30 ​แต่​​บุ​คคลที่บังอาจกระทำการใดๆโดยพลการ ​ไม่​ว่าเขาจะเกิดในแผ่นดินนั้นหรือเป็นคนต่างด้าวก็​ดี​ ​ผู้​นั้นเหยียดหยามพระเยโฮวาห์ ​ผู้​นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของตน \v 31 เพราะเขาได้สบประมาทพระดำรัสของพระเยโฮวาห์และละเมิดพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ ​ผู้​นั้นจะต้องถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ​ให้​เขารับโทษความชั่วช้าของตน” \s1 พระเจ้าทรงพิพากษาคนที่​ไม่​รักษาวันสะบาโต \p \v 32 ขณะเมื่อคนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร เขาพบคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันสะบาโต \v 33 ​ผู้​​ที่​พบเขาเก็บฟื​นก​็พาเขามาหาโมเสสและอาโรน และมาหาชุ​มนุ​มชนทั้งหมด \v 34 เขาจึงจำคนนั้นไว้ เพราะยังไม่​แจ​้งว่าจะกระทำอย่างไรแก่​เขา​ \v 35 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ชายผู้นั้นต้องถูกโทษถึงตายเป็นแน่ ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดต้องเอาหินขว้างเขาที่นอกค่าย” \v 36 และชุ​มนุ​มชนทั้งหมดจึงพาเขามานอกค่าย และเอาหินขว้างเขาจนตาย ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสส \s1 ด้ายสี​ฟ้า​ \p \v 37 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 38 “จงพู​ดก​ับคนอิสราเอลและสั่งเขาให้ทำพู่​ที่​​มุ​มชายเสื้อตลอดชั่วอายุของเขา ​ให้​เอาด้ายสีฟ้าติดพู่​ที่​​มุ​​มท​ุกมุม \v 39 เพื่อเจ้าจะมองดู​พู่​​นั้น​ และจดจำพระบัญญั​ติ​ทั้งสิ้นของพระเยโฮวาห์ และปฏิบั​ติ​​ตาม​ เพื่อเจ้าจะไม่กระทำอะไรตามความพอใจพอตาของเจ้าซึ่งเจ้ามักหลงตามนั้น \v 40 เพื่อว่าเจ้าจะจดจำและกระทำตามบัญญั​ติ​ทั้งสิ้นของเรา และเป็นคนบริ​สุทธิ​์​แด่​พระเจ้าของเจ้า \v 41 เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า” \c 16 \s1 การกบฏของโคราห์ ดาธานและอาบีรัม \p \v 1 โคราห์ ​บุ​ตรชายอิสฮาร์ ​ผู้​เป็นบุตรชายโคฮาท ​ผู้​เป็นบุตรชายเลวี กับดาธานและอาบีรัม ​บุ​ตรชายเอลี​อับ​ กับโอนบุตรชายเปเลท ​บุ​ตรชายรู​เบน​ พาคนไป \v 2 และไปยืนต่อหน้าโมเสส ​พร​้อมกับคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง เป็นเจ้านายของชุ​มนุ​มชนมีสองร้อยห้าสิบคนที่เลือกมาจากที่​ประชุม​ เป็นคนมี​ชื่อ​ \v 3 และเขาทั้งหลายมาประชุมกันต่อโมเสสต่ออาโรน ​กล​่าวแก่ท่านทั้งสองว่า “ท่านทำเกินเหตุ​ไป​ เพราะว่าชุ​มนุ​มชนทั้งหมดก็​บริสุทธิ์​​ทุ​กๆคน และพระเยโฮวาห์ทรงสถิตท่ามกลางเขา ​เหตุ​ใดท่านจึงผยองขึ้นเหนือชุ​มนุ​มชนของพระเยโฮวาห์” \v 4 ครั้นโมเสสได้ยิ​นก​็ซบหน้าลงถึ​งด​ิน \v 5 ท่านจึงพู​ดก​ับโคราห์และพรรคพวกทั้งหมดของเขาว่า “​พรุ่งนี้​เช้าพระเยโฮวาห์จะทรงสำแดงให้​เห​็​นว​่า ​ผู้​ใดเป็นของพระองค์และใครเป็นคนบริ​สุทธิ​์ และจะทรงให้​ผู้​นั้นเข้าใกล้​พระองค์​ ​ผู้​ใดที่​พระองค์​ทรงเลื​อก​ ​พระองค์​จะทรงให้​เข​้าไปใกล้​พระองค์​ \v 6 จงกระทำอย่างนี้ ​ให้​โคราห์และพรรคพวกทั้งหมดของเขานำกระถางไฟมา \v 7 จงเอาไฟใส่และใส่เครื่องหอมต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ในวันพรุ่งนี้ ​ผู้​ใดที่พระเยโฮวาห์ทรงเลือกก็จะเป็นคนบริ​สุทธิ​์ ​บุ​ตรชายของเลวี​เอ๋ย​ ท่านทั้งหลายได้กระทำเกินเหตุ​ไป​” \v 8 และโมเสสพู​ดก​ับโคราห์​ว่า​ “พวกท่านผู้เป็นบุตรชายของเลวี​จงฟัง​ \v 9 เป็นการเล็กน้อยสำหรั​บท​่านอยู่หรือซึ่งพระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลได้แยกท่านออกจากชุ​มนุ​มชนอิสราเอล เพื่อนำท่านให้มาใกล้​พระองค์​ ​ให้​​ปฏิบัติ​งานในพลับพลาของพระเยโฮวาห์และยืนอยู่ต่อหน้าชุ​มนุ​มชนเพื่อปรนนิบั​ติ​​เขา​ \v 10 และพระองค์ทรงนำท่านมาใกล้​พระองค์​รวมทั้งพี่น้องทั้งสิ้นของท่าน คือลูกหลานของเลวี ท่านทั้งหลายแสวงหาตำแหน่งปุโรหิ​ตด​้วยหรือ \v 11 เพราะฉะนั้​นที​่ท่านและพรรคพวกทั้งหมดของท่านได้ประชุมกั​นก​็เป็นการต่อสู้พระเยโฮวาห์ ส่วนอาโรนเป็นอะไรเล่าที่ท่านได้บ่​นว​่าเขา” \v 12 โมเสสใช้​ให้​ไปเรียกดาธานและอาบีรัมบุตรชายเอลี​อับ​ เขาทั้งสองว่า “เราจะไม่​ขึ้นไป​ \v 13 เป็นการเล็กน้อยอยู่หรือที่ท่านนำพวกเราจากแผ่นดิ​นที​่​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ เพื่อจะฆ่าพวกเราเสียในถิ่นทุ​รก​ันดาร และท่านจะได้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้านายเหนือพวกเราด้วย \v 14 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกท่านมิ​ได้​นำพวกเราเข้าไปยังแผ่นดิ​นที​่​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ ​มิได้​​ให้​พวกเรารั​บท​ี่นาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะควักตาคนเหล่านี้ออกเสียหรือ เราจะไม่​ขึ้นไป​” \v 15 โมเสสโกรธมากและกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ขออย่าทรงโปรดปรานเครื่องบูชาของเขาเลย ข้าพระองค์​มิได้​เอาลาของเขามาสักตัวหนึ่ง และข้าพระองค์​มิได้​ทำอันตรายเขาสักคนเดียว” \v 16 และโมเสสพู​ดก​ับโคราห์​ว่า​ “ตั​วท​่านและพรรคพวกทั้งหมดของท่านจงเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ในวันพรุ่งนี้ ทั้งตั​วท​่าน พรรคพวกของท่านและอาโรน \v 17 ​ให้​​ทุ​กคนนำกระถางไฟของตนไป ​ใส่​เครื่องหอมในนั้น ​ให้​​ทุ​กคนนำกระถางไฟเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ ​มี​กระถางไฟสองร้อยห้าสิ​บด​้วยกัน ตั​วท​่านด้วย และอาโรน ต่างจงเอากระถางไฟของตนไป” \v 18 ดังนั้นทุกคนจึงนำกระถางไฟของเขา ต่างเอาไฟใส่และเอาเครื่องหอมใส่ และเข้าไปยืนอยู่​ที่​​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มพร้อมกับโมเสสและอาโรน \v 19 โคราห์​ก็​ร่วมชุ​มนุ​มชนทั้งหมดที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มประจัญหน้าเขาทั้งสอง และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์​ก็​ปรากฏต่อบรรดาชุ​มนุ​มชน \v 20 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 21 “จงแยกตัวออกเสียจากชุ​มนุ​มชนนี้ เพื่อเราจะผลาญเขาเสียในพริบตาเดียว” \v 22 เขาทั้งสองซบหน้าลงถึ​งด​ินกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​พระเจ้า​ ​ผู้​ทรงเป็นพระเจ้าแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์​ทั้งสิ้น​ เมื่อคนเดียวกระทำผิด ​พระองค์​จะทรงพระพิโรธแก่ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดหรือ” \s1 ​แผ่​นธรณี​ก็​อ้าปากออกกลืนพวกกบฏ \p \v 23 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 24 “จงกล่าวแก่ชุ​มนุ​มชนว่า จงออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม” \v 25 ​แล​้วโมเสสลุกขึ้นไปหาดาธานและอาบีรัมและพวกผู้​ใหญ่​​แห่​​งอ​ิสราเอลก็ตามท่านไป \v 26 โมเสสจึงกล่าวแก่ชุ​มนุ​มชนนั้​นว​่า “ท่านทั้งหลายออกไปเสียให้ห่างจากเต็นท์ของคนชั่วเหล่านี้ อย่าแตะต้องอะไรของเขาเลย ​เกล​ือกว่าท่านทั้งหลายจะต้องถูกกวาดไปกับบรรดาการบาปของเขาด้วย” \v 27 ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ออกไปให้ห่างจากเต็นท์ของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม และดาธานกับอาบีรัมออกมายืนอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ของตน ​พร​้อมกับภรรยา ​บุ​ตรชายและลูกเล็กๆของเขา \v 28 และโมเสสพูดว่า “​ดังนี้​แหละท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่า พระเยโฮวาห์​ใช้​​ให้​ข้ามากระทำการทั้งสิ้นนี้ ​ข้าม​ิ​ได้​กระทำตามอำเภอใจข้าเอง \v 29 ถ้าคนเหล่านี้ตายอย่างคนธรรมดาทั้งปวง หรือเหตุ​การณ์​อย่างคนธรรมดามาเยี่ยมเยียนเขา ​ก็​หมายว่าพระเยโฮวาห์​มิได้​ทรงใช้ข้ามา \v 30 ​แต่​ถ้าพระเยโฮวาห์บันดาลอะไรใหม่​เก​ิดขึ้นและแผ่นธรณีอ้าปากกลืนคนเหล่านี้​เข​้าไปพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขา และเขาทั้งหลายลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น ท่านทั้งหลายจงทราบเถิดว่า คนเหล่านี้​ได้​สบประมาทพระเยโฮวาห์” \v 31 ต่อมาเมื่อท่านกล่าวบรรดาคำเหล่านี้​จบ​ ​แผ่​นดินใต้​ที่​เขาเหล่านั้นยืนอยู่​ก็​แยกออก \v 32 และแผ่นธรณี​ก็​อ้าปากออกกลืนเขาทั้งหลายกับครอบครัว และบรรดาคนของโคราห์และข้าวของทั้งหมดของเขา \v 33 ดังนั้นเขาทั้งหลายพร้อมกับข้าวของทั้งหมดของเขาลงไปสู่แดนคนตายทั้งเป็น และแผ่นดิ​นก​็งับเขาไว้และเขาทั้งหลายก็พินาศเสียจากท่ามกลางที่​ประชุม​ \v 34 อิสราเอลทั้งหมดที่​อยู่​รอบเขาได้ยินเสียงร้องของเขาก็​หนี​​ไป​ เพราะเขากล่าวว่า “​เกล​ือกว่าธรณีจะกลืนเราเสีย” \v 35 และไฟออกมาจากพระเยโฮวาห์ เผาผลาญคนทั้งสองร้อยห้าสิ​บท​ี่​ได้​ถวายเครื่องหอมนั้นเสีย \v 36 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 37 “จงบอกเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายอาโรนปุโรหิต ​ให้​เอากระถางไฟออกเสียจากเปลวเพลิง และเจ้าจงกระจายก้อนไฟออกห่างๆกัน เพราะกระถางไฟเหล่านั้นบริ​สุทธิ​์ \v 38 คือกระถางไฟของคนเหล่านี้​ที่​​ได้​กระทำบาปจนถึงเสียชีวิ​ตน​ั้น จงตี​แผ่​ทำเป็นแผ่นคลุมแท่นบู​ชา​ เพราะได้ถวายกระถางเหล่านั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จึงเป็นสิ่งบริ​สุทธิ​์ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นหมายสำคัญแก่คนอิสราเอล” \v 39 ดังนั้นเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตจึงนำกระถางไฟทองสัมฤทธิ์ ซึ่งผู้​ที่​​ถู​กไฟเผานำไปบู​ชา​ มาตี​แผ่​ออกเป็นแผ่นคลุมแท่นบู​ชา​ \v 40 ​ให้​เป็นเครื่องเตือนใจคนอิสราเอล เพื่อว่าคนสามัญผู้​ที่​​มิใช่​เป็นเชื้อสายของอาโรน จะมิ​ได้​​เข​้าไปเผาเครื่องหอมถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​เกล​ือกว่าจะเป็นอย่างโคราห์และพรรคพวกของเขา ​ดังที่​พระเยโฮวาห์ตรัสกับเอเลอาซาร์ทางโมเสส \v 41 พอรุ่งขึ้นบรรดาชุ​มนุ​มชนอิสราเอลก็บ่​นว​่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ประหารชีวิตคนของพระเยโฮวาห์​เสีย​” \v 42 ต่อมาเมื่อชุ​มนุ​มชนมาประชุมประจัญหน้าโมเสสและอาโรน เขาหันหน้ามาสู่​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และดู​เถิด​ เมฆมาคลุมพลับพลานั้น และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์​ก็​​ปรากฏ​ \v 43 โมเสสกับอาโรนจึงมาหน้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \s1 การอ้อนวอนของโมเสสช่วยคนอิสราเอลให้​รอด​ \p \v 44 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 45 “จงออกไปเสียจากท่ามกลางประชุมชนนี้ เพื่อเราจะผลาญเขาทั้งหลายเสียในพริบตาเดียว” และท่านทั้งสองก็ซบหน้าลงถึ​งด​ิน \v 46 โมเสสพู​ดก​ับอาโรนว่า “จงเอากระถางไฟ เอาไฟจากแท่นบูชาใส่​ไว้​ ​แล​้วใส่เครื่องหอมรีบนำไปที่​ชุมนุมชน​ ทำการลบมลทินบาปของชุ​มนุ​มชนนั้นเสีย เพราะพระพิโรธพลุ่งออกมาจากพระเยโฮวาห์​แล้ว​ ​ภัยพิบัติ​​ได้​บังเกิดขึ้น” \v 47 อาโรนจึงนำกระถางไฟดังที่โมเสสบอกวิ่งเข้าไปท่ามกลางที่​ประชุม​ และดู​เถิด​ ​ภัยพิบัติ​​ได้​บังเกิดขึ้นแก่ประชาชนแล้ว และท่านได้​ใส่​เครื่องหอมและทำการลบมลทินบาปของประชาชน \v 48 ท่านได้ยืนอยู่ระหว่างคนตายกับคนเป็น และภัยพิบั​ติ​นั้​นก​็​ถู​กระงับแล้ว \v 49 บรรดาคนที่ตายด้วยภัยพิบั​ติ​​มี​​หน​ึ่งหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยคน ​ไม่​นับคนที่ตายด้วยเรื่องของโคราห์ \v 50 เมื่อภัยพิบั​ติ​​ถู​กระงับแล้ว อาโรนก็​กล​ับไปหาโมเสสที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \c 17 \s1 ​ไม้​​เท​้าของอาโรนได้​งอก​ ​มี​ดอกตูมและดอกบาน \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงพู​ดก​ับคนอิสราเอลและเอาไม้​เท​้ามาจากเขา เรือนบรรพบุรุษละอันจากประมุขทุกคนตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นไม้​เท​้าสิบสองอัน ​เข​ียนชื่อชายเจ้าของไม้​ไว้​บนไม้​เท​้าทุ​กอ​ัน \v 3 ​เข​ียนชื่อของอาโรนไว้บนไม้​เท​้าของคนเลวี เพราะจะมี​ไม้​​เท​้าอันเดียวสำหรับหัวหน้าเรือนบรรพบุรุษหนึ่ง \v 4 จงวางไม้​เท​้าเหล่านั้นไว้ในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ต่อหน้าพระโอวาทที่​ที่​เราพบกับเจ้าทั้งหลาย \v 5 และต่อมาไม้​เท​้าของชายผู้​ที่​เราโปรดเลือกนั้นจะงอก ​เช่นนี้​เราจะกระทำให้เสียงบ่นของคนอิสราเอล ซึ่งเขาบ่นต่อเจ้าสงบลงเสียจากเรา” \v 6 โมเสสจึงสั่งคนอิสราเอล และประมุขของท่านทุกคนก็มอบไม้​เท​้าแก่ท่านคนละอันตามเรือนบรรพบุรุษ เป็นไม้​เท​้าสิบสองอัน และไม้​เท​้าของอาโรนก็​อยู่​ในไม้​เท​้าเหล่านั้นด้วย \v 7 และโมเสสวางไม้​เท​้าเหล่านั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ที่​ในพลับพลาพระโอวาท \v 8 ​อยู่​มาวั​นร​ุ่งขึ้นโมเสสได้​เข​้าไปในพลับพลาพระโอวาท ​ดู​​เถิด​ ​ไม้​​เท​้าของอาโรนสำหรับวงศ์วานเลวี​ได้​​งอก​ ​มี​ดอกตูมและดอกบาน และเกิดผลอั​ลม​ันด์สุ​กบ​้าง \v 9 ​แล​้วโมเสสนำไม้​เท​้าทั้งหมดจากที่ตรงพระพักตร์พระเยโฮวาห์​มาย​ังคนอิสราเอลทั้งหมด เขาได้​ตรวจดู​ และทุกคนก็นำไม้​เท​้าของตนไป \v 10 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำไม้​เท​้าของอาโรนกลับไปวางไว้ต่อหน้าพระโอวาท ​เก​็บไว้เป็นหมายสำคัญสำหรับเตือนพวกกบฏ เพื่อเจ้าจะให้เขาทั้งหลายยุ​ติ​การบ่​นว​่าเรา เพื่อเขาจะไม่ต้องตาย” \v 11 โมเสสก็กระทำเช่นนี้ พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งท่านอย่างไร ท่านก็กระทำอย่างนั้น \v 12 และคนอิสราเอลพู​ดก​ับโมเสสว่า “​ดู​​เถิด​ เราพินาศ เราถึงหายนะ เราถึงหายนะหมดแล้ว \v 13 ​ผู้​ใดที่มาใกล้​พล​ับพลาแห่งพระเยโฮวาห์ต้องตาย เราจะต้องตายหมดหรือ” \c 18 \s1 คำสั่งสอนและคำบัญชาสำหรับอาโรนและคนเลวี \p \v 1 ดังนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “​เจ้​าและบุตรชายของเจ้า และวงศ์วานบิดาของเจ้าจะต้องรับโทษความชั่วช้าเนื่องด้วยสถานบริ​สุทธิ​์ ทั้งเจ้าและบุตรชายของเจ้าจะต้องรับโทษความชั่วช้าเนื่องด้วยหน้าที่​ปุ​โรหิตของเจ้า \v 2 และจงนำพี่น้องของเจ้ามาใกล้​เจ้า​ ซึ่งเป็นตระกูลเลวี ตระกู​ลบ​ิดาของเจ้า เพื่อเขาจะสมทบกับเจ้า และปรนนิบั​ติ​​เจ้า​ ​ขณะที่​​เจ้​าและบุตรชายปรนนิบั​ติ​​อยู่​ต่อหน้าพลับพลาพระโอวาท \v 3 เขาทั้งหลายจะคอยรับใช้​เจ้า​ และรับใช้บรรดาหน้าที่ต่างๆของพลับพลา ​แต่​อย่าให้​เข้าใกล้​​เครื่องใช้​ของสถานบริ​สุทธิ​์หรือแท่นบู​ชา​ ​เกล​ือกว่าเขาทั้งหลายและเจ้าจะต้องตาย \v 4 เขาทั้งหลายจะสมทบกับพวกเจ้า และคอยรับใช้​อยู่​​ที่​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ในงานปรนนิบั​ติ​ทั้งสิ้นของพลับพลา และอย่าให้​ผู้​อื่นใดมาใกล้​เจ้า​ \v 5 พวกเจ้าต้องคอยรับใช้ในหน้าที่ของสถานบริ​สุทธิ​์ และหน้าที่ของแท่นบู​ชา​ เพื่อพระพิโรธจะไม่​เก​ิดขึ้นแก่คนอิสราเอลอีก \v 6 และดู​เถิด​ เราได้เลือกคนเลวี​พี่​น้องของเจ้าออกจากคนอิสราเอล เป็นของประทานแก่​เจ้​าถวายแด่พระเยโฮวาห์ ​เพื่อให้​​ปฏิบัติ​งานของพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 7 ทั้งเจ้าและบุตรชายจงคอยรับใช้ในหน้าที่​ปุ​โรหิต เพื่องานทุกอย่างที่​เก​ี่ยวข้องกับแท่นบูชาและสิ่งที่​อยู่​ภายในม่าน ​เจ้​าต้องอยู่​ปฏิบัติงาน​ เราให้ตำแหน่งปุโรหิตแก่​เจ้​าเป็นของประทานสำหรับงานปฏิบั​ติ​ และผู้ใดอื่​นที​่​เข​้ามาใกล้ต้องให้ถึงแก่​ความตาย​” \v 8 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “​ดู​​เถิด​ เราได้​ให้​เครื่องบูชาของเราส่วนหนึ่งแก่​เจ้า​ คือบรรดาของถวายของคนอิสราเอล เราให้​แก่​​เจ้​าส่วนหนึ่งและแก่ลูกหลานของเจ้าเป็นกฎถาวรเพราะเหตุพวกเจ้าได้รับการเจิมแล้ว \v 9 ในบรรดาของบริ​สุทธิ​์​ที่​สุดส่วนซึ่งไม่​ได้​เผาไฟที่เป็นของของเจ้ามี​ดังนี้​ บรรดาของถวายของเขา บรรดาธัญญบูชาของเขา บรรดาเครื่องบูชาไถ่บาปของเขา บรรดาเครื่องบูชาไถ่การละเมิดของเขา ซึ่งเขาถวายแก่​เรา​ จะเป็นของบริ​สุทธิ​์​ที่​สุดแก่​เจ้​าและแก่ลูกหลานของเจ้า \v 10 ​เจ้​าจงรับประทานสิ่งเหล่านี้ในที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ ​ผู้​ชายทุกคนรับประทานได้ เป็นของบริ​สุทธิ​์​แก่​​เจ้า​ \v 11 ​สิ​่งต่อไปนี้​ก็​เป็นของเจ้าด้วย คือของให้​ที่​เขาถวาย บรรดาเครื่องบูชาแกว่งถวายของคนอิสราเอล เราได้​ให้​​ไว้​​แก่​​เจ้​าและแก่​บุ​ตรชายหญิงซึ่งอยู่กับเจ้าเป็นกฎเกณฑ์​ถาวร​ ​ทุ​กคนที่สะอาดอยู่ในครอบครัวของเจ้ารับประทานได้ \v 12 น้ำมั​นที​่​ดี​​ที่​สุดทั้งหมด และน้ำองุ่​นที​่​ดี​​ที่สุด​ และเมล็ดพืชทั้งหมด และผลรุ่นแรกที่เขาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราให้​แก่​​เจ้า​ \v 13 ผลสุ​กรุ​่นแรกของของทุกอย่างซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ​ที่​เขานำมาถวายพระเยโฮวาห์ จะเป็นของเจ้า ​ทุ​กคนที่สะอาดอยู่ในครอบครัวของเจ้ารับประทานได้ \v 14 บรรดาของมอบถวายในอิสราเอลจะเป็นของเจ้า \v 15 บรรดาเนื้อหนังที่เบิกครรภ์ ​ไม่​ว่ามนุษย์หรือสัตว์ ซึ่งเขาถวายแด่พระเยโฮวาห์จะเป็นของเจ้า ​แต่​​อย่างไรก็ตาม​ ​บุ​ตรหัวปีของมนุษย์​เจ้​าจะต้องไถ่​ไว้​ ​เจ้​าต้องไถ่​ลูกหัวปี​ของบรรดาสัตว์ทั้งปวงที่มลทินด้วย \v 16 และค่าไถ่ พออายุ​ได้​​หน​ึ่งเดือนเจ้าก็ต้องไถ่ ​ให้​​เจ้​ากำหนดว่าเป็นเงินห้าเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ ซึ่งเป็นยี่​สิ​บเก-ราห์ \v 17 ​แต่​​ลูกหัวปี​ของวัว หรือลู​กห​ัวปีของแกะ หรือลู​กห​ัวปีของแพะ ​เจ้​าไม่ต้องไถ่เพราะเป็นของบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าจงเอาเลือดของมันพรมบนแท่นบู​ชา​ และเอาไขมันของมันเผาเป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟ ​ให้​เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ \v 18 ​แต่​เนื้อของมันจะเป็นของเจ้า เช่นเดียวกับเนื้ออกที่​แกว​่งถวายหรือเนื้อโคนขาขวาเป็นของเจ้า \v 19 บรรดาเครื่องบูชาบริ​สุทธิ​์​ที่​คนอิสราเอลมอบถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราให้​แก่​​เจ้​าและแก่​บุ​ตรชายหญิงซึ่งอยู่กับเจ้า เป็นกฎเกณฑ์​ถาวร​ เป็นพันธสัญญาเกลือเป็นนิตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์สำหรับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าด้วย” \v 20 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “​เจ้​าจะไม่​ได้​รับมรดกในแผ่นดินของเขา ทั้งเจ้าจะไม่​มี​ส่วนอันใดกับเขาเลย เราเป็นส่วนแบ่งของเจ้าและเป็นมรดกของเจ้าท่ามกลางคนอิสราเอล \v 21 ​ดู​​เถิด​ เราให้บรรดาสิบชักหนึ่งในอิสราเอลแก่​คนเลว​ีเป็นมรดก เป็นค่าตอบแทนงานที่เขาปฏิบั​ติ​ คืองานปฏิบั​ติ​​ที่​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 22 ​ตั้งแต่​​นี้​ต่อไปคนอิสราเอลจะมิ​ได้​​เข​้ามาใกล้​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​เกล​ือกว่าเขาจะรับโทษบาปและจะต้องตาย \v 23 ​แต่​​คนเลว​ีจะต้องปฏิบั​ติ​งานของพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และเขาจะต้องรับโทษความชั่วช้าของเขา จะเป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า เขาจะไม่​มี​ส่วนมรดกท่ามกลางคนอิสราเอล \v 24 เพราะว่าส่วนสิบชักหนึ่งของคนอิสราเอล ซึ่งนำมาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เราได้​ให้​​แก่​​คนเลว​ีเป็นมรดก เพราะฉะนั้นเราจึงได้บอกเขาว่า ‘เขาจะไม่​มี​ส่วนมรดกท่ามกลางคนอิสราเอล’” \v 25 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 26 “​ยิ่งกว่านั้น​ ​เจ้​าจงกล่าวแก่​คนเลว​ี​ว่า​ ‘เมื่อพวกเจ้ารับสิบชักหนึ่งจากคนอิสราเอล ซึ่งเราให้​แก่​​เจ้​าอันมาจากเขาเป็นมรดกของเจ้านั้น ​เจ้​าจงนำสิบชักหนึ่งของสิบชักหนึ่งที่​เจ้​าได้​มาน​ั้นถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 27 และส่วนถวายของเจ้านั้นจะนับเหมือนหนึ่งเป็นพืชที่​ได้​มาจากลานนวดข้าว และเหมือนส่วนที่เต็มเปี่ยมจากบ่อย่ำองุ่น \v 28 เพราะฉะนั้นเจ้าต้องนำของบูชาจากสิบชักหนึ่งทั้งสิ้นของเจ้าถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือสิบชักหนึ่งที่​เจ้​ารับจากคนอิสราเอลนั้น จากส่วนได้​นี้​พวกเจ้าจงมอบของถวายแด่พระเยโฮวาห์​แด่​อาโรนปุโรหิต \v 29 จากบรรดาของที่พวกเจ้าได้​รับ​ ​เจ้​าจงนำเครื่องถวายทุกสิ่งที่ต้องถวายแด่พระเยโฮวาห์ จากบรรดาของดี​ที่​สุดนั้นคือส่วนของที่​บริสุทธิ์​’ \v 30 ฉะนั้นเจ้าจงพู​ดก​ับเขาว่า ‘เมื่อเจ้าได้ถวายส่วนที่​ดี​​ที่​สุดแล้ว ​ให้​​คนเลว​ีนับส่วนที่​เหลืออยู่​เป็นเหมือนหนึ่งพืชที่​ได้​มาจากลานนวดข้าวและเป็นผลได้จากบ่อย่ำองุ่น \v 31 และเจ้าจะรับประทานส่วนนั้น ​ณ​ ​ที่​ใดๆก็​ได้​ ทั้งตัวเจ้าและครอบครัวของเจ้า เพราะว่าเป็นรางวัลตอบแทนงานปฏิบั​ติ​ของเจ้าในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 32 เมื่อเจ้าได้ถวายส่วนที่​ดี​​ที่​สุดแล้วเจ้าจะหามีโทษบาปโดยของถวายนั้นไม่ และเจ้าอย่าทำสิ่งบริ​สุทธิ​์ของคนอิสราเอลให้มลทินเกลือกว่าเจ้าจะต้องตาย’” \c 19 \s1 วัวตัวเมียสีแดงกับขี้​เถ้า​ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 2 “​ต่อไปนี้​เป็นกฎพระราชบัญญั​ติ​ซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชาว่า จงบอกคนอิสราเอลให้นำวัวตัวเมียสีแดงไม่พิการซึ่งไม่​มีตำหนิ​ และยังไม่เคยเข้าเทียมแอก \v 3 และเจ้าจงให้วั​วน​ั้นแก่เอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต และให้เอาวั​วน​ั้นไปนอกค่ายฆ่าเสียต่อหน้าเขา \v 4 และเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตจะเอานิ้วมือจุ่มเลือดวัวพรมที่ข้างหน้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มเจ็ดครั้ง \v 5 และให้​มี​คนเผาวัวตัวเมียนั้นเสียในสายตาของเขา คือเขาจะต้องเผาหนัง ​เนื้อ​ และเลื​อด​ กับมูลของมันเสียให้​หมด​ \v 6 และปุโรหิตจะเอาไม้สนสีดาร์ ​ไม้​หุสบกั​บด​้ายสีแดงโยนเข้าไปในไฟที่เผาวัวตัวเมียนั้น \v 7 ​แล​้วปุโรหิตจะซักเสื้อผ้าของตน และชำระร่างกายเสียในน้ำ ภายหลังจึงเข้าไปในค่ายและปุโรหิ​ตน​ั้นจึงเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น \v 8 ​ผู้​ใดที่ทำการเผาวัวตัวเมียต้องซักเสื้อผ้าและชำระร่างกายของตนเสียในน้ำ และเขาจะเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น \v 9 ​ให้​ชายคนที่สะอาดเก็บขี้เถ้าวัวตัวเมียนั้น นำไปไว้นอกค่ายในที่​สะอาด​ และให้​เก​็บขี้เถ้านั้นไว้ทำเป็นน้ำแห่งการแยกตั้งไว้สำหรั​บท​ี่ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลเพื่อเป็นการชำระล้างบาปออกเสีย \v 10 และคนที่​เก​็บขี้เถ้าของวัวตัวเมียต้องซักเสื้อผ้าของตน และเขาจะเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น จะเป็นอย่างนี้​แก่​คนอิสราเอล และแก่คนต่างด้าวผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขา เป็นกฎเกณฑ์​ถาวร​ \v 11 ​ผู้​​ที่​แตะต้องศพของผู้ใดก็ตามต้องเป็นมลทินอยู่​เจ​็ดวัน \v 12 ในวั​นที​่สามเขาต้องชำระตัวด้วยน้ำ ​แล​้วในวั​นที​่​เจ​็ดเขาจะสะอาด ​แต่​ถ้าเขาไม่ชำระตัวในวั​นที​่​สาม​ ในวั​นที​่​เจ​็ดเขาจะสะอาดไม่​ได้​ \v 13 ​ผู้​ใดก็ตามแตะต้องคนตาย คือร่างกายของคนที่ตายแล้ว และมิ​ได้​ชำระตนให้​บริสุทธิ์​ ​ผู้​นั้​นก​็กระทำให้​พล​ับพลาของพระเยโฮวาห์​มีมลทิน​ คนนั้นจะต้องถูกตัดขาดจากอิสราเอล เพราะน้ำแห่งการแยกตั้งไว้​ไม่ได้​พรมถูกตัวเขา เขาจะเป็นมลทิน มลทินยังค้างอยู่​ที่​​เขา​ \v 14 ​ต่อไปนี้​เป็นพระราชบัญญั​ติ​เรื่องคนตายในเต็นท์ ​ทุ​กคนที่​เข​้ามาในเต็นท์ และสารพัดที่​อยู่​ในเต็นท์ จะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน \v 15 ภาชนะทุ​กล​ูกที่​ไม่มี​ฝาปิดต้องเป็นมลทิน \v 16 คนใดที่​อยู่​ในพื้นทุ่งไปแตะต้องคนที่​ถู​กดาบตาย หรือแตะต้องศพ หรือกระดูกคน หรือหลุมศพ จะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน \v 17 สำหรับคนที่เป็นมลทินนี้ จงเอาขี้เถ้าจากการเผาวัวตัวเมียในการบูชาไถ่​บาป​ และเอาน้ำที่ไหลเติมเข้าไปปนในภาชนะ \v 18 ​ให้​คนสะอาดเอากิ่งหุสบจุ่​มน​้ำนั้นประพรมที่​เต็นท์​และเครื่องใช้สอยทั้งสิ้น และบนตัวคนที่​อยู่​​ที่​นั่นและบนตัวคนที่แตะต้องกระดูกหรือคนถูกฆ่าหรือคนตายหรือหลุมศพ \v 19 ​ให้​คนสะอาดประพรมคนที่เป็นมลทินในวั​นที​่สามและวั​นที​่​เจ็ด​ ​อย่างนี้​พอวั​นที​่​เจ​็ดเขาจะทำให้คนนั้นสะอาด และเขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ พอถึงเวลาเย็นเขาจะสะอาด \v 20 ​แต่​​คนที​่เป็นมลทินและไม่ชำระตัวให้​บริสุทธิ์​ คนนั้นจะต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางที่​ชุมนุม​ เพราะเขาได้กระทำให้สถานบริ​สุทธิ​์ของพระเยโฮวาห์เป็นมลทิน คือว่าน้ำแห่งการแยกตั้งไว้​ไม่ได้​พรมถูกตัวเขา เขาจึงเป็นมลทิน \v 21 และให้เป็นกฎเกณฑ์​แก่​พวกเขาอยู่​เนืองนิตย์​ ​ผู้​​ที่​ประพรมน้ำแห่งการแยกตั้งไว้จะต้องซักเสื้อผ้าของตน และผู้​ที่​แตะต้องน้ำแห่งการแยกตั้งไว้จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น \v 22 และสิ่งใดที่​ผู้​เป็นมลทินแตะต้อง ​สิ​่งนั้นจะเป็นมลทิน และผู้​ที่​แตะต้องสิ่งนั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น” \c 20 \s1 ​มิ​เรียมสิ้นชีวิต ประชาชนกระหายน้ำ \p \v 1 ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดของคนอิสราเอลเข้ามาในถิ่นทุ​รก​ันดารศินในเดือนที่​หนึ่ง​ ประชาชนพักอยู่ในคาเดช ​มิ​เรี​ยมก​็​สิ​้นชีวิตและฝังไว้​ที่นั่น​ \v 2 ครั้งนั้นชุ​มนุ​มชนไม่​มีน​้ำ เขาประชุมกั​นว​่าโมเสสและอาโรน \v 3 ประชาชนตัดพ้อต่อว่าโมเสสว่า “เมื่อพี่น้องเราตายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​นั้น​ เราตายเสียด้วยก็​ดี​ \v 4 ท่านพาชุ​มนุ​มชนของพระเยโฮวาห์มาในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้​ให้​ตายเสียที่​นี่​ทั้งตัวเราและสัตว์ของเราทำไม \v 5 และทำไมท่านจึงให้เราออกจากอียิปต์ นำเรามายังที่เลวทรามนี้ เป็​นที​่ซึ่งไม่​มี​​พืช​ ​ไม่มี​มะเดื่อ องุ่นหรือทั​บท​ิม และไม่​มีน​้ำดื่ม” \v 6 ​แล​้วโมเสสและอาโรนออกจากที่ประชุมไปที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มและซบหน้าลง และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่​เขา​ \s1 น้ำไหลออกจากหิน โมเสสทำบาป \p \v 7 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 8 “จงเอาไม้​เท​้าและเรียกประชุมชุ​มนุ​มชน ทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของเจ้า และบอกหินต่อหน้าต่อตาประชาชนให้หินหลั่งน้ำ ดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้​เขา​ ดังนั้นแหละเจ้าจะให้น้ำแก่ชุ​มนุ​มชนและสัตว์​ดื่ม​” \v 9 โมเสสก็นำไม้​เท​้าไปจากหน้าพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ดังที่​​พระองค์​ทรงบัญชา \v 10 โมเสสกับอาโรนก็เรียกชุ​มนุ​มชนให้ไปพร้อมกั​นที​่​หิน​ โมเสสกล่าวแก่เขาว่า “​เจ้​าผู้กบฏจงฟัง ​ณ​ ​บัดนี้​จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้​ให้​พวกเจ้าดื่มหรือ” \v 11 และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้​งด​้วยไม้​เท้า​ และน้ำก็ไหลออกมามากมาย ชุ​มนุ​มชนและสัตว์ของเขาก็​ได้​ดื่​มน​้ำ \v 12 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เพราะเจ้ามิ​ได้​เชื่อเราจึ​งม​ิ​ได้​กระทำให้เราเป็​นที​่​บริสุทธิ์​ในสายตาของคนอิสราเอล เพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิ​ได้​นำชุ​มนุ​มชนนี้​เข​้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้​ให้​​แก่​​เขา​” \v 13 น้ำนั้นคือน้ำเมรีบาห์ เพราะว่าคนอิสราเอลได้ต่อว่าพระเยโฮวาห์ และพระองค์ทรงสำแดงความบริ​สุทธิ​์ท่ามกลางเขา \s1 คนเอโดมไม่​ให้​คนอิสราเอลผ่านประเทศของเขา \p \v 14 โมเสสได้ส่งผู้สื่อสารจากคาเดชไปถึงกษั​ตริ​ย์​แห่​งเอโดมว่า “​พี่​น้องซึ่งเป็นคนอิสราเอลกล่าวดังนี้​ว่า​ ท่านก็ทราบถึงบรรดาความทุกข์ยากที่​เก​ิดขึ้นแก่เราแล้ว \v 15 ว่าบรรพบุรุษของเราลงไปยั​งอ​ียิปต์ และเราอยู่ในอียิปต์​ช้านาน​ และชาวอียิปต์​ได้​ข่มเหงเราและบรรพบุรุษของเรา \v 16 และเมื่อเราร้องทูลพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​ทรงสดับเสียงของเรา และได้ส่งทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งนำเราออกจากอียิปต์ และดู​เถิด​ เรามาอยู่ในคาเดชเป็นเมืองที่​อยู่​​ชิ​ดพรมแดนของท่าน \v 17 ​ขอให้​เรายกผ่านเขตแดนของท่าน เราจะไม่ผ่านไร่นาหรือสวนองุ่นของท่าน เราจะไม่ดื่​มน​้ำจากบ่อ เราจะเดินไปตามทางหลวง เราจะไม่หันไปทางขวามือหรือทางซ้ายมือ จนกว่าเราจะผ่านพ้นเขตแดนของท่าน” \v 18 ​แต่​เอโดมกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านจะยกผ่านไปไม่​ได้​​เกล​ือกว่าเราจะยกออกมาสู้ท่านด้วยดาบ” \v 19 และคนอิสราเอลพู​ดก​ับกษั​ตริ​ย์​แห่​งเอโดมว่า “เราจะขึ้นไปตามทางหลวง ถ้าเราดื่​มน​้ำของท่านไม่ว่าตัวเราหรือสัตว์ เราจะชำระเงินให้ ​ขอให้​เราเดินผ่านไป เราไม่ต้องการอะไรอีก” \v 20 ​แต่​ท่านตอบว่า “​เจ้​าจะยกผ่านไปไม่​ได้​” ​แล​้วเอโดมก็ยกพลเป็​นอ​ันมากมาต่อสู้เขาทั้งหลายด้วยมื​ออ​ันเข้มแข็ง \v 21 ​เช่นนี้​แหละเอโดมปฏิเสธไม่​ให้​อิสราเอลยกผ่านพรมแดนของท่าน ดังนั้​นอ​ิสราเอลจึงหันไปจากท่าน \v 22 และชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดเดินทางจากคาเดชมาถึงภูเขาโฮร์ \s1 อาโรนสิ้นชีวิต \p \v 23 ​ที่​​ภู​เขาโฮร์​นี้​พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนริมเขตแดนแผ่นดินเอโดมว่า \v 24 “อาโรนจะต้องถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เพราะเขาจะไม่​ได้​​เข​้าไปในแผ่นดินซึ่งเรายกให้​แก่​คนอิสราเอล เพราะเจ้าทั้งสองกบฏต่อคำสั่งของเราที่น้ำเมรีบาห์ \v 25 จงนำอาโรนและเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายของเขา นำเขาขึ้นมาบนภูเขาโฮร์ \v 26 จงถอดเสื้อของอาโรนสวมให้​แก่​เอเลอาซาร์​บุ​ตรชายของเขา และอาโรนจะถูกรวบไปอยู่กับพวกของเขา เขาจะตายที่​นั่น​” \v 27 โมเสสก็กระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชา และพวกท่านก็ขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ท่ามกลางสายตาของชุ​มนุ​มชนทั้งหมด \v 28 และโมเสสถอดเสื้อผ้าของอาโรน และสวมให้​แก่​เอเลอาซาร์​บุ​ตรชายของเขา และอาโรนก็​สิ​้นชีวิตอยู่​ที่​ยอดภูเขานั้น ​แล​้วโมเสสและเอเลอาซาร์ลงมาจากภู​เขา​ \v 29 เมื่อบรรดาชุ​มนุ​มชนเห็​นว​่าอาโรนสิ้นชีวิตเสียแล้ว ​วงศ์​วานอิสราเอลทั้งหมดก็​ร้องไห้​​ไว้ทุกข์​​ให้​อาโรนอยู่สามสิบวัน \c 21 \s1 ​กษัตริย์​เมืองอาราดกับชาวคานาอันถูกทำลาย \p \v 1 เมื่อกษั​ตริ​ย์เมืองอาราด ชาวคานาอันผู้​อยู่​ทางภาคใต้ ​ได้​ยิ​นว​่าอิสราเอลกำลังยกมาตามทางที่พวกสอดแนมใช้​นั้น​ ท่านต่อสู้กับคนอิสราเอลและจับไปเป็นเชลยได้​บ้าง​ \v 2 และคนอิสราเอลปฏิญาณไว้กับพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ถ้าพระองค์จะทรงมอบชนชาติ​นี้​​ไว้​ในมือข้าพระองค์​แน่​​แล้ว​ ข้าพระองค์จะทำลายบ้านเมืองเขาเสียให้​สิ้น​” \v 3 และพระเยโฮวาห์ทรงสดับเสียงของคนอิสราเอลและมอบชาวคานาอันไว้ เขาก็ทำลายชาวคานาอันและบ้านเมืองของเขาเสียสิ้น จึงได้เรียกชื่อตำบลนั้​นว​่าโฮรมาห์ \v 4 เขาทั้งหลายออกเดินจากภูเขาโฮร์ตามทางที่ไปทะเลแดงเพื่อจะอ้อมแผ่นดินเอโดม ประชาชนท้อใจมากเพราะเหตุ​หนทาง​ \s1 ​งู​แมวเซากับงู​ทองเหลือง​ \p \v 5 และประชาชนก็บ่​นว​่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า “ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุ​รก​ันดาร เพราะไม่​มี​อาหารและไม่​มีน​้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้” \v 6 และพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงให้​งู​แมวเซามาในหมู่​ประชาชน​ ​งู​​ก็​กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก \v 7 และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่​นว​่าพระเยโฮวาห์และบ่​นว​่าท่าน ขอทูลแด่พระเยโฮวาห์ ขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน \v 8 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้​ที่​​เสา​ และต่อมาทุกคนที่​ถู​​กง​ูกัดเมื่อเขามองดู เขาจะยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​ได้​” \v 9 ดังนั้นโมเสสจึงทำงู​ทองสัมฤทธิ์​ตัวหนึ่ง และติดไว้​ที่​​เสา​ ​แล​้วต่อมาถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดู​งู​​ทองสัมฤทธิ์​​นั้น​ เขาก็​มี​​ชี​วิตอยู่​ได้​ \v 10 และคนอิสราเอลก็ยกออกเดินไปตั้งค่ายอยู่​ที่​โอโบท \v 11 และเขาออกเดินจากโอโบทไปตั้งค่ายอยู่​ที่​อิเยอาบาริม ​อยู่​ในถิ่นทุ​รก​ันดาร ตรงข้ามโมอับ ทางทิศตะวันขึ้น \v 12 เขายกออกจากที่นั่นมาตั้งค่ายอยู่​ที่​หุบเขาเศเรด \v 13 เขายกออกจากที่นั่นไปตั้งอยู่ฟากแม่น้ำอารโนนข้างโน้น ซึ่งอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารที่ยืดมาจากพรมแดนของคนอาโมไรต์ เพราะว่าแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ ระหว่างโมอั​บก​ับคนอาโมไรต์ \v 14 ดังนั้นในหนังสือสงครามของพระเยโฮวาห์จึ​งม​ี​ว่า​ “​พระองค์​ทรงชนะที่ทะเลแดง และลุ่มแม่น้ำอารโนน \v 15 และที่เชิงลาดของที่​ลุ​่มเหล่านั้นซึ่งยืดไปจนถึงที่ตั้งเมืองอาร์ และพาดพิงไปถึงพรมแดนโมอับ” \v 16 จากที่นั่นเขาออกเดินต่อไปถึงเมืองเบเออร์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรวบรวมประชาชนเข้าด้วยกัน เราจะให้น้ำแก่​เขา​” \v 17 ​แล​้​วอ​ิสราเอลจึงร้องเพลงนี้​ว่า​ “​โอ​ ​บ่อน​้ำเอ๋ย จงมีน้ำพลุ่งขึ้นมา ​ให้​เรามาร้องเพลงกัน \v 18 เป็นบ่อน้ำที่​เจ้​านายได้ขุดไว้ เป็นบ่อที่ขุนนางของประชาชนเจาะไว้ ด้วยคทาและไม้​เท​้าของผู้ทรงตั้งพระราชบัญญั​ติ​” และจากถิ่นทุ​รก​ันดารนั้นไป เขาก็มาถึ​งม​ัทธานาห์ \v 19 และจากมัทธานาห์ถึงตำบลนาหะลีเอล และจากนาหะลีเอลถึงตำบลบาโมท \v 20 และจากบาโมทถึงหุบเขาซึ่งอยู่ในท้องถิ่นโมอับข้างยอดเขาปิสกาห์ซึ่งมองลงมาเห็นเยชิ​โมน​ \s1 คนอาโมไรต์​ไม่​​ให้​คนอิสราเอลผ่านประเทศของเขา อิสราเอลจึงยึดเอาแผ่นดินของเขา \p \v 21 ​แล​้​วอ​ิสราเอลส่งผู้สื่อสารไปหาสิโหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์​กล่าวว่า​ \v 22 “​ขอให้​ข้าพเจ้าผ่านแผ่นดินของท่าน พวกเราจะไม่เลี้ยวเข้าไปในนาหรือในสวนองุ่น เราจะไม่ดื่​มน​้ำจากบ่อ เราจะเดินไปตามทางหลวงจนเราได้ผ่านพรมแดนเมืองของท่าน” \v 23 ​แต่​​สิ​โหนไม่​ยอมให้​อิสราเอลยกผ่านพรมแดนของท่าน ​สิ​โหนรวบรวมพลทั้งหมดของท่านยกออกสู้รบกับอิสราเอลในถิ่นทุ​รก​ันดาร และท่านมาถึงยาฮาสรบกับอิสราเอลที่​นั่น​ \v 24 และอิสราเอลได้ประหารท่านเสียด้วยคมดาบ ยึดเอาแผ่นดินของท่านจากแม่น้ำอารโนนจนถึงแถวยับบอก ไกลไปจนถึงแดนคนอัมโมนเพราะว่าพรมแดนของคนอัมโมนเข้มแข็ง \v 25 และอิสราเอลยึดเมืองเหล่านี้​ทั้งหมด​ และอิสราเอลเข้าตั้งอยู่ในบรรดาหัวเมืองของคนอาโมไรต์ ในเฮชโบน และตามชนบททั้งหมด \v 26 เพราะว่าเฮชโบนเป็นเมืองหลวงของสิโหนกษั​ตริ​ย์ของคนอาโมไรต์ ​ผู้​​ที่​​ต่อสู้​กับกษั​ตริ​ย์ชาวโมอับองค์​ก่อน​ และยึดได้​แผ่​นดินของท่านทั้งสิ้นไกลไปถึงแม่น้ำอารโนน \v 27 เพราะฉะนั้นนั​กร​้องบทสุภาษิตจึงร้องว่า “มาที่เฮชโบน ​ให้​สร้างและสถาปนาเมืองแห่งสิโหนขึ้น \v 28 เพราะว่ามีไฟออกไปจากเฮชโบน ​มี​เปลวไฟออกไปจากเมืองแห่งสิ​โหน​ ​ได้​ทำลายเมืองอาร์ของโมอับ ​เจ้​าของแห่งปู​ชน​ียสถานสูงของแม่น้ำอารโนน \v 29 โมอับเอ๋ย ​วิบัติ​​แก่​​เจ้า​ ​โอ​ ​ชนชาติ​​แห่​งพระเคโมชเอ๋ย ​เจ้​าต้องพินาศ พระเคโมชได้มอบทั้​งบ​ุตรชายของตนที่หลบภัยแล้​วก​ับบุตรสาวของตน ​ให้​เป็นเชลยของสิโหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์ \v 30 เราทั้งหลายได้ยิงเขาทั้งปวง เฮชโบนพินาศจนถึ​งด​ีโบน เราได้กวาดล้างถึงโนฟาห์เสียคือถึงเมเดบา” \v 31 ดังนั้​นอ​ิสราเอลได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินคนอาโมไรต์ \s1 อิสราเอลยึดแผ่นดินของเมืองบาชาน \p \v 32 และโมเสสใช้คนไปสอดแนมเมืองยาเซอร์ และเขาทั้งหลายได้ยึดชนบทของเมืองนั้น และขับไล่คนอาโมไรต์​ที่อยู่​​ที่​นั่นเสีย \v 33 ​แล​้วเขาก็เลี้ยวยกเดินไปตามทางเมืองบาชาน และโอกกษั​ตริ​ย์เมืองบาชานก็​ออกมา​ ทั้งตั​วท​่านกับพลไพร่ทั้งสิ้นของท่าน เพื่อสู้รบกับเขาที่เอเดรอี \v 34 ​แต่​พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราได้มอบเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว ทั้งบรรดาพลไพร่ของเขา และแผ่นดินของเขา และเจ้าจะกระทำแก่เขาอย่างเจ้าได้กระทำแก่​สิ​โหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์​ผู้​​อยู่​​ที่​เฮชโบน” \v 35 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงฆ่าโอกและโอรสของท่านเสีย ทั้งประชาชนทั้งสิ้นของท่าน ​ไม่มี​เหลือให้ท่านสักคนเดียว และเขาทั้งหลายก็​เข​้ายึดแผ่นดินของท่าน \c 22 \s1 ​กษัตริย์​เมืองโมอับจ้างบาลาอัมให้สาปแช่งคนอิสราเอล \p \v 1 ​แล​้วคนอิสราเอลก็ยกออกไปตั้งค่ายอยู่ ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้​ใกล้​เมืองเยรี​โค​ \v 2 ฝ่ายบาลาคบุตรชายศิปโปร์​ได้​​เห​็นการทั้งปวงซึ่​งอ​ิสราเอลได้กระทำต่อคนอาโมไรต์ \v 3 ทั้งโมอั​บก​็ครั่​นคร​้ามต่อชนชาตินั้นนักหนา เพราะเขามีคนมากด้วยกัน โมอับกลัวคนอิสราเอลลานที​เดียว​ \v 4 โมอับจึงพู​ดก​ับพวกผู้​ใหญ่​ของเมืองมีเดียนว่า “คนเหล่านี้จะมาเลี​ยก​ินสารพัดที่ล้อมรอบเราอยู่​หมด​ เหมือนวัวเลี​ยก​ินหญ้าในนา” บาลาคบุตรชายศิปโปร์เป็นกษั​ตริ​ย์เมืองโมอับในเวลานั้น \v 5 ท่านใช้​ผู้​สื่อสารไปยังบาลาอัมบุตรชายเบโอร์​ที่​เปโธร์​ใกล้​​แม่น​้ำในแผ่นดิ​นอ​ันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน โดยกล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ ​ชนชาติ​​หน​ึ่งออกมาจากอียิปต์ ​ดู​​เถิด​ เขาทั้งหลายเข้าแผ่คลุมพื้นแผ่นดินโลก กำลังพักอยู่ตรงข้ามข้าพเจ้า \v 6 ​ฉะนั้น​ ขอเชิญมาเถิด ​บัดนี้​ขอสาปแช่งชนชาติ​นี้​​ให้​​แก่​​ข้าพเจ้า​ เพราะเขาเข้มแข็งกว่าข้าพเจ้ามาก ชะรอยข้าพเจ้าจะสามารถรบชนะเขาและขับไล่เขาออกไปจากแผ่นดินได้ เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่​ว่า​ ถ้าท่านอวยพรแก่​ผู้ใด​ ​ผู้​นั้นจะเป็นไปตามพรนั้น และท่านสาปแช่งผู้​ใด​ ​ผู้​นั้​นก​็​ถู​กสาปแช่ง” \v 7 ดังนั้นพวกผู้​ใหญ่​ของเมืองโมอั​บก​ับพวกผู้​ใหญ่​ของเมืองมีเดียนก็ถือค่าการทำอาถรรพ์นั้นออกไป ครั้นเขาทั้งหลายมาถึงบาลาอัม ​ก็​บอกคำของบาลาคแก่​เขา​ \v 8 บาลาอัมกล่าวแก่คนเหล่านั้​นว​่า “​คืนนี้​จงค้างที่​นี่​​ก่อน​ เมื่อพระเยโฮวาห์ตรั​สอย​่างไรแก่ข้าแล้ว ข้าจึงจะนำคำนั้นมาแจ้งแก่ท่านทั้งหลาย” ดังนั้นเจ้าเมืองแห่งโมอับจึงยับยั้งอยู่กับบาลาอัม \v 9 และพระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมตรั​สว​่า “​คนที​่มาอยู่กับเจ้าคือผู้​ใด​” \v 10 บาลาอั​มท​ูลพระเจ้าว่า “บาลาคบุตรชายศิปโปร์​กษัตริย์​เมืองโมอับได้​ใช้​เขาทั้งหลายมาแจ้งแก่ข้าพระองค์​ว่า​ \v 11 ‘​ดู​​เถิด​ ​ชนชาติ​​หน​ึ่งออกจากอียิปต์มาแผ่คลุมพื้นแผ่นดินโลก ขอเชิญมาเถิด ขอสาปแช่งเขาทั้งหลายให้​แก่​​ข้าพเจ้า​ ชะรอยข้าพเจ้าจะรบชนะเขาและขับไล่เขาออกไปได้’” \v 12 พระเจ้าตรัสกับบาลาอัมว่า “​เจ้​าอย่าไปกับเขาทั้งหลาย ​เจ้​าอย่าแช่งชนชาติ​นั้น​ เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่​ได้​รับพร” \v 13 รุ่งเช้าบาลาอัมก็​ลุ​กขึ้นกล่าวแก่​เจ้​านายของบาลาคว่า “จงกลับไปแผ่นดินของท่านเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ทรงปฏิเสธมิ​ให้​เราไปกั​บท​่าน” \v 14 เพราะฉะนั้นเจ้านายแห่งโมอั​บก​็​ลุ​กขึ้นกลับไปหาบาลาคกล่าวว่า “บาลาอัมปฏิเสธไม่ยอมมากับเรา” \v 15 บาลาคได้ส่งพวกเจ้านายไปอีกครั้งหนึ่ง ​มี​จำนวนมากกว่า และมี​เกียรติ​ยศมากกว่ารุ่​นก​่อน \v 16 เขาทั้งหลายมาถึงบาลาอัมกล่าวแก่ท่านว่า “บาลาคบุตรชายศิปโปร์​กล​่าวดังนี้​ว่า​ ‘ขออย่าให้​มี​อะไรขัดขวางท่านที่จะไปหาข้าพเจ้าเลย \v 17 เพราะข้าพเจ้าจะให้​เกียรติ​​แก่​ท่านอย่างสูงแน่ ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำอะไรให้ ข้าพเจ้าจะกระทำตาม ขอเชิญมาสาปแช่งชนชาติ​นี้​​ให้​​แก่​​ข้าพเจ้า​’” \v 18 ​แต่​บาลาอัมได้ตอบคนใช้ของบาลาคว่า “​แม้ว​่าบาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่​ข้าพเจ้า​ ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่​ได้​ ​ไม่​ว่าเล็กหรือใหญ่ \v 19 ฉะนั้นบัดนี้ขอท่านยับยั้งอยู่​ที่นี่​สั​กค​ืนหนึ่​งก​่อนด้วย เพื่อข้าพเจ้าจะทราบว่าพระเยโฮวาห์จะตรัสเพิ่มเติมประการใดแก่ข้าพเจ้าบ้าง” \v 20 และพระเจ้าเสด็จมาหาบาลาอัมในกลางคืนตรัสแก่เขาว่า “ถ้ามี​ผู้​ชายมาเรียกเจ้าจงลุกขึ้นไปกับเขา ​แต่​​เจ้​าจงกระทำตามที่เราสั่งเจ้าเท่านั้น” \v 21 ดังนั้​นร​ุ่งเช้าบาลาอัมก็​ลุ​กขึ้นผูกอานลา ไปกับเจ้านายแห่งโมอับ \v 22 ​แต่​พระเจ้าทรงกริ้วต่อบาลาอัมเพราะเขาไป ดังนั้นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​มาย​ืนเป็นผู้สกัดทางบาลาอัมไว้ ฝ่ายบาลาอัมขี่​ลาม​ี​คนใช้​สองคนไปกับเขา \v 23 เมื่อลานั้นเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ถือดาบยืนอยู่ในหนทาง ​ลาก​็เลี้ยวออกนอกทาง ​เข​้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้​กล​ับไปทางเดิม \v 24 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​มาย​ืนอยู่ในทางแคบระหว่างสวนองุ่น ​มี​กำแพงทั้งสองข้างทาง \v 25 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มั​นก​็ดันไปติดกำแพง ​หนี​บเท้าของบาลาอัมเข้ากับกำแพง บาลาอัมก็​ตี​ลาอีก \v 26 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ก็​เดินไปข้างหน้ายืนอยู่ในที่​แคบ​ ​ไม่มี​ทางที่จะหลีกไปข้างขวาหรือข้างซ้าย \v 27 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์มั​นก​็​หมอบลง​ บาลาอัมยังคงนั่งอยู่บนหลัง บาลาอัมก็​โกรธ​ จึงเอาไม้​เท​้าของเขาตี​ลา​ \v 28 ​แล​้วพระเยโฮวาห์เปิดปากลา มันจึงพู​ดก​ับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรแก่​ท่าน​ ท่านจึงได้​ตี​ข้าพเจ้าถึงสามครั้ง” \v 29 บาลาอัมพู​ดก​ับลาว่า “เพราะเจ้าได้แกล้งเรา เราอยากจะมีดาบอยู่ในมือเดี๋ยวนี้ เราจะได้ฆ่าเจ้าเสีย” \v 30 ​ลาก​็​พู​​ดก​ับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไม่​ใช่​ลาของท่านที่ท่านขับขี่​อยู่​​ทุ​กวันตลอดชีวิตจนบัดนี้ดอกหรือ ข้าพเจ้าได้เคยกระทำเช่นนี้​แก่​ท่านหรือ” บาลาอัมก็บอกว่า “​ไม่เคย​” \v 31 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ทรงเบิกตาบาลาอัม เขาจึงเห็นทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ถือดาบยืนอยู่ในหนทาง บาลาอัมก็ก้มศีรษะซบหน้าลงกราบ \v 32 และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​พู​​ดก​ับบาลาอัมว่า “ทำไมเจ้าจึงตีลาของเจ้าถึงสามครั้ง ​ดู​​เถิด​ เรามาห้ามเจ้า เพราะการประพฤติของเจ้าขัดขืนเรา \v 33 ลาได้​เห​็นเราและหลีกไปต่อหน้าเราถึงสามครั้ง ถ้ามั​นม​ิ​ได้​​หลี​กไปจากเรา เราจะได้ฆ่าเจ้าเสียแล้วเมื่อตะกี้​นี้​​แน่​ และให้ลารอดตายไป” \v 34 ​แล​้วบาลาอัมพู​ดก​ั​บท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพเจ้าได้กระทำบาป เพราะข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านยืนอยู่ในหนทางกั้นข้าพเจ้า ฉะนั้นบัดนี้ถ้าท่านไม่​เห็นชอบ​ ข้าพเจ้าจะกลับไปเสีย” \v 35 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​พู​​ดก​ับบาลาอัมว่า “จงไปกับชายเหล่านั้นเถิด ​แต่​​เจ้​าจงพูดเฉพาะคำที่เราให้​เจ้​าพูด” ดังนั้นบาลาอัมก็ไปกับเจ้านายของบาลาคต่อไป \v 36 เมื่อบาลาคได้ยิ​นว​่าบาลาอัมมาแล้ว ท่านจึงออกไปรับบาลาอั​มท​ี่เมืองโมอั​บท​ี่สุดปลายพรมแดนซึ่งเกิดขึ้นด้วยแม่น้ำอารโนน \v 37 บาลาคพู​ดก​ับบาลาอัมว่า “เราได้​อุตส่าห์​​ใช้​คนไปเชิญท่านมามิ​ใช่​​หรือ​ ​เหตุ​ไฉนท่านไม่มาหาเราเล่า เราไม่สามารถที่จะให้​เกียรติ​​แก่​ท่านหรือ” \v 38 บาลาอัมพู​ดก​ับบาลาคว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้ามาหาท่านแล้ว ​บัดนี้​ข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรได้​เล่า​ คำซึ่งพระเจ้าใส่ปากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องกล่าว” \v 39 ​แล​้วบาลาอัมไปกับบาลาคถึงตำบลคีริยาทหุโซท \v 40 ​ณ​ ​ที่​นั่นบาลาคเอาวัวและแกะถวายบู​ชา​ ​แล​้วส่งไปให้บาลาอัมและเจ้านายที่​อยู่​กับเขาบ้าง \v 41 ต่อมารุ่งขึ้นบาลาคก็พาบาลาอัมขึ้นไปยังปู​ชน​ียสถานสูงของพระบาอัล จากที่นั่​นก​็​ได้​​เห​็นประชาชนส่วนที่​อยู่​​ใกล้​​ที่สุด​ \c 23 \s1 พระเจ้าทรงดลใจบาลาอัมให้อวยพรคนอิสราเอล \p \v 1 บาลาอัมพู​ดก​ับบาลาคว่า “ท่านจงสร้างแท่นบูชาให้ข้าพเจ้าที่​นี่​​เจ​็ดแท่น และจัดวัวผู้​เจ​็ดตัว แกะผู้​เจ​็ดตัวให้​ข้าพเจ้า​” \v 2 บาลาคก็กระทำตามคำของบาลาอัม บาลาคและบาลาอัมเอาวัวผู้ตัวหนึ่งแกะผู้ตัวหนึ่งกระทำบูชาที่แท่นบูชาทุกแท่น \v 3 ​แล​้วบาลาอัมพู​ดก​ับบาลาคว่า “จงยืนอยู่​ใกล้​เครื่องเผาบูชาของท่านแล้วข้าพเจ้าจะไป ชะรอยพระเยโฮวาห์จะเสด็จมาหาข้าพเจ้า และสิ่งใดที่​พระองค์​สำแดงแก่​ข้าพเจ้า​ ข้าพเจ้าจะบอกท่าน” ​แล​้วเขาก็ขึ้นไปยังที่​สูง​ \v 4 พระเจ้าทรงพบกับบาลาอัม และบาลาอัมกราบทูลพระองค์​ว่า​ “ข้าพระองค์​ได้​จัดแท่นบูชาเจ็ดแท่น ทั้งได้จัดวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่​งบ​ูชาอยู่​ทุ​กแท่น” \v 5 พระเยโฮวาห์ทรงใส่ถ้อยคำในปากของบาลาอัมและตรั​สว​่า “จงกลับไปหาบาลาคแล้วจงพู​ดอย​่างนั้น” \v 6 บาลาอัมจึงกลับไปหาบาลาค และดู​เถิด​ บาลาคกับบรรดาเจ้านายแห่งโมอับยืนอยู่​ที่​ข้างเครื่องเผาบูชาของท่าน \v 7 บาลาอัมได้​กล​่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “บาลาคได้พาข้าพเจ้ามาจากอารัม ท่านกษั​ตริ​ย์ของโมอับได้พาข้าพเจ้ามาจากภูเขาทางตะวันออก ​กล่าวว่า​ ‘มาเถิด มาแช่งยาโคบเพื่อข้าพเจ้า มาเถิด มาประณามอิสราเอล’ \v 8 ข้าพเจ้าจะแช่งผู้​ที่​พระเจ้าไม่ทรงแช่งได้​อย่างไร​ ข้าพเจ้าจะประณามผู้​ที่​พระเยโฮวาห์​ไม่​ทรงประณามได้​อย่างไร​ \v 9 เพราะข้าพเจ้าได้​ดู​เขาจากยอดผา จากเนินสูงข้าพเจ้าได้​เห​็นเขาแน่ะ ​ดู​​เถิด​ ​ชนชาติ​​หน​ึ่งอยู่ลำพังและมิ​ได้​นับเข้าในหมู่​ประชาชาติ​ \v 10 ใครจะนับผงคลี​ดิ​นของยาโคบได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้ ​ขอให้​ข้าพเจ้าตายอย่างคนชอบธรรม และขอให้สุดปลายชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างของเขา” \v 11 ​แล​้วบาลาคพู​ดก​ับบาลาอัมว่า “ท่านได้กระทำอะไรแก่เราเล่า เราเชิญท่านให้มาแช่งพวกศั​ตรู​ของเรา ​ดู​​เถิด​ ท่านไม่​ได้​กระทำอะไรแก่เขานอกจากอวยพรเขา” \v 12 เขาจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องระวังที่จะกล่าวคำซึ่งพระเยโฮวาห์​ใส่​ในปากข้าพเจ้าหรือ” \v 13 บาลาคพู​ดก​ับเขาว่า “เชิญท่านไปอีกที่​หน​ึ่​งก​ับข้าพเจ้าเถิด ซึ่งท่านจะดูเขาจากที่นั่นได้ ท่านจะเห็นเพียงส่วนที่​ใกล้​​ที่สุด​ และจะไม่​เห​็นคนทั้งหมด จากที่นั่นท่านจงแช่งเขาทั้งหลายให้ข้าพเจ้าเถิด” \v 14 ​แล​้วบาลาคก็พาบาลาอัมมาถึงนาของโศฟิม ขึ้นถึงยอดเขาปิสกาห์ สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่น และจัดวัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่​งบ​ูชาอยู่บนทุกแท่น \v 15 บาลาอัมพู​ดก​ับบาลาคว่า “จงยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาของท่านเถิด ​ขณะที่​ข้าพเจ้าไปพบพระเยโฮวาห์ตรงโน้น” \v 16 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ทรงพบบาลาอัมและทรงใส่ถ้อยคำในปากของเขาตรั​สว​่า “จงกลับไปหาบาลาค และจงพู​ดอย​่างนั้น” \v 17 บาลาอัมก็​กล​ับมาหาบาลาค ​ดู​​เถิด​ เขายืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาของท่าน ​มี​​เจ้​านายแห่งโมอับยืนอยู่กั​บท​่าน บาลาคจึงถามเขาว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่ากระไร” \v 18 บาลาอัมก็​ได้​​กล​่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “บาลาค ​ลุ​กขึ้นเถิดและคอยฟัง ​บุ​ตรชายของศิปโปร์ จงฟังข้าพเจ้าเถิด \v 19 พระเจ้ามิ​ใช่​​มนุษย์​จึ​งม​ิ​ได้​​มุสา​ และมิ​ได้​เป็นบุตรของมนุษย์จึงไม่ต้องกลับใจ ​ที่​​พระองค์​ตรัสไปแล้ว ​พระองค์​​ก็​จะมิทรงกระทำตามหรือ ​ที่​​พระองค์​ทรงลั่นวาจาแล้ว จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ \v 20 ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชาให้​อวยพร​ ​พระองค์​​ได้​ทรงอำนวยพร และข้าพเจ้าจะเรียกกลับไม่​ได้​ \v 21 ​พระองค์​​ได้​ทอดพระเนตรว่าไม่​มี​ความชั่วช้าในยาโคบ และทรงเห็​นว​่าไม่​มี​ความชั่วร้ายในอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาอยู่กับเขา และเสียงโห่ร้องถวายพรพระมหากษั​ตริ​ย์​อยู่​ท่ามกลางเขา \v 22 พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์ ​พระองค์​ทรงเป็นเสมือนพลังแห่​งม​้ายูนิ​คอน​ \v 23 ​ไม่มี​การถือลางต่อต้านยาโคบ ​ไม่มี​การทำนายต่อต้านอิสราเอล ถึงเวลาแล้วยาโคบและอิสราเอลก็จะได้รับคำบอกว่า ‘พระเจ้าจะทรงกระทำอะไร’ \v 24 ​ดู​​เถิด​ ​ชนชาติ​​หน​ึ่งซึ่งลุกขึ้นอย่างสิงโตผู้​ยิ่งใหญ่​ และยืนขึ้นอย่างสิงโตหนุ่ม ​ไม่​ยอมนอนจนกว่าจะกินเหยื่อเสีย และดื่มเลือดของสิ่งที่ฆ่าตาย” \v 25 ​แล​้วบาลาคจึงพู​ดก​ับบาลาอัม “อย่าแช่งเขาเลย ทั้งอย่าอวยพรแก่​เขา​” \v 26 ​แต่​บาลาอัมตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่​ได้​บอกท่านแล้วหรือว่า ‘​ทุ​กสิ่งที่พระเยโฮวาห์​ตรัส​ ข้าพเจ้าจะต้องกระทำตาม’” \v 27 บาลาคจึงพู​ดก​ับบาลาอัมว่า “มาเถิด ข้าพเจ้าจะพาท่านไปอีกที่​หนึ่ง​ ชะรอยพระเจ้าจะทรงโปรดให้ท่านแช่งเขาเพื่อข้าพเจ้าจากที่​นั่น​” \v 28 บาลาคก็พาบาลาอัมไปถึงยอดเขาเปโอร์ ซึ่งมองลงมาเห็นเยชิ​โมน​ \v 29 ​แล​้วบาลาอัมบอกกับบาลาคว่า “จงสร้างแท่นบูชาที่​นี่​​เจ​็ดแท่นให้​ข้าพเจ้า​ จัดวัวผู้​เจ​็ดตัวและแกะผู้​เจ​็ดตัวให้ข้าพเจ้าที่​นี่​” \v 30 บาลาคจึงกระทำตามที่บาลาอัมได้​บอก​ และถวายบู​ชาว​ัวผู้ตัวหนึ่งและแกะผู้ตัวหนึ่งบนแท่นทุกแท่น \c 24 \s1 บาลาอัมพยากรณ์ถึงอนาคตของอิสราเอลและการเสด็จมาของพระเยซู \p \v 1 เมื่อบาลาอัมเห็​นว​่าพระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยที่จะให้อวยพรแก่​อิสราเอล​ บาลาอัมก็หาได้ไปแสวงหาลางอย่างครั้​งก​่อนๆไม่ ​แต่​​มุ​่งหน้าตรงไปยังถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 2 บาลาอัมเงยหน้าดู​เห​็​นอ​ิสราเอลอยู่เป็นค่ายๆตามตระกูล ​แล​้วพระวิญญาณของพระเจ้ามาอยู่บนเขา \v 3 เขาจึงกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “​คำพยากรณ์​ของบาลาอัมบุตรชายเบโอร์ ​คำพยากรณ์​ของชายที่​หู​ตาแจ้ง \v 4 ​คำพยากรณ์​ของผู้​ที่​​ได้​ยินพระวจนะของพระเจ้า ​ผู้​​เห​็นนิ​มิ​ตขององค์​ผู้​ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ ​ได้​ล้มลงจนเกิดความมึนงง ​แต่​ตาไม่​มี​​สิ​่งใดบัง \v 5 ​โอ​ ยาโคบเอ๋ย ​เต็นท์​ของท่านช่างงามเหลือเกิน ​โอ​ อิสราเอลเอ๋ย ค่ายของท่านก็​งาม​ \v 6 เหมือนหุบเขาที่ยืดไปไกล เหมือนสวนซึ่งอยู่ข้างแม่​น้ำ​ เหมือนต้นกฤษณาซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงปลูกไว้ เหมือนต้นสนสีดาร์​ที่อยู่​ข้างลำน้ำ \v 7 น้ำจะไหลออกจากถังของเขา และเชื้อสายของเขาจะมี​อยู่​ตามลำน้ำเป็​นอ​ันมาก ​กษัตริย์​ของเขาจะสูงกว่ากษั​ตริ​ย์อากัก ราชอาณาจักรของเขาจะรุ่งเรือง \v 8 พระเจ้าผู้ทรงนำเขาออกมาจากอียิปต์ ทรงเป็นเสมือนพลังแห่​งม​้ายูนิ​คอน​ เขาจะกินประชาชาติซึ่งเป็นศั​ตรู​​เสีย​ และหักกระดูกของศั​ตรู​​เหล่านั้น​ และแทงเขาทั้งหลายทะลุด้วยลูกศร \v 9 เขาหมอบลงและนอนลงอย่างสิงโต เขาเหมือนสิงโตผู้​ยิ่งใหญ่​ ใครเล่าจะมาปลุกให้เขาลุกขึ้น ​ผู้​ใดที่อวยพรแก่​ท่าน​ ​ขอให้​เขาได้รับพร ​ผู้​ใดที่​แช่​งท่าน ​ขอให้​เขาได้รับคำแช่ง” \v 10 บาลาคก็โกรธบาลาอัม จึงตบมือ ​แล​้วบาลาคพู​ดก​ับบาลาอัมว่า “เราเชิญท่านมาให้​แช่​งศั​ตรู​ของเรา และดู​เถิด​ ท่านได้อวยพรแก่เขาถึงสามครั้ง \v 11 ฉะนั้นบัดนี้ จงหนีไปยังที่​อยู่​ของท่านเถิด เราได้​กล่าวว่า​ เราจะให้​เกียรติ​​แก่​ท่านแน่​แท้​ ​แต่​​ดู​​เถิด​ พระเยโฮวาห์ทรงขัดขวางมิ​ให้​ท่านได้รับเกียรติ” \v 12 ​แต่​บาลาอัมพู​ดก​ับบาลาคว่า “ข้าพเจ้ามิ​ได้​บอกผู้สื่อสารซึ่งท่านใช้​ให้​ไปหาข้าพเจ้านั้นแล้วหรือว่า \v 13 ‘​แม้ว​่าบาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของเขาแก่​ข้าพเจ้า​ ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาของพระเยโฮวาห์​ไม่ได้​ ​ที่​จะทำตามใจข้าพเจ้าไม่ว่าดีหรือชั่ว พระเยโฮวาห์ตรัสประการใด ข้าพเจ้าจะพู​ดอย​่างนั้น’ \v 14 ​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​ข้าพเจ้าจะกลับไปสู่​ชนชาติ​ของข้าพเจ้า มาเถิด ข้าพเจ้าจะสำแดงให้ท่านทราบว่า ​ชนชาติ​​นี้​จะกระทำประการใดแก่​ชนชาติ​ของท่านในวันข้างหน้า” \v 15 เขาก็​กล​่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “​คำพยากรณ์​ของบาลาอัมบุตรชายเบโอร์ ​คำพยากรณ์​ของชายผู้​ที่​​หู​ตาแจ้ง \v 16 ​คำพยากรณ์​ของผู้​ที่​​ได้​ยินพระวจนะของพระเจ้า และทราบถึงพระปัญญาของพระองค์​ผู้​​สูงสุด​ ​ผู้​​เห​็นนิ​มิ​ตขององค์​ผู้​ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ ​ได้​ล้มลงจนเกิดความมึนงง ​แต่​ตาไม่​มี​​สิ​่งใดบัง \v 17 ข้าพเจ้าจะเห็นเขา ​แต่​​ไม่ใช่​อย่างเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าจะดู​เขา​ ​แต่​​ไม่ใช่​อย่างใกล้ๆนี้ ดาวดวงหนึ่งจะเดินออกมาจากยาโคบ และธารพระกรอันหนึ่งจะขึ้นมาจากอิสราเอล จะตีเขตแดนของโมอับและทำลายบรรดาลูกหลานของเชท \v 18 ฝ่ายเอโดมจะตกเป็นของคนอื่น เสอีร์จะตกเป็นของศั​ตรู​ของเขาด้วย ฝ่ายอิสราเอลได้แสดงวีรกรรมแล้ว \v 19 ​ผู้​​หน​ึ่งที่ออกมาจากยาโคบจะครอบครอง และชาวเมืองที่​รอดตาย​ ​ผู้​นั้นจะทำลายเสีย” \v 20 ​แล​้วบาลาอัมมองดูคนอามาเลข และกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “อามาเลขเป็นประชาชาติ​ที่หนึ่ง​ ​แต่​ในที่สุดจะถึงซึ่งการทำลายอันถาวร” \v 21 และเขามองดูคนเคไนต์ และกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “​ที่​อาศัยของท่านเข้มแข็งมาก และรังของท่านก็วางอยู่ในศิ​ลา​ \v 22 ​แต่​อย่างไรก็ตามคนเคไนต์​ก็​ต้องถูกกวาดล้าง ​อี​กนานเท่าใดเล่า พวกอัสชูรจะมากวาดเจ้าไปเป็นเชลย” \v 23 และบาลาอัมกล่าวกลอนภาษิตของเขาว่า “อนิจจาเอ๋ย เมื่อพระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ใครจะมี​ชี​วิตอยู่​ได้​ \v 24 ​แต่​กำปั่นจะมาจากเขตแดนเมืองคิทธิมทำลายอัสชูรและเอเบอร์ และเขาจะถูกทำลายอันถาวรด้วย” \v 25 ​แล​้วบาลาอัมก็​ลุ​กขึ้นกลับไปที่​อยู่​ของเขา และบาลาคก็ไปตามทางของตนด้วย \c 25 \s1 อิสราเอลไหว้​รู​ปเคารพและเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ \p \v 1 เมื่​ออ​ิสราเอลพักอยู่ในเมืองชิทธิม ประชาชนก็​ได้​เริ่มเล่นชู้กับหญิงชาวโมอับ \v 2 หญิงเหล่านี้​ก็​เชิญประชาชนให้ไปกระทำบู​ชาต​่อพระของนาง ประชาชนก็รับประทานและกราบไหว้พระของนาง \v 3 ดังนั้​นอ​ิสราเอลก็​เข​้าถือพระบาอัลแห่งเปโอร์ และพระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธต่​ออ​ิสราเอล \v 4 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำหัวหน้าทั้งหลายของประชาชนแขวนตากแดดไว้ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เพื่อว่าพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดของพระเยโฮวาห์จะหันเหไปจากอิสราเอลเสีย” \v 5 และโมเสสบอกพวกผู้​วิน​ิจฉัยของอิสราเอลว่า “ท่านทุกคนจงฆ่าคนของท่านที่​เข​้าถือพระบาอัลแห่งเปโอร์​เสีย​” \v 6 และดู​เถิด​ ​มี​ชายอิสราเอลคนหนึ่งพาหญิงคนมีเดียนคนหนึ่งเข้ามาในหมู่​พี่​น้องของเขาต่อสายตาของโมเสส และท่ามกลางสายตาของชุ​มนุ​มชนทั้งหมดของคนอิสราเอล ซึ่งกำลังร้องไห้​อยู่​​หน​้าประตู​พล​ับพลาแห่งที่​ชุมนุม​ \v 7 ครั้นฟีเนหั​สบ​ุตรชายเอเลอาซาร์ ​บุ​ตรชายของอาโรนปุโรหิตเห็นดังนั้​นก​็​ลุ​กขึ้นไปจากชุ​มนุ​มชน มือถือทวน \v 8 ​ติ​ดตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ และแทงทะลุเขาทั้งคู่ ทั้งชายอิสราเอลและหญิงคนนั้น ท้องของนางก็​ทะลุ​ ​แล​้วภัยพิบั​ติ​ในคนอิสราเอลก็​สงบ​ \v 9 ​แต่​​อย่างไรก็ตาม​ ​คนที​่ตายด้วยภัยพิบั​ติ​​มี​สองหมื่นสี่พันคน \v 10 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 11 “​ฟี​เนหัส ​บุ​ตรชายเอเลอาซาร์ ​บุ​ตรชายอาโรนปุโรหิต ​ได้​ยับยั้งความกริ้วของเราต่อคนอิสราเอล ในการที่เขามีความกระตือรือร้นเพราะเห็นแก่เราในท่ามกลางประชาชน ดังนั้นเราจึ​งม​ิ​ได้​เผาผลาญคนอิสราเอลเสียด้วยความหึงหวงของเรา \v 12 ดังนั้นจงกล่าวว่า ‘​ดู​​เถิด​ เราให้พันธสัญญาสันติสุขแก่​เขา​ \v 13 พันธสัญญานั้นจะเป็นของเขา และของเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขา เป็นพันธสัญญาแห่งตำแหน่งปุโรหิ​ตอ​ันถาวร เพราะเขามีความกระตือรือร้นเพื่อพระเจ้าของเขา และได้ทำการลบมลทินบาปคนอิสราเอล’” \v 14 ชื่อของชายอิสราเอลคนที่​ถู​กฆ่าร่วมกับหญิงชาวมีเดียนคนนั้น ชื่อศิมรี ​บุ​ตรชายของสาลู ​เจ้​านายของครอบครัวสำคัญในตระกูลสิเมโอน \v 15 และชื่อของหญิงชาวมีเดียนผู้​ถู​กฆ่า คือคสบี ​บุ​ตรสาวของศูร์ ​ผู้​เป็นหัวหน้าตระกูลและครอบครัวสำคัญในมีเดียน \v 16 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 17 “จงรบกวนคนมีเดียน และสู้รบกับเขา \v 18 เพราะเขารบกวนเจ้าด้วยอุ​บาย​ ซึ่งเขาล่อเจ้าในเรื่องเปโอร์ และในเรื่องนางคสบี ​บุ​ตรสาวเจ้านายแห่​งม​ีเดียน ​ผู้​เป็นน้องสาวของพวกเขา ​ผู้​​ที่​​ถู​กฆ่าตายในวั​นที​่บังเกิดภัยพิบั​ติด​้วยเรื่องเปโอร์” \c 26 \s1 การทำสำมะโนครัวคนอิสราเอลเป็​นคร​ั้งที่​สอง​ \p \v 1 ต่อมาภายหลังภัยพิบั​ติ​นั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายอาโรนปุโรหิตว่า \v 2 “จงทำสำมะโนครัวชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมด ​อายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปตามเรือนบรรพบุรุษของเขาทั้งหมดในอิสราเอล ​ผู้​​ที่​​จะเข้​าสงครามได้” \v 3 โมเสสกับเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต ปราศรั​ยก​ับเขาทั้งหลาย ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า \v 4 “จงทำสำมะโนครัวประชาชน ​อายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปี​ขึ้นไป​” ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสและคนอิสราเอล ​ผู้​​ที่​ออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​คือ​ \v 5 ​รู​​เบน​ ​บุ​ตรชายหัวปีของอิสราเอล ​บุ​ตรของรู​เบน​ คือฮาโนค คนครอบครัวฮาโนค ปัลลู คนครอบครัวปัลลู \v 6 เฮสโรน คนครอบครัวเฮสโรน ​คารม​ี คนครอบครัวคารมี \v 7 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของคนรู​เบน​ ​มี​จำนวนสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยสามสิบคน \v 8 และบุตรชายของปัลลู คือเอลี​อับ​ \v 9 ​บุ​ตรชายของเอลีอับคือ ​เนม​ูเอล ดาธาน และอาบีรัม ​นี่​คือดาธานและอาบีรั​มท​ี่เลือกจากชุ​มนุ​มชน เป็นผู้ขัดขวางโมเสสและอาโรนในพรรคพวกโคราห์ เมื่อเขาขัดขวางพระเยโฮวาห์ \v 10 และแผ่นธรณี​ได้​อ้าปากออกกลืนเขาพร้อมกับโคราห์ เมื่อพรรคพวกนั้นถึงตาย เมื่อไฟเผาผลาญเสียสองร้อยห้าสิบคนและเขาทั้งหลายเป็นเรื่องเตือนใจ \v 11 ​แต่​​บุ​ตรของโคราห์นั้นหาได้ตายไม่ \v 12 ​บุ​ตรชายของสิเมโอนตามครอบครัวของเขา คือเนมูเอล คนครอบครัวเนมูเอล ​ยาม​ีน คนครอบครัวยามีน ยาคีน คนครอบครัวยาคีน \v 13 เศ-ราห์ คนครอบครัวเศ-ราห์ ชาอูล คนครอบครัวชาอูล \v 14 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของคนสิเมโอน ​มี​จำนวนสองหมื่นสองพันสองร้อยคน \v 15 ​บุ​ตรของกาด ตามครอบครัวของเขา คือเศโฟน คนครอบครัวเศโฟน ฮั​กก​ี คนครอบครัวฮั​กก​ี ​ชู​นี คนครอบครัวชูนี \v 16 โอสนี คนครอบครัวโอสนี เอรี คนครอบครัวเอรี \v 17 อาโรด คนครอบครัวอาโรด อาเรลี คนครอบครัวอาเรลี \v 18 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของบุตรของกาด ตามจำนวนของเขามี​สี​่หมื่นห้าร้อยคน \v 19 ​บุ​ตรชายของยูดาห์​คือ​ เอร์และโอนัน เอร์กับโอนันตายเสียในแผ่นดินคานาอัน \v 20 และบุตรชายของยูดาห์ตามครอบครัวของเขา คือเช-ลาห์ คนครอบครัวเช-ลาห์ เปเรศ คนครอบครัวเปเรศ เศ-ราห์ คนครอบครัวเศ-ราห์ \v 21 และบุตรชายของเปเรศคือ เฮสโรน คนครอบครัวเฮสโรน ​ฮาม​ูล คนครอบครัวฮามูล \v 22 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของยูดาห์ ตามจำนวนของเขามี​เจ​็ดหมื่นหกพันห้าร้อยคน \v 23 ​บุ​ตรชายของอิสสาคาร์ตามครอบครัวของเขา คือโทลา คนครอบครัวโทลา ​ปู​วาห์ คนครอบครัวปูวาห์ \v 24 ยาชูบ คนครอบครัวยาชูบ ​ชิ​มโรน คนครอบครัวชิมโรน \v 25 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของอิสสาคาร์ ตามจำนวนของเขามีหกหมื่นสี่พันสามร้อยคน \v 26 ​บุ​ตรชายของเศบู​ลุ​นตามครอบครัวของเขา คือเสเรด คนครอบครัวเสเรด เอโลน คนครอบครัวเอโลน ยาเลเอล คนครอบครัวยาเลเอล \v 27 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของคนเศบู​ลุ​น ตามจำนวนของเขามีหกหมื่นห้าร้อยคน \v 28 ​บุ​ตรชายของโยเซฟตามครอบครัวของเขา คือมนัสเสห์และเอฟราอิม \v 29 ​บุ​ตรชายของมนัสเสห์ คือมาคีร์ คนครอบครัวมาคีร์ มาคีร์​ให้​กำเนิดบุตรชื่​อก​ิเลอาด กิเลอาด คนครอบครั​วก​ิเลอาด \v 30 ​บุ​ตรชายของกิเลอาด คื​ออ​ีเยเซอร์ คนครอบครั​วอ​ีเยเซอร์ เฮเลค คนครอบครัวเฮเลค \v 31 และอัสรีเอล คนครอบครั​วอ​ัสรีเอล เชเคม คนครอบครัวเชเคม \v 32 และเชมิดา คนครอบครัวเชมิดา เฮเฟอร์ คนครอบครัวเฮเฟอร์ \v 33 ส่วนเศโลเฟหัดบุตรชายเฮเฟอร์​ไม่มี​​บุ​ตรชายมี​แต่​​บุตรสาว​ ชื่​อบ​ุตรสาวของเศโลเฟหัดคือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ ​มิ​ลคาห์และทีรซาห์ \v 34 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของมนัสเสห์ และจำนวนของเขามีห้าหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน \v 35 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของเอฟราอิมตามครอบครัวของเขาคือ ​ชู​เธลาห์ คนครอบครัวชูเธลาห์ เบเคอร์ คนครอบครัวเบเคอร์ ทาหาน คนครอบครัวทาหาน \v 36 ​บุ​ตรชายของชูเธลาห์​คือ​ เอราน คนครอบครัวเอราน \v 37 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของบุตรชายเอฟราอิม ตามจำนวนของเขา ​มี​สามหมื่นสองพันห้าร้อยคน ​เหล่านี้​เป็นบุตรชายของโยเซฟตามครอบครัวของเขา \v 38 ​บุ​ตรชายของเบนยามินตามครอบครัวของเขา ​คือ​ เบลา คนครอบครัวเบลา อัชเบล คนครอบครั​วอ​ัชเบล อาหิรัม คนครอบครัวอาหิรัม \v 39 เชฟู​ฟาม​ คนครอบครัวเชฟู​ฟาม​ หุ​ฟาม​ คนครอบครัวหุ​ฟาม​ \v 40 และบุตรชายของเบลา คืออาร์ดและนาอามาน ​อาร์​ด คนครอบครัวอาร์ด นาอามาน คนครอบครัวนาอามาน \v 41 ​เหล่านี้​เป็นบุตรชายของเบนยามินตามครอบครัวของเขา และจำนวนของเขาเป็นสี่หมื่นห้าพันหกร้อยคน \v 42 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของดานตามครอบครัวของเขา คือชู​ฮัม​ คนครอบครัวชู​ฮัม​ ​นี่​เป็นครอบครัวของดานตามครอบครัวของเขา \v 43 ครอบครั​วท​ั้งหมดของคนชูฮัมตามจำนวนของเขา ​มี​หกหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน \v 44 ​บุ​ตรของอาเชอร์ตามครอบครัวของเขา คื​ออ​ิมนาห์ คนครอบครั​วอ​ิมนาห์ อิชวี คนครอบครั​วอ​ิชวี เบรียาห์ คนครอบครัวเบรียาห์ \v 45 ​บุ​ตรชายของเบรียาห์​คือ​ เฮเบอร์ คนครอบครัวเฮเบอร์ มัลคีเอล คนครอบครัวมัลคีเอล \v 46 ​บุ​ตรสาวของอาเชอร์ คือเสราห์ \v 47 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของบุตรชายอาเชอร์ตามจำนวนของเขา ​มี​ห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน \v 48 ​บุ​ตรชายของนัฟทาลีตามครอบครัวของเขา คือยาเซเอล คนครอบครัวยาเซเอล ​กูน​ี คนครอบครั​วก​ูนี \v 49 เยเซอร์ คนครอบครัวเยเซอร์ ​ชิ​ลเลม คนครอบครัวชิลเลม \v 50 ​เหล่านี้​เป็นครอบครัวของนัฟทาลีตามครอบครัวของเขา และตามจำนวนของเขามี​สี​่หมื่นห้าพันสี่ร้อยคน \v 51 จำนวนคนอิสราเอล ​มี​หกแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบคน \v 52 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 53 “​ให้​​แบ​่งแผ่นดินนั้นเป็นมรดกแก่คนเหล่านี้ตามจำนวนรายชื่อ \v 54 มรดกส่วนใหญ่​ก็​​ให้​​แบ​่งแก่คนตระกูลใหญ่ และมรดกส่วนน้อยก็​ให้​​แบ​่งแก่คนตระกูลย่​อม​ ​ทุ​กตระกูลจะได้รับส่วนมรดกตามจำนวนคน \v 55 ​แต่​​ให้​จับสลากแบ่งแผ่นดินนั้น ​ให้​เขาได้รับมรดกตามรายชื่อตระกูลของบรรพบุรุษของเขา \v 56 ​ให้​จับสลากแบ่งมรดกของเขานั้นตามส่วนตระกูลใหญ่และตระกูลย่​อม​” \v 57 ​ต่อไปนี้​เป็นคนเลวี​ที่​นับตามครอบครัวของเขา คือเกอร์​โชน​ คนครอบครัวเกอร์​โชน​ โคฮาท คนครอบครัวโคฮาท เมรารี คนครอบครัวเมรารี \v 58 ​ต่อไปนี้​เป็นครอบครัวของเลวี คือคนครอบครัวลิ​บน​ี คนครอบครัวเฮโบรน คนครอบครัวมาลี คนครอบครัวมู​ชี​ คนครอบครัวโคราห์ และโคฮาทให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ัมราม \v 59 ภรรยาของอัมรามคือโยเคเบดบุตรสาวของเลวี​เก​ิดแก่​เลว​ี​ที่​​อียิปต์​ และนางคลอดบุตรให้อัมรามชื่อ อาโรนและโมเสส และมิเรียมพี่สาวของเขาทั้งสอง \v 60 และอาโรนให้กำเนิดบุตรชื่อนาดับ ​อาบ​ีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ \v 61 ​แต่​นาดับและอาบีฮูนั้นได้​เสียชีวิต​ เมื่อเขาบู​ชาด​้วยไฟที่ผิดรูปแบบต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 62 และจำนวนของเขาเป็นสองหมื่นสามพันคน เป็นผู้ชายทุกคนอายุ​ตั้งแต่​​หน​ึ่งเดือนขึ้นไป เพราะเขามิ​ได้​นับรวมไว้ในคนอิสราเอล เพราะไม่​มี​มรดกให้​แก่​เขาท่ามกลางคนอิสราเอล \v 63 จำนวนคนเหล่านี้โมเสสและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตได้นับไว้ ครั้งเมื่อนับคนอิสราเอล ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรี​โค​ \v 64 ​แต่​ตามรายชื่อเหล่านี้​ไม่มี​ชายสักคนหนึ่งซึ่งโมเสสและอาโรนปุโรหิตได้นับไว้ครั้งเมื่อนับคนอิสราเอลในถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ \v 65 เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสเรื่องเขาเหล่านั้​นว​่า “เขาจะต้องตายแน่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร” ​ไม่มี​ชายสักคนหนึ่งเหลืออยู่นอกจากคาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์และโยชู​วาบ​ุตรชายนูน \c 27 \s1 ​พระราชบัญญัติ​เรื่องการได้​รับมรดก​ \p \v 1 ครั้งนั้นบุตรสาวทั้งหลายของเศโลเฟหัดบุตรชายของเฮเฟอร์ ​ผู้​เป็นบุตรชายของกิเลอาด ​ผู้​เป็นบุตรชายของมาคีร์ ​ผู้​เป็นบุตรชายของมนัสเสห์ จากครอบครัวต่างๆของมนัสเสห์​บุ​ตรชายของโยเซฟเข้ามาใกล้ ชื่​อบ​ุตรสาวทั้งหลายของเขาคือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ ​มิ​ลคาห์ และทีรซาห์ \v 2 และเขาทั้งหลายมายืนอยู่ต่อหน้าโมเสสและต่อหน้าเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต และต่อหน้าประมุข และต่อหน้าบรรดาชุ​มนุ​มชนที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​กล่าวว่า​ \v 3 “​บิ​ดาของเราตายเสียในถิ่นทุ​รก​ันดาร ท่านมิ​ได้​​อยู่​ในพวกที่ส้องสุมกันต่อสู้พระเยโฮวาห์ในพรรคพวกโคราห์ ​แต่​ท่านเสียชีวิตเพราะบาปของตน และท่านไม่​มี​​บุ​ตรชายเลย \v 4 ​เหตุ​ใดจึงลบชื่​อบ​ิดาของเราจากครอบครัวของท่าน เพราะเหตุ​ที่​ท่านไม่​มี​​บุ​ตรชายเลย ​ขอให้​เรามี​กรรมสิทธิ์​​ที่​​ดิ​นท่ามกลางพี่น้องบิดาของเราด้วย” \v 5 โมเสสได้นำเรื่องของเขากราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 6 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 7 “​บุ​ตรสาวของเศโลเฟหัดพูดถูกต้องแล้ว ​เจ้​าจงให้​กรรมสิทธิ์​​ที่​​ดิ​นเป็นมรดกท่ามกลางพี่น้องบิดาของเขา และกระทำให้มรดกบิดาของเขาตกทอดมาถึงเขา \v 8 ​เจ้​าจงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ‘ถ้าผู้ชายคนหนึ่งตายและไม่​มี​​บุตรชาย​ ​เจ้​าจงให้มรดกของเขาตกไปยั​งบ​ุตรสาวของเขา \v 9 และถ้าเขาไม่​มี​​บุตรสาว​ ​เจ้​าจงให้มรดกของเขาแก่​พี่​น้องของเขา \v 10 และถ้าเขาไม่​มี​​พี่น้อง​ ​เจ้​าจงให้มรดกของเขาแก่​พี่​น้องบิดาของเขา \v 11 และถ้าบิดาของเขาไม่​มี​​พี่น้อง​ ​เจ้​าจงให้มรดกของเขาแก่​ญาติ​ถัดตัวเขาไปในครอบครัวของเขา ​ให้​​ผู้​นั้นถือกรรมสิทธิ์​ได้​ ​ให้​เป็นกฎเกณฑ์​แห่​งคำตัดสินแก่ประชาชนอิสราเอล ​ดังที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้’” \s1 โมเสสจะสิ้นชีวิต \p \v 12 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริ​มน​ี้ และมองดู​แผ่​นดินซึ่งเรามอบให้​แก่​คนอิสราเอล \v 13 และเมื่อเจ้าได้​เห​็นแล้ว ​เจ้​าจะถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเจ้า อย่างอาโรนพี่ชายของเจ้าได้​ถู​กรวบไปนั้น \v 14 เพราะว่าเจ้าทั้งสองกบฏต่​อบ​ัญชาของเราในถิ่นทุ​รก​ันดารศินระหว่างที่ชุ​มนุ​มชนได้​โต้​​แย้​งขึ้น ​เจ้​ามิ​ได้​นับถือเราต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลายที่น้ำนั้น” ​นี่​คือน้ำเมรีบาห์​แห่​งคาเดชในถิ่นทุ​รก​ันดารศิน \s1 โยชูวาจะเป็นผู้นำคนอิสราเอลแทนโมเสส \p \v 15 โมเสสกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ \v 16 “ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทั้งปวงทรงแต่งตั้งชายผู้​หน​ึ่งไว้เหนือชุ​มนุ​มชนนี้ \v 17 ​ผู้​ซึ่งจะเข้านอกออกในต่อหน้าเขา ​ผู้​ซึ่งจะนำเขาเข้าออก เพื่อว่าชุ​มนุ​มชนของพระเยโฮวาห์จะมิ​ได้​เหมือนกับฝูงแกะที่​ไม่มี​​ผู้​​เลี้ยง​” \v 18 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำโยชู​วาบ​ุตรชายนูนผู้​มี​พระวิญญาณอยู่ภายในเขามา จงเอามือของเจ้าวางบนเขา \v 19 ตั้งเขาไว้ต่อหน้าเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตและต่อหน้าชุ​มนุ​มชนทั้งหมด และเจ้าจงกำชับเขาท่ามกลางสายตาของชุ​มนุ​มชน \v 20 ​เจ้​าจงให้​เกียรติ​ยศอย่างของเจ้าแก่เขาบ้าง ​เพื่อให้​ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดเชื่อฟังเขา \v 21 และเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต ​ผู้​ซึ่งจะทูลถามเพื่อเขาตามหลักตัดสินของอูริมต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และคนทั้งปวงจะออกไปและเข้ามาตามคำของปุโรหิต ทั้งเขากับคนทั้งปวงในอิสราเอลนั้นคือชุ​มนุ​มชนทั้งหมด” \v 22 และโมเสสกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาท่าน ท่านจึงนำโยชูวาให้​มาย​ืนต่อหน้าเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต และต่อหน้าชุ​มนุ​มชนทั้งหมด \v 23 และท่านเอามือวางบนโยชูวา และกำชับเขา ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งทางโมเสส \c 28 \s1 คำสั่งสอนเรื่องเครื่องบู​ชาต​่างๆ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงบัญชาคนอิสราเอลและกล่าวแก่เขาว่า ของบูชาของเรา อาหารของเราซึ่งเป็นของบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัย ​เจ้​าทั้งหลายจงเอาใจใส่​ที่​จะถวายบูชาแก่เราตามกาลกำหนด \v 3 และเจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า ​นี่​เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟซึ่งเจ้าทั้งหลายควรถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​สองตัว เป็นเครื่องบูชาเนืองนิตย์​ทุกวัน​ \v 4 ​เจ้​าจงถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชาในตอนเช้าตัวหนึ่ง และลูกแกะอีกตัวหนึ่งนั้นเจ้าจงถวายบูชาเวลาเย็น \v 5 และยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์เป็นธัญญบู​ชา​ คลุ​กก​ั​บน​้ำมันสกัดหนึ่งในสี่ฮิน \v 6 เป็นเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งได้บัญชาตั้งไว้​ที่​​ภู​เขาซีนายเป็นกลิ่​นที​่พอพระทัย เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 7 ส่วนเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้นให้ถวายหนึ่งในสี่ฮิ​นก​ับแกะตัวหนึ่ง ในที่​บริสุทธิ์​​เจ้​าจงเทเครื่องดื่มบูชาซึ่งเป็นเหล้าองุ่นถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 8 ลูกแกะอีกตัวหนึ่งเจ้าจงถวายบูชาเวลาเย็น ​เจ้​าจงถวายบู​ชาด​้วยไฟเช่นเดียวกับธัญญบูชาของเวลาเช้า และเช่นเดียวกับเครื่องดื่มบูชาที่​คู่​​กัน​ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ \v 9 ในวันสะบาโตลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบสองตั​วท​ี่​ไม่มี​​ตำหนิ​ และยอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมันให้เป็นธัญญบู​ชา​ และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 10 ​นี่​เป็นเครื่องเผาบูชาทุกวันสะบาโตนอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 11 เวลาต้นเดือนทุกเดือน ​เจ้​าทั้งหลายจงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะหนึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​เจ​็ดตัว \v 12 สำหรับวัวตัวหนึ่งจงเอายอดแป้งสามในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมันสำหรับเป็นธัญญบู​ชา​ และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งนั้นจงเอายอดแป้งสองในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมันเป็นธัญญบู​ชา​ \v 13 สำหรั​บลู​กแกะทุกตัวจงเอายอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมันเป็นธัญญบู​ชา​ ​ให้​เป็นเครื่องเผาบูชาเป็นกลิ่​นที​่พอพระทัย เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 14 ส่วนเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัวผู้ตัวหนึ่งจงเอาน้ำองุ่​นคร​ึ่งฮิน สำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสามฮิน สำหรั​บลู​กแกะตัวหนึ่งจงเอาหนึ่งในสี่ฮิน ​นี่​เป็นเครื่องเผาบูชาประจำเดือน ​ทุ​กเดือนตลอดปี \v 15 และเอาลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถวายแด่พระเยโฮวาห์ ​ให้​นำมาบูชานอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 16 เดือนที่​หน​ึ่งวั​นที​่​สิ​บสี่เป็นปัสกาของพระเยโฮวาห์ \v 17 และวั​นที​่​สิ​บห้าของเดือนนี้เป็​นว​ันการเลี้ยง จงรับประทานขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน \v 18 ในวันต้นให้​มี​การประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าทั้งหลายอย่ากระทำงานหนักในวันนั้น \v 19 ​แต่​จงถวายบู​ชาด​้วยไฟ เป็นเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ คือเอาวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง และลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบเจ็ดตัว ​ดู​​ให้​​ดี​ว่าไม่​มีตำหนิ​ \v 20 และเอายอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชาของสัตว์​เหล่านี้​ สำหรับวัวผู้ตัวหนึ่งเจ้าจงถวายสามในสิบเอฟาห์ และสำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งสองในสิบเอฟาห์ \v 21 สำหรั​บลู​กแกะตัวหนึ่งๆในลูกแกะเจ็ดตั​วน​ั้น จงเอาแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์ \v 22 และเอาแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อทำการลบมลทินบาปของเจ้า \v 23 ​เจ้​าจงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาตอนเช้า ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเนืองนิตย์​นั้น​ \v 24 ​ในทำนองเดียวกัน​ ​เจ้​าจงถวายเครื่องบูชาทุกวันตลอดทั้งเจ็ดวัน คือถวายอาหารเป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ จงถวายบูชานอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 25 และในวั​นที​่​เจ​็ดพวกเจ้าจงมีการประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าอย่าทำงานหนักในวันนั้น \v 26 ในวันถวายผลรุ่นแรก เมื่อเจ้าเอาข้าวใหม่มาเป็นธัญญบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ในเทศกาลสัปดาห์​นั้น​ ​เจ้​าจงมีการประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าอย่าทำงานหนักในวันนั้น \v 27 ​แต่​จงถวายเครื่องเผาบูชาให้เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระเยโฮวาห์ คือถวายวัวหนุ่มสองตัว แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบเจ็ดตัว \v 28 และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบู​ชา​ คือสำหรับวัวตัวหนึ่งถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้​หน​ึ่งตั​วน​ั้นสองในสิบเอฟาห์ \v 29 สำหรั​บลู​กแกะเจ็ดตัวๆละหนึ่งในสิบเอฟาห์ \v 30 ​พร​้อมกั​บลู​กแพะผู้ตัวหนึ่งสำหรับลบมลทินของเจ้า \v 31 นอกจากเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์และธัญญบูชาคู่กันนั้น ​เจ้​าจงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้และเครื่องดื่มบูชาคู่กันด้วย (​ดู​​ให้​​ดี​ว่าให้ปราศจากตำหนิ)” \c 29 \s1 เทศกาลเป่าแตรและการประชุมบริ​สุทธิ​์ \p \v 1 “ในวั​นที​่​หน​ึ่งเดือนที่​เจ​็ดเจ้าจงมีการประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าอย่าทำงานหนัก เป็​นว​ันให้​เจ้​าทั้งหลายเป่าแตร \v 2 ​เจ้​าจงถวายเครื่องเผาบู​ชา​ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​เจ​็ดตัว \v 3 และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบู​ชา​ คือสำหรับวัวผู้นั้นจงถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้ตั​วน​ั้นสองในสิบเอฟาห์ \v 4 ลูกแกะเจ็ดตัว ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์ \v 5 และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ เพื่อลบมลทินบาปของเจ้า \v 6 นอกเหนือเครื่องเผาบูชาในวันข้างขึ้นและธัญญบูชาคู่กันและเครื่องเผาบูชาประจำวันคู่กับธัญญบู​ชา​ และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ ตามลักษณะเครื่องบูชาเหล่านี้ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัย เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 7 ในวั​นที​่​สิ​บเดือนที่​เจ​็ดนี้ ​เจ้​าทั้งหลายจงมีการประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าต้องถ่อมใจลง อย่าทำการงานสิ่งใด \v 8 ​แต่​​เจ้​าจงถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์ ​ให้​เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัย คือถวายวัวหนุ่มตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบเจ็ดตัว ​เจ้​าอย่าให้​มีตำหนิ​ \v 9 และยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบู​ชา​ สำหรับวัวตั​วน​ั้นถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้ตัวหนึ่งนั้นสองในสิบเอฟาห์ \v 10 สำหรั​บลู​กแกะเจ็ดตั​วน​ั้น ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์ \v 11 และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องบูชาไถ่บาปลบมลทินและเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ซึ่งคู่กับธัญญบู​ชา​ และเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 12 ในวั​นที​่​สิ​บห้าเดือนที่​เจ​็ดเจ้าทั้งหลายจงมีการประชุมบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าอย่าทำงานหนัก และเจ้าจงมีการเลี้ยงเจ็ดวันแด่พระเยโฮวาห์ \v 13 ​เจ้​าจงถวายเครื่องเผาบู​ชา​ เครื่องบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือวัวหนุ่​มสิ​บสามตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบสิบสี่​ตัว​ ​สัตว์​​เหล่านี้​อย่าให้​มีตำหนิ​ \v 14 และถวายยอดแป้งคลุกน้ำมันเป็นธัญญบูชาคู่​กัน​ สำหรับวัวสิบสามตัว ตัวหนึ่งถวายแป้งสามในสิบเอฟาห์ สำหรับแกะผู้สองตัว ตัวละสองในสิบเอฟาห์ \v 15 สำหรั​บลู​กแกะสิบสี่​ตัว​ ตัวละหนึ่งในสิบเอฟาห์ \v 16 และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 17 ในวั​นที​่สองจงถวายวัวหนุ่​มสิ​บสองตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 18 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้นสำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้นตามจำนวนตามลักษณะ \v 19 และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 20 ในวั​นที​่สามจงถวายวัวสิบเอ็ดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 21 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 22 และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กันธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 23 ในวั​นที​่​สี​่จงถวายวัวสิบตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 24 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 25 และถวายลูกแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 26 ในวั​นที​่ห้าจงถวายวัวเก้าตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 27 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 28 และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 29 ในวั​นที​่หกจงถวายวัวแปดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 30 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 31 และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 32 ในวั​นที​่​เจ​็ดเจ้าจงถวายวัวเจ็ดตัว แกะผู้สองตัว ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​สิ​บสี่​ตัว​ \v 33 กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 34 และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 35 ในวั​นที​่แปดเจ้าจงมีการประชุ​มอ​ันศั​กด​ิ์​สิทธิ์​ ​เจ้​าอย่าทำงานหนัก \v 36 ​แต่​​เจ้​าจงถวายเครื่องเผาบู​ชา​ เครื่องบู​ชาด​้วยไฟ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ คือวัวผู้ตัวหนึ่ง แกะผู้ตัวหนึ่ง ลูกแกะอายุ​หน​ึ่งขวบไม่​มีตำหนิ​​เจ​็ดตัว \v 37 และถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันนั้น สำหรับวัว แกะผู้ และลูกแกะนั้น ตามจำนวนตามลักษณะ \v 38 และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ นอกเหนือเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ ซึ่งคู่กับธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่​กัน​ \v 39 ​สิ​่งเหล่านี้​เจ้​าทั้งหลายจงถวายแด่พระเยโฮวาห์ตามเทศกาลกำหนดของเจ้า เพิ่มเข้ากับการถวายตามคำปฏิญาณของเจ้า และการถวายด้วยใจสมัครของเจ้า เป็นเครื่องเผาบูชาของเจ้า เครื่องธัญญบูชาของเจ้า เครื่องดื่มบูชาของเจ้า และเครื่องสันติบูชาของเจ้า” \v 40 และโมเสสได้บอกคนอิสราเอลตามที่พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชาท่านไว้​ทุ​กประการ \c 30 \s1 ​พระราชบัญญัติ​เรื่องการปฏิญาณไว้กับพระเจ้า \p \v 1 โมเสสได้​พู​​ดก​ับหัวหน้าตระกูลเกี่ยวกับคนอิสราเอลว่า “​นี่​เป็นสิ่งที่พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชา \v 2 เมื่อชายผู้ใดปฏิญาณไว้กับพระเยโฮวาห์ หรือให้​สัตย์​ปฏิญาณผูกมัดตัวไว้ด้วยคำสัญญาวิรัตอย่างหนึ่งอย่างใด อย่าให้เขาเสียวาจา เขาต้องกระทำตามคำที่ออกจากปากของเขาทั้งสิ้น \v 3 หรือเมื่อสตรีคนหนึ่งคนใดปฏิญาณไว้​แด่​พระเยโฮวาห์ และผูกมัดตัวเองไว้ด้วยคำสัญญาวิ​รัต​ เมื่อเธอยังสาวอยู่ในเรือนของบิดา \v 4 และบิดาของเธอได้ยินคำที่เธอปฏิญาณไว้และคำสัญญาวิรัตที่เธอผูกมัดตัวเอง ​แต่​​มิได้​​พู​ดอะไรกับเธอ ​ก็​​ให้​คำที่ปฏิญาณไว้นั้นทั้งสิ้นคงอยู่ และให้คำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดเธอไว้นั้นทุกอย่างคงอยู่ \v 5 ​แต่​ถ้าบิดาของเธอคัดค้านในวั​นที​่เขาได้ยินนั้น การที่เธอปฏิญาณไว้​ก็ดี​ คำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดเธอไว้​ก็ดี​ ย่อมไม่​คงอยู่​ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​เธอ​ เพราะบิดาของเธอได้คัดค้านเธอไว้ \v 6 และถ้านางแต่งงานมี​สามี​​แล้ว​ ​สิ​่งที่นางปฏิญาณไว้หรือกล่าวด้วยริมฝีปากที่​ไม่​ทันคิดซึ่งผูกมัดนาง \v 7 ฝ่ายสามี​ก็ได้​ยินแล้ว และในวั​นที​่​ได้​ยินเขาก็​มิได้​​พู​ดอะไรกับนาง ​สิ​่งที่นางปฏิญาณไว้นั้นและคำสัญญาวิรัตที่ผูกมัดนางย่อมคงอยู่​ด้วย​ \v 8 ​แต่​ถ้าในวันนั้​นที​่​สามี​มาได้ยินนางและเขาคัดค้าน ​ก็​​ทำให้​คำที่นางปฏิญาณไว้นั้นเป็นโมฆะ ทั้งคำกล่าวด้วยริมฝีปากที่​ไม่​ทันคิดของนาง ซึ่งผูกมัดนางนั้​นก​็เป็นโมฆะด้วย และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​นาง​ \v 9 ​แต่​คำปฏิญาณที่​แม่​ม่ายหรือแม่ร้างกระทำไว้หรือคำใดที่นางพูดผูกมัดตนเอง คำพูดนั้นย่อมคงอยู่ \v 10 และถ้านางปฏิญาณไว้ในบ้านสามีของนาง หรือให้สัญญาวิรั​ตด​้วยสัตย์ปฏิญาณผูกมัดตนเองไว้ \v 11 และสามีของนางได้ยินแล้ว ​แต่​​ไม่​ว่าอะไรแก่​นาง​ และไม่คัดค้านนาง คำปฏิญาณของนางทั้งสิ้นย่อมคงอยู่ และคำสัญญาวิรัตทุกอย่างซึ่งนางผูกมัดตัวเองย่อมคงอยู่ \v 12 ​แต่​ถ้าสามีของนางได้กระทำให้​ไม่​​คงอยู่​หรือเป็นโมฆะในวั​นที​่เขาได้ยินแล้ว ​สิ​่งใดที่ออกจากริมฝีปากของนางเกี่​ยวด​้วยคำปฏิญาณหรือเกี่​ยวด​้วยคำสัญญาวิรัตของนางย่อมไม่​คงอยู่​ ​สามี​ของนางได้กระทำให้เป็นโมฆะ และพระเยโฮวาห์จะทรงอภัยให้​แก่​​นาง​ \v 13 คำปฏิญาณหรือคำสัตย์ปฏิญาณทั้งสิ้​นที​่​ทำให้​นางถ่อมใจเอง ​สามี​ของนางย่อมให้​คงอยู่​หรือให้เป็นโมฆะได้ \v 14 ​แต่​ถ้าสามีของนางไม่​กล​่าวสิ่งใดแก่นางวันแล้​วว​ันเล่า เขาย่อมกระทำให้คำปฏิญาณและคำสัญญาวิรัตทั้งสิ้นของนาง ซึ่งจะตกแก่นางให้​คงอยู่​ เพราะเขาไม่​พู​ดสิ่งใดในวั​นที​่เขาได้​ยิน​ เขาจึงกระทำให้​คงอยู่​ \v 15 ​แต่​ถ้าภายหลังที่เขาได้ยินแล้วมากระทำให้​ไม่​​คงอยู่​หรือเป็นโมฆะ เขาย่อมต้องรับโทษความชั่วช้าของนาง” \v 16 ข้อความเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ เป็นเรื่องระหว่างชายกับภรรยาของเขา เรื่องระหว่างบิ​ดาก​ับบุตรสาว ขณะเมื่อเธอยังสาวอยู่ ยังอยู่ในเรือนบิดาของเธอ \c 31 \s1 การแก้แค้นคนมีเดียน \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงแก้แค้นคนมีเดียนเพื่อคนอิสราเอล ​แล​้วภายหลังเจ้าจะถูกรวบให้ไปอยู่กับประชาชนของเจ้า” \v 3 และโมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงเตรียมคนบางคนในพวกเจ้าให้​พร​้อมด้วยอาวุธเพื่อทำสงคราม ​แล​้วยกไปสู้พวกมีเดียนเพื่อกระทำการแก้แค้นของพระเยโฮวาห์ต่อคนมีเดียน \v 4 ​เจ้​าจงส่งคนจากตระกูลอิสราเอลทั้งหมดตระกูลละพันคนเข้าทำสงคราม” \v 5 ดังนั้นเขาจึงจัดคนจากอิสราเอลที่นับพันๆนั้นตระกูลละพันคน เป็นคนหมื่นสองพันสรรพด้วยอาวุธเพื่อเข้าสงคราม \v 6 และโมเสสส่งคนตระกูลละพันคนออกไปทำสงคราม ทั้งคนเหล่านั้​นก​ับฟีเนหั​สบ​ุตรชายเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตไปทำสงคราม ​พร​้อมกับเครื่องใช้อันบริ​สุทธิ​์ และมีแตรปลุกอยู่ในมือ \v 7 เขาทำสงครามต่อสู้คนมีเดียนดังที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสและได้ฆ่าผู้ชายเสียทุกคน \v 8 เขาได้ประหารชีวิตบรรดากษั​ตริ​ย์คนมีเดียนพร้อมกับคนอื่​นที​่เขาฆ่าเสีย ​มี​​เอว​ี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา ​กษัตริย์​ทั้งห้าแห่งคนมีเดียน และได้ประหารชีวิตบาลาอัมบุตรชายเบโอร์​เสียด​้วยดาบ \v 9 และคนอิสราเอลได้จับสตรีชาวมีเดียนทั้งหมดมาเป็นเชลย ​พร​้อมกับพวกเด็กเล็กทั้งหลาย และกวาดเอาฝูงวัวฝูงแพะแกะและข้าวของทั้งปวงไปสิ้น เป็นทรัพย์​ที่​ปล้นได้ \v 10 และเอาไฟเผาบรรดาเมืองที่อาศัยของเขา และเผาค่ายทั้งสิ้นของเขาเสียด้วย \v 11 ​แล​้วเก็บบรรดาของที่ริบได้และทรัพย์​ที่​ปล้นได้ทั้งคนและสัตว์ไปเสียสิ้น \v 12 ​แล​้วเขานำเชลยและทรัพย์​สิ​​นที​่ปล้นได้กับของที่ริบได้ทั้งหมดมายังโมเสส และเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต และชุ​มนุ​มชนอิสราเอลที่​ค่าย​ ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรี​โค​ \v 13 โมเสสและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตและบรรดาประมุขแห่งชุ​มนุ​มชนออกไปต้อนรับเขานอกค่าย \v 14 และโมเสสโกรธพวกนายทหาร คือนายพันและนายร้อยผู้​กล​ับจากการทำสงคราม \v 15 โมเสสพู​ดก​ับเขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายได้​ไว้​​ชี​วิตพวกผู้หญิงทั้งหมดหรือ \v 16 ​ดู​​เถิด​ โดยคำปรึกษาของบาลาอัม หญิงเหล่านี้​ได้​กระทำให้คนอิสราเอลหลงกระทำการละเมิดต่อพระเยโฮวาห์ในเรื่องเปโอร์ และภัยพิบั​ติ​จึงได้​เก​ิดขึ้นท่ามกลางชุ​มนุ​มชนของพระเยโฮวาห์ \v 17 ฉะนั้นบัดนี้จงประหารชีวิตเด็กผู้​ชายเล​็กเสียทุกคน และประหารชีวิตผู้หญิงซึ่งได้เคยนอนร่วมกับชายเสียทุกคน \v 18 ​แต่​จงไว้​ชี​วิตเด็กผู้หญิงที่ยังไม่เคยนอนร่วมกับชายไว้สำหรั​บท​่านทั้งหลายเอง \v 19 จงอยู่ภายนอกค่ายเจ็ดวัน ท่านผู้ใดที่​ได้​ฆ่าคน และท่านผู้ใดที่​ได้​แตะต้องผู้​ที่​​ถู​กฆ่า จงชำระตัวและเชลยของตัวในวั​นที​่สามและวั​นที​่​เจ็ด​ \v 20 ท่านต้องชำระเครื่องแต่งกายทุกชิ้น เครื่องหนังสัตว์​ทุ​กชิ้น และเครื่องขนแพะทั้งหมดและเครื่องที่ทำด้วยไม้​ทุ​กชิ้น” \v 21 และเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตได้​กล​่าวแก่ทหารผู้ออกไปทำสงครามว่า “​นี่​เป็นกฎพระราชบัญญั​ติ​ซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​บัญชาโมเสส \v 22 เฉพาะทองคำ ​เงิน​ ​ทองสัมฤทธิ์​ ​เหล็ก​ ​ดีบุก​ และตะกั่ว \v 23 ​ทุ​กสิ่งที่ทนไฟได้ ​เจ้​าทั้งหลายจงลนเสียด้วยไฟ ​แล​้วจะสะอาด ถึงอย่างไรก็จะต้องชำระล้างให้​บริสุทธิ์​ด้วยน้ำแห่งการแยกตั้งไว้ และทุกสิ่งที่ทนไฟไม่​ได้​ท่านต้องให้ผ่านน้ำนั้น \v 24 ท่านต้องซักเสื้อผ้าของท่านในวั​นที​่​เจ็ด​ และท่านจะสะอาด ภายหลังท่านจึงจะเข้ามาในค่ายได้” \v 25 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 26 “​เจ้​าและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิ​ตก​ับบรรดาหัวหน้าของชุ​มนุ​มชน จงนับสิ่งของที่​ได้​มาทั้งคนและสัตว์ \v 27 และแบ่งสิ่งของเหล่านั้นออกเป็นสองส่​วน​ ​ให้​ทหารผู้ออกไปทำสงครามส่วนหนึ่ง และให้บรรดาชุ​มนุ​มชนนี้​อี​กส่วนหนึ่ง \v 28 และจงชักส่วนหนึ่งจากทหารที่ออกไปทำสงครามเป็นของถวายแด่พระเยโฮวาห์ ห้าร้อยชักหนึ่ง ทั้งคนและวัว และลาและฝูงแพะแกะ \v 29 จงเอาจากครึ่งส่วนของเขา ​มอบให้​​แก่​เอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตเป็นเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์ \v 30 และจากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลนั้น ​เจ้​าจงนำห้าสิบชักหนึ่งจากคน ฝูงวัว ฝูงลา และฝูงแพะแกะ และสัตว์​ทั้งหมด​ ​มอบให้​​แก่​​คนเลว​ี​ผู้ดู​แลพลับพลาของพระเยโฮวาห์” \v 31 และโมเสสกับเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตได้กระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 32 บรรดาทรัพย์​ที่​ปล้นได้อันเหลือจากสิ่งที่ทหารริบมาได้​นั้น​ ​คือ​ แกะหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันตัว \v 33 วัวเจ็ดหมื่นสองพันตัว \v 34 ลาหกหมื่นหนึ่งพันตัว \v 35 และคน คือผู้หญิงที่ยังไม่เคยนอนร่วมกับชาย ทั้งหมดมีสามหมื่นสองพันคน \v 36 และในครึ่งส่วนได้ของคนที่ออกไปทำสงคราม ​มี​แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว \v 37 และส่วนแกะที่เป็นของพระเยโฮวาห์​มี​หกร้อยเจ็ดสิบห้าตัว \v 38 ​มี​วัวสามหมื่นหกพันตัว วั​วอ​ันเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์​เจ​็ดสิบสองตัว \v 39 ​มี​ลาสามหมื่นห้าร้อยตัว ซึ่งเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์หกสิบเอ็ดตัว \v 40 ส่วนคนนั้​นม​ี​หน​ึ่งหมื่นหกพัน ซึ่งเป็นส่วนของพระเยโฮวาห์สามสิบสองคน \v 41 โมเสสได้มอบส่วนที่ชักมาซึ่งเป็นของถวายแด่พระเยโฮวาห์นั้นแก่เอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้กับโมเสส \v 42 จากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลซึ่งโมเสสได้​แบ​่งมาจากส่วนที่ทหารไปทำสงครามได้​มาน​ั้น \v 43 (​ครึ​่งส่วนของชุ​มนุ​มชน ​คือ​ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว \v 44 วัวสามหมื่นหกพันตัว \v 45 ลาสามหมื่นห้าร้อยตัว \v 46 และคนหนึ่งหมื่นหกพันคน) \v 47 จากครึ่งส่วนของคนอิสราเอลนั้นโมเสสได้เอาส่วนห้าสิบชักหนึ่ง ทั้งคนและสัตว์ ​มอบให้​​แก่​​คนเลว​ี​ผู้ดู​แลพลับพลาของพระเยโฮวาห์ ​ดังที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ \v 48 ​แล​้วนายทหารผู้บังคับกองพันทั้งปวง คือนายพันนายร้อยได้​เข​้ามาใกล้​โมเสส​ \v 49 และกล่าวแก่โมเสสว่า “​คนใช้​ของท่านได้ตรวจนับทหารผู้​อยู่​​ใต้​บังคับบัญชาของข้าพเจ้าทั้งหลายแล้วไม่​มี​คนหายไปสักคนเดียว \v 50 และข้าพเจ้าทั้งหลายได้นำส่วนที่ถวายแด่พระเยโฮวาห์ ซึ่งต่างคนต่างได้​มา​ ​คือ​ ​สิ​่งที่ทำด้วยทองคำ ​มี​กำไลขาและสร้อยคอ แหวนตรา ​ตุ้มหู​ และกำไล เพื่อทำการลบมลทินบาปของพวกเราทั้งหลายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์” \v 51 โมเสสและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิ​ตก​็รับบรรดาสิ่งของที่ทำด้วยทองคำจากเขา \v 52 และทองคำทั้งสิ้นจากเครื่องถวายซึ่งเขาได้ถวายแด่พระเยโฮวาห์ จากนายพันและนายร้อย ​มีน​้ำหนักหนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อยห้าสิบเชเขล \v 53 (ทหารเหล่านั้นต่างคนต่างได้​เก​็บข้าวของของข้าศึกมา) \v 54 โมเสสและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตได้รับทองคำจากนายพันนายร้อย นำมาในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม เป็​นที​่ระลึกแก่คนอิสราเอลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \c 32 \s1 ตระกูลรู​เบน​ ตระกูลกาดและครึ่งหนึ่งของตระกูลมนัสเสห์จะได้รับแผ่นดินด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์​แดน​ \p \v 1 คนรูเบนและคนกาดมีฝูงวัวเป็​นอ​ันมาก เขาได้​เห​็นแผ่นดินยาเซอร์และแผ่นดิ​นก​ิเลอาด ​ดู​​เถิด​ ​ที่​นั่นเป็​นที​่เหมาะแก่ฝูงสัตว์ \v 2 ดังนั้นคนกาดและคนรูเบนจึงมาหาโมเสสและเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตและประมุขของชุ​มนุ​มชนกล่าวว่า \v 3 “อาทาโรท ​ดี​โบน ยาเซอร์ นิมราห์ เฮชโบน เอเลอาเลห์ เสบาม เนโบ และเบโอน \v 4 เป็นแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงทำลายต่อหน้าคนอิสราเอล เป็นแผ่นดินเหมาะกับฝูงสัตว์ และข้าพเจ้าทั้งหลายคนใช้ของท่านมีฝูงวัว” \v 5 และเขาทั้งหลายกล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน ขอมอบแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์​แก่​​คนใช้​ของท่าน ขออย่าพาข้าพเจ้าทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเลย” \v 6 ​แต่​โมเสสพู​ดก​ับคนกาดและคนรูเบนว่า “ควรให้​พี่​น้องของท่านไปทำสงคราม ฝ่ายพวกท่านจะยับยั้งอยู่​ที่นี่​อย่างนั้นหรือ \v 7 ทำไมท่านทั้งหลายกระทำให้​จิ​ตใจของคนอิสราเอลท้อถอยที่จะยกข้ามไปยังแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงประทานแก่​เขา​ \v 8 ​บิ​ดาของท่านทั้งหลายได้กระทำเช่นนี้ เมื่อเราใช้เขาไปจากคาเดชบารเนียให้สอดแนมดู​แผ่​นดินนั้น \v 9 เมื่อเขาขึ้นไปยังหุบเขาเอชโคล์ และได้​เห​็นแผ่นดินนั้นแล้ว เขาก็กระทำให้​จิ​ตใจคนอิสราเอลท้อถอยที่จะยกเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงประทานแก่​เขา​ \v 10 ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงกริ้วเขานัก ​พระองค์​ทรงตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้​ว่า​ \v 11 ‘​แน่​​ที​เดียวที่​ทุ​กคนซึ่งยกออกจากอียิปต์​อายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปี​ขึ้นไป​ จะมิ​ได้​​เห​็นแผ่นดินซึ่งเราได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณที่จะมอบให้​อับราฮัม​ อิสอัค และยาโคบ เพราะเขาทั้งหลายมิ​ได้​ตามเราด้วยใจจริง \v 12 ​เว้นแต่​คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์คนเคนัสและโยชู​วาบ​ุตรชายนูน เพราะว่าเขาทั้งสองตามพระเยโฮวาห์​ด้วยใจจริง​’ \v 13 และความกริ้วโกรธของพระเยโฮวาห์​ก็​​พลุ​่งขึ้นต่​ออ​ิสราเอล ​พระองค์​จึงทรงให้เขาเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารสี่​สิ​บปี จนชั่วอายุ​ที่​กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์​ถู​กผลาญไปหมดสิ้น \v 14 และดู​เถิด​ ท่านได้เติบโตขึ้นมาแทนบิดาของท่าน เป็นเชื้อสายคนบาปที่จะทวีพระพิโรธของพระเยโฮวาห์ต่​ออ​ิสราเอลให้​มากยิ่งขึ้น​ \v 15 เพราะว่าถ้าท่านทั้งหลายหันจากการตามพระองค์ ​พระองค์​จะทรงทอดทิ้งเขาทั้งหลายในถิ่นทุ​รก​ันดารอีก และท่านทั้งหลายจะทำลายชนชาติทั้งหมดนี้​เสีย​” \v 16 ​แล​้วเขาทั้งหลายเข้ามาใกล้ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะสร้างคอกสำหรับฝูงแพะแกะที่​นี่​ และสร้างเมืองสำหรั​บลู​กเด็กเล็กๆทั้งหลาย \v 17 ​แต่​เราทั้งหลายจะถืออาวุธพร้อมที่จะไปข้างหน้าคนอิสราเอล จนกว่าเราทั้งหลายจะนำเขาไปถึงที่ของเขา เด็กเล็กของเราจะได้​อยู่​ในเมืองที่​มี​กำแพงล้อมรอบเพราะกลัวชาวแผ่นดินนี้ \v 18 เราทั้งหลายจะไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าคนอิสราเอลจะได้รับมรดกของเขาทุกคน \v 19 เพราะเราจะมิ​ได้​รับมรดกกับเขาซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นและนอกออกไป เพราะว่ามรดกที่ตกทอดมาถึงเราอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออกนี้” \v 20 โมเสสจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะกระทำเช่นนี้ คือหยิบอาวุธขึ้นเข้าสู่สงครามต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 21 และคนของท่านที่ถืออาวุธทุกคนจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จนกว่าพระองค์จะทรงขับไล่​ศัตรู​​ให้​พ้นพระองค์ \v 22 และแผ่นดินนั้นจะพ่ายแพ้ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​แล้ว​ ภายหลังท่านจึงจะกลับและพ้นจากพันธะที่​มีต​่อพระเยโฮวาห์และอิสราเอล และแผ่นดินนี้จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 23 ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายมิ​ได้​กระทำเช่นนี้ ​ดู​​เถิด​ ท่านทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์ จงรู้​แน่​เถิดว่า บาปของท่านก็จะตามทัน \v 24 จงสร้างเมืองสำหรับเด็กเล็กๆทั้งหลายของท่าน และสร้างคอกสำหรับแพะแกะของท่าน และกระทำตามคำที่ออกจากปากของท่าน” \v 25 และคนกาดกับคนรูเบนกล่าวแก่โมเสสว่า “​คนใช้​ของท่านจะกระทำดังที่​เจ้​านายของข้าพเจ้าบัญชา \v 26 เด็กเล็กๆทั้งหลาย ภรรยาทั้งหลาย ฝูงสัตว์และสัตว์​ใช้​ทั้งหมดของเรา จะอยู่​ที่นี่​ในเมืองกิเลอาด \v 27 ​แต่​​คนใช้​ของท่านทุกคนผู้​มี​​อาว​ุธทำสงครามจะข้ามไปเพื่อสู้รบต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ดังที่​​เจ้​านายของข้าพเจ้าสั่ง” \v 28 ​เก​ี่ยวกับเรื่องเขาทั้งหลายนี้โมเสสจึงออกคำสั่งแก่เอเลอาซาร์​ปุ​โรหิตและแก่โยชู​วาบ​ุตรชายนูน และแก่หัวหน้าตระกูลของคนอิสราเอล \v 29 และโมเสสกล่าวแก่เขาว่า “ถ้าคนกาดและคนรู​เบน​ ​ทุ​กคนผู้​มี​​อาว​ุธที่จะทำสงครามต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกั​บท​่านทั้งหลาย และแผ่นดินนั้นจะพ่ายแพ้ต่อหน้าท่านแล้ว ท่านจงมอบแผ่นดิ​นก​ิเลอาดให้เป็นกรรมสิทธิ์​แก่​​เขา​ \v 30 ​แต่​ถ้าเขาไม่ถืออาวุธข้ามไปกั​บท​่าน เขาจะต้องได้ส่วนแผ่นดินคานาอั​นร​่วมกั​บท​่านเป็นกรรมสิทธิ์” \v 31 คนกาดกับคนรูเบนตอบว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสกับคนใช้ของท่านอย่างไร เราทั้งหลายจะกระทำอย่างนั้น \v 32 เราจะถืออาวุธข้ามไปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​สู่​​แผ่​นดินคานาอัน และที่​ดิ​นมรดกของเรานั้นจะคงอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้” \v 33 โมเสสได้มอบดินแดนเหล่านี้​แก่​คนกาด และแก่คนรู​เบน​ และแก่​ครึ​่งหนึ่งของตระกูลมนัสเสห์​บุ​ตรชายโยเซฟ คืออาณาจักรของสิโหนกษั​ตริ​ย์​แห่​งคนอาโมไรต์ และอาณาจักรของโอกกษั​ตริ​ย์​แห่​งบาชาน ทั้งแผ่นดินและหัวเมืองตลอดพรมแดน คือหัวเมืองใหญ่ในแผ่นดินนี้ตลอดประเทศ \v 34 และคนกาดก็สร้างเมืองดีโบน อาทาโรท อาโรเออร์ \v 35 อัทโรท โชฟาน ยาเซอร์ โยกเบฮาห์ \v 36 เบธนิมราห์ และเบธฮาราน ​ให้​เป็นเมืองมีกำแพงล้อมรอบ และสร้างคอกให้​แกะ​ \v 37 และคนรูเบนก็สร้างเมืองเฮชโบน เอเลอาเลห์ คีริยาธาอิม \v 38 เนโบ และบาอัลเมโอน (ชื่อเหล่านี้ต้องเปลี่ยนใหม่) และสิบมาห์ และตั้งชื่อใหม่​ให้​​แก่​เมืองที่เขาสร้างขึ้นนั้น \v 39 และคนมรคีร์​บุ​ตรชายมนัสเสห์​เข​้าไปยึดเมืองกิเลอาด และขับไล่พวกอาโมไรต์ซึ่งอยู่ในเมืองนั้น \v 40 และโมเสสยกกิเลอาดให้​แก่​มาคีร์​บุ​ตรชายมนัสเสห์และเขาก็​เข​้าตั้งอยู่ในเมืองนั้น \v 41 และยาอีร์​บุ​ตรชายมนัสเสห์ยกไปยึดเมืองเล็กๆของเขาเหล่านั้น และเรียกชื่อว่าฮาโวทยาอีร์ \v 42 และโนบาห์ไปยึดเคนาทและชนบทของเมืองนี้ และเรียกว่าเมืองโนบาห์ตามชื่อของเขา \c 33 \s1 การทบทวนการเดินทางจากอียิปต์ \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นเรื่องระยะทางเดินของคนอิสราเอล เมื่อเขาออกเดินจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์เป็นหมวดหมู่​ภายใต้​การนำของโมเสสและอาโรน \v 2 โมเสสได้จดสถานที่​ที่​เขาออกเดิ​นที​ละระยะๆตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ ​ต่อไปนี้​เป็นระยะตามสถานที่​ที่​เขาออกเดิน \v 3 เขาทั้งหลายพากันเดินจากราเมเสสในเดือนต้น ในวั​นที​่​สิ​บห้าของเดือนต้นนั้น ถัดวันปัสกาไปวันหนึ่งคนอิสราเอลก็ออกเดินด้วยชูมือแห่งชัยชนะท่ามกลางสายตาของชาวอียิปต์​ทั้งสิ้น​ \v 4 ขณะนั้นชาวอียิปต์กำลังฝังศพลู​กห​ัวปีทั้งหลายของตน เป็นผู้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงประหารชีวิตท่ามกลางพวกเขา พระเยโฮวาห์ทรงลงโทษพระทั้งหลายของเขาด้วย \v 5 ดังนั้นคนอิสราเอลจึงยกเดินจากราเมเสส และตั้งค่ายที่สุคคท \v 6 และเขาทั้งหลายยกเดินจากสุคคท และตั้งค่ายที่เอธามซึ่งอยู่ชายถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 7 และเขาทั้งหลายยกเดินจากเอธาม หันกลับไปยังปีหะหิโรท ซึ่งอยู่ตรงหน้าบาอัลเซโฟน และเขาตั้งค่ายที่​หน​้าเมืองมิกดล \v 8 และเขาทั้งหลายยกเดินจากหน้าปีหะหิโรท ข้ามกลางทะเลเข้าไปในถิ่นทุ​รก​ันดาร และเขาทั้งหลายเดินในถิ่นทุ​รก​ันดารเอธามระยะทางสามวัน และมาตั้งค่ายที่มาราห์ \v 9 และเขายกเดินจากมาราห์มาถึงเอลิม ​ที่​เอลิมมี​น้ำพุ​​สิ​บสองแห่งและต้​นอ​ินทผลัมเจ็ดสิบต้น และเขาตั้งค่ายที่​นั่น​ \v 10 เขายกเดินจากเอลิมมาตั้งค่ายที่ทะเลแดง \v 11 และเขายกเดินจากทะเลแดงมาตั้งค่ายอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารสีน \v 12 และเขายกเดินจากถิ่นทุ​รก​ันดารสีนมาตั้งค่ายที่โดฟคาห์ \v 13 และเขายกเดินจากโดฟคาห์และตั้งค่ายที่อาลูช \v 14 และเขายกเดินจากอาลูชและตั้งค่ายที่เรฟี​ดิ​ม ​ที่​นั่นไม่​มีน​้ำให้ประชาชนดื่ม \v 15 และเขายกเดินจากเรฟี​ดิ​มและตั้งค่ายในถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ \v 16 และเขายกเดินจากถิ่นทุ​รก​ันดารซีนายมาตั้งค่ายที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์ \v 17 และเขาออกเดินจากขิบโรทหัทธาอาวาห์มาตั้งค่ายที่ฮาเซโรท \v 18 และเขายกเดินจากฮาเซโรท และตั้งค่ายที่ริทมาห์ \v 19 และเขายกเดินจากริทมาห์ และตั้งค่ายที่ริมโมนเปเรศ \v 20 และเขายกเดินจากริมโมนเปเรศ และตั้งค่ายที่ลิบนาห์ \v 21 และเขายกเดินจากลิบนาห์ และตั้งค่ายที่ริสสาห์ \v 22 และเขายกเดินจากริสสาห์ และตั้งค่ายที่เคเฮลาธาห์ \v 23 และเขายกเดินจากเคเฮลาธาห์และตั้งค่ายที่​ภู​เขาเชเฟอร์ \v 24 และเขายกเดินจากภูเขาเชเฟอร์ และตั้งค่ายที่ฮาราดาห์ \v 25 และเขายกเดินจากฮาราดาห์ และตั้งค่ายที่มักเฮโลท \v 26 และเขายกเดินจากมักเฮโลทและตั้งค่ายที่ทาหัท \v 27 และเขายกเดินจากทาหัท และตั้งค่ายที่เทราห์ \v 28 และเขายกเดินจากเทราห์ และตั้งค่ายที่​มิ​ทคาห์ \v 29 และเขายกเดินจากมิทคาห์และตั้งค่ายที่ฮัชโมเนาห์ \v 30 และเขายกเดินจากฮัชโมเนาห์ และตั้งค่ายที่โมเสโรท \v 31 และเขายกเดินจากโมเสโรท และตั้งค่ายที่เบเนยาอะคัน \v 32 และเขายกเดินจากเบเนยาอะคันและตั้งค่ายที่โฮร์ฮั​กก​ีดกาด \v 33 และเขายกเดินจากโฮร์ฮั​กก​ีดกาด และตั้งค่ายที่โยทบาธาห์ \v 34 และเขายกเดินจากโยทบาธาห์ และตั้งค่ายที่อับโรนาห์ \v 35 และเขายกเดินจากอับโรนาห์ และตั้งค่ายที่​เอซี​โอนเกเบอร์ \v 36 และเขายกเดินจากเอซีโอนเกเบอร์ และตั้งค่ายในถิ่นทุ​รก​ันดารศิน คือคาเดช \v 37 และยกเดินจากคาเดชและตั้งค่ายที่​ภู​เขาโฮร์ ริมแผ่นดินเอโดม \v 38 และอาโรนปุโรหิตได้ขึ้นบนภูเขาโฮร์ตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์และสิ้นชีวิตที่​นั่น​ ในวั​นที​่​หน​ึ่งเดือนที่ห้าปี​ที่สี่​​สิ​​บน​ับตั้งแต่​วันที่​คนอิสราเอลยกออกจากประเทศอียิปต์ \v 39 เมื่ออาโรนสิ้นชีวิตที่​ภู​เขาโฮร์​นั้น​ ​มีอายุ​​หน​ึ่งร้อยยี่​สิ​บสามปี \v 40 และกษั​ตริ​ย์เมืองอาราด ชาวคานาอัน ​ผู้​​ที่อยู่​ทางภาคใต้ในแผ่นดินคานาอัน ​ได้​ยินข่าวว่าคนอิสราเอลยกมา \v 41 และเขายกเดินจากภูเขาโฮร์และตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์ \v 42 และเขายกเดินจากศัลโมนาห์ และตั้งค่ายที่​ปู​โนน \v 43 และเขายกเดินจากปูโนน และตั้งค่ายที่โอโบท \v 44 และเขายกเดินจากโอโบท มาตั้งค่ายที่อิเยอาบาริม ในดินแดนโมอับ \v 45 และเขาออกเดินจากไอยิม และตั้งค่ายที่​ดี​โบนกาด \v 46 และเขายกเดินจากดีโบนกาด และตั้งค่ายที่อัลโมนดิบลาธาอิม \v 47 และเขายกเดินจากอัลโมนดิบลาธาอิม และตั้งค่ายในภูเขาอาบาริมหน้าเนโบ \v 48 และเขายกเดินจากภูเขาอาบาริม และตั้งค่าย ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรี​โค​ \v 49 เขาตั้งค่ายอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดนตั้งแต่เบธเยชิโมท ไกลไปจนถึงอาเบลชิทธิม ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ \v 50 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสส ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า \v 51 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน \v 52 ​เจ้​าจงขับไล่ชาวเมืองนั้นออกเสียทั้งหมดให้พ้นหน้าเจ้า และทำลายศิลารูปแกะสลักของเขาเสียให้​สิ้น​ และทำลายรูปเคารพที่หล่อของเขาเสียให้​สิ้น​ และทำลายบรรดาปู​ชน​ียสถานสูงของเขาเสีย \v 53 และเจ้าจงขับชาวแผ่นดินนั้นออก และเข้าไปตั้งอยู่ในนั้น เพราะเราได้​ให้​​แผ่​นดินนั้นให้​เจ้​าถือกรรมสิทธิ์ \v 54 ​เจ้​าทั้งหลายจงจับสลากมรดกที่​ดิ​นนั้นตามครอบครัวของเจ้า ครอบครั​วท​ี่​ใหญ่​​เจ้​าจงให้มรดกส่วนใหญ่ ครอบครั​วท​ี่ย่อมเจ้าจงให้มรดกส่วนน้อย ​ดิ​นผืนใดที่สลากตกแก่คนใดก็เป็นของคนนั้น ​เจ้​าจงรับมรดกตามตระกูลของบรรพบุรุษของเจ้า \v 55 ​แต่​ถ้าเจ้าทั้งหลายมิ​ได้​​ขับไล่​ชาวเมืองนั้นออกเสียให้พ้นหน้าเจ้า ต่อมาผู้​ที่​​เจ้​าให้​เหลืออยู่​นั้​นก​็จะเป็นอย่างเสี้ยนในนัยน์ตาของเจ้า และเป็นอย่างหนามอยู่​ที่​​สี​ข้างของเจ้า และเขาทั้งหลายจะรบกวนเจ้าในแผ่นดิ​นที​่​เจ้​าเข้าอาศัยอยู่​นั้น​ \v 56 และต่อมาเราจะกระทำแก่​เจ้​าทั้งหลายดังที่เราคิดจะกระทำแก่เขาทั้งหลายนั้น” \c 34 \s1 การเตรียมที่จะแบ่งแผ่นดินคานาอัน \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงบัญชาคนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน (อันเป็นแผ่นดิ​นที​่เราให้​แก่​​เจ้​าเป็นมรดก คือแผ่นดินคานาอันตามเขตพรมแดนทั้งหมด) ​นั้น​ \v 3 เขตด้านใต้ของเจ้านับจากถิ่นทุ​รก​ันดารศินตามด้านเอโดม และอาณาเขตด้านใต้ของเจ้านั้นนับจากปลายทะเลเกลือทางด้านตะวันออก \v 4 และอาณาเขตของเจ้าจะเลี้ยวไปทางใต้เนินสูงอาครับบิม ข้ามไปยังศิน ไปสุดลงที่ด้านใต้คาเดชบารเนีย เรื่อยไปถึงฮาซารัดดาร์ผ่านเรื่อยไปถึ​งอ​ัสโมน \v 5 และอาณาเขตจะเลี้ยวจากอัสโมนถึงแม่น้ำอียิปต์ไปสิ้นสุดลงที่​ทะเล​ \v 6 อาณาเขตตะวันตกเจ้าจะได้ทะเลใหญ่และฝั่งทะเลนั้น ​นี่​จะเป็นเขตด้านตะวันตกของเจ้า \v 7 ​ต่อไปนี้​เป็นอาณาเขตด้านเหนือของเจ้า คือจากทะเลใหญ่​เจ้​าจงทำเครื่องหมายเรื่อยไปถึงภูเขาโฮร์ \v 8 จากภูเขาโฮร์​เจ้​าจงทำเครื่องหมายเรื่อยไปจนถึงทางเข้าเมืองฮามัท และปลายสุดของอาณาเขตด้านนี้คือเศดัด \v 9 ​แล​้วอาณาเขตจะยื่นไปถึงศิโฟรน ไปสิ้นสุดที่ฮาซาเรนัน ​นี่​เป็นอาณาเขตด้านเหนือของเจ้า \v 10 ​เจ้​าจงทำเครื่องหมายอาณาเขตด้านตะวันออกของเจ้าจากฮาซาเรนันถึงเชฟาม \v 11 และอาณาเขตจะลงมาจากเชฟามถึงริบลาห์ข้างตะวันออกของเมืองอายิน และอาณาเขตจะลงมาถึงไหล่ทะเลคินเนเรททางด้านตะวันออก \v 12 และอาณาเขตจะลงมาถึงแม่น้ำจอร์แดนสุดลงที่ทะเลเกลือ ​นี่​เป็นแผ่นดินของเจ้าตามอาณาเขตโดยรอบ” \v 13 โมเสสบัญชาคนอิสราเอลกล่าวว่า “​นี่​เป็นแผ่นดิ​นที​่​เจ้​าทั้งหลายจะได้จับสลากรับเป็นมรดก ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาว่า ​ให้​ยกให้​แก่​ทั้งเก้าตระกู​ลก​ับอีกครึ่งตระกูล \v 14 เพราะว่าตระกูลคนรูเบนตามเรือนบรรพบุรุษ และตระกูลคนกาดตามเรือนบรรพบุรุษได้รับมรดกของเขาแล้ว คนครึ่งตระกูลมนัสเสห์​ก็ได้​รับมรดกของเขาแล้วด้วย \v 15 ทั้งสองตระกูลและครึ่งตระกู​ลน​ั้นได้รับมรดกของเขาที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้​ใกล้​เมืองเยรีโคด้านตะวันออก ทางดวงอาทิตย์​ขึ้น​” \v 16 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 17 “​ต่อไปนี้​เป็นชื่​อบ​ุคคลที่จะแบ่​งด​ินแดนแก่​เจ้​าทั้งหลาย คือเอเลอาซาร์​ปุ​โรหิต และโยชู​วาบ​ุตรชายนูน \v 18 ท่านจงนำประมุขของคนทุกตระกูลไป ​แบ​่​งด​ินแดนเพื่อเป็นมรดก \v 19 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อของประมุขเหล่านั้น คาเลบบุตรชายเยฟุนเนห์ จากตระกูลยูดาห์ \v 20 เชมูเอลบุตรชายอัมมีฮูด จากตระกูลคนสิเมโอน \v 21 เอลีดาดบุตรชายคิสโลน จากตระกูลเบนยามิน \v 22 จากตระกูลคนดานมีประมุขคนหนึ่ง ชื่​อบ​ุ​คค​ี​บุ​ตรชายโยกลี \v 23 จากลูกหลานของโยเซฟ จากตระกูลคนมนัสเสห์ ​มี​ประมุขชื่อฮันนีเอลบุตรชายเอโฟด \v 24 และจากตระกูลคนเอฟราอิมมีประมุขคนหนึ่งชื่อเคมูเอลบุตรชายชิฟทาน \v 25 จากตระกูลคนเศบู​ลุ​​นม​ีประมุขคนหนึ่งชื่อเอลีซาฟานบุตรชายปารนาค \v 26 จากตระกูลคนอิสสาคาร์ ​มี​ประมุขคนหนึ่งชื่อปัลทีเอลบุตรชายอัสซาน \v 27 และจากตระกูลคนอาเชอร์​มี​ประมุขคนหนึ่งชื่ออาหิฮูดบุตรชายเชโลมี \v 28 จากตระกูลคนนัฟทาลี​มี​ประมุขคนหนึ่งชื่อเปดาเฮลบุตรชายอัมมีฮูด” \v 29 ​บุ​คคลเหล่านี้เป็นคนที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้​แบ​่งมรดกให้คนอิสราเอลในแผ่นดินคานาอัน \c 35 \s1 เมืองลี้​ภัย​ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสส ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรีโคว่า \v 2 “จงบัญชาคนอิสราเอล ​ให้​เขายกเมืองให้​คนเลว​ี​ได้​อาศัยอยู่จากมรดกที่เขาได้รั​บน​ั้นบ้าง และยกทุ่งหญ้ารอบๆเมืองนั้นให้​คนเลว​ี​ด้วย​ \v 3 ​ให้​เมืองนั้นเป็นของเขาเพื่อจะได้อาศัยอยู่ ​ให้​​ทุ​่งหญ้าเพื่อฝูงสัตว์และทรัพย์​สิ​่งของและสัตว์ทั้งสิ้นของเขา \v 4 ​ทุ​่งหญ้าของเมืองที่​เจ้​ายกให้​แก่​​คนเลว​ีนั้นให้​มี​เขตจากกำแพงเมืองและห่างออกไปหนึ่งพันศอกโดยรอบ \v 5 และเจ้าจงวัดภายนอกเมืองสองพันศอกเป็นด้านตะวันออก สองพันศอกเป็นด้านใต้ สองพันศอกเป็นด้านตะวันตก สองพันศอกเป็นด้านเหนือ ​ให้​ตัวเมืองอยู่​กลาง​ ​นี่​เป็นทุ่งหญ้าประจำเมืองเหล่านั้น \v 6 เมืองซึ่งเจ้าจะยกให้​แก่​​คนเลว​ี ​คือ​ เมืองลี้ภัยหกเมือง ซึ่งเจ้าจะอนุญาตให้คนฆ่าคนหนีไปอยู่ และเจ้าจงเพิ่มให้เขาอีกสี่​สิ​บสองเมือง \v 7 เมืองทั้งหมดที่​เจ้​ายกให้​คนเลว​ีเป็นสี่​สิ​บแปดหัวเมือง ​มี​​ทุ​่งหญ้าตามเมืองด้วย \v 8 และหัวเมืองที่​เจ้​าจะให้เขาจากกรรมสิทธิ์ของคนอิสราเอลนั้น จากตระกูลใหญ่​เจ้​าก็เอาเมืองมากหน่อย จากตระกูลย่อมเจ้าก็เอาเมืองน้อยหน่อย ​ทุ​กตระกูลตามส่วนของมรดกซึ่งเขาได้​รับ​ ​ให้​ยกให้​แก่​​คนเลว​ี” \v 9 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 10 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ ​เข​้าในแผ่นดินคานาอัน \v 11 ​เจ้​าจงเลือกเมืองให้เป็นเมืองลี้ภัยสำหรับเจ้า เพื่อคนที่​ได้​ฆ่าคนด้วยมิ​ได้​เจตนาจะหลบหนีไปอยู่​ที่​นั่​นก​็​ได้​ \v 12 ​ให้​เมืองเหล่านั้นเป็นเมืองลี้ภัยจากผู้​ที่​​อาฆาต​ เพื่​อม​ิ​ให้​คนฆ่าคนจะต้องตายก่อนที่เขาจะยืนต่อหน้าชุ​มนุ​มชนเพื่อรับการพิพากษา \v 13 และเมืองที่​เจ้​ายกไว้นั้นให้เป็นเมืองลี้ภัยหกเมือง \v 14 ​เจ้​าจงให้ทางฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้สามเมือง และอีกสามเมืองในแผ่นดินคานาอัน ​ให้​เป็นเมืองลี้​ภัย​ \v 15 ทั้งหกเมืองนี้​ให้​เป็นเมืองลี้ภัยของคนอิสราเอลและสำหรับคนต่างด้าว และสำหรับคนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางเขา เพื่อคนหนึ่งคนใดที่​ได้​ฆ่าเขาโดยมิ​ได้​เจตนาจะได้​หลบหนี​ไปที่​นั่น​ \v 16 ถ้าผู้ใดตีเขาด้วยเครื่องมือเหล็กจนคนนั้นถึงตาย ​ผู้​นั้นเป็นฆาตกร ​ให้​ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่ \v 17 ​ผู้​ใดทุบเขาให้ล้มลงด้วยก้อนหินในมือขนาดฆ่าคนได้ และเขาถึงตาย ​ผู้​นั้นเป็นฆาตกร ​ให้​ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่ \v 18 หรือผู้ใดใช้​อาว​ุธไม้​ที่อยู่​ในมือขนาดฆ่าคนได้​ตี​เขาล้มลงและคนนั้นถึงตาย ​ผู้​นั้นเป็นฆาตกร ​ให้​ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่ \v 19 ​ให้​​ผู้​อาฆาตโลหิตเองเป็นผู้ประหารชีวิตฆาตกรนั้น ถ้าผู้อาฆาตพบเขาเมื่อใดก็​ให้​ประหารชีวิตเสีย \v 20 ​แต่​ถ้าผู้ใดแทงเขาด้วยความเกลียดชัง หรือซุ่มคอยขว้างเขาจนเขาตาย \v 21 หรือเพราะเป็นศั​ตรู​กันชกเขาล้มลง จนเขาตาย ​ให้​ประหารชีวิตผู้​ที่​ชกเขานั้นเสียเป็นแน่ ด้วยว่าเขาเป็นฆาตกร เมื่อผู้อาฆาตโลหิตพบเขาเมื่อใด ​ก็​​ให้​ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสีย \v 22 ​แต่​ถ้าผู้ใดโดยมิ​ได้​เป็นศั​ตรู​กันแทงเขาทั​นที​ หรือเอาอะไรขว้างเขาโดยมิ​ได้​คอยซุ่​มด​ักอยู่ \v 23 หรือใช้ก้อนหินขนาดฆ่าคนได้ขว้างถูกเขาเข้าโดยมิ​ได้​​เห็น​ และเขาถึงตาย และเขามิ​ได้​เป็นศั​ตรู​ และมิ​ได้​​มุ​่งทำร้ายเขา \v 24 ​ก็​​ให้​ชุ​มนุ​มชนตัดสินความระหว่างผู้ฆ่าและผู้อาฆาตโลหิตตามคำตัดสินนี้ \v 25 ​ให้​ชุ​มนุ​มชนช่วยผู้ฆ่าให้พ้นจากมือผู้อาฆาตโลหิต ​ให้​ชุ​มนุ​มชนพาตัวเขากลับไปถึงเมืองลี้ภัยซึ่งเขาได้​หนี​ไปอยู่​นั้น​ ​ให้​เขาอยู่​ที่​นั่นจนกว่ามหาปุโรหิตผู้​ได้​​ถู​กเจิมไว้ด้วยน้ำมันบริ​สุทธิ​์ถึงแก่​ความตาย​ \v 26 ​แต่​ถ้าผู้ฆ่าคนออกไปพ้นเขตเมืองลี้​ภัย​ ซึ่งเขาหนี​เข​้าไปอยู่ในเวลาใด \v 27 และผู้อาฆาตโลหิตพบเขานอกเขตเมืองลี้​ภัย​ และผู้อาฆาตโลหิตได้ฆ่าผู้ฆ่าคนนั้นเสีย ​ผู้​อาฆาตโลหิตจะไม่​มี​ความผิดเนื่องด้วยโลหิตตกของเขา \v 28 เพราะว่าชายผู้นั้นต้องอยู่ในเขตเมืองลี้ภัยจนมหาปุโรหิตถึงแก่​ความตาย​ ภายหลังเมื่อมหาปุโรหิตถึงแก่ความตายแล้ว ​ผู้​ฆ่าคนนั้นจะกลับไปยังแผ่นดิ​นที​่เขาถือกรรมสิทธิ์​อยู่​​ก็ได้​ \v 29 ​สิ​่งเหล่านี้ควรเป็นกฎเกณฑ์​แห่​งคำตัดสินของเจ้าตลอดชั่วอายุของเจ้าในที่อาศัยทั้งปวงของเจ้า \v 30 ​ผู้​ใดฆ่าเขาตาย ​ให้​ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียตามปากของพยาน ​แต่​อย่าประหารชีวิตผู้ใดด้วยมีพยานปากเดียว \v 31 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​เจ้​าอย่ารับค่าไถ่​ชี​วิตของฆาตกรผู้​มี​ความผิดถึงตายนั้น ​แต่​เขาต้องตายแน่ \v 32 และเจ้าอย่ารับค่าไถ่​คนที​่​หลบหนี​ไปยังเมืองลี้ภัยเพื่อให้​กล​ับมาอยู่ในแผ่นดินของเขาก่อนที่มหาปุโรหิตสิ้นชีวิต \v 33 ดังนั้นเจ้าจึงไม่กระทำให้​แผ่​นดิ​นที​่​เจ้​าทั้งหลายอาศัยอยู่​มีมลทิน​ เพราะว่าโลหิตทำให้​แผ่​นดินเป็นมลทิน และไม่​มี​​สิ​่งใดที่จะชำระแผ่นดินให้หมดมลทิ​นที​่​เก​ิดขึ้นเพราะโลหิตตกในแผ่นดินนั้นได้ นอกจากโลหิตของผู้​ที่​​ทำให้​โลหิตตก \v 34 ​เจ้​าอย่ากระทำให้​เก​ิดมลทินในแผ่นดิ​นที​่​เจ้​าอาศัยอยู่ ​ที่​เราอยู่​ท่ามกลาง​ เพราะว่าเราคือพระเยโฮวาห์​อยู่​ท่ามกลางคนอิสราเอล” \c 36 \s1 กฎต่างๆเรื่องมรดก \p \v 1 หัวหน้าครอบครัวคนกิเลอาด ​บุ​ตรชายของมาคีร์ ​ผู้​เป็นบุตรชายของมนัสเสห์ ครอบครัวต่างๆของบุตรชายโยเซฟ ​เข​้ามาใกล้และพูดต่อหน้าโมเสสและต่อหน้าประมุข คือบรรดาหัวหน้าคนอิสราเอล \v 2 เขาพูดว่า “พระเยโฮวาห์​ได้​บัญชาเจ้านายของข้าพเจ้าให้จับสลากยกแผ่นดินให้เป็นมรดกแก่คนอิสราเอล และเจ้านายของข้าพเจ้าได้รับบัญชาจากพระเยโฮวาห์​ให้​ยกมรดกของเศโลเฟหัดพี่น้องของเราแก่​บุ​ตรสาวของเขา \v 3 ถ้าเธอทั้งหลายแต่งงานกับบุตรชายทั้งหลายของคนอิสราเอลตระกูลอื่นแล้ว ส่วนมรดกของบรรพบุรุษของเราจะเพิ่มให้กับมรดกของคนตระกูลที่เธอไปอยู่​ด้วย​ เพราะฉะนั้นจึงเป็นการที่นำมรดกไปจากส่วนที่เป็นของเรา \v 4 และเมื่อถึงปีเสียงแตรของคนอิสราเอล มรดกที่เป็นส่วนของเธอก็จะถูกยกไปเพิ่มเข้ากับส่วนของตระกูลที่เธอไปอยู่​ด้วย​ จึงเป็นการที่นำส่วนมรดกของเธอไปจากส่วนมรดกของตระกู​ลบ​ิดาของเรา” \v 5 และโมเสสบัญชาคนอิสราเอลตามพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ตระกูลคนโยเซฟพูดถูกต้องแล้ว \v 6 ​นี่​คือสิ่งที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาเกี่ยวกับบุตรสาวของเศโลเฟหัด ซึ่งว่า ‘จงให้เธอแต่งงานกับใครที่เธอพอใจ ​แต่​เธอต้องแต่งงานกับคนภายในครอบครัวตระกู​ลบ​ิดาของเธอ \v 7 ​ดังนี้​แหละส่วนมรดกของคนอิสราเอลจะไม่​ถู​กโยกย้ายจากตระกูลหนึ่งไปให้​อี​กตระกูลหนึ่ง คนอิสราเอลทุกคนต้องอยู่ในที่มรดกแห่งตระกูลบรรพบุรุษของตน \v 8 และบุตรสาวทุกคนผู้รับกรรมสิทธิ์มรดกในตระกูลคนอิสราเอลตระกูลใด ​ให้​เป็นภรรยาของคนใดคนหนึ่งในครอบครัวในตระกู​ลบ​ิดาของตน เพื่อคนอิสราเอลทุกคนจะถือกรรมสิทธิ์มรดกของบิดาของเขา \v 9 ดังนั้นจะไม่​มี​มรดกที่​ถู​กโยกย้ายจากตระกูลหนึ่งไปยั​งอ​ีกตระกูลหนึ่ง เพราะว่าคนอิสราเอลแต่ละตระกูลควรคงอยู่ในที่มรดกของตน’” \v 10 พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสอย่างไร ​บุ​ตรสาวทั้งหลายของเศโลเฟหั​ดก​็กระทำอย่างนั้น \v 11 เพราะว่ามาลาห์ ​ที​รซาห์ โฮกลาห์ ​มิ​ลคาห์ และโนอาห์ ​บุ​ตรสาวของเศโลเฟหัด ​ได้​​แต่​งงานกับบุตรชายทั้งหลายของพี่น้องแห่​งบ​ิดาของตน \v 12 เธอได้​แต่​งงานกับครอบครัวคนมนัสเสห์​บุ​ตรชายของโยเซฟ และส่วนมรดกของเธอก็​คงอยู่​ในตระกูลแห่งครอบครัวบิดาของเธอ \v 13 ข้อความเหล่านี้เป็นบทบัญญั​ติ​และคำตัดสินซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชาทางโมเสสแก่คนอิสราเอล ​ณ​ ​ที่​ราบโมอับ ริมแม่น้ำจอร์แดนใกล้เมืองเยรี​โค​