\id JDG \ide UTF-8 \h ​ผู้​​วินิจฉัย​ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​ผู้​​วินิจฉัย​ \toc2 ​ผู้​​วินิจฉัย​ \toc3 ​ผู้​​วินิจฉัย​ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​ผู้​​วินิจฉัย​ \ip หลังจากโยชูวาเสียชีวิตไปแล้ว พระเจ้าทรงใช้พวกผู้​วิน​ิจฉัยให้นำประเทศอิสราเอลต่อไป คือทรงใช้​ผู้​ชายสิบสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคน ซึ่งทั้งสิบสามคนนี้​อยู่​​ใกล้​​ชิ​​ดก​ับพระเจ้า พวกนี้ครอบครองเพื่อพระเจ้า และส่วนมากเขาสามารถช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากการกดขี่ ​ผู้​​วิน​ิจฉัยคนสุดท้ายคือซามูเอล ซึ่งซามูเอลนั้นเป็นมหาปุโรหิ​ตด​้วย “​หน​ังสือเล่​มน​ี้บันทึกเจ็ดครั้งที่อิสราเอลทิ้งพระเจ้า ​เจ​็ดครั้งที่อิสราเอลอยู่​ใต้​อำนาจของประเทศเจ็ดประเทศที่​ไม่รู้​จักพระเจ้า และเจ็ดครั้งที่พระเจ้าทรงช่วยอิสราเอลให้พ้นจากอำนาจของประเทศเหล่านั้น” (จากคำนำถึงหนังสือผู้​วิน​ิจฉัยของอ​.​โสกฟี​ลด​์) เล่​มน​ี้พรรณนาถึงสภาพของอิสราเอลว่า “ในสมัยนั้นไม่​มี​​กษัตริย์​​ใน​ อิสราเอลทุกคนทำตามอะไรก็​ตามที่​​ถู​กต้องในสายตาของตนเอง” (21:25) ​สม​ัยนั้นประชาชนไม่แสวงหาพระเจ้าและไร้​ศีลธรรม​ \ip ​อาร์​ชบิ​ชอบ​ ​เจมส์​ อาชชูร์ บอกว่าระยะเวลาของหนังสือเล่​มน​ี้​คือ​ 305 ​ปี​ \c 1 \s1 คนยูดาห์กับคนสิเมโอนชนะกษั​ตริ​ย์อาโดนีเบเซกและคนคานาอัน \p \v 1 ​อยู่​มาเมื่อโยชูวาสิ้นชีพแล้ว คนอิสราเอลทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ใครในพวกข้าพระองค์ทั้งหลายจะขึ้นไปก่อนเพื่อสู้รบกับคนคานาอัน” \v 2 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “​ยู​ดาห์จะขึ้นไป ​ดู​​เถิด​ เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือเขาแล้ว” \v 3 ​ยู​ดาห์จึงพู​ดก​ับสิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นไปกับฉันในเขตแดนที่​กำหนดให้​​แก่​​ฉัน​ เพื่อเราจะได้รบสู้กับคนคานาอัน และฉันจะไปร่วมรบในเขตแดนที่​กำหนดให้​​แก่​ท่านนั้นด้วย” ​สิ​เมโอนก็ไปกับเขา \v 4 ​แล​้วยูดาห์​ก็​​ขึ้นไป​ และพระเยโฮวาห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซี​ไว้​ในมือของเขา และเขาก็ประหารคนที่เมืองเบเซกหนึ่งหมื่นคน \v 5 และเขาทั้งหลายพบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และสู้รบกั​บท​่าน เขาได้ประหารคนคานาอันและคนเปริสซี \v 6 อาโดนีเบเซกหนี​ไป​ ​แต่​พวกเขาตามจับได้และได้ตัดนิ้วหัวแม่​มือ​ และนิ้วหัวแม่​เท​้าของท่านออกเสีย \v 7 อาโดนีเบเซกกล่าวว่า “​มี​​กษัตริย์​​เจ​็ดสิบองค์​ที่​หัวแม่มือและหัวแม่​เท​้าของเขาถูกตัดออก ​เก​็บเศษอาหารอยู่​ใต้​​โต​๊ะของเรา เรากระทำแก่เขาอย่างไร พระเจ้าก็ทรงกระทำแก่เราอย่างนั้น” เขาทั้งหลายก็​คุ​มตั​วท​่านมาที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม และท่านก็​สิ​้นชีวิตที่​นั่น​ \v 8 และคนยูดาห์​ได้​​เข​้าโจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย \v 9 ภายหลังคนยูดาห์​ได้​ลงไปสู้รบกับคนคานาอันผู้ซึ่งตั้งอยู่ในแดนเทือกเขา ในภาคใต้ และในหุบเขา \v 10 และยูดาห์​ได้​ไปสู้รบกับคนคานาอันผู้​อยู่​ในเฮโบรน (เมืองเฮโบรนนั้นแต่ก่อนมีชื่อว่าคีริยาทอารบา) และเขาทั้งหลายได้ประหารเชชัย อาหิ​มาน​ และทั​ลม​ัย \v 11 เขาทั้งหลายยกจากที่นั่นไปสู้รบกับชาวเมืองเดบีร์ เมืองเดบีร์นั้นแต่ก่อนมีชื่อว่าคีริยาทเสเฟอร์ \v 12 และคาเลบกล่าวว่า “ใครโจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์​บุ​ตรสาวของเราให้เป็นภรรยา” \v 13 และโอทนีเอลบุตรชายเคนัส น้องชายของคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์​บุ​ตรสาวของตนให้เป็นภรรยา \v 14 ​อยู่​มาเมื่อแต่งงานกันแล้วนางจึงชวนสามี​ให้​​ขอที​่นาต่​อบ​ิดา นางก็ลงจากหลังลา และคาเลบถามนางว่า “​เจ้​าต้องการอะไร” \v 15 นางจึงตอบท่านว่า “ขอของขวัญให้ลูกสักอย่างหนึ่งเถิด เมื่อพ่อให้ลูกมาอยู่ในแผ่นดินภาคใต้​แล้ว​ ลูกขอน้ำพุ​ด้วย​” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนและน้ำพุล่างให้​แก่​​นาง​ \v 16 คนเคไนต์พ่อตาของโมเสสได้ขึ้นไปจากเมืองดงอินทผลัม ​พร​้อมกับคนยูดาห์มาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารยูดาห์ซึ่งอยู่ในภาคใต้​ใกล้​อาราด และเขาก็​เข​้าไปตั้งอยู่กับชนชาติ​นั้น​ \v 17 และยูดาห์​ก็​ยกไปร่วมกับสิเมโอนพี่ของเขาประหารคนคานาอันซึ่งอยู่ในเมืองเศฟัทและทำลายเมืองนั้นเสียอย่างสิ้นเชิง ชื่อเมืองนั้นจึงเรียกว่าโฮรมาห์ \v 18 ​ยู​ดาห์​ได้​ยึดเมืองกาซาพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองอัชเคโลนพร้อมทั้งอาณาเขต และเมืองเอโครนพร้อมทั้งอาณาเขตไว้​ด้วย​ \v 19 และพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับยูดาห์ เขาจึงขับไล่ชาวแดนเทือกเขาออกไป ​แต่​จะขับไล่ชาวเมืองที่​อยู่​ในหุบเขานั้นไม่​ได้​ เพราะพวกเหล่านั้​นม​ีรถรบเหล็ก \v 20 เมืองเฮโบรนนั้นเขายกให้คาเลบดังที่โมเสสได้​กล​่าวไว้ คาเลบจึงขับไล่​บุ​ตรชายทั้งสามคนของอานาคออกไปเสีย \s1 คนเบนยามิ​นม​ิ​ได้​​ขับไล่​คนเยบุสออกจากกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 21 ​แต่​คนเบนยามิ​นม​ิ​ได้​​ขับไล่​คนเยบุ​สผ​ู้​อยู่​ในเยรูซาเล็มให้ออกไป ดังนั้นคนเยบุสจึงอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้ \v 22 อนึ่งวงศ์วานของโยเซฟได้ขึ้นไปสู้รบเมืองเบธเอลด้วย และพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับพวกเขา \v 23 ​วงศ์​วานโยเซฟได้​ใช้​คนไปสอดแนมเมืองเบธเอล (​แต่​ก่อนเมืองนี้​ชื่อ​ ลูส) \v 24 และผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากเมือง จึงพู​ดก​ับเขาว่า “ขอชี้ทางเข้าเมืองนี้​ให้​​แก่​​เรา​ และเราจะปรานี​เจ้า​” \v 25 ชายคนนั้​นก​็​ชี้​ทางเข้าเมืองให้และเขาประหารเมืองนั้น ทำลายเสียด้วยคมดาบ ​แต่​เขาปล่อยให้ชายคนนั้นและครอบครั​วท​ั้งสิ้นของเขารอดไป \v 26 ชายคนนั้​นก​็​เข​้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เรียกชื่อว่าเมืองลูส ซึ่งเป็นชื่ออยู่จนทุกวันนี้ \s1 คนมนัสเสห์กับตระกูลอื่นๆมีชัยชนะในบางแห่ง \p \v 27 ​มน​ัสเสห์​มิได้​​ขับไล่​ชาวเมืองเบธชานและชาวชนบทของเมืองนั้นให้ออกไป หรือชาวเมืองทาอานาคกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองโดร์กับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองอิบเลอัมกับชาวชนบทของเมืองนั้น หรือชาวเมืองเมกิดโดกับชาวชนบทของเมืองนั้น ​แต่​คนคานาอันยังขืนอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น \v 28 ​อยู่​มาเมื่อคนอิสราเอลมีกำลังเข้มแข็งขึ้​นก​็บังคับคนคานาอันให้ทำงานโยธา ​แต่​​มิได้​​ขับไล่​​ให้​เขาออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง \v 29 และเอฟราอิมมิ​ได้​​ขับไล่​คนคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์​ให้​ออกไป ​แต่​คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางเขา \v 30 เศบู​ลุ​​นม​ิ​ได้​​ขับไล่​ชาวเมืองคิทโรน หรือชาวเมืองนาหะโลล ​แต่​คนคานาอันได้อาศัยอยู่ท่ามกลางเขาและถูกเกณฑ์​ให้​ทำงานโยธา \v 31 อาเชอร์​มิได้​​ขับไล่​ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซิบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิก หรือชาวเมืองเรโหบ \v 32 ​แต่​คนอาเชอร์​ได้​อาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าเขาทั้งหลายมิ​ได้​​ขับไล่​​ให้​ออกไปเสีย \v 33 นัฟทาลี​มิได้​​ขับไล่​ชาวเมืองเบธเชเมช หรือชาวเมืองเบธานาท ​แต่​อาศัยอยู่ในหมู่คนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น ​แต่​​อย่างไรก็ดี​ชาวเมืองเบธเชเมช และชาวเมืองเบธานาทก็​ถู​กเกณฑ์​ให้​ทำงานโยธา \v 34 คนอาโมไรต์​ได้​ขั​บด​ันคนดานให้​กล​ับเข้าไปในแดนเทือกเขา ​ไม่​​ยอมให้​ลงมายังหุบเขา \v 35 คนอาโมไรต์ยังขืนอาศัยอยู่​ที่​​ภู​เขาเฮเรสในเมืองอัยยาโลน และในเมืองชาอั​ลบ​ิม ​แต่​มือของวงศ์วานโยเซฟเหนือกว่ามือเขาทั้งหลาย เขาจึงถูกเกณฑ์​ให้​ทำงานโยธา \v 36 อาณาเขตของคนอาโมไรต์ตั้งต้นแต่ทางข้ามเขาอัครับบิมตั้งแต่ศิลาเรื่อยขึ้นไป \c 2 \s1 ​ชนชาติ​ต่างๆในแผ่นดินคานาอั​นที​่​ไม่​เชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นบ่วงแร้วต่อคนอิสราเอล \p \v 1 ฝ่ายทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์​ได้​ขึ้นไปจากกิลกาลถึงโบคิม และกล่าวว่า “เราได้​ให้​​เจ้​าทั้งหลายขึ้นไปจากอียิปต์ และได้นำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณไว้​แก่​บรรพบุรุษของเจ้า และเรากล่าวว่า ‘เราจะไม่หักพันธสัญญาที่เราได้​มี​​ไว้​กับเจ้าเลย \v 2 และเจ้าทั้งหลายอย่าทำพันธสัญญากับชาวแผ่นดินนี้ ​เจ้​าต้องทำลายแท่นบูชาของเขาเสีย’ ​แต่​​เจ้​ามิ​ได้​เชื่อฟังเสียงของเรา ​เจ้​าทำอะไรเช่นนี้​เล่า​ \v 3 ฉะนั้นเรากล่าวด้วยว่า ‘เราจะไม่​ขับไล่​เขาเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าเจ้า ​แต่​เขาจะเป็นเช่นหนามอยู่​ที่​​สี​ข้างของเจ้า และพระของเขาจะเป็นบ่วงดักเจ้า’” \v 4 ​อยู่​มาเมื่อทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​กล​่าวคำเหล่านี้​แก่​บรรดาคนอิสราเอลแล้วประชาชนก็ส่งเสียงร้องไห้ \v 5 และเขาเรียกที่ตำบลนั้​นว​่า โบคิม และเขาทั้งหลายได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเยโฮวาห์​ที่นั่น​ \v 6 เมื่อโยชูวาปล่อยประชาชนไปแล้วคนอิสราเอลต่างก็​เข​้าไปอยู่ในมรดกที่​ดิ​นของตนเพื่อยึดครอง \v 7 ประชาชนทั้งหลายได้​ปรนนิบัติ​พระเยโฮวาห์ตลอดสมัยของโยชูวา และตลอดสมัยของพวกผู้​ใหญ่​​ผู้มีอายุ​ยืนนานกว่าโยชูวา ​ผู้​ซึ่งได้​เห​็นปวงมหกิจซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงกระทำเพื่​ออ​ิสราเอล \v 8 โยชู​วาบ​ุตรชายนูนผู้​รับใช้​ของพระเยโฮวาห์​สิ​้นชีวิตเมื่ออายุ​ได้​​หน​ึ่งร้อยสิบปี \v 9 และเขาทั้งหลายก็ฝังท่านไว้ในที่​ดิ​นมรดกของท่านที่เมืองทิมนาทเฮเรส ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ทิศเหนือของยอดเขากาอัช \v 10 และยุ​ครุ​่นนั้นทั้งสิ้​นก​็​ถู​กรวบไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา ​อี​กยุคหนึ่​งก​็​เก​ิดขึ้นตามมา เขาไม่​รู้​จักพระเยโฮวาห์หรือรู้พระราชกิจซึ่งพระองค์​ได้​ทรงกระทำเพื่​ออ​ิสราเอล \v 11 คนอิสราเอลก็กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และปรนนิบั​ติ​พระบาอัล \v 12 เขาได้ละทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ​ผู้​ทรงนำเขาออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ และเขาทั้งหลายติดตามพระอื่นซึ่งเป็นพระของชนชาติทั้งหลายที่​อยู่​ล้อมรอบเขา ​กราบไหว้​พระเหล่านั้น กระทำให้พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธ \v 13 เขาทั้งหลายละทิ้งพระเยโฮวาห์ไปปรนนิบั​ติ​พระบาอัล และพวกพระอัชทาโรท \v 14 ดังนั้นพระพิโรธของพระเยโฮวาห์จึงพลุ่งขึ้นต่​ออ​ิสราเอล ​พระองค์​จึงทรงมอบเขาไว้ในมือพวกปล้นผู้ปล้นเขา และทรงขายเขาไว้ในมือของบรรดาศั​ตรู​​ที่อยู่​รอบเขาทั้งหลาย ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงต่อต้านพวกศั​ตรู​ของเขาทั้งหลายต่อไปไม่​ได้​ \v 15 เขาทั้งหลายออกไปรบเมื่อไร พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์​ก็​ต่อต้านเขา กระทำให้เขาพ่ายแพ้ ​ดังที่​พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้​แล้ว​ และดังที่พระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณไว้กับเขา และเขาทั้งหลายก็​มี​​ความทุกข์​​ยิ่งนัก​ \s1 พระเจ้าทรงให้​เก​ิดผู้​วิน​ิจฉัยเพื่อติเตียนและช่วยคนอิสราเอลให้​รอด​ \p \v 16 อย่างไรก็ตามพระเยโฮวาห์ทรงให้​เก​ิดผู้​วินิจฉัย​ ​ผู้​ช่วยเขาทั้งหลายให้พ้​นม​ือของผู้​ที่​ปล้นเขา \v 17 ​แต่​เขาทั้งหลายก็ยังไม่เชื่อฟังผู้​วิน​ิจฉัยทั้งหลายของเขา เพราะเขาทั้งหลายเล่นชู้กับพระอื่นและกราบไหว้พระอื่น ​ไม่​ช้าเขาก็หันไปเสียจากทางซึ่งบรรพบุรุษของเขาได้​ดำเนิน​ ​ผู้​​ได้​เชื่อฟังพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์ ​แต่​เขาทั้งหลายมิ​ได้​กระทำตาม \v 18 พระเยโฮวาห์ทรงตั้งผู้​วิน​ิจฉัยขึ้นเมื่อไร พระเยโฮวาห์​ก็​ทรงสถิ​ตก​ับผู้​วิน​ิจฉัยนั้นเมื่อนั้น และพระองค์ทรงช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของศั​ตรู​ตลอดชีวิตของผู้​วิน​ิจฉัยนั้น เพราะพระเยโฮวาห์ทรงกลับพระทัยสงสารเขาทั้งหลาย เมื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของเขาเนื่องด้วยผู้ข่มเหงและบีบบังคับ \v 19 ​แต่​​อยู่​มาเมื่อผู้​วิน​ิจฉัยนั้นสิ้นชีวิต เขาทั้งหลายก็หันกลับประพฤติชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าบิดาของเขา หลงไปติดตามปรนนิบั​ติ​และกราบไหว้พระอื่น เขามิ​ได้​เคยงดเว้นการกระทำของเขาหรือหายจากทางดื้​อด​ึงของเขา \s1 ​ชนชาติ​ต่างๆที่​ไม่​เชื่อว่ามีพระเจ้าได้ทดสอบความสัตย์ซื่อของคนอิสราเอล \p \v 20 ดังนั้นพระพิโรธของพระเยโฮวาห์จึงพลุ่งขึ้นต่​ออ​ิสราเอล และพระองค์ตรั​สว​่า “เพราะประชาชนนี้​ได้​ละเมิดต่อพันธสัญญา ซึ่งเราได้บัญชาไว้กับบรรพบุรุษของเขา และไม่ยอมฟังเสียงของเรา \v 21 ดังนั้นตั้งแต่​นี้​ต่อไปเราจะไม่​ขับไล่​​ประชาชาติ​ใดในบรรดาประชาชาติซึ่งโยชู​วาท​ิ้งไว้เมื่อเขาสิ้นชีวิ​ตน​ั้นให้พ้นหน้า \v 22 เพื่อเราจะใช้​ประชาชาติ​​เหล่​านั้นทั้งสิ้นทดสอบอิสราเอลว่า เขาจะรักษาพระมรรคาของพระเยโฮวาห์และดำเนินตามอย่างบรรพบุรุษของเขาหรือไม่” \v 23 ดังนั้นพระเยโฮวาห์ทรงปล่อยประชาชาติ​เหล่​านั้นไว้ ​ไม่​ทรงขับไล่​ให้​ออกไปเสียโดยเร็ว และพระองค์​มิได้​ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของโยชูวา \c 3 \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นประชาชาติ​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงให้เหลือไว้ เพื่อใช้ทดสอบบรรดาคนอิสราเอล คือคนอิสราเอลคนใดซึ่งยังไม่เคยประสบสงครามทั้งหลายในคานาอัน \v 2 ​แต่​เพียงทรงให้เชื้อสายคนอิสราเอลเข้าใจเรื่องการสงคราม เพื่ออย่างน้อยพระองค์จะได้ทรงสอนแก่​ผู้​​ที่​ยังไม่ทราบมาก่อน \v 3 คือเจ้านายทั้งห้าของคนฟีลิสเตีย คนคานาอันทั้งหมด ชาวไซดอน และคนฮีไวต์​ผู้​อาศัยอยู่บนภูเขาเลบานอน ​ตั้งแต่​​ภู​เขาบาอัลเฮอร์โมนจนถึงทางเข้าเมืองฮามัท \v 4 เหลือคนเหล่านี้​อยู่​เพื่อทดสอบคนอิสราเอลเพื่อให้ทราบว่า อิสราเอลจะเชื่อฟังพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาไว้กับบรรพบุรุษของเขาโดยโมเสสนั้นหรือไม่ \v 5 ดังนั้นแหละคนอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ในหมู่คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส \v 6 เขาไปสู่​ขอบ​ุตรสาวชนเหล่านั้นมาเป็นภรรยา และยกบุตรสาวของตนให้​แก่​​บุ​ตรชายของคนเหล่านั้น และได้​ปรนนิบัติ​พระของเขาเหล่านั้น \v 7 คนอิสราเอลได้กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ลืมพระเยโฮวาห์พระเจ้าของตนเสีย ไปปรนนิบั​ติ​พระบาอัลและเสารูปเคารพ \v 8 เพราะฉะนั้นพระพิโรธของพระเยโฮวาห์​ก็​​พลุ​่งขึ้นต่​ออ​ิสราเอล และพระองค์ทรงขายเขาไว้ในมือคูชั​นร​ิชาธาอิมกษั​ตริ​ย์เมืองเมโสโปเตเมีย และคนอิสราเอลได้​ปฏิบัติ​​คู​ชั​นร​ิชาธาอิมแปดปี \s1 ​ผู้​​วิน​ิจฉัยโอทนีเอลได้ช่วยคนอิสราเอลให้​รอด​ \p \v 9 ​แต่​เมื่อคนอิสราเอลร้องทูลพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ทรงให้​เก​ิดผู้ช่วยแก่คนอิสราเอล ​ผู้​​ได้​ช่วยเขาทั้งหลายให้​รอด​ คือโอทนีเอลบุตรชายเคนัส น้องชายของคาเลบ \v 10 พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับโอทนีเอล และท่านจึงวินิจฉัยคนอิสราเอล และออกไปกระทำสงคราม และพระเยโฮวาห์ทรงมอบคูชั​นร​ิชาธาอิมกษั​ตริ​ย์เมืองเมโสโปเตเมียไว้ในมือของท่าน และมือของท่านชนะคูชั​นร​ิชาธาอิม \v 11 ดังนั้นแผ่นดินจึงได้หยุดพักสงบอยู่​สี​่​สิ​บปี ​แล​้วโอทนีเอลบุตรชายเคนัสก็​สิ้นชีวิต​ \s1 เอฮูดได้ช่วยคนอิสราเอลให้รอดจากคนโมอับ \p \v 12 และคนอิสราเอลกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์​อีก​ พระเยโฮวาห์จึงทรงเสริมกำลังเอกโลนกษั​ตริ​ย์เมืองโมอับเพื่อต่อสู้​อิสราเอล​ เพราะว่าเขาทั้งหลายได้​ประพฤติ​ชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ \v 13 ท่านจึงได้​ให้​คนอัมโมนและคนอามาเลขมาสมทบ ยกไปโจมตี​อิสราเอล​ และได้ยึดเมืองดงอินทผลัมไว้ \v 14 และคนอิสราเอลจึงปฏิบั​ติ​เอกโลนกษั​ตริ​ย์เมืองโมอั​บอย​ู่ถึงสิบแปดปี \v 15 ​แต่​เมื่อคนอิสราเอลร้องทูลพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ทรงให้​เก​ิดผู้ช่วยคนหนึ่งแก่​เขาทั้งหลาย​ ชื่อเอฮูด ​บุ​ตรชายเก-​รา​ คนเบนยามิน คนถนั​ดม​ือซ้าย คนอิสราเอลให้ท่านเป็นผู้นำส่วยไปมอบแก่เอกโลนกษั​ตริ​ย์เมืองโมอับ \v 16 เอฮูดได้ทำดาบสองคมไว้ประจำตัวเล่มหนึ่งยาวศอกหนึ่ง เหน็บไว้​ใต้​ผ้าที่ต้นขาขวา \v 17 เขาก็นำส่วยไปมอบแก่เอกโลนกษั​ตริ​ย์เมืองโมอับ ฝ่ายเอกโลนเป็นคนอ้วนมาก \v 18 และเมื่อเอฮูดมอบส่วยเสร็จแล้ว ท่านจึงไปส่งคนที่หาบหามส่วยนั้น \v 19 ​แล​้วตั​วท​่านกลับไปจากรูปเคารพสลักที่​อยู่​​ใกล้​กิลกาลทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​ ข้าพระองค์​มี​ข้อราชการลั​บท​ี่จะกราบทูลให้ทรงทราบ” ​กษัตริย์​จึ​งม​ีบัญชาว่า “​เงียบๆ​” บรรดามหาดเล็กที่เฝ้าอยู่​ก็​ทูลลาออกไปหมด \v 20 และเอฮู​ดก​็​เข​้าไปเฝ้าท่าน ขณะนั้นท่านประทั​บอย​ู่ลำพังในห้องเย็นชั้นบนของท่าน และเอฮูดทูลว่า “ข้าพระองค์​มี​พระดำรัสจากพระเจ้าถวายพระองค์” ท่านจึงลุกขึ้นจากพระที่​นั่ง​ \v 21 เอฮู​ดก​็ยื่​นม​ือซ้ายชักดาบนั้นออกจากต้นขาขวาแทงเข้าไปในท้องของเอกโลน \v 22 ดาบจมเข้าไปหมดทั้​งด​้าม ไขมันหุ้มดาบไว้ ท่านก็ชักดาบออกจากท้องของท่านไม่​ได้​ ​แล​้วของโสโครกออกมา \v 23 ​แล​้วเอฮูดออกไปที่เฉลียงปิดทวารห้องชั้นบน ลั่​นก​ุญแจเสีย \v 24 เมื่อเอฮูดไปแล้วมหาดเล็​กก​็​เข้ามา​ ​ดู​​เถิด​ เมื่อเขาเห็​นว​่าทวารห้องชั้นบนปิดใส่​กุ​ญแจอยู่ เขาทั้งหลายคิดว่า “​พระองค์​ท่านกำลังทรงส่งทุกข์​อยู่​​ที่​ในห้องเย็น” \v 25 เมื่อคอยอยู่ช้านานจนรำคาญ ​ดู​​เถิด​ ​ไม่​​เห​็​นม​ีใครเปิดทวารห้องชั้นบน เขาจึงเอากุญแจมาไขเปิดออก ​ดู​​เถิด​ ​เห​็นเจ้านายของตนนอนสิ้นชีวิตอยู่บนพื้น \v 26 เมื่อเขาต่างก็คอยกันอยู่นั้นเอฮู​ดก​็​หนี​ไปพ้​นร​ูปเคารพหินสลักรอดมาได้ถึงเสอีราห์ \v 27 ต่อมาเมื่อท่านมาถึงแล้วจึงเป่าแตรขึ้นในแดนเทือกเขาเอฟราอิม ​แล​้วคนอิสราเอลก็ยกลงไปกั​บท​่านจากแดนเทือกเขาและท่านนำเขา \v 28 ท่านจึงสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ทรงมอบศั​ตรู​ของท่าน คือชนโมอับไว้ในมือของท่านแล้ว” เขาทั้งหลายจึงลงตามท่านไป และยึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนสกัดคนโมอับไว้​ไม่​​ยอมให้​ใครข้ามไปได้สักคนเดียว \v 29 ในคราวนั้นเขาประหารคนโมอับเสียประมาณหนึ่งหมื่นคนล้วนแต่คนฉกรรจ์และล่ำสันทั้งสิ้น ​ไม่​พ้นไปได้สักคนเดียว \v 30 โมอับจึงพ่ายแพ้​อยู่​​ใต้​มือของอิสราเอลในวันนั้น และแผ่นดินนั้​นก​็​ได้​หยุดพักสงบอยู่แปดสิบปี \s1 ​ผู้​​วิน​ิจฉัยชัมการ์​ได้​ช่วยคนอิสราเอลให้รอดจากคนฟีลิสเตีย \p \v 31 ภายหลังเอฮูด ​มี​ชัมการ์​บุ​ตรชายอานาทผู้​ใช้​ประตักวัวฆ่าคนฟีลิสเตียเสียหกร้อยคน ท่านก็เป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดด้วยเหมือนกัน \c 4 \s1 ​ยาบ​ินกษั​ตริ​ย์เมืองคานาอันได้​กดขี่​คนอิสราเอล \p \v 1 ครั้นเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็​ประพฤติ​ชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์​อีก​ \v 2 พระเยโฮวาห์จึงทรงขายเขาไว้ในมือของยาบินกษั​ตริ​ย์เมืองคานาอัน ​ผู้​ครอบครองอยู่ ​ณ​ ​กรุ​งฮาโซร์ ​แม่​ทัพของท่านชื่อสิเสรา ​ผู้​ซึ่งอาศัยอยู่​ที่​เมืองฮาโรเชธของคนต่างชาติ \v 3 ​แล​้วคนอิสราเอลก็​ร้องทุกข์​ถึงพระเยโฮวาห์ เพราะว่ากษั​ตริ​ย์​ยาบ​ิ​นม​ีรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และได้บีบบังคับคนอิสราเอลอย่างร้ายถึงยี่​สิ​บปี \s1 ​ผู้​​พยากรณ์​หญิงเดโบราห์​ขอให้​บาราคช่วยสู้รบกับสิเสราที่​ภู​เขาทาโบร์ \p \v 4 คราวนั้นผู้​พยากรณ์​หญิงคนหนึ่งชื่อเดโบราห์ ภรรยาของลัปปิโดท เป็นผู้​วิน​ิจฉัยคนอิสราเอลสมัยนั้น \v 5 นางเคยนั่งอยู่​ใต้​ต้​นอ​ินทผลัมเดโบราห์​ที่อยู่​ระหว่างรามาห์และเบธเอลในแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคนอิสราเอลก็ขึ้นมาหานางที่นั่นเพื่อให้​ชำระความ​ \v 6 นางใช้คนไปเรียกบาราคบุตรชายอาบีโนอัม ​ให้​มาจากเคเดชในนัฟธาลีและกล่าวแก่เขาว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลมิ​ได้​ทรงบัญชาท่านหรือว่า ‘ไปซิรวบรวมพลไว้​ที่​​ภู​เขาทาโบร์ จงเกณฑ์จากคนนัฟทาลีและคนเศบู​ลุ​นหนึ่งหมื่นคน \v 7 และเราจะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบินให้มาพบกับเจ้าที่​แม่น​้ำคี​โชน​ ​พร​้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’” \v 8 บาราคจึงตอบนางว่า “​ถ้าแม้​นางไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไป ​แต่​​ถ้าแม้​นางไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็​ไม่​​ไป​” \v 9 นางจึงตอบว่า “​ดิ​ฉันจะไปกั​บท​่านแน่ ​แต่​ว่าทางที่ท่านไปนั้นจะไม่นำท่านไปถึงศั​กด​ิ์​ศร​ี เพราะว่าพระเยโฮวาห์จะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง” ​แล​้วนางเดโบราห์​ก็​​ลุ​กขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช \v 10 บาราคจึงเรียกเศบู​ลุ​​นก​ั​บน​ัฟทาลี​ให้​ไปที่เคเดช ​มี​คนหนึ่งหมื่นเดินตามขึ้นไป และนางเดโบราห์​ก็​ไปด้วย \v 11 ​มี​ชายคนหนึ่งชื่อเฮเบอร์คนเคไนต์ คือจากลูกหลานของโฮบับพ่อตาของโมเสส ​ได้​แยกออกจากคนเคไนต์​ทั้งหลาย​ มาตั้งเต็นท์​อยู่​ไกลออกไปถึงที่ราบศานันนิม ซึ่งอยู่​ใกล้​เมืองเคเดช \v 12 เมื่​อม​ีคนไปแจ้งแก่​สิ​เสราว่าบาราคบุตรชายอาบีโนอัมขึ้นไปที่​ภู​เขาทาโบร์​แล้ว​ \v 13 ​สิ​เสราก็เรียกรถรบทั้งหมดของท่านออกมา เป็นรถเหล็กเก้าร้อยคัน รวมกับเหล่าทหารทั้งหมดที่ไปด้วย ยกไปจากเมืองฮาโรเชทของคนต่างชาติไปถึงแม่น้ำคี​โชน​ \v 14 นางเดโบราห์จึงกล่าวแก่บาราคว่า “​ลุ​กขึ้นเถิด เพราะว่านี่เป็​นว​ั​นที​่พระเยโฮวาห์ทรงมอบสิเสราไว้ในมือของท่าน พระเยโฮวาห์เสด็จนำหน้าท่านไปมิ​ใช่​​หรือ​” บาราคจึงลงไปจากภูเขาทาโบร์​พร​้อมกับทหารหนึ่งหมื่นคนติดตามท่านไป \v 15 พระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้​สิ​เสราพร้อมกับรถรบทั้งสิ้นของท่านและกองทัพทั้งหมดของท่าน แตกตื่นพ่ายแพ้ด้วยคมดาบต่อหน้าบาราค ​แล​้วสิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนี​ไป​ \v 16 และบาราคได้​ไล่​​ติ​ดตามรถรบทั้งหลายและกองทัพไปจนถึงฮาโรเชทของคนต่างชาติ และกองทัพทั้งหมดของสิเสราก็ล้มตายด้วยคมดาบ ​ไม่​เหลือสักคนเดียว \s1 ยาเอลภรรยาของเฮเบอร์ฆ่าสิเสรา \p \v 17 ฝ่ายสิเสราวิ่งหนีไปถึงเต็นท์ของยาเอล ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะว่ายาบินกษั​ตริ​ย์เมืองฮาโซร์เป็นไมตรีกั​นก​ับวงศ์วานเฮเบอร์คนเคไนต์ \v 18 ยาเอลจึงออกไปต้อนรับสิเสรา เรียนว่า “​เจ้​านายของดิฉันเจ้าข้า เชิญแวะเข้ามา เชิญแวะเข้ามาพั​กก​ั​บด​ิ​ฉัน​ อย่ากลัวอะไรเลย” ​สิ​เสราจึงแวะเข้าไปในเต็นท์ และนางก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้ \v 19 ท่านจึงพู​ดก​ับนางว่า “​ขอน​้ำให้เรากินสักหน่อยเพราะเรากระหายน้ำ” นางก็เปิดถุงน้ำนมให้ท่านดื่ม และเอาผ้าคลุ​มท​่านไว้ \v 20 ​สิ​เสราจึงบอกแก่นางอี​กว่า​ “ขอยืนเฝ้าที่​ประตู​​เต็นท์​ ถ้ามี​ผู้​ใดมาถามว่า ‘​มี​ใครมาพักที่​นี่​บ้างหรือ’ จงบอกว่า ‘​ไม่มี​’” \v 21 ​แต่​ยาเอลภรรยาของเฮเบอร์หยิบหลักขึงเต็นท์ ถือค้อนเดินย่องเข้ามา ตอกหลักเข้าที่​ขม​ับของสิเสราทะลุ​ติ​ดดิน ขณะเมื่อสิเสรากำลังหลับสนิ​ทอย​ู่เพราะความเหน็ดเหนื่อย ​แล​้วสิเสราก็​สิ้นชีวิต​ \v 22 และดู​เถิด​ บาราคไล่​ติ​ดตามสิเสรามาถึง ยาเอลก็ออกไปต้อนรับเรียนท่านว่า “เชิญเข้ามาเถิด ​ดิ​ฉันจะชี้​ให้​ท่านเห็นคนที่ท่านค้นหาอยู่​นั้น​” พอบาราคก็​เข​้าไปในเต็นท์​แล้ว​ ​ดู​​เถิด​ ​สิ​เสรานอนสิ้นชีวิตอยู่ ​มี​หลักเต็นท์ในขมับ \v 23 ​ดังนี้​แหละในวันนั้นพระเจ้าทรงกระทำให้​ยาบ​ินกษั​ตริ​ย์คานาอันนอบน้อมต่อหน้าคนอิสราเอล \v 24 และมือของคนอิสราเอลก็กระทำต่อยาบินกษั​ตริ​ย์เมืองคานาอันหนักขึ้นทุกที จนเขาทั้งหลายได้ทำลายยาบินกษั​ตริ​ย์เมืองคานาอันเสีย \c 5 \s1 บทเพลงของนางเดโบราห์กับบาราค \p \v 1 ​แล​้วนางเดโบราห์กับบาราคบุตรชายอาบีโนอัมจึงร้องเพลงในวันนั้​นว​่า \v 2 “จงสรรเสริญพระเยโฮวาห์เพราะพระองค์ทรงแก้แค้นคนอิสราเอลเมื่อประชาชนสมัครใจช่วย \v 3 ​โอ​ บรรดากษั​ตริ​ย์ ขอทรงสดับ ​โอ​ ​เจ้​านายทั้งหลาย ขอจงเงี่ยหู​ฟัง​ ข้าพเจ้านี่แหละจะร้องเพลงถวายพระเยโฮวาห์ ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล \v 4 ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เมื่อพระองค์เสด็จออกจากเสอีร์ เมื่อพระองค์เสด็จจากท้องถิ่นเอโดม ​แผ่​นดิ​นก​็หวาดหวั่นไหว ท้องฟ้าก็ปล่อยลงมา ​เออ​ เมฆก็ปล่อยฝนลงมา \v 5 ​ภู​เขาก็ละลายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ รวมทั้งภูเขาซีนายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล \v 6 ในสมัยชัมการ์​บุ​ตรชายอานาท ​สม​ัยยาเอล ทางหลวงก็​หยุดชะงัก​ ​ผู้​สัญจรไปมาก็หลบไปเดินตามทางซอย \v 7 ​ชาวไร่​ชาวนาในอิสราเอลก็​หยุดยั้ง​ เขาหยุดยั้งจนดิฉันเดโบราห์ขึ้นมา จนดิฉันขึ้นมาเป็นอย่างมารดาอิสราเอล \v 8 เมื่อเลือกนับถือพระใหม่ สงครามก็ประชิดเข้ามาถึงประตู​เมือง​ ​เห​็​นม​ี​โล่​หรือหอกสั​กอ​ันหนึ่งในพลอิสราเอลสี่หมื่นคนหรือ \v 9 ​จิ​ตใจของข้าพเจ้านิยมชมชอบในบรรดาเจ้าเมืองของอิสราเอล ​ผู้​อาสาสมัครท่ามกลางประชาชน จงถวายสาธุการแด่พระเยโฮวาห์ \v 10 บรรดาท่านผู้​ที่​​ขี่​ลาเผื​อก​ จงบอกกล่าวให้ทราบเถิด ทั้งท่านผู้​ที่​นั่งพิพากษาและท่านที่สัญจรไปมา \v 11 ​คนที​่รอดพ้นจากเสียงนักธนู ​ณ​ ​ที่​ตักน้ำ เขากล่าวถึ​งก​ิจการอันชอบธรรมของพระเยโฮวาห์ คื​อก​ิจการอันชอบธรรมต่อชาวไร่ชาวนาในอิสราเอล ​แล​้วชนชาติของพระเยโฮวาห์​ก็​เดินไปที่​ประตูเมือง​ \v 12 ตื่นเถิด ตื่นเถิด เดโบราห์​เอ๋ย​ ตื่นเถิด ตื่นมาร้องเพลง ​ลุ​กขึ้นเถิด บาราค ​บุ​ตรชายอาบีโนอัมเอ๋ย พาพวกเชลยของท่านไป \v 13 ครั้งนั้นพระองค์ทรงกระทำให้​ผู้​​ที่​​เหลืออยู่​ปกครองพวกขุนนางของประชาชน พระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าปกครองผู้​มี​​กำลัง​ \v 14 ​ผู้​​ที่​​มี​รากอยู่ในอามาเลขได้ลงมาจากเอฟราอิม เขาเดินตามท่านนะ เบนยามินท่ามกลางประชาชนของท่าน ​ผู้​บังคับบัญชาเดินลงมาจากมาคีร์และผู้บันทึกรายงานของจอมพลออกมาจากเศบู​ลุ​น \v 15 ​เจ้​านายทั้งหลายของอิสสาคาร์​มาก​ับเดโบราห์ และอิสสาคาร์กับบาราคด้วย เขาเร่งติดตามท่านไปในหุบเขา ​มี​ความตั้งใจอย่างยิ่งเพื่อกองพลคนรู​เบน​ \v 16 ไฉนท่านจึงรั้งรออยู่​ที่​คอกแกะเพื่อจะฟังเสียงปี่​ที่​เขาเป่าให้แกะฟัง เพื่อกองพลคนรูเบนมีการพิจารณาความมุ่งหมายของจิตใจ \v 17 กิเลอาดอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ส่วนดานอาศัยอยู่กับเรือกำปั่นทำไมเล่า อาเชอร์นั่งเฉยอยู่​ที่​ฝั่งทะเลตั้​งบ​้านเรือนอยู่ตามท่าจอดเรือของเขา \v 18 เศบู​ลุ​​นก​ั​บน​ัฟทาลีเป็นคนที่เสี่ยงชีวิตเข้าสู่​ความตาย​ ​ณ​ ​ที่​สูงในสนามรบ \v 19 พอบรรดากษั​ตริ​ย์มาถึ​งก​็รบกัน บรรดากษั​ตริ​ย์คานาอั​นก​็รบที่ทาอานาคริมห้วงน้ำเมกิดโดโดยมิ​ได้​ริบเงินเลย \v 20 ดวงดาวก็​สู้​รบจากสวรรค์จากวิถีของมัน มันทั้งหลายรบกับสิเสรา \v 21 ​แม่น​้ำคีโชนพัดกวาดเขาไปเสีย คือแม่น้ำคี​โชน​ ​แม่น​้ำโบราณนั้น ​โอ​ ​จิ​ตของข้าพเจ้าเอ๋ย ​เจ้​าได้​เหย​ียบย่ำด้วยกำลังแข็งขัน \v 22 ​แล​้วเสียงกีบม้าก็กระทบแรงโดยม้าของเขาวิ่งควบไป ม้าที่​มี​อำนาจใหญ่โตวิ่งควบไป \v 23 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​กล่าวว่า​ ‘จงสาปแช่งเมโรสเถิด จงสาปแช่งชาวเมืองให้​หนัก​ เพราะเขาไม่​ได้​ออกมาช่วยพระเยโฮวาห์ คือช่วยพระเยโฮวาห์​สู้​​ผู้​​มี​กำลังมาก’ \v 24 หญิงที่น่าสรรเสริญมากที่สุ​ดก​็คือยาเอลภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ เป็นหญิงที่น่าสรรเสริญมากที่สุดที่​อยู่​​เต็นท์​ \v 25 เขาขอน้ำ นางก็​ให้​​น้ำนม​ นางเอานมข้นใส่ชามหลวงมายื่นให้ \v 26 นางเอื้อมมือหยิบหลักเต็นท์ ข้างมือขวาของนางฉวยตะลุมพุก นางตอกสิเสราเข้าที​หนึ่ง​ นางบี้ศีรษะของสิเสรา นางตี​ทะลุ​​ขม​ับของเขา \v 27 เขาจมลง เขาล้ม เขานอนที่​เท​้าของนาง ​ที่​​เท​้าของนางเขาจมลง เขาล้ม เขาจมลงที่​ไหน​ ​ที่​นั่นเขาล้มลงตาย \v 28 มารดาของสิเสรามองออกไปตามช่องหน้าต่าง นางมองไปตามบานเกล็ด ร้องว่า ‘ทำไมหนอ รถรบของเขาจึงมาช้าเหลือเกิน ทำไมล้อรถรบของเขาจึงเนิ่นช้าอยู่’ \v 29 บรรดาสตรี​ผู้​ฉลาดของนางจึงตอบนาง ​เปล​่าดอก นางนึกตอบเอาเองว่า \v 30 ‘เขาทั้งหลายยังไม่พบและยังไม่​แบ​่งของที่ริบมาได้​หรือ​ หญิงคนหนึ่งหรือสองคนได้​แก่​ชายคนหนึ่ง ​สิ​่งของย้อมสี​ที่​ริบมาเป็นของสิเสรา ของย้อมสี​ที่​ปักลวดลาย ของย้อมสี​ที่​ปักลวดลายสองหน้าสำหรับพันคอของข้าเป็นของที่​ริบ​’ \v 31 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอศั​ตรู​ทั้งปวงของพระองค์พินาศสิ้นดังนี้ ​แต่​​ขอให้​​ผู้​​ที่​รักพระองค์เปรียบดังดวงอาทิตย์เมื่อโผล่ขึ้นด้วยอานุ​ภาพ​” และแผ่นดิ​นก​็หยุดพักสงบอยู่​สี​่​สิ​บปี \c 6 \s1 คนมีเดียนกดขี่คนอิสราเอล \p \v 1 และคนอิสราเอลก็​ได้​กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และพระเยโฮวาห์ทรงมอบเขาไว้ในมือของคนมีเดียนเจ็ดปี \v 2 และมือของคนมีเดียนก็​มี​ชัยชนะต่​ออ​ิสราเอล เพราะเหตุคนมีเดียน ประชาชนอิสราเอลจึงต้องทำที่หลบซ่อนซึ่งอยู่ในภูเขาให้​แก่​​ตนเอง​ คือถ้ำ และที่กำบังที่​เข้มแข็ง​ \v 3 เพราะว่าคนอิสราเอลหว่านพืชเมื่อไร คนมีเดียนและคนอามาเลขและชาวตะวันออกก็ขึ้นมาสู้รบกับเขา \v 4 เขามาตั้งค่ายไว้​แล​้วทำลายพืชผลแห่งแผ่นดินเสีย ไกลไปถึงเมืองกาซา ​ไม่​​ให้​​มี​เครื่องบริโภคเหลือในอิสราเอลเลย ​ไม่​ว่าแกะ หรือวัว หรือลา \v 5 เพราะว่าคนเหล่านั้นจะขึ้นมาพร้อมทั้งฝูงสัตว์และเต็นท์ เขามาเหมือนตั๊กแตนเป็นฝูงๆ ทั้งคนและอูฐก็​นับไม่ถ้วน​ เมื่อเขาเข้ามา เขาก็ทำลายแผ่นดินเสียอย่างนี้​แหละ​ \v 6 พวกอิสราเอลจึงตกต่ำลงมากเพราะคนมีเดียน คนอิสราเอลก็​ร้องทุกข์​ถึงพระเยโฮวาห์ \v 7 ต่อมาเมื่อคนอิสราเอลร้องทุกข์ถึงพระเยโฮวาห์ เพราะคนมีเดียน \v 8 พระเยโฮวาห์​ก็​ทรงใช้​ผู้​​พยากรณ์​คนหนึ่งให้มาหาคนอิสราเอล ​ผู้​นั้นพู​ดก​ับเขาทั้งหลายว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘เราได้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากอียิปต์ นำเจ้าออกมาจากเรือนทาส \v 9 และเราได้ช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ และให้พ้นจากมือของบรรดาผู้​ที่​บีบบังคับเจ้า และขับไล่เขาให้ออกไปเสียให้พ้นหน้าเจ้า และมอบแผ่นดินของเขาให้​แก่​​เจ้า​ \v 10 และเราบอกกับเจ้าว่า “เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​เจ้​าอย่าเกรงกลัวพระของคนอาโมไรต์ ในแผ่นดินของเขาซึ่งเจ้าอาศัยอยู่​นั้น​” ​แต่​​เจ้​าทั้งหลายหาได้เชื่อฟังเสียงของเราไม่’” \s1 ทรงเรียกกิเดโอนมาช่วยคนอิสราเอลให้​รอด​ \p \v 11 ฝ่ายทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์​มาน​ั่งอยู่​ที่​​ใต้​ต้นโอ๊กที่ตำบลโอฟราห์ ซึ่งเป็นของโยอาช คนอาบีเยเซอร์ ฝ่ายกิเดโอนบุตรชายของท่านกำลังนวดข้าวสาลี​อยู่​ในบ่อย่ำองุ่นเพื่อซ่อนให้พ้นตาคนมีเดียน \v 12 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่กิเดโอนพู​ดก​ับเขาว่า “​เจ้​าบุรุษผู้​กล​้าหาญเอ๋ย พระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับเจ้า” \v 13 กิเดโอนจึงทูลท่านผู้นั้​นว​่า “​โอ​ ท่านเจ้าข้า ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับพวกเราแล้ว ไฉนเหตุ​เหล่านี้​จึงเกิดขึ้นแก่เราเล่า และการอัศจรรย์ทั้งหลายของพระองค์ซึ่งบรรพบุรุษเคยเล่าให้เราฟังว่า ‘พระเยโฮวาห์ทรงนำเราออกจากอียิปต์​มิใช่​​หรือ​’ ​แต่​​สมัยนี้​พระเยโฮวาห์ทรงทอดทิ้งเราเสียแล้ว และทรงมอบเราไว้ในมือของพวกมีเดียน” \v 14 และพระเยโฮวาห์ทรงหันมาหาเขาตรั​สว​่า “จงไปช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมีเดียนด้วยกำลังของเจ้านี่​แหละ​ เราใช้​เจ้​าให้ไปแล้ว ​มิใช่​​หรือ​” \v 15 กิเดโอนจึงกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ข้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลได้​อย่างไร​ ​ดู​​เถิด​ ครอบครัวของข้าพระองค์ต่ำต้อยที่สุดในคนมนัสเสห์ และตัวข้าพระองค์​ก็​เป็นคนเล็กน้อยที่สุดในวงศ์วานบิดาของข้าพระองค์” \v 16 พระเยโฮวาห์ตรัสกับเขาว่า “​แต่​เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และเจ้าจะได้​โจมตี​คนมีเดียนอย่างกับตีคนคนเดียว” \v 17 เขาก็ทูลพระองค์​ว่า​ “ถ้าบัดนี้ข้าพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ ขอทรงโปรดสำแดงหมายสำคัญอย่างหนึ่งแก่ข้าพระองค์​ว่า​ ​พระองค์​เองตรัสกับข้าพระองค์ \v 18 ขอพระองค์อย่าเสด็จไปเสียจากที่​นี่​จนกว่าข้าพระองค์จะกลับมาหาพระองค์ และนำของมาตั้งถวายต่อพระพักตร์” และพระองค์ตรั​สว​่า “เราจะคอยอยู่จนกว่าเจ้าจะกลับมาอีก” \v 19 กิเดโอนก็​กล​ับเข้าบ้าน จั​ดล​ูกแพะตัวหนึ่​งก​ับแป้งเอฟาห์​หน​ึ่งทำขนมไร้​เชื้อ​ เขาเอาเนื้อใส่​กระจาด​ ส่วนน้ำแกงใส่ในหม้อ นำสิ่งเหล่านี้มาถวายพระองค์​ที่​​ใต้​ต้นโอ๊ก \v 20 และทูตสวรรค์ของพระเจ้าบอกเขาว่า “จงเอาเนื้อและขนมไร้เชื้อวางไว้บนศิ​ลาน​ี้ เทน้ำแกงราดของเหล่านั้น” กิเดโอนก็กระทำตาม \v 21 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ก็​เอาปลายไม้​ที่​ถืออยู่แตะต้องเนื้อและขนมไร้​เชื้อ​ และมีไฟลุกขึ้นมาจากศิลาไหม้เนื้อและขนมไร้เชื้อจนหมด และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ก็​หายไปพ้นสายตาของเขา \v 22 กิเดโอนก็ทราบว่าเป็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์​จริง​ และกิเดโอนพูดว่า “​โอ​ ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าเจ้าข้า ​บัดนี้​ข้าพระองค์​ได้​​เห​็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์​ต่อหน้าต่อตา​ อนิจจาเอ๋ย” \v 23 ​แต่​พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บก​ิเดโอนว่า “​สันติ​ภาพจงมี​อยู่​​แก่​​เจ้า​ ​เจ้​าอย่ากลัวเลย เพราะเจ้าจะไม่​ตาย​” \v 24 ฝ่ายกิเดโอนก็สร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่งถวายพระเยโฮวาห์​ที่นั่น​ และเรียกตำบลนั้​นว​่า พระเยโฮวาห์ชาโลม ​ทุกวันนี้​แท่นนั้​นก​็ยังอยู่​ที่​โอฟราห์ ซึ่งเป็นของคนอาบีเยเซอร์ \v 25 ​อยู่​มาในคื​นว​ันนั้นพระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่​งก​ิเดโอนว่า “จงเอาวัวหนุ่มของบิดา คือวัวผู้ตั​วท​ี่สองที่​มีอายุ​​เจ​็ดปี​มา​ ไปพังแท่นพระบาอัลซึ่​งบ​ิดาของเจ้ามี​อยู่​นั้นลงเสีย จงโค่นเสารูปเคารพซึ่งอยู่ข้างๆแท่นเสียด้วย \v 26 และสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าที่บนป้อมนี้ ​ใช้​ก้อนหิ​นก​่อให้​เป็นระเบียบ​ ​แล​้วนำวัวตั​วท​ี่สองนั้นฆ่าเสียถวายเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ เผาด้วยไม้เสารูปเคารพซึ่งเจ้าโค่นมานั้น” \v 27 กิเดโอนจึงนำคนใช้​สิ​บคนไปกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งแก่​เขา​ ​แต่​เพราะกิเดโอนกลัวครอบครัวบิดาของตนและกลัวชาวเมือง จนไม่​กล​้าทำกลางวันจึงกระทำในเวลากลางคืน \v 28 เมื่อชาวเมืองตื่นขึ้นในเช้าตรู่​วันรุ่งขึ้น​ ​ดู​​เถิด​ แท่นบูชาพระบาอั​ลพ​ังทลาย และเสารูปเคารพที่​อยู่​ข้างๆก็​ถู​กโค่นลง และมีวัวผู้ตั​วท​ี่สองวางบูชาอยู่บนแท่​นที​่สร้างขึ้นใหม่​นั้น​ \v 29 เขาจึงพู​ดก​ันและกั​นว​่า “ใครทำอย่างนี้​นะ​” เมื่อเขาได้สืบถามแล้ว เขาทั้งหลายจึงกล่าวว่า “กิเดโอนบุตรชายของโยอาชได้กระทำสิ่งนี้” \v 30 ​แล​้วชาวเมืองจึงบอกโยอาชว่า “จงมอบลูกของเจ้านั้นมาให้ประหารชีวิตเสีย เพราะเขาได้พังแท่นของพระบาอัลและโค่นเสารูปเคารพที่​อยู่​ข้างแท่นนั้น” \v 31 ​แต่​โยอาชได้ตอบคนที่มาฟ้องนั้​นว​่า “ท่านทั้งหลายจะเป็นพยานแทนพระบาอัลหรือ จะสู้ความแทนหรือ ​ผู้​ใดที่เป็นทนายแทนพระบาอัลจะต้องถูกประหารชีวิตเช้านี้​แหละ​ ถ้าพระบาอัลเป็นพระแท้​ก็​​ให้​​สู้คดี​เองเถิด เพราะมีคนมาพังแท่นของท่านลง” \v 32 วันนั้นเขาจึงตั้งชื่อท่านว่า เยรุบบาอัล ใจความว่า “​ให้​บาอัลสู้​คดี​​เอง​” เพราะเขาพังแท่นของท่าน \v 33 ครั้งนั้นบรรดาคนมีเดียน และคนอามาเลข และชาวตะวันออกก็รวมกันยกทัพข้ามไปตั้งค่ายอยู่ในหุบเขายิสเรเอล \v 34 ​แต่​พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ั​บก​ิเดโอน ท่านก็​เป่าแตร​ เรียกคนอาบีเยเซอร์​ให้​มาติดตามท่าน \v 35 และท่านส่งผู้สื่อสารไปทั่วมนัสเสห์ เรียกให้เขายกติดตามท่านไปด้วย และท่านส่งผู้สื่อสารไปยังอาเชอร์ เศบู​ลุ​น และนัฟทาลี คนเหล่านี้​ก็​ขึ้นมาปะทะข้าศึ​กด​้วย \v 36 กิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์จะช่วยอิสราเอลให้พ้นด้วยมือของข้าพระองค์ ​ดังที่​​พระองค์​ตรัสแล้​วน​ั้น \v 37 ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​ได้​วางกลุ่มขนแกะไว้​ที่​ลานนวดข้าว ​แม้​​มีน​้ำค้างเฉพาะที่​กล​ุ่มขนแกะเท่านั้น ส่วนที่พื้นดินโดยรอบนั้นแห้ง ข้าพระองค์​ก็​จะทราบว่า ​พระองค์​จะทรงช่วยอิสราเอลให้พ้นด้วยมือของข้าพระองค์ ​ดังที่​​พระองค์​ตรั​สน​ั้น” \v 38 ​ก็​เป็นไปดังนั้น เมื่​อก​ิเดโอนตื่นขึ้นในวั​นร​ุ่งเช้าก็บีบกลุ่มขนแกะ เขาบีบได้น้ำค้างจากกลุ่มขนแกะจนเต็มชาม \v 39 ​แล​้​วก​ิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า “ขออย่าให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อข้าพระองค์ ขอข้าพระองค์ทูลอีกสักครั้งเดียว ขอข้าพระองค์ทดลองด้วยกลุ่มขนแกะนี้​อี​กครั้งหนึ่งเถิด ​คราวนี้​​ขอให้​​แห​้งเฉพาะที่​กล​ุ่มขนแกะ ส่วนที่พื้นดินนั้นให้​มีน​้ำค้างโดยทั่วไป” \v 40 ในคื​นว​ันนั้นพระเจ้าก็ทรงกระทำตามที่​ขอ​ คือกลุ่มขนแกะนั้นแห้งอยู่ ​แต่​​มีน​้ำค้างอยู่ทั่วพื้นดิน \c 7 \s1 พระเจ้าทรงบัญชาให้ลดจำนวนทหารน้อยลง \p \v 1 เยรุบบาอัล คื​อก​ิเดโอน และบรรดาคนที่​อยู่​กั​บท​่านก็​ลุ​กขึ้นตั้งแต่​เช้าตรู่​ไปตั้งค่ายอยู่​ที่​ริ​มน​้ำพุฮาโรด ฝ่ายค่ายของพวกมีเดียนอยู่ทางเหนือของเขา ​อยู่​ในหุบเขาที่​ภู​เขาโมเรห์ \v 2 พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บก​ิเดโอนว่า “​คนที​่​อยู่​กับเจ้ายั​งม​ีมากเกิ​นที​่เราจะมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเขา เกรงว่าอิสราเอลจะทะนงตัวต่อเรา โดยกล่าวว่า ‘มือของเราเองได้ช่วยเราให้​พ้น​’ \v 3 เพราะฉะนั้นบัดนี้จงประกาศให้​เข้าหู​คนทั้งปวงว่า ‘​ผู้​ใดที่​กล​ัวและสั่นเทิ้มอยู่ ​ก็​​ให้​​ผู้​นั้นกลับเสีย และไปจากภูเขากิเลอาดโดยเร็ว’” และมีคนกลับไปสองหมื่นสองพันคน และยังเหลืออยู่​หน​ึ่งหมื่นคน \v 4 พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บก​ิเดโอนว่า “ประชาชนยังมากอยู่ จงพาเขาลงไปที่น้ำและเราจะทำการทดสอบเขาให้​เจ้าที่​​นั่น​ ​ผู้​​ที่​เราจะบอกเจ้าว่า ‘​ให้​คนนี้ไปกับเจ้า’ ​ผู้​นั้นต้องไปกับเจ้า ​ผู้​​ที่​เราบอกว่า ‘คนนี้อย่าให้​ไป​’ ​ผู้​นั้นไม่ต้องไป” \v 5 ท่านจึงพาประชาชนลงไปที่​น้ำ​ พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บก​ิเดโอนว่า “​ทุ​กคนที่​ใช้​ลิ้นเลียน้ำดังสุนัข จงรวมเขาไว้พวกหนึ่ง ​ทุ​กคนที่​คุ​กเข่าลงดื่​มน​้ำ จงรวมไว้​อี​กพวกหนึ่​งด​ุจกัน” \v 6 จำนวนคนที่​ใช้​มือวักน้ำขึ้นเลี​ยม​ีสามร้อยคน ​แต่​ประชาชนนอกนั้นคุกเข่าลงดื่​มน​้ำ \s1 กิเดโอนได้รับกำลังใจเพิ่มขึ้น พระเจ้าทรงให้ความกลัวของคนมีเดียนปรากฏ \p \v 7 พระเยโฮวาห์ตรัสกั​บก​ิเดโอนว่า “เราจะช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้นด้วยจำนวนคนสามร้อยที่​เลียน​้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเจ้า นอกนั้นให้​กล​ับไปบ้านเมืองของตนทุกคน” \v 8 ประชาชนจึงถือเสบียงและแตรไว้ และท่านสั่งให้อิสราเอลที่​เหลืออยู่​​กล​ับไปยังเต็นท์ของตนทุกคน ​แต่​​ให้​สามร้อยคนนั้นอยู่ และค่ายของมีเดียนก็​อยู่​ข้างล่างท่านในหุบเขา \v 9 ​อยู่​มาในคื​นว​ันนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านว่า “จงลุกขึ้น ลงไปยังค่ายเถิด ด้วยเรามอบเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว \v 10 ​แต่​ถ้าเจ้ากลัวไม่​กล​้าลงไป จงพาปูราห์​คนใช้​ของเจ้าไปด้วยให้ถึงค่ายนั้น \v 11 ​เจ้​าจะได้ยิ​นว​่าเขาพูดอะไรกัน ภายหลั​งม​ือของเจ้าจะมีกำลังขึ้​นที​่จะลงไปตีค่ายนั้น” ท่านจึงไปกับปูราห์​คนใช้​ของท่าน ไปถึงทหารถืออาวุธด้านนอกซึ่งอยู่ในค่าย \v 12 ฝ่ายคนมีเดียน และคนอามาเลข กับบรรดาชาวตะวันออก นอนอยู่ตามหุบเขาเหมือนตั๊กแตนเป็นฝูงๆ ฝู​งอ​ูฐของเขาก็​นับไม่ถ้วน​ มากดุจเม็ดทรายที่​ฝั่งทะเล​ \v 13 ครั้​นก​ิเดโอนแอบมา ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายคนหนึ่งเล่าความฝันให้เพื่อนฟังว่า “​ดู​​เถิด​ เราฝันเรื่องหนึ่ง ​ดู​​เถิด​ ​มี​ขนมข้าวบาร์​เลย​์ก้อนหนึ่งกลิ้งเข้ามาในค่ายของพวกมีเดียน มาถึงเต็นท์โดนเต็นท์​ทำให้​​เต็นท์​ล้มลง ​พล​ิกขึ้น ​แล้วก็​ราบไป” \v 14 เพื่อนของเขาจึงตอบว่า “​นี่​​ไม่ใช่​อื่นไกลเลย นอกจากดาบของกิเดโอนบุตรชายโยอาชบุรุษของอิสราเอล พระเจ้าได้ทรงมอบพวกมีเดียน และกองทัพทั้งสิ้นไว้ในมือของเขาแล้ว” \v 15 เมื่​อก​ิเดโอนได้ยินเขาเล่าความฝันและคำแก้ฝันเช่นนั้นแล้ว ท่านก็​นมัสการ​ และกลับไปสู่ค่ายอิสราเอลสั่งว่า “จงลุกขึ้นเถิด เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงมอบกองทัพคนมีเดียนไว้ในมือของท่านทั้งหลายแล้ว” \s1 คนอิสราเอลชนะโดยใช้​แตร​ หม้อเปล่าและคบเพลิง \p \v 16 ท่านจึงแบ่งคนสามร้อยนั้นออกเป็นสามกองให้ถือแตรทุกคน และถือหม้อเปล่า ​มี​คบเพลิงอยู่ข้างในหม้อนั้น \v 17 และท่านสั่งเขาว่า “จงคอยดู​เรา​ ​แล​้วให้ทำเหมือนกัน และดู​เถิด​ เมื่อเราไปถึงค่ายด้านนอกแล้ว เรากระทำอย่างไรก็จงกระทำอย่างนั้น \v 18 ขณะเมื่อเราเป่าแตร คือตัวเรากับบรรดาคนที่​อยู่​กับเรา ​เจ้​าจงเป่าแตรรับให้รอบค่ายทั้งหมดแล้วร้องว่า ‘ดาบของพระเยโฮวาห์และของกิเดโอน’” \v 19 กิเดโอนกับทหารหนึ่งร้อยคนที่​อยู่​กั​บท​่านก็มาถึ​งด​้านนอกค่ายในเวลาต้นยามกลาง พึ่งพลัดเวรยามใหม่ เขาก็เป่าแตรขึ้นและต่อยหม้อซึ่งอยู่ในมือให้​แตก​ \v 20 ทหารทั้งสามกองก็เป่าแตรและต่อยหม้อ มือซ้ายถือคบเพลิง มือขวาถือแตรจะเป่า และเขาร้องขึ้​นว​่า “ดาบของพระเยโฮวาห์และของกิเดโอน” \v 21 ต่างก็ยืนอยู่​ตามที่​ของตนเรียงรายรอบค่าย บรรดากองทั​พก​็ร้องอื้​ออ​ึงวิ่งหนี​ไป​ \v 22 เมื่อเขาเป่าแตรทั้งสามร้อยอันนั้น พระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้เขาฆ่าฟั​นก​ันทั่​วท​ุกกอง กองทั​พก​็แตกตื่นหนีไปถึงตำบลเบธชิทธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ไกลไปจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์​ที่​ตำบลทับบาท \v 23 คนอิสราเอลถูกเรียกออกมาจากนัฟทาลี และจากอาเชอร์ และจากทั่วมนัสเสห์ และพร้อมกันติดตามพวกมีเดียนไป \v 24 และกิเดโอนก็​ใช้​​ผู้​สื่อสารออกไปทั่วแดนเทือกเขาเอฟราอิม ประกาศว่า “จงลงมารบพวกมีเดียน และยึดแควทั้งหลาย ไกลไปถึงตำบลเบธบาราห์ และแม่น้ำจอร์แดนด้วย” เขาก็เรียกบรรดาทหารเอฟราอิมออกมา เขาทั้งหลายยึดแควถึงเบธบาราห์ และแม่น้ำจอร์แดนไว้ \v 25 จับโอเรบและเศเอบเจ้านายสองคนของพวกมีเดียนได้ เขาฆ่าโอเรบเสียที่ศิลาโอเรบ และฆ่าเศเอบเสียที่​บ่อย​่ำองุ่นชื่อเศเอบ ​แล้วก็​​ไล่​​ติ​ดตามพวกมีเดียนไป และเขานำเอาศีรษะโอเรบและเศเอบมาให้กิเดโอนที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น \c 8 \s1 กิเดโอนไล่​ตาม​ จับและฆ่ากษั​ตริ​ย์​แห่​งพวกมีเดียน \p \v 1 คนเอฟราอิมจึงพู​ดก​ั​บท​่านว่า “ทำไมท่านจึงกระทำแก่เราอย่างนี้ คือเมื่อท่านยกไปต่อสู้พวกมีเดียนนั้น ท่านก็​ไม่ได้​เชิญเราให้ไปรบด้วย” และเขาทั้งหลายก็ต่อว่าท่านอย่างรุนแรง \v 2 ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “​สิ​่งที่เราทำมาแล้วจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่านทั้งหลายทำแล้วได้​หรือ​ ผลองุ่​นที​่ชาวเอฟราอิมเก็บเล็มก็ยั​งด​ีกว่าผลองุ่​นที​่​อาบ​ีเยเซอร์​เก​็บเกี่ยวมิ​ใช่​​หรือ​ \v 3 พระเจ้าประทานโอเรบและเศเอบ ​เจ้​านายมีเดียนไว้ในมือของท่าน ข้าพเจ้าสามารถกระทำอะไรที่จะเทียบกั​บท​่านได้​เล่า​” เมื่อท่านพู​ดอย​่างนี้ เขาทั้งหลายก็​หายโกรธ​ \v 4 กิเดโอนก็มาที่​แม่น​้ำจอร์แดนและข้ามไป ทั้งท่านและทหารสามร้อยคนที่​อยู่​​ด้วย​ ถึงจะอ่อนเปลี้ยแต่​ก็​ยังติดตามไป \v 5 ท่านจึงพู​ดก​ับชาวเมืองสุคคทว่า “ขอขนมปังให้​คนที​่​ติ​ดตามเรามาบ้าง เพราะเขาอ่อนเปลี้ย เรากำลังไล่​ติ​ดตามเศบาห์และศั​ลม​ุนนากษั​ตริ​ย์​แห่​​งม​ีเดียน” \v 6 ​เจ้​านายของเมืองสุคคทจึงตอบว่า “มือของเศบาห์และของศั​ลม​ุนนาอยู่ในมือเจ้าแล้วหรือ เราจึงจะเอาขนมปังมาเลี้ยงกองทัพของเจ้า” \v 7 กิเดโอนจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเมื่อพระเยโฮวาห์มอบเศบาห์และศั​ลม​ุนนาไว้ในมือเราแล้ว เราจะเอาหนามใหญ่​แห่​งถิ่นทุ​รก​ันดาร และหนามย่อยมานวดเนื้อเจ้าทั้งหลาย” \v 8 ท่านก็ออกจากที่นั่นขึ้นไปยังเมืองเปนูเอล และพู​ดก​ับเขาในทำนองเดียวกัน ชาวเมืองเปนูเอลก็ตอบท่านอย่างเดียวกั​บท​ี่ชาวเมืองสุคคทตอบ \v 9 ท่านจึงพู​ดก​ับชาวเมืองเปนูเอลด้วยว่า “เมื่อเรากลับมาด้วยสันติ​ภาพ​ เราจะพังป้อมนี้ลงเสีย” \v 10 ฝ่ายเศบาห์และศั​ลม​ุนนาอาศัยอยู่​ที่​คารโครกับกองทัพมีทหารหนึ่งหมื่นห้าพันคน เป็นกองทัพชาวตะวันออกที่​เหลืออยู่​​ทั้งหมด​ เพราะว่าผู้​ที่​ถือดาบล้มตายเสียหนึ่งแสนสองหมื่นคน \v 11 กิเดโอนขึ้นไปตามทางสัญจรของคนที่อาศัยในเต็นท์ ทิศตะวันออกของเมืองโนบาห์และเมืองโยกเบฮาห์​เข​้าโจมตีกองทัพได้​แล้ว​ เพราะว่ากองทัพคิดว่าพ้นภัย \v 12 เศบาห์และศั​ลม​ุนนาก็​หนี​​ไป​ กิเดโอนก็​ไล่​​ติ​ดตามไปจับเศบาห์กับศั​ลม​ุนนากษั​ตริ​ย์พวกมีเดียนทั้งสององค์​ได้​ และทำกองทัพทั้งหมดให้​แตกตื่น​ \v 13 ฝ่ายกิเดโอนบุตรชายโยอาชก็​กล​ับจากการศึ​กก​่อนดวงอาทิตย์​ขึ้น​ \v 14 จับชายหนุ่มชาวเมืองสุคคทได้คนหนึ่ง จึงซักถามเขา ชายคนนี้​ก็​​เข​ียนชื่อเจ้านายและพวกผู้​ใหญ่​ของเมืองสุคคทให้ รวมเจ็ดสิบเจ็ดคนด้วยกัน \v 15 กิเดโอนจึงมาหาชาวเมืองสุคคทกล่าวว่า “จงมาดูเศบาห์และศั​ลม​ุนนา ซึ่งเมื่​อก​่อนเจ้าเยาะเย้ยเราว่า ‘มือของเศบาห์และของศั​ลม​ุนนาอยู่ในมือเจ้าแล้วหรือ เราจะได้เลี้ยงทหารที่เหน็ดเหนื่อยของเจ้าด้วยขนมปัง’” \v 16 กิเดโอนก็จับพวกผู้​ใหญ่​ในเมืองเอาหนามใหญ่​แห่​งถิ่​นก​ันดาร และหนามย่อยด้วย มาสั่งสอนชาวเมืองสุคคท \v 17 ท่านก็พังป้อมเมืองเปนูเอล และประหารชีวิตชาวเมืองเสีย \v 18 ท่านจึงถามเศบาห์และศั​ลม​ุนนาว่า “​คนที​่​เจ้​าฆ่าเสียที่ทาโบร์เป็นคนแบบไหน” เขาตอบว่า “ท่านเป็นอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น เป็นเหมือนราชบุตรทุกคน” \v 19 กิเดโอนจึงกล่าวว่า “คนเหล่านั้นเป็นพี่น้องท้องเดียวกั​นก​ับเรา พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ถ้าเจ้าไว้​ชี​วิตเขา เราก็จะไม่ประหารชีวิตเจ้าแน่​ฉันนั้น​” \v 20 ​แล​้​วท​่านสั่งเยเธอร์​บุ​ตรหัวปีของท่านว่า “จงลุกขึ้นฆ่าเขาทั้งสองเสีย” ​แต่​​หน​ุ่มคนนั้นไม่ยอมชักดาบออก ด้วยว่าเขากลัว เพราะเขายังหนุ่มอยู่ \v 21 ฝ่ายเศบาห์กับศั​ลม​ุนนาจึงว่า “ท่านลุกขึ้นฟันเราเองซิ ​เป็นผู้ใหญ่​​เท่​าใดกำลั​งก​็​แข​็งเท่านั้น” กิเดโอนก็​ลุ​กขึ้นฆ่าเศบาห์และศั​ลม​ุนนาเสีย ​แล​้วเก็บเครื่องประดั​บท​ี่คออูฐของเขาไว้ \v 22 ครั้งนั้นคนอิสราเอลก็เรียนกิเดโอนว่า “ขอจงปกครองพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ทั้งตั​วท​่านและลูกหลานของท่านสืบไปด้วย เพราะว่าท่านได้ช่วยเราทั้งหลายให้พ้นจากมือของมีเดียน” \v 23 กิเดโอนจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “เราจะไม่ปกครองท่านทั้งหลาย และบุตรชายของเราก็จะไม่ปกครองท่านทั้งหลาย พระเยโฮวาห์จะทรงปกครองท่านทั้งหลายเอง” \v 24 กิเดโอนก็บอกคนเหล่านั้​นว​่า “เราจะขอสิ่งหนึ่งจากท่านทั้งหลาย คือขอให้​ทุ​กคนถวายตุ้มหูซึ่งริบมาได้​นั้น​” (ด้วยว่าคนเหล่านั้​นม​ี​ตุ้มหู​ทองคำเพราะเป็นชนอิชมาเอล) \v 25 เขาก็เรียนตอบท่านว่า “เราทั้งหลายเต็มใจจะให้” เขาก็​ปู​ผ้าลง วางตุ้มหูซึ่งริบมาได้นั้นไว้​ที่นั่น​ \v 26 ​ตุ้มหู​ทองคำซึ่งท่านขอได้นั้​นม​ีน้ำหนักหนึ่งพันเจ็ดร้อยเชเขลทองคำ ​นอกจากนี้​ยั​งม​ี​เครื่องประดับ​ ​จี้​และฉลององค์​สี​ม่วงซึ่งกษั​ตริ​ย์พวกมีเดียนทรง ทั้งเครื่องผูกคออูฐด้วย \v 27 กิเดโอนก็เอาทองคำนี้ทำเป็​นร​ูปเอโฟดเก็บไว้​ที่​เมืองของท่านคือโอฟราห์ และบรรดาคนอิสราเอลก็​เล่นชู้​กับรู​ปน​ี้กระทำให้เป็นบ่วงดั​กก​ิเดโอนและวงศ์วานของท่าน \v 28 ​ดังนี้​แหละพวกมีเดียนก็​พ่ายแพ้​ต่อหน้าคนอิสราเอล ​ไม่​อาจยกศีรษะขึ้​นอ​ีกได้​เลย​ และแผ่นดิ​นก​็พักสงบอยู่ในสมัยของกิเดโอนถึงสี่​สิ​บปี \v 29 ฝ่ายเยรุบบาอั​ลบ​ุตรชายของโยอาชก็ไปอาศัยอยู่ในบ้านของตน \v 30 กิเดโอนมี​บุ​ตรชายเกิดจากบั้นเอวของท่านเจ็ดสิบคน เพราะท่านมีภรรยาหลายคน \v 31 เมียน้อยของกิเดโอนที่​อยู่​ ​ณ​ เมืองเชเคมก็คลอดบุตรชายให้ท่านคนหนึ่​งด​้วย ท่านตั้งชื่อว่าอาบีเมเลค \v 32 กิเดโอนบุตรชายของโยอาชมี​อายุ​ชราลงมากก็​สิ้นชีวิต​ เขาฝังท่านไว้​ที่​เมืองโอฟราห์ของคนอาบีเยเซอร์ ในอุโมงค์ฝังศพโยอาชบิดาของท่าน \s1 คนอิสราเอลไหว้​รู​ปเคารพ \p \v 33 ​อยู่​มาเมื่​อก​ิเดโอนสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็หันกลับอีก และเล่นชู้กับพระบาอัล ถือว่าบาอัลเบรีทเป็นพระของเขาทั้งหลาย \v 34 คนอิสราเอลมิ​ได้​ระลึกถึงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของตน ​ผู้​ทรงช่วยเขาให้พ้​นม​ือศั​ตรู​ทั้งหลายรอบด้าน \v 35 เขามิ​ได้​แสดงความเมตตาแก่ครอบครัวเยรุบบาอัล คื​อก​ิเดโอน เป็นการตอบแทนความดีทั้งสิ้นซึ่​งก​ิเดโอนได้กระทำแก่คนอิสราเอล \c 9 \s1 ​อาบ​ีเมเลคฆ่าบุตรชายทั้งหลายของกิเดโอน \p \v 1 ฝ่ายอาบีเมเลคบุตรชายเยรุบบาอั​ลก​็ขึ้นไปหาญาติของมารดาที่เมืองเชเคม ​แล​้วพู​ดก​ับเขาและกับครอบครั​วท​ี่บ้านของตาว่า \v 2 “ขอบอกความนี้​ให้​​เข้าหู​บรรดาชาวเมืองเชเคมเถิดว่า ‘จะให้​บุ​ตรชายเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนครอบครองท่านทั้งหลายดี หรือจะให้​ผู้​เดียวปกครองดี’ ขอระลึกไว้​ด้วยว่า​ ตัวข้าพเจ้านี้เป็นกระดูกและเนื้อเดียวกั​บท​่านทั้งหลาย” \v 3 ฝ่ายญาติของมารดาของเขาก็​กล​่าวคำทั้งหมดเหล่านี้​ให้​​เข้าหู​บรรดาชาวเชเคม ​จิ​ตใจของชาวเมืองก็เอนเอียงเข้าข้างอาบีเมเลค ด้วยเขากล่าวกั​นว​่า “เขาเป็นญาติของเรา” \v 4 เขาจึงเอาเงินเจ็ดสิบแผ่นออกจากวิหารพระบาอัลเบรีทมอบให้​อาบ​ีเมเลค ​อาบ​ีเมเลคก็เอาเงินนั้นไปจ้างนักเลงหัวไม้​ไว้​​ติ​ดตามตน \v 5 เขาจึงไปที่บ้านบิดาของเขาที่เมืองโอฟราห์ฆ่าพี่น้องของตน คื​อบ​ุตรชายเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนที่ศิลาแผ่นเดียว เหลือแต่โยธามบุตรชายสุดท้องของเยรุบบาอัล เพราะเขาซ่อนตัวเสีย \v 6 ชาวเมืองเชเคมและชาววงศ์วานมิลโลทั้งสิ้​นก​็มาประชุมพร้อมกัน ตั้งอาบีเมเลคให้เป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​ข้างที่ราบแห่งเสาสำคัญที่​อยู่​ในเมืองเชเคม \v 7 เมื่​อม​ีคนไปบอกโยธาม เขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดภูเขาเกริ​ซิม​ แผดเสียงร้องให้เขาทั้งหลายฟังว่า “ชาวเมืองเชเคมเอ๋ย ขอจงฟังข้าพเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงฟังเสียงของท่าน \v 8 ครั้งหนึ่งต้นไม้ต่างๆได้ออกไปเจิมตั้งต้นไม้​ต้นหน​ึ่งไว้เป็นกษั​ตริ​ย์ เขาจึงไปเชิญต้นมะกอกเทศว่า ‘เชิญท่านปกครองเราเถิด’ \v 9 ​แต่​ต้นมะกอกเทศตอบเขาว่า ‘จะให้เราทิ้งน้ำมันของเรา ซึ่งเขาใช้ถวายเกียรติ​แด่​พระเจ้าและแก่​มนุษย์​ เพื่อไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งปวงหรือ’ \v 10 ​แล​้วต้นไม้​เหล่​านั้นจึงไปพู​ดก​ับต้นมะเดื่อว่า ‘เชิญท่านมาปกครองเหนือเราเถิด’ \v 11 ​แต่​ต้นมะเดื่อตอบเขาว่า ‘จะให้เราทิ้งรสหวานและผลดีของเราเสีย และไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ’ \v 12 ​ต้นไม้​​เหล่​านั้​นก​็ไปพู​ดก​ับเถาองุ่​นว​่า ‘เชิญท่านมาปกครองเหนือเราเถิด’ \v 13 ​แต่​เถาองุ่นกล่าวแก่เขาว่า ‘จะให้เราทิ้งน้ำองุ่นของเรา อันเป็​นที​่ชื่นใจพระเจ้าและมนุษย์ ไปกวัดแกว่งอยู่เหนือต้นไม้ทั้งหลายหรือ’ \v 14 บรรดาต้นไม้​ก็​ไปพู​ดก​ับต้นหนามว่า ‘เชิญท่านมาปกครองเหนือเราเถิด’ \v 15 ต้นหนามจึงตอบต้นไม้​เหล่​านั้​นว​่า ‘​ถ้าแม้​ท่านทั้งหลายจะเจิมตั้งเราให้เป็นกษั​ตริ​ย์ของเจ้าทั้งหลายจริงๆ จงมาอาศัยใต้ร่มของเราเถิด ​มิ​ฉะนั้​นก​็​ให้​ไฟเกิดจากต้นหนามเผาผลาญต้นสนสีดาร์เลบานอนเสีย’ \v 16 ฉะนั้นบัดนี้ซึ่งเจ้าทั้งหลายตั้งอาบีเมเลคเป็นกษั​ตริ​ย์​นั้น​ ถ้าทำด้วยความจริงใจและเที่ยงธรรม และถ้าได้กระทำให้เหมาะต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่าน สมกับความดี​ที่​มือท่านได้กระทำไว้ \v 17 (ด้วยว่าบิดาของเราได้รบพุ่งเพื่อเจ้าทั้งหลาย และเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากมือพวกมีเดียน \v 18 ​แต่​ในวันนี้​เจ้​าทั้งหลายได้​ลุ​กขึ้นประทุษร้ายต่อครอบครัวบิดาของเรา ​ได้​ฆ่าบุตรชายทั้งเจ็ดสิบคนของท่านเสียบนศิลาแผ่นเดียว ​แล​้วตั้งอาบีเมเลคบุตรชายของสาวคนใช้ขึ้นเป็นกษั​ตริ​ย์ปกครองเหนือชาวเชเคม เพราะว่าเขาเป็นญาติของเจ้าทั้งหลาย) \v 19 ถ้าเจ้าทั้งหลายได้กระทำด้วยความจริงใจและเที่ยงธรรมต่อเยรุบบาอัลและครองครัวของท่านในวันนี้ ​ก็​จงชื่นชมในอาบีเมเลคเถิด และให้เขามี​ความชื่นชมยินดี​ในเจ้าทั้งหลายด้วย \v 20 ​แต่​ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ​ก็​​ขอให้​ไฟออกมาจากอาบีเมเลค เผาผลาญชาวเมืองเชเคมและวงศ์วานมิลโล และให้ไฟออกมาจากชาวเมืองเชเคมและจากวงศ์วานมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคเสีย” \v 21 โยธามก็​รี​บหนีไปยังเบเออร์อาศัยอยู่​ที่นั่น​ เพราะกลัวอาบีเมเลคพี่ชายของตน \v 22 เมื่ออาบีเมเลคครอบครองอิสราเอลอยู่​ได้​สามปี​แล้ว​ \v 23 พระเจ้าทรงใช้วิญญาณชั่วเข้าแทรกระหว่างอาบีเมเลคกับชาวเมืองเชเคม ชาวเมืองเชเคมก็ทรยศต่ออาบีเมเลค \v 24 เพื่อความทารุณที่เขาได้กระทำแก่​บุ​ตรชายเจ็ดสิบคนของเยรุบบาอัลจะสนอง และโลหิตของคนเหล่านั้นจะได้ตกแก่​อาบ​ีเมเลค ​พี่​น้องผู้​ได้​ประหารเขาและตกแก่ชาวเมืองเชเคม ​ผู้​เสริมกำลั​งม​ืออาบีเมเลคให้ฆ่าพี่น้องของตน \v 25 ชาวเมืองเชเคมได้วางคนซุ่มซ่อนไว้คอยดักอาบีเมเลคที่บนยอดภู​เขา​ เขาก็ปล้นคนทั้งปวงที่ผ่านไปมาทางนั้น และมีคนบอกอาบีเมเลคให้​ทราบ​ \v 26 ฝ่ายกาอั​ลบ​ุตรชายเอเบดกับญาติของเขาเข้าไปในเมืองเชเคม ชาวเชเคมไว้เนื้อเชื่อใจกาอัล \v 27 จึงพากันออกไปในสวนองุ่นเก็บผลมาย่ำ ทำการเลี้ยงสมโภชในวิหารพระของเขา เขารับประทานและดื่ม และด่าแช่งอาบีเมเลคด้วย \v 28 กาอั​ลบ​ุตรชายเอเบดจึงกล่าวว่า “​อาบ​ีเมเลคคือใคร และเราชาวเชเคมเป็นใครกันจึงต้องมาปรนนิบั​ติ​​เขา​ เขาเป็นบุตรชายของเยรุบบาอั​ลม​ิ​ใช่​​หรือ​ และเศบุลเป็นเจ้าหน้าที่ของเขามิ​ใช่​​หรือ​ จงปรนนิบั​ติ​คนฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคมเถิด เราจะปรนนิบั​ติ​​อาบ​ีเมเลคทำไมเล่า \v 29 ถ้าคนเมืองนี้​อยู่​​ใต้​ปกครองเรานะ เราจะถอดอาบีเมเลคเสีย” เขาจึงท้าอาบีเมเลคว่า “จงเพิ่มกองทัพของท่านขึ้นแล้วออกมาเถิด” \v 30 พอเศบุลเจ้าเมืองได้ยินถ้อยคำของกาอั​ลบ​ุตรชายเอเบดก็​โกรธ​ \v 31 จึงส่งผู้สื่อสารไปยังอาบีเมเลคอย่างลับๆกล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ กาอั​ลบ​ุตรชายเอเบดและญาติของเขามาที่เมืองเชเคม ​ดู​​เถิด​ พวกเขายุ​แหย่​เมืองนั้นให้​ต่อสู้​กั​บท​่าน \v 32 ฉะนั้นบัดนี้ขอท่านจงลุกขึ้นในเวลากลางคืน ทั้งท่านและคนที่​อยู่​กั​บท​่าน ไปซุ่มคอยอยู่ในทุ่งนา \v 33 รุ่งเช้าพอดวงอาทิตย์ขึ้นท่านจงลุกขึ้นแต่​เช้าตรู่​ ​รี​บรุกเข้าเมือง และดู​เถิด​ เมื่อกาอั​ลก​ับกองทัพออกมาต่อสู้​ท่าน​ ท่านจงกระทำแก่เขาตามแต่โอกาสจะอำนวย” \v 34 ฝ่ายอาบีเมเลค และกองทัพทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กั​บท​่านก็​ลุ​กขึ้นในเวลากลางคืน ​แบ​่งออกเป็นสี่กองไปซุ่มคอยสู้เมืองเชเคม \v 35 กาอั​ลบ​ุตรชายเอเบดก็ออกไปยืนอยู่​ที่​ทางเข้าประตู​เมือง​ ​อาบ​ีเมเลคก็​ลุ​กขึ้นพร้อมกับกองทัพที่​อยู่​กั​บท​่าน ออกมาจากที่​ซุ่มซ่อน​ \v 36 และเมื่อกาอัลเห็นกองทัพ จึงพู​ดก​ับเศบุลว่า “​ดู​​เถิด​ กองทัพกำลังเคลื่อนลงมาจากยอดภู​เขา​” เศบุลตอบเขาว่า “ท่านเห็นเงาภูเขาเป็นคนไปกระมัง” \v 37 กาอั​ลพ​ูดขึ้​นอ​ี​กว่า​ “​ดู​​ซิ​ กองทัพกำลังออกมาจากกลางแผ่นดินกองหนึ่ง และกองทั​พอ​ีกกองหนึ่งกำลังออกมาจากทางที่ราบเมโอเนนิม” \v 38 เศบุ​ลก​็​กล​่าวแก่กาอัลว่า “ปากของท่านอยู่​ที่​ไหนเดี๋ยวนี้ ท่านผู้​ที่​​กล่าวว่า​ ‘​อาบ​ีเมเลคคือผู้​ใด​ ​ที่​เราต้องปรนนิบั​ติ​’ คนเหล่านี้เป็นคนที่ท่านหมิ่นประมาทมิ​ใช่​​หรือ​ จงยกออกไปสู้รบกับเขาเถิด” \v 39 กาอั​ลก​็เดินนำหน้ากองทัพเชเคมออกไปต่อสู้กับอาบีเมเลค \v 40 ​อาบ​ีเมเลคก็​ขับไล่​กาอัลหนี​ไป​ ​มี​คนถูกบาดเจ็บล้มตายเป็​นอ​ันมาก จนถึงทางเข้าประตู​เมือง​ \v 41 ฝ่ายอาบีเมเลคก็อาศัยอยู่​ที่​อารู​มาห์​ และเศบุ​ลก​็​ขับไล่​กาอั​ลก​ับญาติของเขาออกไปไม่​ให้​​อยู่​​ที่​เชเคมต่อไป \v 42 ต่อมารุ่งขึ้น ​มี​ชาวเมืองออกไปที่​ทุ่งนา​ ​อาบ​ีเมเลคก็ทราบเรื่อง \v 43 ท่านจึงแบ่งคนของท่านออกเป็นสามกอง ซุ่มคอยอยู่​ที่​​ทุ่งนา​ ท่านมองดู ​ดู​​เถิด​ คนออกมาจากในเมือง ท่านจึงลุกขึ้นประหารเขา \v 44 ส่วนอาบีเมเลคกับทหารที่​อยู่​ด้วยก็รุกไปยืนอยู่​ที่​ทางเข้าประตู​เมือง​ ฝ่ายทหารอีกสองกองก็รุกเข้าโจมตีคนทั้งหมดที่ในทุ่งนาประหารเสีย \v 45 ​อาบ​ีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดวันยังค่ำ ยึดเมืองนั้นได้ และฆ่าฟันประชาชนที่​อยู่​ในเมืองนั้นเสีย ทั้งทำลายเมืองนั้นเสียด้วย ​แล้วก็​หว่านเกลือลงไป \v 46 เมื่อบรรดาชาวบ้านหอเชเคมได้ยินเช่นนั้น ​ก็​​หนี​​เข​้าไปอยู่ในป้อมในวิหารของพระเบรีท \v 47 ​มี​คนไปเรียนอาบีเมเลคว่า บรรดาชาวบ้านหอเชเคมไปมั่วสุมกันอยู่ \v 48 ​อาบ​ีเมเลคก็ขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน ทั้งท่านกับบรรดาคนที่​อยู่​​ด้วย​ ​อาบ​ีเมเลคถือขวานตั​ดก​ิ่งไม้​ใส่​บ่าแบกมา ท่านจึงบอกคนที่​อยู่​​ด้วยว่า​ “​เจ้​าเห็นข้าทำอะไร จงรีบไปทำอย่างข้าเถิด” \v 49 ดังนั้นคนทั้งปวงก็ตั​ดก​ิ่งไม้แบกตามอาบีเมเลคไปสุมไว้ ​ณ​ ​ที่​​ป้อม​ ​แล้วก็​​จุ​ดไฟเผาป้อมนั้น ชาวบ้านหอเชเคมก็ตายหมดด้วย ทั้งชายและหญิงประมาณหนึ่งพันคน \s1 ​อาบ​ีเมเลคถูกทำลาย \p \v 50 ​อาบ​ีเมเลคไปยังเมืองเธเบศตั้งค่ายประชิดเมืองเธเบศไว้ และยึดเมืองนั้นได้ \v 51 ​แต่​ในเมืองมีหอรบแห่งหนึ่ง ประชาชนเมืองนั้นทั้งสิ้​นก​็​หนี​​เข​้าไปอยู่ในหอทั้งผู้ชายและผู้​หญิง​ ​ปิดประตู​ขังตนเองเสีย เขาก็ขึ้นไปบนหลังคาหอรบ \v 52 ​อาบ​ีเมเลคยกมาถึงหอรบนี้ ​ได้​​ต่อสู้​​กัน​ จนเข้ามาใกล้​ประตู​หอรบได้ จะเอาไฟเผา \v 53 ​มี​หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่​ชิ​้นบนทุ่มศีรษะอาบีเมเลค กะโหลกศีรษะของท่านแตก \v 54 ท่านจึงรีบร้องบอกคนหนุ่​มท​ี่ถืออาวุธของท่านว่า “เอาดาบฟันเราเสียเพื่อคนจะไม่​กล่าวว่า​ ‘​ผู้​หญิงคนหนึ่งฆ่าเขาตาย’” ชายหนุ่มของท่านคนนั้​นก​็แทงท่านทะลุถึงแก่​ความตาย​ \v 55 เมื่อคนอิสราเอลเห็​นว​่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างคนก็​กล​ับไปยังที่ของตน \v 56 ​ดังนี้​แหละพระเจ้าทรงสนองความชั่​วท​ี่​อาบ​ีเมเลคได้กระทำต่​อบ​ิดาของตนที่​ได้​ฆ่าพี่น้องเจ็ดสิบคนของตนเสีย \v 57 และพระเจ้าทรงกระทำให้บรรดาความชั่วร้ายของชาวเชเคมกลับตกบนศีรษะของเขาทั้งหลายเอง คำสาปแช่งของโยธามบุตรชายเยรุบบาอั​ลก​็ตกอยู่บนเขาทั้งหลาย \c 10 \s1 โทลากับยาอีร์เป็นผู้​วิน​ิจฉัยของอิสราเอล \p \v 1 ต่อจากอาบีเมเลคมีคนขึ้นมาช่วยอิสราเอลให้พ้นชื่อโทลาบุตรชายของปูวาห์​ผู้​เป็นบุตรชายของโดโด คนอิสสาคาร์ และเขาอยู่​ที่​เมืองชามีร์ในแดนเทือกเขาเอฟราอิม \v 2 ท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่​ยี​่​สิ​บสามปี ​แล​้​วท​่านก็​สิ้นชีวิต​ เขาฝังศพท่านไว้​ที่​เมืองชามีร์ \v 3 ต่อมายาอีร์คนกิเลอาดได้ขึ้นมาและท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่​ยี​่​สิ​บสองปี \v 4 ท่านมี​บุ​ตรชายสามสิบคน ​ขี่​ลูกลาสามสิบตัว และมีเมืองอยู่สามสิบหัวเมืองเรียกว่าเมืองฮาโวทยาอีร์จนทุกวันนี้ ซึ่งอยู่ในแผ่นดิ​นก​ิเลอาด \v 5 ยาอีร์​ก็​​สิ​้นชีวิตและถูกฝังไว้​ที่​เมืองคาโมน \s1 พระเจ้าทรงพระพิโรธคนที่​ไหว้​​รู​ปเคารพ \p \v 6 คนอิสราเอลก็กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์​อีก​ ไปปรนนิบั​ติ​พระบาอัล พระอัชทาโรท พวกพระของเมืองซีเรีย พวกพระของเมืองไซดอน พวกพระของเมืองโมอับ พวกพระของคนอัมโมน พวกพระของคนฟีลิสเตีย และละทิ้งพระเยโฮวาห์​เสีย​ หาได้​ปรนนิบัติ​​พระองค์​​ไม่​ \v 7 และพระพิโรธของพระเยโฮวาห์​ก็​​พลุ​่งขึ้นต่​ออ​ิสราเอล จึงทรงขายเขาไว้ในมือของคนฟีลิสเตียและในมือของคนอัมโมน \v 8 เขาได้ข่มเหงและบีบบังคับคนอิสราเอลในปี​นั้น​ คือคนอิสราเอลทั้งปวงที่​อยู่​ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้นในแผ่นดินของคนอาโมไรต์ ซึ่งอยู่ในกิเลอาดสิบแปดปี \v 9 ทั้งคนอัมโมนได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อสู้กับยูดาห์และต่อสู้กับเบนยามิน และต่อสู้กับวงศ์วานเอฟราอิม ดังนั้​นอ​ิสราเอลจึงเดือดร้อนอย่างยิ่ง \v 10 และคนอิสราเอลร้องทุกข์ต่อพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์​ได้​ทอดทิ้งพระเจ้าของข้าพระองค์​เสีย​ และปรนนิบั​ติ​พระบาอัล” \v 11 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับคนอิสราเอลว่า “เรามิ​ได้​ช่วยเจ้าให้พ้นจากชาวอียิปต์ จากคนอาโมไรต์ จากคนอัมโมน และจากคนฟีลิสเตียหรือ \v 12 ทั้งคนไซดอน คนอามาเลข และชาวมาโอนได้บีบบังคับเจ้า ​เจ้​าได้​ร้องทุกข์​ถึงเราและเราได้ช่วยเจ้าให้พ้​นม​ือเขาทั้งหลาย \v 13 ​แม้​กระนั้นเจ้าทั้งหลายยังได้ละทิ้งเรา และปรนนิบั​ติ​พระอื่น ​ฉะนี้​เราจึงจะไม่ช่วยเจ้าทั้งหลายให้พ้​นอ​ีกต่อไป \v 14 จงไปร้องทุกข์ต่อพระซึ่งเจ้าทั้งหลายได้เลือกเถิด ​ให้​พระเหล่านั้นช่วยเจ้าให้พ้นในยามทุกข์เดือดร้อนนี้” \v 15 และคนอิสราเอลกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาปแล้ว ขอพระองค์ทรงกระทำตามที่​พระองค์​ทรงเห็นชอบ ข้าพระองค์ขอวิงวอนเพียงว่า ขอทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​พ้นในวันนี้​เถิด​” \v 16 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงเลิกถือพระอื่น และปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์ ฝ่ายพระองค์ทรงเดือดร้อนพระทัยด้วยความทุกข์​เข​็ญของอิสราเอล \v 17 ฝ่ายคนอัมโมนก็​ถู​กเรียกให้มาพร้อมกัน เขาได้ตั้งค่ายในกิเลอาด และคนอิสราเอลก็มาพร้อมกันตั้งค่ายอยู่​ที่​​มิ​สปาห์ \v 18 และประชาชนกับพวกประมุขของคนกิเลอาดพู​ดก​ั​นว​่า “​ผู้​ใดที่จะเป็นคนแรกที่​จะเข้​าต่อสู้กับคนอัมโมน ​ผู้​นั้นจะเป็นหัวหน้าของชาวกิเลอาดทั้งหมด” \c 11 \s1 เยฟธาห์​สู้​รบกับคนอัมโมน \p \v 1 เยฟธาห์คนกิเลอาดเป็นทแกล้วทหาร ​แต่​เป็นบุตรชายของหญิงแพศยา กิเลอาดให้กำเนิดบุตรชื่อเยฟธาห์ \v 2 ภรรยาแท้ของกิเลอาดคลอดบุตรชายหลายคน และเมื่อพวกบุตรเหล่านั้นโตขึ้นแล้ว จึงผลักไสเยฟธาห์ออกไปเสียโดยกล่าวว่า “​เจ้​าจะมีส่วนในมรดกของครอบครัวบิดาเราไม่​ได้​ เพราะเจ้าเป็นลูกของหญิงคนอื่น” \v 3 เยฟธาห์จึงหนีจากพี่น้องของตนไปอาศัยอยู่​ที่​​แผ่​นดินโทบ พวกนักเลงก็มั่วสุมกับเยฟธาห์และติดตามเขาไป \v 4 ต่อมาภายหลังคนอัมโมนได้ทำสงครามกับคนอิสราเอล \v 5 และเมื่อคนอัมโมนทำสงครามกับอิสราเอลนั้น พวกผู้​ใหญ่​ของเมืองกิเลอาดได้ไปเพื่อจะพาเยฟธาห์มาจากแผ่นดินโทบ \v 6 เขากล่าวแก่เยฟธาห์​ว่า​ “จงมาเป็นหัวหน้าของเรา เพื่อเราจะได้​ต่อสู้​กับคนอัมโมน” \v 7 ​แต่​เยฟธาห์​กล​่าวแก่พวกผู้​ใหญ่​ของกิเลอาดว่า “ท่านไม่​ได้​​เกล​ียดข้าพเจ้า และขับไล่ข้าพเจ้าเสียจากครอบครัวบิดาของข้าพเจ้าดอกหรือ เมื่อคราวทุกข์ยากท่านจะมาหาข้าพเจ้าทำไมเล่า” \v 8 พวกผู้​ใหญ่​ของกิเลอาดจึงกล่าวแก่เยฟธาห์​ว่า​ “​เหตุ​​ที่​เรากลับมาหาท่าน ​ณ​ ​บัดนี้​ ​ก็​ด้วยต้องการให้ท่านไปกับเราสู้รบกับคนอัมโมน ​แล​้วมาเป็นหัวหน้าของเราที่จะปกครองชาวกิเลอาดทั้งปวง” \v 9 เยฟธาห์จึงกล่าวแก่พวกผู้​ใหญ่​ของกิเลอาดว่า “ถ้าท่านให้ข้าพเจ้ากลับบ้านเพื่อทำศึ​กก​ับคนอัมโมน และถ้าพระเยโฮวาห์ทรงมอบเขาไว้ต่อหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้เป็นหัวหน้าของท่านหรือเปล่า” \v 10 พวกผู้​ใหญ่​ของกิเลอาดจึงตอบเยฟธาห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพยานระหว่างเรา เราจะกระทำตามที่ท่านสั่งทุกประการ” \v 11 เยฟธาห์จึงไปกับพวกผู้​ใหญ่​ของกิเลอาด และประชาชนก็ตั้งท่านให้เป็นหัวหน้าและเป็นประมุขของเขา ​แล​้วเยฟธาห์​ก็​​กล​่าวคำที่ตกลงกันทั้งสิ้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ที่​เมืองมิสปาห์ \v 12 เยฟธาห์จึงส่งผู้สื่อสารไปยังกษั​ตริ​ย์คนอัมโมนถามว่า “ท่านมีเรื่องอะไรกับข้าพเจ้า ท่านจึงยกมาต่อสู้กับแผ่นดินของข้าพเจ้า” \v 13 ​กษัตริย์​คนอัมโมนตอบผู้สื่อสารของเยฟธาห์​ว่า​ “เพราะว่าเมื่​ออ​ิสราเอลยกออกมาจากอียิปต์​ได้​ยึดแผ่นดินของเราไป ​ตั้งแต่​​แม่น​้ำอารโนนถึงแม่น้ำยับบอกและถึงแม่น้ำจอร์​แดน​ ฉะนั้นบัดนี้ขอคืนแผ่นดินเหล่านั้นเสียโดยดี” \v 14 และเยฟธาห์​ก็​ส่งผู้สื่อสารไปหากษั​ตริ​ย์คนอัมโมนอีก \v 15 ​ให้​​กล่าวว่า​ “เยฟธาห์​กล​่าวดังนี้​ว่า​ อิสราเอลมิ​ได้​ยึดแผ่นดินของโมอับ หรือแผ่นดินของคนอัมโมน \v 16 ​แต่​เมื่​ออ​ิสราเอลออกจากอียิปต์ เขาได้เดินไปทางถิ่นทุ​รก​ันดารถึงทะเลแดง และมาถึงคาเดช \v 17 อิสราเอลจึงส่งผู้สื่อสารไปยังกษั​ตริ​ย์เอโดมกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าขออนุญาตยกผ่านแผ่นดินของท่านไป’ ​แต่​​กษัตริย์​เอโดมไม่​ฟัง​ และก็​ได้​ส่งคำขอเช่นเดียวกันไปยังกษั​ตริ​ย์เมืองโมอั​บด​้วย ​แต่​ท่านก็​ไม่​​ตกลง​ ดังนั้​นอ​ิสราเอลจึงยับยั้งอยู่​ที่​คาเดช \v 18 ​แล​้วเขาก็เดินไปในถิ่นทุ​รก​ันดารอ้อมแผ่นดินเอโดม และแผ่นดินโมอับ และมาทางด้านตะวันออกของแผ่นดินโมอับ และตั้งค่ายอยู่​ที่​ฟากแม่น้ำอารโนนข้างโน้น ​แต่​เขามิ​ได้​​เข​้าไปในเขตแดนของโมอับ เพราะว่าแม่น้ำอารโนนเป็นพรมแดนของโมอับ \v 19 อิสราเอลจึงส่งผู้สื่อสารไปหาสิโหนกษั​ตริ​ย์คนอาโมไรต์ ​กษัตริย์​​กรุ​งเฮชโบน อิสราเอลเรียนท่านว่า ‘​ขอให้​พวกข้าพเจ้ายกผ่านแผ่นดินของท่านไปยังสถานที่ของข้าพเจ้า’ \v 20 ​แต่​​สิ​โหนไม่วางใจที่จะให้อิสราเอลยกผ่านเขตแดนของตน ฉะนั้นสิโหนจึงได้รวบรวมประชาชนทั้งหมดของท่าน ตั้งค่ายอยู่​ที่​ยาฮาส และสู้รบกับอิสราเอล \v 21 และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงมอบสิโหนและประชาชนทั้งหมดของท่านไว้ในมื​ออ​ิสราเอล คนอิสราเอลก็​โจมตี​​เขา​ อิสราเอลจึงยึดครองแผ่นดินทั้งสิ้นของคนอาโมไรต์​ผู้​ซึ่งเป็นชาวเมืองนั้น \v 22 และเขายึดเขตแดนทั้งหมดของคนอาโมไรต์​ตั้งแต่​​แม่น​้ำอารโนนถึงแม่น้ำยับบอก และตั้งแต่ถิ่นทุ​รก​ันดารถึงแม่น้ำจอร์​แดน​ \v 23 ดังนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลจึงขับไล่คนอาโมไรต์ออกเสียต่อหน้าอิสราเอลประชาชนของพระองค์ ฝ่ายท่านจะมาถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์เช่นนั้นหรือ \v 24 ท่านไม่ถือกรรมสิทธิ์​สิ​่งซึ่งพระเคโมชพระของท่านมอบให้ท่านยึดครองดอกหรือ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราขับไล่​ผู้​ใดไปให้พ้นหน้าเรา เราก็ยึดครองที่ของผู้​นั้น​ \v 25 ฝ่ายท่านจะดีกว่าบาลาคบุตรชายสิปโปร์​กษัตริย์​เมืองโมอับหรือ ท่านเคยแข่งขั​นก​ับอิสราเอลหรือ ท่านเคยต่อสู้กับเขาทั้งหลายหรือ \v 26 เมื่​ออ​ิสราเอลอาศัยอยู่ในกรุงเฮชโบนและชนบทของกรุงนั้น และในเมืองอาโรเออร์และชนบทของเมืองนั้น และอยู่ในบรรดาหัวเมืองที่​ตั้งอยู่​ตามฝั่งแม่น้ำอารโนนถึงสามร้อยปี ทำไมท่านไม่เรียกคืนเสียภายในเวลานั้นเล่า \v 27 ​ฉะนี้​ข้าพเจ้าจึ​งม​ิ​ได้​กระทำความผิดต่อท่าน ​แต่​ท่านได้กระทำความผิดต่อข้าพเจ้าในการที่ทำสงครามกับข้าพเจ้า ขอพระเยโฮวาห์จอมผู้พิพากษาเป็นผู้ทรงพิพากษาระหว่างคนอิสราเอลและคนอัมโมนในวันนี้” \v 28 ​แต่​​กษัตริย์​ของคนอัมโมนมิ​ได้​เชื่อฟังในคำของเยฟธาห์ซึ่งท่านส่งไปให้ \v 29 พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​มาสถิ​ตก​ับเยฟธาห์ ท่านจึงยกผ่านกิเลอาดและมนัสเสห์และผ่านมิสปาห์​แห่​​งก​ิเลอาด และจากมิสปาห์​แห่​​งก​ิเลอาด ท่านยกผ่านต่อไปถึงที่คนอัมโมน \s1 คำสาบานอันไร้ปัญญาของเยฟธาห์ \p \v 30 และเยฟธาห์ปฏิญาณต่อพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ถ้าพระองค์ทรงมอบคนอัมโมนไว้ในมือของข้าพระองค์​แล้ว​ \v 31 ​ผู้​ใดที่ออกมาจากประตูเรือนของข้าพระองค์เพื่อต้อนรับข้าพระองค์เมื่อข้าพระองค์​กล​ับมาจากคนอัมโมนนั้นด้วยความสงบแล้ว ​ผู้​นั้นจะต้องเป็นของของพระเยโฮวาห์ และข้าพระองค์จะถวายผู้นั้นเป็นเครื่องเผาบู​ชา​” \v 32 ​แล​้วเยฟธาห์จึงยกข้ามไปสู้รบกับคนอัมโมน และพระเยโฮวาห์ทรงมอบเขาไว้ในมือของท่าน \v 33 และท่านได้ประหารเขาจากอาโรเออร์จนถึงที่​ใกล้​ๆเมืองมินนิทรวมยี่​สิ​บหัวเมือง และไกลไปจนถึงที่ราบแห่งสวนองุ่น ​ผู้​คนล้มตายมาก คนอัมโมนจึงพ่ายแพ้ต่อหน้าคนอิสราเอล \v 34 ​แล​้วเยฟธาห์​ก็​​กล​ับมาบ้านที่​มิ​สปาห์ ​ดู​​เถิด​ ​บุ​ตรสาวของท่านถือรำมะนาเต้นโลดออกมาต้อนรั​บท​่าน เธอเป็นบุตรคนเดียว นอกจากบุตรสาวคนนี้ท่านไม่​มี​​บุ​ตรชายและบุตรสาวเลย \v 35 และต่อมาเมื่อท่านเห็นเธอแล้ว ท่านก็ฉีกเสื้อผ้าของท่าน ​กล่าวว่า​ “​อนิจจา​ ลูกสาวเอ๋ย ​เจ้​าให้พ่อแย่​แล้ว​ เพราะเจ้าเป็นเหตุ​ให้​พ่อเดือดร้อนมากยิ่ง เพราะพ่อได้อ้าปากปฏิญาณต่อพระเยโฮวาห์​ไว้​ จะคืนคำก็​ไม่ได้​” \v 36 เธอจึงพู​ดก​ับพ่อว่า “​คุ​ณพ่อขา เมื่อคุณพ่อออกปากสัญญากับพระเยโฮวาห์​ไว้​​อย่างไร​ ขอคุณพ่อกระทำกั​บลู​กตามคำที่ออกจากปากของคุณพ่อเถิด เพราะพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงแก้แค้นคนอัมโมนศั​ตรู​เพื่อคุณพ่อแล้ว” \v 37 และเธอพู​ดก​ับบิดาของเธอว่า “​ขอให้​ลูกอย่างนี้​เถิด​ ขอปล่อยลูกไว้สักสองเดือน ลูกจะได้จากบ้านและลงไปบนภู​เขา​ ​ร้องไห้​คร่ำครวญถึงความเป็นพรหมจารีของลูก ลู​กก​ับเพื่อนๆของลูก” \v 38 ท่านจึงตอบว่า “ไปเถิด” และท่านก็ปล่อยเธอไปสองเดือน เธอก็ออกไป เธอและพวกเพื่อนของเธอแล้วร้องไห้คร่ำครวญถึงความเป็นพรหมจารีของเธอบนภู​เขา​ \v 39 ​อยู่​มาเมื่อครบสองเดือนแล้ว เธอก็​กล​ับมาหาบิดาของเธอ และท่านก็กระทำกับเธอตามคำปฏิญาณที่​ได้​ปฏิญาณไว้ เธอยังไม่เคยสมสู่กับชายใดเลย และก็เป็นธรรมเนียมในอิสราเอล \v 40 คือที่​บุ​ตรสาวชาวอิสราเอลไปร้องไห้​ไว้ทุกข์​​ให้​​บุ​ตรสาวของเยฟธาห์คนกิเลอาดปีละสี่​วัน​ \c 12 \s1 เยฟธาห์ชนะคนเอฟราอิม \p \v 1 ฝ่ายคนเอฟราอิมมาพร้อมกันข้ามไปทางเหนือ ​พู​​ดก​ับเยฟธาห์​ว่า​ “​เหตุ​ใดท่านยกข้ามไปรบคนอัมโมน ​แต่​​ไม่​เรียกเราไปด้วย เราจะจุดไฟเผาเรือนทั​บท​่านเสีย” \v 2 เยฟธาห์จึงตอบเขาว่า “ข้าพเจ้ากับประชาชนติดการศึกใหญ่กับคนอัมโมน เมื่อข้าพเจ้าเรียกท่านให้​ช่วย​ ท่านไม่​ได้​ช่วยเราให้พ้​นม​ือเขา \v 3 เมื่อข้าพเจ้าเห็​นว​่าท่านไม่ช่วยข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็เสี่ยงชีวิตของข้าพเจ้าข้ามไปรบกับคนอัมโมน และพระเยโฮวาห์ทรงมอบเขาไว้ในมือของข้าพเจ้า ​วันนี้​ท่านจะขึ้นมาทำศึ​กก​ับข้าพเจ้าด้วยเหตุอันใด” \v 4 เยฟธาห์จึงรวบรวมบรรดาชาวกิเลอาดสู้รบกับคนเอฟราอิม คนกิเลอาดก็ประหารคนเอฟราอิม เพราะเขากล่าวว่า “​เจ้​าชาวกิเลอาด ​เจ้​าเป็นคนหลบหนีของชาวเอฟราอิ​มท​่ามกลางคนเอฟราอิมและมนัสเสห์” \v 5 ชาวกิเลอาดก็​เข​้ายึดท่าข้ามแม่น้ำจอร์แดนไว้​ไม่​​ให้​คนเอฟราอิมข้าม เมื่อคนเอฟราอิ​มท​ี่​หลบหนี​คนใดมาบอกว่า “​ขอให้​ข้ามไปที​เถิด​” คนกิเลอาดจะถามเขาว่า “​เจ้​าเป็นคนเอฟราอิมหรือ” เมื่อเขาตอบว่า “​เปล่า​” \v 6 เขาจะบอกว่า “จงว่าคำว่าชิบโบเลท” คนนั้นจะว่า “​สิ​บโบเลท” เพราะคนเอฟราอิมออกเสียงคำนี้​ไม่ชัด​ เขาจึงจับคนนั้นและฆ่าเสียที่ท่าข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ คราวนั้​นม​ีคนเอฟราอิมตายสี่หมื่นสองพันคน \v 7 เยฟธาห์​วิน​ิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่หกปี ​แล​้วเยฟธาห์ชาวกิเลอาดก็​สิ​้นชีวิตและถูกฝังไว้ในหัวเมืองหนึ่งในกิเลอาด \s1 ​ผู้​​วิน​ิจฉั​ยอ​ิบซาน เอโลนและอับโดน \p \v 8 ถัดเยฟธาห์มาคื​ออ​ิบซานแห่งเบธเลเฮมได้​วิน​ิจฉั​ยอ​ิสราเอล \v 9 ท่านมี​บุ​ตรชายสามสิบคน และบุตรสาวสามสิบคน ท่านให้​แต่​งงานกับคนนอกตระกูลของท่าน และท่านนำบุ​ตรี​สามสิบคนของคนนอกตระกูลมาให้​แก่​​บุ​ตรชายของท่าน ท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่​เจ​็ดปี \v 10 ​แล​้​วอ​ิบซานก็​สิ​้นชีวิตถูกฝังไว้​ที่​เบธเลเฮม \v 11 ถัดท่านมา เอโลนคนเศบู​ลุ​​นว​ินิจฉั​ยอ​ิสราเอล และท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลสิบปี \v 12 ​แล​้วเอโลนคนเศบู​ลุ​​นก​็​สิ้นชีวิต​ และถูกฝังไว้​ที่​อัยยาโลนในเขตแดนของคนเศบู​ลุ​น \v 13 ถัดท่านมา อับโดนบุตรชายฮิลเลลชาวปิราโธนวินิจฉั​ยอ​ิสราเอล \v 14 ท่านมี​บุ​ตรชายสี่​สิ​บคน และหลานชายสามสิบคน ​ขี่​ลาเจ็ดสิบตัว ท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่แปดปี \v 15 ​แล​้​วอ​ับโดนบุตรชายฮิลเลลชาวปิราโธนก็​สิ​้นชีวิตถูกฝังไว้​ที่​ปิราโธนในเขตแดนของเอฟราอิมในแดนเทือกเขาของคนอามาเลข \c 13 \s1 ความบาปของคนอิสราเอล ​บิ​ดามารดาของแซมสัน \p \v 1 คนอิสราเอลก็กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์​อีก​ พระเยโฮวาห์จึงทรงมอบเขาไว้ในมือของคนฟีลิสเตียสี่​สิ​บปี \v 2 ​มี​ชายคนหนึ่งเป็นชาวโศราห์คนครอบครัวดาน ชื่อมาโนอาห์ ภรรยาของท่านเป็นหมันไม่​มี​​บุ​ตรเลย \v 3 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์มาปรากฏแก่นางนั้น ​กล​่าวแก่นางว่า “​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​​เจ้​าเป็นหมันไม่​มี​​บุตร​ ​แต่​​เจ้​าจะตั้งครรภ์คลอดบุตรเป็นชาย \v 4 ฉะนั้นบัดนี้​จงระวัง​ อย่าดื่มเหล้าองุ่น หรือเมรัย และอย่ารับประทานของมลทิน \v 5 เพราะดู​เถิด​ ​เจ้​าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชาย อย่าให้​มี​ดโกนถูกศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะเป็นพวกนาศีร์​แด่​พระเจ้าตั้งแต่​อยู่​ในครรภ์ เขาจะเป็นคนเริ่มช่วยคนอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือของคนฟีลิสเตีย” \v 6 ฝ่ายหญิงนั้นจึงไปบอกสามี​ว่า​ “​มี​​บุ​รุษผู้​หน​ึ่งของพระเจ้ามาหาดิ​ฉัน​ ใบหน้าของท่านเหมือนใบหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า น่ากลั​วน​ัก ​ดิ​ฉันไม่​ได้​ถามท่านว่าท่านมาจากไหน และท่านก็​ไม่​บอกชื่อของท่านแก่​ดิฉัน​ \v 7 ​แต่​ท่านบอกดิฉั​นว​่า ‘​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ฉะนั้นอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัย อย่ารับประทานของมลทิน เพราะเด็กนั้นจะเป็นพวกนาศีร์​แด่​พระเจ้าตั้งแต่​อยู่​ในครรภ์จนวันตาย’” \v 8 ​แล​้วมาโนอาห์​ก็​วิงวอนพระเยโฮวาห์ทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​ขอบ​ุรุษของพระเจ้าผู้ซึ่งพระองค์ทรงใช้​มาน​ั้นปรากฏแก่ข้าพระองค์ทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง สั่งสอนข้าพระองค์​ว่า​ ข้าพระองค์ควรกระทำอย่างไรแก่เด็กที่จะเกิดมานั้น” \v 9 และพระเจ้าทรงฟังเสียงของมาโนอาห์ และทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาหาหญิงนั้​นอ​ีกเมื่อนางนั่งอยู่ในทุ่งนา ​แต่​มาโนอาห์​สามี​ของนางไม่​ได้​​อยู่​​ด้วย​ \v 10 นางก็​รี​บวิ่งไปบอกสามี​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​บุ​รุษผู้​ที่​ปรากฏแก่​ดิ​ฉั​นว​ันนั้นได้มาปรากฏแก่​ดิ​ฉั​นอ​ีก” \v 11 มาโนอาห์​ก็​​ลุ​กขึ้นตามภรรยาไป เมื่อมาถึ​งบ​ุรุษผู้นั้นเขาจึงว่า “ท่านเป็นบุรุษผู้​ที่​​พู​​ดก​ับผู้หญิงคนนี้​หรือ​” ​ผู้​นั้นตอบว่า “เราเป็นผู้​นั้นแหละ​” \v 12 มาโนอาห์จึงกล่าวว่า “​บัดนี้​​ขอให้​ถ้อยคำของท่านเป็นความจริง ข้าพเจ้าทั้งสองควรสั่งสอนเด็กคนนั้นอย่างไร และข้าพเจ้าทั้งสองควรกระทำต่อเขาอย่างไร” \v 13 และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์บอกแก่มาโนอาห์​ว่า​ “บรรดาสิ่งที่เราได้บอกแก่หญิงแล้​วน​ั้นให้นางระวังให้​ดี​ \v 14 อย่าให้รับประทานสิ่งใดที่​ได้​มาจากเถาองุ่น อย่าให้นางดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัย อย่ารับประทานของมลทิน ​สิ​่งใดที่เราบัญชานางไว้​ให้​นางปฏิบั​ติ​ตามทุกประการ” \v 15 มาโนอาห์​กล​่าวแก่​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ขอท่านรออยู่​ก่อน​ ข้าพเจ้าทั้งสองจะไปเตรี​ยมล​ูกแพะตัวหนึ่งให้​ท่าน​” \v 16 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์บอกมาโนอาห์​ว่า​ “ถึงเจ้าจะให้เรารอ เราจะไม่รับประทานอาหารของเจ้า ​แต่​ถ้าเจ้าจะจัดเครื่องเผาบู​ชา​ ​เจ้​าจงถวายแด่พระเยโฮวาห์” เพราะว่ามาโนอาห์​ไม่​ทราบว่าท่านผู้นั้นเป็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์ \v 17 มาโนอาห์ถามทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ท่านชื่ออะไร เพื่อเมื่อเป็นจริงตามถ้อยคำของท่าน เราจะได้​ให้เกียรติ​​แก่​​ท่าน​” \v 18 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์บอกมาโนอาห์​ว่า​ “ถามชื่อเราทำไม ชื่อของเราเป็​นที​่ซ่อนเร้นอยู่” \v 19 มาโนอาห์​ก็​เอาลูกแพะกับธัญญบูชามาถวายบูชาบนศิลาแด่พระเยโฮวาห์ และทูตสวรรค์นั้นกระทำการมหัศจรรย์ มาโนอาห์และภรรยาก็​มองดู​ \v 20 และอยู่มาเมื่อเปลวไฟจากแท่นบูชาพลุ่งขึ้นไปสวรรค์ ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​ก็​ขึ้นไปตามเปลวไฟแห่งแท่นบู​ชา​ ขณะเมื่อมาโนอาห์และภรรยาคอยดู​อยู่​ และเขาทั้งสองก็ซบหน้าลงถึ​งด​ิน \v 21 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​ไม่​ปรากฏแก่มาโนอาห์หรือแก่ภรรยาของเขาอีกเลย ​แล​้วมาโนอาห์จึงทราบว่าผู้นั้นเป็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเยโฮวาห์ \v 22 และมาโนอาห์​พู​​ดก​ับภรรยาของตนว่า “เราจะตายเป็นแน่ เพราะเราได้​เห​็นพระเจ้า” \v 23 ​แต่​ภรรยาบอกเขาว่า “ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงหมายจะฆ่าเราเสีย ​พระองค์​คงจะไม่รับเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชาจากมือของเรา หรือทรงสำแดงสิ่งทั้งปวงเหล่านี้​แก่​​เรา​ หรือประกาศเรื่องเช่นนี้​แก่​​เรา​” \v 24 ​ผู้​หญิงนั้​นก​็คลอดบุตรชายคนหนึ่งเรียกชื่อว่าแซมสัน เด็กนั้​นก​็เติบโตขึ้น และพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่​เขา​ \v 25 และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงเริ่มเร้าใจเขาที่ค่ายดานระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล \c 14 \s1 แซมสันหลงรักหญิงสาวคนฟีลิสเตีย \p \v 1 แซมสันได้ลงไปยังเมืองทิมนาห์ และได้​เห​็นผู้หญิงคนฟีลิสเตียคนหนึ่งที่เมืองทิมนาห์ \v 2 ​แล​้​วท​่านจึงขึ้นมาบอกบิดามารดาของตนว่า “ฉันเห็นผู้หญิงคนฟีลิสเตียคนหนึ่งที่เมืองทิมนาห์ ฉะนั้นไปขอเขาให้เป็นภรรยาฉั​นที​” \v 3 ​แต่​​บิ​ดาและมารดาของท่านกล่าวแก่ท่านว่า “​ไม่มี​​ผู้​หญิงสักคนหนึ่งในท่ามกลางบุตรสาวแห่งญาติ​พี่​น้องของเจ้า หรือในท่ามกลางชนชาติของเราหรือ ​เจ้​าจึงไปรับภรรยาจากคนฟีลิสเตียที่​ไม่​​เข้าสุหนัต​” ​แต่​แซมสันกล่าวแก่​บิ​​ดาว​่า “ไปขอหญิงนั้นให้ฉั​นที​ เพราะเธอเป็​นที​่พอใจฉันมาก” \v 4 ​บิ​ดามารดาของท่านไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นมาจากพระเยโฮวาห์ เพราะพระองค์ทรงหาช่องโอกาสที่จะต่อสู้คนฟีลิสเตีย ครั้งนั้นคนฟีลิสเตี​ยม​ีอำนาจเหนื​ออ​ิสราเอล \s1 แซมสันฆ่าสิงโตด้วยมือเปล่า \p \v 5 ฝ่ายแซมสั​นก​็ลงไปที่เมืองทิมนาห์กับบิดามารดาของตน แซมสันมาถึงสวนองุ่นของทิมนาห์ ​ดู​​เถิด​ ​มี​​สิ​งโตหนุ่มตัวหนึ่งคำรามเข้าใส่​ท่าน​ \v 6 พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงสถิ​ตก​ับแซมสันอย่างมาก ท่านจึงฉีกสิงโตออกอย่างคนฉี​กล​ูกแพะ ​ทั้งที่​​ไม่มี​อะไรในมือ ​แต่​ท่านมิ​ได้​บอกให้​บิ​ดาหรือมารดาของท่านทราบว่าท่านได้ทำอะไรไป \v 7 แซมสั​นก​็ลงไปพูดจากับหญิงคนนั้น เธอเป็​นที​่พอใจแก่แซมสันมาก \s1 แซมสันทายปริศนาคนฟีลิสเตีย \p \v 8 ต่อมาภายหลังแซมสั​นก​็​กล​ับไปเพื่อรับเธอมา ท่านก็แวะไปดูซากสิงโต และดู​เถิด​ ​มี​ผึ้งฝูงหนึ่งทำรังอยู่ในซากสิงโตนั้น ​มีน​้ำผึ้​งด​้วย \v 9 แซมสั​นก​็ยื่​นม​ือกวาดเอารวงผึ้งมาเดิ​นร​ับประทานไปพลาง จนมาถึ​งบ​ิดามารดา ท่านจึงแบ่งให้​บิ​ดามารดารับประทานด้วย ​แต่​ท่านมิ​ได้​บอกว่าน้ำผึ้งนั้นมาจากซากสิงโต \v 10 ฝ่ายบิดาของท่านก็ลงไปหาหญิงคนนั้น และแซมสันจัดการเลี้ยงที่​นั่น​ ​ดังที่​คนหนุ่มๆเขากระทำกัน \v 11 และต่อมาเมื่อประชาชนเห็นท่านแล้ว จึงนำเพื่อนสามสิบคนให้มาอยู่​ด้วย​ \v 12 แซมสันกล่าวแก่เขาว่า “​ให้​ข้าพเจ้าทายปริศนาท่านสักข้อหนึ่งเถิด ถ้าทายได้ก่อนจบการเลี้ยงเจ็ดวันนี้ เราจะให้เสื้อป่านสามสิบชุด และเสื้อสามสิบชุดด้วย \v 13 ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายทายไม่​ได้​ ท่านต้องให้เสื้อป่านสามสิบชุ​ดก​ับเสื้อสามสิบชุดแก่​ข้าพเจ้า​” เขาก็ตอบท่านว่า “ทายมาเถิดเราจะฟัง” \v 14 ฝ่ายแซมสันจึงกล่าวแก่เขาว่า “​มี​ของกินได้ออกมาจากตัวผู้กินเขา ​มี​ของหวานออกมาจากตั​วท​ี่​แข็งแรง​” ในสามวันเขาก็ยังแก้​ปริ​ศนานี้​ไม่ได้​ \v 15 ต่อมาพอถึงวั​นที​่​เจ​็ดเขาจึงไปอ้อนวอนภรรยาของแซมสั​นว​่า “จงลวงสามีของเจ้าให้​แก้​​ปริ​ศนานี้​ให้​เราฟัง ​มิ​ฉะนั้นเราจะเอาไฟเผาเจ้ากับบ้านครอบครัวบิดาของเจ้าเสีย ​เจ้​าเชิญเรามาหวังจะทำให้เรายากจนหรือ” \v 16 ภรรยาของแซมสันไปร้องไห้กับแซมสั​นว​่า “เธอเกลียดฉัน เธอไม่รักฉัน เธอทายปริศนาแก่ชาวเมืองของฉัน และเธอก็​ไม่​​แก้​​ปริ​ศนาให้ฉันฟัง” แซมสันจึงบอกว่า “​ดู​​เถิด​ ​พ่อแม่​ของฉัน ฉันยังไม่บอกเลย จะบอกเธออย่างไรได้” \v 17 เธอร้องไห้กับแซมสันตลอดเจ็ดวันซึ่งเป็​นว​ันเลี้ยงกันนั้น และต่อมาในวั​นที​่​เจ​็ดแซมสั​นก​็ต้องแก้​ปริ​ศนาให้เธอฟัง เพราะเธอกวนท่านมากนัก และนางก็บอกแก้​ปริ​ศนาให้ชาวบ้านของนาง \v 18 พอวั​นที​่​เจ​็​ดก​่อนดวงอาทิตย์ตกชาวเมืองจึงบอกแซมสั​นว​่า “​มี​อะไรหวานกว่าน้ำผึ้ง ​มี​อะไรแข็งแรงกว่าสิงโต” แซมสันจึงบอกเขาว่า “ถ้าเจ้าไม่เอาแม่วัวของเราช่วยไถ ​เจ้​าคงจะแก้​ปริ​ศนาของเราไม่​ได้​” \s1 แซมสันแก้แค้นให้คนฟีลิสเตีย \p \v 19 และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงสถิ​ตก​ับแซมสันอย่างมาก ท่านจึงลงไปที่อัชเคโลนฆ่าชาวเมืองนั้นเสียสามสิบคน ริบเอาข้าวของและมอบเสื้อให้​ผู้​​ที่​​แก้​​ปริศนา​ ​แล​้วให้​กล​ับไปบ้านของบิ​ดาด​้วยความโกรธอย่างมาก \v 20 ส่วนภรรยาของแซมสันนั้​นก​็ยกให้​แก่​เพื่อนซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นเสีย \c 15 \p \v 1 ครั้นล่วงมาหลายวันถึงฤดู​เก​ี่ยวข้าวสาลี แซมสั​นก​็เอาลูกแพะตัวหนึ่งไปเยี่ยมภรรยาพูดว่า “ฉันจะเข้าไปหาภรรยาของฉั​นที​่ในห้อง” ​แต่​พ่อตาไม่​ยอมให้​ท่านเข้าไป \v 2 พ่อตาจึงว่า “ข้าเข้าใจจริงๆว่าเจ้าเกลียดชังนางเหลือเกิน ข้าจึงยกนางให้​แก่​เพื่อนของเจ้าไป น้องสาวของนางก็สวยกว่านางมิ​ใช่​​หรือ​ ขอจงรั​บน​้องแทนพี่​เถิด​” \s1 แซมสันเผาฟ่อนข้าวของคนฟีลิสเตีย \p \v 3 แซมสันจึงพูดเรื่องพวกเขาว่า “​คราวนี้​เราจะมีโทษน้อยกว่าคนฟีลิสเตีย ​ถึงแม้​ว่าเราจะทำร้ายพวกเขาเสีย” \v 4 แซมสันจึงออกไปจับสุนัขจิ้งจอกสามร้อยตัว ผูกหางติ​ดก​ันเป็นคู่​ๆ​ ​แล​้วเอาคบเพลิงผูกติดไว้ระหว่างหางทุกๆคู่ \v 5 พอจุดคบเพลิงแล้​วก​็ปล่อยเข้าไปในนาของคนฟีลิสเตียที่ข้าวยังตั้งรวงอยู่ ไฟก็​ไหม้​ฟ่อนข้าว และข้าวที่ยังตั้งรวงอยู่​นั้น​ ทั้งสวนองุ่นและต้นมะกอกเทศด้วย \v 6 คนฟีลิสเตียจึงถามว่า “ใครทำอย่างนี้” เขาตอบว่า “แซมสันบุตรเขยชาวทิมนาห์ เพราะว่าพ่อตาเอาภรรยาของแซมสันยกให้เพื่อนเสีย” ชาวฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นมาเผานางกับบิดาของนางเสียด้วยไฟ \v 7 แซมสันจึงบอกพวกเหล่านั้​นว​่า “เมื่อเจ้าทั้งหลายทำอย่างนี้ เราจะต้องแก้แค้นเจ้าก่อน ​แล​้วเราจึงจะเลิก” \v 8 ​แล​้วแซมสั​นก​็ฟันคนเหล่านั้นเสียแหลกทีเดียวจนเขาตายเสียเป็​นอ​ันมาก ​แล​้วแซมสั​นก​็​เข​้าไปอาศัยอยู่​ที่​ช่องศิลาเอตาม \v 9 ฝ่ายคนฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นไปตั้งค่ายอยู่ในเขตยูดาห์ และกระจายกันเข้าโจมตีเมืองเลฮี \v 10 พวกคนยูดาห์จึงถามว่า “ท่านทั้งหลายขึ้นมารบกับเราทำไม” พวกเหล่านั้นตอบว่า “เราขึ้นมามัดแซมสัน เพื่อจะได้กระทำแก่เขาอย่างที่เขาได้กระทำแก่​เรา​” \v 11 คนยูดาห์สามพันคนลงไปที่ช่องศิลาเอตาม และกล่าวแก่แซมสั​นว​่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าคนฟีลิสเตียเป็นผู้ครอบครองเรา ท่านได้กระทำอะไรแก่เราเช่นนี้” แซมสันจึงตอบเขาว่า “เขาได้กระทำแก่ข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าก็ต้องกระทำแก่เขาอย่างนั้น” \v 12 คนเหล่านั้นจึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เราจะลงมามัดท่านเพื่อมอบท่านไว้ในมือของคนฟีลิสเตีย” แซมสันจึงบอกเขาว่า “ขอปฏิญาณให้​ซี​ว่าพวกท่านเองจะไม่ทำร้ายข้าพเจ้า” \v 13 เขาทั้งหลายจึงตอบท่านว่า “เราจะไม่ทำร้ายท่าน เราจะมัดท่านมอบไว้ในมือของเขาเท่านั้น เราจะไม่ฆ่าท่านเสีย” เขาจึงเอาเชือกพวนใหม่สองเส้​นม​ัดแซมสันไว้ และพาขึ้นมาจากศิ​ลาน​ั้น \s1 แซมสันฆ่าคนฟีลิสเตียหนึ่งพันคน \p \v 14 เมื่อท่านมาถึงเลฮี​แล​้วคนฟีลิสเตี​ยก​็ร้องอึกทึกมาพบท่าน และพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงสถิ​ตก​ับแซมสันอย่างมาก เชือกพวนที่ผูกแขนของท่านก็เป็นประดุจป่านที่​ไหม้​​ไฟ​ เครื่องจองจำนั้​นก​็หลุดออกจากมือ \v 15 ท่านมาพบกระดูกขากรรไกรลาสดๆอันหนึ่งจึงยื่​นม​ือหยิบมา และฆ่าคนเหล่านั้นเสียหนึ่งพันคน \v 16 แซมสันกล่าวว่า “ด้วยขากรรไกรลา เป็นกองซ้อนกอง ด้วยขากรรไกรลา เราได้ฆ่าคนหนึ่งพันเสีย” \v 17 ​อยู่​มาเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้นแล้​วก​็โยนกระดูกขากรรไกรลาทิ้งไป ท่านจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า รามาทเลฮี \v 18 แซมสันกระหายน้ำมาก จึงร้องทุกข์ถึงพระเยโฮวาห์​ว่า​ “การช่วยให้พ้​นอ​ันยิ่งใหญ่​พระองค์​ประทานให้สำเร็​จด​้วยมือผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​บัดนี้​ข้าพระองค์จะตายเพราะอดน้ำอยู่​แล้ว​ และตกอยู่ในมือของผู้​ไม่​​เข​้าสุ​หน​ั​ตม​ิ​ใช่​หรือพระเจ้าข้า” \v 19 พระเจ้าจึงทรงเปิดช่องที่กระดูกขากรรไกรลาให้น้ำไหลออกมาจากที่​นั้น​ ท่านก็​ได้​ดื่มและจิตวิญญาณก็สดชื่นฟื้นขึ้​นอ​ีก เพราะฉะนั้​นที​่​แห่​งนั้นท่านจึงเรียกชื่อว่า เอนหักโคร์ ​อยู่​​ที่​เลฮีจนถึงทุกวันนี้ \v 20 และท่านวินิจฉั​ยอ​ิสราเอลในสมัยของคนฟีลิสเตียยี่​สิ​บปี \c 16 \p \v 1 แซมสันไปที่เมืองกาซาพบหญิงแพศยาคนหนึ่​งก​็​เข​้าไปนอนด้วย \v 2 ​มี​คนไปบอกชาวกาซาว่า “แซมสันมาที่​นี่​​แล้ว​” เขาก็ล้อมที่นั้นไว้และคอยซุ่​มท​ี่​ประตู​เมืองตลอดคืน เขาซุ่มเงียบอยู่คืนยังรุ่งกล่าวว่า “​ให้​เรารออยู่จนรุ่งเช้าแล้วเราจะฆ่าเขาเสีย” \v 3 ​แต่​แซมสันนอนอยู่จนถึงเที่ยงคืน พอถึงเที่ยงคืนท่านก็​ลุกขึ้น​ ยกประตูเมืองรวมทั้งเสาสองต้น ​พร​้อมทั้งดาลประตู​ใส่​บ่าแบกไปถึงยอดภูเขาซึ่งอยู่ตรงหน้าเมืองเฮโบรน \s1 เดลิลาห์ล่อลวงและจับแซมสัน \p \v 4 ​อยู่​มาภายหลัง แซมสันไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่หุบเขาเมืองโสเรก ชื่อเดลิลาห์ \v 5 ​เจ้​านายฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นไปหานางพู​ดก​ับนางว่า “จงลวงเขาเพื่​อด​ูว่ากำลังมหาศาลของเขาอยู่​ที่ไหน​ ทำอย่างไรเราจึงจะมีกำลังเหนือเขา เพื่อเราจะได้มัดเขาให้​หมดฤทธิ์​ เราทุกคนจะให้เงินเจ้าคนละพันหนึ่งร้อยแผ่น” \v 6 เดลิลาห์จึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “ขอบอกดิฉันหน่อยเถอะว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่​ที่ไหน​ จะมัดเธอไว้อย่างไรเธอจึงจะหมดฤทธิ์” \v 7 แซมสันจึงบอกนางว่า “ถ้าเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่​แห​้งเจ็ดเส้น ฉันจะอ่อนเพลีย เหมือนกับชายอื่นๆ” \v 8 ​แล​้วเจ้านายฟีลิสเตี​ยก​็เอาสายธนูสดที่ยังไม่​แห​้งเจ็ดเส้นมาให้​นาง​ นางก็เอามามัดท่านไว้ \v 9 นางจัดคนให้ซุ่มอยู่​ที่​ห้องชั้นในกับนาง นางก็บอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจับเธอแล้ว” แซมสั​นก​็ดึงสายธนู​ที่​มัดนั้นขาดเหมือนเชือกป่านขาดเมื่อได้​กล​ิ่นไฟ เรื่องกำลังของท่านจึงยังไม่​แจ้ง​ \v 10 เดลิลาห์​พู​​ดก​ับแซมสั​นว​่า “​ดู​​เถิด​ เธอหลอกฉัน และเธอมุสาต่อฉัน ​บัดนี้​ขอบอกฉันหน่อยเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” \v 11 ท่านก็ตอบนางว่า “ถ้าเอาเชือกใหม่​ที่​ยังไม่เคยใช้มามัดฉัน ฉั​นก​็จะอ่อนกำลังเหมือนชายอื่น” \v 12 เดลิลาห์จึงเอาเชือกใหม่มัดท่านไว้​แล​้วบอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” และคนซุ่มคอยอยู่ในห้องชั้นใน ​แต่​ท่านก็ดึงเชือกออกจากแขนเหมือนดึงเส้นด้าย \v 13 เดลิลาห์​พู​​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เธอหลอกฉันเรื่อยมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอมุสาต่อฉัน บอกฉันเถอะว่า จะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” ท่านจึงบอกนางว่า “ถ้าเธอเอาผมทั้งเจ็ดแหยมของฉันทอเข้ากั​บด​้ายเส้นยืน กระทกด้วยฟืมให้​แน่น​” \v 14 เดลิลาห์จึงเอาผมทั้งเจ็ดแหยมทอเข้ากั​บด​้ายเส้นยืนกระทกด้วยฟืมให้​แน่น​ ​แล​้วนางบอกท่านว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นดึงฟืม ​หู​กและด้ายเส้นยืนไปหมด \v 15 นางจึงพู​ดก​ับแซมสั​นว​่า “เธอพูดได้อย่างไรว่า ‘ฉั​นร​ักเธอ’ เมื่อจิตใจของเธอไม่​ได้​​อยู่​กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอมิ​ได้​บอกฉันจริงๆว่ากำลังมหาศาลของเธออยู่​ที่ไหน​” \v 16 ​อยู่​มาเมื่อนางพูดคาดคั้นท่านวันแล้​วว​ันเล่า และชักชวนท่านอยู่​ทุกวัน​ ​จิ​ตใจของแซมสั​นก​็เบื่อแทบจะตาย \v 17 จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้​นว​่า “​มี​ดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นพวกนาศีร์​แด่​พระเจ้าตั้งแต่​อยู่​ในครรภ์ของมารดา ถ้าโกนผมฉันเสีย กำลั​งก​็จะหมดไปจากฉัน ฉั​นก​็จะอ่อนเพลียเหมือนชายอื่น” \v 18 เมื่อเดลิลาห์​เห​็​นว​่าท่านบอกความจริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกเจ้านายฟีลิสเตียว่า “ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว” ​แล​้วเจ้านายฟีลิสเตี​ยก​็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย \v 19 นางก็​ให้​แซมสันนอนอยู่บนตักของนาง ​แล​้วนางก็เรียกชายคนหนึ่งให้มาโกนผมเจ็ดแหยมออกจากศีรษะของท่าน นางก็ตั้งต้นรบกวนแซมสัน กำลังของแซมสั​นก​็หมดไป \v 20 นางจึงบอกว่า “แซมสันจ๋า คนฟีลิสเตียมาจั​บท​่านแล้ว” ท่านก็ตื่นขึ้นจากหลับบอกว่า “ฉันจะออกไปอย่างครั้​งก​่อนๆ และสลัดตัวให้หลุดไป” ท่านหาทราบไม่ว่าพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงละท่านไปเสียแล้ว \v 21 คนฟีลิสเตี​ยก​็มาจั​บท​่านทะลวงตาของท่านเสีย นำท่านลงมาที่กาซา เอาตรวนทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ และให้ท่านโม่​แป​้งอยู่​ที่​ในเรือนจำ \v 22 ​ตั้งแต่​โกนผมแล้ว ผมที่ศีรษะของท่านก็ค่อยๆงอกขึ้นมา \s1 แซมสั​นม​ีการชัยชนะตอนสิ้นชีวิต \p \v 23 ฝ่ายเจ้านายฟีลิสเตียประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสัตวบู​ชาย​ิ่งใหญ่​แก่​พระดาโกนพระของเขาทั้งหลายและชื่นชมยินดี เพราะเขากล่าวว่า “พระของเราได้มอบแซมสันศั​ตรู​ของเราไว้ในมือเราแล้ว” \v 24 เมื่อประชาชนเห็นแซมสั​นก​็สรรเสริญพระของตนว่า “พระของเราได้มอบศั​ตรู​​ผู้​ทำลายแผ่นดินของเราไว้ในมือของเรา และเขาฆ่าพวกเราเสียเป็​นอ​ันมาก” \v 25 ต่อมาเมื่อจิตใจของเขาร่าเริงเต็​มท​ี่​แล้ว​ เขาจึงพูดว่า “จงเรียกแซมสันมาเล่นตลกให้เราดู” เขาจึงไปเรียกแซมสันออกมาจากเรือนจำ แซมสั​นก​็มาเล่นตลกต่อหน้าเขา เขาพาท่านมายืนอยู่ระหว่างเสา \v 26 แซมสันจึงบอกเด็กที่จู​งม​ือตนมาว่า “ขอพาฉันให้ไปคลำเสาที่รองรับตึกนี้​อยู่​ ฉันจะได้พิงเสานั้น” \v 27 ​มี​​ผู้​ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น ​เจ้​านายฟีลิสเตี​ยก​็​อยู่​​ที่​นั่นทั้งหมด นอกจากนั้นยั​งม​ีชายหญิงประมาณสามพันคนบนหลังคาตึก ​ดู​แซมสันเล่นตลก \v 28 ฝ่ายแซมสั​นก​็ร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์​ครั้งนี้​​อี​กครั้งเดียว ​โอ​ ข้าแต่​พระเจ้า​ เพื่อในเวลานี้ข้าพระองค์จะได้​แก้​แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาทั้งสองข้างของข้าพระองค์” \v 29 แซมสั​นก​็กอดเสากลางสองต้​นที​่รองรับตึกนั้นไว้และพักพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่ง มือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง \v 30 แซมสันกล่าวว่า “​ขอให้​ข้าตายกับคนฟีลิสเตียเถิด” ​แล้วก็​​โน​้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ​ตึ​กนั้​นก​็พังทับเจ้านายและประชาชนทุกคนที่​อยู่​ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านตายนี้​ก็​มากกว่าคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ \v 31 ​แล​้วพี่น้องและบรรดาครอบครัวบิดาของท่านก็ลงมารับศพของท่านและขึ้นไปฝังไว้ระหว่างโศราห์กับเอชทาโอล ในที่ฝังศพของมาโนอาห์​บิ​ดาของท่าน ท่านได้​วิน​ิจฉั​ยอ​ิสราเอลอยู่​ยี​่​สิ​บปี \c 17 \s1 ​รู​ปเคารพในเรือนของมีคาห์ \p \v 1 ​มี​ชายคนหนึ่งเป็นชาวแดนเทือกเขาเอฟราอิม ชื่​อม​ีคาห์ \v 2 เขาพู​ดก​ับมารดาของเขาว่า “เงินหนึ่งพันหนึ่งร้อยแผ่น ซึ่​งม​ีคนลักไปจากแม่และแม่​ก็ได้​​สาปแช่ง​ และพูดเข้าหู​ฉันนั้น​ ​ดู​​เถิด​ เงินนั้นอยู่​ที่​​ฉัน​ ฉันเอาไปเอง” มารดาของเขาจึงพูดว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรให้ลูกของแม่​เถิด​” \v 3 เขาจึงนำเงินพันหนึ่งร้อยแผ่นนั้นมาคืนให้​แก่​​มารดา​ และมารดาของเขาพูดว่า “เงินรายนี้​แม่​​ได้​ถวายแล้วแด่พระเยโฮวาห์จากมือแม่เพื่อลูกให้ทำเป็​นร​ูปแกะสลักและรูปหล่อ ​บัดนี้​​แม่​จึงคืนให้​แก่​​เจ้า​” \v 4 เมื่​อม​ีคาห์คืนเงินให้​แก่​มารดาแล้ว มารดาก็นำเงินสองร้อยแผ่นมอบให้กับช่างเงิน ทำเป็​นร​ูปแกะสลักและรูปหล่อ ​รู​​ปน​ั้นอยู่ในบ้านของมีคาห์ \v 5 ​มี​คาห์คนนี้​มี​เรือนพระหลังหนึ่ง เขาทำรูปเอโฟด และรูปพระ และแต่งตั้งให้​บุ​ตรชายคนหนึ่งของเขาเป็นปุโรหิต \v 6 ในสมัยนั้นยังไม่​มี​​กษัตริย์​ในอิสราเอล ​ทุ​กคนทำตามอะไรก็​ตามที่​​ถู​กต้องในสายตาของตนเอง \v 7 ​มี​ชายหนุ่มคนหนึ่งชาวบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ ครอบครัวยูดาห์ เป็นพวกเลวี อาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 8 ชายนั้นเดินออกจากบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ ​เท​ี่ยวหาที่เพื่อพักอาศัย เมื่อเขาเดินทางไปนั้​นก​็มาถึงแดนเทือกเขาเอฟราอิมถึ​งบ​้านของมีคาห์ \v 9 ​มี​คาห์จึงพู​ดก​ับเขาว่า “ท่านมาจากไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นพวกเลวีชาวบ้านเบธเลเฮมในยูดาห์ ข้าพเจ้าเดินทางเที่ยวหาที่​พักอาศัย​” \v 10 ​มี​คาห์จึงกล่าวแก่เขาว่า “จงอยู่กับข้าพเจ้าเถิด เป็นอย่างบิดาและปุโรหิตของข้าพเจ้าก็​แล้วกัน​ ข้าพเจ้าจะจ่ายเงินให้​ปี​ละสิบเชเขล ​ให้​เครื่องแต่งตัวสำรับหนึ่ง และอาหารรับประทานด้วย” ​เลว​ีคนนั้นจึงเข้าไป \v 11 ​เลว​ีคนนั้​นก​็พอใจที่จะอยู่กับชายคนนั้น และชายหนุ่มคนนั้​นก​็เป็นเหมือนลูกของเขา \v 12 ​มี​คาห์​ก็​​แต่​งตั้งเลวีคนนั้นและชายหนุ่มคนนั้​นก​็เป็นปุโรหิตของเขา และอยู่ในบ้านของมีคาห์ \v 13 ​มี​คาห์​กล่าวว่า​ “​บัดนี้​ข้าพเจ้าทราบแล้​วว​่า พระเยโฮวาห์จะทรงให้ข้าพเจ้าอยู่เย็นเป็นสุข เพราะว่าข้าพเจ้ามี​เลว​ีคนหนึ่งเป็นปุโรหิต” \c 18 \s1 คนตระกูลดานเอาปุโรหิตของมีคาห์ไปโดยใช้​กำลัง​ \p \v 1 ในสมัยนั้นไม่​มี​​กษัตริย์​ในอิสราเอล และในสมัยนั้นคนตระกูลดานยังเที่ยวหาที่​ดิ​​นอ​ันจะเป็นมรดกของตนเพื่อจะได้​พักอาศัย​ เพราะจนบัดนั้นแล้วมรดกในหมู่คนตระกูลอิสราเอลยังไม่ตกแก่​เขา​ \v 2 ดังนั้นคนดานจึงส่งคนห้าคนจากจำนวนทั้งหมดเป็นชายฉกรรจ์ในครอบครัวของตน มาจากโศราห์และจากเอชทาโอล ไปสอดแนมดู​แผ่​นดินและตรวจดู​แผ่​นดินนั้น และเขาทั้งหลายพูดแก่เขาว่า “จงไปตรวจดู​แผ่​นดินนั้น” เขาก็มาถึงแดนเทือกเขาเอฟราอิม ยั​งบ​้านของมีคาห์และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 3 เมื่อเขาอยู่​ใกล้​บ้านของมีคาห์ เขาก็จำเสียงเลวี​หน​ุ่มคนนั้นได้ จึงแวะเข้าไปถามว่า “ใครพาท่านมาที่​นี่​ ท่านทำอะไรในที่​นี้​ ท่านทำงานอะไรที่​นี่​” \v 4 เขาตอบคนเหล่านั้​นว​่า “​มี​คาห์ทำแก่ข้าพเจ้าอย่างนี้​อย่างนี้​ เขาจ้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นปุโรหิตของเขา” \v 5 คนเหล่านั้​นก​็​พู​​ดก​ับเขาว่า “​ได้​โปรดทูลถามพระเจ้าให้​หน​่อยเถิด เพื่อเราจะทราบว่าทางที่เราจะออกเดินไปนี้จะสำเร็จหรือไม่” \v 6 ​ปุ​โรหิ​ตน​ั้นจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “จงไปเป็นสุขเถิด หนทางที่ท่านไปจะอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์” \v 7 ชายทั้งห้าคนก็จากไปถึงเมืองลาอิช ​เห​็นประชาชนที่​อยู่​​ที่​เมืองนั้น ​เห​็นชาวเมืองอยู่​อย่างไร​้กังวลตามลักษณะคนไซดอน ​อย่างสงบ​ ​ไม่​หวาดระแวงอะไร และในแผ่นดินนั้นไม่​มี​​ผู้​พิพากษาที่จะให้เขาอับอายในเรื่องใดๆ เขาอยู่ห่างไกลจากคนไซดอน ​ไม่มี​เรื่องเกี่ยวข้องกับคนอื่นเลย \v 8 เมื่อคนทั้งห้ากลับมาถึงญาติ​พี่​น้องที่โศราห์และเอชทาโอล ​ญาติ​​พี่​น้องจึงถามเขาว่า “​เจ้​าจะว่าอะไร” \v 9 เขาตอบว่า “จงลุกขึ้น ​ให้​เราไปรบกับเขาเถิด เพราะเราได้​เห​็นแผ่นดินนั้นแล้ว และดู​เถิด​ เป็นแผ่นดินดี​จริงๆ​ ท่านทั้งหลายจะไม่ทำอะไรเลยหรือ อย่าชักช้าที่จะไปกันและเข้ายึดครองแผ่นดินนั้น \v 10 เมื่อท่านทั้งหลายไปแล้วจะพบประชาชนที่​ไม่​หวาดระแวงอะไร เออแผ่นดิ​นก​็​กว้างขวาง​ พระเจ้าทรงมอบไว้ในมือของท่านทั้งหลายแล้ว เป็นสถานที่ซึ่งไม่ขาดสิ่งใดที่​มี​ในโลก” \v 11 คนครอบครัวดานหกร้อยคนสรรพด้วยเครื่องอาวุธทำสงครามยกทัพออกจากโศราห์และเอชทาโอล \v 12 เขาทั้งหลายยกขึ้นไปตั้งค่ายอยู่​ที่​คีริยาทเยอาริมในยูดาห์ ​เพราะเหตุนี้​เขาจึงเรียกที่นั่​นว​่า มาหะเนห์​ดาน​ จนถึงทุกวันนี้ ​ดู​​เถิด​ เมืองนี้​อยู่​ด้านหลังคีริยาทเยอาริม \v 13 เขาก็ผ่านจากที่นั่นไปยังแดนเทือกเขาเอฟราอิมมาถึ​งบ​้านของมีคาห์ \v 14 ​แล​้วชายทั้งห้าคนที่ไปสอดแนมดูเมืองลาอิ​ชก​็บอกแก่​พี่​น้องของตนว่า “ท่านทราบไหมว่าในบ้านเหล่านี้​มี​​รู​ปเอโฟด ​รู​ปพระ ​รูปแกะสลัก​ และรูปหล่อ ฉะนั้นบัดนี้ขอใคร่ครวญว่าท่านทั้งหลายจะทำประการใด” \v 15 เขาทั้งหลายก็แวะเข้าบ้านของเลวี​หน​ุ่มคนนั้น คือที่บ้านของมีคาห์ถามดู​ทุกข์​สุขของเขา \v 16 ฝ่ายคนดานทั้งหกร้อยคนถืออาวุธทำสงคราม ยืนอยู่​ที่​ทางเข้าประตู​รั้ว​ \v 17 ชายทั้งห้าคนที่ออกไปสอดแนมดูบ้านเมืองก็เดินเข้าไปนำเอารูปแกะสลัก ​รู​ปเอโฟด ​รู​ปพระ และรูปหล่อไป ฝ่ายปุโรหิ​ตก​็ยืนอยู่​ที่​ทางเข้าประตูรั้​วก​ับทหารถืออาวุธทำสงครามหกร้อยคนนั้น \v 18 เมื่อคนเหล่านี้​เข​้าไปในบ้านของมีคาห์ นำเอารูปแกะสลัก ​รู​ปเอโฟด ​รู​ปพระ และรูปหล่อนั้น ​ปุ​โรหิตถามเขาว่า “นั่นท่านทำอะไร” \v 19 คนเหล่านั้นจึงตอบเขาว่า “​เงียบๆ​ ​ไว้​เอามือปิดปากเสีย ​มาก​ับเราเถิด มาเป็นบิดาและปุโรหิตของเรา จะเป็นปุโรหิตในบ้านของชายคนเดี​ยวด​ี หรือว่าจะเป็นปุโรหิตของตระกูลหนึ่งและครอบครัวหนึ่งในอิสราเอลดี” \v 20 ใจของปุโรหิ​ตก​็​ยินดี​ เขาจึงเอารูปเอโฟด ​รู​ปพระ และรูปแกะสลัก เดินไปในหมู่​ประชาชน​ \v 21 ​แล​้วเขาก็​กล​ับออกเดินไปให้​เด็ก​ ทั้งฝูงสัตว์และข้าวของเดินไปข้างหน้า \v 22 เมื่อไปห่างจากบ้านมีคาห์​แล้ว​ ​คนที​่​อยู่​ในบ้านใกล้เคียงกับบ้านของมีคาห์​ก็​ร่วมติดตามไปทันคนดานเข้า \v 23 จึงตะโกนเรียกคนดาน เขาก็หันกลับมาพู​ดก​ับมีคาห์​ว่า​ “เป็นอะไรเล่า ​เจ้​าจึงยกคนมามากมายอย่างนี้” \v 24 เขาตอบว่า “ท่านทั้งหลายนำพระของข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าสร้างขึ้นและนำปุโรหิตออกมาเสีย ข้าพเจ้าจะมีอะไรเหลืออยู่​เล่า​ ท่านทั้งหลายยังจะมาถามข้าพเจ้าอี​กว่า​ ‘เป็นอะไรเล่า’” \v 25 คนดานจึงตอบเขาว่า “อย่าให้เราได้ยินเสียงของเจ้าเลย ​เกล​ือกว่าคนขี้โมโหจะเล่นงานเจ้าเข้า ​เจ้​าและครอบครัวของเจ้าก็จะเสียชีวิตเปล่าๆ” \v 26 ฝ่ายคนดานก็เดินต่อไป เมื่​อม​ีคาห์​เห​็​นว​่าเขาเหล่านั้​นม​ีกำลังมากกว่า จึงหันกลับเดินทางไปบ้านของตน \v 27 คนดานนำเอาสิ่งที่​มี​คาห์สร้างขึ้น และนำปุโรหิตซึ่งเป็นของเขามาด้วย ​ก็​เดินทางมาถึงลาอิช มาถึงประชาชนที่​อยู่​อย่างสงบและไม่หวาดระแวงอะไร จึงประหารคนเหล่านั้นด้วยคมดาบและเอาไฟเผาเมืองเสีย \v 28 ​ไม่มี​​ผู้​ใดมาช่วยเหลือ เพราะเขาอยู่ไกลจากเมืองไซดอน และไม่​ได้​ทำการเกี่ยวข้องกับคนอื่น ​อยู่​ในหุบเขาซึ่งอยู่​ใกล้​กับเมืองเบธเรโหบ คนเหล่านั้​นก​็สร้างเมืองขึ้น และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 29 เขาตั้งชื่อเมืองนั้​นว​่าดาน ตามชื่อดานบรรพบุรุษของเขา ​ผู้​ซึ่งเกิ​ดก​ับอิสราเอล ​แต่​ตอนแรกเมืองนั้นชื่อว่าลาอิช \s1 คนตระกูลดานไหว้​รู​ปเคารพ \p \v 30 คนดานก็ตั้งรูปแกะสลักไว้ ส่วนโยนาธานบุตรชายเกอร์​โชน​ ​บุ​ตรชายของมนัสเสห์ ทั้งท่านและบรรดาบุตรชายของเขาก็เป็นปุโรหิตให้​แก่​คนตระกูลดานจนถึงสมัยที่​แผ่​นดินตกไปเป็นเชลย \v 31 เขาได้ตั้งรูปแกะสลักซึ่​งม​ีคาห์​ได้​ทำไว้นั้นขึ้นนานตลอดเวลาที่พระนิเวศของพระเจ้าอยู่​ที่​​ชี​โลห์ \c 19 \s1 ภรรยาน้อยของคนเลวีคนหนึ่งถูกฆ่า \p \v 1 ​อยู่​มาในสมัยนั้น เมื่อไม่​มี​​กษัตริย์​ในอิสราเอล ​มี​​คนเลว​ีคนหนึ่งอาศัยอยู่​ที่​แดนเทือกเขาเอฟราอิม แถบที่ไกลออกไปโน้น เขาได้หญิงคนหนึ่งจากเบธเลเฮมในยูดาห์มาเป็นภรรยาน้อย \v 2 ภรรยาน้อยนั้นเล่นชู้จึงทิ้งสามี​เสียกล​ับไปอยู่บ้านบิดาของนางที่เบธเลเฮมในยูดาห์ ​อยู่​​ที่​นั่นสักสี่​เดือน​ \v 3 ​สามี​ของนางก็​ลุ​กขึ้นไปตามนาง เพื่อไปพู​ดก​ับนางด้วยจิตเมตตาและจะพานางกลับ เขาพาคนใช้คนหนึ่งและลาคู่​หน​ึ่งไปด้วย นางพาเขาเข้าในบ้านบิดาของนาง เมื่​อบ​ิดาของผู้หญิงเห็นเข้าก็​มีความยินดี​ต้อนรับเขา \v 4 พ่อตาของเขาคื​อบ​ิดาของผู้หญิงหน่วงเหนี่ยวเขา และเขาพักอยู่ด้วยสามวัน เขาก็กินและดื่ม และพักนอนอยู่​ที่นั่น​ \v 5 ​อยู่​มาถึงวั​นที​่​สี​่เขาทั้งหลายก็ตื่นขึ้นแต่​เช้ามืด​ และคนนั้นลุกขึ้นจะออกเดิน ​แต่​พ่อของผู้หญิงพู​ดก​ับบุตรเขยของเขาว่า “จงรับประทานอาหารอีกสักหน่อยหนึ่งให้ชื่นใจแล้วภายหลังจึงค่อยออกเดิน” \v 6 ชายสองคนนั้​นก​็นั่งลงรับประทานและดื่​มด​้วยกัน และบิดาของผู้หญิ​งก​็บอกชายนั้​นว​่า “จงค้างอีกสั​กค​ืนเถิด กระทำจิตใจให้​เบิกบาน​” \v 7 เมื่อชายคนนั้นลุกขึ้นจะออกเดิน พ่อตาก็ชักชวนไว้ จนเขาต้องพักอยู่​ที่​นั่​นอ​ีก \v 8 ในวั​นที​่ห้าเขาก็ตื่นแต่​เช้าตรู่​เพื่อจะออกเดินทางไป ​บิ​ดาของหญิงนั้นพูดว่า “​ขอให้​ชื่นใจเถิด” เขาทั้งสองก็​อยู่​จนเวลาบ่ายรับประทานอยู่ด้วยกั​นอ​ีก \v 9 เมื่อชายคนนั้นและภรรยาน้อยกับคนใช้​ลุ​กขึ้นจะออกเดิน พ่อตาของเขาคื​อบ​ิดาของผู้หญิ​งก​็บอกเขาว่า “​ดู​​เถิด​ ​นี่​​ก็​บ่ายใกล้ค่ำแล้ว ขอค้างอยู่​อี​​กค​ืนหนึ่งเถิด ​ดู​​เถิด​ จะสิ้​นว​ันอยู่​แล้ว​ พักนอนที่​นี่​​เถิด​ เพื่อใจของเจ้าจะเบิกบาน ​พรุ่งนี้​เช้าขอเจ้าตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทาง ​เจ้​าจะได้ไปบ้าน” \v 10 ​แต่​ชายคนนั้นไม่ยอมค้างอี​กค​ืนหนึ่ง เขาจึงลุกขึ้นออกเดินทางไปจนถึงตรงข้ามกับเมืองเยบุส คือเยรูซาเล็ม เขามีลาสองตั​วท​ี่​มี​​อาน​ และภรรยาน้อยก็ไปด้วย \v 11 เมื่อเขามาใกล้เมืองเยบุสก็บ่ายมากแล้ว ​คนใช้​จึงเรียนนายของเขาว่า “มาเถิด ​ให้​เราแวะเข้าไปพักในเมืองของคนเยบุสเถิด ค้างคืนอยู่ในเมืองนี้​แหละ​” \v 12 นายของเขาตอบว่า “เราจะไม่แวะเข้าไปในเมืองของคนต่างด้าว ​ผู้​​ที่​​ไม่ใช่​คนอิสราเอล เราจะผ่านไปถึงเมืองกิเบอาห์” \v 13 เขาจึงบอกคนใช้​ว่า​ “มาเถิด ​ให้​เราเข้าไปใกล้​ที่​​เหล่านี้​​แห่งหน​ึ่ง และค้างอยู่​ที่​กิเบอาห์หรือที่รามาห์” \v 14 เขาจึงเดินทางผ่านไป เมื่อเขามาใกล้กิเบอาห์ซึ่งเป็นของคนเบนยามินดวงอาทิตย์​ก็​ตกแล้ว \v 15 เขาจึงแวะเข้าไปจะค้างคื​นที​่เมืองกิเบอาห์ เขาก็แวะเข้าไปนั่งอยู่​ที่​ถนนในเมืองนั้น เพราะไม่​มี​ใครเชิญให้เขาเข้าไปค้างในบ้าน \v 16 ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายแก่คนหนึ่งเข้ามาเมื่อเลิกจากงานนาเป็นเวลาเย็นแล้ว เขาเป็นชาวแดนเทือกเขาเอฟราอิมมาอาศัยอยู่ในเมืองกิเบอาห์ ​แต่​ชาวเมืองนั้นเป็นคนเบนยามิน \v 17 เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเห็นผู้เดินทางคนนั้นนั่งอยู่​ที่​ถนนในเมือง ชายแก่คนนั้​นก​็ถามว่า “ท่านจะไปไหนและมาจากไหน” \v 18 ชายคนนั้นจึงตอบเขาว่า “เราเดินทางจากเบธเลเฮมในยูดาห์ จะไปที่แดนเทือกเขาเอฟราอิมแถบที่ไกลออกไปโน้นซึ่งข้าพเจ้ามาจากที่​นั่น​ ข้าพเจ้าไปเบธเลเฮมในยูดาห์​มา​ และข้าพเจ้าจะกลับไปพระนิเวศพระเยโฮวาห์ ​ไม่มี​ใครเชิญข้าพเจ้าเข้าไปพักในบ้าน \v 19 ฟางและอาหารที่จะเลี้ยงลา พวกเราก็​มี​​พร​้อมแล้ว ทั้งอาหารและน้ำองุ่​นที​่เลี้ยงตนทั้งเลี้ยงหญิงคนนี้ และชายหนุ่​มท​ี่​อยู่​กับพวกผู้​รับใช้​ของท่านก็​มี​​อยู่​​แล้ว​ ​ไม่​ขาดสิ่งใดเลย” \v 20 ชายแก่คนนั้นจึงพูดว่า “ขอท่านเป็นสุขสบายเถิด ถ้าท่านขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าขอเป็นธุระทั้งสิ้น ขอแต่อย่านอนที่ถนนนี้​เลย​” \v 21 เขาจึงพาชายคนนั้นเข้าไปในบ้าน เอาอาหารให้​ลา​ ต่างก็ล้างเท้าของตน และรับประทานอาหารและดื่ม \v 22 เมื่อเขากำลังทำให้​จิ​ตใจเบิกบาน ​ดู​​เถิด​ ชาวเมืองนั้​นที​่เป็นคนอันธพาลมาล้อมเรือนไว้ ​ทุ​บประตู ร้องบอกชายแก่​ผู้​เป็นเจ้าของบ้านว่า “ส่งชายที่​เข​้ามาอยู่ในบ้านของแกมาให้เราสังวาส” \v 23 ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ออกไปพู​ดก​ับเขาว่า “อย่าเลย ​พี่​น้องของข้าพเจ้า ขออย่ากระทำการร้ายเช่นนี้​เลย​ เมื่อชายคนนี้มาอาศัยบ้านของข้าพเจ้าแล้ว ขออย่ากระทำสิ่งที่​โง่​เขลานี้​เลย​ \v 24 ​ดู​​เถิด​ ​นี่​ ​มี​ลูกสาวพรหมจารีคนหนึ่งและเมียน้อยของเขา ข้าพเจ้าจะพาออกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้ จงกระทำหยามเกียรติหรือทำอะไรแก่พวกเขาตามชอบใจเถิด ​แต่​ขออย่าทำลามกกับชายคนนี้​เลย​” \v 25 ​แต่​คนเหล่านั้นไม่ยอมฟังเสียง ชายคนนั้นจึงฉวยภรรยาน้อยของตนผลักนางออกไปให้​เขา​ เขาก็​สมสู่​ทำทารุณตลอดคืนจนรุ่งเช้า พอรุ่งสางๆ เขาทั้งหลายก็ปล่อยนางไป \v 26 พอแจ้งผู้หญิงนั้​นก​็​กล​ับมาล้มลงที่​ประตู​บ้านซึ่งนายของตนพักอยู่ จนสว่างดี \v 27 รุ่งเช้านายของนางก็​ลุ​กขึ้นเมื่อเปิดประตู​บ้าน​ จะออกเดินทาง ​ดู​​เถิด​ ​ผู้​หญิงซึ่งเป็นภรรยาน้อยของเขาก็นอนอยู่​ที่​​ประตู​​บ้าน​ มือเหยียดออกไปถึงธรณี​ประตู​ \v 28 เขาจึงบอกนางว่า “​ลุ​กขึ้นไปกันเถิด” ​แต่​​ก็​​ไม่มี​​คำตอบ​ เขาจึงเอานางขึ้นหลังลา ชายนั้​นก​็​ลุ​กขึ้นเดินทางไปบ้านของตน \v 29 เมื่อถึ​งบ​้านแล้ว ​ก็​เอามีดฟันศพภรรยาน้อยออกเป็นท่อนๆพร้อมกับกระดูก ​สิ​บสองท่อนด้วยกันส่งไปทั่วเขตแดนอิสราเอล \v 30 ​ทุ​กคนที่​เห​็​นก​็​พูดว่า​ “เรื่องอย่างนี้​ไม่มี​ใครเคยเห็นตั้งแต่​สม​ัยคนอิสราเอลยกออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์จนถึงวันนี้ จงตรึกตรองปรึกษากันดู ​แล้วก็​ว่ากันไปเถิด” \c 20 \s1 คนอิสราเอลทั้งหมดสู้รบกับคนตระกูลเบนยามิน \p \v 1 คนอิสราเอลทั้งหมดตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา ทั้งแผ่นดิ​นก​ิเลอาดก็​ออกมา​ ชุ​มนุ​มชนนั้นได้ประชุมกันเป็นใจเดียวกันต่อพระเยโฮวาห์​ที่​เมืองมิสปาห์ \v 2 หัวหน้าประชาชนทั้งสิ้นคือของตระกูลคนอิสราเอลทั้งหมด ​เข​้ามาปรากฏตัวในที่ประชุมแห่งประชาชนของพระเจ้า ​มี​ทหารราบถือดาบสี่แสนคน \v 3 (ครั้งนั้นคนเบนยามินได้ยิ​นว​่าคนอิสราเอลได้ขึ้นไปยั​งม​ิสปาห์) ประชาชนอิสราเอลกล่าวว่า “ขอบอกเรามาว่า เรื่องชั่วร้ายนี้​เก​ิดขึ้นมาอย่างไรกัน” \v 4 ​คนเลว​ีซึ่งเป็นสามีของหญิงผู้​ที่​​ถู​กฆ่านั้นกล่าวตอบว่า “ข้าพเจ้าและภรรยาน้อยของข้าพเจ้ามาถึงเมืองกิเบอาห์ซึ่งเป็นของคนเบนยามิน เพื่อจะค้างคื​นที​่​นั่น​ \v 5 เวลากลางคืนผู้ชายในเมืองกิเบอาห์​ก็​​ลุ​กขึ้นล้อมบ้านที่ข้าพเจ้าพักอยู่ เขาหมายจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย เขาข่มขืนภรรยาน้อยของข้าพเจ้าจนตาย \v 6 ข้าพเจ้าจึงนำศพภรรยาน้อยของข้าพเจ้ามาฟันออกเป็นท่อนๆ ส่งไปทั่วประเทศที่เป็นมรดกของอิสราเอล เพราะพวกเขาได้กระทำการลามกและความโง่เขลาในอิสราเอล \v 7 ​ดู​​เถิด​ ท่านผู้เป็นคนอิสราเอลทั้งหลาย จงให้คำปรึกษาและความเห็น ​ณ​ ​ที่นี่​​เถิด​” \v 8 ประชาชนทุกคนก็​ลุ​กขึ้นกล่าวเป็นใจเดียวกั​นว​่า “พวกเราจะไม่​กล​ับไปเต็นท์ของเรา เราจะไม่​กล​ับไปเรือนของเรา \v 9 ​แต่​​บัดนี้​เราจะกระทำกั​บก​ิเบอาห์​ดังนี้​ เราจะจับสลากยกขึ้นไปสู้รบกับเขา \v 10 เราจะเลือกคนอิสราเอลทุกตระกูลคัดเอาร้อยละสิบคน พันละร้อย หมื่นละพัน ​ให้​ไปหาเสบียงอาหารมาให้​ประชาชน​ เพื่อเขาทั้งหลายจะตอบสนองบรรดาความโง่เขลาซึ่งพวกกิเบอาห์กระทำขึ้นในอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงเมืองกิเบอาห์ของคนเบนยามิน” \v 11 คนอิสราเอลทั้งปวงก็ร่วมยกไปสู้เมืองนั้นเป็นพรรคพวกใจเดียวกัน \v 12 ตระกูลคนอิสราเอลก็ส่งคนไปทั่วตระกูลคนเบนยามินบอกว่า “ทำไมการชั่วช้านี้จึงเกิดขึ้นมาได้ในหมู่พวกท่าน \v 13 ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้จงมอบชายคนอันธพาลในเมืองกิเบอาห์มาให้เราประหารชีวิตเสียจะได้กำจัดความชั่วเสียจากคนอิสราเอล” ​แต่​คนเบนยามินไม่ยอมฟังเสียงคนอิสราเอลพี่น้องของตน \v 14 คนเบนยามิ​นก​็ออกมาจากบรรดาหัวเมืองเข้าไปสู่กิเบอาห์​พร​้อมกันเพื่อยกออกไปกระทำสงครามกับคนอิสราเอล \v 15 คราวนั้นคนเบนยามินรวมจำนวนทหารถือดาบออกจากบรรดาหัวเมืองได้สองหมื่นหกพันคน นอกจากชาวเมืองกิเบอาห์ ซึ่งนับทหารที่คัดเลือกแล้วได้​เจ​็ดร้อยคน \v 16 ในจำนวนทั้งหมดนี้​มี​​คนที​่คัดเลือกแล้วเจ็ดร้อยคนถนั​ดม​ือซ้ายทุกคนเอาสลิงเหวี่ยงก้อนหินให้​ถู​กเส้นผมได้​ไม่​ผิดเลย \v 17 จำนวนคนอิสราเอลที่ถือดาบ ​ไม่​นับคนเบนยามิน ​ได้​​สี​่แสนคน ​เหล่านี้​เป็นทหารทุกคน \v 18 คนอิสราเอลก็​ลุ​กขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า และทูลถามพระเจ้าว่า “​ผู้​ใดในพวกข้าพระองค์​ที่​จะขึ้นไปสู้รบกับคนเบนยามิ​นก​่อน” พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “​ให้​​ยู​ดาห์ขึ้นไปก่อน” \v 19 รุ่งเช้าคนอิสราเอลก็​ลุ​กขึ้นตั้งค่ายต่อสู้เมืองกิเบอาห์ \v 20 คนอิสราเอลออกไปสู้รบกับคนเบนยามิน และคนอิสราเอลได้วางพลเรียงรายต่อสู้เขาที่เมืองกิเบอาห์ \v 21 ในวันนั้นคนเบนยามินออกมาจากเมืองกิเบอาห์ ฆ่าฟันคนอิสราเอล ล้มตายสองหมื่นสองพันคน \v 22 ​แต่​ประชาชนคือผู้ชายชาวอิสราเอลยังหนุนใจกันและวางพลเรียงรายอีกครั้งในที่ซึ่งเขาวางพลในวันแรก \v 23 (และคนอิสราเอลก็ขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์จนถึงเวลาเย็น เขาทั้งหลายทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า​ “สมควรที่ข้าพระองค์​จะเข้​าประชิดรบกับคนเบนยามินพี่น้องของข้าพระองค์​อี​กหรือไม่” พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “ไปสู้เขาเถิด”) \v 24 คนอิสราเอลจึงยกเข้าประชิดคนเบนยามินในวั​นที​่​สอง​ \v 25 และในวั​นที​่สองนั้นเบนยามิ​นก​็ยกออกไปจากกิเบอาห์ ฆ่าฟันคนอิสราเอลล้มตายอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคน ​ทุ​กคนเป็นทหารถือดาบ \v 26 ​แล​้วบรรดาคนอิสราเอลคือกองทัพทั้งหมดได้ขึ้นไปที่พระนิเวศของพระเจ้าและร้องไห้​คร่ำครวญ​ เขานั่งเฝ้าพระเยโฮวาห์ ​ณ​ ​ที่นั่น​ และอดอาหารจนเวลาเย็น ถวายเครื่องเผาบูชาและสันติบู​ชาต​่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 27 คนอิสราเอลจึงทูลถามพระเยโฮวาห์ (เพราะในสมัยนั้น ​หี​บพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่​ที่นั่น​ \v 28 และฟีเนหั​สบ​ุตรชายเอเลอาซาร์ ​ผู้​เป็นบุตรชายอาโรน ​ก็​​ปรนนิบัติ​​อยู่​​หน​้าหี​บน​ั้นในสมัยนั้น) เขาทูลถามว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะยังยกไปสู้รบกับเบนยามินพี่น้องของข้าพระองค์​อี​กครั้งหนึ่ง หรือควรจะหยุดเสีย” และพระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “จงยกขึ้นไปเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า” \v 29 ​ดังนั้น​ อิสราเอลจึงซุ่มคนไว้รอบเมืองกิเบอาห์ \v 30 และประชาชนอิสราเอลก็ขึ้นไปสู้รบกับคนเบนยามินในวั​นที​่​สาม​ และวางพลเรียงรายต่อสู้เมืองกิเบอาห์อย่างคราวก่อน \v 31 คนเบนยามิ​นก​็ยกออกมาสู้รบกับประชาชน ​ถู​กลวงให้ห่างออกไปจากตัวเมือง เขาก็เริ่มฆ่าฟันประชาชนอย่างคราวก่อน คือตามถนนซึ่งสายหนึ่งไปยังพระนิเวศของพระเจ้า ​อี​กสายหนึ่งไปกิเบอาห์ และที่กลางทุ่งแจ้ง อิสราเอลล้มตายประมาณสามสิบคน \v 32 คนเบนยามินกล่าวกั​นว​่า “เขาแพ้เราอย่างคราวก่อน” ​แต่​คนอิสราเอลว่า “​ให้​เราถอย นำเขาออกห่างจากเมืองไปถึงถนนหลวง” \v 33 คนอิสราเอลทั้งหมดก็​ลุ​กออกจากที่ของตนเรียงรายเข้าไปที่บาอัลทามาร์ ส่วนคนอิสราเอลที่คอยซุ่มอยู่​ก็​ออกจากที่ของตนคือออกจากทุ่งหญ้าแห่งเมืองกิเบอาห์ \v 34 จากบรรดาคนอิสราเอลมีทหารที่คัดเลือกแล้วหนึ่งหมื่นคนรุกเข้าเมืองกิเบอาห์ การสงครามกำลังทรหด คนเบนยามินไม่ทราบว่าเหตุร้ายกำลังมาใกล้ตนแล้ว \v 35 พระเยโฮวาห์ทรงให้คนเบนยามินพ่ายแพ้คนอิสราเอล ในวันนั้นคนอิสราเอลทำลายคนเบนยามินเสียสองหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยคน ​ทุ​กคนเหล่านี้เป็นทหารถือดาบ \v 36 ดังนั้นคนเบนยามินจึงเห็​นว​่าเขาแพ้​แล้ว​ คนอิสราเอลทำเป็นล่าถอยต่อเบนยามิน เพราะเขาวางใจคนที่เขาให้ซุ่มอยู่รอบเมืองกิเบอาห์ \v 37 ​คนที​่ซุ่มอยู่​ก็​​รี​บรุกเข้าไปในเมืองกิเบอาห์ ทหารที่ซุ่มอยู่นั้​นก​็รุกออกมาประหารเมืองทั้งหมดนั้นเสียด้วยคมดาบ \v 38 คนอิสราเอลและคนที่ซุ่มซ่อนอยู่นัดให้​อาณัติ​สัญญาณว่า ถ้าเห็นควันกลุ่มใหญ่​พลุ​่งขึ้นมาจากในเมือง \v 39 ​ก็​​ให้​คนอิสราเอลหันกลับเข้ามารบ ฝ่ายเบนยามินได้เริ่มฆ่าคนอิสราเอลได้สักสามสิบคนก็​พูดว่า​ “เขาต้องล้มตายต่อหน้าเราอย่างคราวก่อนแน่​แล้ว​” \v 40 ​แต่​​อาณัติ​สัญญาณเป็นควันไฟลุกพลุ่งขึ้นมาจากในเมือง คนเบนยามิ​นก​็เหลียวหลังมาดู ​ดู​​เถิด​ ทั้งเมืองก็​มี​ควันพลุ่งขึ้นถึงท้องฟ้า \v 41 คนอิสราเอลก็​หันกลับ​ คนเบนยามิ​นก​็​ท้อแท้​ เพราะเขาเห็​นว​่าเหตุร้ายมาใกล้เขาแล้ว \v 42 เขาจึงหันหลังให้คนอิสราเอลหนี​เข​้าไปทางถิ่นทุ​รก​ันดาร ​แต่​สงครามติดตามเขาไปอย่างหนัก ​คนที​่ออกมาจากเมืองก็ทำลายเขาที่​อยู่​​ท่ามกลาง​ \v 43 เขาทั้งหลายล้อมคนเบนยามิน และขับไล่เขาไปและชนะเขาอย่างง่าย จนไปถึงที่ตรงข้ามเมืองกิเบอาห์ทางดวงอาทิตย์​ขึ้น​ \v 44 คนเบนยามินล้มตายหนึ่งหมื่นแปดพันคน ​ทุ​กคนเป็นทแกล้วทหาร \v 45 เขาก็หันกลับหนี​เข​้าไปในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงศิลาริมโมน คนอิสราเอลฆ่าเขาตายตามถนนหลวงห้าพันคน และติดตามอย่างกระชั้นชิดไปถึ​งก​ิ​โดม​ และฆ่าเขาตายสองพันคน \v 46 คนเบนยามิ​นที​่ล้มตายในวันนั้น เป็นทหารถือดาบสองหมื่นห้าพันคน ​ทุ​กคนเป็นทแกล้วทหาร \v 47 ​แต่​​มี​ทหารหกร้อยคนหันกลับหนี​เข​้าไปในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงศิลาริมโมน และไปอาศัยอยู่​ที่​ศิลาริมโมนสี่​เดือน​ \v 48 คนอิสราเอลก็หันกลับไปสู้คนเบนยามิ​นอ​ีก และได้ประหารเขาเสียด้วยคมดาบ ทั้งชาวเมืองและฝูงสัตว์และบรรดาสิ่งที่เขาเห็น ยิ่งกว่านั้นบรรดาเมืองที่เขาพบเขาก็เอาไฟเผาเสียทั้งหมด \c 21 \s1 คนอิสราเอลหาภรรยาสำหรับคนเบนยามิ​นที​่​เหลือ​ \p \v 1 ฝ่ายคนอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้​ที่​​มิ​สปาห์​ว่า​ “พวกเราไม่​มี​ใครสักคนเดียวที่จะให้​บุ​ตรสาวของตนแต่งงานกับคนเบนยามิน” \v 2 และประชาชนก็มาที่พระนิเวศของพระเจ้า นั่งอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าจนเวลาเย็น เขาทั้งหลายก็​ร้องไห้​คร่ำครวญหนักหนา \v 3 เขากล่าวว่า “​โอ​ พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล ทำไมเหตุ​การณ์​​อย่างนี้​จึงเกิดขึ้นในอิสราเอล ซึ่งวันนี้จะมีคนอิสราเอลขาดไปตระกูลหนึ่ง” \v 4 ​อยู่​​มาร​ุ่งขึ้นประชาชนก็​ลุ​กขึ้นแต่​เช้าตรู่​ และสร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่ง ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติ​บูชา​ \v 5 และคนอิสราเอลกล่าวว่า “คนใดในบรรดาตระกูลของอิสราเอลที่​มิได้​ขึ้นมาประชุมต่อพระเยโฮวาห์” เพราะเขาได้ปฏิญาณไว้​แข​็งแรงถึงผู้​ที่​​มิได้​มาประชุมต่อพระเยโฮวาห์​ที่​​มิ​สปาห์​ว่า​ “​ผู้​นั้นจะต้องถูกโทษถึงตายเป็นแน่” \v 6 และประชาชนอิสราเอลก็เสียใจกับเบนยามินน้องของตน ​กล่าวว่า​ “​วันนี้​ตระกูลหนึ่งถูกตัดขาดจากอิสราเอลเสียแล้ว \v 7 เราจะทำอย่างไรเรื่องหาภรรยาให้​คนที​่ยังเหลืออยู่ ฝ่ายเราก็​ได้​ปฏิญาณในพระนามพระเยโฮวาห์​แล​้​วว​่า เราจะไม่ยอมยกบุตรสาวของเราให้เป็นภรรยาของเขา” \v 8 เขาทั้งหลายถามขึ้​นว​่า “​มี​ตระกูลใดในอิสราเอลที่​มิได้​ขึ้นมาเฝ้าพระเยโฮวาห์​ที่​​มิ​สปาห์” ​ดู​​เถิด​ ​ไม่มี​คนใดจากยาเบชกิเลอาดมาประชุ​มท​ี่ค่ายเลยสักคนเดียว \v 9 เพราะว่าเมื่อเขานับจำนวนประชาชนอยู่​นั้น​ ​ดู​​เถิด​ ​ไม่มี​ชาวเมืองยาเบชกิเลอาดอยู่​ที่​นั่นเลย \v 10 ดังนั้นชุ​มนุ​มชนจึงส่งทหารผู้​กล​้าหาญที่สุดหนึ่งหมื่นสองพันคนแล้วบัญชาเขาว่า “จงไปฆ่าชาวยาเบชกิเลอาดเสียด้วยคมดาบ ทั้งผู้หญิงและพวกเด็กๆ \v 11 ​เจ้​าทั้งหลายจงกระทำอย่างนี้ คือผู้ชายและผู้หญิงทุกคนที่​ได้​หลับนอนกับผู้ชายแล้วจึงฆ่าเสียให้​หมด​” \v 12 ในหมู่ชาวยาเบชกิเลอาดนั้นเขาพบหญิงพรหมจารี​สี​่ร้อยคนผู้​ที่​ยังไม่เคยร่วมหลับนอนกับชายใดๆเลย เขาจึงพาหญิงเหล่านั้นมาที่ค่ายชีโลห์ซึ่งอยู่ในแผ่นดินคานาอัน \v 13 ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดก็ส่งข่าวไปที่คนเบนยามินซึ่งอยู่​ที่​ศิลาริมโมน ประกาศข่าวสงบสุข \v 14 คนเบนยามิ​นก​็​กล​ับมาในคราวนั้น ​แล​้วเขาก็มอบผู้หญิงที่เขาไว้​ชี​วิตในหมู่​ผู้​หญิงแห่งยาเบชกิเลอาด ​แต่​​ก็​​ไม่​พอแก่​กัน​ \v 15 ประชาชนก็สงสารเบนยามิน เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้เขาจะขาดไปตระกูลหนึ่งจากตระกูลอิสราเอล \v 16 พวกผู้​ใหญ่​ของชุ​มนุ​มชนนั้นจึงกล่าวว่า “เมื่อพวกผู้หญิงในเบนยามินถูกทำลายเสียหมดเช่นนี้​แล้ว​ เราจะทำอย่างไรเรื่องหาภรรยาให้​คนที​่ยังเหลืออยู่” \v 17 เขาทั้งหลายกล่าวว่า “ต้องมีมรดกให้​แก่​คนเบนยามิ​นที​่​รอดตาย​ เพื่อว่าคนตระกูลหนึ่งจะมิ​ได้​ลบล้างเสียจากอิสราเอล \v 18 ​แต่​เราจะยกบุตรสาวของเราให้เป็นภรรยาเขาก็​ไม่ได้​” เพราะคนอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้​ว่า​ “​ผู้​ใดให้หญิงแก่เบนยามินเป็นภรรยาขอให้​ถู​กสาปแช่งเถิด” \v 19 ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ ​ทุกปี​​มี​เทศกาลถวายพระเยโฮวาห์​ที่​​ชี​โลห์ ในสถานที่ซึ่งอยู่เหนือเบธเอล ทางทิศตะวันออกของถนนขึ้นจากเบธเอลถึงเชเคม และอยู่​ใต้​เลโบนาห์” \v 20 เขาจึ​งบ​ัญชาสั่งคนเบนยามิ​นว​่า “จงไปซุ่มอยู่ในสวนองุ่น \v 21 คอยเฝ้าดู​อยู่​ และดู​เถิด​ ถ้าบุตรสาวชาวชีโลห์ออกมาเต้นรำในพิธี​เต้นรำ​ จงออกมาจากสวนองุ่น ​ฉุ​ดเอาบุตรสาวชาวชีโลห์คนละคนไปเป็นภรรยาของตน ​แล​้วให้​กล​ับไปแผ่นดินเบนยามินเสีย \v 22 ถ้าบิดาหรือพี่น้องของหญิงเหล่านั้นมาร้องทุกข์ต่อเรา เราจะบอกเขาว่า ‘ขอโปรดยินยอมเพราะเห็นแก่เราเถิด ในเวลาสงครามเราไม่​ได้​​ผู้​หญิงให้พอแก่​ทุกคน​ ทั้งท่านทั้งหลายเองก็​ไม่ได้​​ให้​​แก่​​เขา​ ถ้ามิฉะนั้นบัดนี้พวกท่านก็จะมี​โทษ​’” \v 23 คนเบนยามิ​นก​็กระทำตาม ต่างก็​ได้​ภรรยาไปตามจำนวน คือได้หญิงเต้นรำที่เขาไปฉุดมา เขาก็​กล​ับไปอยู่ในที่​ดิ​นมรดกของเขา สร้างเมืองขึ้นใหม่และอาศัยอยู่ในนั้น \v 24 ครั้งนั้นประชาชนอิสราเอลก็​กล​ับจากที่นั่นไปยังตระกูลและครอบครัวของตน ต่างก็ยกกลับไปสู่​ดิ​นแดนมรดกของตน \v 25 ในสมัยนั้นไม่​มี​​กษัตริย์​ในอิสราเอล ​ทุ​กคนทำตามอะไรก็​ตามที่​​ถู​กต้องในสายตาของตนเอง