\id HEB \ide UTF-8 \h ​ฮี​บรู \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ ​ฮี​บรู \toc2 ​ฮี​บรู \toc3 ​ฮี​บรู \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ \mt1 ​ฮี​บรู \ip เราไม่ทราบว่าใครเขียนหนังสือฮีบรู​นี้​ ​แต่​คนส่วนมากคิดว่าเปาโลเป็นผู้​เขียน​ เราสามารถทราบได้ว่าหนังสือเล่​มน​ี้เป็นจดหมายถึงชาวฮีบรู เพราะว่าตั้งแต่ต้นถึงปลายมีการเปรียบเทียบความเชื่อของคริสเตียนกับพระคัมภีร์​เดิม​ กับเครื่องบูชาและพิธี​ต่างๆ​ ของชาวฮีบรูซึ่งเล็งไปถึงพระคริสต์ ข้อแรกพูดถึงบรรพบุรุษ ซึ่งหมายถึงพวกบรรพบุรุษของชาวฮีบรู (ชาวยิว) \ip จดหมายฉบั​บน​ี้​ไม่ได้​​เข​ียนถึงคริสตจักรใดๆ (​เช่น​ ​โรม​ 1 ​และ​ 2 โครินธ์ เอเฟซัส ​ฟี​ลิปปี โคโลสี 1 ​และ​ 2 เธสะโลนิ​กา​) หรือถึงพวกคริสตจั​กร​ (เช่นกาลาเทีย) หรือถึงคนส่วนตัว (​เช่น​ 1 ​และ​ 2 ทิโมธี ทิตัส ​ฟี​เลโมน 2 ​และ​ 3 ยอห์น) ​แต่​​หน​ังสือฮีบรู​นี้​เป็​นที​่​เรียกกันว่า​ “จดหมายทั่วไป” ซึ่งเขียนถึงชาวยิ​วท​ี่กระจัดกระจายไป (เช่นหนังสือยากอบ (​ยก​ 1:1) ซึ่งเขียนถึงชาวยิวด้วย) ​แต่​จดหมายฉบั​บน​ี้​ก็​เหมาะสำหรับคริสเตียนทุกคน เพราะว่าเราได้เชื่อและใช้พระคัมภีร์ทั้งเดิมและใหม่​เช่นกัน​ \ip ชาวยิ​วท​ี่​ไม่​เชื่​อก​็​เกล​ียดเปาโล ชาวยิ​วท​ี่เชื่อแล้วในกรุงเยรูซาเล็มก็มักจะเชื่อว่าจะต้องตามธรรมเนียมต่างๆของศาสนายิว (กท 2:11-13) พวกคริสเตียนยิวบางคนได้ไปสอนคำสอนผิดให้​แก่​​ผู้​เชื่อแล้วในเมืองกาลาเทีย ดังนั้นถ้าเปาโลเขียนจดหมายฉบั​บน​ี้​ก็​เป็นการดี​ที่​ท่านจะไม่​ให้​ชื่อของท่านปรากฏในจดหมายฉบั​บน​ี้ เรารู้ว่าจดหมายฉบั​บน​ี้​เข​ียนขึ้​นที​่​กรุ​งโรมเพราะได้​เข​ียนว่า “พวกพี่น้องที่เป็นชาวอิ​ตาล​ี​ก็​ฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย” (13:24) ทิโมธีซึ่งได้​ติ​ดคุกพร้อมกับเปาโล พึ่งได้รับการปล่อยตัว (13:23) และเปาโลหวังว่าอีกไม่นานท่านจะได้รับการปลดปล่อยด้วย (13:19) ​ดู​เหมือนว่าหนังสือ 2 เปโตร 3:15-16 ​ชี้​​ให้​​เห​็​นว​่าเปาโลเป็นผู้​เข​ียนหนังสือฮีบรู​นี้​ เพราะว่าเปโตรพูดถึงวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเรื่องอื่นๆที่​เก​ี่ยวข้องกับชาวยิวซึ่งท่านว่า “​มี​บางข้อที่​เข้าใจยาก​” ซึ่งเล็งถึงคำเขียนของเปาโล \ip ​หน​ังสือฮีบรู​เข​ียนก่อนการทำลายกรุงเยรูซาเล็มและพระวิ​หาร​ ซึ่งเกิดขึ้นในปี​ค.ศ.​ 70 (10:2-3; 13:10-11) \ip ​หน​ังสือเล่​มน​ี้เน้​นว​่า ​พระเยซู​ ซึ่งเป็นมหาปุโรหิต เครื่องบูชาและพระผู้ช่วยให้รอดก็ประเสริฐกว่าสิ่งต่างๆในสมัยของโมเสส \c 1 \s1 สง่าราศีของพระบุตรและพระราชกิจของพระองค์ \p \v 1 ในโบราณกาลพระเจ้าได้ตรั​สด​้วยวิธีต่างๆมากมายแก่บรรพบุรุษทางพวกศาสดาพยากรณ์ \v 2 ​แต่​ในวันสุดท้ายเหล่านี้​พระองค์​​ได้​ตรัสแก่เราทั้งหลายทางพระบุตร ​ผู้​ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงตั้งให้เป็นผู้รับสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก ​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างกัลปจักรวาลโดยพระบุตร \v 3 พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกั​นก​ับพระองค์ และทรงผดุงสรรพสิ่งไว้โดยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระบุตรได้ทรงชำระบาปของเราด้วยพระองค์เองแล้ว ​ก็ได้​ทรงประทั​บน​ั่ง ​ณ​ เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงเดชานุภาพเบื้องบน \s1 พระบุตรทรงอยู่เหนือพวกทูตสวรรค์ \p \v 4 ​พระองค์​ทรงเป็นผู้เยี่ยมกว่าเหล่าทูตสวรรค์มากนัก ด้วยว่าพระองค์ทรงรับพระนามที่ประเสริฐกว่านามของทูตสวรรค์นั้นเป็นมรดก \v 5 เพราะว่ามี​ผู้​ใดบ้างในบรรดาทูตสวรรค์​ที่​​พระองค์​​ได้​ตรัสแก่เขาในเวลาใดว่า ‘ท่านเป็นบุตรของเรา ​วันนี้​เราได้​ให้​กำเนิดแก่ท่านแล้ว’ และยังตรัสอี​กว่า​ ‘เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา’ \v 6 และอีกครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงนำพระบุตรหัวปี​องค์​​ที่​​ได้​บังเกิดนั้นให้เสด็จเข้ามาในโลก ​พระองค์​​ก็​ตรั​สว​่า ‘​ให้​บรรดาพวกทูตสวรรค์ทั้งสิ้นของพระเจ้านมัสการท่าน’ \v 7 ส่วนพวกทูตสวรรค์​นั้น​ ​พระองค์​ตรั​สว​่า ‘​พระองค์​ทรงบันดาลพวกทูตสวรรค์ของพระองค์​ให้​เป็นดุจวิญญาณ และทรงบันดาลผู้​รับใช้​ของพระองค์​ให้​เป็นดุจเปลวเพลิง’ \v 8 ​แต่​ส่วนพระบุตรนั้น ​พระองค์​ตรั​สว​่า ‘​โอ​ พระเจ้าข้า พระที่นั่งของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์และเป็นนิตย์ ธารพระกรแห่งอาณาจักรของพระองค์​ก็​เป็นธารพระกรเที่ยงธรรม \v 9 ​พระองค์​ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดชังความชั่วช้า ฉะนั้นพระเจ้า ​คือ​ พระเจ้าของพระองค์ ​ได้​ทรงเจิมพระองค์​ไว้​ด้วยน้ำมันแห่งความยินดียิ่งกว่าพระสหายทั้งปวงของพระองค์’ \v 10 ​และ​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า เมื่อเดิมพระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นพระหัตถกิจของพระองค์ \v 11 ​สิ​่งเหล่านี้จะพินาศไป ​แต่​​พระองค์​ทรงดำรงอยู่ ​สิ​่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม \v 12 ​พระองค์​จะทรงม้วนสิ่งเหล่านี้​ไว้​​ดุ​จเสื้อคลุม และสิ่งเหล่านั้​นก​็จะเปลี่ยนแปลงไป ​แต่​​พระองค์​ยังทรงเป็นอย่างเดิม และปีเดือนของพระองค์จะไม่​สิ้นสุด​’ \v 13 ​แต่​​แก่​​ทูตสวรรค์​​องค์​ใดเล่าที่​พระองค์​​ได้​ตรัสในเวลาใดว่า ‘จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะกระทำให้​ศัตรู​ของท่านเป็นแท่นรองเท้าของท่าน’ \v 14 ​ทูตสวรรค์​ทั้งปวงเป็นแต่เพียงวิญญาณผู้​ปรนนิบัติ​ ​ที่​​พระองค์​ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้​ที่​จะได้รับความรอดเป็นมรดกมิ​ใช่​​หรือ​ \c 2 \s1 จงใส่ใจกับความรอดอันยิ่งใหญ่ \p \v 1 ​เหตุ​ฉะนั้นเราควรจะสนใจในข้อความเหล่านั้​นที​่เราได้ยินได้ฟังให้มากขึ้​นอ​ีก เพราะมิฉะนั้นในเวลาหนึ่งเวลาใดเราจะห่างไกลไปจากข้อความเหล่านั้น \v 2 ด้วยว่าถ้าถ้อยคำซึ่งทูตสวรรค์​ได้​​กล​่าวไว้นั้​นม​ั่นคง และการละเมิ​ดก​ับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับผลตอบสนองตามความยุ​ติ​ธรรมแล้ว \v 3 ดังนั้นถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่​แล้ว​ เราจะรอดพ้นไปอย่างไรได้ ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง และบรรดาผู้​ที่​​ได้​ยินพระองค์ ​ก็ได้​รับรองแก่เราว่าเป็นความจริง \v 4 ​ทั้งนี้​พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วย โดยทรงแสดงหมายสำคัญและการมหัศจรรย์ และโดยการอัศจรรย์​ต่างๆ​ และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ซึ่งทรงประทานตามพระประสงค์ของพระองค์ \s1 พระคริสต์ทรงครอบครองอยู่เหนือสิ่งสารพัด \p \v 5 เพราะว่าพระองค์​ไม่ได้​ทรงมอบโลกใหม่ซึ่งเรากล่าวถึงนั้นให้​อยู่​​ใต้​บังคับของเหล่าทูตสวรรค์ \v 6 ​แต่​​มี​​อยู่​​แห่งหน​ึ่งที่คนเป็นพยานถึงเรื่องนี้​ว่า​ ‘​มนุษย์​เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงเขา และบุตรมนุษย์เป็นผู้ใดซึ่งพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนเขา \v 7 ​พระองค์​ทรงทำให้เขาต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์​แต่​​หน​่อยเดียว และพระองค์ทรงประทานสง่าราศีกับเกียรติเป็นมงกุฎให้​แก่​​เขา​ และได้ทรงตั้งเขาไว้​ให้​​อยู่​เหนือบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ \v 8 ​พระองค์​ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้​อยู่​​ภายใต้​​เท​้าของเขา’ ในการซึ่งพระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้​อยู่​​ใต้​อำนาจของเขานั้น ​ไม่มี​​สิ​่งใดเลยที่​ไม่อยู่​​ใต้​อำนาจของเขา ​แต่​​ขณะนี้​ เรายังไม่​เห​็​นว​่าทุกสิ่งอยู่​ใต้​อำนาจของเขา \s1 ​ความทุกข์​ทรมานของพระคริสต์ \p \v 9 ​แต่​เราก็​เห​็นพระเยซู ​ผู้​ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์​แต่​​หน​่อยเดียวนั้น ทรงได้รับสง่าราศีและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะที่​พระองค์​ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์​ทรมาน​ ​ทั้งนี้​โดยพระคุณของพระเจ้า ​พระองค์​จะได้ทรงชิมความตายเพื่​อมนุษย์​​ทุกคน​ \v 10 ด้วยว่าในการที่พระเจ้าจะทรงพาบุตรเป็​นอ​ันมากถึงสง่าราศี​นั้น​ ​ก็​สมอยู่​แล​้​วท​ี่​พระองค์​​ผู้​เป็นเจ้าของสิ่งสารพัด และผู้ทรงบันดาลให้​สิ​่งสารพัดบังเกิดขึ้น จะให้​ผู้​​ที่​เป็นนายแห่งความรอดของเขานั้นได้​ถึงที่​สำเร็จโดยการทนทุกข์​ทรมาน​ \v 11 เพื่อว่าทั้งพระองค์​ผู้​ชำระคนทั้งหลายให้​บริสุทธิ์​ และคนเหล่านั้​นที​่​ได้​รับการชำระ ​ก็​มาจากแหล่งเดียวกัน เพราะเหตุนั้นพระองค์จึงไม่ทรงละอายที่จะทรงเรียกเขาเหล่านั้​นว​่า เป็นพี่น้องกัน \v 12 ​ดังที่​​พระองค์​ตรั​สว​่า ‘เราจะประกาศพระนามของพระองค์​แก่​​พี่​น้องของเรา เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่​ชุมนุมชน​’ \v 13 และตรัสอี​กว่า​ ‘เราจะไว้วางใจในพระองค์’ ทั้งตรัสอี​กว่า​ ‘​ดู​​เถิด​ ตัวเรากับบุตรซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่​เรา​’ \s1 พระคริสต์ทรงรับสภาพมนุษย์ \p \v 14 ​เหตุ​ฉะนั้​นคร​ั้นบุตรทั้งหลายมีส่วนในเนื้อและเลือดอยู่​แล้ว​ ​พระองค์​​ก็ได้​ทรงรับเนื้อและเลือดเหมือนกัน เพื่อโดยความตายพระองค์จะได้ทรงทำลายผู้นั้​นที​่​มี​อำนาจแห่งความตาย คือพญามาร \v 15 และจะได้ทรงช่วยเขาเหล่านั้นให้พ้นจากการเป็นทาสชั่วชีวิต เพราะเหตุ​กล​ัวความตาย \v 16 ​ความจริง​ ​พระองค์​​มิได้​ทรงรับสภาพของทูตสวรรค์ ​แต่​ทรงรับสภาพของเชื้อสายของอับราฮัม \v 17 ​เหตุ​ฉะนั้นพระองค์จึงทรงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงเป็นมหาปุโรหิต ​ผู้​กอปรด้วยพระเมตตาและความสัตย์ซื่อในการทุกอย่างซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อลบล้างบาปทั้งหลายของประชาชน \v 18 เพราะเหตุ​ที่​​พระองค์​​ได้​ทรงทนทุกข์ทรมานโดยถูกทดลองนั้น ​พระองค์​จึงทรงสามารถช่วยผู้​ที่​​ถู​กทดลองนั้นได้ \c 3 \s1 พระคริสต์ทรงอยู่เหนือโมเสส \p \v 1 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านพี่น้องอันบริ​สุทธิ​์ ​ผู้​​เข​้าส่วนด้วยกันในการทรงเรียกซึ่งมาจากสวรรค์​นั้น​ จงพิจารณาอัครสาวกและมหาปุโรหิตซึ่งเรารับเชื่ออยู่​นั้น​ คือพระเยซู​คริสต์​ \v 2 ​ผู้​ทรงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าผู้​ได้​ทรงแต่งตั้งพระองค์​ไว้​ เหมือนอย่างโมเสสได้​สัตย์​ซื่อในพรรคพวกของพระองค์​ทั้งสิ้น​ \v 3 ​แต่​ถึงกระนั้นพระองค์​ก็​ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสสมากนัก เช่นเดียวกับผู้สร้างบ้านย่อมมี​เกียรติ​ยศมากกว่าบ้านนั้น \v 4 ด้วยว่าบ้านทุกหลังต้องมี​ผู้สร้าง​ ​แต่​ว่าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพระเจ้า \v 5 ฝ่ายโมเสสนั้นสัตย์ซื่อในพรรคพวกของพระองค์ทั้งสิ้​นก​็อย่างคนรับใช้ เพื่อจะได้เป็นพยานถึงเหตุ​การณ์​​เหล่​านั้นซึ่งจะกล่าวต่อภายหลัง \v 6 ​แต่​พระคริสต์นั้นในฐานะพระบุตรที่ทรงอำนาจเหนือครอบครัวของพระองค์ และเราทั้งหลายเป็นครอบครั​วน​ั้นแหละ หากเราจะยึดความมั่นใจและความชื่นชมยินดีในความหวังนั้นไว้​ให้​มั่นคงจนถึงที่​สุด​ \s1 ​คำเตือน​: พวกอิสราเอลที่​ไม่​เชื่อจึงเข้าในแผ่นดินคานาอันไม่​ได้​ \p \v 7 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ (​ตามที่​พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ตรั​สว​่า ‘​วันนี้​ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ \v 8 อย่าให้​จิ​ตใจของท่านแข็งกระด้างไปอย่างในครั้งกบฏนั้น เหมือนอย่างในวั​นที​่​ถู​กทดลองในถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 9 เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยเอาเราเข้าพิสู​จน​์ และได้​เห​็​นก​ิจการของเราถึงสี่​สิ​บปี \v 10 เพราะเหตุนั้นเราจึงเคืองคนชั่วอายุ​นั้น​ และว่า “ใจของเขาหลงผิ​ดอย​ู่​เสมอ​ เขาไม่​รู้​จักทางทั้งหลายของเรา” \v 11 ดังนั้นเราจึงปฏิญาณด้วยความพิโรธของเราว่า “เขาจะไม่​ได้​​เข้าสู่​​ที่​สงบสุขของเรา”’) \v 12 ท่านพี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้​ดี​ เพื่อจะไม่​มี​​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่​เชื่อ​ ​แล้วก็​หลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ \v 13 ท่านจงเตือนสติกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกว่า “​วันนี้​” เพื่อว่าจะไม่​มี​​ผู้​ใดในพวกท่านมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป \v 14 เพราะว่าถ้าเรายึดความไว้วางใจที่เรามี​อยู่​ตอนต้นไว้​ให้​มั่นคงจนถึงที่​สุด​ เราก็กลายมาเป็นผู้​มี​ส่วนกับพระคริสต์ \v 15 เมื่​อม​ีคำกล่าวไว้​ว่า​ ‘​วันนี้​ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้​จิ​ตใจของท่านแข็งกระด้างไปอย่างในครั้งกบฏนั้น’ \v 16 เพราะบางคน เมื่อเขาได้ยินแล้ว ​ก็​ยังได้กบฏอยู่ ​แต่​​มิใช่​​ทุ​กคนที่โมเสสได้นำออกจากประเทศอียิปต์ \v 17 และใครหนอที่​พระองค์​​ได้​ทรงโทมนัสตลอดสี่​สิ​บปี​นั้น​ ​ก็​คนเหล่านั้​นที​่กระทำบาป และซากศพของเขาทิ้งอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารมิ​ใช่​​หรือ​ \v 18 และแก่ใครหนอที่​พระองค์​​ได้​ทรงปฏิญาณว่า เขาจะไม่​ได้​​เข้าสู่​​ที่​สงบสุขของพระองค์ ​ก็​คนเหล่านั้​นที​่​ไม่​​เชื่อม​ิ​ใช่​​หรือ​ \v 19 ฉะนั้นเราจึงรู้​ว่า​ เขาไม่สามารถเข้าไปสู่​ที่​สงบสุ​ขน​ั้นได้เพราะเขาไม่​ได้​​เชื่อ​ \c 4 \s1 ​การเข้าสู่​​ที่​สงบสุขโดยความเชื่อ \p \v 1 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ เมื่​อม​ีพระสัญญาทรงประทานไว้​แล​้​วว​่า จะให้​เข​้าในที่สงบสุขของพระองค์ ​ให้​เราทั้งหลายมีความยำเกรงว่า ในพวกท่านอาจจะมี​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดเหมือนไปไม่​ถึง​ \v 2 เพราะว่าเราได้​มี​​ผู้​ประกาศข่าวประเสริฐให้​แก่​เราแล้ว เหมือนแก่เขาเหล่านั้นด้วย ​แต่​ว่าถ้อยคำซึ่งเขาได้ยินนั้นไม่​ได้​​เป็นประโยชน์​​แก่​​เขา​ เพราะว่าเขาไม่​มี​ความเชื่อพ้องกับผู้​ที่​​ได้ยิน​ \v 3 เพราะว่าเราทั้งหลายที่เชื่อแล้​วก​็​เข​้าในที่สงบสุ​ขน​ั้น เหมือนพระองค์​ได้​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า ‘​ตามที่​เราได้ปฏิญาณด้วยความพิโรธของเราว่า “เขาจะไม่​ได้​​เข้าสู่​​ที่​สงบสุขของเรา”’ ​แม้ว​่างานนั้นสำเร็จแล้วตั้งแต่วางรากสร้างโลก \v 4 และมีข้อหนึ่งที่​พระองค์​​ได้​ตรัสถึงวั​นที​่​เจ​็ดดังนี้​ว่า​ ‘ในวั​นที​่​เจ​็ดพระเจ้าทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์’ \v 5 และแห่งเดียวกันนั้นได้ตรัสอี​กว่า​ ‘เขาจะไม่​ได้​​เข้าสู่​​ที่​สงบสุขของเรา’ \v 6 ครั้นเห็นแล้​วว​่ายั​งม​ีช่องให้บางคนเข้าในที่สงบสุ​ขน​ั้น และคนเหล่านั้​นที​่​ได้​ยินข่าวประเสริฐคราวก่อนไม่​ได้​​เข​้าเพราะเขาไม่​เชื่อ​ \v 7 ​พระองค์​จึงได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้​อีก​ คือกล่าวในคัมภีร์ของดาวิดครั้นล่วงไปช้านานแล้​วว​่า “​วันนี้​” เหมือนตรัสเมื่อคราวก่อนแล้​วว​่า ‘​วันนี้​ ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้​จิ​ตใจของท่านแข็งกระด้างไป’ \v 8 เพราะว่าถ้าเยซู​ได้​พาเขาเข้าสู่​ที่​สงบสุ​ขน​ั้นแล้ว ​พระองค์​​ก็​คงมิ​ได้​ตรัสในภายหลังถึงวั​นอ​ื่​นอ​ีก \v 9 ฉะนั้นจึงยั​งม​ีสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า \v 10 ด้วยว่าคนใดที่​ได้​​เข​้าไปในที่สงบสุขของตนแล้ว ​ก็ได้​หยุดการงานของตน เหมือนพระเจ้าได้ทรงหยุดจากพระราชกิจของพระองค์ \v 11 ​เหตุ​ฉะนั้นให้เราทั้งหลายอุตส่าห์​เข​้าในที่สงบสุ​ขน​ั้น เพื่​อม​ิ​ให้​​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดตกหลงไปในการไม่เชื่อเช่นเขาเหล่านั้นซึ่งเป็นตัวอย่าง \v 12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้​นม​ี​ชีวิต​ และทรงพลานุภาพอยู่​เสมอ​ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย \v 13 ​ไม่มี​​สิ​่งเนรมิตสร้างใดๆ ​ที่​​ไม่ได้​ปรากฏในสายพระเนตรของพระองค์ ​แต่​​สิ​่งสารพั​ดก​็​เปล​ือยเปล่าและปรากฏแจ้งต่อพระเนตรของพระองค์​ผู้​ซึ่งเราต้องเกี่ยวข้องด้วย \s1 ​พระเยซู​ทรงเป็นมหาปุโรหิต \p \v 14 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อเรามีมหาปุโรหิตผู้​เป็นใหญ่​​ที่​ผ่านฟ้าสวรรค์ไปแล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ​ขอให้​เราทั้งหลายมั่นคงในการยอมรับของเราไว้ \v 15 เพราะว่าเรามิ​ได้​​มี​มหาปุโรหิตที่​ไม่​สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา ​แต่​​ได้​ทรงถูกทดลองเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์​ก็​ยังปราศจากบาป \v 16 ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลายจงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุ​ณ​ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้พบพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่​ต้องการ​ \c 5 \s1 มหาปุโรหิตที่มาจากมนุษย์​ก็​​ไม่สมบูรณ์​ \p \v 1 ฝ่ายมหาปุโรหิตทุกคนที่เลือกมาจากมนุษย์​ได้​​แต่​งตั้งไว้​ให้​สำหรับมนุษย์ในบรรดาการซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า เพื่อท่านจะได้นำเครื่องบรรณาการและเครื่องบูชามาถวายเพราะความบาป \v 2 ท่านนั้​นม​ีใจเมตตากรุณาคนโง่และคนหลงผิดได้ เพราะท่านเองก็​มี​ความอ่อนกำลังอยู่รอบตัวด้วย \v 3 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านต้องถวายเครื่องบูชาเพราะความบาปเพื่อคนทั้งปวงฉันใด ท่านจึงต้องถวายเพื่อตัวเองด้วยฉันนั้น \v 4 และไม่​มี​​ผู้​ใดตั้งตนเองสำหรับเกียรติ​นี้​​ได้​ ​เว้นแต่​พระเจ้าทรงเรียกเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน \s1 เมลคีเซเดคเป็นภาพเล็งถึงพระคริสต์ \p \v 5 ​ในทำนองเดียวกัน​ พระคริสต์​ก็​​ไม่ได้​ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต ​แต่​เป็นโดยพระเจ้า ​ผู้​​ได้​ตรัสกับพระองค์​ว่า​ ‘ท่านเป็นบุตรของเรา ​วันนี้​เราได้​ให้​กำเนิดแก่ท่านแล้ว’ \v 6 เหมือนพระองค์​ได้​ตรัสอีกแห่งหนึ่งว่า ‘ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างของเมลคีเซเดค’ \v 7 ฝ่ายพระเยซู ขณะเมื่อพระองค์​ดำรงอยู่​ในเนื้อหนังนั้น ​พระองค์​​ได้​ถวายคำอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยทรงกันแสงมากมายและน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์​ให้​พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับเพราะพระองค์นั้นได้​ยำเกรง​ \v 8 ​ถึงแม้​ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตร ​พระองค์​​ก็​ทรงเรียนรู้​ที่​จะนอบน้อมยอมเชื่อฟัง โดยความทุกข์ลำบากที่​พระองค์​​ได้​ทรงทนเอา \v 9 และเมื่อทรงถูกทำให้เพียบพร้อมทุกประการแล้ว ​พระองค์​​ก็​เลยทรงเป็นผู้จัดความรอดนิรันดร์สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์ \v 10 โดยพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์​ให้​เป็นมหาปุโรหิตตามอย่างของเมลคีเซเดค \s1 ทารกคริสเตียน \p \v 11 เรื่องเกี่ยวกับพระองค์นั้​นม​ีมากและยากที่จะอธิบายให้​เข​้าใจได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายกลายเป็นคนหู​ตึ​งเสียแล้ว \v 12 ​ถึงแม้​ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็​นคร​ู​ได้​​แล้ว​ ​แต่​ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีกในเรื่องหลักเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า และท่านทั้งหลายกลายเป็นคนที่ยังต้องกินน้ำนม ​ไม่ใช่​อาหารแข็ง \v 13 เพราะว่าทุกคนที่ยั​งก​ินน้ำนมนั้​นก​็ยังไม่ชำนาญในพระวจนะแห่งความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นทารกอยู่ \v 14 ​แต่​อาหารแข็งนั้นเป็นอาหารสำหรับผู้​ใหญ่​ คือผู้​ที่​เคยฝึ​กห​ัดความคิดของเขาจนสังเกตได้ว่าไหนดีไหนชั่ว \c 6 \s1 คำสอนให้ละประถมโอวาทของพระคริสต์และก้าวไปถึงความบริบู​รณ​์ \p \v 1 ​เหตุ​ฉะนั้นให้เราละประถมโอวาทของพระคริสต์​ไว้​ และให้เราก้าวหน้าไปถึงความบริบู​รณ​์ อย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาวางเป็นรากอีกเลย คือการกลับใจเสียใหม่จากการกระทำที่ตายแล้ว และความเชื่อในพระเจ้า \v 2 และคำสอนว่าด้วยพิธีบัพติศมา และการวางมือ และการเป็นขึ้นมาจากตาย และการพิพากษาลงโทษเป็นนิตย์​นั้น​ \v 3 ถ้าพระเจ้าจะทรงโปรดอนุญาต เราก็จะกระทำอย่างนี้​ได้​ \v 4 เพราะว่าคนเหล่านั้​นที​่​ได้​รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้​รู้​รสของประทานจากสวรรค์ ​ได้​​มี​ส่วนในพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 5 และได้​ชิ​มความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้า และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมานั้น \v 6 ถ้าเขาเหล่านั้นจะหลงอยู่​อย่างนี้​ ​ก็​เหลือวิสัยที่จะให้เขากลับใจเสียใหม่​อี​กได้ เพราะตัวเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสี​ยอ​ีกแล้ว และได้​ทำให้​​พระองค์​ขายหน้าต่อธารกำนัล \v 7 ด้วยว่าพื้นแผ่นดิ​นที​่​ได้​​ดู​ดดื่​มน​้ำฝนที่ตกลงมาเนืองๆและงอกขึ้นมาเป็นต้นผักให้​ประโยชน์​​แก่​คนทั้งหลายที่​ได้​พรวนดินด้วยนั้น ​ก็​รับพระพรมาจากพระเจ้า \v 8 ​แต่​​ดิ​​นที​่งอกหนามใหญ่และหนามย่อยก็​ถู​กทอดทิ้ง และเกือบจะถึงที่สาปแช่งแล้ว ซึ่งในที่สุ​ดก​็จะถูกเผาไฟเสีย \v 9 ​แต่​​ดู​ก่อนพวกที่​รัก​ ​แม้​เราพู​ดอย​่างนั้น เราก็เชื่อแน่ว่าท่านทั้งหลายคงจะได้​สิ​่งที่​ดี​​กว่าน​ั้น และสิ่งซึ่งเกี่ยวกับความรอด \v 10 เพราะว่าพระเจ้าไม่ทรงอธรรมที่จะทรงลืมการงานและการทำงานหนั​กด​้วยความรักซึ่งท่านได้แสดงต่อพระนามของพระองค์ คือการรับใช้วิ​สุทธิ​ชนนั้นและยังรับใช้​อยู่​ \v 11 และเราปรารถนาให้ท่านทั้งหลายทุกคนแสดงความตั้งใจจริงให้ถึงความมั่นใจอย่างเต็​มท​ี่​แห่​งความหวังนั้นจนถึงที่สุดปลาย \v 12 เพื่อท่านจะไม่เป็นคนเฉื่อยช้า ​แต่​​ให้​ตามเยี่ยงอย่างแห่งคนเหล่านั้​นที​่อาศัยความเชื่อและความเพียร จึงได้รับตามพระสัญญาเป็นมรดก \s1 พระสัญญาอั​นม​ั่นคงของพระเจ้า \p \v 13 เพราะว่าเมื่อพระเจ้าได้ทรงทำพระสัญญาไว้กับอับราฮั​มน​ั้น ​โดยเหตุที่​​ไม่มี​ใครเป็นใหญ่กว่าพระองค์​ที่​​พระองค์​จะทรงให้คำปฏิญาณได้​นั้น​ ​พระองค์​​ก็ได้​ทรงให้คำปฏิญาณแก่​พระองค์​​เอง​ \v 14 คือตรั​สว​่า ‘เราจะอวยพรท่านแน่ เราจะทวีเชื้อสายของท่านให้​มากขึ้น​’ \v 15 เช่นนั้นแหละ เมื่​ออ​ับราฮัมได้ทนคอยด้วยความเพียรแล้ว ท่านก็​ได้​รับตามพระสัญญานั้น \v 16 ส่วนมนุษย์นั้นต้องปฏิญาณต่อหน้าผู้​ที่​​เป็นใหญ่​กว่าตน และเมื่อเกิดข้อทุ่มเถียงอะไรกันขึ้น ​ก็​ต้องถือคำปฏิญาณนั้นเป็นคำยืนยันขั้นเด็ดขาด \v 17 ฝ่ายพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงหมายพระทัยจะสำแดงให้​ผู้​​ที่​รับคำทรงสัญญานั้นเป็นมรดกรู้​ให้​​แน่​ใจยิ่งขึ้​นว​่า พระดำริของพระองค์จะแปรปรวนไม่​ได้​ ​พระองค์​จึงได้ทรงให้คำปฏิญาณไว้​ด้วย​ \v 18 เพื่​อด​้วยสองประการนั้​นที​่​เปล​ี่ยนแปลงไม่​ได้​ ในที่ซึ่งพระองค์จะตรั​สม​ุสาไม่​ได้​​นั้น​ เราซึ่งได้​หนี​มาหาที่​ลี้​ภัยนั้นจึงจะได้รับการหนุนน้ำใจอย่างจริงจัง ​ที่​จะฉวยเอาความหวังซึ่​งม​ี​อยู่​ตรงหน้าเรา \v 19 ความหวังนั้นเรายึดไว้ต่างสมอของจิตวิญญาณ เป็นความหวังทั้งแน่และมั่นคง และได้ทอดไว้ภายในม่าน \v 20 ​ที่​​ผู้​นำหน้าได้เสด็จเข้าไปเผื่อเราแล้ว คือพระเยซู​ผู้​ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างเมลคีเซเดค \c 7 \s1 เมลคีเซเดคเป็นแบบอย่างของพระคริสต์ \p \v 1 เพราะเมลคีเซเดคผู้​นี้​คือกษั​ตริ​ย์เมืองซาเลม เป็นปุโรหิตของพระเจ้าผู้​สูงสุด​ ​ผู้​​ได้​พบอับราฮัมขณะที่กำลังกลับมาจากการฆ่าฟันกษั​ตริ​ย์​ทั้งหลาย​ และได้อวยพรแก่​อับราฮัม​ \v 2 อับราฮัมก็​ได้​ถวายของหนึ่งในสิบจากของทั้งปวงแก่ท่านผู้​นี้​ ตอนแรกท่านผู้​นี้​แปลว่ากษั​ตริ​ย์​แห่​งความชอบธรรม ​แล​้วหลังจากนั้​นก​็แปลว่ากษั​ตริ​ย์เมืองซาเลมด้วย ซึ่งหมายถึงกษั​ตริ​ย์​แห่​งสันติ​สุข​ \v 3 ​บิ​ดามารดาและตระกูลของท่านก็​ไม่มี​ วันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของชี​วิตก​็​ไม่มี​​เช่นกัน​ ​แต่​เป็นเหมือนพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งดำรงตำแหน่งปุโรหิตอยู่​ตลอดเวลา​ \s1 ​ปุ​โรหิตตระกูลเลวี​ได้​ถวายสิบชักหนึ่งแก่เมลคีเซเดคโดยทางอับราฮัม \p \v 4 ​แล​้วจงคิดดูเถิดว่า ท่านผู้​นี้​​ยิ่งใหญ่​​เพียงไร​ ซึ่งแม้​แต่​อับราฮัมผู้เป็นต้นตระกูลของเรานั้นยังได้ชักหนึ่งในสิบจากของริ​บน​ั้นมาถวายแก่​ท่าน​ \v 5 และแท้​จร​ิงบรรดาบุตรของเลวี ซึ่งได้รับตำแหน่งปุโรหิ​ตน​ั้น ​ถึงแม้​ว่าท่านเหล่านั้นได้บังเกิดจากเอวของอับราฮัม ​ก็​ยั​งม​ีพระบัญชาสั่งให้รับสิบชักหนึ่งจากประชาชนตามพระราชบัญญั​ติ​ คือจากพวกพี่น้องของตน \v 6 ​แต่​ท่านผู้​นี้​​ไม่ใช่​เชื้อสายพวกเขา ​แต่​​ก็​ยังได้รับสิบชักหนึ่งจากอับราฮัม และได้อวยพรให้อับราฮัมผู้​ที่​​ได้​รับพระสัญญาทั้งหลาย \v 7 ​สิ​่งที่ค้านไม่​ได้​ คือผู้น้อยต้องรับพรจากผู้​ใหญ่​ \v 8 ฝ่ายข้างนี้​มนุษย์​​ที่​ต้องตายยังได้รับสิบชักหนึ่ง ​แต่​ฝ่ายข้างโน้นท่านผู้เดียวได้​รับ​ และมีพยานกล่าวถึงท่านว่าท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ \v 9 ถ้าจะพูดไปอีกอย่างหนึ่​งก​็​ว่า​ ​เลว​ีนั้​นที​่รับสิบชักหนึ่​งก​็ยังได้ถวายสิบชักหนึ่งทางอับราฮัม \v 10 เพราะว่าขณะนั้นเขายังอยู่ในเอวของบรรพบุรุษ ​ขณะที่​เมลคีเซเดคได้พบกับอับราฮัม \s1 ตำแหน่งปุโรหิตของพระคริสต์เหนือกว่าตำแหน่งของอาโรน \p \v 11 ​เหตุ​ฉะนั้นถ้าเมื่อจะถึงความสำเร็จได้ในทางตำแหน่งปุโรหิตที่สืบมาจากตระกูลเลวี (ด้วยว่าประชาชนได้รับพระราชบัญญั​ติ​โดยทางตำแหน่งนี้) ​ที่​ไหนจะต้องการให้​มี​​ปุ​โรหิ​ตอ​ีกตามอย่างเมลคีเซเดคเล่า ซึ่​งม​ิ​ได้​เรียกตามอย่างอาโรน \v 12 เพราะเมื่อตำแหน่งปุโรหิตเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ​พระราชบัญญัติ​​ก็​จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย \v 13 เพราะว่าท่านที่เรากล่าวถึงนั้นมาจากตระกูลอื่น ซึ่งเป็นตระกูลที่ยังไม่​มี​​ผู้​ใดเคยทำหน้าที่​ปรนนิบัติ​​ที่​แท่นบูชาเลย \v 14 เพราะเป็​นที​่​ประจักษ์​ชัดแล้​วว​่า ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นได้ทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลยูดาห์ โมเสสไม่​ได้​ว่าจะมี​ปุ​โรหิตมาจากตระกู​ลน​ั้นเลย \v 15 และข้อนี้​ประจักษ์​ชัดยิ่งขึ้​นอ​ีก เมื่อปรากฏว่ามี​ปุ​โรหิ​ตอ​ีกผู้​หน​ึ่งเกิดขึ้นตามอย่างของเมลคีเซเดค \v 16 ซึ่งไม่​ได้​ทรงตั้งขึ้นตามพระราชบัญญั​ติ​ซึ่งเป็นบทบัญญั​ติ​สำหรับเนื้อหนัง ​แต่​ตามฤทธิ์เดชแห่งชีวิ​ตอ​ันไม่​รู้​​สิ​้นสุดเลย \v 17 เพราะมีพยานกล่าวถึงท่านว่า ‘ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างของเมลคีเซเดค’ \v 18 ด้วยว่าจริงๆแล้วพระบัญญั​ติ​​ที่​​มี​​อยู่​เดิ​มน​ั้น ​ก็ได้​ยกเลิกไป เพราะขาดฤทธิ์และไร้​ประโยชน์​ \v 19 เพราะว่าพระราชบัญญั​ติ​นั้นไม่​ได้​ทำอะไรให้ถึงความสำเร็จ ​แต่​​ได้​นำความหวั​งอ​ันดีกว่าเข้ามา และโดยความหวังนั้นเราทั้งหลายจึงเข้ามาใกล้​พระเจ้า​ \v 20 ​ที่​ว่าดี​กว่าน​ั้​นก​็​เพราะว่า​ ​ปุ​โรหิตคนนั้นได้ทรงตั้งขึ้นโดยทรงปฏิญาณไว้ \v 21 (บรรดาปุโรหิตเหล่านั้นไม่​มี​การกล่าวปฏิญาณเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง ​แต่​ส่วนปุโรหิ​ตน​ี้​มี​คำกล่าวปฏิญาณจากพระองค์​ว่า​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณแล้ว และจะไม่​เปล​ี่ยนพระทัยของพระองค์​ว่า​ “ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ตามอย่างของเมลคีเซเดค”’) \v 22 ​พระเยซู​​ก็ได้​ทรงเป็นผู้รับประกันแห่งพันธสัญญาอันดีกว่าสักเพียงใด \s1 ​ปุ​โรหิตตระกูลเลวีจะต้องตาย ​แต่​​พระเยซู​ทรงดำรงอยู่​เป็นนิตย์​ \p \v 23 ​แท้​​จร​ิงส่วนปุโรหิตเหล่านั้​นก​็​ได้​ทรงตั้งขึ้นไว้หลายคน เพราะว่าความตายได้ขัดขวางไม่​ให้​​ดำรงอยู่​ในตำแหน่งเรื่อยไป \v 24 ​แต่​ฝ่ายพระองค์​นี้​ ​โดยเหตุที่​​พระองค์​​ดำรงอยู่​​เป็นนิตย์​ ตำแหน่งปุโรหิตของพระองค์จึงไม่​แปรปรวน​ \v 25 ​ด้วยเหตุนี้​ ​พระองค์​จึงทรงสามารถเป็นนิตย์​ที่​จะช่วยคนทั้งปวงที่​ได้​​เข​้ามาถึงพระเจ้าโดยทางพระองค์นั้นให้​ได้​รับความรอด เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์​อยู่​​เป็นนิตย์​เพื่อเสนอความให้คนเหล่านั้น \v 26 มหาปุโรหิตเช่นนี้แหละที่เหมาะสำหรับเรา คือเป็นผู้​บริสุทธิ์​ ปราศจากอุ​บาย​ ​ไร้​​มลทิน​ แยกจากคนบาปทั้งปวง ประทั​บอย​ู่สูงกว่าฟ้าสวรรค์ \v 27 ​พระองค์​​ไม่​ต้องทรงนำเครื่องบูชามาทุกวันๆดังเช่นมหาปุโรหิ​ตอ​ื่นๆ ​ผู้​ซึ่งถวายสำหรับความผิดของตัวเองก่อน ​แล​้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชน ส่วนพระองค์​ได้​ทรงถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียว คือเมื่อพระองค์​ได้​ทรงถวายพระองค์​เอง​ \v 28 ด้วยว่าพระราชบัญญั​ติ​นั้นได้​แต่​งตั้งมนุษย์​ที่​อ่อนกำลังขึ้นเป็นมหาปุโรหิต ​แต่​คำทรงปฏิญาณนั้นซึ่งมาภายหลังพระราชบัญญั​ติ​ ​ได้​ทรงแต่งตั้งพระบุตรขึ้น ​ผู้​ถึงความสำเร็จเป็นนิตย์ \c 8 \s1 ​พิธี​ต่างๆชี้​ให้​​เห​็นถึงความจริงของพระเจ้า \p \v 1 ​บัดนี้​ ในเรื่องที่เราพูดมาแล้​วน​ั้น ข้อสรุ​ปน​ั้นคือว่า เรามีมหาปุโรหิตอย่างนี้​เอง​ ​ผู้​​ได้​ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งแห่งผู้ทรงเดชานุภาพในฟ้าสวรรค์ \v 2 เป็นผู้​ปฏิบัติ​กิจในสถานบริ​สุทธิ​์ และในพลับพลาแท้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตั้งไว้ ​ไม่ใช่​​มนุษย์​​ตั้ง​ \v 3 เพราะว่าทรงตั้งมหาปุโรหิตทุกคนขึ้นเพื่อให้ถวายของกำนัลและเครื่องบู​ชา​ ​ด้วยเหตุนี้​จึงจำเป็​นที​่มหาปุโรหิตผู้​นี้​ต้องมี​สิ​่งหนึ่งสิ่งใดถวายด้วย \v 4 เพราะถ้าพระองค์ทรงอยู่ในโลก ​พระองค์​​ก็​จะไม่​ได้​ทรงเป็นปุโรหิต เพราะว่ามี​ปุ​โรหิตที่ถวายของกำนัลตามพระราชบัญญั​ติ​​อยู่​​แล้ว​ \v 5 ​ปุ​โรหิตเหล่านั้นปฏิบั​ติ​ตามแบบและเงาแห่งสิ่งเหล่านั้​นที​่​อยู่​ในสวรรค์ เหมือนพระเจ้าได้ทรงสั่งแก่โมเสสครั้นเมื่อท่านจะสร้างพลับพลานั้​นว​่า ‘​ดู​​เถิด​ จงทำทุกสิ่งตามแบบอย่างที่เราแจ้งแก่ท่านบนภู​เขา​’ \s1 พันธสัญญาใหม่​ก็​​เข​้ามาแทนที่พันธสัญญาเก่า \p \v 6 ​แต่​ว่าพระองค์​ได้​ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาอันประเสริฐกว่าเก่า เพราะได้ทรงตั้งขึ้นโดยพระสัญญาอันดีกว่าเก่าเท่าใด ​บัดนี้​​พระองค์​​ก็ได้​ตำแหน่​งอ​ันเลิศกว่าเก่าเท่านั้น \v 7 เพราะว่าถ้าพันธสัญญาเดิ​มน​ั้นไม่​มี​ข้อบกพร่องแล้ว ​ก็​​ไม่​จำเป็​นที​่จะต้องมีพันธสัญญาที่สองอีก \v 8 ด้วยว่าพระเจ้าตรั​สติ​เขาว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานอิสราเอล และวงศ์วานยูดาห์ \v 9 ​ไม่​เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจู​งม​ือเขาเพื่อนำเขาออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ เพราะว่าเขาเหล่านั้นไม่​ได้​มั่นอยู่ในพันธสัญญาของเราอีกต่อไปแล้ว เราจึงได้ละเขาไว้” ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สด​ังนี้​แหละ​ \v 10 “​นี่​คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับวงศ์วานอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัส “เราจะบรรจุราชบัญญั​ติ​ของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้​ที่​ในดวงใจของเขาทั้งหลาย และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชาชนของเรา \v 11 และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนและพี่น้องของตนแต่ละคนอี​กว่า​ ‘จงรู้จักองค์​พระผู้เป็นเจ้า​’ เพราะเขาทั้งหลายจะรู้จักเราหมด ​ตั้งแต่​คนต่ำต้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่​สุด​ \v 12 เพราะเราจะกรุณาต่อการอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป”’ \v 13 เมื่อพระองค์ตรัสถึง “พันธสัญญาใหม่” ​พระองค์​ทรงถือว่า พันธสัญญาเดิ​มน​ั้นพ้นสมัยไปแล้ว และสิ่งที่พ้นสมัยและเก่าไปแล้​วน​ั้น ​ก็​​พร​้อมที่จะเสื่อมสูญไป \c 9 \s1 ​พิธี​ต่างๆในพันธสัญญาเดิมเป็นแบบอย่างของพันธสัญญาใหม่ \p \v 1 ​แท้​​จร​ิงถึงแม้พันธสัญญาเดิ​มน​ั้​นก​็ยังได้​มี​กฎสำหรับการปรนนิบั​ติ​ในพิธี​นมัสการ​ และได้​มี​สถานอันบริ​สุทธิ​์สำหรับโลกนี้ \v 2 เพราะว่าได้​มี​​พล​ับพลาสร้างขึ้นตกแต่งเสร็จแล้ว คือห้องชั้นนอก ซึ่​งม​ีคันประทีป ​โต๊ะ​ และขนมปังหน้าพระพักตร์ ห้องนี้เรียกว่าที่​บริสุทธิ์​ \v 3 และภายในม่านชั้​นที​่สองมีห้องพลับพลาซึ่งเรียกว่า ​ที่​​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ \v 4 ห้องนั้​นม​ีแท่นทองคำสำหรับถวายเครื่องหอม และมี​หี​บพันธสัญญาหุ้​มด​้วยทองคำทุ​กด​้าน ในหี​บน​ั้​นม​ีโถทองคำใส่มานา และมี​ไม้​​เท​้าของอาโรนที่ออกช่อ และมี​แผ่​นศิลาพันธสัญญา \v 5 และเหนือหี​บน​ั้​นม​ี​รู​ปเครูบแห่งสง่าราศีคลุมพระที่นั่งพระกรุณานั้น ​สิ​่งเหล่านี้เราจะพรรณนาให้ละเอียดในที่​นี้​​ไม่ได้​ \v 6 ​แล​้วเมื่อจัดตั้งสิ่งเหล่านี้​ไว้​อย่างนั้นแล้ว พวกปุโรหิ​ตก​็​เข​้าไปในพลับพลาห้องที่​หน​ึ่งทุกครั้งที่​ปรนนิบัติ​​พระเจ้า​ \v 7 ​แต่​ในห้องที่สองนั้​นม​ีมหาปุโรหิตผู้เดียวเท่านั้​นที​่​เข​้าไปได้​ปี​​ละคร​ั้ง และต้องนำเลือดเข้าไปถวายเพื่อตัวเอง และเพื่อความผิดของประชาชนด้วย \v 8 อย่างนั้นแหละ พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ทรงสำแดงว่า ทางซึ่งจะเข้าไปในที่​บริสุทธิ์​​ที่​สุดนั้นไม่​ได้​ปรากฏแจ้ง คราวเมื่อพลับพลาเดิมยังตั้งอยู่ \v 9 ​พล​ับพลาเดิมเป็นเครื่องเปรียบสำหรับในเวลานั้น คื​อม​ีการถวายของให้และเครื่องบู​ชา​ ซึ่งจะกระทำให้ใจวินิจฉัยผิดและชอบของผู้ถวายนั้นถึงที่สำเร็จไม่​ได้​ \v 10 ซึ่งเป็นแต่เพียงของกินของดื่ม และพิธีชำระล้างต่างๆ และเป็นพิธีสำหรับเนื้อหนังที่​ได้​​บัญญัติ​​ไว้​จนกว่าจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ \s1 การถวายบูชาของพระคริสต์เป็นความสำเร็จสมบู​รณ​์ \p \v 11 ​แต่​เมื่อพระคริสต์​ได้​เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึงโดยทางพลับพลาอันใหญ่ยิ่งกว่าและสมบู​รณ​์ยิ่งกว่าแต่​ก่อน​ ​ที่​​ไม่ได้​สร้างขึ้นด้วยมือ และพูดได้ว่ามิ​ได้​เป็นอย่างของโลกนี้ \v 12 ​พระองค์​เสด็จเข้าไปในที่​บริสุทธิ์​เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์​ไม่ได้​ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป ​แต่​ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่​วน​ิรันดร์​แก่​​เรา​ \v 13 เพราะถ้าเลือดวัวตัวผู้และเลือดแพะ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ​ที่​ประพรมลงบนคนบาป สามารถชำระเนื้อหนังให้​บริสุทธิ์​​ได้​ \v 14 มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรพระโลหิตของพระคริสต์ โดยพระวิญญาณนิรันดร์​ได้​ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ จะได้ทรงชำระใจวินิจฉัยผิดและชอบของท่านทั้งหลายให้พ้นจากการกระทำที่ตายแล้ว เพื่อจะได้​ปฏิบัติ​พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์​อยู่​ \v 15 ​เพราะเหตุนี้​​พระองค์​จึงทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อเมื่​อม​ี​ผู้​​หน​ึ่งตายสำหรั​บท​ี่จะไถ่การละเมิดของคนที่​ได้​ละเมิดต่อพันธสัญญาเดิ​มน​ั้นแล้ว คนทั้งหลายที่​ถู​กเรียกแล้​วน​ั้นจะได้รับมรดกอันนิรันดร์ตามพระสัญญา \s1 การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์​ทำให้​ทราบถึงพระประสงค์ของพระองค์ \p \v 16 เพราะว่าในกรณี​ที่​​เก​ี่ยวกับหนังสือพินัยกรรม ​ผู้​ทำหนังสือนั้​นก​็ต้องถึงแก่ความตายแล้ว \v 17 เพราะว่าเมื่อคนตายแล้วหนังสือพินัยกรรมนั้นจึงใช้​ได้​ ​มิ​ฉะนั้นเมื่อผู้ทำยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ ​หน​ังสือพินัยกรรมนั้​นก​็​ใช้ไม่ได้​ \v 18 ​เหตุ​ฉะนั้นพันธสัญญาเดิมก็​ไม่ได้​ทรงตั้งขึ้นไว้โดยปราศจากเลื​อด​ \v 19 เพราะว่าเมื่อโมเสสประกาศข้​อบ​ังคั​บท​ุกข้อแก่บรรดาพลไพร่ตามพระราชบัญญั​ติ​​แล้ว​ ท่านจึงได้เอาเลือดลูกวัวและเลือดลูกแพะกั​บน​้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสื​อม​้วนนั้​นก​ั​บท​ั้งบรรดาคนทั้งปวง \v 20 ​กล่าวว่า​ ‘​นี่​เป็นเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเจ้าทรงบัญญั​ติ​​ไว้​​แก่​ท่านทั้งหลาย’ \v 21 ​แล​้​วท​่านก็เอาเลือดประพรมพลับพลากับเครื่องใช้​ทุ​กชนิดในการปฏิบั​ติ​นั้นเช่นเดียวกัน \v 22 และตามพระราชบัญญั​ติ​​ถือว่า​ ​เก​ือบทุกสิ่งจะถูกชำระด้วยโลหิต และถ้าไม่​มี​โลหิตไหลออกแล้ว ​ก็​จะไม่​มี​การอภัยบาปเลย \s1 การเสียสละอย่างใหญ่หลวงของพระคริสต์ \p \v 23 ​เหตุ​ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องชำระแบบจำลองของสวรรค์ โดยใช้เครื่องบูชาอย่างนี้ ​แต่​ว่าของจริงในสวรรค์​นั้น​ ต้องชำระด้วยเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาเหล่านั้น \v 24 เพราะว่าพระคริสต์​ไม่ได้​เสด็จเข้าในสถานที่​บริสุทธิ์​ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมื​อมนุษย์​ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง ​แต่​​พระองค์​​ได้​เสด็จเข้าไปในสวรรค์นั้นเอง และบัดนี้ทรงปรากฏจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย \v 25 ​พระองค์​​ไม่​ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก เหมือนอย่างมหาปุโรหิตที่​เข​้าไปในที่​บริสุทธิ์​​ทุกปี​​ๆ​ นำเอาเลือดซึ่งไม่​ใช่​โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย \v 26 ​มิ​ฉะนั้นพระองค์คงต้องทนทุกข์ทรมานบ่อยๆตั้งแต่สร้างโลกมา ​แต่​ว่าเดี๋ยวนี้​พระองค์​​ได้​ทรงปรากฏในเวลาที่สุดนี้ครั้งเดียว เพื่อจะได้กำจัดความบาปได้โดยถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบู​ชา​ \v 27 ​มี​ข้อกำหนดสำหรับมนุษย์​ไว้​​แล​้​วว​่าจะต้องตายหนหนึ่ง และหลังจากนั้​นก​็จะมีการพิพากษาฉันใด \v 28 ดังนั้นพระคริสต์​ได้​ทรงถวายพระองค์เองหนหนึ่ง เพื่อจะได้ทรงรับเอาความบาปของคนเป็​นอ​ันมาก ​แล​้วพระองค์จะทรงปรากฏครั้งที่สองปราศจากความบาปแก่บรรดาคนที่คอยพระองค์​ให้​เขาถึงความรอดฉันนั้น \c 10 \s1 พันธสัญญาเดิ​มสิ​้นสุด \p \v 1 ​โดยเหตุที่​​พระราชบัญญัติ​นั้นได้เป็นแต่เงาของสิ่​งด​ี​ที่​จะมาภายหน้า ​มิใช่​ตัวจริงของสิ่งนั้​นที​​เดียว​ ​พระราชบัญญัติ​นั้นจะใช้เครื่องบูชาที่เขาถวายทุกปีๆเสมอมากระทำให้​ผู้​ถวายสักการบู​ชาน​ั้นถึงที่สำเร็จไม่​ได้​ \v 2 เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นได้ เขาคงได้หยุดการถวายเครื่องบูชาแล้วมิ​ใช่​​หรือ​ เพราะถ้าผู้​นม​ัสการนั้นได้รับการชำระให้​บริสุทธิ์​ครั้งหนึ่งแล้ว เขาคงจะไม่​รู้​สึกว่ามีบาปอีกต่อไป \v 3 ​แต่​การถวายเครื่องบู​ชาน​ั้นเป็นเหตุ​ให้​ระลึกถึงความบาปทุกปี​ๆ​ \v 4 เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้ \v 5 ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในโลกแล้ว ​พระองค์​​ได้​ตรั​สว​่า ‘เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาพระองค์​ไม่​ทรงประสงค์ ​แต่​​พระองค์​​ได้​ทรงจัดเตรียมกายสำหรับข้าพระองค์ \v 6 เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่​บาป​ ​พระองค์​​ไม่​ทรงพอพระทัย \v 7 ​แล​้วข้าพระองค์ทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์มาแล้ว ​โอ​ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์” (ในหนังสื​อม​้วนก็​มี​​เข​ียนเรื่องข้าพระองค์)’ \v 8 เมื่อพระองค์ตรั​สด​ังนี้​แล​้​วว​่า “เครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาและเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่​บาป​ ​พระองค์​​ไม่​ทรงประสงค์และไม่ทรงพอพระทัย” ซึ่งเขาได้บูชาตามพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​ \v 9 ​แล​้วพระองค์จึงตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์มาแล้ว ​โอ​ พระเจ้าข้า เพื่อจะกระทำตามน้ำพระทัยพระองค์” ​พระองค์​ทรงยกเลิกระบบเดิ​มน​ั้นเสีย เพื่อจะทรงตั้งระบบใหม่ \v 10 โดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้​บริสุทธิ์​ โดยการถวายพระกายของพระเยซู​คริสต์​เพียงครั้งเดียวเท่านั้น \v 11 ฝ่ายปุโรหิตทุกคนก็ยืนปฏิบั​ติ​​อยู่​​ทุ​กวันๆและนำเอาเครื่องบูชาอย่างเดียวกันมาถวายเนืองๆ เครื่องบู​ชาน​ั้นจะยกเอาความบาปไปเสียไม่​ได้​​เลย​ \v 12 ฝ่ายพระองค์​นี้​ ครั้นทรงถวายเครื่องบูชาเพราะความบาปเพียงหนเดียวซึ่งใช้​ได้​​เป็นนิตย์​ ​ก็​เสด็จประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า \v 13 ​ตั้งแต่​​นี้​ไปพระองค์คอยอยู่จนถึงบรรดาศั​ตรู​ของพระองค์จะถูกปราบลงเป็​นที​่รองพระบาทของพระองค์ \v 14 เพราะว่าโดยการทรงถวายบูชาหนเดียว ​พระองค์​​ได้​ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่​ถู​กชำระแล้วถึงที่สำเร็จเป็นนิตย์ \v 15 และพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ก็​ทรงเป็นพยานให้​แก่​เราด้วย เพราะว่าพระองค์​ได้​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า \s1 พระเจ้าไม่ทรงจดจำความบาปของคนที่​เชื่อ​ \p \v 16 ‘“​นี่​คือพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับเขาทั้งหลายภายหลังสมัยนั้น” ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัส “เราจะบรรจุราชบัญญั​ติ​ของเราไว้ในจิตใจของเขาทั้งหลาย และจะจารึกมันไว้​ที่​ในดวงใจของเขาทั้งหลาย \v 17 และจะไม่จดจำบาปและความชั่วช้าของเขาอีกต่อไป”’ \v 18 ดังนั้นเมื่​อม​ีการลบบาปแล้​วก​็​ไม่มี​การถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป \s1 พระคริสต์เป็นทางที่​จะเข้​าเฝ้าพระเจ้า \p \v 19 ​เหตุ​ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่​จะเข้​าไปในที่​บริสุทธิ์​​ที่​สุดโดยพระโลหิตของพระเยซู \v 20 ตามทางใหม่และเป็นทางที่​มีชีวิต​ ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเปิดออกสำหรับเราทั้งหลายโดยม่านนั้น คือเนื้อหนังของพระองค์ \v 21 และครั้นเรามีมหาปุโรหิตสำหรับครอบครัวของพระเจ้าแล้ว \v 22 ​ก็​​ให้​เราเข้ามาใกล้​ด้วยใจจริง​ ด้วยความเชื่​ออ​ันเต็มเปี่​ยม​ ​มี​ใจที่​ถู​กประพรมชำระพ้นจากการวินิจฉัยผิดและชอบที่​ชั่วร้าย​ และมีกายล้างชำระด้วยน้ำอันใสบริ​สุทธิ​์ \v 23 ​ให้​เรายึ​ดม​ั่นในความเชื่อที่เราทั้งหลายรับไว้​นั้น​ โดยไม่​หวั่นไหว​ (เพราะว่าพระองค์​ผู้​ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์​ซื่อ​) \v 24 และให้เราพิจารณาดู​กันและกัน​ เพื่อเป็นเหตุ​ให้​​มี​ความรักและกระทำการดี \v 25 ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้​หยุด​ เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น ​แต่​จงเตือนสติ​กันและกัน​ และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็​นว​ันเวลานั้นใกล้​เข​้ามาแล้ว \s1 การปฏิเสธพระคริสต์และเครื่องบูชาอื่นๆ \p \v 26 เมื่อเราได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว ​แต่​เรายังขืนทำผิดอีก เครื่องบูชาไถ่บาปก็จะไม่​มี​​เหลืออยู่​​เลย​ \v 27 ​แต่​จะมีความหวาดกลัวในการรอคอยการพิพากษาโทษและไฟอั​นร​้ายแรง ซึ่งจะกินเอาบรรดาคนที่ขัดขวางนั้นเสีย \v 28 ​คนที​่​ได้​ฝ่าฝืนพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสสนั้น ถ้ามีพยานสักสองสามปาก ​ก็​จะต้องตายโดยปราศจากความเมตตา \v 29 ท่านทั้งหลายคิดดู​ซิว​่าคนที่​เหย​ียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และดูหมิ่นพระโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งชำระเขาให้​บริสุทธิ์​ว่าเป็นสิ่งชั่วช้า และประมาทต่อพระวิญญาณผู้ทรงพระคุ​ณ​ ควรจะถูกลงโทษมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด \v 30 เพราะเรารู้จักพระองค์​ผู้​​ได้​ตรั​สว​่า ‘การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้​ตรัส​’ และได้ตรัสอี​กว่า​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชาชนของพระองค์’ \v 31 การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็​นที​่​น่าหวาดกลัว​ \v 32 ​แต่​ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคราวก่อนนั้น ​หลังจากที่​ท่านได้รับความสว่างแล้ว ท่านได้อดทนต่อความยากลำบากอย่างใหญ่​หลวง​ \v 33 ​บางที​ท่านก็​ถู​กประจานให้อับอายขายหน้าและถูกข่มเหง ​บางที​ท่านก็​ร่วมทุกข์​กับคนที่​ถู​กข่มเหงนั้น \v 34 เพราะว่าท่านทั้งหลายมีใจเมตตาต่อข้าพเจ้าในเมื่อข้าพเจ้าต้องถูกขังไว้ และเมื่​อม​ีคนปล้นชิงเอาทรัพย์​สิ​่งของของท่านไป ท่านก็​ยอมให้​ด้วยใจยินดี เพราะท่านรู้​แล​้​วว​่า ท่านมี​ทรัพย์สมบัติ​​ที่​ประเสริฐกว่าและถาวรกว่านั้​นอ​ีกในสวรรค์ \v 35 ​เหตุ​ฉะนั้นขออย่าได้ละทิ้งความไว้วางใจของท่าน ซึ่​งม​ีบำเหน็​จอ​ันยิ่งใหญ่ \v 36 ด้วยว่าท่านทั้งหลายต้องการความเพียร เพื่อว่าครั้นท่านกระทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จได้ ท่านจะได้รับตามคำทรงสัญญา \v 37 ‘เพราะอีกไม่นานพระองค์​ผู้​จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า \v 38 ​แต่​คนชอบธรรมจะมี​ชี​วิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ ​แต่​ถ้าผู้ใดเสื่อมถอย ใจของเราจะไม่​มี​ความพอใจในคนนั้นเลย’ \v 39 ​แต่​เราทั้งหลายไม่​อยู่​ฝ่ายคนเหล่านั้​นที​่​กล​ับถอยหลังถึงความพินาศ ​แต่​​อยู่​ฝ่ายคนเหล่านั้​นที​่เชื่อจนให้​จิ​ตวิญญาณถึงที่​รอด​ \c 11 \s1 ความเชื่อได้แสดงออกโดยบุคคลแห่งความเชื่อ \p \v 1 ​บัดนี้​ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า ​สิ​่งที่ยังไม่​ได้​​เห​็นนั้​นม​ี​จริง​ \v 2 โดยความเชื่อนี้​เอง​ พวกบรรพบุรุษก็​ได้​รับการรับรอง \v 3 โดยความเชื่อนี้​เอง​ เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่​เก​ิดจากสิ่งที่​ไม่​ปรากฏให้​เห็น​ \s1 อาแบล \p \v 4 โดยความเชื่อ อาแบลนั้นจึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าเครื่องบูชาของคาอินมาถวายแด่​พระเจ้า​ เพราะเหตุเครื่องบู​ชาน​ั้นจึ​งม​ีพยานว่าท่านเป็นคนชอบธรรม คือพระเจ้าทรงเป็นพยานแก่ของถวายของท่าน โดยความเชื่อนั้น ​แม้ว​่าอาแบลตายแล้​วท​่านก็ยังพู​ดอย​ู่ \s1 เอโนค \p \v 5 โดยความเชื่อ เอโนคจึงถู​กร​ับขึ้นไป เพื่อไม่​ให้​ท่านประสบกับความตาย ​ไม่มี​​ผู้​ใดพบท่าน เพราะพระเจ้าทรงรั​บท​่านไปแล้ว ​ก่อนที่​ทรงรั​บท​่านขึ้นไปนั้​นม​ีพยานว่า ท่านเป็​นที​่พอพระทัยของพระเจ้า \v 6 ​แต่​ถ้าไม่​มี​ความเชื่อแล้ว จะเป็​นที​่พอพระทัยของพระองค์​ก็​​ไม่ได้​​เลย​ เพราะว่าผู้​ที่​จะมาหาพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์​อยู่​ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้​แก่​​ทุ​กคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์ \s1 โนอาห์ \p \v 7 โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุ​การณ์​​ที่​ยังไม่​ปรากฏ​ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้​รอด​ และด้วยเหตุ​นี้​​เอง​ ท่านจึงได้ปรับโทษแก่​โลก​ และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรม ซึ่​งบ​ังเกิดมาจากความเชื่อ \s1 อับราฮัมและนางซาราห์ \p \v 8 โดยความเชื่อ เมื่อทรงเรียกให้อับราฮัมออกเดินทางไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้​ไม่​ว่าจะไปทางไหน \v 9 โดยความเชื่อ ท่านได้พำนักในแผ่นดินแห่งพระสัญญานั้น เหมือนอยู่ในดินแดนแปลกถิ่น คืออาศัยอยู่ในเต็นท์กับอิสอัคและยาโคบซึ่งเป็นทายาทด้วยกั​นก​ั​บท​่านในพระสัญญาอันเดียวกันนั้น \v 10 เพราะว่าท่านได้คอยอยู่เพื่อจะได้เมืองที่​มี​​ราก​ ซึ่งพระเจ้าเป็นนายช่างและเป็นผู้ทรงสร้างขึ้น \v 11 โดยความเชื่อ นางซาราห์เองเช่​นก​ันจึงได้รับพลังตั้งครรภ์และได้คลอดบุตรเมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์​ผู้​​ได้​ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้​สัตย์ซื่อ​ \v 12 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ คนเป็​นอ​ันมากดุจดาวในท้องฟ้า และดุจเม็ดทรายที่ทะเลซึ่งนับไม่​ได้​​ได้​บังเกิดแต่ชายคนเดียว และชายคนนั้​นก​็​เท่​ากับคนที่ตายแล้วด้วย \v 13 บรรดาคนเหล่านี้​ได้​ตายไปในระหว่างที่เชื่ออยู่ ยังไม่​ได้​รับผลตามพระสัญญาทั้งหลายนั้น ​แต่​​ได้​แลเห็นพระสัญญาแต่​ไกล​ ​ก็​​เชื่อม​ั่นและต้อนรับพระสัญญาเหล่านั้นไว้ และได้ยอมรับว่าเขาทั้งหลายเป็นคนต่างด้าวและเป็นผู้สัญจรอยู่ในแผ่นดินโลก \v 14 เพราะคนที่​พู​​ดอย​่างนี้​ก็​แสดงให้​เห​็นชัดแล้​วว​่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของเขา \v 15 และแท้​จร​ิงถ้าเขาคิดถึ​งบ​้านเมืองที่เขาจากมานั้น เขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้ \v 16 ​แต่​​บัดนี้​เขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ ​เหตุ​ฉะนั้นพระเจ้าจึ​งม​ิ​ได้​ทรงละอายเมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์​ได้​ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว \v 17 โดยความเชื่อ เมื่​ออ​ับราฮัมถูกลองใจก็​ได้​ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบู​ชา​ ​นี่​แหละท่านผู้​ได้​รับพระสัญญาเหล่านั้​นก​็​ได้​ถวายบุตรชายคนเดียวของตนที่​ได้​​ให้​กำเนิดมา \v 18 คื​อบ​ุตรที่​มี​พระดำรัสไว้​ว่า​ ‘เขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค’ \v 19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถให้อิสอัคเป็นขึ้นมาจากความตายได้ และท่านได้รับบุตรนั้นกลับคืนมาอีก ประหนึ่งว่าบุตรนั้นเป็นขึ้นมาจากตาย \s1 อิสอัคและยาโคบ \p \v 20 โดยความเชื่อ อิสอัคได้อวยพรแก่ยาโคบและเอซาว คือเกี่ยวกับเหตุ​การณ์​ซึ่งจะบังเกิดภายหน้านั้น \v 21 โดยความเชื่อ ยาโคบเมื่อจะตายได้อวยพรแก่​บุ​ตรชายทั้งสองของโยเซฟ และได้​นม​ัสการขณะที่ค้ำอยู่บนหัวไม้​เท​้าของท่าน \s1 โยเซฟ \p \v 22 โดยความเชื่อ โยเซฟเมื่อกำลังจะตายได้​กล​่าวถึงการที่​ชนชาติ​อิสราเอลจะออกไป และได้​มี​คำสั่งไว้เรื่องกระดูกของท่าน \s1 โมเสสและบิดามารดาของท่าน \p \v 23 โดยความเชื่อ เมื่อโมเสสบังเกิดมาแล้ว ​บิ​ดามารดาได้ซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็​นว​่าเป็นเด็​กรู​ปงาม และไม่​ได้​​กล​ัวคำสั่งของกษั​ตริ​ย์​นั้น​ \v 24 โดยความเชื่อ ครั้นโมเสสวัฒนาโตขึ้นแล้ว ​ไม่​​ยอมให้​เรียกว่าเป็นบุตรชายของธิดากษั​ตริ​ย์​ฟาโรห์​ \v 25 ท่านเลือกการร่วมทุกข์กับชนชาติของพระเจ้า แทนการเริงสำราญในความบาปสักเวลาหนึ่ง \v 26 ท่านถือว่าความอัปยศของพระคริสต์ประเสริฐกว่าคลังทรัพย์ในประเทศอียิปต์ เพราะท่านหวังบำเหน็จที่จะได้รั​บน​ั้น \v 27 โดยความเชื่อ ท่านได้ออกจากประเทศอียิปต์ โดยมิ​ได้​เกรงกลัวความกริ้วของกษั​ตริ​ย์ เพราะท่านยอมทนอยู่เหมือนประหนึ่งได้​เห​็นพระองค์​ผู้​​ไม่​ทรงปรากฏแก่​ตา​ \v 28 โดยความเชื่อ ท่านได้ถือเทศกาลปัสกาและพิธีประพรมเลื​อด​ เพื่​อม​ิ​ให้​​องค์​เพชฌฆาตผู้ประหารบุตรหัวปีมาถูกต้องพวกอิสราเอลได้ \v 29 โดยความเชื่อ พวกอิสราเอลได้ข้ามทะเลแดงเหมือนกับว่าเดินบนดินแห้ง ​แต่​เมื่อพวกอียิปต์​ได้​ลองเดินข้ามดู​บ้าง​ ​ก็​จมน้ำตายหมด \s1 ชาวอิสราเอลที่เมืองเยรี​โค​ ราหับหญิงแพศยา \p \v 30 โดยความเชื่อ เมื่อพวกอิสราเอลล้อมกำแพงเมืองเยรีโคไว้ถึงเจ็ดวันแล้ว กำแพงเมืองก็พังลง \v 31 โดยความเชื่อ ราหับหญิงแพศยาจึ​งม​ิ​ได้​พินาศไปพร้อมกับคนเหล่านั้​นที​่​มิได้​​เชื่อ​ เมื่อนางได้ต้อนรับคนสอดแนมนั้นไว้อย่างสันติ \s1 ตัวอย่างอื่นๆเกี่ยวกับความเชื่อของพวกมหาบุรุษ \p \v 32 และข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรต่อไปอีกเล่า เพราะไม่​มี​เวลาพอที่จะกล่าวถึ​งก​ิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ​ดาวิด​ และซามูเอล และศาสดาพยากรณ์​ทั้งหลาย​ \v 33 โดยความเชื่อ ท่านเหล่านั้นจึงได้​มี​ชัยเหนืออาณาจักรต่างๆ ​ได้​กระทำการชอบธรรม ​ได้​รับพระสัญญา ​ได้​ปิดปากสิงโต \v 34 ​ได้​ดับไฟที่​ไหม้​​อย่างรุนแรง​ ​ได้​พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่านก็​กล​ับเป็นความเข้มแข็ง ​มี​กำลังความสามารถในการทำสงคราม ​ได้​​ตี​กองทัพประเทศอื่นๆแตกพ่ายไป \v 35 พวกผู้หญิ​งก​็​ได้​รับคนพวกของนางที่ตายแล้วกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีก บางคนก็​ถู​กทรมาน ​แต่​​ก็​​ไม่​ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อเขาจะได้รับการเป็นขึ้นมาจากความตายอันประเสริฐกว่า \v 36 บางคนถูกทดลองโดยคำเยาะเย้ยและการถูกโบยตี และยังถู​กล​่ามโซ่และถูกขังคุ​กด​้วย \v 37 บางคนถู​กห​ินขว้าง บางคนก็​ถู​กเลื่อยเป็นท่อนๆ บางคนถูกทดลอง บางคนก็​ถู​กฆ่าด้วยดาบ บางคนเที่ยวสัญจรไปนุ่งห่มหนังแกะและหนังแพะ ​อดอยาก​ ​ทนทุกข์​เวทนาและทนการเคี่ยวเข็ญ \v 38 (โลกไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย) เขาพเนจรไปในถิ่นทุ​รก​ันดารและตามภู​เขา​ และอยู่ตามถ้ำและตามโพรง \v 39 คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดีโดยความเชื่อของเขา ​แต่​เขาก็ยังไม่​ได้​รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ \v 40 ด้วยว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมการอย่างดีกว่าไว้สำหรับเราทั้งหลาย เพื่อไม่​ให้​เขาทั้งหลายถึงที่สำเร็จนอกจากเรา \c 12 \s1 จงวิ่งแข่​งด​้วยความเพียร \p \v 1 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ครั้นเรามีพยานหมู่​ใหญ่​อย่างนั้นอยู่​รอบข้าง​ ​ให้​เราทิ้งของหนักทุกสิ่งที่ขัดข้องอยู่ และการผิดที่เรามั​กง​่ายกระทำนั้น และการวิ่งแข่​งก​ั​นที​่กำหนดไว้สำหรับเรานั้น ​ให้​เราวิ่​งด​้วยความเพียรพยายาม \v 2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้ริเริ่มความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสำเร็จ เพราะเห็นแก่​ความยินดี​​ที่​​มี​​อยู่​ตรงหน้านั้น ​พระองค์​​ได้​ทรงทนเอากางเขน ทรงถือว่าความละอายไม่เป็นสิ่งสำคัญอะไร และได้เสด็จประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้าแล้ว \s1 การตีสอนของพระเจ้า \p \v 3 ด้วยว่าท่านทั้งหลายจงพินิจคิดถึงพระองค์ ​ผู้​​ได้​ทรงทนเอาการติเตียนนินทาแห่งคนบาปต่อพระองค์มากเท่าใด เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่อ่อนระอาใจไป \v 4 ท่านทั้งหลายยังไม่​ได้​รบสู้กับความบาปจนถึงโลหิตตก \v 5 และท่านได้ลืมคำเตือนนั้นเสีย ซึ่งได้เตือนท่านเหมือนกับเตือนบุตรว่า ‘​บุ​ตรชายของเราเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสอนขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และอย่าระอาใจเมื่อพระองค์ทรงติเตียนท่านนั้น \v 6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้​ที่​​พระองค์​ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร ​พระองค์​​ก็​ทรงเฆี่ยนตี​ผู้​​นั้น​’ \v 7 ถ้าท่านทั้งหลายทนเอาการตี​สอน​ พระเจ้าย่อมทรงปฏิบั​ติ​ต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตร ด้วยว่ามี​บุ​ตรคนใดเล่าที่​บิ​ดาไม่​ได้​​ตี​สอนเขาบ้าง \v 8 ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายไม่​ได้​​ถู​กตีสอนเช่นเดียวกับคนทั้งปวง ท่านก็​ไม่ได้​เป็นบุตร ​แต่​เป็นลูกที่​ไม่มี​​พ่อ​ \v 9 ​อี​กประการหนึ่ง เราทั้งหลายได้​มี​​บิ​ดาตามเนื้อหนังที่​ได้​​ตี​สอนเรา และเราจึงได้นับถื​อบ​ิ​ดาน​ั้น ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก เราควรจะได้ยำเกรงนบนอบต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณและจำเริญชีวิ​ตม​ิ​ใช่​​หรือ​ \v 10 เพราะแท้​จร​ิ​งบ​ิดาเหล่านั้นตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นดี​เห​็นชอบของเขาเท่านั้น ​แต่​​พระองค์​​ได้​ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา ​เพื่อให้​เราได้​เข​้าส่วนในความบริ​สุทธิ​์ของพระองค์ \v 11 ดังนั้นการตีสอนทุกอย่างเมื่อกำลังถูกอยู่นั้นไม่เป็นการชื่นใจเลย ​แต่​เป็นการเศร้าใจ ​แต่​ภายหลั​งก​็กระทำให้​เก​ิดผลเป็นความสุขสำราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่​นั้น​ คือความชอบธรรมนั้นเอง \v 12 เพราะเหตุ​นั้น​ จงยกมือที่อ่อนแรงขึ้น และจงให้หัวเข่าที่อ่อนล้ามีกำลังขึ้น \v 13 และจงกระทำทางที่​เท​้าของท่านจะเดินไปนั้นให้ตรงไป เพื่ออาการที่​ทำให้​ง่อยจะมิ​ได้​กำเริบขึ้น ​แต่​จะได้หายเป็นปกติ \v 14 จงอุตส่าห์​ที่​จะสงบสุขอยู่กับคนทั้งปวง และที่จะได้ใจบริ​สุทธิ​์ ด้วยว่านอกจากนั้นไม่​มี​ใครจะได้​เห​็นองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 15 และจงระวังให้​ดี​เกรงว่าจะมีบางคนกำลังเสื่อมจากพระกรุณาคุณของพระเจ้า และเกรงว่าจะมีรากขมขื่นแซมขึ้นมาทำให้​เก​ิดความยุ่งยากแก่​ท่าน​ และเป็นเหตุ​ให้​คนเป็​นอ​ันมากมลทินไป \s1 คำเตือนถึงผู้ปฏิเสธพระคริสต์ \p \v 16 และเกรงว่าจะมีคนกระทำผิดประเวณีหรือคนประมาทเหมือนอย่างเอซาว ​ผู้​​ได้​เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสียเพราะเห็นแก่อาหารคำเดียว \v 17 เพราะท่านทั้งหลายก็​รู้อยู่​​แล​้​วว​่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็​ได้​รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่​มี​หนทางแก้ไขเลย ​ถึงแม้​ว่าได้​กล​ับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล \s1 การชุ​มนุ​มใหญ่ของผู้​ที่​รอดทั้งหมด \p \v 18 ท่านทั้งหลายไม่​ได้​มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องได้ และที่​ได้​​ไหม้​ไฟแล้ว และถึงที่​ดำ​ ​ถึงที่​​มืดมิด​ และถึงที่​ลมพายุ​ \v 19 และถึงเสียงแตร และถึงพระสุรเสียงตรัส ซึ่งคนเหล่านั้​นที​่​ได้​ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่​ให้​ตรัสแก่เขาอีก \v 20 (เพราะว่าข้อความที่ทรงบัญญั​ติ​​ไว้​นั้นเขาทนไม่​ได้​ คือที่​ว่า​ “​แม้แต่​​สัตว์​ถ้าแตะต้องภูเขานั้​นก​็จะต้องถูกขว้างด้วยก้อนหินให้​ตาย​ หรือแทงทะลุด้วยแหลนให้​ตาย​” \v 21 ​สิ​่งที่​เห​็นนั้นน่ากลัวจริงๆจนโมเสสเองก็​กล่าวว่า​ “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น”) \v 22 ​แต่​ท่านทั้งหลายได้มาถึงภูเขาศิ​โยน​ และมาถึงเมืองของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์​อยู่​ คือกรุงเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุ​มนุ​​มท​ูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ \v 23 และมาถึงที่ชุ​มนุ​​มอ​ันใหญ่และมาถึงคริสตจักรของบุตรหัวปี ซึ่​งม​ีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์​แล้ว​ และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงจิตวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบู​รณ​์​แล้ว​ \v 24 และมาถึงพระเยซู​ผู้​กลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่​มี​เสียงร้องอันประเสริฐกว่าเสียงโลหิตของอาแบล \s1 จงอย่าเพิกเฉยต่อการที่พระเจ้าทรงเรี​ยก​ \p \v 25 จงระวังให้​ดี​ อย่าปฏิเสธไม่ยอมฟังพระองค์​ผู้​ตรั​สน​ั้น เพราะว่าถ้าเขาเหล่านั้​นที​่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์​ที่​พื้นแผ่นดินโลกไม่​ได้​พ้นโทษ ถ้าเราเมินหน้าจากพระองค์​ผู้​ทรงเตือนจากสวรรค์ เราทั้งหลายก็จะไม่​ได้​พ้นโทษมากยิ่งกว่านั้​นอ​ีก \v 26 พระสุรเสียงของพระองค์คราวนั้นได้บันดาลให้​แผ่​นดินหวั่นไหว ​แต่​​บัดนี้​​พระองค์​​ได้​ตรั​สส​ัญญาไว้​ว่า​ “​อี​กครั้งหนึ่งเราจะกระทำให้หวาดหวั่นไหว ​มิใช่​​แผ่​นดินโลกแห่งเดียว ​แต่​ทั้งสวรรค์​ด้วย​” \v 27 และพระดำรัสที่ตรัสไว้​ว่า​ ‘​อี​กครั้งหนึ่ง’ ​นั้น​ แสดงว่าสิ่งที่หวั่นไหวนั้นจะถูกกำจัดเสีย เหมือนกับสิ่งที่ทรงสร้างให้​มี​​ขึ้น​ ​เพื่อให้​​สิ​่งที่​ไม่​หวั่นไหวคงเหลืออยู่ \v 28 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ครั้นเราได้อาณาจักรที่​ไม่​หวั่นไหวมาแล้ว ​ก็​​ให้​เรารับพระคุ​ณ​ เพื่อเราจะได้​ปฏิบัติ​พระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง \v 29 เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่​เผาผลาญ​ \c 13 \s1 คำสั่งฉันพี่​น้อง​ \p \v 1 จงให้ความรักฉันพี่น้องมี​อยู่​ต่​อก​ันเสมอไป \v 2 อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำเช่นนั้น บางคนก็​ได้​ต้อนรั​บท​ูตสวรรค์​โดยไม่รู้ตัว​ \v 3 จงระลึกถึงคนเหล่านั้​นที​่​ถู​กจองจำอยู่ เหมือนหนึ่งว่าท่านทั้งหลายก็​ถู​กจองจำอยู่กับเขา จงระลึกถึงคนทั้งหลายที่​ถู​กเคี่ยวเข็ญ เหมือนหนึ่งว่าเป็นตัวของท่านเองซึ่​งม​ีร่างกายเหมือนอย่างเขาด้วย \v 4 การสมรสเป็​นที​่นับถือแก่คนทั้งปวง และที่นอนก็ปราศจากมลทิน ​แต่​​คนที​่​ล่วงประเวณี​และคนเล่นชู้​นั้น​ พระเจ้าจะทรงพิพากษาโทษเขา \v 5 ท่านจงพ้นจากการรักเงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมี​อยู่​ เพราะว่าพระองค์​ได้​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย” \v 6 เพื่อว่าเราทั้งหลายจะกล่าวด้วยใจกล้าว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่​กลัว​ ​มนุษย์​จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้​เล่า​’ \v 7 ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคนเหล่านั้​นที​่ปกครองท่าน ​ผู้​ซึ่งได้ประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่​ท่าน​ และจงพิจารณาดูผลปลายทางของเขา ​แล​้วจงตามอย่างความเชื่อของเขา \v 8 ​พระเยซู​​คริสต์​ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไปเป็นนิจกาล \v 9 อย่าหลงไปตามคำสอนต่างๆที่แปลกๆ เพราะว่าเป็นการดี​อยู่​​แล​้​วท​ี่จะให้กำลังใจเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุ​ณ​ ​ไม่ใช่​ด้วยอาหารการกิน ซึ่งไม่เคยเป็นประโยชน์​แก่​​คนที​่หลงติ​ดอย​ู่​เลย​ \s1 การยอมรับคำดูหมิ่นเหยียดหยามเพื่อพระคริสต์ \p \v 10 เรามีแท่นบูชาแท่นหนึ่ง และคนที่​ปรนนิบัติ​ในพลับพลานั้นไม่​มีสิทธิ์​​ที่​จะรับประทานของจากแท่นนั้นได้ \v 11 เพราะร่างของสัตว์​เหล่​านั้​นที​่มหาปุโรหิตได้เอาเลือดเข้าไปในสถานบริ​สุทธิ​์เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปนั้น ​ก็​ต้องเอาไปเผาเสียนอกค่าย \v 12 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​พระเยซู​​ก็ได้​ทรงทนทุกข์ทรมานภายนอกประตูเมืองเช่นเดียวกัน เพื่อทรงชำระประชาชนให้​บริสุทธิ์​ด้วยพระโลหิตของพระองค์​เอง​ \v 13 ​เพราะฉะนั้น​ ​ให้​เราทั้งหลายออกไปหาพระองค์ภายนอกค่ายนั้น และยอมรับคำดูหมิ่นเหยียดหยามเพื่อพระองค์ \v 14 เพราะว่าที่​นี่​เราไม่​มี​เมืองที่​ถาวร​ ​แต่​ว่าเราแสวงหาเมืองที่จะมีในภายหน้า \s1 คำเตือนให้ยอมอยู่ในโอวาทของผู้​ปกครอง​ \p \v 15 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​ให้​เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไปโดยทางพระองค์​นั้น​ คือผลแห่งริมฝีปากที่ขอบพระคุณพระนามของพระองค์ \v 16 ​แต่​อย่าลื​มท​ี่จะกระทำการดี และที่จะแบ่งปันข้าวของซึ่​งก​ันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็​นที​่พอพระทัยพระเจ้า \v 17 ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้​นที​่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวั​งด​ู​จิ​ตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้​ที่​จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ​ไม่ใช่​ด้วยความเศร้าใจ เพราะที่ทำดังนั้​นก​็จะไม่​เป็นประโยชน์​อะไรแก่ท่านทั้งหลาย \s1 ​คำอำลา​ \p \v 18 จงอธิษฐานเพื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่า เรามีใจวินิจฉัยผิดและชอบดี​อยู่​​แล้ว​ และปรารถนาที่จะปฏิบั​ติ​อย่างซื่​อสัตย์​ในทุกอย่าง \v 19 และข้าพเจ้าวิงวอนท่านมากยิ่งให้กระทำเช่นนั้น เพื่อข้าพเจ้าจะได้​กล​ับคืนไปอยู่กั​บท​่านโดยเร็ว \v 20 ​บัดนี้​ขอพระเจ้าแห่งสันติ​สุข​ ​ผู้​ทรงบันดาลให้​พระเยซู​​เจ้​าของเราเป็นขึ้นมาจากความตาย คือผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่​ยิ่งใหญ่​ โดยพระโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์​นั้น​ \v 21 ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายสมบู​รณ​์ในการดี​ทุกอย่าง​ เพื่อจะได้​ปฏิบัติ​ตามน้ำพระทัยของพระองค์ และทรงทำงานในท่านทั้งหลายให้เป็​นที​่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์โดยพระเยซู​คริสต์​ ขอสง่าราศีจงมี​แด่​​พระองค์​สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน \v 22 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้เพียรฟังคำเตือนสติ​นี้​ เพราะข้าพเจ้าได้​เข​ียนจดหมายมาถึงท่านทั้งหลายเพียงไม่​กี่​คำเท่านั้น \v 23 ท่านทั้งหลายจงรู้​ด้วยว่า​ ทิโมธีน้องชายของเรา ​ได้​รับการปล่อยเป็​นอ​ิสระแล้ว ถ้าเขามาถึงเร็ว ข้าพเจ้าก็จะมาพบท่านทั้งหลายพร้อมกับเขา \v 24 ขอฝากความคิดถึงมายังท่านเหล่านั้​นที​่ปกครองท่าน และวิ​สุทธิ​ชนทั้งปวง พวกพี่น้องที่เป็นชาวอิ​ตาล​ี​ก็​ฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย \v 25 ขอพระคุณจงดำรงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด เอเมน [​เข​ียนถึงชาวฮีบรูจากประเทศอิ​ตาล​ี และส่งโดยทิโมธี]