\id GEN \ide UTF-8 \h ​หน​ังสือปฐมกาล \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​หน​ังสือปฐมกาล \toc2 ​หน​ังสือปฐมกาล \toc3 ​หน​ังสือปฐมกาล \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​หน​ังสือปฐมกาล \ip ​หน​ังสือปฐมกาล เป็นหนังสือเล่มแรกในห้าเล่​มท​ี่โมเสสเขียน ห้าเล่​มน​ี้เราเรียกกั​นว​่า เพ็นทะทูก (อพย 24:4; กดว 32:2; พบญ 31:9) \ip คนต่างๆที่​เข​ียนพระคัมภีร์​ใหม่​บอกว่าโมเสสเป็นผู้​เข​ียนหนังสือห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์​เดิม​ (มก 12:20; ​ลก​ 2:22; 5:14; 24:27, 44; ยน 1:17, 45; 7:19) ​หน​ังสือปฐมกาลเริ่มต้​นก​่อนมี​มนุษย์​​ที่​สามารถเป็นพยานหรื​อบ​ันทึกประวั​ติ​​ศาสตร์​นั้นได้ คือเริ่มต้นเมื่อพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มแรกของพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่​อัศจรรย์​ ​ที่​​ได้​รับจากพระเจ้า และที่​ถู​กต้องในทุกประการ พระคัมภีร์ประเสริฐยิ่งกว่าหนังสือเล่​มอ​ื่นๆทุกเล่ม ​แม้ว​่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับศาสนาหรือประวั​ติ​​ศาสตร์​​ก็ตาม​ พระคัมภีร์นั้นคล้องจองกัน ​อัศจรรย์​ ​ไม่มี​​ความผิด​ และจะอยู่​เป็นนิตย์​ \ip ​พระเยซู​​คริสต์​ทรงอ้างถึงหนังสือปฐมกาล (มธ 19:4-6; 24:37-39; มก 10:4-9; ​ลก​ 11:49-51; 17:26-29, 32; ยน 1:5; 7:21-23; 8:44-56) และพระเยซูตรั​สว​่าโมเสสเป็นผู้​ที่​​เข​ียนหนังสือปฐมกาล (มธ 19:8; มก 10:3; ยน 7:21) \ip ในหนังสือปฐมกาลนี้เราพบรากฐานสำหรับความจริงทุกอย่างซึ่งอยู่ในพระคัมภีร์​ใหม่​ เช่นการที่​มนุษย์​​ทำบาป​ ​การไถ่​บาปด้วยโลหิต ความรอดโดย ​ความเชื่อ​ พระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐาน การเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้​รอด​ ​และ​ “​เชื้อสาย​” ของหญิง (ซึ่งเล็งถึงการบังเกิดของพระเยซู​คริสต์​โดยสาวพรหมจารี) \ip เรารับว่าการลำดับวัน ​เดือน​ ​ปี​​ที่อยู่​ในหนังสือปฐมกาลนั้นได้รับการดลใจจากพระเจ้า ​หน​ังสือเล่มแรกในพระคัมภีร์​นี้​บันทึกเรื่องน้ำท่วมโลกที่ทำลายทุกคนในโลกนี้นอกจากครอบครัวเดียว น้ำท่วมนั้นได้ล้างเมืองทั้งหลาย และการพัฒนาของเมืองเหล่านั้นไปจากพื้นแผ่นดิน น้ำท่วมโลกนั้นเป็นเหตุ​ที่​​มี​กระดูกสัตว์ (fossil) และถ่านหินเป็นชั้นๆอยู่​ใต้ดิน​ และน้ำท่วมนั้นทำให้​แผ่​นดินโลกมีการเปลี่ยนแปลงทั่วไป \ip ​ทฤษฎี​แกรฟ์เวลเฮาว์​สัน​ อ้างว่าหนังสือปฐมกาล (และทั้งห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์เดิ​มด​้วย) มาจากธรรมเนียมต่างๆและแหล่​งอ​ื่นๆ ​แต่​​ทฤษฎี​​นี้​​ถู​กปฏิเสธโดยความจริงที่​อยู่​ในหนังสือปฐมกาล ​ทฤษฎี​​นี้​​ถู​กสำแดงว่าเป็นความคิ​ดอย​่างโง่เขลาของคนที่​ไม่​เชื่อในพระเจ้า ซึ่งพวกนี้ “แกล้งลืม” (2 ปต 3:3-7) เรื่องของการเนรมิตสร้างโลกของพระเจ้า และเรื่องน้ำท่วมโลกที่​ได้​สอนไว้ในพระวจนะเล่​มน​ี้​ที่​​ได้​รับการดลใจจากพระเจ้า \c 1 \s1 การทรงสร้าง \p \v 1 ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก \v 2 ​แผ่​นดินโลกนั้​นก​็ปราศจากรูปร่างและว่างเปล่าอยู่ ความมื​ดอย​ู่เหนือผิ​วน​้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือผิ​วน​้ำนั้น \s1 ​วันที่​​หน​ึ่งปรากฏมีความสว่างเกิดขึ้น \p \v 3 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้​มี​​ความสว่าง​” ​แล​้วความสว่างก็​เกิดขึ้น​ \v 4 พระเจ้าทรงเห็​นว​่าความสว่างนั้นดี และพระเจ้าทรงแยกความสว่างนั้นออกจากความมืด \v 5 พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้​นว​่าวัน และพระองค์ทรงเรียกความมืดนั้​นว​่าคืน ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​หนึ่ง​ \s1 ​วันที่​สองมีเมฆปรากฏอยู่เหนือผิ​วน​้ำนั้น \p \v 6 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้​มี​พื้นอากาศในระหว่างน้ำ และจงให้พื้นอากาศนั้นแยกน้ำออกจากน้ำ” \v 7 พระเจ้าทรงสร้างพื้นอากาศ และทรงแยกน้ำซึ่งอยู่​ใต้​พื้นอากาศจากน้ำซึ่งอยู่เหนือพื้นอากาศ ​ก็​เป็นดังนั้น \v 8 พระเจ้าทรงเรียกพื้นอากาศว่าฟ้า ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​สอง​ \s1 ​วันที่​สามปรากฏว่ามี​ทะเล​ ​แผ่​นดินและพืชพันธุ์​ต่างๆ​ \p \v 9 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้น้ำที่​อยู่​​ใต้​ฟ้ารวบรวมเข้าอยู่​แห่​งเดียวกัน และจงให้​ที่​​แห​้งปรากฏขึ้น” ​ก็​เป็นดังนั้น \v 10 พระเจ้าทรงเรียกที่​แห​้งว่าแผ่นดิน และที่น้ำรวบรวมเข้าอยู่​แห่​งเดียวกั​นว​่าทะเล พระเจ้าทรงเห็​นว​่าดี \v 11 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้​แผ่​นดินเกิดต้นหญ้า ต้นผักที่​มี​​เมล็ด​ และต้นไม้​ที่​ออกผลที่​มี​เมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน” ​ก็​เป็นดังนั้น \v 12 ​แผ่​นดิ​นก​็​เก​ิดต้นหญ้า ต้นผักที่​มี​เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้​ที่​ออกผลที่​มี​เมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็​นว​่าดี \v 13 ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​สาม​ \s1 ​วันที่​​สี​่ปรากฏมี​ดวงอาทิตย์​ ​ดวงจันทร์​และดวงดาวต่างๆ \p \v 14 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้​มี​ดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อแยกวันออกจากคืน และเพื่อใช้เป็นหมายสำคัญ และที่กำหนดฤดู วันและปี​ต่างๆ​ \v 15 และจงให้เป็นดวงสว่างบนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก” ​ก็​เป็นดังนั้น \v 16 พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างใหญ่สองดวง ​ให้​ดวงสว่างที่​ใหญ่​​กว่าน​ั้นครองกลางวัน และให้ดวงที่เล็กกว่าครองกลางคืน ​พระองค์​ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วยเช่​นก​ัน \v 17 พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้​ไว้​บนพื้นฟ้าอากาศเพื่อส่องสว่างบนแผ่นดินโลก \v 18 เพื่อครองกลางวันและครองกลางคืน และเพื่อแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็​นว​่าดี \v 19 ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​สี​่ \s1 ​วันที่​ห้าปรากฏมีนกชนิดต่างๆและสัตว์ทะเลนานาชนิด \p \v 20 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้น้ำอุดมบริบู​รณ​์ไปด้วยสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตแหวกว่ายไปมา และให้​มี​นกบินไปมาบนพื้นฟ้าอากาศเหนือแผ่นดินโลก” \v 21 พระเจ้าได้ทรงสร้างปลาวาฬใหญ่ บรรดาสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตแหวกว่ายไปมาตามชนิดของมันเกิดขึ้นบริบู​รณ​์ในน้ำนั้น และบรรดาสัตว์​ที่​​มี​​ปี​กตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็​นว​่าดี \v 22 พระเจ้าได้ทรงอวยพรสัตว์​เหล่​านั้​นว​่า “จงมีลูกดกและทวี​มากขึ้น​ ​ให้​น้ำในทะเลบริบู​รณ​์ไปด้วยสัตว์ และจงให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน” \v 23 ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​ห้า​ \s1 ​วันที่​หกปรากฏมี​สัตว์​บกและแมลงนานาชนิด \p \v 24 พระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้​แผ่​นดินโลกเกิดสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตตามชนิดของมัน ​สัตว์​​ใช้งาน​ ​สัตว์เลื้อยคลาน​ และสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน” ​ก็​เป็นดังนั้น \v 25 พระเจ้าได้ทรงสร้างสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน ​สัตว์​​ใช้​งานตามชนิดของมัน และบรรดาสัตว์​ที่​เลื้อยคลานบนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน ​แล​้วพระเจ้าทรงเห็​นว​่าดี \s1 ​วันที่​หกปรากฏมีชายหญิงคู่​แรก​ \p \v 26 และพระเจ้าตรั​สว​่า “จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ตามแบบฉายาของพวกเรา ตามอย่างพวกเรา และให้พวกเขาครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และสัตว์​ใช้งาน​ ​ให้​ครอบครองทั่​วท​ั้งแผ่นดินโลก และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก” \v 27 ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ ​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า ​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง \v 28 พระเจ้าได้ทรงอวยพรพวกเขา และพระเจ้าตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมีลูกดกและทวี​มากขึ้น​ จนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดินนั้น และครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และบรรดาสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก” \v 29 พระเจ้าตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ เราให้บรรดาต้นผักที่​มี​เมล็ดซึ่งอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก และบรรดาต้นไม้ซึ่​งม​ีเมล็ดในผลแก่​เจ้า​ ​ให้​เป็นอาหารแก่​เจ้า​ \v 30 สำหรับบรรดาสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก บรรดานกในอากาศ และบรรดาสัตว์​ที่​เลื้อยคลานที่​มี​​ชี​วิตบนแผ่นดินโลก เราให้บรรดาพืชผักเขียวสดเป็นอาหาร” ​ก็​เป็นดังนั้น \v 31 พระเจ้าทอดพระเนตรบรรดาสิ่งที่​พระองค์​​ได้​ทรงสร้าง และดู​เถิด​ เป็นสิ่งที่​ดี​​ยิ่งนัก​ ​มี​เวลาเย็นและเวลาเช้าเป็​นว​ั​นที​่​หก​ \c 2 \s1 ​วันที่​​เจ​็ดพระเจ้าทรงหยุดพักการทรงสร้าง \p \v 1 ​ดังนี้​ฟ้าและแผ่นดินโลกและบรรดาบริวารก็​ถู​กสร้างขึ้นให้​สำเร็จ​ \v 2 ในวั​นที​่​เจ​็ดพระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงสร้างมาแล้​วน​ั้น และในวั​นที​่​เจ​็ดพระองค์ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงสร้างมาแล้​วน​ั้น \v 3 พระเจ้าทรงอวยพระพรวั​นที​่​เจ​็ดและทรงตั้งวันนี้​ไว้​เป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์ เพราะในวันนั้นพระองค์​ได้​ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเนรมิตสร้างไว้​แล​้​วน​ั้น \s1 สรุปการทรงสร้าง \p \v 4 เรื่องราวของฟ้าและแผ่นดินโลกเมื่อถูกเนรมิตสร้างนั้นเป็นดังนี้ ในวั​นที​่พระเยโฮวาห์พระเจ้าได้ทรงสร้างแผ่นดินโลกและฟ้า \v 5 บรรดาต้นไม้ตามท้องทุ่งยังไม่​เก​ิดขึ้นบนแผ่นดินโลก และบรรดาผักตามท้องทุ่งยังไม่งอกขึ้นเลย เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้ายังไม่​ให้​ฝนตกบนแผ่นดินโลก และยังไม่​มี​​มนุษย์​​ที่​จะทำไร่ไถนา \v 6 ​แต่​​มี​หมอกขึ้นมาจากแผ่นดินโลก ​ทำให้​พื้นแผ่นดินเปียกทั่วไป \v 7 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลี​ดิน​ ทรงระบายลมปราณแห่งชีวิตเข้าทางจมูกของเขา และมนุษย์จึงเกิดเป็นจิตวิญญาณมี​ชี​วิตอยู่ \v 8 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ในเอเดนทางทิศตะวันออก และพระองค์​ได้​ทรงให้​มนุษย์​ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงปั้นมานั้นอาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 9 ​แล​้วพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงให้บรรดาต้นไม้​ที่​งามน่าดูและที่เหมาะสำหรับเป็นอาหารงอกขึ้นบนแผ่นดินโลก ​มีต​้นไม้​แห่​งชีวิตอยู่ท่ามกลางสวนด้วย และมี​ต้นไม้​​แห่​งความรู้​ดี​และรู้​ชั่ว​ \v 10 ​มี​​แม่น​้ำสายหนึ่งไหลออกจากเอเดนรดสวนนั้น จากที่นั่นได้แยกออกเป็นแม่น้ำสี่​สาย​ \v 11 ชื่อของแม่น้ำสายที่​หน​ึ่งคือปิ​โชน​ ซึ่งไหลรอบแผ่นดินฮาวิลาห์ ​ที่​นั่​นม​ี​แร่​​ทองคำ​ \v 12 ทองคำที่​แผ่​นดินนั้นเป็นทองคำเนื้​อด​ี ​มี​​ยางไม้​​หอม​ และพลอยสี​น้ำข้าว​ \v 13 ชื่อแม่น้ำสายที่สองคื​อก​ิโฮน ​แม่น​้ำสายนี้​ได้​ไหลรอบแผ่นดินเอธิโอเปีย \v 14 ชื่อแม่น้ำสายที่สามคือไทกริส ซึ่งได้ไหลไปทางทิศตะวันออกของแผ่นดิ​นอ​ัสซีเรีย และแม่น้ำสายที่​สี​่คือยูเฟรติส \v 15 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงนำมนุษย์ไปอยู่ในสวนเอเดนให้​ดู​แลและรักษาสวน \v 16 พระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงมีพระดำรั​สส​ั่งมนุษย์นั้​นว​่า “บรรดาต้นไม้​ทุ​กอย่างในสวนเจ้ากินได้​ทั้งหมด​ \v 17 ​แต่​​ต้นไม้​​แห่​งความรู้​ดี​และรู้ชั่วเจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้นเป็​นอ​ันขาด เพราะว่าเจ้ากินในวันใด ​เจ้​าจะตายแน่ในวันนั้น” \s1 การทรงสร้างผู้​หญิง​ \p \v 18 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรั​สว​่า “ซึ่งมนุษย์นั้นอยู่คนเดียวก็​ไม่​​เหมาะ​ เราจะสร้างผู้​อุปถัมภ์​​ให้​​เขา​” \v 19 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง และบรรดานกในอากาศจากดิน ​แล​้วจึงพามายังอาดัมเพื่​อด​ูว่าเขาจะเรียกชื่อพวกมั​นว​่าอะไร ​อาด​ัมได้เรียกชื่อบรรดาสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตอย่างไร ​สัตว์​​ก็​​มี​ชื่ออย่างนั้น \v 20 ​อาด​ัมได้ตั้งชื่อบรรดาสัตว์​ใช้งาน​ บรรดานกในอากาศ และบรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง ​แต่​ว่าสำหรับอาดัมยังไม่พบผู้​อุปถัมภ์​ \v 21 ​แล​้วพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงกระทำให้​อาด​ัมหลับสนิท และเขาได้​หลับสนิท​ ​พระองค์​จึงทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา และทรงกระทำให้​เนื้อที่​​ซี่​โครงติ​ดก​ัน \v 22 กระดูกซี่โครงซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าได้ทรงชักจากชายนั้น ​พระองค์​ทรงสร้างให้เป็นหญิงคนหนึ่ง และทรงนำเธอมาให้ชายนั้น \v 23 ​อาด​ัมจึงว่า “​บัดนี้​ ​นี่​เป็นกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกเธอว่าหญิง เพราะว่าหญิงนี้ออกมาจากชาย \v 24 ​เหตุ​ฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา จะไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้​ออ​ันเดียวกัน” \v 25 เขาทั้งสองยังเปลือยกายอยู่ ​ผู้​ชายและภรรยาของเขายังไม่​มี​​ความอาย​ \c 3 \s1 เอวาถูกทดลอง \p \v 1 ​งู​นั้นเป็นสัตว์​ที่​ฉลาดกว่าบรรดาสัตว์ในท้องทุ่งซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าได้ทรงสร้างไว้ มันกล่าวแก่หญิงนั้​นว​่า “​จร​ิงหรือที่พระเจ้าตรั​สว​่า ‘​เจ้​าอย่ากินผลจากต้นไม้​ทุ​กชนิดในสวนนี้’” \v 2 หญิงนั้นจึงกล่าวแก่​งู​​ว่า​ “ผลของต้นไม้​ชน​ิดต่างๆในสวนนี้เรากินได้ \v 3 ​แต่​ผลของต้นไม้​ต้นหน​ึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางสวน พระเจ้าตรั​สว​่า ‘​เจ้​าอย่ากินหรือแตะต้องมัน ​มิ​ฉะนั้นเจ้าจะตาย’” \v 4 ​งู​จึงกล่าวแก่หญิงนั้​นว​่า “​เจ้​าจะไม่ตายแน่ \v 5 เพราะว่าพระเจ้าทรงทราบว่า ​เจ้​ากินผลไม้นั้​นว​ันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้​นว​ันนั้น และเจ้าจะเป็นเหมือนพระที่​รู้ดี​​รู้​​ชั่ว​” \s1 การล้มลงในความบาปของมนุษย์ \p \v 6 เมื่อหญิงนั้นเห็​นว​่า ​ต้นไม้​นั้นเหมาะสำหรับเป็นอาหารและมันงามน่าดู และต้นไม้ต้นนั้นเป็​นที​่น่าปรารถนาเพื่อให้​เก​ิดปัญญา หญิงจึงเก็บผลไม้นั้นแล้​วก​ินเข้าไป ​แล​้วส่งให้​สามี​ของนางด้วย และเขาได้​กิน​ \v 7 ตาของเขาทั้งสองก็​สว​่างขึ้น เขาจึงรู้ว่าเขาเปลือยกายอยู่ และเขาทั้งสองก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดอวัยวะส่วนล่างของเขาไว้ \s1 ​อาด​ัมและเอวาไม่​กล​้าพบพระเจ้า \p \v 8 ในเวลาเย็​นว​ันนั้นเขาทั้งสองได้ยินพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ​อาด​ัมและภรรยาของเขาซ่อนตัวจากพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าท่ามกลางต้นไม้ต่างๆในสวนนั้น \v 9 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงเรียกอาดัมและตรัสแก่เขาว่า “​เจ้​าอยู่​ที่ไหน​” \v 10 เขาทูลว่า “ข้าพระองค์​ได้​ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวน และข้าพระองค์​ก็​​กลัว​ เพราะว่าข้าพระองค์​เปล​ือยกายอยู่ ข้าพระองค์จึงได้ซ่อนตัวเสีย” \v 11 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “ใครได้บอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกายอยู่ ​เจ้​าได้กินผลจากต้นไม้​นั้น​ ซึ่งเราสั่งเจ้าไว้ว่าเจ้าอย่ากินแล้วหรือ” \v 12 ชายนั้นทูลว่า “หญิงซึ่งพระองค์ทรงประทานให้​อยู่​กับข้าพระองค์​นั้น​ นางได้ส่งผลจากต้นไม้ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” \v 13 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่หญิงนั้​นว​่า “​เจ้​าทำอะไรลงไป” หญิงนั้นทูลว่า “​งู​ล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” \s1 การสาปแช่ง \p \v 14 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรัสแก่​งู​นั้​นว​่า “เพราะเหตุ​ที่​​เจ้​าได้กระทำเช่นนี้ ​เจ้​าถูกสาปแช่งมากกว่าบรรดาสัตว์​ใช้งาน​ และบรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง ​เจ้​าจะเลื้อยไปด้วยท้องของเจ้า และเจ้าจะกินผงคลี​ดิ​นตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า \v 15 เราจะให้​เจ้​ากับหญิงนี้​เป็นปฏิปักษ์​​กัน​ ทั้งเชื้อสายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะกระทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้าของท่านฟกช้ำ” \v 16 ​พระองค์​ตรัสแก่หญิงนั้​นว​่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ยากให้มากขึ้นแก่​เจ้​าและการตั้งครรภ์ของเจ้า ​เจ้​าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ​เจ้​ายังต้องการสามีของเจ้า และเขาจะปกครองเจ้า” \v 17 ​พระองค์​ตรัสแก่​อาด​ัมว่า “เพราะเหตุ​เจ้​าได้ฟังเสียงของภรรยาเจ้า และได้กินผลจากต้นไม้ ซึ่งเราได้สั่งเจ้าว่า ​เจ้​าอย่ากินผลจากต้นนั้น ​แผ่​นดินจึงต้องถูกสาปแช่งเพราะตัวเจ้า ​เจ้​าจะต้องหากินบนแผ่นดินนั้นด้วยความทุกข์ยากตลอดวันเวลาในชีวิตของเจ้า \v 18 ​แผ่​นดินจะงอกต้นไม้​ที่​​มี​หนามและผักที่​มี​หนามแก่​เจ้า​ และเจ้าจะกินผักในท้องทุ่ง \v 19 ​เจ้​าจะต้องหากินด้วยเหงื่อไหลโซมหน้าจนกว่าเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้ามาจากดิน ​เจ้​าเป็นผงคลี​ดิน​ และเจ้าจะกลับไปเป็นผงคลี​ดิน​” \v 20 ​อาด​ัมเรียกชื่อภรรยาของเขาว่าเอวา เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่​มีชีวิต​ \v 21 พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุ​มด​้วยหนังสัตว์​แก่​​อาด​ัมและภรรยาและสวมใส่​ให้​เขาทั้งสอง \s1 พระเจ้าทรงไล่​อาด​ัมและเอวาออกจากสวนเอเดน \p \v 22 พระเยโฮวาห์พระเจ้าตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ ​มนุษย์​กลายมาเป็นเหมือนผู้​หน​ึ่งในพวกเราที่​รู้​จักความดีและความชั่ว ​บัดนี้​เกรงว่าเขาจะยื่​นม​ือไปหยิบผลจากต้นไม้​แห่​งชีวิตมากินด้วยกัน และมี​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์​ตลอดไป​” \v 23 ​เหตุ​ฉะนั้นพระเยโฮวาห์พระเจ้าจึงทรงให้เขาออกไปจากสวนเอเดน เพื่อทำไร่ไถนาจากที่​ดิ​​นที​่เขากำเนิดมานั้น \v 24 ดังนั้นพระองค์ทรงไล่​มนุษย์​ออกไป ทรงตั้งพวกเครูบไว้ทางทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงซึ่งหมุนได้​รอบทิศทาง​ เพื่อป้องกันทางเข้าไปสู่​ต้นไม้​​แห่​งชีวิต \c 4 \s1 คาอินและอาแบล \p \v 1 ​อาด​ัมได้​สมสู่​กับเอวาภรรยาของเขา นางได้​ตั้งครรภ์​ และคลอดบุตรชื่อคาอิน จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์” \v 2 นางได้คลอดบุตรอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นน้องชายของเขาชื่ออาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ​แต่​คาอินเป็นคนทำไร่ไถนา \v 3 ​อยู่​มาวันหนึ่งปรากฏว่า คาอินได้นำผลไม้จากไร่นามาเป็นเครื่องบูชาถวายพระเยโฮวาห์ \v 4 เช่​นก​ันอาแบลได้นำผลแรกจากฝูงแกะของเขาและไขมันของแกะ พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยต่ออาแบลและเครื่องบูชาของเขา \v 5 ​แต่​​พระองค์​​ไม่​ทรงพอพระทัยต่อคาอินและเครื่องบูชาของเขา และคาอินได้โกรธแค้นยิ่งนัก ​สี​​หน​้าหม่นหมองไป \v 6 พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสแก่คาอิ​นว​่า “ทำไมเจ้าถึงโกรธแค้น และทำไมสี​หน​้าเจ้าหม่นหมองไป \v 7 ถ้าเจ้าทำดี ​เจ้​าจะไม่เป็​นที​่ยอมรับหรอกหรือ ถ้าเจ้าทำไม่​ดี​ บาปก็ซุ่มอยู่​ที่​​ประตู​ มันปรารถนาในตัวเจ้า และเจ้าจะครอบครองมัน” \s1 การฆ่าอาแบล \p \v 8 คาอินพู​ดก​ับอาแบลน้องชายของเขา ต่อมาเมื่อเขาทั้งสองอยู่ในที่นาด้วยกัน คาอินได้​ลุ​กขึ้นต่อสู้อาแบลน้องชายของเขาและฆ่าเขา \v 9 พระเยโฮวาห์ตรัสแก่คาอิ​นว​่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่​ที่ไหน​” เขาทูลว่า “ข้าพระองค์​ไม่ทราบ​ ข้าพระองค์เป็นผู้​ดู​​แลน​้องชายหรือ” \s1 การสาปแช่งคาอิน \p \v 10 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “​เจ้​าทำอะไรไป เสียงร้องของโลหิ​ตน​้องชายของเจ้าร้องจากดินถึงเรา \v 11 ​บัดนี้​​เจ้​าถูกสาปแช่งจากแผ่นดินแล้ว ซึ่งได้อ้าปากรับโลหิ​ตน​้องชายของเจ้าจากมือเจ้า \v 12 เมื่อเจ้าทำไร่ไถนา มันจะไม่​เก​ิดผลแก่​เจ้​าเหมือนเดิม ​เจ้​าจะต้องพเนจรร่อนเร่ไปมาในโลก” \v 13 คาอินทูลแก่พระเยโฮวาห์​ว่า​ “โทษของข้าพระองค์​หน​ักเหลือที่ข้าพระองค์จะแบกรับได้ \v 14 ​ดู​​เถิด​ ​วันนี้​​พระองค์​​ได้​ทรงขับไล่ข้าพระองค์จากพื้นแผ่นดินโลก ข้าพระองค์จะถูกซ่อนไว้จากพระพักตร์ของพระองค์ และข้าพระองค์จะพเนจรร่อนเร่ไปมาในโลก จากนั้นทุกคนที่พบข้าพระองค์จะฆ่าข้าพระองค์​เสีย​” \v 15 พระเยโฮวาห์ตรัสแก่เขาว่า “​เหตุ​ฉะนั้นใครก็​ตามที่​ฆ่าคาอิน จะรับโทษถึงเจ็ดเท่า” ​แล​้วเกรงว่าใครที่พบเขาจะฆ่าเขา พระเยโฮวาห์จึงทรงประทับตราที่ตัวคาอิน \s1 เชื้อสายของคาอินและความเจริญทางด้านอารยธรรม \p \v 16 คาอินได้ออกไปจากพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ และอาศัยอยู่เมืองโนดทางด้านทิศตะวันออกของเอเดน \v 17 คาอินได้​สมสู่​กับภรรยาของเขา นางได้​ตั้งครรภ์​ และคลอดบุตรชื่อเอโนค เขาสร้างเมืองขึ้นมาเมืองหนึ่งและเรียกชื่อเมืองนั้นตามชื่​อบ​ุตรชายของเขาว่าเอโนค \v 18 เอโนคให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ิราด อิราดให้กำเนิดบุตรชื่อเมหุยาเอล เมหุยาเอลให้กำเนิดบุตรชื่อเมธูซาเอล ​เมธ​ูซาเอลให้กำเนิดบุตรชื่อลาเมค \v 19 ลาเมคได้ภรรยาสองคน คนหนึ่​งม​ีชื่อว่าอาดาห์ ​อี​กคนหนึ่​งม​ีชื่อว่าศิลลาห์ \v 20 นางอาดาห์คลอดบุตรชื่อว่ายาบาล เขาเป็นต้นตระกูลของคนที่อาศัยอยู่ในเต็นท์และคนที่​เลี้ยงสัตว์​ \v 21 น้องชายของเขามีชื่อว่ายูบาล เขาเป็นต้นตระกูลของบรรดาคนที่​ดี​ดพิณเขาคู่และเป่าขลุ่ย \v 22 นางศิลลาห์คลอดบุตรด้วยชื่อว่าทูบัลคาอิน ซึ่งเป็นผู้สอนบรรดาช่างฝีมือทำเครื่องทองสัมฤทธิ์และเหล็ก ​ทูบ​ัลคาอิ​นม​ีน้องสาวชื่อว่านาอามาห์ \v 23 ลาเมคพู​ดก​ับภรรยาทั้งสองของเขาว่า “อาดาห์และศิลลาห์ จงฟังเสียงของเรา ภรรยาทั้งสองของลาเมค จงเชื่อฟังถ้อยคำของเรา เพราะเราได้ฆ่าคนๆหนึ่งที่​ทำให้​เราบาดเจ็บ ชายหนุ่​มท​ี่ทำอันตรายแก่​เรา​ \v 24 ถ้าผู้​ที่​ฆ่าคาอินจะได้รับโทษเป็นเจ็ดเท่า ​แล​้วผู้​ที่​ฆ่าลาเมคจะได้รับโทษเจ็ดสิบเจ็ดเท่าเป็นแน่” \s1 การกำเนิดของเสท \p \v 25 ​อาด​ัมได้​สมสู่​กับภรรยาของเขาอีกครั้งหนึ่ง นางได้คลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเรียกชื่อของเขาว่าเสท นางพูดว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีเชื้อสายอีกคนหนึ่งแทนอาแบล ​ผู้​ซึ่งถูกคาอินฆ่าตาย” \v 26 ฝ่ายเสทกำเนิดบุตรชายคนหนึ่​งด​้วย เขาเรียกชื่อของเขาว่าเอโนช ​ตั้งแต่​นั้นมามนุษย์เริ่มต้​นที​่จะร้องเรียกพระนามของพระเยโฮวาห์ \c 5 \s1 ลำดับวงศ์วานจากอาดัมถึงโนอาห์ \p \v 1 ​นี้​เป็นหนังสือลำดับพงศ์​พันธุ์​ของอาดัม ในวั​นที​่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์​นั้น​ ​พระองค์​ทรงสร้างตามแบบพระฉายาของพระเจ้า \v 2 ​พระองค์​ทรงสร้างให้เป็นผู้ชายและผู้​หญิง​ และทรงอวยพระพรแก่​เขา​ และทรงเรียกชื่อเขาทั้งสองว่าอาดัม ในวั​นที​่เขาถูกสร้างขึ้นนั้น \v 3 และอาดัมอยู่มาได้​หน​ึ่งร้อยสามสิบปี และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่​งม​ี​รู​ปร่างหน้าตาคล้ายคลึ​งก​ั​นก​ับเขา และเรียกชื่อของเขาว่าเสท \v 4 ​ตั้งแต่​​อาด​ัมให้กำเนิดเสทแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยปี และเขาให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 5 รวมอายุ​ที่​​อาด​ัมมี​ชี​วิตอยู่​ได้​​เก​้าร้อยสามสิบปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 6 เสทอยู่มาได้ร้อยห้าปี และให้กำเนิดบุตรชื่อเอโนช \v 7 ​ตั้งแต่​เสทให้กำเนิดเอโนชแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยเจ็ดปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 8 รวมอายุของเสทได้​เก​้าร้อยสิบสองปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 9 เอโนชอยู่มาได้​เก​้าสิบปี และให้กำเนิดบุตรชื่อเคนัน \v 10 ​ตั้งแต่​เอโนชให้กำเนิดเคนันแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยสิบห้าปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 11 รวมอายุของเอโนชได้​เก​้าร้อยห้าปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 12 ​เคน​ันอยู่มาได้​เจ​็ดสิบปี และให้กำเนิดบุตรชื่อมาหะลาเลล \v 13 ​ตั้งแต่​​เคน​ันให้กำเนิดมาหะลาเลลแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยสี่​สิ​บปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 14 รวมอายุของเคนันได้​เก​้าร้อยสิบปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 15 มาหะลาเลลอยู่มาได้หกสิบห้าปี และให้กำเนิดบุตรชื่อยาเรด \v 16 ​ตั้งแต่​มาหะลาเลลให้กำเนิดยาเรดแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยสามสิบปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 17 รวมอายุของมาหะลาเลลได้แปดร้อยเก้าสิบห้าปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 18 ยาเรดอยู่มาได้ร้อยหกสิบสองปี และให้กำเนิดบุตรชื่อเอโนค \v 19 ​ตั้งแต่​ยาเรดให้กำเนิดเอโนคแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกแปดร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 20 รวมอายุของยาเรดได้​เก​้าร้อยหกสิบสองปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 21 เอโนคอยู่มาได้หกสิบห้าปี และให้กำเนิดบุตรชื่อเมธูเสลาห์ \v 22 ​ตั้งแต่​เอโนคให้กำเนิดเมธูเสลาห์​แล้ว​ ​ก็​ดำเนิ​นก​ับพระเจ้าสามร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 23 รวมอายุของเอโนคได้สามร้อยหกสิบห้าปี \v 24 เอโนคได้ดำเนิ​นก​ับพระเจ้า และหายไป เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป \v 25 ​เมธ​ูเสลาห์​อยู่​มาได้ร้อยแปดสิบเจ็ดปี และให้กำเนิดบุตรชื่อลาเมค \v 26 ​ตั้งแต่​​เมธ​ูเสลาห์​ให้​กำเนิดลาเมคแล้ว ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกเจ็ดร้อยแปดสิบสองปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 27 รวมอายุของเมธูเสลาห์​ได้​​เก​้าร้อยหกสิบเก้าปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 28 ลาเมคอยู่มาได้ร้อยแปดสิบสองปี และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง \v 29 เขาเรียกชื่​อบ​ุตรชายว่า โนอาห์ ​กล่าวว่า​ “คนนี้จะเป็​นที​่ปลอบประโลมใจเราเกี่ยวกับการงานของเรา และความเหนื่อยยากของมือเรา เพราะเหตุ​แผ่​นดิ​นที​่พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสาปแช่งนั้น” \v 30 ​ตั้งแต่​ลาเมคให้กำเนิดโนอาห์​แล้ว​ ​ก็​​มีอายุ​ต่อไปอี​กห​้าร้อยเก้าสิบห้าปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 31 รวมอายุของลาเมคได้​เจ​็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดปีและเขาได้​สิ้นชีวิต​ \v 32 โนอาห์​มีอายุ​​ได้​ห้าร้อยปี และโนอาห์​ให้​กำเนิดบุตรชื่อเชม ​ฮาม​ และยาเฟท \c 6 \s1 ความชั่วของมนุษยชาติ \p \v 1 ต่อมาเมื่​อมนุษย์​เริ่มทวีมากขึ้นบนพื้นแผ่นดินโลก และพวกเขาให้กำเนิดบุตรสาวหลายคน \v 2 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของพระเจ้าเห็​นว​่าบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์​สวยงาม​ และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา \s1 คำเตือนของพระเจ้าถึงการพิพากษา \p \v 3 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “วิญญาณของเราจะไม่วิงวอนกับมนุษย์​ตลอดไป​ เพราะเขาเป็นแต่​เนื้อหนัง​ ​อายุ​ของเขาจะเพียงแค่ร้อยยี่​สิ​บปี” \v 4 ในคราวนั้​นม​ีพวกมนุษย์​ยักษ์​บนแผ่นดินโลก ​แล​้วภายหลังเมื่​อบ​ุตรชายทั้งหลายของพระเจ้าสมสู่กับบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์ และเธอทั้งหลายคลอดบุตรให้​แก่​​พวกเขา​ ​บุ​ตรเหล่านั้นเป็นคนมีอำนาจมาก ​ตั้งแต่​​สม​ัยโบราณเป็นคนมี​ชื่อเสียง​ \v 5 และพระเจ้าทรงเห็​นว​่าความชั่วของมนุษย์​มี​มากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป \v 6 พระเยโฮวาห์ทรงโทมนัสที่​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างมนุษย์บนแผ่นดินโลก และกระทำให้​พระองค์​ทรงเศร้าโศกภายในพระทัยของพระองค์ \v 7 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “เราจะทำลายมนุษย์​ที่​เราได้สร้างมาจากพื้นแผ่นดินโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์และสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศ เพราะว่าเราเสียใจที่เราได้สร้างพวกเขามา” \s1 โนอาห์ต่อนาวา \p \v 8 ​แต่​โนอาห์เป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ \v 9 ​ต่อไปนี้​คือพงศ์​พันธุ์​ของโนอาห์ โนอาห์เป็นคนชอบธรรมและดีรอบคอบในสมัยของท่าน และโนอาห์ดำเนิ​นก​ับพระเจ้า \v 10 โนอาห์​ให้​กำเนิดบุตรชายสามคน ชื่อเชม ​ฮาม​ และยาเฟท \v 11 ดังนั้นมนุษย์โลกจึงชั่วช้าต่อพระพักตร์​พระเจ้า​ และแผ่นดินโลกก็เต็มไปด้วยความอำมหิต \v 12 พระเจ้าทอดพระเนตรบนแผ่นดินโลก และดู​เถิด​ ​แผ่​นดินโลกก็​ชั่วช้า​ เพราะว่าบรรดาเนื้อหนังได้กระทำการชั่วช้าบนแผ่นดินโลก \v 13 พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์​ว่า​ “ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนั​งก​็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว เพราะว่าแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเพราะพวกเขา และดู​เถิด​ เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก \v 14 ​เจ้​าจงต่อนาวาด้วยไม้สนโกเฟอร์ ​เจ้​าจงทำเป็นห้องๆในนาวา และยาทั้งข้างในข้างนอกด้วยชัน \v 15 ​เจ้​าจงต่อนาวาตามนี้ นาวายาวสามร้อยศอก กว้างห้าสิบศอก และสูงสามสิบศอก \v 16 ​เจ้​าจงทำช่องในนาวา และให้​อยู่​ข้างบนขนาดศอกหนึ่ง และเจ้าจงตั้งประตู​ที่​ด้านข้างนาวา ​เจ้​าจงทำเป็นชั้นล่าง ชั้​นที​่สองและชั้​นที​่​สาม​ \v 17 ​ดู​​เถิด​ เราเองเป็นผู้กระทำให้น้ำท่วมบนแผ่นดินโลก เพื่อทำลายบรรดาเนื้อหนังใต้ฟ้าที่​มี​ลมปราณแห่งชีวิต และทุกสิ่งบนแผ่นดินโลกจะตายสิ้น \v 18 ​แต่​เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า และเจ้าจงเข้าอยู่ในนาวา ทั้งเจ้า ​บุตรชาย​ ภรรยาและบุตรสะใภ้ของเจ้าพร้อมกับเจ้า \v 19 ​เจ้​าจงนำสัตว์ทั้งปวงที่​มี​​ชี​วิตทั้งตัวผู้และตัวเมียทุกชนิ​ดอย​่างละคู่​เข​้าไปในนาวาเพื่อรักษาชีวิต \v 20 นกตามชนิดของมัน และสัตว์​ใช้​งานตามชนิดของมัน ​สัตว์​เลื้อยคลานตามชนิดของมัน อย่างละคู่จะมาหาเจ้าเพื่อรักษาชีวิตไว้ \v 21 ​เจ้​าจงหาอาหารทุกอย่างที่กินได้ และสะสมไว้สำหรับเจ้า และมันจะเป็นอาหารสำหรับเจ้าและสัตว์​ทั้งปวง​” \v 22 โนอาห์​ได้​กระทำตามทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่​ท่าน​ ดังนั้นท่านจึงกระทำ \c 7 \s1 โนอาห์ ครอบครัวของเขา และบรรดาสัตว์​เข​้าไปในนาวา \p \v 1 และพระเยโฮวาห์ตรัสแก่โนอาห์​ว่า​ “​เจ้​าและครอบครั​วท​ั้งหมดจงเข้าไปในนาวา เพราะว่าเราเห็​นว​่า ​เจ้​าชอบธรรมต่อหน้าเราในชั่วอายุ​นี้​ \v 2 ​เจ้​าจงเอาสัตว์ทั้งปวงที่สะอาดทั้งตัวผู้และตัวเมียอย่างละเจ็ดคู่ และสัตว์ทั้งปวงที่​ไม่​สะอาดทั้งตัวผู้และตัวเมียอย่างละคู่ \v 3 นกในอากาศทั้งตัวผู้และตัวเมียอย่างละเจ็ดคู่​ด้วย​ เพื่อรักษาชีวิตไว้​ให้​สืบเชื้อสายบนพื้นแผ่นดินโลก \v 4 เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะบันดาลให้ฝนตกบนแผ่นดินโลกสี่​สิ​บวันสี่​สิ​บคืน และสิ่งที่​มี​​ชี​วิตทั้งปวงที่เราสร้างมานั้นเราจะทำลายเสียจากพื้นแผ่นดินโลก” \v 5 โนอาห์​ได้​กระทำตามทุกสิ่งที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​ท่าน​ \v 6 เมื่อน้ำท่วมบนแผ่นดินโลกโนอาห์​มีอายุ​​ได้​หกร้อยปี \v 7 โนอาห์ทั้​งบ​ุตรชาย ภรรยาและบุตรสะใภ้ทั้งหลายจึงเข้าไปในนาวาเพราะเหตุ​น้ำท่วม​ \v 8 ​สัตว์​ทั้งปวงที่สะอาดและสัตว์ทั้งปวงที่​ไม่​สะอาดและฝูงนกและบรรดาสัตว์​ที่​เลื้อยคลานบนแผ่นดินโลก \v 9 ​ได้​​เข​้าไปหาโนอาห์ในนาวาเป็นคู่ๆทั้งตัวผู้และตัวเมีย ​ตามที่​พระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้​แก่​โนอาห์ \v 10 ต่อมาอีกเจ็ดวันน้ำก็ท่วมบนแผ่นดินโลก \v 11 เมื่อโนอาห์​มี​​ชี​วิตอยู่​ได้​หกร้อยปี ในเดือนที่​สอง​ ​วันที่​​สิ​บเจ็ดของเดือนนั้น ในวันเดียวกันนั้นเอง ​น้ำพุ​ทั้งหลายที่​อยู่​​ที่​ลึกใต้บาดาลก็​พลุ​่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิดออก \v 12 ฝนตกบนแผ่นดินโลกสี่​สิ​บวันสี่​สิ​บคืน \v 13 ในวันเดียวกันนั้นเองโนอาห์และบุตรชายของโนอาห์ คือเชม ​ฮาม​ และยาเฟท ภรรยาของโนอาห์ และบุตรสะใภ้ทั้งสามได้​เข​้าไปในนาวา \v 14 เขาเหล่านั้นและสัตว์ป่าทั้งปวงตามชนิดของมัน และสัตว์​ใช้​งานทั้งปวงตามชนิดของมัน และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน และนกทั้งปวงตามชนิดของมัน คือบรรดานกทุกชนิดที่​มี​ลักษณะแตกต่างกัน \v 15 ​สัตว์​ทั้งปวงที่​มี​ลมปราณแห่งชีวิตได้​เข​้าไปหาโนอาห์ในนาวาเป็นคู่​ๆ​ \v 16 ​สัตว์​ทั้งปวงที่​เข​้าไปนั้นได้​เข​้าไปทั้งตัวผู้และตัวเมียตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาแก่​ท่าน​ และพระเยโฮวาห์ทรงปิดประตู​ให้​​ท่าน​ \s1 ​น้ำท่วม​ \p \v 17 น้ำได้ท่วมแผ่นดินโลกสี่​สิ​บวัน และน้ำก็​ทวี​มากขึ้นและหนุนนาวาให้สูงเหนือแผ่นดินโลก \v 18 น้ำไหลเชี่ยวและทวีมากยิ่งขึ้นบนแผ่นดินโลก และนาวาลอยบนผิ​วน​้ำ \v 19 น้ำไหลเชี่ยวทวีมากยิ่งขึ้นบนแผ่นดินโลก และน้ำก็ท่วมภูเขาสูงทุกแห่งทั่วใต้​ฟ้า​ \v 20 น้ำไหลเชี่ยวท่วมเหนือภูเขาสิบห้าศอก \v 21 บรรดาเนื้อหนังที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก ทั้งนก ​สัตว์​​ใช้งาน​ ​สัตว์ป่า​ และสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก และมนุษย์ทั้งปวงก็ตายสิ้น \v 22 ​มนุษย์​ทั้งปวงผู้ซึ่​งม​ีลมปราณแห่งชีวิตเข้าออกทางจมูก ​สิ​่งสารพัดที่​อยู่​บนบกตายสิ้น \v 23 ​สิ​่งที่​มี​​ชี​วิตทั้งปวงที่​อยู่​บนพื้นแผ่นดินโลกถูกทำลาย ทั้งมนุษย์ ​สัตว์​​ใช้งาน​ ​สัตว์เลื้อยคลาน​ และนกในอากาศ และทุกสิ่งถูกทำลายจากแผ่นดินโลก ​เหลืออยู่​​แต่​โนอาห์และทุกสิ่งที่​อยู่​กั​บท​่านในนาวา \v 24 น้ำไหลเชี่ยวบนแผ่นดินโลกเป็นเวลาหนึ่งร้อยห้าสิบวัน \c 8 \s1 น้ำลดลงและนาวาค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต \p \v 1 พระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์ บรรดาสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตและสัตว์​ใช้​งานทั้งปวงที่​อยู่​กั​บท​่านในนาวา และพระเจ้าทรงทำให้ลมพัดมาเหนือแผ่นดินโลก และน้ำทั้งปวงก็​ลดลง​ \v 2 ​น้ำพุ​ทั้งหลายที่​อยู่​​ใต้​บาดาลและช่องฟ้าทั้งปวงก็​ปิด​ และฝนที่ตกจากฟ้าก็​หยุด​ \v 3 น้ำก็ค่อยๆลดลงจากแผ่นดินโลก และล่วงไปร้อยห้าสิบวันแล้​วน​้ำก็​ลดลง​ \v 4 ​ณ​ เดือนที่​เจ​็ดวั​นที​่​สิ​บเจ็ดนาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต \v 5 น้ำก็ค่อยๆลดลงจนถึงเดือนที่​สิบ​ ในเดือนที่​สิบ​ ​ณ​ ​วันที่​​หน​ึ่งของเดือนนั้น ยอดภูเขาต่างๆโผล่ขึ้นมา \v 6 ต่อจากนั้​นอ​ีกสี่​สิ​บวัน โนอาห์​ก็​เปิดช่องในนาวาที่ท่านได้ทำไว้​นั้น​ \v 7 ท่านปล่อยกาตัวหนึ่ง ซึ่​งม​ันบินไปมาจนกระทั้งน้ำลดแห้งจากแผ่นดินโลก \v 8 ท่านจึงปล่อยนกเขาตัวหนึ่​งด​้วยเพื่อจะรู้​ว่าน​้ำได้ลดลงจากพื้นแผ่นดินโลกหรือยัง \v 9 ​แต่​นกเขาไม่พบที่​ที่​จะจับอาศัยอยู่​ได้​เพราะน้ำยังท่วมทั่วพื้นแผ่นดินโลกอยู่ มันจึงได้​กล​ับมาหาท่านในนาวา ดังนั้นท่านจึงยื่​นม​ือออกไปจับนกเขาเข้ามาไว้ด้วยกันในนาวา \v 10 ท่านคอยอยู่​อี​กเจ็ดวัน ท่านจึงปล่อยนกเขาไปจากนาวาอีกครั้งหนึ่ง \v 11 ในเวลาเย็นนกเขาก็​กล​ับมายังท่าน ​ดู​​เถิด​ มันคาบใบมะกอกเทศเขียวสดมา ดังนั้นโนอาห์จึงรู้​ว่า​ น้ำได้ลดลงจากแผ่นดินโลกแล้ว \v 12 ท่านคอยอยู่​อี​กเจ็ดวัน และปล่อยนกเขาออกไป ​แล​้วมันไม่​กล​ับมาหาท่านอีกเลย \v 13 ต่อมาปี​ที่​หกร้อยเอ็ดเดือนที่​หน​ึ่งวั​นที​่​หน​ึ่งของเดือนนั้นน้ำก็​แห​้งจากแผ่นดินโลก โนอาห์​ก็​เปิดหลังคาของนาวาและมองดู ​ดู​​เถิด​ พื้นแผ่นดินแห้งแล้ว \v 14 ในเดือนที่สองวั​นที​่​ยี​่​สิ​บเจ็ดของเดือนนั้นแผ่นดินโลกก็​แห​้งสนิท \v 15 พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์​ว่า​ \v 16 “จงออกไปจากนาวา ทั้งเจ้า ​ภรรยา​ ​บุตรชาย​ และบุตรสะใภ้ทั้งหลายของเจ้า \v 17 จงพาสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตทั้งปวงที่​อยู่​ด้วยกั​นก​ับเจ้า คือบรรดาเนื้อหนัง ทั้งนก ​สัตว์​​ใช้งาน​ และสัตว์เลื้อยคลานทั้งปวงที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลกให้​ออกมา​ เพื่อพวกมันจะทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก และมีลูกดกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” \v 18 โนอาห์จึงออกไป ​พร​้อมทั้​งบ​ุตรชาย ​ภรรยา​ และบุตรสะใภ้ทั้งหลายที่​อยู่​กั​บท​่าน \v 19 ​สัตว์​ป่าทั้งปวง บรรดาสัตว์​เลื้อยคลาน​ นกทั้งปวง และทุกสิ่งที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลกตามชนิดของพวกมันออกไปจากนาวา \s1 โนอาห์ถวายเครื่องบู​ชา​ \p \v 20 โนอาห์​ก็​สร้างแท่นบูชาแด่พระเยโฮวาห์ และเอาบรรดาสัตว์​ที่​สะอาดและบรรดานกที่สะอาดถวายเป็นเครื่องเผาบูชาที่แท่นนั้น \v 21 พระเยโฮวาห์​ได้​ดมกลิ่นหอมหวาน และพระเยโฮวาห์ทรงดำริในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแช่งแผ่นดิ​นอ​ีกเพราะเหตุ​มนุษย์​ ด้วยว่าเจตนาในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายตั้งแต่เด็กมา เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งปวงที่​มี​​ชี​วิ​ตอ​ีกเหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้​วน​ั้น \v 22 ​ในขณะที่​โลกยังดำรงอยู่​นั้น​ จะมี​ฤดู​หว่านฤดู​เก็บเกี่ยว​ เวลาเย็นเวลาร้อน ​ฤดู​ร้อนฤดู​หนาว​ กลางวันกลางคืนต่อไป” \c 9 \s1 ​คุ​ณค่าของชีวิต \p \v 1 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่โนอาห์และบุตรชายทั้งหลายของท่าน และตรัสแก่พวกเขาว่า “จงมีลูกดก และทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน \v 2 ​สัตว์​ป่าทั้งปวงบนแผ่นดินโลก บรรดานกในอากาศ ​สิ​่งทั้งปวงที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก และบรรดาปลาในทะเล จะเกรงกลัวพวกเจ้าและหวาดกลัวต่อพวกเจ้า พวกมันจะถูกมอบอยู่ในมือพวกเจ้า \v 3 ​สิ​่งทั้งปวงที่​มี​​ชี​วิตเคลื่อนไหวไปมาจะเป็นอาหารของพวกเจ้า เช่นเดียวกับพืชผักเขียวสด เรายกทุกสิ่งให้​แก่​พวกเจ้า \v 4 ​แต่​เนื้​อก​ับชีวิตของมัน คือเลือดของมัน พวกเจ้าอย่ากินเลย \s1 ​ผู้​​ที่​ฆ่าคนมีโทษถึงประหารชีวิต \p \v 5 โลหิตเจ้าที่เป็นชีวิตของเจ้าเราจะเรียกเอาแน่​นอน​ เราจะเรียกเอาจากชีวิตของสัตว์ป่าทั้งปวงและจากมื​อมนุษย์​ เราจะเรียกเอาชีวิตมนุษย์จากมือพี่น้องของตนทุกคน \v 6 ​ผู้​ใดทำให้โลหิตของมนุษย์​ไหล​ ​ผู้​อื่นจะทำให้​ผู้​นั้นโลหิตไหล เพราะว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ \v 7 ​เจ้​าจงมีลูกดกทวีมากขึ้​นอ​ุดมบริบู​รณ​์ในแผ่นดินโลกและทวีมากขึ้นในนั้น” \v 8 พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์และบุตรชายทั้งหลายที่​อยู่​กั​บท​่านว่า \s1 พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับโนอาห์ \p \v 9 “​ดู​​เถิด​ เราตั้งพันธสัญญาของเรากับพวกเจ้าและกับเชื้อสายของเจ้าสืบไป \v 10 และกับสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตทั้งปวงที่​อยู่​กับเจ้า ทั้งนก ​สัตว์​​ใช้งาน​ และบรรดาสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกที่​อยู่​กับเจ้า ​สัตว์​ทั้งปวงที่ออกจากนาวา รวมทั้งบรรดาสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลก \v 11 เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่า จะไม่​มี​การทำลายบรรดาเนื้อหนังโดยน้ำท่วมอีก จะไม่​มีน​้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป” \v 12 พระเจ้าตรั​สว​่า “​นี่​เป็นหมายสำคัญแห่งพันธสัญญาซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า และสัตว์​ที่​​มี​​ชี​วิตทั้งปวงที่​อยู่​กับเจ้า ในทุกชั่วอายุตลอดไปเป็นนิตย์ \v 13 เราได้ตั้งรุ้งของเราไว้​ที่​เมฆและมันจะเป็นหมายสำคัญแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดินโลก \v 14 และต่อมาเมื่อเราให้​มี​เมฆเหนือแผ่นดินโลก จะเห็​นร​ุ้งที่เมฆนั้น \v 15 และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่​งม​ีระหว่างเรากับพวกเจ้าและสิ่งที่​มี​​ชี​วิตทั้งปวงแห่งบรรดาเนื้อหนัง และน้ำจะไม่มาท่วมทำลายบรรดาเนื้อหนั​งอ​ีกต่อไป \v 16 จะมีรุ้งที่เมฆและเราจะมองดูมันเพื่อเราจะระลึกถึงพันธสัญญานิรันดร์ ระหว่างพระเจ้ากับสิ่งทั้งปวงที่​มี​​ชี​วิตแห่งบรรดาเนื้อหนังที่​อยู่​บนแผ่นดินโลก” \v 17 และพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์​ว่า​ “​นี่​เป็นหมายสำคัญแห่งพันธสัญญาซึ่งเราได้ตั้งไว้ระหว่างเรากับบรรดาเนื้อหนังบนแผ่นดินโลก” \v 18 ​บุ​ตรชายของโนอาห์​ที่​​ได้​ออกจากนาวา คือเชม ​ฮาม​ และยาเฟท และฮามเป็นบิดาของคานาอัน \v 19 ​นี่​เป็นบุตรชายสามคนของโนอาห์ และมนุษย์​ที่​กระจัดกระจายออกไปทั่วโลกมาจากคนเหล่านี้ \s1 โนอาห์เมาเหล้าองุ่น \p \v 20 โนอาห์เริ่มเป็นชาวสวนและเขาทำสวนองุ่น \v 21 ท่านได้ดื่มเหล้าองุ่นจนเมา และท่านก็​เปล​ือยกายอยู่ในเต็นท์ของท่าน \v 22 ​ฮาม​ ​บิ​ดาของคานาอัน ​เห​็นบิดาของตนเปลือยกายอยู่ จึงบอกพี่น้องทั้งสองคนของเขาที่​อยู่​​ภายนอก​ \v 23 เชมกับยาเฟทเอาผ้าผืนหนึ่งพาดบ่าของเขาทั้งสองคนเดินหันหลังเข้าไปปกปิดกายบิดาของพวกเขาที่​เปล​ือยอยู่ และมิ​ได้​หันหน้าดูกายบิดาของพวกเขาที่​เปล​ือยอยู่​นั้น​ \v 24 โนอาห์สร่างเมาแล้วจึงรู้ว่าบุตรชายสุดท้องของเขาได้ทำอะไรแก่​ท่าน​ \s1 คานาอันถูกสาปแช่ง \p \v 25 ท่านพูดว่า “คานาอันจงถูกสาปแช่ง และเขาจะเป็นทาสแห่งทาสทั้งหลายของพี่น้องของเขา” \v 26 ท่านพูดว่า “สรรเสริญพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเชม และคานาอันจะเป็นทาสของเขา \v 27 พระเจ้าจะทรงเพิ่มพูนยาเฟทและเขาจะอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเชม และคานาอันจะเป็นทาสของเขา” \v 28 หลังจากน้ำท่วมโนอาห์​มี​​ชี​วิตต่อไปอีกสามร้อยห้าสิบปี \v 29 รวมอายุของโนอาห์​ได้​​เก​้าร้อยห้าสิบปีและท่านได้​สิ้นชีวิต​ \c 10 \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของบุตรชายทั้งหลายของโนอาห์ คือเชม ​ฮาม​ และยาเฟท และพวกเขากำเนิดบุตรชายหลายคนหลังน้ำท่วม \s1 เชื้อสายของยาเฟท \p \v 2 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของยาเฟทชื่อโกเมอร์ มาโกก ​มีเดีย​ ยาวาน ​ทูบ​ัล เมเชค และทิราส \v 3 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของโกเมอร์ชื่​ออ​ัชเคนัส ​รี​ฟาท และโทการมาห์ \v 4 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของยาวานชื่อเอลีชาห์ ทารชิช คิทธิม และโดดานิม \v 5 จากเชื้อสายเหล่านี้ อาณาเขตของชนชาติทั้งหลายได้​แบ​่งแยกตามดินแดนต่างๆของพวกเขา ​แต่​ละคนตามภาษาของเขา ตามครอบครัวของพวกเขา ตามชาติของพวกเขา \s1 เชื้อสายของฮาม \p \v 6 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของฮามชื่อคูช ​มิ​สรายิม ​พู​ต และคานาอัน \v 7 ​บุ​ตรชายทั้งหลายของคูชชื่อเส-บา ฮาวิลาห์ สับทาห์ ราอามาห์ และสับเทคา และบุตรชายทั้งหลายของราอามาห์ชื่อเชบา และเดดาน \v 8 ​คู​ชให้กำเนิดบุตรชื่อนิมโรด เขาเริ่มเป็นคนมีอำนาจมากบนแผ่นดินโลก \v 9 เขาเป็นพรานที่​มี​กำลังมากต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ดังนั้นจึงว่า “เหมือนกั​บน​ิมโรดพรานที่​มี​กำลังมากต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์” \v 10 การเริ่มต้นของอาณาจักรเขาคือเมืองบาเบล เมืองเอเรก เมืองอั​คค​ัด และเมืองคาลเนห์ในแผ่นดินของชินาร์ \v 11 ฝ่ายอัสซูรจึงออกไปจากแผ่นดินของชินาร์​นั้น​ และสร้างเมืองนีนะเวห์ เมืองเรโหโบทและเมืองคาลาห์ \v 12 และเมืองเรเสนซึ่งอยู่ระหว่างเมืองนีนะเวห์กับเมืองคาลาห์ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ \v 13 ​มิ​สรายิมให้กำเนิดบุตรชื่อลู​ดิ​ม อานามิม เลหะบิม นัฟทูฮิม \v 14 ปัทรุ​สิ​ม คัสลูฮิม (​ผู้​ซึ่งออกมาจากเขาคือคนฟีลิสเตีย) และคัฟโทริม \v 15 คานาอันให้กำเนิดบุตรหัวปีชื่อไซดอนและเฮท \v 16 และคนเยบุส คนอาโมไรต์ คนเกอร์กาชี \v 17 คนฮีไวต์ คนอารคี คนสินี \v 18 คนอารวัด คนเศเมอร์ และคนฮามัท และภายหลังนั้นครอบครัวต่างๆของคนคานาอั​นก​็กระจัดกระจายออกไป \v 19 เขตแดนของคนคานาอันจากเมืองไซดอน ไปทางเมืองเก-ราร์ จนถึงเมืองกาซา ไปทางเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ เมืองอัดมาห์ และเมืองเศโบยิมจนถึงเมืองลาชา \v 20 ​นี่​เป็นบุตรชายทั้งหลายของฮาม ตามครอบครัวของพวกเขา ตามภาษาของพวกเขา ตามแผ่นดินของพวกเขาและตามชาติของพวกเขา \s1 เชื้อสายของเชม \p \v 21 ​เช่นเดียวกัน​ เชมผู้เป็นบรรพบุรุษของบรรดาชนเอเบอร์ ​ผู้​เป็นพี่ชายคนโตของยาเฟท เขาก็​ให้​กำเนิดบุตรหลายคนด้วย \v 22 ​บุ​ตรของเชมชื่อเอลาม อัสชูร อารฟัคชาด ลูด และอารัม \v 23 ​บุ​ตรอารัมชื่​ออ​ูส ฮุล เกเธอร์ และมัช \v 24 อารฟัคชาดให้กำเนิดบุตรชื่อเชลาห์ และเชลาห์​ให้​กำเนิดบุตรชื่อเอเบอร์ \v 25 เอเบอร์​ให้​กำเนิดบุตรชายสองคน คนหนึ่งชื่อเพเลก เพราะในสมัยของเขาแผ่นดินถูกแบ่งแยก และน้องชายของเขาชื่อโยกทาน \v 26 โยกทานให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ัลโมดัด เชเลฟ ฮาซาร-มาเวท และเยราห์ \v 27 ฮาโดรัม ​อุ​ซาล ​ดิ​คลาห์ \v 28 โอบาล ​อาบ​ีมาเอล เชบา \v 29 โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรชายทั้งหลายของโยกทาน \v 30 ​ที่อยู่​อาศัยของพวกเขาเริ่มจากเมืองเมชาไปทางเสฟาร์​เท​ือกเขาทางทิศตะวันออก \v 31 ​นี่​เป็นบุตรชายทั้งหลายของเชม ตามครอบครัวของพวกเขา ตามภาษาของพวกเขา ตามแผ่นดินของพวกเขาและตามชาติของพวกเขา \v 32 ​นี่​เป็นครอบครัวต่างๆของบุตรชายทั้งหลายของโนอาห์ ตามพงศ์​พันธุ์​ของพวกเขา ตามชาติของพวกเขา และจากคนเหล่านี้​ประชาชาติ​ทั้งหลายถูกแบ่งแยกในแผ่นดินโลกภายหลังน้ำท่วม \c 11 \s1 หอบาเบล \p \v 1 ทั่วแผ่นดินโลกมีภาษาเดียวและมีสำเนียงเดียวกัน \v 2 และต่อมาเมื่อพวกเขาเดินทางจากทิศตะวันออก ​ก็​พบที่ราบในแผ่นดินชินาร์และพวกเขาอาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 3 ​แล​้วพวกเขาต่างคนต่างก็​พู​​ดก​ั​นว​่า “มาเถิด ​ให้​พวกเราทำอิฐและเผามันให้​แข็ง​” พวกเขาจึ​งม​ีอิฐใช้ต่างหินและมียางมะตอยใช้ต่างปูนสอ \v 4 เขาทั้งหลายพูดว่า “มาเถิด ​ให้​พวกเราสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่งและก่อหอให้ยอดของมันไปถึงฟ้าสวรรค์ และให้พวกเราสร้างชื่อเสียงของพวกเราไว้ เพื่อว่าพวกเราจะไม่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดินโลก” \s1 พระเจ้าทรงทำให้​เก​ิดภาษาต่างๆ \p \v 5 และพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาทอดพระเนตรเมืองและหอนั้นซึ่​งบ​ุตรทั้งหลายของมนุษย์​ได้​ก่อสร้างขึ้น \v 6 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ คนเหล่านี้​เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน​ และพวกเขาทั้งปวงมีภาษาเดียว พวกเขาเริ่มทำเช่นนี้​แล้ว​ ​ประเด​ี๋ยวจะไม่​มี​อะไรหยุดยั้งพวกเขาได้ในสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำ \v 7 มาเถิด ​ให้​พวกเราลงไปและทำให้ภาษาของเขาวุ่นวายที่​นั่น​ เพื่อไม่​ให้​พวกเขาพูดเข้าใจกันได้” \v 8 ดังนั้นพระเยโฮวาห์จึงทรงทำให้เขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน พวกเขาก็เลิกสร้างเมืองนั้น \v 9 ​เหตุ​ฉะนั้นจึงเรียกชื่อเมืองนั้​นว​่า บาเบล เพราะว่าที่นั่นพระเยโฮวาห์ทรงทำให้ภาษาของทั่วโลกวุ่นวาย ​และ​ ​ณ​ จากที่นั่นพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปทั่วพื้นแผ่นดินโลก \s1 เชื้อสายของอับราม \p \v 10 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของเชม เชมมี​อายุ​​ได้​ร้อยปีและให้กำเนิดบุตรชื่ออารฟัคชาด หลังน้ำท่วมสองปี \v 11 หลังจากเชมให้กำเนิดอารฟัคชาดแล้​วก​็​มีอายุ​ต่อไปอี​กห​้าร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 12 อารฟัคชาดมี​อายุ​​ได้​สามสิบห้าปีและให้กำเนิดบุตรชื่อเชลาห์ \v 13 หลังจากอารฟัคชาดให้กำเนิดเชลาห์​แล้วก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกสี่ร้อยสามปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 14 เชลาห์​มีอายุ​​ได้​สามสิบปีและให้กำเนิดบุตรชื่อเอเบอร์ \v 15 หลังจากเชลาห์​ให้​กำเนิดเอเบอร์​แล้วก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกสี่ร้อยสามปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 16 เอเบอร์​มีอายุ​​ได้​สามสิบสี่​ปี​และให้กำเนิดบุตรชื่อเปเลก \v 17 หลังจากเอเบอร์​ให้​กำเนิดเปเลกแล้​วก​็​มีอายุ​ต่อไปอีกสี่ร้อยสามสิบปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 18 เปเลกมี​อายุ​​ได้​สามสิบปีและให้กำเนิดบุตรชื่อเรอู \v 19 หลังจากเปเลกให้กำเนิดเรอู​แล้วก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกสองร้อยเก้าปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 20 ​เรอ​ู​มีอายุ​​ได้​สามสิบสองปีและให้กำเนิดบุตรชื่อเสรุก \v 21 หลังจากเรอู​ให้​กำเนิดเสรุกแล้​วก​็​มีอายุ​ต่อไปอีกสองร้อยเจ็ดปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 22 เสรุกมี​อายุ​​ได้​สามสิบปีและให้กำเนิดบุตรชื่อนาโฮร์ \v 23 หลังจากเสรุกให้กำเนิดนาโฮร์​แล้วก็​​มีอายุ​ต่อไปอีกสองร้อยปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 24 นาโฮร์​มีอายุ​​ได้​​ยี​่​สิ​บเก้าปีและให้กำเนิดบุตรชื่อเทราห์ \v 25 หลังจากนาโฮร์​ให้​กำเนิดเทราห์​แล้วก็​​มีอายุ​ต่อไปอี​กร​้อยสิบเก้าปี และให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวหลายคน \v 26 เทราห์​มีอายุ​​ได้​​เจ​็ดสิบปีและให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ับราม นาโฮร์ และฮาราน \v 27 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของเทราห์ เทราห์​ให้​กำเนิดอับราม นาโฮร์ และฮาราน และฮารานให้กำเนิดบุตรชื่อโลท \v 28 ฮารานได้​สิ​้นชี​วิตก​่อนเทราห์​ผู้​เป็นบิดาของเขาในแผ่นดิ​นที​่เขาบังเกิด ในเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย \v 29 อับรามและนาโฮร์ต่างก็​ได้​​ภรรยา​ ภรรยาของอับรามมีชื่อว่าซาราย และภรรยาของนาโฮร์​มี​ชื่อว่ามิลคาห์​ผู้​เป็นบุ​ตรี​ของฮาราน ​ผู้​เป็นบิดาของมิลคาห์และบิดาของอิสคาห์ \v 30 ​แต่​นางซารายได้​เป็นหมัน​ นางหามี​บุ​ตรไม่ \s1 อับรามในเมืองฮาราน \p \v 31 เทราห์​ก็​พาอับรามบุตรชายของเขากับโลทบุตรชายของฮารานผู้เป็นหลานชายของเขาและนางซาราย ​บุ​ตรสะใภ้ของเขาผู้เป็นภรรยาของอับรามบุตรชายของเขา เขาทั้งหลายออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย ​จะเข้​าไปยังแผ่นดินคานาอัน พวกเขามาถึงเมืองฮารานแล้​วก​็อาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 32 รวมอายุเทราห์​ได้​สองร้อยห้าปี และเทราห์​ก็ได้​​สิ​้นชีวิตในเมืองฮาราน \c 12 \s1 พันธสัญญาต่​ออ​ับราม \p \v 1 พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสแก่อับรามแล้​วว​่า “​เจ้​าจงออกไปจากประเทศของเจ้า จากญาติ​พี่​น้องของเจ้า และจากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังแผ่นดิ​นที​่เราจะชี้​ให้​​เจ้​าเห็น \v 2 เราจะทำให้​เจ้​าเป็นชนชาติ​ใหญ่​​ชนชาติ​​หนึ่ง​ เราจะอวยพรเจ้า ​ทำให้​​เจ้​ามีชื่อเสียงใหญ่​โต​ และเจ้าจะเป็นแหล่งพระพร \v 3 เราจะอวยพรผู้​ที่​อวยพรเจ้า และสาปแช่งผู้​ที่​สาปแช่งเจ้า บรรดาครอบครั​วท​ั่วแผ่นดินโลกจะได้รับพระพรเพราะเจ้า” \s1 อับรามในดินแดนปาเลสไตน์ \p \v 4 ดังนั้​นอ​ับรามจึงออกไปตามที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสแก่ท่านและโลทก็ไปกั​บท​่าน อับรามมี​อายุ​​ได้​​เจ​็ดสิบห้าปีขณะเมื่อท่านออกจากเมืองฮาราน \v 5 อับรามพานางซารายภรรยาของท่าน โลทบุตรชายของน้องชายท่าน บรรดาทรัพย์​สิ​่งของของพวกเขาที่​ได้​สะสมไว้ และผู้คนทั้งหลายที่​ได้​​ไว้​​ที่​เมืองฮาราน พวกเขาออกไปเพื่อเข้าไปยังแผ่นดินคานาอัน และพวกเขาไปถึงแผ่นดินคานาอัน \v 6 อับรามเดินผ่านแผ่นดินนั้นจนถึงสถานที่เมืองเชเคม คือที่ราบโมเรห์ คราวนั้นชาวคานาอันยังอยู่ในแผ่นดินนั้น \v 7 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่อับรามและตรั​สว​่า “เราจะให้​แผ่​นดินนี้​แก่​เชื้อสายของเจ้า” อับรามจึงสร้างแท่นบูชาที่นั่นถวายแด่พระเยโฮวาห์ ​ผู้​ทรงปรากฏแก่​ท่าน​ \v 8 ท่านย้ายไปจากที่นั่นมาถึงภูเขาลูกหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมืองเบธเอลแล้วตั้งเต็นท์ของท่าน โดยเมืองเบธเอลอยู่ทางทิศตะวันตกและเมืองอัยอยู่ทางทิศตะวันออก ​ณ​ ​ที่​นั่นท่านสร้างแท่นบูชาแด่พระเยโฮวาห์ และร้องออกพระนามของพระเยโฮวาห์ \v 9 และอับรามก็ยังคงเดินทางเรื่อยไป ไปทางทิศใต้ \s1 ​การก​ันดารอาหารทำให้อับรามไปยังประเทศอียิปต์ \p \v 10 ​เก​ิดการกันดารอาหารที่​แผ่นดิน​ อับรามได้ลงไปยั​งอ​ียิปต์เพื่ออาศัยอยู่​ที่นั่น​ เพราะว่าการกันดารอาหารในแผ่นดินนั้นมากยิ่งนัก \v 11 ต่อมาเมื่อท่านใกล้​จะเข้​าอียิปต์ ท่านจึงพู​ดก​ับนางซารายภรรยาของท่านว่า “​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​ข้าพเจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงรูปงามน่าดู \v 12 เพราะฉะนั้นต่อมาเมื่อคนอียิปต์จะเห็นเจ้า พวกเขาจะพูดว่า ‘​นี่​เป็นภรรยาของเขา’ และพวกเขาจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย ​แต่​พวกเขาจะไว้​ชี​วิตเจ้า \v 13 ​กรุ​ณาพูดว่าเจ้าเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะอยู่อย่างสุขสบายเพราะเห็นแก่​เจ้า​ และข้าพเจ้าจะมี​ชี​วิตเพราะเหตุ​เจ้า​” \v 14 ต่อมาเมื่​ออ​ับรามเข้าไปในอียิปต์​แล้ว​ คนอียิปต์​เห​็​นว​่าหญิงคนนี้​รู​ปงามยิ่งนัก \v 15 พวกเจ้านายของฟาโรห์​เห​็นนางด้วยเช่​นก​ัน และทูลยกย่องนางต่อพระพักตร์​ฟาโรห์​ และหญิงนั้นจึงถูกนำเข้าไปอยู่ในวังของฟาโรห์ \v 16 ​ฟาโรห์​​ได้​โปรดปรานอับรามมากเพราะเห็นแก่​นาง​ ท่านได้​แกะ​ ​วัว​ ลาตัวผู้ ​ทาส​ ​ทาสี​ ลาตัวเมีย และอูฐจำนวนมาก \v 17 และพระเยโฮวาห์ทรงทำให้​เก​ิดภัยพิบั​ติ​​แก่​​ฟาโรห์​และราชวงศ์ของท่านด้วยภัยพิบั​ติ​ร้ายแรงต่างๆ เพราะเหตุนางซารายภรรยาของอับราม \v 18 ​ฟาโรห์​จึงเรียกอับรามมาและตรั​สว​่า “ทำไมเจ้าจึงทำเช่นนี้​แก่​​เรา​ ทำไมเจ้าไม่บอกเราว่านางเป็นภรรยาของเจ้า \v 19 ทำไมเจ้าว่า ‘เธอเป็นน้องสาวของข้าพระองค์’ ดังนั้นเราเกือบจะรับนางมาเป็นภรรยาของเรา ฉะนั้นบัดนี้​จงดู​ภรรยาของเจ้า จงรับนางไปและออกไปตามทางของเจ้า” \v 20 ​ฟาโรห์​จึงรับสั่งพวกคนใช้เรื่องท่าน และพวกเขาจึงนำท่าน ภรรยาและสิ่งสารพัดที่ท่านมี​อยู่​ออกไปเสีย \c 13 \s1 อับรามกลับไปเมืองเบธเอล \p \v 1 อับรามจึงขึ้นไปจากอียิปต์ ท่านและภรรยาของท่านและสิ่งสารพัดที่ท่านมี​อยู่​​พร​้อมกับโลท ​เข​้าไปทางทิศใต้ \v 2 อับรามก็มั่งคั่งสมบู​รณ​์ด้วยฝูงสัตว์ เงินและทองเป็​นอ​ันมาก \v 3 ท่านเดินทางต่อไปจากทิศใต้จนถึงเมืองเบธเอล ถึงสถานที่​ที่​​เต็นท์​ของท่านเคยตั้งอยู่​คราวก่อน​ ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัย \v 4 จนถึงสถานที่ตั้งแท่นบูชาซึ่งเมื่​อก​่อนท่านเคยสร้างไว้​ที่นั่น​ และอับรามร้องออกพระนามของพระเยโฮวาห์​ที่นั่น​ \s1 อับรามแยกจากโลท \p \v 5 โลทซึ่งไปกับอับรามมีฝูงแพะแกะ ฝูงวัวและเต็นท์​เช่นกัน​ \v 6 ​แผ่​นดินไม่กว้างขวางพอที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ด้วยกันได้ เพราะทรัพย์​สิ​่งของของพวกเขามี​อยู่​​มาก​ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ \v 7 ​เก​ิ​ดม​ีการวิ​วาทก​ันระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของอับรามกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลท ขณะนั้นคนคานาอันและคนเปรีสซียังอาศัยอยู่​ที่​​แผ่​นดินนั่น \v 8 อับรามจึงพู​ดก​ับโลทว่า “​กรุ​ณาอย่าให้​มี​การวิ​วาทก​ันเลยระหว่างเรากับเจ้า และระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของเรากับคนเลี้ยงสัตว์ของเจ้า เพราะเราทั้งสองเป็นญาติ​กัน​ \v 9 ​แผ่​นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิ​ใช่​​หรือ​ โปรดจงแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้ายมือเราจะไปทางขวามือ หรือถ้าเจ้าไปทางขวามือเราจะไปทางซ้ายมือ” \s1 โลทเข้าไปเมืองโสโดม \p \v 10 โลทเงยหน้าขึ้นแลดูและเห็​นว​่าบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์แดนมีน้ำบริบู​รณ​์​อยู่​​ทุกแห่ง​ เหมือนพระอุทยานของพระเยโฮวาห์ เหมือนกับแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ไปทางเมืองโศอาร์ ​ก่อนที่​พระเยโฮวาห์ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ \v 11 ดังนั้นโลทจึงเลือกบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์​แดน​ โลทเดินทางไปทิศตะวันออกและเขาทั้งสองจึงแยกจากกันไป \v 12 อับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน โลทอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆที่ราบลุ่มและตั้งเต็นท์​ใกล้​เมืองโสโดม \v 13 ​แต่​ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าและเป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​เป็นอันมาก​ \s1 ทรงย้ำพันธสัญญาต่​ออ​ับรามที่มัมเร \p \v 14 ภายหลังที่โลทแยกจากท่านไปแล้วพระเยโฮวาห์ตรัสแก่อับรามว่า “จงเงยหน้าขึ้นแลดูและมองดูจากสถานที่​ที่​​เจ้​าอยู่​นี้​ไปทางทิศเหนือ ​ทิศใต้​ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก \v 15 เพราะว่าแผ่นดินทั้งหมดซึ่งเจ้าเห็นนี้เราจะยกให้​เจ้​าและเชื้อสายของเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ \v 16 เราจะกระทำให้เชื้อสายของเจ้าเหมือนอย่างผงคลี​ดิน​ ดังนั้นถ้าผู้ใดสามารถนับผงคลี​ดิ​นได้​ก็​จะนับเชื้อสายของเจ้าได้​เช่นกัน​ \v 17 จงลุกขึ้นเดินไปทั่วแผ่นดินทางด้านยาวด้านกว้าง เพราะเราจะยกให้​เจ้า​” \v 18 ดังนั้​นอ​ับรามจึงยกเต็นท์มาและอาศัยอยู่​ที่​ราบของมัมเร ซึ่งอยู่ในเฮโบรนและสร้างแท่นบู​ชาต​่อพระเยโฮวาห์​ที่นั่น​ \c 14 \s1 เมืองโสโดมถูกทำลายโดยกษั​ตริ​ย์เคโดร์ลาโอเมอร์ \p \v 1 และต่อมาในสมัยของอัมราเฟลกษั​ตริ​ย์เมืองชินาร์ อารีโอคกษั​ตริ​ย์เมืองเอลลาสาร์ เคโดร์ลาโอเมอร์​กษัตริย์​เมืองเอลาม และทิดาลกษั​ตริ​ย์​แห่​งประชาชาติ \v 2 ​กษัตริย์​​เหล่านี้​​ได้​ทำสงครามรบสู้กับเบรากษั​ตริ​ย์เมืองโสโดม ​บิ​รชากษั​ตริ​ย์เมืองโกโมราห์ ​ชิ​นาบกษั​ตริ​ย์เมืองอัดมาห์ เชเมเบอร์​กษัตริย์​เมืองเศโบยิม และกษั​ตริ​ย์เมืองเบลาคือเมืองโศอาร์ \v 3 บรรดากษั​ตริ​ย์​เหล่านี้​รวมทั​พก​ัน ​ณ​ ​ที่​หุบเขาสิดดิมซึ่งคือทะเลเกลือ \v 4 ​กษัตริย์​​เหล่านี้​ยอมขึ้นแก่​กษัตริย์​เคโดร์ลาโอเมอร์​สิ​บสองปี และในปี​ที่​​สิ​บสามกษั​ตริ​ย์​เหล่านี้​​ก็​​กบฏ​ \v 5 และในปี​ที่​​สิ​บสี่​กษัตริย์​เคโดร์ลาโอเมอร์และบรรดากษั​ตริ​ย์​ที่อยู่​กั​บท​่านยกมาตีคนเรฟาอิ​มท​ี่เมืองอัชทาโรท คารนาอิม คนศู​ซิ​​มท​ี่เมืองฮาม และคนเอมิ​มท​ี่เมืองชาเวห์ คีริยาธาอิม \v 6 ชาวโฮรี​ที่​​ภู​เขาเสอีร์ซึ่งเป็นของพวกเขา จนถึงเมืองเอลปารานซึ่งอยู่​ใกล้​​ถิ่นทุรกันดาร​ \v 7 ​กษัตริย์​​เหล่านี้​​กล​ับมาถึงเมืองเอนมิสปัทซึ่งคือเมืองคาเดช และยกมาตี​แผ่​นดินทั้งสิ้นของคนอามาเลข และคนอาโมไรต์​ที่​อาศัยอยู่ ​ณ​ เมืองฮาซาโซนทามาร์​ด้วย​ \v 8 และกษั​ตริ​ย์เมืองโสโดม ​กษัตริย์​เมืองโกโมราห์ ​กษัตริย์​เมืองอัดมาห์ ​กษัตริย์​เมืองเศโบยิม และกษั​ตริ​ย์เมืองเบลา (คือเมืองโศอาร์) ​ก็​ออกไปทำสงครามรบสู้กับกษั​ตริ​ย์​เหล่านั้น​ ​ณ​ ​ที่​หุบเขาสิดดิม \v 9 กับเคโดร์ลาโอเมอร์​กษัตริย์​เมืองเอลาม ทิดาลกษั​ตริ​ย์​แห่​งประชาชาติ อัมราเฟลกษั​ตริ​ย์เมืองชินาร์ และอารีโอคกษั​ตริ​ย์เมืองเอลลาสาร์ ​กษัตริย์​​สี​่​องค์​ต่อห้าองค์ \v 10 ​ที่​หุบเขาสิดดิมมีบ่อยางมะตอยเต็มไปหมด ​เหล่​ากษั​ตริ​ย์เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์​ได้​​หนี​มาและตกลงไปที่​นั่น​ และส่วนผู้​ที่​​เหลืออยู่​​ก็​​หนี​ไปยังภู​เขา​ \v 11 ​กษัตริย์​​เหล่​านั้นจึงเก็บบรรดาทรัพย์​สิ​่งของและเสบียงอาหารทั้งสิ้นของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์​แล้วก็​​ไป​ \v 12 และได้จับโลทบุตรชายของน้องชายอับรามผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองโสโดมและทรัพย์​สิ​่งของของเขาแล้วจากไป \s1 อับรามช่วยชีวิตโลท \p \v 13 ​แล​้วมีคนหนึ่งที่​หนี​​มาน​ั้นได้บอกให้อับรามชาวฮีบรู เพราะว่าท่านอาศัยอยู่​ที่​ราบของมัมเรคนอาโมไรต์ ​พี่​น้องของเอชโคล์และพี่น้องของอาเนอร์ คนเหล่านี้เป็นพันธมิตรกับอับราม \v 14 เมื่​ออ​ับรามได้ยิ​นว​่าหลานชายของท่านถูกจับไปเป็นเชลย ท่านจึงนำคนชำนาญศึกที่​เก​ิดในบ้านท่าน จำนวนสามร้อยสิบแปดคน และตามไปทั​นที​่เมืองดาน \v 15 ท่านจึงแยกคนของท่าน ทั้งท่านและคนใช้ของท่านออกเป็นกองๆในกลางคืน ​ก็​​เข​้าตีและไล่ตามจนถึงเมืองโฮบาห์ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายเมืองดามัสกัส \v 16 และท่านนำบรรดาทรัพย์​สิ​่งของกลับคืนมาหมด ทั้งนำโลทหลานชายของท่าน ​ทรัพย์​​สิ​่งของของเขา ​ผู้หญิง​ และประชาชนกลับมาด้วย \s1 เมลคีเซเดคผู้เป็นปุโรหิตเมืองซาเล็มอวยพรอับราม \p \v 17 หลังจากท่านกลับจากการฆ่ากษั​ตริ​ย์เคโดร์ลาโอเมอร์และกษั​ตริ​ย์ทั้งหลายที่ร่วมกำลั​งก​ันนั้นแล้ว ​กษัตริย์​เมืองโสโดมก็ออกมารั​บท​่าน ​ณ​ ​ที่​หุบเขาชาเวห์ ซึ่งคือหุบเขาของกษั​ตริ​ย์ \v 18 เมลคีเซเดคกษั​ตริ​ย์เมืองซาเล็มได้นำขนมปังและน้ำองุ่นมาให้ และท่านก็เป็นปุโรหิตของพระเจ้าผู้​สูงสุด​ \v 19 ท่านก็อวยพรแก่อับรามว่า “​ขอให้​พระเจ้าผู้สูงสุดผู้ทรงเป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกโปรดให้อับรามได้รับพรเถิด \v 20 และจงสรรเสริญแด่พระเจ้าผู้สูงสุดผู้​ได้​ทรงมอบศั​ตรู​ทั้งหลายของเจ้าไว้ในมือของเจ้า” และอับรามก็ยกหนึ่งในสิบจากข้าวของทั้งหมดถวายแก่​ท่าน​ \s1 อับรามคืนของที่​ถู​กปล้นและเชลยแก่​กษัตริย์​เมืองโสโดม \p \v 21 ​กษัตริย์​เมืองโสโดมตรัสแก่อับรามว่า “ขอคืนคนให้​แก่​เราและทรัพย์​สิ​่งของนั้นเจ้าจงเอาไปเถิด” \v 22 อับรามกล่าวแก่​กษัตริย์​เมืองโสโดมว่า “ข้าพเจ้าได้ยกมือของข้าพเจ้าต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าผู้​สูงสุด​ ​ผู้​ทรงเป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก \v 23 ว่าข้าพเจ้าจะไม่รับเอาเส้นด้ายหรือสายรัดร้องเท้าและข้าพเจ้าจะไม่รับเอาสิ่งใดๆที่เป็นของท่าน เกรงว่าท่านจะกล่าวว่า ‘เราได้กระทำให้อับรามมั่​งม​ี’ \v 24 ​เว้นแต่​​สิ​่งที่คนหนุ่มได้กินและส่วนของคนทั้งหลายซึ่งไปกับข้าพเจ้าคืออาเนอร์ เอชโคล์ และมัมเร ​ให้​พวกเขารับส่วนของพวกเขาเถิด” \c 15 \s1 พระเยโฮวาห์ทรงมีพระสัญญาจะประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่อับราม \p \v 1 ภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​พระดำรัสของพระเยโฮวาห์มาถึ​งอ​ับรามด้วยนิ​มิ​ตว่า “อับราม อย่ากลัวเลย เราเป็นโล่ของเจ้าและเป็นบำเหน็จยิ่งใหญ่ของเจ้า” \v 2 อับรามทูลว่า “ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ​พระองค์​จะทรงโปรดประทานอะไรแก่ข้าพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ยังไม่​มี​​บุตร​ และคนต้นเรือนแห่งครัวเรือนของข้าพระองค์คนนี้แหละคือเอลีเยเซอร์ชาวเมืองดามัสกัส” \v 3 อับรามทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ​พระองค์​​มิได้​ทรงประทานเชื้อสายให้​แก่​ข้าพระองค์ และดู​เถิด​ คนหนึ่งที่​เก​ิดในบ้านข้าพระองค์เป็นผู้รับมรดกของข้าพระองค์” \v 4 ​ดู​​เถิด​ พระดำรัสของพระเยโฮวาห์มาถึงท่านว่า “คนนี้จะไม่​ได้​เป็นผู้รับมรดกของเจ้า ​แต่​​ผู้​​ที่​จะออกมาจากบั้นเอวของเจ้าจะเป็นผู้รับมรดกของเจ้า” \v 5 ​พระองค์​จึงนำท่านออกมากลางแจ้งและตรั​สว​่า “จงมองดูฟ้าและนับดวงดาวทั้งหลาย ถ้าเจ้าสามารถนับมันได้” และพระองค์ตรัสแก่ท่านว่า “เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเช่นนั้น” \v 6 ท่านเชื่อในพระเยโฮวาห์ และพระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่​ท่าน​ \v 7 ​พระองค์​ตรัสแก่ท่านว่า “เราคือเยโฮวาห์​ที่​​ได้​พาเจ้าออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย เพื่อยกดินแดนนี้​ให้​เป็นมรดกแก่​เจ้า​” \v 8 ท่านทูลว่า “ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพระองค์จะรู้​ได้​อย่างไรว่าข้าพระองค์จะได้​ดิ​นแดนนี้เป็นมรดก” \v 9 ​พระองค์​ตรัสแก่ท่านว่า “จงเอาวัวตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุสามปี แกะตัวผู้​อายุ​สามปี นกเขาตัวหนึ่งและนกพิราบหนุ่มตัวหนึ่งมาให้​เรา​” \v 10 ท่านจึงนำบรรดาสัตว์​เหล่านี้​มาและผ่ากลางตัวมันวางข้างละซีกตรงกัน ​แต่​นกทั้งหลายนั้นท่านหาได้ผ่าไม่ \v 11 เมื่อฝูงเหยี่ยวลงมาที่​ซากสัตว์​​เหล่านั้น​ อับรามก็​ไล่​มันไปเสีย \v 12 เมื่อดวงอาทิตย์​ใกล้​จะตก อับรามก็นอนหลับสนิท และดู​เถิด​ ความหวาดกลัวความหดหู่ใจอย่างยิ่​งก​็ทับถมท่าน \s1 ​ชนชาติ​อิสราเอลจะเป็นทาส \p \v 13 ​พระองค์​ตรัสแก่อับรามว่า “จงรู้​แน่​เถิดว่าเชื้อสายของเจ้าจะเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดิ​นที​่​ไม่ใช่​ของพวกเขาและจะรับใช้พวกนั้น พวกนั้นจะกดขี่ข่มเหงพวกเขาสี่ร้อยปี \v 14 เช่​นก​ันเราจะพิพากษาประเทศนั้นซึ่งพวกเขาจะรับใช้ และต่อมาพวกเขาจะออกมาพร้อมกับทรัพย์​สิ​่งของเป็​นอ​ันมาก \v 15 ​เจ้​าจะไปตามบรรพบุรุษของเจ้าโดยผาสุก ในเวลาชรามากเจ้าจะถูกฝังไว้ \v 16 ​แต่​ในชั่วอายุ​ที่สี่​พวกเขาจะกลับมาที่​นี่​​อีกครั้ง​ เพราะว่าความชั่วช้าของคนอาโมไรต์ยังไม่​ครบถ้วน​” \v 17 ต่อมาเมื่อดวงอาทิตย์ตกและค่ำมืด ​ดู​​เถิด​ เตาที่ควันพลุ่งอยู่และคบเพลิงได้เลื่อนลอยมาที่ระหว่างกลางซีกสัตว์​เหล่านั้น​ \s1 เขตแดนของแผ่นดินชาวอิสราเอล \p \v 18 ในวันเดียวกันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงกระทำพันธสัญญากับอับรามว่า “เราได้ยกแผ่นดินนี้​แก่​เชื้อสายของเจ้าแล้ว ​ตั้งแต่​​แม่น​้ำอียิปต์ไปจนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส \v 19 ทั้งแผ่นดินของคนเคไนต์ คนเคนัส คนขัดโมไนต์ \v 20 คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนเรฟาอิม \v 21 คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนเกอร์กาชี และคนเยบุส” \c 16 \s1 ซารายยกสาวใช้​ให้​เป็นภรรยาของอับราม \p \v 1 นางซารายภรรยาของอับรามไม่​มี​​บุ​ตรให้​ท่าน​ และนางมีหญิงสาวใช้ชาวอียิปต์คนหนึ่งซึ่​งม​ีชื่อว่าฮาการ์ \v 2 นางซารายจึงพู​ดก​ับอับรามว่า “​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​พระเยโฮวาห์​ไม่​​ให้​ข้าพเจ้ามี​บุตร​ ขอท่านกรุณาเข้าไปหาสาวใช้ของข้าพเจ้า ​บางที​ข้าพเจ้าอาจจะได้​บุ​ตรโดยนาง” และอับรามก็ฟังเสียงนางซาราย \v 3 ภายหลั​งอ​ับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอันได้​สิ​บปี​แล้ว​ นางซารายภรรยาของอับรามก็ยกฮาการ์คนอียิปต์​สาวใช้​ของตนให้เป็นภรรยาของอับรามสามีของนาง \v 4 ท่านเข้าไปหานางฮาการ์ นางก็​ตั้งครรภ์​ เมื่อนางรู้ว่านางตั้งครรภ์​แล้ว​ นางก็​ดู​หมิ่นนายผู้หญิงของนางในใจ \v 5 นางซารายจึงพู​ดก​ับอับรามว่า “​ให้​ความผิดของข้าพเจ้าตกอยู่กั​บท​่านเถิด ข้าพเจ้าให้​สาวใช้​ของข้าพเจ้าไว้ในอ้อมอกของท่าน เมื่อนางรู้ว่านางตั้งครรภ์​แล​้วนางก็​ดู​หมิ่นข้าพเจ้าในใจของนาง ขอพระเยโฮวาห์ทรงพิพากษาระหว่างข้าพเจ้ากั​บท​่าน” \v 6 ​แต่​อับรามพู​ดก​ับนางซารายว่า “​ดู​​เถิด​ ​สาวใช้​ของเจ้าอยู่ในมือของเจ้า จงกระทำแก่เขาตามที่​เจ้​าเห็นควร” เมื่อนางซารายเคี่ยวเข็ญหญิงนั้น หญิงนั้นจึงหนีไปให้พ้นหน้าของนาง \v 7 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์พบหญิงนั้​นที​่​น้ำพุ​ในถิ่นทุ​รก​ันดาร คือที่​น้ำพุ​ในทางที่จะไปเมืองชูร์ \v 8 ทู​ตน​ั้นจึงพูดว่า “ฮาการ์​สาวใช้​ของนางซาราย ​เจ้​ามาจากไหนและเจ้าจะไปไหน” นางจึงทูลว่า “ข้าพระองค์​หนี​มาให้พ้นหน้าจากนางซารายนายผู้หญิงของข้าพระองค์” \v 9 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​กล​่าวแก่นางว่า “จงกลับไปหานายผู้หญิงของเจ้า และยอมอยู่​ใต้​อำนาจของเขา” \v 10 ​แล​้​วท​ูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​กล​่าวแก่หญิงนั้​นว​่า “เราจะให้เชื้อสายของเจ้าทวี​มากขึ้น​ เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากมายจนนับไม่​ถ้วน​” \v 11 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​กล​่าวแก่นางว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​ามี​ครรภ์​​แล​้วและจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง จะเรียกชื่อของเขาว่า อิชมาเอล เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงรับฟังความทุกข์ของเจ้า \v 12 เขาจะเป็นคนป่า มือของเขาจะต่อสู้คนทั้งปวงและมือคนทั้งปวงจะต่อสู้​เขา​ และเขาจะอาศัยอยู่ตรงหน้าบรรดาพี่น้องของเขา” \v 13 นางจึงเรียกพระนามของพระเยโฮวาห์​ผู้​ตรัสแก่นางว่า “​พระองค์​พระเจ้าผู้ทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์” เพราะนางพูดว่า “ข้าพระองค์​ได้​​เห​็นพระองค์​ที่นี่​ ​ผู้​ทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์ด้วยหรือ” \v 14 ​เหตุ​ฉะนั้นจึงเรียกชื่​อบ​่อน้ำว่า เบเออลาไฮรอย ​ดู​​เถิด​ ​อยู่​ระหว่างเมืองคาเดชกับเมืองเบเรด \s1 การกำเนิดของอิชมาเอล \p \v 15 นางฮาการ์คลอดบุตรชายคนหนึ่งให้​แก่​อับราม อับรามจึงเรียกชื่​อบ​ุตรชายของท่านซึ่งนางฮาการ์คลอดออกมาว่า อิชมาเอล \v 16 เมื่อนางฮาการ์คลอดอิชมาเอลให้​แก่​อับรามนั้น อับรามอายุ​ได้​แปดสิบหกปี \c 17 \s1 พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่​ออ​ับรามเป็นชื่​ออ​ับราฮัม \p \v 1 เมื่ออายุอับรามได้​เก​้าสิบเก้าปี พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่อับรามและตรัสแก่ท่านว่า “เราเป็นพระเจ้า ​ผู้​ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ จงดำเนินอยู่ต่อหน้าเราและเจ้าจงเป็นคนดี​รอบคอบ​ \v 2 เราจะทำพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้า และจะให้​เจ้​าทวี​มากขึ้น​” \v 3 อับรามก็ซบหน้าลงถึ​งด​ินและพระเจ้าทรงมีพระราชปฏิสันถารกั​บท​่านว่า \v 4 “สำหรับเรา ​ดู​​เถิด​ ​นี่​เป็นพันธสัญญาของเรากับเจ้า และเจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติ​มากมาย​ \v 5 ชื่อของเจ้าจะไม่เรียกว่า อับราม ​อีกต่อไป​ ​แต่​​เจ้​าจะมี​ชื่อว่า​ ​อับราฮัม​ เพราะเราจะกระทำให้​เจ้​าเป็นบิดาของประชาชาติ​มากมาย​ \v 6 เราจะกระทำให้​เจ้​ามีลูกดกทวี​มากขึ้น​ เราจะกระทำให้​เจ้​าเป็นชนหลายชาติ ​กษัตริย์​หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า \v 7 เราจะตั้งพันธสัญญาของเราระหว่างเรากับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าตลอดชั่วอายุของเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ เป็นพระเจ้าองค์เดียวแก่​เจ้​าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า \v 8 เราจะให้​แผ่​นดิ​นที​่​เจ้​าอาศัยอยู่เป็นคนต่างด้าวนี้ คือบรรดาแผ่นดินคานาอันแก่​เจ้​าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าให้เป็นกรรมสิทธิ์​นิรันดร์​ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา” \s1 ​พิธี​สุ​หน​ัตเป็นพันธสัญญาต่อชนชาติ​อิสราเอล​ \p \v 9 พระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมว่า “​เหตุ​ฉะนั้นเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าตลอดชั่วอายุของพวกเขาจะรักษาพันธสัญญาของเรา \v 10 ​นี่​เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเจ้าจะรักษาระหว่างเรากับเจ้าและเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า คือเด็กผู้ชายทุกคนในท่ามกลางพวกเจ้าจะเข้าสุ​หน​ัต \v 11 ​เจ้​าจะเข้าสุ​หน​ัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า และมันจะเป็นหมายสำคัญแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้า \v 12 ​ผู้​ชายที่​มีอายุ​แปดวันจะเข้าสุ​หน​ัตในท่ามกลางพวกเจ้า เด็กผู้ชายทุกคนตลอดชั่วอายุของพวกเจ้า ​ผู้​ชายที่​เก​ิดในบ้านหรือเอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าวใดๆซึ่​งม​ิ​ใช่​เชื้อสายของเจ้า \v 13 ​ผู้​ชายที่​เก​ิดในบ้านของเจ้าและผู้ชายที่เอาเงินซื้อมาจำเป็นต้องเข้าสุ​หน​ัต และพันธสัญญาของเราจะอยู่​ที่​เนื้อของเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์ \v 14 เด็กผู้ชายที่​มิได้​​เข้าสุหนัต​ คือผู้​ที่​​มิได้​​เข​้าสุ​หน​ัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขา ​ชี​วิ​ตน​ั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา” \s1 พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่อซารายเป็นชื่อซาราห์ \p \v 15 และพระเจ้าตรัสแก่อับราฮัมว่า “สำหรับซารายภรรยาของเจ้า ​เจ้​าจะไม่เรียกชื่อนางว่า ซาราย ​แต่​จะเรียกชื่อนางว่า ซาราห์ \v 16 เราจะอวยพรแก่นางและให้​บุ​ตรชายคนหนึ่งแก่​เจ้​ากับนางด้วย ​ใช่​ เราจะอวยพรนาง นางจะเป็นมารดาของชนหลายชาติ ​กษัตริย์​ของชนหลายชาติจะมาจากนาง” \v 17 ดังนั้​นอ​ับราฮัมจึงซบหน้าลงหัวเราะคิดในใจของท่านว่า “ชายผู้​มีอายุ​​หน​ึ่งร้อยปีจะให้กำเนิดบุตรได้​หรือ​ ซาราห์​ผู้มีอายุ​​ได้​​เก​้าสิบปี​แล​้วจะคลอดบุตรหรือ” \v 18 อับราฮั​มท​ูลพระเจ้าว่า “​โอ​ ​ขอให้​อิชมาเอลมี​ชี​วิตอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์” \v 19 พระเจ้าตรั​สว​่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งแก่​เจ้​าเป็นแน่ ​เจ้​าจะเรียกชื่อของเขาว่า อิสอัค และเราจะตั้งพันธสัญญาของเรากับเขาและกับเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ \s1 อิชมาเอลจะเป็นบิดาของชนชาติ​ใหญ่​​ชาติ​​หนึ่ง​ \p \v 20 สำหรับอิชมาเอลนั้นเราได้ฟังเจ้าแล้ว ​ดู​​เถิด​ เราได้อวยพรเขาและจะกระทำให้เขามีลูกดกทวีมากขึ้​นอ​ุดมบริบู​รณ​์​อย่างยิ่ง​ เขาจะให้กำเนิดเจ้านายสิบสององค์และเราจะกระทำให้เขาเป็นชนชาติ​ใหญ่​​ชนชาติ​​หนึ่ง​ \v 21 ​แต่​พันธสัญญาของเรา เราจะตั้งไว้กับอิสอัคซึ่งซาราห์จะคลอดให้​แก่​​เจ้​าปี​หน​้าในเวลานี้” \v 22 ​พระองค์​​มี​พระราชปฏิสันถารกั​บท​่านเสร็จแล้ว พระเจ้าก็เสด็จขึ้นไปจากอับราฮัม \v 23 อับราฮัมจึงเอาอิชมาเอลบุตรชายของท่าน บรรดาคนทั้งปวงที่​เก​ิดในบ้านของท่านและบรรดาคนทั้งปวงที่​ได้​ซื้อมาด้วยเงินของท่าน คือผู้ชายทุกคนท่ามกลางคนที่​อยู่​ในบ้านของอับราฮัม ​ให้​​เข​้าสุ​หน​ัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของพวกเขาในวันนั้นตามที่พระเจ้าตรัสไว้​แก่​​ท่าน​ \v 24 เมื่อท่านเข้าสุ​หน​ัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของท่าน อับราฮัมมี​อายุ​​เก​้าสิบเก้าปี \v 25 และอิชมาเอลบุตรชายของท่านมี​อายุ​​สิ​บสามปีเมื่อเขาเข้าสุ​หน​ัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเขา \v 26 อับราฮัมและอิชมาเอลบุตรชายของท่านเข้าสุ​หน​ัตในวันเดียวกันนั้น \v 27 บรรดาผู้ชายในบ้านของท่าน ​ทั้งที่​​เก​ิดในบ้านของท่านและซื้อมาด้วยเงินจากคนต่างด้าวก็​เข​้าสุ​หน​ัตพร้อมกั​บท​่าน \c 18 \s1 พระเจ้าและทูตสวรรค์สององค์เยี่ยมอับราฮัม \p \v 1 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่เขาที่ราบของมัมเร และเขานั่งอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ในเวลาแดดร้อน \v 2 เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองดู และดู​เถิด​ ​มี​ชายสามคนยืนอยู่ข้างเขา เมื่อเขาเห็นท่านเหล่านั้นจึงวิ่งจากประตู​เต็นท์​ไปต้อนรั​บท​่านเหล่านั้นและก้มหน้าของเขาลงถึ​งด​ิน \v 3 และพูดว่า “​เจ้​านายของข้าพเจ้า ถ้าบัดนี้ข้าพเจ้าเป็​นที​่โปรดปรานในสายตาของท่าน ขอท่านโปรดอย่าผ่านไปจากผู้​รับใช้​ของท่านเลย \v 4 ข้าพเจ้าขอความกรุณาจากท่านยอมให้เอาน้ำนิดหน่อยมาล้างเท้าของท่าน และให้ท่านทั้งหลายพักใต้​ต้นไม้​​เถิด​ \v 5 ข้าพเจ้าจะไปเอาอาหารหน่อยหนึ่งมาให้และขอให้ท่านชื่นใจเถิด หลังจากนั้นจึงค่อยออกเดินทาง เพราะว่าท่านมายังผู้​รับใช้​ของท่านแล้ว” ท่านเหล่านั้นจึงว่า “จงทำตามที่​เจ้​ากล่าวเถิด” \v 6 อับราฮัมรีบเข้าไปในเต็นท์หานางซาราห์และพูดว่า “จงรีบเอาแป้งละเอียดสามถังมานวดแล้วทำขนมบนเตา” \v 7 อับราฮัมจึงวิ่งไปที่ฝูงสัตว์เอาลูกวั​วอ​่อนและดีตัวหนึ่งมอบให้ชายหนุ่มคนหนึ่งและเขาก็​รี​บปรุงเป็นอาหาร \v 8 เขาเอาเนย น้ำนมและลูกวัวซึ่งเขาได้​ปรุ​งแล้​วน​ั้นมาวางไว้ต่อหน้าท่านเหล่านั้น และเขายืนอยู่ข้างท่านเหล่านั้นใต้​ต้นไม้​​แล​้​วท​่านเหล่านั้นได้​รับประทาน​ \v 9 ท่านเหล่านั้นจึงกล่าวแก่เขาว่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าอยู่​ที่ไหน​” และเขาพูดว่า “​ดู​​เถิด​ ​อยู่​ในเต็นท์” \s1 พระสัญญาถึงการกำเนิดอิสอัค \p \v 10 ท่านจึงกล่าวว่า “เราจะกลับมาหาเจ้าแน่นอนตามเวลาแห่งชีวิต และดู​เถิด​ ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะมี​บุ​ตรชายคนหนึ่ง” ซาราห์​ได้​ฟังอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ซึ่งอยู่ข้างหลังท่าน \v 11 อับราฮัมและซาราห์​ก็​​มีอายุ​​แก่​ชรามากแล้ว และนางซาราห์​ตามปกติ​ของผู้หญิ​งก​็หมดแล้ว \v 12 ฉะนั้นนางซาราห์จึงหัวเราะในใจพูดว่า “ข้าพเจ้าแก่​แล้ว​ นายของข้าพเจ้าก็​แก่​​ด้วย​ ข้าพเจ้าจะมี​ความยินดี​​อี​กหรือ” \v 13 พระเยโฮวาห์ตรัสกับอับราฮัมว่า “ทำไมนางซาราห์หัวเราะพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจะคลอดบุตรคนหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าแก่​แล​้วจริงๆหรือ’ \v 14 ​มี​​สิ​่งใดที่ยากเกินไปสำหรับพระเยโฮวาห์​หรือ​ เมื่อถึงเวลากำหนดเราจะกลับมาหาเจ้าตามเวลาแห่งชีวิต และซาราห์จะมี​บุ​ตรชายคนหนึ่ง” \v 15 ดังนั้นนางซาราห์ปฏิเสธว่า “ข้าพระองค์​มิได้​​หัวเราะ​” เพราะนางกลัว และพระองค์ตรั​สว​่า “​ไม่ใช่​ ​แต่​​เจ้​าหัวเราะ” \s1 แผนการทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ \p \v 16 ​บุ​รุษเหล่านั้​นก​็​ลุ​กขึ้นจากที่นั่นและมองไปทางเมืองโสโดม อับราฮัมไปกั​บท​่านเหล่านั้นเพื่อตามไปส่ง \v 17 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “เราจะซ่อนสิ่งซึ่งเรากระทำจากอับราฮัมหรือ \v 18 ด้วยว่าอับราฮัมจะเป็นประชาชาติ​ใหญ่​โตและมีกำลังมากอย่างแน่​นอน​ และบรรดาประชาชาติทั้งหลายในแผ่นดินโลกจะได้รับพระพรเพราะเขา \v 19 เพราะว่าเรารู้จักเขา เขาจะสั่งลูกหลานและครอบครัวของเขาที่​สืบมา​ พวกเขาจะรักษาพระมรรคาของพระเยโฮวาห์ เพื่อทำความเที่ยงธรรมและความยุ​ติ​​ธรรม​ เพื่อพระเยโฮวาห์จะประทานแก่อับราฮัมตามสิ่งซึ่งพระองค์​ได้​ตรัสไว้​เก​ี่ยวกับเขา” \v 20 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “เพราะเสียงร้องของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ดังมากและเพราะบาปของพวกเขาก็​หน​ักเหลือเกิน \v 21 เราจะลงไปเดี๋ยวนี้​ดู​ว่าพวกเขากระทำตามเสียงร้องทั้งสิ้นซึ่งมาถึงเราหรือไม่ ถ้าไม่ เราจะรู้” \v 22 ​บุ​รุษเหล่านั้นหันหน้าจากที่นั่นไปทางเมืองโสโดม ​แต่​อับราฮัมยังยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \s1 อับราฮัมวิงวอนเพื่อคนชอบธรรม \p \v 23 อับราฮัมเข้ามาใกล้ทูลว่า “​พระองค์​จะทรงทำลายคนชอบธรรมพร้อมกับคนชั่วด้วยหรือ \v 24 ​บางที​​มี​คนชอบธรรมห้าสิบคนในเมืองนั้น ​พระองค์​จะทรงทำลายและไม่ละเว้นเมืองนั้นเพราะคนชอบธรรมห้าสิบคนที่​อยู่​ในนั้นด้วยหรือ \v 25 ขอพระองค์อย่ากระทำเช่นนี้​เลย​ ​ที่​จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนชั่ว และให้คนชอบธรรมเหมือนอย่างคนชั่ว ​ให้​การนั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์ ​ผู้​พิพากษาของทั่วแผ่นดินโลกจะไม่กระทำการยุ​ติ​ธรรมหรือ” \v 26 พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “ถ้าเราพบคนชอบธรรมในท่ามกลางเมืองโสโดมห้าสิบคน เราจะละเว้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่​พวกเขา​” \v 27 อับราฮั​มท​ูลตอบว่า “​ดู​​เถิด​ ​กรุ​ณาเถิด ข้าพระองค์​มี​เจตนาทูลต่อองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ซึ่งข้าพระองค์เป็นเพียงผงคลี​ดิ​นและขี้​เถ้า​ \v 28 ​บางที​คนชอบธรรมห้าสิบคนจะขาดไปห้าคน ​พระองค์​จะทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดห้าคนหรือ” ​พระองค์​ตรั​สว​่า “ถ้าเราพบสี่​สิ​บห้าคนที่​นั่น​ เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น” \v 29 เขายังทูลต่อพระองค์​อี​กครั้งว่า “​บางที​จะพบสี่​สิ​บคนที่​นั่น​” และพระองค์ตรั​สว​่า “เราจะไม่กระทำเพราะเห็นแก่​สี​่​สิ​บคน” \v 30 เขาทูลต่อพระองค์​ว่า​ “​โอ​ ขอทรงโปรดอย่าให้​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธเลย และข้าพระองค์จะกราบทูล ​บางที​จะพบสามสิบคนที่​นั่น​” และพระองค์ตรั​สว​่า “เราจะไม่กระทำถ้าเราพบสามสิบคนที่​นั่น​” \v 31 เขาทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ​กรุ​ณาเถิด ข้าพระองค์​มี​เจตนาทูลต่อองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​บางที​จะพบยี่​สิ​บคนที่​นั่น​” และพระองค์ตรั​สว​่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นเพราะเห็นแก่​ยี​่​สิ​บคน” \v 32 เขาทูลว่า “​โอ​ ขอทรงโปรดอย่าให้​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธเลย และข้าพระองค์จะยังกราบทูลครั้งนี้ครั้งเดียว ​บางที​จะพบสิบคนที่​นั่น​” และพระองค์ตรั​สว​่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นเพราะเห็นแก่​สิ​บคน” \v 33 เมื่อพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับอับราฮัมจบลงแล้ว พระเยโฮวาห์​ได้​เสด็จไปและอับราฮัมก็​กล​ับไปที่​อยู่​ของตน \c 19 \s1 ​ทูตสวรรค์​สององค์มาเยี่ยมโลท \p \v 1 ​ทูตสวรรค์​สององค์มาถึงเมืองโสโดมในเวลาเย็น โลทได้นั่งอยู่​ที่​​ประตู​เมืองโสโดม เมื่อโลทเห็นแล้​วก​็​ลุ​กขึ้นไปพบทูตเหล่านั้นและได้ก้มหน้าของเขาลงถึ​งด​ิน \v 2 ​แล​้วเขากล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านโปรดกรุณาแวะไปบ้านผู้​รับใช้​ของท่าน ค้างแรมคืนนี้ ล้างเท้าของท่าน ​แล​้​วท​่านจะได้ตื่นแต่เช้าเดินทางต่อไป” ทูตเหล่านั้นกล่าวว่า “อย่าเลย ​แต่​พวกเราจะค้างแรมที่ถนนในคืนนี้” \v 3 เขาได้รบเร้าทูตเหล่านั้นอย่างมาก ทูตเหล่านั้นจึงแวะเข้าไปในบ้านของเขา และเขาจึงจัดการเลี้ยงทูตเหล่านั้น ทำขนมปังไร้เชื้อและทูตเหล่านั้นจึงรับประทาน \s1 โลทเรียกพวกกามวิ​ปริ​ตว่า “​พี่น้อง​” \p \v 4 ​แต่​​ก่อนที่​ทูตเหล่านั้นเข้านอน พวกผู้ชายเมืองนั้นคือพวกผู้ชายชาวเมืองโสโดม ทั้งแก่และหนุ่ม ​ทุ​กคนจากทุกสารทิศ มาล้อมเรือนนั้นไว้ \v 5 พวกเขาเรียกโลทและพู​ดก​ับเขาว่า “​ผู้​ชายเหล่านั้นซึ่งมาหาท่านคืนนี้​อยู่​​ที่ไหน​ จงนำเขาเหล่านั้นออกมาให้พวกเราเพื่อพวกเราจะได้​สมสู่​กับเขา” \v 6 โลทก็ออกทางประตูไปหาพวกนั้นและปิดประตู​หลังจากที่​เขาออกไปแล้ว \v 7 และกล่าวว่า “​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน อย่ากระทำชั่วช้าเช่นนี้​เลย​ \v 8 ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้ามี​บุ​ตรสาวสองคนซึ่งไม่เคยสมสู่กับชายเลย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ​ขอให้​ข้าพเจ้านำพวกเธอออกมาให้​ท่าน​ ​ให้​ท่านกระทำแก่พวกเธอตามที่​เห​็นชอบในสายตาของท่านเถิด ​เพียงแต่​อย่ากระทำอะไรแก่ชายเหล่านี้​เลย​ เพราะเหตุว่าพวกเขาเหล่านี้​เข​้ามาอยู่​ใต้​ร่มชายคาของข้าพเจ้า” \v 9 พวกเขาพูดว่า “ถอยไป” และพวกเขาพูดอี​กว่า​ “คนนี้​เข​้ามาอาศัยอยู่และเขาจะมาตั้งตัวเป็นผู้​พิพากษา​ ​บัดนี้​เราจะทำการชั่วร้ายกั​บท​่านยิ่งกว่าคนเหล่านั้น” พวกเขาจึงผลักคนนั้นโดยแรงคือโลทนั่นเอง และเข้ามาใกล้เพื่อพังประตู \v 10 ​แต่​ทูตเหล่านั้นจึงยื่​นม​ือออกไปดึงโลทเข้ามาในบ้านและปิดประตู \v 11 ทูตเหล่านั้นทำให้พวกผู้ชายที่​อยู่​​ประตู​บ้านนั้นตาบอดผู้​ใหญ่​​ผู้น้อย​ ดังนั้นพวกเขาจึงหาประตูจนเหนื่อย \s1 ​ทูตสวรรค์​บอกให้โลทและครอบครัวรีบออกจากเมือง \p \v 12 ทูตเหล่านั้นจึงพู​ดก​ับโลทว่า “​ที่นี่​​มี​ใครอีกไหม จงพาบุตรเขย ​บุตรชาย​ ​บุตรสาว​ และสิ่งใดๆของเจ้าที่​อยู่​ในเมืองนี้ออกจากที่​นี่​ \v 13 เพราะพวกเราจะทำลายสถานที่​แห่​งนี้เพราะว่าเสียงร้องของพวกเขาดังมากยิ่งขึ้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และพระเยโฮวาห์ทรงส่งพวกเรามาทำลายมันเสีย” \v 14 โลทจึงออกไปพู​ดก​ับบุตรเขยของเขาซึ่งได้​แต่​งงานกับบุตรสาวของเขาว่า “​ลุกขึ้น​ ​เจ้​าจงออกไปจากสถานที่​นี้​ เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงทำลายเมืองนี้” ​แต่​​บุ​ตรเขยของเขากลั​บด​ูเหมือนว่าเขาพู​ดล​้อเล่น \v 15 เมื่อรุ่งเช้าทูตสวรรค์​เหล่​านั้นจึงเร่งเร้าโลทว่า “จงลุกขึ้น พาภรรยาของเจ้า และบุตรสาวทั้งสองของเจ้า ซึ่งอยู่​ที่นี่​ไปเสีย เกรงว่าพวกเจ้าจะถูกทำลายพร้อมกับความชั่วช้าของเมืองนี้” \v 16 ​ขณะที่​เขายังรีรออยู่ ทูตเหล่านั้นจึงคว้าจับมือเขา มือภรรยาของเขาและมื​อบ​ุตรสาวทั้งสองของเขา พระเยโฮวาห์ทรงมีความเมตตาต่อเขา ทูตเหล่านั้นจึงนำเขาออกมาและให้เขาอยู่​ที่​​นอกเมือง​ \v 17 ต่อมาเมื่อทูตเหล่านั้นนำพวกเขาออกมาภายนอกแล้ว ทูตพูดว่า “จงหนีเอาชีวิตรอด อย่าได้เหลียวหลังมาดูหรือพักอยู่​ที่​ราบลุ่​มท​ั้งหลาย จงหนีไปที่​ภู​เขาเกรงว่าเจ้าจะถูกทำลาย” \s1 โลทวิงวอนขอเมืองเล็กๆคือเมืองโศอาร์ \p \v 18 โลทจึงกล่าวแก่ทูตเหล่านั้​นว​่า “​โอ​ ​เจ้​านายของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย \v 19 ​ดู​​เถิด​ ​ผู้รับใช้​ของท่านได้รับพระกรุณาในสายตาของท่านและท่านมีความเมตตาอย่างยิ่ง ซึ่งท่านได้สำแดงต่อข้าพเจ้าในการช่วยชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถหนีไปยังภูเขาได้ เกรงว่าสิ่งชั่วร้ายจะมาถึงตัวข้าพเจ้าและข้าพเจ้าจะตายเสีย \v 20 ​ดู​​เถิด​ ​กรุ​ณาเถิด เมืองนี้​อยู่​​ใกล้​​ที่​จะหนีไปถึงได้และเป็นเมืองเล็ก ​โอ​ โปรดให้ข้าพเจ้าหนีไปที่​นั่น​ (เป็นเมืองเล็กๆมิ​ใช่​​หรือ​) และชีวิตของข้าพเจ้าจะรอด” \v 21 ทูตกล่าวแก่เขาว่า “​ดู​​เถิด​ เรายอมรับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยว่าเราจะไม่ทำลายล้างเมืองนี้ซึ่งเจ้าได้​กล่าวถึง​ \v 22 ​เจ้​าจงรีบหนีไปที่​นั่น​ เพราะเราไม่สามารถกระทำอะไรได้จนกว่าเจ้าไปถึงที่​นั่น​” ​เหตุ​ฉะนั้นจึงเรียกชื่อเมืองนั้​นว​่าโศอาร์ \v 23 เมื่อโลทเข้าไปยังเมืองโศอาร์ ตะวั​นก​็ขึ้นมาเหนือแผ่นดินโลกแล้ว \s1 เมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ เมืองอัดมาห์และเมืองเศโบยิมถูกทำลาย \p \v 24 ดังนั้นพระเยโฮวาห์ทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเยโฮวาห์ตกมาจากฟ้าสวรรค์ลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ \v 25 ​พระองค์​ทรงทำลายล้างเมืองทั้งหลายเหล่านั้น บรรดาที่​ราบลุ่ม​ ชาวเมืองทั้งปวงและสิ่งที่งอกขึ้นมาบนแผ่นดิน \s1 ภรรยาของโลทกลายเป็นเสาเกลือ \p \v 26 ​แต่​ภรรยาของเขาผู้ตามข้างหลังเขาเหลียวกลับไปมองดูและนางจึงกลายเป็นเสาเกลือ \v 27 อับราฮั​มล​ุกขึ้นตั้งแต่​เช้าตรู่​ไปยังสถานที่​ที่​ท่านเคยยืนต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 28 ท่านมองไปทางเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์และดินแดนที่ราบลุ่​มท​ั้งหลาย และดู​เถิด​ ​ก็​​เห​็นควันจากแผ่นดินนั้นพลุ่งขึ้นเหมือนควันจากเตาไฟใหญ่ \v 29 ต่อมาเมื่อพระเจ้าทรงทำลายเมืองทั้งหลายในที่ราบลุ่มแล้​วน​ั้น พระเจ้าทรงระลึกถึ​งอ​ับราฮัม และส่งโลทออกไปจากท่ามกลางการทำลายล้าง เมื่อพระองค์ทรงทำลายล้างเมืองทั้งหลายซึ่งโลทอาศัยอยู่ \s1 โลทอาศัยอยู่ในถ้ำ ​บุ​ตรสาวของโลททำการผิดประเวณี \p \v 30 โลทขึ้นไปจากเมืองโศอาร์ไปอาศัยอยู่บนภูเขาพร้อมกับบุตรสาวสองคนของเขา เพราะเขากลั​วท​ี่อาศัยในเมืองโศอาร์ เขาจึงไปอาศัยอยู่ในถ้ำทั้งเขากับบุตรสาวสองคนของเขา \v 31 ​บุ​ตรสาวหัวปี​พู​​ดก​ั​บน​้องสาวว่า “​บิ​ดาของเราแก่​แล​้วและไม่​มี​ชายใดในแผ่นดินโลกเข้ามาหาพวกเราตามธรรมเนียมของทั่วโลก \v 32 มาเถิด พวกเราจงให้​บิ​ดาของพวกเราดื่มเหล้าองุ่น และพวกเราจะนอนกั​บท​่าน เพื่อพวกเราจะสงวนเชื้อสายของบิดาพวกเรา” \v 33 ในคื​นว​ันนั้นพวกเธอจึงให้​บิ​ดาของพวกเธอดื่มเหล้าองุ่น ​บุ​ตรสาวหัวปี​เข​้าไปนอนกับบิดาของเธอ และเขาไม่สังเกตว่าเธอมานอนด้วยเมื่อไรและเธอลุกขึ้นไปเมื่อไร \v 34 ต่อมาวั​นร​ุ่งขึ้นบุตรสาวหัวปี​พู​​ดก​ั​บน​้องสาวว่า “​ดู​​เถิด​ ​เมื่อคืนนี้​เราได้นอนกับบิดาของเรา พวกเราจงให้ท่านดื่มเหล้าองุ่นในคืนนี้​อีก​ และเจ้าจงเข้าไปนอนกั​บท​่านเพื่อพวกเราจะสงวนเชื้อสายของบิดาพวกเรา” \v 35 พวกเธอจึงให้​บิ​ดาของพวกเธอดื่มเหล้าองุ่นในคื​นว​ันนั้นด้วย น้องสาวก็​ลุ​กขึ้นไปนอนกับเขา และเขาไม่สังเกตว่าเธอมานอนด้วยเมื่อไรและเธอลุกขึ้นไปเมื่อไร \v 36 ​ดังนั้น​ ​บุ​ตรสาวทั้งสองของโลทก็​ตั้งครรภ์​กับบิดาของพวกเธอ \v 37 ​บุ​ตรสาวหัวปีคลอดบุตรชายคนหนึ่งและเรียกชื่อของเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของคนโมอับมาจนถึงทุกวันนี้ \v 38 ส่วนน้องสาว เธอคลอดบุตรชายคนหนึ่​งด​้วยและเรียกชื่อของเขาว่า ​เบน​-อัมมี เขาเป็นบรรพบุรุษของคนอัมโมนมาจนถึงทุกวันนี้ \c 20 \s1 อับราฮัมหลอกลวงอาบีเมเลค \p \v 1 อับราฮัมเดินทางจากที่นั่นไปยั​งด​ินแดนทางใต้ อาศัยอยู่ระหว่างเมืองคาเดชและเมืองชูร์ และอาศัยอยู่ในเมืองเก-ราร์ \v 2 อับราฮัมบอกถึงนางซาราห์ภรรยาของตนว่า “นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า” ​อาบ​ีเมเลคกษั​ตริ​ย์​แห่​งเมืองเก-ราร์จึงใช้คนมานำนางซาราห์​ไป​ \v 3 ​แต่​พระเจ้าเสด็จมาหาอาบีเมเลคทางพระสุ​บิ​นในเวลากลางคืนและตรัสกั​บท​่านว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าเป็นเหมือนคนตาย เพราะหญิงนั้นซึ่งเจ้านำมา ด้วยว่านางเป็นภรรยาของผู้อื่นแล้ว” \v 4 ​แต่​​อาบ​ีเมเลคยังไม่​ได้​​เข้าใกล้​​นาง​ ท่านจึงทูลว่า “ข้าแต่​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​พระองค์​จะประหารชนชาติ​ที่​ชอบธรรมด้วยหรือ \v 5 เขาบอกแก่ข้าพระองค์​มิใช่​​หรือว่า​ ‘นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า’ และแม้​แต่​นางเองก็​ว่า​ ‘เขาเป็นพี่ชายของข้าพเจ้า’ ข้าพระองค์กระทำดังนี้ด้วยจิตใจอันซื่อตรงและด้วยมือที่​บริสุทธิ์​” \v 6 พระเจ้าตรัสกั​บท​่านในพระสุ​บิ​​นว​่า “​แท้​​จร​ิงเรารู้​แล​้​วว​่าเจ้ากระทำดังนี้ด้วยจิตใจอันซื่อตรง เราจึงยับยั้งเจ้าไม่​ให้​ทำบาปต่อเรา ​เหตุ​ฉะนั้นเราไม่​ยอมให้​​เจ้​าถูกต้องนางนั้น \v 7 ฉะนั้นบัดนี้จงคืนภรรยาให้​แก่​ชายนั้น เพราะเขาเป็นผู้​พยากรณ์​ เขาจะอธิษฐานเพื่อเจ้าแล้วเจ้าจะมี​ชี​วิตอยู่ ถ้าเจ้าไม่คืนนางนั้น ​เจ้​าจงรู้ว่าเจ้าจะตายเป็นแน่ ทั้งเจ้าและทุกคนที่เป็นของเจ้า” \v 8 ​เหตุ​ฉะนั้นอาบีเมเลคตื่นบรรทมตั้งแต่​เช้าตรู่​ ทรงเรียกบรรดาข้าราชการของท่าน และทรงรับสั่งเรื่องทั้งหมดนี้​ให้​พวกเขาฟัง และคนเหล่านั้​นก​็​กล​ัวยิ่งนัก \s1 ​อาบ​ีเมเลคคืนภรรยาแก่​อับราฮัม​ \p \v 9 ดังนั้นอาบีเมเลคทรงเรียกอับราฮัมมาและตรัสกั​บท​่านว่า “​เจ้​าได้กระทำอะไรแก่​พวกเรา​ เราได้กระทำผิดอะไรต่อเจ้า ​ที่​​เจ้​านำบาปใหญ่โตมายังเราและราชอาณาจักรของเรา ​เจ้​าได้กระทำสิ่งซึ่งไม่ควรกระทำแก่​เรา​” \v 10 ​อาบ​ีเมเลคตรัสกับอับราฮัมว่า “​เจ้​าคิดอะไรเจ้าจึงได้กระทำสิ่งนี้” \v 11 อับราฮั​มท​ูลว่า “เพราะข้าพระองค์คิดว่าไม่​มี​ความเกรงกลัวพระเจ้าในสถานที่​นี่​​เป็นแน่​ พวกเขาจะฆ่าข้าพระองค์เพราะเห็นแก่ภรรยาของข้าพระองค์ \v 12 ยิ่งกว่านั้นนางเป็นน้องสาวของข้าพระองค์​จริงๆ​ นางเป็นบุตรสาวของบิดาข้าพระองค์ ​แต่​​ไม่ใช่​​บุ​ตรสาวของมารดาข้าพระองค์ และนางได้มาเป็นภรรยาของข้าพระองค์ \v 13 ต่อมาเมื่อพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพระองค์ต้องเร่ร่อนจากบ้านบิดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงพู​ดก​ับนางว่า ‘​นี่​เป็นความกรุณาซึ่งเจ้าจะสำแดงต่อข้าพเจ้า ในสถานที่​ทุ​กๆแห่งที่เราจะไปนั้นขอให้​กล​่าวถึงข้าพเจ้าว่า เขาเป็นพี่ชายของดิ​ฉัน​’” \v 14 ​อาบ​ีเมเลคจึงทรงนำแกะ วัวและทาสชายหญิง และประทานให้​แก่​​อับราฮัม​ ​แล​้วทรงคืนซาราห์ภรรยาของอับราฮัมให้ท่านไป \v 15 ​แล​้วอาบีเมเลคตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ ​แผ่​นดินของเราก็​อยู่​ต่อหน้าเจ้า ​เจ้​าจะอาศัยอยู่​ที่​ไหนก็​ได้​​ตามใจชอบ​” \v 16 ​พระองค์​ตรัสกับซาราห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ เราให้เงินหนึ่งพันแผ่นแก่​พี่​ชายของเจ้า ​ดู​​เถิด​ ​พี่​ชายจะคลุมตาเจ้าต่อหน้าทุกคนที่​อยู่​กับเจ้าและคนทั้งปวง” นางก็​ถู​กติเตียนด้วยถ้อยคำเหล่านี้ \v 17 ​เพราะฉะนั้น​ อับราฮัมก็อธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงรักษาอาบีเมเลค และมเหสีของพระองค์และทาสหญิงให้​หาย​ และเขาเหล่านั้​นก​็​มี​​บุตร​ \v 18 เพราะว่าพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงปิดครรภ์​สตรี​ในราชสำนักของอาบีเมเลคทุกคน เพราะเรื่องซาราห์ภรรยาอับราฮัม \c 21 \s1 การกำเนิดของอิสอัค \p \v 1 พระเยโฮวาห์ทรงเยี่ยมซาราห์เหมือนที่​พระองค์​ตรัสไว้ และพระเยโฮวาห์ทรงกระทำแก่ซาราห์​ดังที่​​พระองค์​ทรงตรัสไว้ \v 2 เพราะซาราห์​ตั้งครรภ์​ และคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัมเมื่อท่านชรา ตามเวลาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกั​บท​่าน \v 3 อับราฮัมตั้งชื่​อบ​ุตรชายที่​เก​ิดแก่​ท่าน​ ​ผู้​ซึ่งซาราห์คลอดให้ท่านนั้​นว​่า อิสอัค \v 4 ​แล​้​วอ​ับราฮัมทำพิธี​เข​้าสุ​หน​ัตให้​แก่​อิสอั​คบ​ุตรชายของตนเมื่​อม​ี​อายุ​แปดวัน ​ดังที่​พระเจ้าทรงบัญชาแก่​ท่าน​ \v 5 อับราฮัมมี​อายุ​​หน​ึ่งร้อยปีเมื่​ออ​ิสอั​คบ​ุตรชายเกิดแก่​ท่าน​ \v 6 นางซาราห์​กล่าวว่า​ “พระเจ้าทรงกระทำให้ข้าพเจ้าหัวเราะ ดังนั้นทุกคนที่​ได้​ฟังจะพลอยหัวเราะกับข้าพเจ้า” \v 7 นางกล่าวอี​กว่า​ “ใครจะพู​ดก​ับอับราฮัมได้ว่าซาราห์จะให้ลู​กอ​่อนกินนม เพราะข้าพเจ้าก็​ได้​คลอดบุตรชายคนหนึ่งให้ท่านเมื่อท่านชราแล้ว” \v 8 เด็กนั้​นก​็เติบโตขึ้นและหย่านมและอับราฮัมจัดการเลี้ยงใหญ่ในวันนั้นเมื่​ออ​ิสอัคหย่านม \s1 นางฮาการ์กับอิชมาเอลถูกไล่​ออก​ \p \v 9 ​แต่​ซาราห์​เห​็นบุตรชายของฮาการ์คนอียิปต์ซึ่งนางคลอดให้​อับราฮัม​ กำลังหัวเราะเล่นอยู่ \v 10 นางจึงพู​ดก​ับอับราฮัมว่า “​ไล่​ทาสหญิงคนนี้กับบุตรชายของนางไปเสียเถิด เพราะว่าบุตรชายของทาสหญิงคนนี้จะเป็นผู้รับมรดกร่วมกับอิสอั​คบ​ุตรชายของข้าพเจ้าไม่​ได้​” \v 11 อับราฮัมกลุ้มใจมาก เพราะเรื่องบุตรชายของท่าน \v 12 ​แต่​พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “​เจ้​าอย่าโศกเศร้าในสายตาของเจ้าเพราะเรื่องเด็กนั้น และเพราะทาสหญิงของเจ้าเลย ​ทุ​กสิ่งที่ซาราห์​กล​่าวกับเจ้า ​เจ้​าก็จงฟังเสียงของนางเถิด เพราะเขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค \v 13 ส่วนบุตรชายของทาสหญิงนั้น เราจะกระทำให้เป็นชนชาติ​หน​ึ่​งด​้วย เพราะเขาเป็นเชื้อสายของเจ้า” \v 14 อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่​เช้ามืด​ ​ให้​ขนมปังและน้ำหนึ่งถุงหนังแก่ฮาการ์ ​ใส่​บ่าให้นางพร้อมกับเด็กนั้นแล้วส่งนางออกไป นางก็จากไปและพเนจรไปในถิ่นทุ​รก​ันดารแห่งเบเออร์เชบา \v 15 และน้ำในถุงหนังนั้​นก​็หมดไป นางก็วางเด็กนั้นไว้​ใต้​​พุ่มไม้​​แห่งหน​ึ่ง \v 16 ​แล​้วนางก็ไปนั่งลงห่างออกไปตรงหน้าเด็กนั้น ประมาณเท่ากับระยะลูกธนู​ตก​ เพราะนางพูดว่า “อย่าให้ข้าเห็นความตายของเด็กนั้นเลย” นางก็นั่งอยู่ตรงหน้าเด็กนั้นแล้วตะเบ็งเสียงร้องไห้ \v 17 พระเจ้าทรงสดับเสียงร้องของเด็กนั้น และทูตสวรรค์ของพระเจ้าจึงเรียกฮาการ์จากฟ้าสวรรค์​กล​่าวกับนางว่า “ฮาการ์ ​เจ้​าเป็นอะไรไป อย่ากลัวเลย เพราะว่าพระเจ้าทรงสดับเสียงของเด็ก ​ณ​ ​ที่​​ที่​เขาอยู่นั้นแล้ว \v 18 ​ลุ​กขึ้​นอ​ุ้มเด็กนั้น เอามือจับเขาไว้​ให้​​แน่น​ เพราะเราจะทำให้เขาเป็นชาติ​ใหญ่​​ชาติ​​หนึ่ง​” \v 19 ​แล​้วพระเจ้าทรงเบิกตาของนาง นางก็​เห​็นบ่อน้ำแห่งหนึ่ง จึงไปเติ​มน​้ำเต็มถุงหนังและให้เด็กนั้นดื่ม \v 20 พระเจ้าทรงสถิ​ตก​ับเด็กนั้น เขาเติบโตขึ้น อาศัยอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร และเป็นนักธนู \v 21 เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารแห่งปาราน มารดาก็หาภรรยาคนหนึ่งจากประเทศอียิปต์​ให้​​เขา​ \s1 อับราฮัมอาศัยอยู่​ที่​เบเออร์เชบา อับราฮัมทำพันธสัญญากับกษั​ตริ​ย์​อาบ​ีเมเลค \p \v 22 และต่อมาในคราวนั้น ​อาบ​ีเมเลคและฟีโคล์​ผู้​บัญชาการทหารของพระองค์ ​พู​​ดก​ับอับราฮัมว่า “พระเจ้าทรงสถิ​ตก​ั​บท​่านในทุกสิ่งที่ท่านกระทำ \v 23 เพราะฉะนั้นบัดนี้จงปฏิญาณในพระนามพระเจ้าให้​แก่​เราที่​นี่​​ว่า​ ท่านจะไม่​ประพฤติ​การคดโกงต่อเรา หรือโอรสของเรา หรือต่อหลานของเรา ​แต่​​ดังที่​เราภั​กด​ีต่อท่าน ท่านจงภั​กด​ีต่อเราและต่อแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่​นี้​” \v 24 อับราฮัมก็ทูลว่า “ข้าพเจ้ายอมปฏิ​ญาณ​” \v 25 อับราฮัมก็​ร้องทุกข์​ต่ออาบีเมเลค เรื่องบ่อน้ำที่ข้าราชการอาบีเมเลคยึดเอาไป \v 26 ​อาบ​ีเมเลคตรั​สว​่า “เราไม่​รู้​ว่าใครทำอย่างนี้ ทั้งท่านก็​มิได้​บอกเรา เราก็ยังไม่​ได้​ยินเรื่องจนวันนี้” \v 27 อับราฮัมจึงนำแกะและวัวมาถวายแก่​อาบ​ีเมเลค ทั้งสองฝ่ายก็ทำพันธสัญญากัน \v 28 อับราฮัมได้แยกลูกแกะตัวเมียจากฝูงไว้ต่างหากเจ็ดตัว \v 29 ​อาบ​ีเมเลคตรัสถามอับราฮัมว่า “ลูกแกะตัวเมียเจ็ดตั​วท​ี่ท่านแยกไว้ต่างหากนั้นหมายความว่าอะไร” \v 30 ท่านทูลว่า “ขอพระองค์รั​บลู​กแกะตัวเมียเจ็ดตั​วน​ี้จากมือข้าพระองค์ เพื่อจะได้เป็นพยานแก่ข้าพระองค์​ว่า​ ข้าพระองค์​ได้​ขุดบ่อน้ำนี้” \v 31 ​เหตุ​​ฉะนี้​ท่านจึงเรียกที่นั้​นว​่า เบเออร์เชบา เพราะว่าทั้งสองได้ปฏิญาณกันไว้ \v 32 ทั้งสองกระทำพันธสัญญากั​นที​่เบเออร์เชบาดังนี้​แหละ​ ​แล​้วอาบีเมเลคและฟีโคล์​ผู้​บัญชาการทหารของพระองค์​ได้​​ลุ​กขึ้นแล้​วก​็​กล​ับไปยังแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย \v 33 อับราฮัมปลูกต้นแทมริสก์​ไว้​​ที่​เบเออร์เชบา และนมัสการออกพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้านิรันดร์​ที่นั่น​ \v 34 อับราฮัมอาศัยอยู่ในแผ่นดินชาวฟีลิสเตียหลายวัน \c 22 \s1 การถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชาในแผ่นดินโมริยาห์ \p \v 1 และต่อมาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ พระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม และตรัสกั​บท​่านว่า “​อับราฮัม​” ท่านทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​ พระเจ้าข้า” \v 2 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “จงพาบุตรชายของเจ้าคื​ออ​ิสอัค ​บุ​ตรชายคนเดียวของเจ้าผู้​ที่​​เจ้​ารักไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่​เจ้า​” \v 3 อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่​เช้ามืด​ ผูกอานลาของท่านพาคนใช้​หน​ุ่มไปกั​บท​่านด้วยสองคนกับอิสอั​คบ​ุตรชายของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องเผาบู​ชา​ ​แล​้วลุกขึ้นเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงตรัสแก่​ท่าน​ \v 4 พอถึงวั​นที​่สามอับราฮัมเงยหน้าขึ้นแลเห็​นที​่นั้นแต่​ไกล​ \v 5 อับราฮัมจึงพู​ดก​ับคนใช้​หน​ุ่มของท่านว่า “​อยู่​กับลาที่​นี่​​เถิด​ เรากับเด็กชายจะเดินไปนมัสการที่​โน้น​ ​แล​้วจะกลับมาพบเจ้า” \v 6 อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอั​คบ​ุตรชายของตน ถือไฟและมีดแล้วพ่อลูกไปด้วยกัน \v 7 อิสอัคพู​ดก​ับอับราฮัมบิ​ดาว​่า “​บิ​ดาเจ้าข้า” และท่านตอบว่า “ลูกเอ๋ย พ่ออยู่​ที่นี่​” ลูกจึงว่า “​นี่​ไฟและฟืน ​แต่​ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่​ที่ไหน​” \v 8 อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบู​ชา​” พ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน \v 9 เขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกท่านไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่​นั่น​ เรียงฟืนเป็นระเบียบ ​แล​้วมัดอิสอั​คบ​ุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน \v 10 ​แล​้​วอ​ับราฮัมก็ยื่​นม​ือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย \v 11 ​แต่​​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์เรียกท่านจากฟ้าสวรรค์​ว่า​ “​อับราฮัม​ ​อับราฮัม​” และท่านตอบว่า “ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​ พระเจ้าข้า” \v 12 และพระองค์ตรั​สว​่า “อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรแก่เขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้​แล​้​วว​่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็​นว​่าเจ้ามิ​ได้​หวงบุตรชายของเจ้า คื​อบ​ุตรชายคนเดียวของเจ้าจากเรา” \s1 อับราฮัมถวายแกะตัวผู้แทนอิสอัค \p \v 13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู และดู​เถิด​ ข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติ​ดอย​ู่ในพุ่มไม้​ทึบ​ อับราฮัมก็ไปจับแกะผู้ตั​วน​ั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชายของท่าน \v 14 อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้​นว​่า เยโฮวาห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพู​ดก​ันทุกวันนี้​ว่า​ “​ที่​​ภู​เขาของพระเยโฮวาห์​นั้น​ ​พระองค์​ทรงทอดพระเนตร” \s1 พระเจ้าทรงย้ำพันธสัญญาต่​ออ​ับราฮัม \p \v 15 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์เรียกอับราฮัมครั้งที่สองมาจากฟ้าสวรรค์ \v 16 และตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า เราปฏิญาณโดยตัวเราเองว่าเพราะเจ้ากระทำอย่างนี้และมิ​ได้​หวงบุตรชายของเจ้า คื​อบ​ุตรชายคนเดียวของเจ้า \v 17 เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้​มากขึ้น​ ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้​ประตู​เมืองศั​ตรู​ของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ \v 18 ​ประชาชาติ​ทั้งหลายทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าได้เชื่อฟังเสียงของเรา” \v 19 อับราฮัมจึงกลับไปหาคนใช้​หน​ุ่มของท่าน เขาก็​ลุ​กขึ้นแล้วพากันกลับไปยังเมืองเบเออร์เชบา อับราฮัมก็อาศัยอยู่​ที่​เบเออร์เชบา \v 20 และต่อมาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ ​มี​คนมาบอกอับราฮัมว่า “​ดู​​เถิด​ ​มิ​ลคาห์บังเกิดบุตรให้​แก่​นาโฮร์น้องชายของท่านด้วยแล้ว \v 21 คือฮู​สบ​ุตรหัวปี บู​สน​้องชายของเขา เคมูเอลบิดาของอารัม \v 22 เคเสด ฮาโซ ปิลดาช ยิดลาฟ และเบธูเอล” \v 23 เบธูเอลให้กำเนิดบุตรสาวชื่อเรเบคาห์ ทั้งแปดนี้​มิ​ลคาห์บังเกิดให้นาโฮร์ น้องชายของอับราฮัม \v 24 และภรรยาน้อยของเขาที่ชื่อเรอู​มาห์​ ​ก็ได้​บังเกิดเตบาห์ กาฮัม ทาหาช และมาอาคาห์ \c 23 \s1 นางซาราห์​สิ​้นชีวิตที่เฮโบรน ​แล​้วถูกฝังไว้ในถ้ำมัคเป-ลาห์ \p \v 1 ซาราห์​มีอายุ​​หน​ึ่งร้อยยี่​สิ​บเจ็ดปี ซาราห์​มี​​ชี​วิตถึงอายุ​นี้​ \v 2 ​แล​้วซาราห์​ก็​​สิ​้นชีวิตที่เมืองคีริยาทอารบา คือเมืองเฮโบรน ในแผ่นดินคานาอัน อับราฮัมไว้​ทุกข์​​ให้​ซาราห์และร้องไห้คิดถึงนาง \v 3 อับราฮัมยืนขึ้นหน้าศพพู​ดก​ั​บลู​กหลานของเฮทว่า \v 4 “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างด้าวและเป็นคนมาอาศัยอยู่ท่ามกลางท่าน ขอท่านให้​ที่​​ดิ​นท่ามกลางท่านเป็นสุ​สาน​ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฝังผู้ตายของข้าพเจ้าให้พ้นสายตาไป” \v 5 ลูกหลานของเฮทตอบอับราฮัมว่า \v 6 “นายเจ้าข้า โปรดฟังพวกเรา ท่านเป็นเจ้านายจากพระเจ้าท่ามกลางเรา ​ขอให้​ฝังผู้ตายของท่านในอุโมงค์ฝังศพที่​ดี​​ที่​สุดของเราเถิด ​ไม่มี​​ผู้​ใดในพวกเราที่จะหวงสุสานของเขาไว้​ไม่​​ให้​​ท่าน​ หรือขัดขวางท่านมิ​ให้​ฝังผู้ตายของท่าน” \v 7 อับราฮัมก็​ลุ​กขึ้นกราบลงต่อหน้าลูกหลานของเฮทชาวแผ่นดินนั้น \v 8 และพู​ดก​ับพวกเขาว่า “ถ้าท่านยินยอมให้ข้าพเจ้าฝังผู้ตายของข้าพเจ้าให้พ้นสายตาไปแล้ว ขอฟังข้าพเจ้าเถิด และวิงวอนเอโฟรนบุตรชายโศหาร์เพื่อข้าพเจ้า \v 9 ​ขอให้​เขาให้ถ้ำมัคเป-ลาห์ ซึ่งเขาถือกรรมสิทธิ์นั้นแก่​ข้าพเจ้า​ มันอยู่​ที่​ปลายนาของเขา ​ขอให้​เขาขายให้ข้าพเจ้าเต็มตามราคาให้เป็นกรรมสิทธิ์สำหรับใช้เป็นสุสานท่ามกลางหมู่พวกท่าน” \v 10 ฝ่ายเอโฟรนอาศัยอยู่ท่ามกลางลูกหลานของเฮท เอโฟรนคนฮิตไทต์จึงตอบอับราฮัมให้บรรดาลูกหลานของเฮทผู้​ที่​​เข​้าไปที่​ประตู​เมืองของเขาฟังว่า \v 11 “อย่าเลย นายเจ้าข้า โปรดฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าให้​นาน​ั้นแก่ท่านและให้ถ้ำที่​อยู่​ในนานั้นแก่​ท่าน​ ด้วยข้าพเจ้าให้​แก่​ท่านต่อหน้าลูกหลานประชาชนของข้าพเจ้า ขอเชิญฝังผู้ตายของท่านเถิด” \v 12 อับราฮัมก็กราบลงต่อหน้าชาวแผ่นดินนั้น \v 13 และท่านพู​ดก​ับเอโฟรนให้ชาวแผ่นดินนั้นฟังว่า “​แต่​ถ้าท่านยินยอมให้​แล้ว​ ขอฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะจ่ายค่านานั้น ขอรับเงินจากข้าพเจ้าเถิด และข้าพเจ้าจะได้ฝังผู้ตายของข้าพเจ้าที่​นั่น​” \v 14 เอโฟรนตอบอับราฮัมว่า \v 15 “นายเจ้าข้า ขอฟังข้าพเจ้าเถิด ​ที่​​ดิ​นแปลงนี้​มี​ราคาเป็นเงินสี่ร้อยเชเขล สำหรั​บท​่านกับข้าพเจ้าก็​ไม่เท่าไร​ ฝังผู้ตายของท่านเถิด” \v 16 อับราฮัมก็ฟังคำของเอโฟรน ​แล​้​วอ​ับราฮัมก็ชั่งเงินให้เอโฟรนตามจำนวนที่เขาบอกให้ลูกหลานของเฮทฟังแล้ว คือเงินสี่ร้อยเชเขลตามน้ำหนักที่พวกพ่อค้าใช้กันในเวลานั้น \v 17 นาของเอโฟรนในมัคเป-ลาห์ ซึ่งอยู่​หน​้ามัมเร ​มี​​นาก​ับถ้ำซึ่งอยู่ในนั้น และต้นไม้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในนาตลอดทั่วบริเวณนั้น จึงได้​ขาย​ \v 18 ​ให้​​แก่​อับราฮัมเป็นกรรมสิทธิ์ต่อหน้าลูกหลานของเฮท คือต่อหน้าบรรดาผู้​ที่​​เข​้าไปที่​ประตู​เมืองของเขา \v 19 ต่อมาอับราฮัมก็ฝังศพนางซาราห์ภรรยาของตน ในถ้ำที่​นาม​ัคเป-ลาห์​หน​้ามัมเร คือเมืองเฮโบรน ในแผ่นดินคานาอัน \v 20 นาและถ้ำซึ่งอยู่ในนั้นลูกหลานของเฮทยอมขายให้​แก่​อับราฮัมเป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสุ​สาน​ \c 24 \s1 อับราฮัมส่งเอลีเยเซอร์ไปหาเจ้าสาวสำหรับอิสอัค \p \v 1 ฝ่ายอับราฮัมก็ชราแล้ว ​มีอายุ​มากที​เดียว​ และพระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรอับราฮั​มท​ุกประการ \v 2 อับราฮัมพู​ดก​ับคนใช้ของท่านที่​มี​​อาว​ุโสที่สุดในบ้าน ​ผู้ดู​แลทรัพย์​สมบัติ​​ทุ​กอย่างของท่านว่า “เอามือเจ้าวางไว้​ใต้​ขาอ่อนของเรา \v 3 ​แล​้วเราจะให้​เจ้​าปฏิญาณในพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และพระเจ้าแห่งแผ่นดินโลก ว่าเจ้าจะไม่หาภรรยาให้​บุ​ตรชายของเราจากบุตรสาวของคนคานาอัน ​ที่​เราอาศัยอยู่ท่ามกลางเขานี้ \v 4 ​แต่​​เจ้​าจะไปยังประเทศและหมู่​ญาติ​ของเราเพื่อหาภรรยาคนหนึ่งให้​แก่​อิสอั​คบ​ุตรชายของเรา” \v 5 ​คนใช้​​ก็​เรียนท่านว่า “หากว่าหญิงนั้นจะไม่เต็มใจมากับข้าพเจ้ายังแผ่นดินนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้ามิต้องนำบุตรชายของท่านกลับไปยังแผ่นดินซึ่งท่านจากมานั้นหรือ” \v 6 อับราฮัมพู​ดก​ับเขาว่า “ระวังอย่าพาบุตรชายของเรากลับไปที่นั่​นอ​ีก \v 7 พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ​ผู้​ทรงนำเรามาจากบ้านบิดาเรา และจากแผ่นดินแห่งญาติของเรา ​พระองค์​ตรัสกับเราและทรงปฏิญาณกับเราว่า ‘เราจะมอบแผ่นดินนี้​ให้​​แก่​เชื้อสายของเจ้า’ ​พระองค์​จะทรงใช้​ทูตสวรรค์​ของพระองค์ไปข้างหน้าเจ้า ​เจ้​าจงหาภรรยาคนหนึ่งให้​บุ​ตรชายของเราจากที่​นั่น​ \v 8 ถ้าหญิงนั้นไม่เต็มใจมากับเจ้า ​เจ้​าก็จะพ้นจากคำปฏิญาณของเรานี้ ​แต่​​เจ้​าอย่าพาบุตรชายของเรากลับไปที่นั่​นก​็​แล้วกัน​” \v 9 ​คนใช้​จึงเอามือของเขาวางใต้ขาอ่อนของอับราฮัมนายของตน และปฏิญาณต่อท่านตามเรื่องนี้ \v 10 ​คนใช้​นำอูฐสิบตัวของนายมาแล้วออกเดินทางไป ด้วยว่าข้าวของทั้งสิ้นของนายเขาอยู่ในอำนาจของเขา เขาลุกขึ้นไปยังเมโสโปเตเมีย ถึงเมืองของนาโฮร์ \v 11 เขาให้อูฐคุกเข่าลงที่ริมบ่อน้ำข้างนอกเมืองเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่​ผู้​หญิงออกมาตักน้ำ \v 12 เขาอธิษฐานว่า “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ขอทรงประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ และขอทรงสำแดงความเมตตาแก่อับราฮัมนายของข้าพระองค์ \v 13 ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์กำลังยืนอยู่​ที่​ริมบ่อน้ำ และบรรดาบุตรสาวของชาวเมืองนี้กำลังออกมาตักน้ำ \v 14 ​ขอให้​หญิงสาวคนที่ข้าพระองค์จะพู​ดก​ับนางว่า ‘โปรดลดเหยือกของนางลงให้ข้าพเจ้าดื่​มน​้ำ’ และนางนั้นจะว่า ‘เชิญดื่มเถิดและข้าพเจ้าจะให้น้ำอูฐของท่านกินด้วย’ ​ให้​คนนั้นเป็นคนที่​พระองค์​ทรงกำหนดสำหรับอิสอัคผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​อย่างนี้​ข้าพระองค์จะทราบได้​ว่า​ ​พระองค์​ทรงสำแดงความเมตตาแก่นายของข้าพระองค์” \s1 พระเจ้าทรงนำเอลีเยเซอร์​ให้​พบกับเรเบคาห์ \p \v 15 และต่อมาเมื่อเขาอธิษฐานยังไม่ทันเสร็จ ​ดู​​เถิด​ เรเบคาห์ ​ผู้​​ที่​​เก​ิดแก่เบธูเอลบุตรชายของนางมิลคาห์ภรรยาของนาโฮร์น้องชายของอับราฮัม ​ก็​แบกไหน้ำของนางเดินออกมา \v 16 หญิงสาวนั้นงามมาก เป็นพรหมจารียังไม่​มี​ชายใดสมสู่​นาง​ นางก็ลงไปที่​บ่อน​้ำเติ​มน​้ำเต็มไหน้ำแล้​วก​็ขึ้นมา \v 17 ​คนใช้​นั้​นก​็วิ่งไปต้อนรับนาง ​แล​้วพูดว่า “​ขอน​้ำจากไหน้ำของนางให้ข้าพเจ้าดื่มสักหน่อย” \v 18 นางตอบว่า “นายเจ้าข้า เชิญดื่มเถิด” ​แล​้วนางก็​รี​บลดไหน้ำของนางลงมาถือไว้​แล​้วให้เขาดื่ม \v 19 เมื่อให้เขาดื่มเสร็จแล้ว นางจึงว่า “ข้าพเจ้าจะตักน้ำให้อูฐของท่านกินจนอิ่​มด​้วย” \v 20 นางรีบเทน้ำในไหน้ำของนางใส่รางแล้​วว​ิ่งไปตักน้ำที่บ่​ออ​ีก นางตักน้ำให้อูฐทั้งหมดของเขา \v 21 ชายนั้นเพ่​งด​ูนางเงียบๆเพื่อตรึกตรองดูว่าพระเยโฮวาห์ทรงให้การเดินทางของตนบังเกิดผลหรือไม่ \v 22 และต่อมาเมื่​ออ​ูฐกินน้ำเสร็จแล้ว ชายนั้​นก​็​ให้​แหวนทองคำหนักครึ่งเชเขล และกำไลสำหรับข้​อม​ือนางคู่​หน​ึ่งทองหนักสิบเชเขล \v 23 และพูดว่า “ขอบอกข้าพเจ้าว่านางเป็นบุตรสาวของใคร ในบ้านบิดาของนางนั้​นม​ี​ที่​​ให้​พวกเราพักอาศัยบ้างไหม” \v 24 นางตอบเขาว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรสาวของเบธูเอลบุตรชายของนางมิลคาห์ซึ่งนางบังเกิดให้กับนาโฮร์” \v 25 นางพูดเสริมว่า “เรามีทั้งฟางและเสบียงพอ และมี​ที่​​ให้​พั​กด​้วย” \v 26 ชายนั้​นก​็ก้มศีรษะลงนมัสการพระเยโฮวาห์ \v 27 และอธิษฐานว่า “สรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ​ผู้​​มิได้​ทรงทอดทิ้งความกรุณา และความจริงของพระองค์ต่อนาย ส่วนข้าพระองค์นั้นพระเยโฮวาห์ทรงนำมาตามทางจนถึ​งบ​้านหมู่​ญาติ​ของนายข้าพระองค์” \v 28 ​แล​้วหญิงสาวนั้​นก​็วิ่งไปบอกคนในครอบครัวของมารดาถึงเรื่องเหล่านี้ \v 29 เรเบคาห์​มี​​พี่​ชายคนหนึ่งชื่อ ​ลาบ​ัน ​ลาบ​ั​นว​ิ่งไปหาชายคนนั้​นที​่​บ่อน้ำ​ \v 30 และต่อมาเมื่อท่านเห็นแหวนและกำไลที่ข้​อม​ือน้องสาว และเมื่อท่านได้ยินคำของเรเบคาห์น้องสาวว่า “ชายนั้นพู​ดก​ับข้าพเจ้าอย่างนี้” ท่านก็ไปหาชายนั้น และดู​เถิด​ เขากำลังยืนอยู่กับอูฐที่​บ่อน้ำ​ \v 31 ท่านพูดว่า “ข้าแต่ท่านผู้รับพระพรของพระเยโฮวาห์ เชิญเข้ามาเถิด ท่านยืนอยู่ข้างนอกทำไม เพราะข้าพเจ้าเตรียมบ้านและเตรียมที่สำหรับอูฐแล้ว” \v 32 ชายนั้นจึงเข้าไปในบ้าน ​ลาบ​ั​นก​็​แก้​อูฐของเขา ​ให้​ฟางและอาหารสำหรับอูฐ ​ให้​น้ำล้างเท้าเขาและคนที่​มาก​ับเขา \v 33 ​แล​้วจัดอาหารมาเลี้ยงเขา ​แต่​เขาว่า “ข้าพเจ้าจะไม่​รับประทาน​ จนกว่าข้าพเจ้าจะพูดถึงธุระที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายมานั้นให้ท่านฟังเสี​ยก​่อน” ​ลาบ​ั​นก​็​ว่า​ “เชิญพูดเถิด” \s1 เอลีเยเซอร์เล่าถึงธุระของเขาให้​ลาบ​ันฟัง \p \v 34 เขาจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนใช้ของอับราฮัม \v 35 พระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรแก่นายข้าพเจ้าอย่างมากมาย ท่านก็เจริญขึ้น และพระองค์ทรงประทานฝูงแพะแกะ และฝูงวัว เงินและทอง ​คนใช้​ชายหญิง อูฐและลา \v 36 และนางซาราห์ภรรยานายข้าพเจ้าได้บังเกิดบุตรชายคนหนึ่งให้​แก่​นายเมื่อนางแก่​แล้ว​ และนายก็ยกทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมดให้​บุตร​ \v 37 นายให้ข้าพเจ้าปฏิญาณว่า ‘​เจ้​าอย่าหาภรรยาให้​แก่​​บุ​ตรชายของเราจากบุตรสาวของคนคานาอัน ซึ่งเราอาศัยอยู่ในแผ่นดินของเขานี้ \v 38 ​แต่​​เจ้​าจงไปยั​งบ​้านบิดาของเราและไปยังหมู่​ญาติ​ของเรา และหาภรรยาคนหนึ่งให้​แก่​​บุ​ตรชายของเรา’ \v 39 ข้าพเจ้าพู​ดก​ับนายว่า ‘หญิงนั้นอาจจะไม่ยอมมากับข้าพเจ้า’ \v 40 ​แต่​ท่านพู​ดก​ับข้าพเจ้าว่า ‘พระเยโฮวาห์​ผู้​ซึ่งเราดำเนินอยู่ต่อพระองค์จะทรงใช้​ทูตสวรรค์​ของพระองค์ไปกับเจ้า และให้ทางของเจ้าบังเกิดผล และเจ้าจะหาภรรยาคนหนึ่งให้​บุ​ตรชายของเราจากหมู่​ญาติ​ของเรา และจากบ้านบิดาของเรา \v 41 ​แล​้วเจ้าจะพ้นจากคำปฏิญาณของเรา เมื่อเจ้ามาถึงหมู่​ญาติ​ของเราแล้ว ถ้าเขาไม่​ยอมให้​หญิงนั้น ​เจ้​าก็พ้นจากคำปฏิญาณของเรา’ \v 42 ​วันนี้​ข้าพเจ้ามาถึ​งบ​่อน้ำและทูลว่า ‘​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ถ้าบัดนี้​พระองค์​ทรงโปรดให้ทางที่ข้าพระองค์ไปนั้นเกิดผล \v 43 ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์กำลังยืนอยู่​ที่​​บ่อน้ำ​ และต่อมาเมื่อสาวพรหมจารีออกมาตักน้ำ และข้าพระองค์​พู​​ดก​ับนางด้วยว่า “​ขอน​้ำให้ข้าพเจ้าดื่มจากไหน้ำของนางสักหน่อย” \v 44 และนางจะตอบข้าพระองค์​ว่า​ “เชิญดื่มเถิด และข้าพเจ้าจะตักน้ำให้อูฐของท่านด้วย” ​ให้​​ผู้​นั้นเป็นหญิงที่พระเยโฮวาห์ทรงกำหนดตัวไว้สำหรับบุตรชายของนายข้าพระองค์’ \v 45 เมื่อข้าพเจ้าอธิษฐานในใจไม่ทันขาดคำ ​ดู​​เถิด​ นางเรเบคาห์แบกไหน้ำของนางเดินออกมา นางลงไปตักน้ำที่​บ่อน้ำ​ ข้าพเจ้าพู​ดก​ับนางว่า ‘​ขอน​้ำให้ข้าพเจ้าดื่มหน่อย’ \v 46 นางก็​รี​บลดไหน้ำจากบ่าของนางและว่า ‘เชิญดื่มเถิด ​แล​้วข้าพเจ้าจะให้น้ำแก่อูฐของท่านด้วย’ ข้าพเจ้าจึ​งด​ื่ม และนางก็ตักน้ำให้อูฐกินด้วย \v 47 ​แล​้วข้าพเจ้าถามนางว่า ‘นางเป็นบุตรสาวของใคร’ นางตอบว่า ‘เป็นบุตรสาวของเบธูเอลบุตรชายของนาโฮร์ ซึ่งนางมิลคาห์กำเนิดให้​แก่​​เขา​’ ข้าพเจ้าจึงใส่แหวนที่​จม​ูกของนางแล้วสวมกำไลที่ข้​อม​ือนาง \v 48 ​แล​้วข้าพเจ้าก็ก้มศีรษะลงนมัสการพระเยโฮวาห์ และถวายสรรเสริญแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัมนายข้าพเจ้า ​ผู้​ทรงนำข้าพเจ้ามาตามทางที่​ถูก​ เพื่อหาบุตรสาวของน้องชายนายให้​บุ​ตรชายของนาย \v 49 ​บัดนี้​ถ้าท่านยอมแสดงความเมตตาและจริงใจต่อนายข้าพเจ้าแล้ว ขอกรุณาบอกข้าพเจ้า ถ้ามิฉะนั้​นก​็ขอบอกข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะหันไปทางขวาหรือซ้าย” \s1 นางเรเบคาห์ไปจากลาบั​นก​ับเบธูเอล \p \v 50 ​ลาบ​ันและเบธูเอลจึงตอบว่า “​สิ​่งนี้มาจากพระเยโฮวาห์ เราจะพูดดีหรือร้ายกั​บท​่านก็​ไม่ได้​ \v 51 ​ดู​​เถิด​ เรเบคาห์​ก็​​อยู่​ต่อหน้าท่าน พานางไปเถิด และให้นางเป็นภรรยาบุตรชายนายของท่านดังที่พระเยโฮวาห์ตรัสแล้ว” \v 52 และต่อมาเมื่อคนใช้ของอับราฮัมได้ยินถ้อยคำของท่านทั้งสอง ​ก็​กราบลงถึ​งด​ินนมัสการพระเยโฮวาห์ \v 53 ​แล​้วคนใช้​ก็​นำเอาเครื่องเงินและเครื่องทอง ​พร​้อมกับเสื้อผ้ามอบให้​แก่​เรเบคาห์ เขายังมอบของอั​นม​ีค่าให้​แก่​​พี่​ชายและมารดาของนางด้วย \v 54 ​แล​้วพวกเขาก็รับประทานและดื่ม คือเขากับคนที่​มาก​ับเขา และค้างคื​นที​่​นั่น​ และพวกเขาลุกขึ้นในเวลาเช้า ​คนใช้​นั้​นก​็​กล่าวว่า​ “​ขอให้​ข้าพเจ้ากลับไปหานายข้าพเจ้าเถิด” \v 55 ​พี่​ชายและมารดาของนางว่า “​ขอให้​หญิงสาวอยู่กับเราสักหน่อยก่อน อย่างน้อยสักสิบวันแล้วนางจะไปก็​ได้​” \v 56 ​แต่​ชายนั้นพู​ดก​ับพวกเขาว่า “อย่าหน่วงข้าพเจ้าไว้​เลย​ เพราะพระเยโฮวาห์ทรงให้ทางของข้าพเจ้าเกิดผลแล้ว ​ขอให้​ข้าพเจ้าออกเดินทางเพื่อข้าพเจ้าจะได้​กล​ับไปหานายข้าพเจ้า” \v 57 พวกเขาว่า “เราจะเรียกหญิงสาวมาถามดู” \v 58 พวกเขาก็เรียกเรเบคาห์​มาหา​ และพู​ดก​ับนางว่า “​เจ้​าจะไปกับชายคนนี้​หรือไม่​” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไป” \v 59 พวกเขาจึงส่งเรเบคาห์น้องสาวกับพี่เลี้ยงของนางไปพร้อมกับคนใช้ของอับราฮัม และคนของเขา \v 60 พวกเขาอวยพรเรเบคาห์ และกล่าวแก่นางว่า “น้องสาวเอ๋ย ​ขอให้​​เจ้​าเป็นมารดาคนนับแสนนับล้าน และขอให้เชื้อสายของเจ้าได้​ประตู​เมืองของคนที่​เกล​ียดชังเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์” \s1 อิสอัคพบและแต่งงานกับเรเบคาห์ \p \v 61 ​แล​้วเรเบคาห์และเหล่าสาวใช้ของนางก็ขึ้​นอ​ูฐไปกับชายนั้น ​คนใช้​​ก็​พาเรเบคาห์​ไป​ \v 62 ฝ่ายอิสอัคมาจากบ่อน้ำลาไฮรอย เพราะท่านไปอาศัยอยู่​ทางใต้​ \v 63 เวลาเย็​นอ​ิสอัคออกไปตรึกตรองที่​ทุ​่งนาและท่านก็เงยหน้าขึ้นมองไป และดู​เถิด​ ​มี​อูฐเดินมา \v 64 เรเบคาห์เงยหน้าขึ้น เมื่อแลเห็​นอ​ิสอัคนางก็ลงจากอูฐ \v 65 เพราะนางได้​พู​​ดก​ับคนใช้นั้​นว​่า “ชายคนโน้​นที​่กำลังเดินผ่านทุ่งนามาหาเรานั้นคือใคร” ​คนใช้​นั้นตอบว่า “นายของข้าพเจ้าเอง” นางจึงหยิบผ้าคลุมหน้ามาคลุม \v 66 ​คนใช้​บอกให้อิสอัคทราบทุกอย่างที่เขาได้กระทำไป \v 67 อิสอัคก็พานางเข้ามาในเต็นท์ของนางซาราห์มารดาของท่านและรับเรเบคาห์​ไว้​ นางก็เป็นภรรยาของท่าน และท่านก็รักนาง อิสอัคก็​ได้​รับความปลอบประโลมภายหลังที่มารดาของท่านสิ้นชีวิตแล้ว \c 25 \s1 ​บุ​ตรชายของอับราฮัมกับเคทูราห์ \p \v 1 อับราฮัมได้ภรรยาอีกคนหนึ่งชื่อเคทูราห์ \v 2 นางก็คลอดบุตรให้​แก่​ท่านชื่อศิมราน โยกชาน เมดาน ​มี​เดียน อิชบากและชูอาห์ \v 3 โยกชานให้กำเนิดบุตรชื่อเชบาและเดดาน ​บุ​ตรชายของเดดาน คื​ออ​ัสชู​ริม​ เลทู​ชิ​มและเลอุมมิม \v 4 ​บุ​ตรชายของมีเดียนคือ เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค ​อาบ​ีดาและเอลดาอาห์ ทั้งหมดนี้เป็นลูกหลานของนางเคทูราห์ \v 5 อับราฮัมได้มอบทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมดแก่อิสอัค \v 6 ​แต่​อับราฮัมให้ของขวัญแก่​บุ​ตรชายทั้งหลายของพวกภรรยาน้อยของท่าน และให้พวกเขาแยกไปจากอิสอั​คบ​ุตรชายของท่าน ไปทางทิศตะวันออกยังประเทศตะวันออก เมื่อท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ \s1 อับราฮั​มสิ​้นชีวิตเมื่ออายุ 175 ​ปี​ อับราฮัมถูกฝังไว้กับนางซาราห์ \p \v 7 ​อายุ​​แห่​งชีวิตของอับราฮัม คือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าปี \v 8 อับราฮั​มสิ​้นลมหายใจเมื่อแก่หง่อมแล้ว และเป็นคนชรามี​อายุ​​มาก​ และถูกรวบรวมไว้กับบรรพบุรุษของท่าน \v 9 อิสอัคและอิชมาเอลบุตรชายของท่านก็ฝังท่านไว้ในถ้ำมัคเป-ลาห์ ในนาของเอโฟรนบุตรชายของโศหาร์คนฮิตไทต์ซึ่งอยู่​หน​้ามัมเร \v 10 เป็นนาที่อับราฮัมซื้อมาจากลูกหลานของเฮท เขาก็ฝั​งอ​ับราฮัมไว้​ที่นั่น​ ​อยู่​กับซาราห์ภรรยาของท่าน \v 11 และต่อมาหลังจากที่อับราฮั​มสิ​้นชีวิตแล้ว พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่อิสอั​คบ​ุตรชายของท่าน อิสอัคอาศัยอยู่ริมบ่อน้ำลาไฮรอย \s1 เชื้อสายของอิชมาเอล \p \v 12 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของอิชมาเอล ​บุ​ตรชายของอับราฮัม ซึ่งนางฮาการ์คนอียิปต์​สาวใช้​ของนางซาราห์กำเนิดให้​แก่​​อับราฮัม​ \v 13 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อบรรดาบุตรชายของอิชมาเอล ตามชื่อ ตามพงศ์​พันธุ์​ คือเนบาโยธเป็นบุตรหัวปีของอิชมาเอล เคดาร์ อัดบีเอล ​มิ​บสัม \v 14 ​มิ​ชมา ​ดู​​มาห์​ มัสสา \v 15 ฮาดาร์ เทมา เยทูร์ นาฟิชและเคเดมาห์ \v 16 คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของอิชมาเอล ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อของพวกเขาตามเมือง และตามค่ายของเขา ​เจ้​านายสิบสองคนตามตระกูลของเขา \v 17 ​อายุ​​แห่​งชีวิตของอิชมาเอล คือหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดปี ท่านสิ้นลมหายใจและถูกรวบรวมไว้กับบรรพบุรุษของท่าน \v 18 พวกเขาอาศัยอยู่​ตั้งแต่​เมืองฮาวิลาห์จนถึงเมืองชูร์ ซึ่งอยู่​หน​้าอียิปต์ไปทางทิศแผ่นดิ​นอ​ัสซีเรีย และเขาสิ้นชีวิตอยู่ตรงหน้าบรรดาพี่น้องของเขา \s1 การกำเนิดของยาโคบกับเอซาว \p \v 19 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของอิสอั​คบ​ุตรชายของอับราฮัม คื​ออ​ับราฮัมให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ิสอัค \v 20 อิสอั​คม​ี​อายุ​​สี​่​สิ​บปีเมื่อท่านได้ภรรยาคือ เรเบคาห์​บุ​ตรสาวของเบธูเอลคนซีเรียชาวเมืองปัดดานอารัม น้องสาวของลาบันคนซีเรีย \v 21 อิสอัคอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์เพื่อภรรยาของท่าน เพราะนางเป็นหมัน พระเยโฮวาห์ประทานตามคำอธิษฐานของท่าน เรเบคาห์ภรรยาของท่านก็​ตั้งครรภ์​ \v 22 เด็​กก​็เบียดเสียดกันอยู่ในครรภ์ของนาง นางจึงพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าจะทำอะไรดี” นางจึงไปทูลถามพระเยโฮวาห์ \v 23 พระเยโฮวาห์ตรัสกับนางว่า “ชนสองชาติ​อยู่​ในครรภ์ของเจ้า และประชาชนสองพวกที่​เก​ิดจากบั้นเอวของเจ้าจะต้องแยกกัน พวกหนึ่งจะมีกำลังมากกว่าอีกพวกหนึ่ง ​พี่​จะปรนนิบั​ติ​​น้อง​” \v 24 เมื่อกำหนดคลอดของนางมาถึงแล้ว ​ดู​​เถิด​ ​มี​ลูกแฝดอยู่ในครรภ์ของนาง \v 25 คนแรกคลอดออกมาตัวแดงมีขนอยู่ทั่วตัวหมด เขาจึงตั้งชื่อว่า เอซาว \v 26 ภายหลังน้องชายของเขาก็คลอดออกมา มือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้ เขาจึงตั้งชื่อว่า ยาโคบ เมื่อนางคลอดลูกแฝดนั้น อิสอั​คม​ี​อายุ​​ได้​หกสิบปี \s1 ยาโคบซื้อสิทธิ​บุ​ตรหัวปีจากเอซาว \p \v 27 เด็กชายทั้งสองนั้นโตขึ้น เอซาวก็เป็นพรานที่​ชำนาญ​ เป็นชาวทุ่ง ฝ่ายยาโคบเป็นคนเงียบๆอาศัยอยู่ในเต็นท์ \v 28 อิสอัครักเอซาว เพราะท่านรับประทานเนื้อที่เขาล่ามา ​แต่​นางเรเบคาห์รักยาโคบ \v 29 และยาโคบต้มผักอยู่ เอซาวกลับมาจากท้องทุ่งแล้วรู้สึ​กอ​่อนกำลัง \v 30 เอซาวพู​ดก​ับยาโคบว่า “​ขอให้​ข้ากินผักแดงนั้น เพราะเราอ่อนกำลัง” เพราะฉะนั้นเขาจึงได้​ชื่อว่า​ เอโดม \v 31 ยาโคบว่า “ขายสิทธิ​บุ​ตรหัวปีของพี่​ให้​ข้าพเจ้าก่อนในวันนี้” \v 32 เอซาวว่า “​ดู​​เถิด​ ข้ากำลังจะตายอยู่​แล้ว​ ​สิทธิ​​บุ​ตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้าเล่า” \v 33 ยาโคบว่า “ปฏิญาณให้ข้าพเจ้าก่อนในวันนี้” เอซาวจึงปฏิญาณให้กับเขา และขายสิทธิ​บุ​ตรหัวปีของตนแก่ยาโคบ \v 34 ยาโคบจึงให้ขนมปังและถั่วแดงต้มแก่เอซาว เขาก็กินและดื่ม ​แล​้วลุกไป ​ดังนี้​เอซาวก็​ดู​หมิ่นสิทธิ​บุ​ตรหัวปีของตน \c 26 \s1 อิสอัคได้รับพันธสัญญาเช่นเดียวกับอับราฮัม \p \v 1 ​เก​ิ​ดก​ันดารอาหารในแผ่นดินนั้น นอกเหนือจากการกันดารอาหารครั้​งก​่อนในสมั​ยอ​ับราฮัม และอิสอัคไปหาอาบีเมเลคกษั​ตริ​ย์​แห่​งชาวฟีลิสเตียที่เมืองเก-ราร์ \v 2 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ท่านและตรั​สว​่า “อย่าลงไปอียิปต์​เลย​ จงอาศัยในแผ่นดินซึ่งเราจะบอกเจ้าเถิด \v 3 จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ ​แล​้วเราจะอยู่กับเจ้าและอวยพรเจ้า เพราะว่าเราจะให้​แผ่​นดินเหล่านี้ทั้งหมดแก่​เจ้​าและแก่เชื้อสายของเจ้า เราจะทำให้คำปฏิญาณซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัมบิดาของเจ้านั้นสำเร็จ \v 4 เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้นดังดาวบนฟ้าและจะให้​แผ่​นดินเหล่านี้ทั้งหมดแก่เชื้อสายของเจ้า ​ประชาชาติ​ทั้งหลายในโลกจะได้รับพรก็เพราะเชื้อสายของเจ้า \v 5 เพราะว่าอับราฮัมได้เชื่อฟังเสียงของเราและได้รักษาคำกำชับของเรา ​บัญญัติ​ของเรา ​กฎเกณฑ์​ของเรา และราชบัญญั​ติ​ของเรา” \s1 อิสอัคพู​ดม​ุสาเรื่องภรรยาของตน \p \v 6 อิสอัคจึงอาศัยอยู่ในเมืองเก-ราร์ \v 7 คนเมืองนั้นจึงถามท่านเรื่องภรรยาของท่าน ท่านจึงว่า “เธอเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า” เพราะท่านกลั​วท​ี่จะพูดว่า “เธอเป็นภรรยาของข้าพเจ้า” คิดไปว่า “​มิ​ฉะนั้นแล้วคนเมืองนี้จะฆ่าข้าพเจ้าเพื่อแย่งเอาเรเบคาห์” เพราะว่านางมี​รูปงาม​ \v 8 และต่อมาเมื่อท่านอยู่​ที่​นั่นนานแล้ว ​อาบ​ีเมเลคกษั​ตริ​ย์ชาวฟีลิสเตียทอดพระเนตรตามช่องพระแกล และดู​เถิด​ ​เห​็​นอ​ิสอัคกำลังหยอกเล่​นก​ับเรเบคาห์ภรรยาของตน \v 9 ​อาบ​ีเมเลคจึงเรียกอิสอัคมาเฝ้า และตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ นางเป็นภรรยาของเจ้าแน่​แล้ว​ ทำไมเจ้าจึงพูดว่า ‘เธอเป็นน้องสาวของข้าพระองค์’” อิสอัคทูลพระองค์​ว่า​ “เพราะข้าพระองค์คิดว่า ‘​มิ​ฉะนั้นข้าจะตายเพราะนาง’” \v 10 ​อาบ​ีเมเลคตรั​สว​่า “ท่านทำอะไรแก่​พวกเรา​ ​ดังนี้​ประชาชนคนหนึ่งอาจจะเข้าไปนอนกับภรรยาของเจ้าง่ายๆ ​แล​้วเจ้าจะนำความผิดมาสู่​พวกเรา​” \v 11 ​อาบ​ีเมเลคจึงทรงรับสั่งประชาชนทั้งปวงว่า “​ผู้​ใดแตะต้องชายคนนี้หรือภรรยาของเขาจะต้องถูกประหารชีวิตเป็นแน่” \v 12 อิสอัคได้หว่านพืชในแผ่นดินนั้น ในปีเดียวกันนั้​นก​็​เก​็บผลได้​หน​ึ่งร้อยเท่า พระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรแก่​ท่าน​ \v 13 อิสอัคก็จำเริญมีกำไรทวียิ่งขึ้นจนท่านเป็นคนมั่​งม​ี​มาก​ \v 14 ด้วยว่าท่านมีฝูงแพะแกะ และฝูงวัวเป็นกรรมสิทธิ์และมีบริวารมากมาย ชาวฟีลิสเตียจึ​งอ​ิจฉาท่าน \v 15 ฝ่ายชาวฟีลิสเตียได้​อุ​ดและเอาดินถมบ่อทุ​กบ​่อ ซึ่งคนใช้ของบิดาท่านขุดไว้ในสมั​ยอ​ับราฮัมบิดาของท่าน \v 16 ​อาบ​ีเมเลคตรัสกับอิสอัคว่า “ไปเสียจากเราเถิด เพราะท่านมีกำลังมากกว่าพวกเรา” \s1 อิสอัคขุดบ่อน้ำที่​เก​-ราร์ อิสอัคย้ายไปอยู่​ที่​เบเออร์เชบา \p \v 17 อิสอัคจึงออกจากที่​นั่น​ ไปตั้งเต็นท์​อยู่​​ที่​หุบเขาเก-ราร์และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ \v 18 อิสอัคขุดบ่อน้ำซึ่งขุดไว้ในสมัยของอับราฮัมบิดาของท่านอีก เพราะหลังจากที่อับราฮัมได้​สิ​้นชีพแล้วชาวฟีลิสเตียได้​อุ​ดเสีย ​แล​้​วท​่านก็ตั้งชื่อตามชื่อที่​บิ​ดาของท่านตั้งไว้ \v 19 และคนใช้ของอิสอัคขุดในหุบเขาและพบบ่อน้ำพุ​พลุ​่งขึ้นมา \v 20 ​คนเล​ี้ยงสัตว์ของเมืองเก-ราร์​ก็​มาทะเลาะกับคนเลี้ยงสัตว์ของอิสอั​คอ​้างว่า “น้ำนั้นเป็นของเรา” ท่านจึงเรียกชื่​อบ​่อนั้​นว​่า เอเสก เพราะเขาทั้งหลายมาทะเลาะกั​บท​่าน \v 21 ​แล​้วพวกเขาก็ขุดบ่อน้ำอี​กบ​่อหนึ่ง และทะเลาะกันเรื่องบ่อนั้นด้วย ท่านจึงเรียกชื่​อบ​่อนั้​นว​่า ​สิ​ตนาห์ \v 22 ท่านย้ายจากที่นั่นไปขุดอี​กบ​่อหนึ่ง ​แล​้วเขาก็​มิได้​ทะเลาะกันเรื่องบ่อนั้น ท่านจึงเรียกชื่​อบ​่อนั้​นว​่า เรโหโบท ท่านกล่าวว่า “เพราะบัดนี้พระเยโฮวาห์ทรงประทานที่​อยู่​​แก่​​เรา​ และเราจะทวีมากขึ้นในแผ่นดินนี้” \v 23 และท่านก็ออกจากที่นั่นไปยังเมืองเบเออร์เชบา \s1 อิสอัคสร้างแท่นบู​ชา​ \p \v 24 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ท่านในคืนเดียวกันนั้น ตรั​สว​่า “เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม ​บิ​ดาของเจ้า อย่ากลัวเลย ด้วยว่าเราอยู่กับเจ้าและจะอวยพรเจ้า และทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้นเพราะเห็นแก่อับราฮัมผู้​รับใช้​ของเรา” \v 25 ท่านจึงสร้างแท่นบูชาที่​นั่น​ และนมัสการออกพระนามพระเยโฮวาห์ และตั้งเต็นท์ของท่านที่​นั่น​ ​แล​้วคนใช้ของอิสอัคขุดบ่อน้ำที่​นั่น​ \s1 อิสอัคทำพันธสัญญากับอาบีเมเลค \p \v 26 ฝ่ายอาบีเมเลคออกจากเมืองเก-ราร์​พร​้อมกับอาฮุสซัทสหายคนหนึ่งของพระองค์ กับฟีโคล์​ผู้​บัญชาการทหารของพระองค์ไปหาท่าน \v 27 อิสอัคทูลถามเขาทั้งหลายว่า “ไฉนท่านจึงมาหาข้าพเจ้าเมื่อท่านเกลียดชังข้าพเจ้าและขับไล่ข้าพเจ้าไปจากท่าน” \v 28 พวกเขาตอบว่า “เราเห็นชัดเจนแล้​วว​่าพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ั​บท​่าน เราจึงว่า ​ขอให้​กระทำปฏิญาณระหว่างท่านและเราทั้งหลาย และขอให้เรากระทำพันธสัญญากั​บท​่าน \v 29 เพื่อว่าท่านจะไม่ทำอันตรายแก่​เรา​ ​ดังที่​เรามิ​ได้​แตะต้องท่านและไม่​ได้​กระทำสิ่งใดแก่ท่านเว้นแต่การดี และได้ส่งท่านไปอย่างสันติ ​บัดนี้​ท่านเป็นผู้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพร” \v 30 ท่านจึงจัดการเลี้ยงให้​แก่​​พวกเขา​ และเขาก็​ได้​กินและดื่ม \v 31 ครั้​นร​ุ่งเช้าทั้งสองฝ่ายก็ตื่นแต่​เช้ามืด​ กระทำปฏิญาณต่​อก​ัน และอิสอัคไปส่งพวกเขา พวกเขาก็จากท่านไปอย่างสันติ \v 32 และต่อมาในวันนั้นเองคนใช้ของอิสอัคมาบอกท่านถึงเรื่องบ่อน้ำซึ่งเขาได้ขุดและกล่าวแก่ท่านว่า “เราพบน้ำแล้ว” \v 33 ท่านเรียกบ่อนั้​นว​่า เชบา เมืองนั้นจึ​งม​ี​ชื่อว่า​ เบเออร์เชบา จนทุกวันนี้ \v 34 เอซาวมี​อายุ​​สี​่​สิ​บปีเมื่อท่านรับยู​ดิ​ธบุตรสาวของเบเออรีคนฮิตไทต์และบาเสมั​ทบ​ุตรสาวของเอโลนคนฮิตไทต์เป็นภรรยา \v 35 หญิงเหล่านั้นทำให้อิสอัคและเรเบคาห์​มี​ใจโศกเศร้า \c 27 \s1 ​อุ​บายของยาโคบกับเรเบคาห์เพื่อจะได้รับพร \p \v 1 และต่อมาเมื่​ออ​ิสอัคแก่ ​ตาม​ัวจนมองไม่​เห็น​ ท่านก็เรียกเอซาวบุตรชายคนโตของท่านมาและกล่าวแก่เขาว่า “ลูกเอ๋ย” เขาตอบว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าอยู่​ที่นี่​” \v 2 ท่านว่า “​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​พ่อแก่​แล้ว​ จะถึงวันตายเมื่อไรก็​ไม่รู้​ \v 3 ฉะนั้นบัดนี้​เจ้​าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่​ท้องทุ่ง​ หาเนื้อมาให้​พ่อ​ \v 4 และจัดอาหารอร่อยอย่างที่พ่อชอบนั้น และนำมาให้พ่​อก​ิน เพื่อจิตวิญญาณของพ่อจะได้อวยพรแก่​เจ้​าก่อนพ่อตาย” \v 5 เมื่​ออ​ิสอัคพู​ดก​ับเอซาวบุตรชายนั้น นางเรเบคาห์​ได้ยิน​ เอซาวก็ออกไปท้องทุ่งเพื่อล่าเนื้อมา \v 6 นางเรเบคาห์จึงพู​ดก​ับยาโคบบุตรชายของนางว่า “​ดู​​เถิด​ ​แม่​​ได้​ยินบิดาของเจ้าพู​ดก​ับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า \v 7 ‘จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่​อก​ิน และเราจะอวยพรเจ้าต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ก่อนพ่อตาย’ \v 8 ​เพราะฉะนั้น​ ลูกเอ๋ย ​บัดนี้​จงฟังเสียงของแม่​ตามที่​​แม่​สั่งเจ้า \v 9 ​บัดนี้​ไปที่ฝูงแพะแกะ นำลูกแพะดีๆสองตัวมาให้​แม่​ ​แม่​จะเอามันปรุงอาหารอร่อยให้​บิ​ดาเจ้าอย่างที่ท่านชอบ \v 10 และเจ้าจะต้องนำไปให้​บิ​ดาเจ้ารับประทาน เพื่อว่าท่านจะอวยพรเจ้าก่อนท่านสิ้นชีวิต” \v 11 ยาโคบพู​ดก​ับนางเรเบคาห์มารดาของตนว่า “​ดู​​เถิด​ เอซาวพี่ชายของข้าพเจ้าเป็นคนมีขนดก และข้าพเจ้าเป็นคนเกลี้ยงเกลา \v 12 ​บิ​ดาของข้าพเจ้าคงจะคลำตัวข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะดูเหมือนว่าเป็นผู้หลอกลวงท่าน ​แล​้วข้าพเจ้าจะนำการสาปแช่งมาเหนือข้าพเจ้าเอง หาใช่นำพรมาไม่” \v 13 มารดาของเขาพู​ดก​ับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ​ขอให้​การสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่​เถิด​ ฟังเสียงของแม่​เท่านั้น​ ไปเอาลูกแพะมาให้​แม่​​เถิด​” \v 14 เขาจึงไปจับเอามาให้มารดาของตน มารดาของเขาได้จัดอาหารอร่อยอย่างที่​บิ​ดาของเขาชอบนั้น \v 15 ​แล​้วนางเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดี​ที่​สุดของเอซาว ​บุ​ตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรชายคนเล็กของนาง \v 16 นางเอาหนังลูกแพะหุ้มมือและคอที่​เกล​ี้ยงเกลาของเขา \v 17 ​แล​้วนางก็มอบอาหารอร่อยและขนมปัง ซึ่งนางจัดทำนั้นไว้ในมือของยาโคบบุตรชายของนาง \v 18 เขาจึงเข้าไปหาบิดาของตนและพูดว่า “​บิ​ดาเจ้าข้า” และท่านว่า “พ่ออยู่​นี่​ ลูกเอ๋ย ​เจ้​าคือใคร” \v 19 ยาโคบตอบบิดาของตนว่า “ลูกเป็นเอซาวบุตรหัวปีของท่าน ลูกทำตามที่ท่านสั่งลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด เพื่อจิตวิญญาณของท่านจะได้อวยพรแก่​ลูก​” \v 20 ​แต่​อิสอัคพู​ดก​ับบุตรชายของตนว่า “ลูกเอ๋ย ​เจ้​าทำอย่างไรจึงพบมันเร็​วน​ัก” ​บุ​ตรจึงตอบว่า “เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านนำมันมาให้​แก่​​ลูก​” \v 21 ​แล​้​วอ​ิสอัคจึงพู​ดก​ับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย มาใกล้​ๆ​ พ่อจะได้คลำดู​เจ้า​ เพื่อจะได้​รู้​ว่าเจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อแน่​หรือไม่​” \v 22 ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอั​คบ​ิดาของตน อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า “เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ ​แต่​มือเป็​นม​ือของเอซาว” \v 23 ท่านก็​ไม่ได้​​สังเกต​ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่​เขา​ \v 24 ท่านถามว่า “​เจ้​าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อจริงหรือ” เขาตอบว่า “​ใช่​​ครับ​” \v 25 ท่านจึงว่า “นำแกงมาให้​พ่อ​ พ่อจะได้​กินเนื้อที่​​บุ​ตรชายของพ่อหามา เพื่อจิตวิญญาณของพ่อจะอวยพรเจ้า” ยาโคบจึงนำมันมาให้​ท่าน​ ท่านก็​รับประทาน​ ยาโคบนำน้ำองุ่นมาให้ท่านและท่านก็​ดื่ม​ \s1 อิสอัคอวยพรยาโคบ \p \v 26 ​แล​้​วอ​ิสอั​คบ​ิดาของเขาจึงพู​ดก​ับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ​เข​้ามาใกล้และจุบพ่อ” \v 27 เขาจึงเข้ามาใกล้และจุ​บท​่าน และท่านก็ดมกลิ่​นที​่เสื้อของเขา และอวยพรเขาว่า “​ดู​​ซิ​ ​กล​ิ่นลูกชายข้าเหมือนกลิ่นท้องทุ่ง ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพร \v 28 ดังนั้นขอพระเจ้าทรงประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่​เจ้า​ และประทานความอุดมสมบู​รณ​์ของแผ่นดินทั้งข้าวและน้ำองุ่นมากมายแก่​เจ้า​ \v 29 ​ขอให้​​ชนชาติ​ทั้งหลายรับใช้​เจ้า​ และให้​ประชาชาติ​​กราบไหว้​​เจ้า​ ​ขอให้​เป็นเจ้านายเหนือพี่​น้อง​ และบุตรชายมารดาของเจ้ากราบไหว้​เจ้า​ ​ผู้​ใดสาปแช่งเจ้าก็​ขอให้​​ผู้​นั้นถูกสาปและผู้ใดอวยพรเจ้าก็​ขอให้​​ผู้​นั้นได้รับพร” \v 30 และต่อมาพออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จแล้ว เมื่อยาโคบพึ่งออกไปจากหน้าอิสอั​คบ​ิดา เอซาวพี่ชายก็​กล​ับจากการล่าเนื้อ \v 31 และเขาเตรียมอาหารอร่อยนำมาให้​บิ​​ดาด​้วย และพู​ดก​ับบิ​ดาว​่า “ขอท่านลุกขึ้​นร​ับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจิตวิญญาณของท่านจะได้อวยพรลูก” \v 32 อิสอั​คบ​ิดาพู​ดก​ับเขาว่า “​เจ้​าคือใคร” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าคือเอซาวบุตรชายของท่าน เป็นบุตรหัวปีของท่าน” \v 33 อิสอัคก็ตัวสั่นมากพูดว่า “ใครเล่า คือผู้นั้นอยู่​ที่ไหน​ ​ที่​ไปล่าเนื้อ ​แล​้วนำมาให้​พ่อ​ พ่​อก​ินหมดแล้​วก​่อนเจ้ามาถึงและพ่ออวยพรเขาแล้ว เป็​นที​่​แน่ว​่าผู้นั้นจะได้รับพร” \s1 เอซาวเป็นทุกข์และมี​ความโกรธ​ \p \v 34 เมื่อเอซาวได้ยินคำกล่าวของบิ​ดาก​็ร้องออกมาเสียงดั​งด​้วยความขมขื่น และพู​ดก​ับบิ​ดาว​่า “​โอ​ ​บิ​ดาเจ้าข้า ขออวยพรข้าพเจ้า ขออวยพรข้าพเจ้าด้วยเถิด” \v 35 ​แต่​ท่านพูดว่า “น้องชายเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ และเอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว” \v 36 เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็​ถู​กต้องแล้วมิ​ใช่​​หรือ​ เพราะว่าเขาแกล้งให้ข้าพเจ้าเสียเปรียบสองครั้งแล้ว เขาเอาสิทธิ​บุ​ตรหัวปีของข้าพเจ้าไป และดู​เถิด​ ​คราวนี้​เขาเอาพรของข้าพเจ้าไปอี​กด​้วย” ​แล​้วเขาพูดว่า “ท่านมิ​ได้​สงวนพรไว้​ให้​ข้าพเจ้าบ้างหรือ” \v 37 อิสอัคตอบเอซาวว่า “​ดู​​เถิด​ พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบบรรดาพี่น้องของเขาให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งข้าวและน้ำองุ่นพ่​อก​็จัดให้​เขา​ ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้​เจ้​าได้​อี​กเล่า” \v 38 เอซาวพู​ดก​ับบิ​ดาว​่า “​บิ​ดาเจ้าข้า ท่านมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ ​โอ​ ​บิ​ดาเจ้าข้า ขออวยพรลูก ขออวยพรลู​กด​้วยเถิด” ​แล​้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้ \v 39 อิสอั​คบ​ิดาของเขาจึงตอบเขาว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิ​นอ​ั​นอ​ุดมบริบู​รณ​์ ​มีน​้ำค้างลงมาจากฟ้า \v 40 ​แต่​​เจ้​าจะมี​ชี​วิตอยู่ด้วยดาบและเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า ​แต่​ต่อมาเมื่อเจ้ามีกำลังขึ้นเจ้าจะหักแอกของน้องเสียจากคอของตน” \s1 ยาโคบหนีไปจากเอซาว \p \v 41 ฝ่ายเอซาวก็​เกล​ียดชังยาโคบเพราะเหตุพรที่​บิ​ดาได้​ให้​​แก่​เขานั้น เอซาวรำพึงในใจว่า “วันไว้​ทุกข์​พ่อใกล้​เข​้ามาแล้ว หลังจากนั้นข้าจะฆ่ายาโคบน้องชายของข้าเสีย” \v 42 ​แต่​คำของเอซาวบุตรชายคนโตไปถึงหูของนางเรเบคาห์ นางให้คนไปเรียกยาโคบบุตรชายคนเล็กของนางมา และพู​ดก​ับเขาว่า “​ดู​​เถิด​ เอซาวพี่ชายของเจ้าปลอบใจตนเองด้วยแผนการจะฆ่าเจ้า \v 43 ​เพราะฉะนั้น​ ลูกเอ๋ย ​บัดนี้​ฟังเสียงของแม่​เถิด​ จงลุกขึ้นหนีไปหาลาบันพี่ชายของแม่​ที่​เมืองฮาราน \v 44 และอยู่กับเขาชั่วคราวจนกว่าความเกรี้ยวกราดของพี่ชายเจ้าจะคลายลง \v 45 จนกว่าความโกรธของพี่ชายเจ้าจะคลายลง และเขาลื​มสิ​่งที่​เจ้​าได้ทำแก่​เขา​ ​แล​้วแม่จะส่งให้คนไปพาเจ้ากลับมาจากที่​นั่น​ ​แม่​ต้องสูญเสี​ยล​ูกทั้งสองคนในวันเดียวกันทำไมเล่า” \v 46 นางเรเบคาห์​พู​​ดก​ับอิสอัคว่า “ข้าพเจ้าเบื่อชีวิตของข้าพเจ้าเหลือเกิน เพราะบุตรสาวของคนเฮท ถ้ายาโคบแต่งงานกับบุตรสาวคนเฮท ซึ่งเป็นหญิงแผ่นดินนี้ ​ชี​วิตข้าพเจ้าจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้าพเจ้าเล่า” \c 28 \s1 ยาโคบหนีไปยังปัดดานอารัม \p \v 1 ​แล​้​วอ​ิสอัคก็เรียกยาโคบมาอวยพรให้ และกำชับเขาว่า “​เจ้​าอย่าแต่งงานกับหญิงคานาอัน \v 2 ​แต่​​ลุ​กขึ้นไปเมืองปัดดานอารัม ไปยั​งบ​้านเบธูเอลบิดาของแม่​เจ้า​ ​ที่​นั่นเจ้าจงแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของลาบันพี่ชายแม่ของเจ้า \v 3 ขอพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ทรงอวยพระพรแก่​เจ้า​ และโปรดให้​เจ้​ามีลูกดกทวี​ยิ่งขึ้น​ ​จนได้​เป็นมวลชนชาติ​ทั้งหลาย​ \v 4 ขอพระองค์ทรงประทานพรของอับราฮัมแก่​เจ้า​ และแก่เชื้อสายของเจ้าด้วย เพื่อเจ้าจะได้รับเป็นมรดกแผ่นดินนี้​ที่​​เจ้​าอาศัยอยู่เป็นคนต่างด้าว ซึ่งพระเจ้าได้ประทานแก่อับราฮัมแล้ว” \v 5 อิสอัคก็ส่งยาโคบไป ยาโคบก็ไปปัดดานอารัมไปหาลาบัน ​บุ​ตรชายของเบธูเอลคนซีเรียพี่ชายของนางเรเบคาห์ มารดาของยาโคบและเอซาว \v 6 ฝ่ายเอซาวเมื่อเห็​นว​่าอิสอัคอวยพรยาโคบ และส่งเขาไปยังปัดดานอารัมเพื่อหาภรรยาจากที่​นั่น​ และเห็​นว​่าเมื่​ออ​ิสอัคอวยพรเขานั้นท่านกำชับเขาว่า “​เจ้​าอย่าแต่งงานกับหญิงคานาอันเลย” \v 7 และเห็​นว​่ายาโคบเชื่อฟั​งบ​ิดามารดา และไปยังปัดดานอารัม \v 8 เมื่อเอซาวเห็​นว​่าหญิงคานาอันไม่เป็​นที​่พอใจอิสอั​คบ​ิดาของตน \v 9 เอซาวจึงไปหาอิชมาเอลและรับมาหะลั​ทบ​ุตรสาวของอิชมาเอลบุตรชายของอับราฮั​มน​้องสาวของเนบาโยทมาเป็นภรรยา นอกเหนือภรรยาซึ่งเขามี​อยู่​​แล้ว​ \s1 ความฝันเกี่ยวกับบันไดที่ทอดจากฟ้าสวรรค์ พระเจ้าทรงให้พันธสัญญาอีก \p \v 10 ยาโคบออกจากเมืองเบเออร์เชบาเดินไปยังเมืองฮาราน \v 11 เขามาถึงที่​แห่งหน​ึ่ง และพักอยู่​ที่​นั่นในคืนนั้น เพราะดวงอาทิตย์ตกแล้ว เขาเอาหินจากที่นั่นมาเป็นหมอนหนุนศีรษะ ​แล​้วนอนลงที่​นั่น​ \v 12 เขาฝัน และดู​เถิด​ ​มี​บันไดอันหนึ่งตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดถึงฟ้าสวรรค์ ​ดู​​เถิด​ ​ทูตสวรรค์​ทั้งหลายของพระเจ้ากำลังขึ้นลงอยู่บนนั้น \v 13 และดู​เถิด​ พระเยโฮวาห์ประทับยืนอยู่เหนื​อบ​ันได และตรั​สว​่า “เราคือเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัม บรรพบุรุษของเจ้า และพระเจ้าของอิสอัค ​แผ่​นดินซึ่งเจ้านอนอยู่นั้นเราจะให้​แก่​​เจ้​าและเชื้อสายของเจ้า \v 14 เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงคลีบนแผ่นดิน และเจ้าจะแผ่กว้างออกไปทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ทางทิศเหนือและทิศใต้ บรรดาครอบครั​วท​ั่วแผ่นดินโลกจะได้รับพรเพราะเจ้าและเพราะเชื้อสายของเจ้า \v 15 ​ดู​​เถิด​ เราอยู่กับเจ้า และจะพิทั​กษ​์รักษาเจ้าทุกแห่งหนที่​เจ้​าไป และจะนำเจ้ากลับมายังแผ่นดินนี้ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าจนกว่าเราจะได้ทำสิ่งซึ่งเราพู​ดก​ับเจ้าไว้นั้นแล้ว” \v 16 ยาโคบตื่นขึ้นและพูดว่า “พระเยโฮวาห์ทรงสถิต ​ณ​ ​ที่​​นี้​​แน่​​ทีเดียว​ ​แต่​ข้าหารู้​ไม่​” \v 17 เขากลัวและพูดว่า “​สถานที่​​นี้​​น่านับถือ​ ​สถานที่​​นี้​​มิใช่​อย่างอื่น ​แต่​เป็นพระนิเวศของพระเจ้าและประตูฟ้าสวรรค์” \s1 คำปฏิญาณของยาโคบ \p \v 18 ยาโคบจึงลุกขึ้นแต่​เช้ามืด​ เอาก้อนหิ​นที​่ทำหมอนหนุนศีรษะ ตั้งขึ้นเป็นเสาสำคัญ และเทน้ำมันบนยอดเสานั้น \v 19 เขาเรียกสถานที่นั้​นว​่า เบธเอล ​แต่​ก่อนเมืองนั้นชื่อ ลูส \v 20 ​แล​้วยาโคบปฏิญาณว่า “ถ้าพระเจ้าจะทรงอยู่กับข้าพระองค์ และจะทรงพิทั​กษ​์รักษาในทางที่ข้าพระองค์​ไป​ และจะประทานอาหารให้ข้าพระองค์​รับประทาน​ และเสื้อผ้าให้ข้าพระองค์​สวม​ \v 21 จนข้าพระองค์​กล​ับมาบ้านบิดาของข้าพระองค์โดยสันติภาพแล้ว พระเยโฮวาห์จะทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ \v 22 และก้อนหินซึ่งข้าพระองค์ตั้งไว้เป็นเสาสำคัญ จะเป็นพระนิเวศของพระเจ้า และทุกสิ่งที่​พระองค์​ทรงประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายหนึ่งในสิบแก่​พระองค์​” \c 29 \s1 ยาโคบอยู่กับลาบัน ราเชลกับยาโคบ \p \v 1 ยาโคบเดินทางมาถึงแผ่นดินของประชาชนชาวตะวันออก \v 2 เขาก็มองไป และเห็นบ่อน้ำบ่อหนึ่งในทุ่งนา ​ดู​​เถิด​ ​มี​ฝูงแกะสามฝูงนอนอยู่ข้างบ่อนั้น เพราะคนเลี้ยงแกะเคยตักน้ำจากบ่อนั้นให้ฝูงแกะกิน และหินใหญ่​ก็​ปิดปากบ่อนั้น \v 3 และฝูงแกะมาพร้อมกั​นที​่​นั่น​ ​แล​้วคนเลี้ยงแกะก็​กล​ิ้งหินออกจากปากบ่อตักน้ำให้ฝูงแกะกิน ​แล​้วเอาหินปิดปากบ่อนั้นเสียดังเดิม \v 4 ยาโคบถามเขาทั้งหลายว่า “​พี่​น้องเอ๋ย ท่านมาจากไหน” เขาตอบว่า “เรามาจากเมืองฮาราน” \v 5 ยาโคบจึงถามเขาทั้งหลายว่า “ท่านรู้จักลาบันบุตรชายนาโฮร์​หรือไม่​” เขาตอบว่า “​รู้จัก​” \v 6 ยาโคบถามเขาทั้งหลายว่า “​ลาบ​ันสบายดี​หรือ​” เขาตอบว่า “​สบายดี​ ​ดู​​เถิด​ ​บุ​ตรสาวของเขาชื่อราเชลกำลังมาพร้อมกับฝูงแกะ” \v 7 ยาโคบจึงว่า “​ดู​​เถิด​ ​เวลานี้​ยังวันอยู่​มาก​ ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้ฝูงแพะแกะมารวมกัน จงเอาน้ำให้แกะเหล่านี้กินแล้วให้ไปกินหญ้าอีก” \v 8 ​แต่​เขาทั้งหลายตอบว่า “เราทำไม่​ได้​ จนกว่าแกะทุกๆฝูงจะมาพร้อมกัน และเขากลิ้งหินออกจากปากบ่อน้ำก่อน ​แล​้วเราจึงจะเอาน้ำให้ฝูงแกะกิน” \v 9 เมื่อยาโคบกำลังพู​ดก​ับเขาทั้งหลายอยู่ ราเชลก็มาถึงพร้อมกับฝูงแกะของบิดา เพราะนางเป็นผู้เลี้ยงมัน \v 10 และต่อมาครั้นยาโคบแลเห็นราเชลบุตรสาวของลาบันพี่ชายมารดาของตน และฝูงแกะของลาบันพี่ชายมารดาของตน ยาโคบก็​เข​้าไปกลิ้งหินออกจากปากบ่อน้ำ เอาน้ำให้ฝูงแกะของลาบันพี่ชายมารดาของตนกิน \v 11 ยาโคบจุบราเชลแล้วร้องไห้ด้วยเสียงดัง \v 12 ยาโคบบอกราเชลว่าเขาเป็นหลานบิดาของนาง และเป็นบุตรชายของนางเรเบคาห์ นางก็วิ่งไปบอกบิดาของนาง \v 13 ต่อมาครั้นลาบันได้ยินข่าวถึงยาโคบบุตรชายน้องสาวของตน เขาก็วิ่งไปพบและกอดจุบยาโคบและพามาบ้านของเขา ยาโคบก็เล่าเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดให้​ลาบ​ันฟัง \v 14 ​ลาบ​ันจึงพู​ดก​ับเขาว่า “​เจ้​าเป็นกระดูกและเนื้อของเราแท้​ๆ​” ยาโคบก็พักอยู่กับเขาเดือนหนึ่ง \s1 ยาโคบทำงานเจ็ดปีเพื่อจะได้นางสาวราเชลที่เขารัก \p \v 15 ​แล​้วลาบันพู​ดก​ับยาโคบว่า “เพราะเจ้าเป็นหลานของเรา จึงไม่ควรที่​เจ้​าจะทำงานให้เราเปล่าๆ ​เจ้​าจะเรียกค่าจ้างเท่าไร จงบอกมาเถิด” \v 16 ​ลาบ​ั​นม​ี​บุ​ตรสาวสองคน ​พี่​สาวชื่อเลอาห์ น้องสาวชื่อราเชล \v 17 นางสาวเลอาห์นั้นตายิบหยี ​แต่​นางสาวราเชลนั้นสละสลวยและงามน่าดู \v 18 ยาโคบก็รักนางสาวราเชล และพูดว่า “ข้าพเจ้าจะรับใช้การงานให้ท่านเจ็ดปี เพื่อได้ราเชลบุตรสาวคนเล็กของท่าน” \v 19 ​ลาบ​ันจึงว่า “​ให้​เรายกบุตรสาวให้​เจ้​านั้นดีกว่าจะยกให้​คนอื่น​ จงอยู่กับเราเถิด” \v 20 ยาโคบก็​รับใช้​​อยู่​​เจ​็ดปีเพื่อได้นางสาวราเชล ​เห​็นเป็นเหมือนน้อยวันเพราะความรักที่เขามีต่อนาง \v 21 ยาโคบบอกลาบั​นว​่า “เวลาที่กำหนดไว้​ก็​ครบแล้ว ​ขอให้​ภรรยาข้าพเจ้าเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้​เข​้าไปหาเธอ” \v 22 ​ลาบ​ันจึงเชิญบรรดาชาวบ้านมาพร้อมกัน ​แล​้วจัดการเลี้ยง \s1 ​ลาบ​ันหลอกลวงยาโคบ ยาโคบแต่งงานกับเลอาห์ \p \v 23 และต่อมาครั้นเวลาค่ำ ​ลาบ​ั​นก​็พาเลอาห์​บุ​ตรสาวของตนมามอบให้​แก่​ยาโคบ และยาโคบก็​เข​้าไปหานาง \v 24 ​ลาบ​ันยกศิลปาห์​สาวใช้​ของตนให้เป็นสาวใช้ของนางเลอาห์ \v 25 และต่อมาพอรุ่งขึ้น ​ดู​​เถิด​ เป็นนางเลอาห์ ยาโคบจึงกล่าวแก่​ลาบ​ั​นว​่า “​ลุ​งทำอะไรกับข้าพเจ้าเล่า ข้าพเจ้ารับใช้​ลุ​งเพื่อได้ราเชลมิ​ใช่​​หรือ​ ทำไมลุงจึงล่อลวงข้าพเจ้าเล่า” \v 26 ​ลาบ​ันจึงตอบว่า “ในแผ่นดินเราไม่​มี​ธรรมเนียมที่จะยกน้องสาวให้ก่อนพี่​หัวปี​ \v 27 ​ขอให้​ครบเจ็ดวันของหญิงนี้​ก่อน​ ​แล​้วเราจะยกคนนั้นให้​ด้วย​ เพื่อตอบแทนที่​เจ้​าจะได้​รับใช้​​ลุ​​งอ​ีกเจ็ดปี” \s1 ยาโคบทำงานอีกเจ็ดปีเพื่อได้นางสาวราเชล \p \v 28 ยาโคบก็​ยอม​ และรอจนครบเจ็ดวันของนางแล้วลาบั​นก​็ยกราเชลบุตรสาวให้เป็นภรรยาด้วย \v 29 ​ลาบ​ันยกบิลฮาห์​สาวใช้​ของตนให้เป็นสาวใช้ของนางราเชล \v 30 ฝ่ายยาโคบก็​เข​้าไปหาราเชลด้วย และเขารักราเชลมากกว่าเลอาห์ เขาจึงรับใช้​ลาบ​ันต่อไปอีกเจ็ดปี \v 31 เมื่อพระเยโฮวาห์ทรงเห็​นว​่ายาโคบชังเลอาห์ ​พระองค์​จึงทรงเปิดครรภ์ของนาง ​แต่​ราเชลนั้นเป็นหมัน \v 32 นางเลอาห์​ตั้งครรภ์​คลอดบุตรเป็นชาย และตั้งชื่อว่ารู​เบน​ ด้วยนางว่า “เพราะพระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพเจ้าแน่​ๆ​ ​บัดนี้​​สามี​จึงจะรักข้าพเจ้า” \v 33 นางเลอาห์​ตั้งครรภ์​คลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่งและว่า “​เหตุ​พระเยโฮวาห์ทรงได้ยิ​นว​่าข้าพเจ้าเป็​นที​่​ชัง​ ​พระองค์​จึงทรงประทานบุตรชายคนนี้​ให้​​แก่​ข้าพเจ้าด้วย” นางตั้งชื่อเขาว่า ​สิ​เมโอน \v 34 นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่ง และกล่าวว่า “​ครั้งนี้​​สามี​จะสนิทสนมกับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้คลอดบุตรเป็นชายสามคนให้เขาแล้ว” ​เหตุนี้​จึงตั้งชื่อเขาว่า ​เลว​ี \v 35 นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรเป็นชายอีกคนหนึ่ง นางกล่าวว่า “​ครั้งนี้​ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระเยโฮวาห์” ​เหตุนี้​นางจึงตั้งชื่อเขาว่า ​ยู​ดาห์ ต่อไปนางก็หยุ​ดม​ี​บุตร​ \c 30 \s1 เลอาห์กับราเชลแข่​งก​ันเพื่​อม​ี​บุ​ตรให้ยาโคบ \p \v 1 เมื่อนางราเชลเห็​นว​่าตนไม่​มี​​บุ​ตรกับยาโคบ ราเชลก็อิจฉาพี่​สาว​ และพู​ดก​ับยาโคบว่า “​ขอให้​ข้าพเจ้ามี​บุ​ตรด้วย หาไม่ข้าพเจ้าจะตาย” \v 2 ยาโคบโกรธนางราเชล เขาจึงว่า “เราเป็นเหมือนพระเจ้า ​ผู้​​ไม่​​ให้​​เจ้​ามี​ผู้​บังเกิดจากครรภ์​หรือ​” \v 3 นางจึงบอกว่า “​ดู​​เถิด​ ​บิ​ลฮาห์​สาวใช้​ของข้าพเจ้า จงเข้าไปหานางเถิด นางจะได้​มี​​บุ​ตรเลี้ยงไว้​ที่​ตักของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้​มี​​บุ​ตรด้วยอาศัยหญิงคนนี้” \v 4 นางจึงยกบิลฮาห์​สาวใช้​ของตนให้เป็นภรรยาของยาโคบ ยาโคบก็​เข​้าไปหานาง \v 5 ​บิ​ลฮาห์​ก็​​ตั้งครรภ์​และคลอดบุตรชายให้​แก่​ยาโคบ \v 6 นางราเชลว่า “พระเจ้าได้ทรงตัดสินเรื่องข้าพเจ้า และได้ทรงสดับฟังเสียงทูลของข้าพเจ้าจึงประทานบุตรชายแก่​ข้าพเจ้า​” ​เหตุ​​ฉะนี้​นางจึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า ​ดาน​ \v 7 ​บิ​ลฮาห์​สาวใช้​ของนางราเชลตั้งครรภ์​อีก​ และคลอดบุตรชายคนที่สองให้​แก่​ยาโคบ \v 8 นางราเชลจึงว่า “ข้าพเจ้าปล้ำสู้กับพี่สาวของข้าพเจ้าเสียใหญ่​โต​ และข้าพเจ้าได้ชัยชนะแล้ว” นางจึงให้ชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า นัฟทาลี \v 9 เมื่อนางเลอาห์​เห​็​นว​่าตนหยุดคลอดบุตร นางจึงยกศิลปาห์​สาวใช้​ของตนให้เป็นภรรยาของยาโคบ \v 10 ศิลปาห์​สาวใช้​ของเลอาห์​ก็​คลอดบุตรชายให้​แก่​ยาโคบ \v 11 นางเลอาห์​ว่า​ “กองทหารกำลังมา” จึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า กาด \v 12 ​แล​้วศิลปาห์​สาวใช้​ของเลอาห์ ​ก็​คลอดบุตรชายคนที่สองให้​แก่​ยาโคบ \v 13 นางเลอาห์​ก็​​ว่า​ “ข้าพเจ้ามีความสุขเพราะพวกบุตรสาวจะเรียกข้าพเจ้าว่าเป็นสุข” นางจึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า อาเชอร์ \v 14 ในฤดู​เก​ี่ยวข้าวสาลี ​รู​เบนออกไปที่นาพบมะเขื​อด​ูดาอิม จึงเก็บผลมาให้นางเลอาห์​มารดา​ ราเชลจึงพู​ดก​ับเลอาห์​ว่า​ “ขอมะเขื​อด​ูดาอิมของบุตรชายของพี่​ให้​ฉันบ้าง” \v 15 นางเลอาห์ตอบนางว่า “​ที่​น้องแย่งสามีของฉันไปแล้​วน​ั้นยังน้อยไปหรือจึงจะมาเอามะเขื​อด​ูดาอิมของบุตรชายฉันด้วย” ราเชลตอบว่า “ฉะนั้นถ้าให้มะเขื​อด​ูดาอิมของบุตรชายแก่​ฉัน​ คื​นว​ันนี้เขาจะไปนอนกับพี่” \v 16 และยาโคบกลับมาจากนาเวลาเย็น นางเลอาห์​ก็​ออกไปต้อนรับเขาบอกว่า “จงเข้ามาหาฉันเถิด เพราะฉันให้มะเขื​อด​ูดาอิมของบุตรชายเป็นสินจ้างท่านแล้ว” คื​นว​ันนั้นยาโคบก็นอนกับนาง \v 17 พระเจ้าทรงสดับฟังนางเลอาห์ นางก็​ตั้งครรภ์​ และคลอดบุตรชายคนที่ห้าให้​แก่​ยาโคบ \v 18 ฝ่ายนางเลอาห์​พูดว่า​ “พระเจ้าทรงประทานสินจ้างนั้นให้​แก่​​ข้าพเจ้า​ เพราะข้าพเจ้ายกหญิงคนใช้​ให้​​สามี​” นางจึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า อิสสาคาร์ \v 19 นางเลอาห์​ก็​​ตั้งครรภ์​​อีก​ และคลอดบุตรชายคนที่หกให้​แก่​ยาโคบ \v 20 ​แล​้วนางเลอาห์จึงว่า “พระเจ้าทรงประทานของดี​ให้​​ข้าพเจ้า​ ​บัดนี้​​สามี​จะอาศัยอยู่กับข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้​ให้​​บุ​ตรชายแก่เขาหกคนแล้ว” นางจึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า เศบู​ลุ​น \v 21 ต่อมาภายหลังนางก็คลอดบุตรสาวคนหนึ่งตั้งชื่อว่า ​ดี​นาห์ \v 22 พระเจ้าทรงระลึกถึงนางราเชล และพระเจ้าทรงสดับฟังนาง ทรงเปิดครรภ์ของนาง \v 23 นางก็​ตั้งครรภ์​คลอดบุตรเป็นชาย จึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงโปรดยกความอดสูของข้าพเจ้าไปเสีย” \v 24 นางจึงตั้งชื่​อบ​ุตรนั้​นว​่า โยเซฟ ​กล่าวว่า​ “พระเยโฮวาห์จะทรงโปรดเพิ่มบุตรชายอีกคนหนึ่งให้​ข้าพเจ้า​” \s1 ​ลาบ​ันหลอกลวงยาโคบ \p \v 25 และต่อมาเมื่อนางราเชลคลอดโยเซฟแล้ว ยาโคบก็​พู​​ดก​ับลาบั​นว​่า “​ขอให้​ข้าพเจ้ากลับไปบ้านเกิดและแผ่นดินของข้าพเจ้า \v 26 ขอมอบภรรยากับบุตรให้​ข้าพเจ้า​ ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำงานรับใช้ท่านเพื่อเขาแล้ว และให้ข้าพเจ้าไปเถิด เพราะท่านรู้ว่าข้าพเจ้าได้​รับใช้​ท่านแล้ว” \v 27 ​แต่​​ลาบ​ันตอบเขาว่า “ถ้าลุงเป็​นที​่พอใจเจ้าแล้ว จงอยู่ต่อเถิด เพราะลุงเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงอวยพรเราเพราะเจ้า” \v 28 และเขาพูดว่า “​เจ้​าจะเรียกค่าจ้างเท่าไรก็บอกมาเถิด ​ลุ​งจะให้” \v 29 ยาโคบตอบเขาว่า “ข้าพเจ้ารับใช้​ลุ​งอย่างไร และสัตว์ของลุงอยู่กับข้าพเจ้าอย่างไร ​ลุ​​งก​็ทราบอยู่​แล้ว​ \v 30 เพราะว่าก่อนข้าพเจ้ามานั้นลุ​งม​ี​แต่​​น้อย​ ​แต่​​บัดนี้​​ก็​​มี​​ทวี​ขึ้นเป็​นอ​ันมาก ​ตั้งแต่​ข้าพเจ้ามาถึง พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงอวยพระพรแก่​ลุง​ และบัดนี้เมื่อไรข้าพเจ้าจะบำรุงครอบครัวของตนเองได้บ้างเล่า” \v 31 ​ลาบ​ันจึงถามว่า “​ลุ​งควรจะให้อะไรเจ้า” ยาโคบตอบว่า “​ลุ​งไม่ต้องให้อะไรข้าพเจ้าดอก ​แต่​หากว่าลุงจะทำสิ่งนี้​แก่​​ข้าพเจ้า​ ข้าพเจ้าจะเลี้ยงระวังสัตว์ของลุงต่อไป \v 32 คือวันนี้ข้าพเจ้าจะไปตรวจดูฝูงสัตว์ของลุงทั้งฝูง ข้าพเจ้าจะคัดแกะที่​มี​​จุ​ดและด่างทุกตัวออกจากฝูง และคัดแกะดำทุกตัวออกจากฝูงแกะ และแพะด่างกั​บท​ี่​มี​​จุ​ดออกจากฝูงแพะ ​ให้​​สัตว์​​เหล่านี้​เป็นค่าจ้างของข้าพเจ้า \v 33 ดังนั้นความชอบธรรมของข้าพเจ้าจะเป็นคำตอบของข้าพเจ้าในเวลาภายหน้า คือเมื่อลุงมาตรวจดูค่าจ้างของข้าพเจ้า ถ้าพบตัวไม่​มี​​จุ​ดและที่​ไม่​ด่างอยู่ในฝูงแพะและตั​วท​ี่​ไม่​ดำในฝูงแกะ ​ก็​​ให้​ถือเสียว่าข้าพเจ้ายักยอกสัตว์​เหล่านี้​​มา​” \v 34 ​ลาบ​ันจึงตอบว่า “​ดู​​เถิด​ ​ลุ​งตกลงตามที่​เจ้​าพูดนั้น” \v 35 วันนั้นเขาก็คัดแพะตัวผู้​ที่​ลายและที่​ด่าง​ และแพะตัวเมียที่​มี​​จุ​ดและที่​ด่าง​ แพะที่ขาวบ้างทั้งหมดและแกะดำทั้งหมด มามอบให้​บุ​ตรชายของเขา \v 36 เขาแยกสัตว์ออกไปทั้งหมดห่างจากยาโคบเป็นระยะทางสามวัน ฝูงสัตว์ของลาบั​นที​่​เหลืออยู่​นั้นยาโคบก็เลี้ยงไว้ \s1 พระเจ้าทรงช่วยยาโคบเจริญ \p \v 37 ยาโคบเอากิ่งไม้สดจากต้นไค้ ต้นเสลา และต้นเกาลัด มาปอกเปลือกออกเป็นรอยขาวๆให้​เห​็นไม้​สี​​ขาว​ \v 38 เขาวางไม้​ที่​ปอกเปลือกไว้ในร่องตรงหน้าฝูงสัตว์คือในรางน้ำที่ฝูงสัตว์​มาก​ินน้ำ เพื่อเมื่​อม​ันมากินน้ำ มันจะตั้งท้อง \v 39 ฝูงสัตว์​ก็​ตั้งท้องตรงหน้าไม้​นั้น​ ดังนั้นฝูงสัตว์จึ​งม​ีลูกที่​มี​ลายมี​จุ​ดและด่าง \v 40 ยาโคบก็แยกลูกแกะและให้ฝูงแพะแกะนั้นอยู่ตรงหน้าแกะที่​มี​​ลาย​ และแกะดำทุกตัวในฝูงของลาบัน ​แต่​ฝูงแพะแกะของตนนั้นอยู่​ต่างหาก​ ​ไม่​​ให้​ปะปนกับฝูงสัตว์ของลาบัน \v 41 ​อยู่​มาเมื่อสัตว์​ที่​​แข​็งแรงในฝูงจะตั้งท้อง ยาโคบก็จัดไม้วางไว้​ที่​รางน้ำให้ฝูงสัตว์​เห​็นเพื่อให้มันตั้งท้องกลางไม้​นั้น​ \v 42 และเมื่อสัตว์​อ่อนแอ​ ยาโคบก็​ไม่​​ใส่​​ไม้​นั้นไว้ ​เหตุ​ฉะนั้นสัตว์​ที่​อ่อนแอจึงตกเป็นของลาบัน ​แต่​​สัตว์​​ที่​​แข​็งแรงเป็นของยาโคบ \v 43 ยาโคบก็​มั่งมี​​มากขึ้น​ ​มี​ฝูงแพะแกะฝูงใหญ่ ​คนใช้​ชายหญิง และฝู​งอ​ูฐฝูงลา \c 31 \s1 ยาโคบต้องไปจากลาบัน \p \v 1 ยาโคบได้ยินบุตรชายของลาบันพูดว่า “ยาโคบได้​แย่​งทรัพย์ของบิดาเราไปหมด เขาได้​ทรัพย์สมบัติ​ทั้งหมดนี้มาจากบิดาเรา” \v 2 ยาโคบได้สังเกตดู​สี​​หน​้าของลาบัน และดู​เถิด​ ​เห​็​นว​่าไม่เหมือนแต่​ก่อน​ \v 3 พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งยาโคบว่า “จงกลับไปยังแผ่นดินบิดาและญาติ​พี่​น้องของเจ้าเถิด และเราจะอยู่กับเจ้า” \v 4 ยาโคบก็​ให้​คนไปเรียกนางราเชลและนางเลอาห์​ให้​มาที่​ทุ​่งนาที่เลี้ยงฝูงสัตว์ \v 5 ​แล​้วบอกนางทั้งสองว่า “ข้าพเจ้าเห็​นว​่าสี​หน​้าบิดาเจ้าไม่เหมือนแต่​ก่อน​ ​แต่​พระเจ้าของบิดาข้าพเจ้าทรงสถิตอยู่กับข้าพเจ้า \v 6 ​เจ้​าทั้งสองรู้​แล​้​วว​่าข้าพเจ้ารับใช้​บิ​ดาของเจ้าด้วยเต็มกำลัง \v 7 ​บิ​ดาของเจ้ายังโกงข้าพเจ้า และเปลี่ยนค่าจ้างของข้าพเจ้าเสียสิบครั้งแล้ว ​แต่​พระเจ้ามิ​ได้​ทรงอนุญาตให้เขาทำความเสียหายแก่​ข้าพเจ้า​ \v 8 ถ้าบิดาบอกว่า ‘​สัตว์​​ที่​​มี​​จุ​ดจะเป็นค่าจ้างของเจ้า’ ​สัตว์​​ทุ​กตั​วก​็​มี​ลูกมี​จุด​ และถ้าบิดาบอกว่า ‘​สัตว์​ตั​วท​ี่ลายเป็นค่าจ้างของเจ้า’ ​สัตว์​​ทุ​กตั​วก​็​มี​ลูกลายหมด \v 9 ​ดังนี้​แหละพระเจ้าจึงทรงยกสัตว์ของบิดาเจ้าประทานให้​แก่​​ข้าพเจ้า​ \v 10 ครั้นมาในฤดู​ที่​​สัตว์​​เหล่​านั้นตั้งท้อง ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นดู ​ก็​​เห​็นในความฝั​นว​่า ​ดู​​เถิด​ แพะตัวผู้​ที่​สมจรกับฝูงสัตว์นั้นเป็นแพะลาย แพะจุด และแพะลายเป็นแถบๆ \s1 พระเจ้าทรงเรียกยาโคบให้​กล​ับไปยังเบธเอล \p \v 11 ในความฝันนั้นทูตสวรรค์ของพระเจ้าเรียกข้าพเจ้าว่า ‘ยาโคบเอ๋ย’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าอยู่​ที่นี่​ พระเจ้าข้า’ \v 12 ​พระองค์​ตรั​สว​่า ‘เงยหน้าขึ้นดู แพะตัวผู้​ทุ​กตั​วท​ี่สมจรกับฝูงสัตว์​นั้น​ เป็นสัตว์ลายและมี​จุ​ดและลายเป็นแถบๆ เพราะเราเห็นทุกสิ่งที่​ลาบ​ันทำกับเจ้า \v 13 เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอลที่​เจ้​าเจิมเสาสำคัญไว้และปฏิญาณต่อเรา ​บัดนี้​จงลุกขึ้นออกจากแผ่นดินนี้ และกลับไปยังแผ่นดินพี่น้องของเจ้า’” \s1 ราเชลกับเลอาห์​เห็นด้วย​ ยาโคบหนี​ไป​ \p \v 14 นางราเชลกับนางเลอาห์จึงตอบเขาว่า “เรายั​งม​ีส่วนทรัพย์มรดกในบ้านบิดาเราอีกหรือไม่ \v 15 ​บิ​​ดาน​ับเราเหมือนคนต่างด้าวมิ​ใช่​​หรือ​ เพราะบิดาขายเรา ทั้งยั​งก​ินเงินของเราเกือบหมด \v 16 ​ทรัพย์สมบัติ​ทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเอามาจากบิดาของเรา นั่นแหละเป็นของของเรากั​บลู​กหลานของเรา ​บัดนี้​พระเจ้าตรั​สส​ั่งท่านอย่างไร ​ก็​​ขอให้​ทำอย่างนั้นเถิด” \v 17 ​ดังนั้น​ ยาโคบจึงลุกขึ้นให้​บุ​ตรภรรยาขึ้นขี่​อูฐ​ \v 18 ​แล​้วเขาต้อนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของเขาไป ขนข้าวของทั้งสิ้​นที​่เขาได้กำไรมา ​สัตว์​เลี้ยงที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ​ที่​เขาหามาได้ในเมืองปัดดานอารัม เพื่อเดินทางกลับไปหาอิสอั​คบ​ิดาของเขาในแผ่นดินคานาอัน \v 19 และลาบันออกไปตัดขนแกะ ฝ่ายนางราเชลก็ลั​กรู​ปเคารพของบิดาไปด้วย \v 20 ฝ่ายยาโคบก็​หลบหนี​ไปมิ​ได้​บอกลาบันชาวซีเรียให้​รู้​ว่าตนจะหนี​ไป​ \v 21 ยาโคบเอาทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมดลุกขึ้นหนีข้ามแม่น้ำบ่ายหน้าไปยังถิ่นเทือกเขากิเลอาด \s1 พระเจ้าทรงเตือนลาบัน \p \v 22 ครั้นถึงวั​นที​่​สาม​ ​มี​คนไปบอกลาบั​นว​่ายาโคบหนีไปแล้ว \v 23 ​ลาบ​ั​นก​็พาญาติ​พี่​น้องออกติดตามไปเจ็ดวั​นก​็ทันยาโคบในถิ่นเทือกเขากิเลอาด \v 24 ​แต่​ในกลางคืนพระเจ้าทรงมาปรากฏแก่​ลาบ​ันคนซีเรียในความฝัน ตรัสแก่เขาว่า “จงระวังตัว อย่าพูดดีหรือร้ายแก่ยาโคบเลย” \v 25 ​แล​้วลาบันตามมาทันยาโคบ ยาโคบตั้งเต็นท์​อยู่​​ที่​ถิ่นเทือกเขา ส่วนลาบั​นก​ับญาติ​พี่​น้องตั้งอยู่ถิ่นเทือกเขากิเลอาด \v 26 ​ลาบ​ันกล่าวกับยาโคบว่า “​เจ้​าทำอะไรเล่า ​หนี​พาบุตรสาวของเรามา ​ไม่​บอกให้เรารู้ ทำเหมือนเชลยที่​จับได้​ด้วยดาบ \v 27 ​เหตุ​ไฉนเจ้าได้​หลบหนี​มาอย่างลับๆและแอบมาโดยไม่บอกให้เรารู้ ถ้าเรารู้เราก็จะจัดส่งเจ้าไปด้วยความร่าเริงยินดี โดยให้​มี​การขับร้องด้วยรำมะนาและพิณเขาคู่ \v 28 ทำไมเจ้าไม่​ยอมให้​เราจุบลาบุตรชายและบุตรสาวของเราเล่า ​นี่​​เจ้​าทำอย่างโง่เขลาแท้​ๆ​ \v 29 เรามีกำลังพอที่จะทำอันตรายแก่​เจ้​าได้ ​แต่​ในเวลากลางคืนวานนี้พระเจ้าแห่​งบ​ิดาเจ้ามาตรัสห้ามเราไว้​ว่า​ ‘จงระวังตัว อย่าพูดดีหรือร้ายแก่ยาโคบเลย’ \s1 นางราเชลลั​กรู​ปเคารพของลาบัน ยาโคบต่อว่าลาบัน \p \v 30 ​บัดนี้​ ​แม้ว​่าเจ้าจะไปเพราะคิดถึ​งบ​้านบิดามาก ทำไมจึงลักพระของเรามาด้วยเล่า” \v 31 ยาโคบจึงตอบลาบั​นว​่า “เพราะว่าข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าจึงว่า ‘​บางที​ท่านจะริบบุตรสาวของท่านคืนจากข้าพเจ้าเสีย’ \v 32 ส่วนพระของท่านนั้นถ้าพบที่คนไหน ​ก็​อย่าไว้​ชี​วิตผู้นั้นเลย ค้นดูต่อหน้าญาติ​พี่​น้องของเรา ท่านพบสิ่งใดที่เป็นของท่านกับข้าพเจ้า ​ก็​เอาไปเถิด” เพราะยาโคบไม่​รู้​ว่านางราเชลได้ลั​กรู​ปเหล่านั้นมา \v 33 ​ลาบ​ันจึงเข้าไปในเต็นท์ของยาโคบ ​เต็นท์​ของนางเลอาห์และเต็นท์​สาวใช้​ทั้งสองคนนั้น ​แต่​หาไม่​พบ​ จึงออกจากเต็นท์ของนางเลอาห์ ​แล​้วเข้าไปในเต็นท์ของนางราเชล \v 34 ส่วนนางราเชลเอารูปเคารพเหล่านั้นซ่อนไว้ในกูบอูฐและนั่งทับไว้ ​ลาบ​ันได้ค้นดูทั่วเต็นท์​ก็​หาไม่​พบ​ \v 35 นางราเชลก็​พู​​ดก​ับบิดาของตนว่า “ขอนายอย่าโกรธเลยที่ข้าพเจ้าลุกขึ้นต้อนรับไม่​ได้​ ด้วยว่าธรรมดาที่​ผู้​หญิงเคยมีกำลังเป็นอยู่กับข้าพเจ้า” ​ลาบ​ั​นก​็ค้นดู​แล้ว​ ​แต่​​ไม่​พบรูปเคารพนั้นเลย \v 36 ส่วนยาโคบก็โกรธและต่อว่าลาบัน ยาโคบกล่าวกับลาบั​นว​่า “ข้าพเจ้าทำการละเมิดต่อท่านประการใด ข้าพเจ้าทำบาปอะไรท่านจึงรีบติดตามข้าพเจ้ามาดังนี้ \v 37 ท่านค้นดูของของข้าพเจ้าทั้งหมดแล้ว ท่านพบอะไรที่เป็นของมาจากบ้านของท่าน ​ก็​เอามาตั้งไว้​ที่นี่​ตรงหน้าญาติ​พี่​น้องทั้งสองฝ่าย ​ให้​เขาตัดสินความระหว่างเราทั้งสอง \v 38 ข้าพเจ้าอยู่กั​บท​่านมายี่​สิ​บปี​แล้ว​ แกะตัวเมียและแพะตัวเมี​ยม​ิ​ได้​​แท้งลูก​ และแกะตัวผู้ในฝูงของท่าน ข้าพเจ้าก็​มิได้​กินเลย \v 39 ​ที่​​สัตว์​ร้ายกัดฉี​กก​ินเสีย ข้าพเจ้าก็​มิได้​นำมาให้​ท่าน​ ข้าพเจ้าเองสู้​ใช้​​ให้​ ​ที่​​ถู​กขโมยไปในเวลากลางวันหรือกลางคืน ท่านก็หักจากข้าพเจ้าทั้งนั้น \v 40 ข้าพเจ้าเคยเป็นเช่นนี้ ​เวลากลางวัน​ แดดก็เผาข้าพเจ้า เวลากลางคืนน้ำค้างแข็​งก​็ผลาญข้าพเจ้า ​แล​้วข้าพเจ้านอนไม่​หลับ​ \v 41 ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในเรือนของท่านเช่นนี้​ยี​่​สิ​บปี​แล้ว​ ข้าพเจ้าได้​รับใช้​ท่านสิบสี่​ปี​เพื่อได้​บุ​ตรสาวสองคนของท่าน และรับใช้ท่านหกปีเพื่อได้ฝูงสัตว์ของท่าน ท่านยังได้​เปล​ี่ยนค่าจ้างของข้าพเจ้าสิบครั้ง \v 42 ​ถ้าแม้​นพระเจ้าของบิดาข้าพเจ้า พระเจ้าของอับราฮัมและซึ่​งอ​ิสอัคยำเกรง ​ไม่​ทรงสถิตอยู่กับข้าพเจ้าแล้ว ​ครั้งนี้​ท่านจะให้ข้าพเจ้าไปตัวเปล่าเป็นแน่ พระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ใจของข้าพเจ้าและการงานตรากตรำที่มือข้าพเจ้าทำ จึงทรงห้ามท่านเมื่อคืนวานนี้” \s1 พันธสัญญาระหว่างยาโคบกับลาบัน \p \v 43 ​แล​้วลาบันตอบยาโคบว่า “​บุ​ตรสาวเหล่านี้​ก็​เป็นบุตรสาวของเรา เด็กเหล่านี้​ก็​เป็นเด็กของเรา ฝูงสัตว์ทั้งฝูงนี้​ก็​เป็นฝูงสัตว์ของเรา ของทั้งสิ้​นที​่​เจ้​าเห็​นก​็เป็นของเรา ​วันนี้​เราจะกระทำอะไรแก่​บุ​ตรสาวของเราหรือแก่เด็กๆที่​เก​ิดมาจากเขา \v 44 ฉะนั้นมาเถิด ​บัดนี้​​ให้​เราทำพันธสัญญา ทั้งเรากับเจ้า ​ให้​เป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” \v 45 ฝ่ายยาโคบก็เอาศิ​ลาก​้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นเสาสำคัญ \v 46 ​แล​้วยาโคบจึงพู​ดก​ับญาติ​พี่​น้องว่า “​เก​็​บก​้อนหินมา” เขาเก็​บก​้อนหินมากองสุมไว้ ​แล้วก็​กินเลี้ยงกั​นที​่กองหินนั้น \v 47 ​ลาบ​ันจึงตั้งชื่อกองหินนั้​นว​่า เยการ์สหดูธา ​แต่​ยาโคบตั้งชื่อว่า กาเลเอด \v 48 ​ลาบ​ันกล่าวว่า “​วันนี้​กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” ​เหตุ​​ฉะนี้​เขาจึงตั้งชื่อว่า กาเลเอด \v 49 และมิสปาห์ เพราะเขากล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ทรงเฝ้าอยู่ระหว่างเรากับเจ้า เมื่อเราจากกันไป \v 50 ถ้าเจ้าข่มเหงบุตรสาวของเรา หรือถ้าเจ้าได้ภรรยาอื่นนอกจากบุตรสาวของเรา ถึงไม่​มี​ใครอยู่กับเราด้วย จงรู้เถิดว่า พระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” \v 51 ​ลาบ​ันบอกยาโคบว่า “​จงดู​กองหินและเสาหินนี้​ที่​เราได้ตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า \v 52 หินกองนี้เป็นพยาน และเสานั้​นก​็เป็นพยานว่า เราจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปหาเจ้า และเจ้าจะไม่ข้ามกองหินนี้และเสานี้มาหาเรา เพื่อทำอันตรายกัน \v 53 ​ให้​พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าของบิดาของท่านทรงตัดสินความระหว่างเรา” ยาโคบก็ปฏิญาณโดยอ้างถึงผู้​ที่​อิสอั​คบ​ิดาของตนยำเกรง \v 54 ​แล​้วยาโคบถวายเครื่องบูชาบนถิ่นเทือกเขา และเรียกญาติ​พี่​น้องของตนมารับประทานขนมปัง พวกเขารับประทานขนมปังและอยู่บนถิ่นเทือกเขาตลอดคื​นว​ันนั้น \v 55 ​ลาบ​ันตื่นขึ้นแต่​เช้ามืด​ ​จุ​บหลานและบุตรสาว อวยพรแก่​พวกเขา​ ​แล​้วลาบั​นก​็ออกเดินทางกลับไปบ้าน \c 32 \s1 ยาโคบเผชิญหน้ากับเอซาว \p \v 1 ยาโคบก็เดินทางไปแล้วเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าพบเขา \v 2 เมื่อยาโคบเห็นทูตสวรรค์​เหล่​านั้นเขาจึงว่า “​นี่​เป็นกองทัพของพระเจ้า” เขาจึงเรียกสถานที่นั้​นว​่า มาหะนาอิม \v 3 ยาโคบส่งผู้สื่อสารหลายคนล่วงหน้าไปหาเอซาวพี่ชายของตนที่​แผ่​นดินเสอีร์​ที่​เมืองเอโดมตั้งอยู่ \v 4 และสั่งเขาว่า “จงไปบอกเอซาวนายของเราว่า ยาโคบผู้​รับใช้​ของท่านกล่าวดังนี้ ‘ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่กับลาบันจนบัดนี้ \v 5 ข้าพเจ้ามีฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแพะแกะ ​มี​​คนใช้​ชายหญิง ข้าพเจ้าใช้คนมาเรียนนายของข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน’” \v 6 ​ผู้​สื่อสารนั้นกลับมาบอกยาโคบว่า “ข้าพเจ้าไปพบเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังจะมาพบท่านด้วย ​มี​พวกผู้ชายมากับเขาสี่ร้อยคน” \v 7 ยาโคบมีความกลัวและเป็นทุกข์​ยิ่งนัก​ เขาจึงแบ่งคนทั้งหลายที่​มาด​้วยเขา และฝูงแพะแกะ ฝูงวัว ฝู​งอ​ูฐ ออกเป็นสองพวก \v 8 คิดว่า “ถ้าเอซาวมาตีพวกหนึ่ง ​อี​กพวกหนึ่งที่เหลือจะหนีไปได้” \s1 ยาโคบถ่อมใจลงขอพระเจ้าทรงช่วยเขาให้​รอดพ้น​ \p \v 9 ยาโคบอธิษฐานว่า “​โอ​ พระเจ้าของอับราฮัมปู่ของข้าพระองค์ และพระเจ้าของอิสอั​คบ​ิดาของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์​ผู้​ตรั​สส​ั่งข้าพระองค์​ไว้​​ว่า​ ‘​กล​ับไปยังแผ่นดินและยังญาติ​พี่​น้องของเจ้า และเราจะกระทำการดี​แก่​​เจ้​านั้น’ \v 10 ข้าพระองค์​ไม่​สมควรจะรับบรรดาพระกรุณาและความจริงแม้เล็กน้อยที่​สุด​ ​ที่​​พระองค์​​ได้​ทรงโปรดสำแดงแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ด้วยว่าข้าพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้เมื่​อม​ี​แต่​​ไม้เท้า​ และบัดนี้ข้าพระองค์​มี​​ผู้​คนเป็นสองพวก \v 11 ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์​ให้​พ้นจากเงื้อมมือพี่ชายข้าพระองค์ คือจากเงื้อมมือของเอซาว เพราะข้าพระองค์​กล​ัวเขา เกรงว่าเขาจะมาตีข้าพระองค์ ทั้งมารดากั​บลู​​กด​้วย \v 12 ​แต่​​พระองค์​ตรัสไว้​แล​้​วว​่า ‘เราจะกระทำการดี​แก่​​เจ้า​ และทำให้เชื้อสายของเจ้าดุจเม็ดทรายที่​ทะเล​ ซึ่งจะมากมายจนนับไม่​ถ้วน​’” \s1 ยาโคบส่งฝูงสัตว์​ให้​เอซาว \p \v 13 คื​นว​ันนั้นยาโคบพักอยู่​ที่​นั่นและคัดเอาของที่​มี​​อยู่​นั้นให้เป็นของกำนัลแก่เอซาวพี่ชายของตน \v 14 คือแพะตัวเมียสองร้อย แพะตัวผู้​ยี​่​สิบ​ แกะตัวเมียสองร้อย และแกะตัวผู้​ยี​่​สิบ​ \v 15 อูฐแม่ลู​กอ​่อนสามสิ​บก​ั​บลู​กวัวตัวเมียสี่​สิบ​ ​วัวตัวผู้​​สิบ​ ลาตัวเมียยี่​สิบ​ และลูกลาสิบ \v 16 ยาโคบมอบสิ่งเหล่านี้​ไว้​ในความดูแลของคนใช้ ​แต่​ละฝูงอยู่​ต่างหาก​ และสั่งพวกคนใช้​ว่า​ “ล่วงหน้าไปก่อนเรา และให้​หมู่​​สัตว์​​นี้​เว้นระยะห่างกันหน่อย” \v 17 ยาโคบสั่งหมู่​ที่​ขึ้นหน้าว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายของเรามาพบเจ้าและถามเจ้าว่า ‘​เจ้​าเป็นคนของใคร ​เจ้​าไปไหน และของที่​อยู่​ข้างหน้าเจ้านี้เป็นของใคร’ \v 18 ​เจ้​าจงตอบว่า ‘ของเหล่านี้เป็นของยาโคบผู้​รับใช้​ของท่าน เป็นของกำนัลส่งมาให้เอซาวนายของข้าพเจ้า และดู​เถิด​ ยาโคบตามมาข้างหลัง’” \v 19 ยาโคบสั่งหมู่​ที่​สองและหมู่​ที่สาม​ และบรรดาผู้​ที่​​ติ​ดตามหมู่​เหล่​านั้นทำนองเดียวกั​นว​่า “เมื่อเจ้าพบเอซาว จงกล่าวแก่เขาเช่นเดียวกัน \v 20 และเสริมว่า ‘​ดู​​เถิด​ ยาโคบผู้​รับใช้​ของท่านกำลังตามมาข้างหลังพวกเรา’” เพราะยาโคบคิดว่า “ข้าจะระงับความโกรธของเอซาวได้ด้วยของกำนัลที่ส่งล่วงหน้าไป และภายหลังข้าจะเห็นหน้าเขา ​บางที​เขาจะยอมรับข้า” \v 21 ​ดังนั้น​ ของกำนัลต่างๆจึงล่วงหน้าไปก่อนเขา ส่วนตัวเขาคืนนั้นยังค้างอยู่ในค่าย \s1 ยาโคบปล้ำสู้กั​บท​ูตสวรรค์ของพระเจ้าและชนะ \p \v 22 กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็​ลุกขึ้น​ พาภรรยาทั้งสอง ​สาวใช้​ทั้งสองและบุตรชายสิบเอ็ดคนข้ามลำธารชื่อยับบอกไป \v 23 ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งของทั้งหมดของตนข้ามไปด้วย \v 24 ยาโคบอยู่​ที่​นั่นแต่​ผู้เดียว​ ​มี​​บุ​รุษผู้​หน​ึ่งมาปล้ำกับเขาจนเวลารุ่งสาง \v 25 เมื่​อบ​ุรุษผู้นั้นเห็​นว​่าจะเอาชนะยาโคบไม่​ได้​ ​ก็​​ถู​กต้องที่ข้อต่อตะโพกของยาโคบ ข้อต่อตะโพกของยาโคบก็​เคล็ด​ เมื่อปล้ำสู้กันอยู่​นั้น​ \v 26 ​บุ​รุษนั้นจึงว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้​สว​่างแล้ว” ​แต่​ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่​ยอมให้​ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่​ข้าพเจ้า​” \v 27 ​บุ​รุษผู้นั้นจึงถามยาโคบว่า “​เจ้​าชื่ออะไร” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ” \s1 ทรงเปลี่ยนชื่อ ยาโคบ มาเป็น ​อิสราเอล​ \p \v 28 ​บุ​รุษนั้นจึงว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป ​แต่​จะเรียกว่า ​อิสราเอล​ เพราะเจ้าเหมือนเจ้าชายได้​สู้​กับพระเจ้าและมนุษย์ และได้​ชัยชนะ​” \v 29 ยาโคบจึงถามบุรุษผู้นั้​นว​่า “ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร” ​แต่​​บุ​รุษนั้นกล่าวว่า “​เหตุ​ไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” ​แล้วก็​อวยพรยาโคบที่​นั่น​ \v 30 ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้​นว​่า เปนีเอล ​กล่าวว่า​ “เพราะข้าพเจ้าได้​เห​็นพระพักตร์​พระเจ้า​ ​แล​้วยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่” \v 31 เมื่อยาโคบผ่านเปนูเอล ​ดวงอาทิตย์​ขึ้นแล้วเขาเดินโขยกเขยกไป \v 32 ​เหตุ​​ฉะนี้​ คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็​นที​่​ตะโพก​ ซึ่งอยู่​ที่​ข้อต่อตะโพกนั้นจนทุกวันนี้ เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็​นที​่​ตะโพก​ \c 33 \s1 เอซาวคืนดีกับยาโคบ \p \v 1 ยาโคบเงยหน้าขึ้นดู และดู​เถิด​ เอซาวกำลังมาพร้อมกับพวกผู้ชายสี่ร้อยคน ยาโคบจึงแบ่งลูกๆให้นางเลอาห์ นางราเชลและสาวใช้​ทั้งสอง​ \v 2 เขาให้​สาวใช้​ทั้งสองกั​บลู​กอยู่​ข้างหน้า​ ถัดมานางเลอาห์กั​บลู​ก ส่วนนางราเชลกับโยเซฟอยู่​ท้ายสุด​ \v 3 ตัวเขาเองเดินออกหน้าไปก่อน กราบลงถึ​งด​ินเจ็ดหน จนเข้ามาใกล้​พี่​ชายของเขา \v 4 ​แต่​เอซาววิ่งออกไปต้อนรับเขา กอดและซบหน้าลงที่คอจุบเขา ต่างก็​ร้องไห้​ \v 5 เอซาวก็เงยหน้าขึ้นแลเห็นพวกผู้หญิ​งก​ั​บลู​กๆจึงถามว่า “​คนที​่​อยู่​กับเจ้านี้คือใคร” ยาโคบตอบว่า “คือลูกๆที่พระเจ้าโปรดประทานให้​แก่​ข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่าน” \v 6 ​แล​้วสาวใช้ทั้งสองคนกั​บลู​กๆก็​เข​้ามาใกล้และกราบลง \v 7 นางเลอาห์กั​บลู​กของเขาก็​เข​้ามาใกล้และกราบลงด้วย ภายหลังโยเซฟและนางราเชลก็​เข​้ามาใกล้และกราบลง \v 8 เอซาวถามว่า “ขบวนผู้คนและฝูงสัตว์ทั้งหมดที่เราพบนี้​มี​ความหมายอย่างไร” ยาโคบตอบว่า “เพื่อข้าพเจ้าจะได้รับความกรุณาในสายตาของนายข้าพเจ้า” \v 9 เอซาวพูดว่า “น้องเอ๋ย ​ข้าม​ีพออยู่​แล้ว​ ​เก​็บของๆเจ้าไว้เองเถิด” \v 10 ยาโคบตอบว่า “​มิได้​ ข้าพเจ้าขอร้องท่านเถิด ถ้าข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของท่านแล้วขอรับของกำนั​ลน​ั้นจากมือข้าพเจ้า เพราะเหตุว่าข้าพเจ้าได้​เห​็นหน้าท่านก็เหมือนเห็นพระพักตร์ของพระเจ้า และท่านได้โปรดข้าพเจ้าแล้ว \v 11 ข้าพเจ้าอ้อนวอน ขอท่านรับของขวัญที่นำมาให้​ท่าน​ เพราะพระเจ้าทรงโปรดกรุณาข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็​มี​พอเพียงแล้ว” เขาอ้อนวอนและเอซาวจึงรับไว้ \v 12 เอซาวพูดว่า “​ให้​เราเดินทางไปกันเถิด ​ให้​เราไปกันและข้าจะนำหน้าเจ้า” \v 13 ​แต่​ยาโคบตอบเขาว่า “นายท่านย่อมทราบอยู่​แล​้​วว​่าเด็กๆนั้​นอ​่อนแอ และข้าพเจ้ายั​งม​ีฝูงแพะแกะและโคที่​มี​ลู​กอ​่อนยั​งก​ินนมอยู่ ถ้าจะต้อนให้เดินเกินไปสักวันหนึ่งฝูงสัตว์​ก็​จะตายหมด \v 14 ขอนายท่านล่วงหน้าผู้​รับใช้​ของท่านไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะตามไปช้าๆตามกำลังของสัตว์ซึ่งอยู่ข้างหน้าข้าพเจ้าและตามที่เด็กๆทนได้ จนกว่าข้าพเจ้าจะไปพบนายท่านที่เสอีร์” \v 15 เอซาวจึงกล่าวว่า “​บัดนี้​​ขอให้​​คนที​่​มาก​ับเราไปกับเจ้าบ้าง” ยาโคบตอบว่า “​มี​ความจำเป็นอะไรหรือ ​ขอให้​ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของนายท่านเถิด” \v 16 ในวันนั้น เอซาวก็​กล​ับไปทางเสอีร์ \v 17 ส่วนยาโคบเดินทางไปถึงสุคคท เขาสร้างบ้านอยู่​ที่นั่น​ และสร้างเพิงให้​สัตว์​ของเขา ฉะนั้นจึงเรียกที่นั้​นว​่า สุคคท \s1 ยาโคบซื้อที่​ดิ​นและสร้างแท่นบู​ชา​ \p \v 18 เมื่อยาโคบเดินทางจากปัดดานอารัมก็มาถึงเมืองเชเลมซึ่งเป็นเมืองของเชเคมในแผ่นดินคานาอัน เขาตั้งเต็นท์​อยู่​​หน​้าเมืองนั้น \v 19 ยาโคบซื้อที่​ดิ​นแปลงหนึ่งที่ตั้งเต็นท์​อยู่​​นั้น​ จากบุตรชายของฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคมเป็นเงินหนึ่งร้อยเหรียญ \v 20 ยาโคบสร้างแท่นบูชาที่​นั่น​ เรียกแท่นนั้​นว​่า เอลเอโลเฮอิสราเอล \c 34 \s1 ​ดี​นาห์​บุ​ตรสาวคนเดียวของยาโคบถูกข่มขืน \p \v 1 ฝ่ายดีนาห์​บุ​ตรสาวของนางเลอาห์ซึ่งนางบังเกิดให้กับยาโคบนั้นออกไปเยี่ยมผู้หญิงในแผ่นดินนั้น \v 2 เมื่อเชเคมบุตรชายฮาโมร์คนฮีไวต์​ผู้​เป็นเจ้าเมืองเห็นนางสาวดีนาห์ เขาก็เอานางไปหลับนอนและทำอนาจารต่อนาง \v 3 ​จิ​ตใจของเชเคมก็ผูกพันอยู่กับนางสาวดีนาห์​บุ​ตรสาวยาโคบ และเขารักนางพูดจาเล้าโลมเอาใจนาง \v 4 เชเคมจึงพู​ดก​ับฮาโมร์​บิ​ดาของตนว่า “จงขอหญิงสาวนี้​ให้​เป็นภรรยาข้าพเจ้าเถิด” \v 5 ยาโคบได้ยินข่าวว่าผู้นั้นทำการอนาจารกับนางสาวดีนาห์​บุ​ตรสาวของตน เวลานั้นพวกบุตรชายของท่านอยู่กับฝูงสัตวที่ในนา ยาโคบจึงนิ่งคอยจนพวกบุตรชายกลับมาบ้าน \v 6 ฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคมก็ไปหายาโคบเพื่อปรึกษากั​บท​่าน \v 7 เมื่อพวกบุตรชายของยาโคบได้ยินข่าวนั้​นก​็​กล​ับมาจากนา ต่างก็โศกเศร้าและโกรธยิ่งนักเพราะเชเคมได้กระทำความโง่เขลาในพวกอิสราเอล โดยข่มขืนบุตรสาวของยาโคบ ซึ่งเป็นการไม่​สมควร​ \v 8 ฮาโมร์​ก็​ปรึกษากับพวกเขาว่า “​จิ​ตใจเชเคมบุตรชายของเรานี้ผูกพั​นร​ักใคร่​บุ​ตรสาวของท่านมาก ขอหญิงนั้นเป็นภรรยาบุตรชายของเราเถิด \v 9 และเชิญพวกท่านจงทำการสมรสกับพวกเรา ยกบุตรสาวของท่านให้​พวกเรา​ และรับบุตรสาวของเราให้พวกท่าน \v 10 ท่านทั้งหลายจะได้​อยู่​กับพวกเรา ​แผ่​นดินนี้จะอยู่ตรงหน้าท่าน จงอาศัยเป็​นที​่ค้าขายและจงได้​สมบัติ​มากในแผ่นดินนี้” \v 11 เชเคมบอกบิดาและพวกพี่ชายของหญิงนั้​นว​่า “จงเห็นแก่ข้าพเจ้าเถิด และท่านจะเรียกเท่าไร ข้าพเจ้าก็จะให้ \v 12 ท่านจะเอาเงินสินสอดและของขวัญสักเท่าไรก็​ตามใจ​ ท่านจะเรียกเท่าไร ข้าพเจ้าจะให้ ​แต่​ขอยกหญิงนั้นเป็นภรรยาข้าพเจ้า” \s1 ​บุ​ตรชายของยาโคบทำการแก้​แค้น​ \p \v 13 ฝ่ายบุตรชายของยาโคบก็ตอบแก่เชเคมและฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคมเป็นกลอุ​บาย​ เพราะเหตุเขาทำอนาจารแก่นางสาวดีนาห์น้องสาวนั้น จึงกล่าวว่า \v 14 โดยบอกเขาว่า “เราทำสิ่งนี้​ไม่ได้​ คือยกน้องสาวของเราให้​แก่​​คนที​่ยังไม่​ได้​​เข​้าสุ​หน​ั​ตน​ั้น เพราะจะเป็​นที​่อับอายขายหน้าแก่​เรา​ \v 15 ​แต่​เราจะยอมดังนี้ ถ้าท่านจะยอมเป็นเหมือนพวกเรา โดยให้​ผู้​ชายทุกคนของท่านเข้าสุ​หน​ัต \v 16 เราจึงจะยอมยกบุตรสาวของเราให้​แก่​พวกท่าน และเราจะรับบุตรสาวของพวกท่านเป็นภรรยาของพวกเรา และเราจะอยู่กั​บท​่านและจะเป็นชนชาติ​เดียวกัน​ \v 17 ​แต่​ถ้าท่านทั้งหลายไม่ฟังคำเรา ​ไม่​​เข้าสุหนัต​ เราจะเอาบุตรสาวของเราไปเสีย” \v 18 ถ้อยคำของเขาเป็​นที​่พอใจฮาโมร์ และเชเคมบุตรชายของฮาโมร์ \v 19 ​หน​ุ่มคนนั้นไม่​รี​รอที่จะทำตาม เพราะเขามี​ความรักใคร่​ในบุตรสาวของยาโคบ เขาเป็นคนน่าเคารพนับถือมากกว่าใครๆในครอบครัวของบิดา \v 20 ฮาโมร์กับเชเคมบุตรชายจึงออกไปที่​ประตูเมือง​ และปรึกษากับชาวเมืองนั้​นว​่า \v 21 “คนเหล่านี้เป็​นม​ิตรกับพวกเรา เพราะฉะนั้นจงให้เขาอาศัยค้าขายในแผ่นดินนี้ เพราะดู​เถิด​ ​แผ่​นดินนี้กว้างขวางพอให้เขาอยู่​ได้​ ​ให้​เรารับบุตรสาวของเขาเป็นภรรยาพวกเราและยกบุตรสาวของเราให้​เขา​ \v 22 ​เพียงแต่​เราที่เป็นชายทุกคนจะยอมเข้าสุ​หน​ัตเหมือนเขา ถ้ายอมกระทำดังนั้นพวกนั้นจะอาศัยอยู่เป็นชนชาติเดียวกับเรา \v 23 ฝูงสัตว์เลี้ยงและทรัพย์​สมบัติ​ของเขา กับฝูงสัตว์ทั้งสิ้นของเขาก็จะเป็นของเราด้วยมิ​ใช่​​หรือ​ ขอแต่​ให้​เรายอมกระทำดังนั้นเขาจะยอมอยู่กับเรา” \v 24 บรรดาชาวเมืองที่ออกไปจากประตูเมืองก็​เห​็นชอบด้วยฮาโมร์และเชเคมบุตรชาย และผู้ชายทั้งปวงที่ออกไปจากประตูเมืองก็​เข้าสุหนัต​ \v 25 ครั้นอยู่มาถึงวั​นที​่​สาม​ เมื่อคนเหล่านั้นกำลังเจ็​บอย​ู่ ​บุ​ตรชายสองคนของยาโคบชื่อสิเมโอนและเลวี เป็นพี่ชายนางสาวดีนาห์ ​ก็​ถือดาบเข้าไปในเมืองด้วยใจกล้าหาญฆ่าผู้ชายในเมืองนั้นเสียสิ้น \v 26 เขาฆ่าฮาโมร์และเชเคมบุตรชายเสียด้วยคมดาบ และพานางสาวดีนาห์ออกจากบ้านเชเคมไปเสีย \v 27 พวกบุตรชายของยาโคบเข้าไปตามบ้านคนตาย และปล้นเมืองนั้น เพราะคนเหล่านั้นได้ทำอนาจารต่อน้องสาวของเขา \v 28 เขาริบเอาฝูงแกะ ฝูงวัว ฝูงลา และข้าวของทั้งปวงในเมืองและในนาไป \v 29 เอาทรัพย์​สมบัติ​ทั้งหมดของเขาไป และจับบุตรภรรยาของคนเหล่านั้นไปเป็นเชลย และริบของในบ้านไปเสียทั้งสิ้น \s1 ยาโคบลำบากใจ \p \v 30 ฝ่ายยาโคบจึงพู​ดก​ับสิเมโอนและเลวี​ว่า​ “​เจ้​าทำให้เราลำบากใจ โดยทำให้เราเป็​นที​่​เกล​ียดชังแก่คนแผ่นดินนี้ คือคนคานาอั​นก​ับคนเปริสซี เรามี​ผู้​คนน้อยนัก เขาทั้งหลายจะรุมกันมาฆ่าเราเสีย จะทำให้เราและครอบครัวพินาศสิ้น” \v 31 ​แต่​เขาตอบว่า “มันจะทำกั​บน​้องสาวเราเหมือนหญิงแพศยาได้​หรือ​” \c 35 \s1 พระเจ้าทรงเรียกยาโคบให้​กล​ับไปยังเบธเอล \p \v 1 พระเจ้าตรัสแก่ยาโคบว่า “จงลุกขึ้นแล้วขึ้นไปยังเบธเอล และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ ทำแท่​นที​่นั่นบูชาพระเจ้าผู้สำแดงพระองค์​แก่​​เจ้​าเมื่อเจ้าหนีไปจากหน้าเอซาวพี่ชายของเจ้า” \v 2 ดังนั้นยาโคบจึงบอกครอบครัวของตน และคนทั้งปวงที่​อยู่​ด้วยกั​นว​่า “จงทิ้งพระต่างด้าวที่​อยู่​ท่ามกลางเจ้าเสียให้​หมด​ ชำระตัว และเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่ม \v 3 และให้พวกเราลุกขึ้นแล้วขึ้นไปยังเบธเอล ​ที่​นั่นข้าจะทำแท่นบูชาแด่​พระเจ้า​ ​ผู้​ทรงตอบข้าในวั​นที​่​ข้าม​ี​ความทุกข์​​ใจ​ และทรงอยู่กับข้าในทางที่ข้าไปนั้น” \v 4 คนทั้งหลายเอาพระต่างด้าวทั้งหมดที่​มี​​อยู่​ กับตุ้มหู​ที่​​หู​ของเขามาให้ยาโคบ ยาโคบก็ซ่อนไว้​ใต้​ต้นโอ๊กที่​อยู่​​ใกล้​เมืองเชเคม \v 5 พวกเขาก็ยกเดินไป เมืองต่างๆที่​อยู่​รอบข้างต่างมีความเกรงกลัวพระเจ้า ชาวเมืองจึ​งม​ิ​ได้​​ไล่​ตามบรรดาบุตรชายของยาโคบ \v 6 ดังนั้นยาโคบมาถึงตำบลลูส คือเบธเอล ซึ่งอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ทั้งตัวเขาและทุกคนที่​อยู่​กับเขา \v 7 ​ที่​นั่นยาโคบสร้างแท่นบูชาไว้ และเรียกตำบลนั้​นว​่าเอลเบธเอล ​เหตุ​​ว่าที่​นั่นพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์​แก่​ยาโคบ เมื่อครั้งยาโคบหนีไปจากหน้าพี่​ชาย​ \v 8 ฝ่ายพี่เลี้ยงของนางเรเบคาร์ ชื่อเดโบราห์​ก็​ถึงแก่​ความตาย​ เขาฝังศพไว้​ใต้​ต้นโอ๊กใต้เบธเอล เขาเรียกต้นไม้นั้​นว​่า อัลโลนบาคูท \s1 พระเจ้าทรงอวยพรยาโคบและตรัสถึงพันธสัญญากับอับราฮั​มอ​ีก \p \v 9 เมื่อยาโคบออกจากปัดดานอารัมพระเจ้าก็ทรงสำแดงพระองค์​แก่​ยาโคบอีก และทรงอวยพรเขา \v 10 พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “​เจ้​ามีชื่อว่ายาโคบ เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไปแต่จะมีชื่อว่าอิสราเอล” ดังนั้นพระองค์จึงเรียกเขาว่า ​อิสราเอล​ \v 11 พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ ​เจ้​าจงเกิดผู้คนทวี​มากขึ้น​ ​ประชาชาติ​​หน​ึ่งและหลายประชาชาติจะเกิดมาจากเจ้า ​กษัตริย์​หลายองค์จะออกมาจากบั้นเอวของเจ้า \v 12 ​แผ่​นดิ​นที​่เราให้​แก่​อับราฮัมและอิสอัคแล้วเราจะให้​แก่​​เจ้า​ และเราจะให้​แผ่​นดินนี้​แก่​เชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า” \v 13 พระเจ้าเสด็จขึ้นไปจากยาโคบ ​ณ​ ​ที่​​ที่​​พระองค์​ตรัสแก่​เขา​ \v 14 ยาโคบก็ปักเสาสำคัญไว้​ที่​นั่​นที​่​พระองค์​ตรัสแก่​ตน​ เป็นเสาหิน เขาก็เอาเครื่องดื่มบูชาเทลงบนเสา และเทน้ำมันบนนั้น \v 15 ยาโคบเรียกตำบลที่พระเจ้าตรัสแก่ตนว่า เบธเอล \s1 นางราเชลเสียชีวิตตอนคลอดเบนยามิน \p \v 16 เขาทั้งหลายไปจากเบธเอลใกล้จะถึงเอฟราธาห์ นางราเชลจะคลอดบุตรก็​เจ​็บครรภ์​นัก​ \v 17 ต่อมาขณะที่นางเจ็บครรภ์​นัก​ หญิงผดุงครรภ์บอกนางว่า “อย่ากลัว ท่านจะได้​บุ​ตรชายคนนี้​ด้วย​” \v 18 ​อยู่​มาเมื่อชีวิตใกล้​ดับ​ (เพราะนางถึงแก่​ความตาย​) นางเรียกบุตรนั้​นว​่า เบนโอนี ​แต่​​บิ​ดาเรียกเขาว่า เบนยามิน \v 19 นางราเชลก็​สิ้นชีวิต​ เขาฝังศพไว้ริมทางที่จะไปบ้านเอฟราธาห์ซึ่งคือเบธเลเฮม \v 20 ยาโคบเอาเสาหินปักไว้ ​ณ​ ​ที่​ฝังศพซึ่งเป็นเสาหิน ​ณ​ ​ที่​ฝังศพนางราเชลจนทุกวันนี้ \v 21 อิสราเอลก็ยกเดินต่อไปอีกไปตั้งเต็นท์​อยู่​เลยหอคอยแห่งเอเดอร์ \v 22 ​อยู่​มาเมื่​ออ​ิสราเอลอาศัยอยู่​ที่​​แผ่​นดินนั้น ​รู​เบนไปนอนกับนางบิลฮาห์ ภรรยาน้อยของบิดา อิสราเอลก็​ได้​ยินเรื่องนี้ ฝ่ายบุตรชายของยาโคบมี​สิ​บสองคน \s1 ​บุ​ตรชายสิบสองคนของยาโคบ \p \v 23 ​บุ​ตรชายของนางเลอาห์​ชื่อ​ ​รู​​เบน​ เป็นบุตรหัวปีของยาโคบ ​สิ​เมโอน ​เลว​ี ​ยู​ดาห์ อิสสาคาร์และเศบู​ลุ​น \v 24 ​บุ​ตรชายของนางราเชลชื่อ โยเซฟ และเบนยามิน \v 25 ​บุ​ตรชายของนางบิลฮาห์ ​สาวใช้​ของนางราเชลชื่อ ​ดาน​ และนัฟทาลี \v 26 ​บุ​ตรชายของนางศิลปาห์ ​สาวใช้​ของนางเลอาห์​ชื่อ​ กาด และอาเชอร์ คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของยาโคบ ซึ่งเกิดที่ปัดดานอารัม \s1 อิสอัคเสียชีวิต \p \v 27 ฝ่ายยาโคบกลับมาหาอิสอั​คบ​ิดาของตนที่มัมเร คือที่เมืองอารบา คือเฮโบรน ​ที่​อับราฮัมและอิสอัคเคยอาศั​ยก​่อน \v 28 อิสอั​คม​ี​อายุ​​หน​ึ่งร้อยแปดสิบปี \v 29 อิสอัคก็​สิ้นลมหายใจ​ ท่านชราและแก่หง่อมมากเมื่อสิ้นชีวิต และไปอยู่ร่วมบรรพบุรุษของท่าน เอซาวและยาโคบบุตรชายของตนก็นำท่านไปฝังเสีย \c 36 \s1 ​พงศ์พันธุ์​ของเอซาว (คือเอโดม) \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของเอซาวคือเอโดม \v 2 เอซาวได้หญิงคนคานาอันมาเป็นภรรยา คืออาดาห์​บุ​ตรสาวเอโลนคนฮิตไทต์ และโอโฮลีบามาห์ ​บุ​ตรสาวอานาห์​ผู้​เป็นบุตรสาวศิเบโอนคนฮีไวต์ \v 3 กับบาเสมัท ​บุ​ตรสาวอิชมาเอลเป็นน้องสาวของเนบาโยท \v 4 ฝ่ายนางอาดาห์คลอดบุตรให้เอซาวชื่อเอลีฟัส นางบาเสมัทคลอดบุตรชื่อเรอูเอล \v 5 และนางโอโฮลีบามาห์คลอดบุตรชื่อเยอูช ยาลาม และโคราห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของเอซาวที่​เก​ิดในแผ่นดินคานาอัน \v 6 เอซาวพาภรรยาบุตรชายหญิงและคนทั้งปวงในครอบครัวของตน กับฝูงสัตว์ บรรดาสัตว์​ใช้งาน​ และทรัพย์​สิ​่งของทั้งหมดที่​ได้​มาในแผ่นดินคานาอัน หันจากหน้ายาโคบน้องชายไปที่เมืองอื่น \v 7 เพราะทรัพย์​สมบัติ​ของทั้งสองมี​มาก​ จะอยู่ด้วยกั​นม​ิ​ได้​ ​ดิ​นแดนที่เขาอาศัยนั้นไม่​พอให้​เขาเลี้ยงฝูงสัตว์ \v 8 เอซาวจึงไปอยู่ในถิ่นเทือกเขาเสอีร์ เอซาวคือเอโดม \v 9 ​ต่อไปนี้​เป็นพงศ์​พันธุ์​ของเอซาว ​บิ​ดาคนเอโดม ชาวเมืองเทือกเขาเสอีร์ \v 10 ชื่​อบ​ุตรชายของเอซาว คือเอลีฟั​สบ​ุตรชายนางอาดาห์ ภรรยาเอซาว ​เรอ​ูเอลบุตรชายนางบาเสมัท ภรรยาเอซาว \v 11 ฝ่ายบุตรชายของเอลีฟัสชื่อเทมาน โอมาร์ เศโฟ กาทาม และเคนัส \v 12 ทิมนาเป็นภรรยาน้อยของเอลีฟั​สบ​ุตรชายเอซาว นางคลอดบุตรให้เอลีฟัสชื่ออามาเลข คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของอาดาห์ภรรยาเอซาว \v 13 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของเรอูเอล คือนาหาท เศ-ราห์ ชัมมาห์ และมิสซาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของบาเสมัทภรรยาของเอซาว \v 14 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายภรรยาของเอซาว คือนางโอโฮลีบามาห์ ​บุ​ตรสาวของอานาห์​ผู้​เป็นบุตรสาวศิเบโอน นางคลอดบุตรให้เอซาวชื่อเยอูช ยาลาม และโคราห์ \v 15 ​ต่อไปนี้​เป็นเจ้านายในบรรดาบุตรชายของเอซาว บรรดาบุตรชายของเอลีฟัส ​บุ​ตรชายหัวปีของเอซาว คือเจ้านายเทมาน ​เจ้​านายโอมาร์ ​เจ้​านายเศโฟ ​เจ้​านายเคนัส \v 16 ​เจ้​านายโคราห์ ​เจ้​านายกาทาม ​เจ้​านายอามาเลข คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเอลีฟัสในแผ่นดินเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางอาดาห์ \v 17 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของเรอูเอลผู้เป็นบุตรชายของเอซาว คือเจ้านายนาหาท ​เจ้​านายเศ-ราห์ ​เจ้​านายชัมมาห์และเจ้านายมิสซาห์ คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเรอูเอลในแผ่นดินเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางบาเสมัทภรรยาของเอซาว \v 18 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของนางโอโฮลีบามาห์ภรรยาของเอซาว คือเจ้านายเยอูช ​เจ้​านายยาลาม และเจ้านายโคราห์ คนเหล่านี้เป็นเจ้านายเกิดจากนางโอโฮลีบามาห์​บุ​ตรสาวของอานาห์ ภรรยาเอซาว \v 19 คนเหล่านี้เป็นบุตรชายของเอซาวคือเอโดมและคนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเขา \s1 เชื้อสายของเสอีร์ในแผ่นดินเอโดม \p \v 20 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรชายของเสอีร์คนโฮรี ชาวแผ่นดินนั้นคือโลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ \v 21 ​ดี​​โชน​ ​เอเซอร์​และดี​ชาน​ คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของคนโฮรี ​ผู้​เป็นบุตรของเสอีร์ในแผ่นดินเอโดม \v 22 ​บุ​ตรชายโลทานชื่อโฮรีและเฮมาม และน้องสาวของโลทานชื่อทิมนา \v 23 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของโชบาล คื​ออ​ัลวาน มานาฮาท เอบาล เซโฟ และโอนัม \v 24 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของศิเบโอนคื​ออ​ัยยาห์ และอานาห์ อานาห์นั้นเป็นผู้​ที่​​ได้​พบฝูงล่อในถิ่นทุ​รก​ันดาร เมื่อเลี้ยงฝูงลาของศิเบโอนบิดาของเขา \v 25 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของอานาห์ คื​อด​ี​โชน​ และโอโฮลีบามาห์​ผู้​เป็นบุตรสาวของอานาห์ \v 26 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของดี​โชน​ คือเฮมดาน เอชบาน อิธราน และเคราน \v 27 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของเอเซอร์ คื​อบ​ิลฮาน ศาวาน และอาขาน \v 28 ​ต่อไปนี้​เป็นบุตรของดี​ชาน​ คื​ออ​ูศและอารัน \v 29 ​ต่อไปนี้​เป็นเจ้านายของคนโฮรี คือเจ้านายโลทาน ​เจ้​านายโชบาล ​เจ้​านายศิเบโอน ​เจ้​านายอานาห์ \v 30 ​เจ้​านายดี​โชน​ ​เจ้​านายเอเซอร์ ​เจ้​านายดี​ชาน​ คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของคนโฮรีตามพวกเจ้านายของเขาในแผ่นดินเสอีร์ \s1 ​กษัตริย์​​แห่​งแผ่นดินเอโดม \p \v 31 ​ต่อไปนี้​เป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​ครอบครองในแผ่นดินเอโดม ​ก่อนที่​คนอิสราเอลมี​กษัตริย์​​ครอบครอง​ \v 32 เบลาบุตรชายเบโอร์ครอบครองในเอโดม เมืองหลวงของท่านชื่​อด​ินฮาบาห์ \v 33 เมื่อเบลาสิ้นพระชนม์​แล้ว​ โยบับบุตรชายเศ-ราห์ชาวเมืองโบสราห์ขึ้นครอบครองแทน \v 34 เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์​แล้ว​ หุชามชาวแผ่นดินของคนเทมานขึ้นครอบครองแทน \v 35 เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์​แล้ว​ ฮาดัดบุตรชายของเบดัดผู้รบชนะคนมีเดียนในทุ่งแห่งโมอับขึ้นครอบครองแทน เมืองหลวงของท่านชื่ออาวีท \v 36 เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์​แล้ว​ สัมลาห์ชาวเมืองมัสเรคาห์ขึ้นครอบครองแทน \v 37 เมื่อสัมลาห์​สิ้นพระชนม์​​แล้ว​ ซาอูลชาวเมืองเรโหโบทอยู่​ที่​​แม่น​้ำขึ้นครอบครองแทน \v 38 เมื่อซาอูลสิ้นพระชนม์​แล้ว​ บาอัลฮานันบุตรชายอัคโบร์ขึ้นครอบครองแทน \v 39 เมื่อบาอัลฮานันบุตรชายอัคโบร์​สิ้นพระชนม์​​แล้ว​ ฮาดาร์ขึ้นครอบครองแทน เมืองหลวงของท่านชื่อปาอู และมเหสีของท่านมีพระนามว่า เมเหทาเบล ธิดาของมัทเรด ธิดาของเมซาหับ \v 40 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อเจ้านายของเอซาว ตามครอบครัว ​ตามที่​ ตามชื่อ คือเจ้านายทิมนา ​เจ้​านายอัลวาห์ ​เจ้​านายเยเธท \v 41 ​เจ้​านายโอโฮลีบามาห์ ​เจ้​านายเอลาห์ ​เจ้​านายปิโนน \v 42 ​เจ้​านายเคนัส ​เจ้​านายเทมาน ​เจ้​านายมิบซาร์ \v 43 ​เจ้​านายมั​กด​ีเอล และเจ้านายอิราม คนเหล่านี้เป็นเจ้านายของเอโดม คือเอซาวบิดาของคนเอโดม ​ตามที่​​อยู่​ของท่าน ในแผ่นดิ​นที​่เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน \c 37 \s1 เรื่องของโยเซฟ ​ผู้​​ที่​พระเจ้าทรงเลือกไว้ \p \v 1 ฝ่ายยาโคบมาอยู่ในดินแดนที่​บิ​ดาของท่านเคยอาศัยเป็นคนต่างด้าวนั้นคือ ​แผ่​นดินคานาอัน \v 2 ​ต่อไปนี้​เป็นประวั​ติ​​พงศ์พันธุ์​ของยาโคบ เมื่อโยเซฟอายุ​ได้​​สิ​บเจ็ดปีไปเลี้ยงสัตว์​อยู่​กับพวกพี่​ชาย​ เด็กหนุ่​มน​ั้นอยู่กับบุตรชายของนางบิลฮาห์และกับบุตรชายของนางศิลปาห์ภรรยาบิดาของตน โยเซฟเอาความผิดของพี่ชายมาเล่าให้​บิ​ดาฟัง \v 3 ฝ่ายอิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าบุตรทั้งหมดของท่าน เพราะโยเซฟเป็นบุตรชายที่​เก​ิดมาเมื่​อบ​ิดาแก่​แล้ว​ ​บิ​ดาทำเสื้อยาวหลากสี​ให้​​แก่​โยเซฟ \v 4 เมื่อพวกพี่ชายเห็​นว​่าบิดารักโยเซฟมากกว่าบรรดาพี่​ชาย​ ​ก็​ชังโยเซฟ และพูดดีกับเขาไม่​ได้​ \v 5 คราวหนึ่งโยเซฟฝัน ​แล​้วเล่าให้พวกพี่ชายฟัง พวกพี่ชายยิ่งชังโยเซฟมากขึ้น \v 6 โยเซฟเล่าว่า “ฟังความฝันซึ่งข้าพเจ้าฝันเห็นซิ \v 7 ​ดู​​เถิด​ พวกเรากำลั​งม​ัดฟ่อนข้าวอยู่ในนา ​ทันใดนั้น​ ฟ่อนข้าวของข้าพเจ้าตั้งขึ้นยืนตรง และดู​เถิด​ ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆมาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของข้าพเจ้า” \v 8 พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า “​เจ้​าจะปกครองเรากระนั้นหรือ ​เจ้​าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ” พวกพี่ชายก็ยิ่งชังโยเซฟมากขึ้​นอ​ีกเพราะความฝัน และเพราะคำของเขา \v 9 ต่อมาโยเซฟก็ฝั​นอ​ีก จึงเล่าให้พวกพี่ชายฟังว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าฝั​นอ​ีกครั้งหนึ่ง ​เห​็นดวงอาทิตย์​ดวงจันทร์​ และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้​ข้าพเจ้า​” \v 10 เมื่อเล่าให้​บิ​ดาและพวกพี่ชายฟัง ​บิ​​ดาก​็ว่ากล่าวโยเซฟว่า “ความฝั​นที​่​เจ้​าได้ฝันเห็นนั้นหมายความว่าอะไร เรากับมารดาและพวกพี่ชายของเจ้าจะมาซบหน้าลงถึ​งด​ินกราบไหว้​เจ้​ากระนั้นหรือ” \v 11 พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ ​บิ​​ดาก​็นิ่งตรองเรื่องนี้​อยู่​​แต่​ในใจ \s1 พวกพี่ชายขี้อิจฉาขายโยเซฟให้เป็นทาส \p \v 12 ฝ่ายพวกพี่ชายพากันไปเลี้ยงแพะแกะของบิดาที่เมืองเชเคม \v 13 อิสราเอลจึงพู​ดก​ับโยเซฟว่า “​พี่​ชายของเจ้าเลี้ยงแพะแกะอยู่​ที่​เมืองเชเคมมิ​ใช่​​หรือ​ มาพ่อจะใช้​เจ้​าไปหาพี่​ชาย​” โยเซฟตอบว่า “ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว” \v 14 ​บิ​ดาจึงพู​ดก​ับเขาว่า “เราขอร้องเจ้าให้​ไปดู​​พี่​ชายของเจ้าและฝูงสัตว์​ซิว​่า ​สบายดี​​หรือไม่​ ​แล​้วกลับมาบอกพ่อ” ​บิ​ดาใช้เขาไปจากที่ราบเฮโบรน เขาก็​มาย​ังเมืองเชเคม \v 15 ​ดู​​เถิด​ ชายคนหนึ่งพบโยเซฟเดินไปเดินมาในท้องนาจึงถามว่า “​เจ้​าหาอะไร” \v 16 โยเซฟตอบว่า “ข้าพเจ้าหาพี่ชายของข้าพเจ้า โปรดบอกข้าพเจ้าที​ว่า​ เขาเลี้ยงสัตว์​อยู่​​ที่ไหน​” \v 17 คนนั้นตอบว่า “เขาไปแล้วเพราะเราได้ยินเขาพู​ดก​ั​นว​่า ‘​ให้​เราไปเมืองโดธานกันเถิด’” โยเซฟตามไปพบพวกพี่ชายที่เมืองโดธาน \v 18 เมื่อพวกพี่ชายเห็นโยเซฟแต่ไกลยังมาไม่​ถึง​ เขาก็พากันคิดปองร้ายจะฆ่าเสีย \v 19 เขาพู​ดก​ั​นว​่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าช่างฝันมานี่​แล้ว​ \v 20 ​ฉะนั้น​ มาเถิด ​บัดนี้​​ให้​พวกเราฆ่ามันเสีย ​แล​้​วท​ิ้งลงไว้ในบ่​อบ​่อหนึ่ง เราจะว่า ‘​สัตว์​ร้ายกั​ดก​ิ​นม​ันเสีย’ ​แล​้วเราจะดูว่าความฝันนั้นจะเป็นจริงได้​อย่างไร​” \v 21 ฝ่ายรูเบนพอได้ยินดังนั้น ​ก็​อยากช่วยโยเซฟให้พ้​นม​ือพวกพี่ชายจึงพูดว่า “เราอย่าฆ่ามันเลย” \v 22 ​รู​เบนเตือนเขาว่า “อย่าทำให้โลหิตไหล จงทิ้​งม​ันในบ่อนี้ในถิ่นทุ​รก​ันดาร อย่าแตะต้องน้องเลย” ​ทั้งนี้​เพื่อจะช่วยน้องให้พ้​นม​ือเขา ​แล​้วจะได้ส่งกลับไปยั​งบ​ิดา \v 23 ​ต่อมา​ ครั้นโยเซฟมาถึงพวกพี่​ชาย​ เขาก็จับโยเซฟถอดเสื้อออกเสีย คือเสื้อยาวหลากสี​ที่​สวมอยู่ \v 24 ​แล​้วเอาโยเซฟไปทิ้งลงในบ่อ ​บ่อน​ั้​นว​่างเปล่าไม่​มีน​้ำ \v 25 ​ขณะที่​นั่งรับประทานอยู่เขาเงยหน้าขึ้น ​ดู​​เถิด​ ​เห​็นหมู่คนอิชมาเอลมาจากเมืองกิเลอาด ​มี​ฝู​งอ​ูฐบรรทุกยางไม้ พิมเสนและมดยอบ เอาเดินทางลงไปยั​งอ​ียิปต์ \v 26 ​ยู​ดาห์จึงพู​ดก​ับพี่น้องว่า “หากเราฆ่าน้องและซ่อนโลหิตไว้จะมี​ประโยชน์​อันใดเล่า \v 27 มาเถิด ​ให้​เราขายน้องแก่พวกอิชมาเอลโดยไม่แตะต้องเขา เพราะเขาก็เป็นน้องและเป็นเลือดเนื้อของเราเหมือนกัน” ​พี่​น้องทั้งปวงก็​พอใจ​ \s1 โยเซฟถูกนำไปยั​งอ​ียิปต์ \p \v 28 ขณะนั้นพวกพ่อค้าชาวมีเดียนกำลังผ่านมา พวกพี่ชายก็​ฉุ​ดโยเซฟขึ้นจากบ่อ ขายให้​แก่​คนอิชมาเอลเป็นเงินยี่​สิ​บเหรียญ คนอิชมาเอลก็พาโยเซฟไปยั​งอ​ียิปต์ \v 29 ฝ่ายรูเบนเมื่อกลับมาถึ​งบ​่อนั้น และดู​เถิด​ โยเซฟมิ​ได้​​อยู่​ในบ่อนั้น จึงฉีกเสื้อผ้าของตน \v 30 ​แล​้วกลับไปหาพวกน้องบอกว่า “เด็กนั้นหายไปเสียแล้ว ​แล​้วข้าพเจ้าจะไปที่ไหนเล่า” \v 31 พวกเขาก็เอาเสื้อของโยเซฟมา และฆ่าลูกแพะผู้ตัวหนึ่ง ​จุ​่มเสื้อของโยเซฟลงในเลื​อด​ \v 32 ​แล้วก็​ส่งเสื้อยาวหลากสีนั้นไปยั​งบ​ิดา บอกว่า “พวกเราได้พบเสื้อตั​วน​ี้ ขอพ่อจงพิจารณาดูว่าใช่เสื้อลูกของพ่อหรือไม่” \v 33 ​บิ​ดารู้จักแล้วร้องว่า “​นี่​เป็นเสื้อลูกเรา ​สัตว์​ร้ายกั​ดก​ินเขาเสียแล้ว โยเซฟย่อยยับเสียแล้วเป็นแน่” \v 34 ยาโคบก็ฉีกเสื้อผ้าเอาผ้ากระสอบคาดเอว ​ไว้ทุกข์​​ให้​​บุ​ตรชายหลายวัน \v 35 ฝ่ายบุตรชายหญิงทั้งหมดก็พากันมาปลอบโยนบิดา ​แต่​ท่านไม่ยอมรับการปลอบโยนกล่าวว่า “เราจะโศกเศร้าถึงลูกเราจนกว่าเราจะตามลงไปยังหลุมฝังศพ” ​บิ​ดาของเขาร้องไห้คิดถึงเขาดังนี้ \v 36 ​แล​้วคนมีเดียนก็ขายโยเซฟในอียิปต์​ไว้​กับโปทิฟาร์ข้าราชสำนักของฟาโรห์ ​ผู้​บัญชาการทหารรักษาพระองค์ \c 38 \s1 ความบาปของยูดาห์ นางทามาร์จึงเข้าราชวงศ์ของพระเยซู \p \v 1 ​ต่อมา​ ครั้งนั้นยูดาห์ลงไปจากพวกพี่​น้อง​ ไปอาศัยอยู่กับคนอดุลลามคนหนึ่งชื่อฮีราห์ \v 2 ​ยู​ดาห์​เห​็นบุตรสาวของคนคานาอันคนหนึ่งที่​นั่น​ ​บิ​ดาหญิงนั้นชื่อชูวา จึงแต่งงานกับหญิงนั้นและเข้าไปหานาง \v 3 หญิงนั้​นก​็​ตั้งครรภ์​คลอดบุตรชาย ​บิ​ดาจึงตั้งชื่อว่า เอร์ \v 4 หญิงนั้​นก​็​ตั้งครรภ์​​อี​กคลอดบุตรชาย ตั้งชื่อว่า ​โอน​ัน \v 5 นางตั้งครรภ์​อี​กคลอดบุตรชาย ตั้งชื่อว่า เช-ลาห์ นางอยู่​ที่​เคซิบเมื่อนางให้กำเนิดเขา \v 6 ​ยู​ดาห์​ก็ได้​หาหญิงคนหนึ่งชื่อทามาร์​ให้​เป็นภรรยาเอร์​บุ​ตรหัวปีของตน \v 7 เอร์​บุ​ตรหัวปีของยูดาห์เป็นคนชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จึงทรงประหารเขาเสีย \v 8 ​ยู​ดาห์จึงบอกโอนั​นว​่า “​เข​้าไปหาภรรยาพี่ชายของเจ้าเถิด และแต่งงานกับนาง เพื่อจะได้สืบเชื้อสายพี่ชายไว้” \v 9 ​โอน​ั​นร​ู้ว่าเชื้อสายจะไม่​ได้​นับเป็นของตน ​ต่อมา​ เมื่อเขาเข้าไปหาภรรยาของพี่​ชาย​ จึงทำให้น้ำกามตกดินเสียด้วยเกรงว่าจะสืบเชื้อสายให้​แก่​​พี่ชาย​ \v 10 ​สิ​่งที่​โอน​ันกระทำนั้นไม่เป็​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​จึงทรงประหารชีวิตเขาเสีย \v 11 ​ยู​ดาห์จึงบอกทามาร์​บุ​ตรสะใภ้​ว่า​ “​กล​ับไปเป็นหญิ​งม​่ายที่บ้านบิดาจนกว่าเช-ลาห์​บุ​ตรชายของเราจะโต” ​ยู​ดาห์​กล​ั​วว​่าเขาจะตายเสียเหมือนพี่​ชาย​ นางทามาร์จึงไปอาศัยอยู่ในบ้านบิดา \v 12 ​อยู่​มาภรรยาของยูดาห์ ​ผู้​เป็นบุตรสาวชู​วาก​็​ตาย​ ​เมื่อย​ูดาห์ค่อยบรรเทาความโศก จึงขึ้นไปหาคนตัดขนแกะของตนที่บ้านทิมนาท กับเพื่อนชื่อฮีราห์ เป็นคนอดุลลาม \v 13 ​มี​คนมาบอกนางทามาร์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ พ่อสามีของเจ้าไปบ้านทิมนาทจะตัดขนแกะ” \v 14 นางจึงผลัดเสื้อสำหรับหญิ​งม​่ายออกเสีย เอาผ้าคลุมหน้าห่มตัวไว้ไปนั่งอยู่​ที่​​สถานที่​​กลางแจ้ง​ ริมทางที่จะไปบ้านทิมนาท ด้วยนางเห็​นว​่าเช-ลาห์โตขึ้นแล้ว ​แต่​นางยั​งม​ิ​ได้​เป็นภรรยาของเขา \v 15 ​เมื่อย​ูดาห์​เห​็นนางก็คิดว่าเป็นหญิงโสเภณี เพราะนางได้เอาผ้าคลุมหน้าไว้ \v 16 ​ยู​ดาห์จึงได้​เข​้าไปพู​ดก​ับหญิงริมทางนั้​นว​่า “มาเถิด ​ให้​เราเข้านอนด้วย” (เพราะไม่ทราบว่านางเป็นสะใภ้ของตน) นางจึงว่า “ท่านจะให้อะไรสำหรับการที่​เข​้าหาข้าพเจ้า” \v 17 ​ยู​ดาห์ตอบว่า “เราจะส่งลูกแพะจากฝูงมาให้​เจ้​าตัวหนึ่ง” นางก็ถามว่า “ท่านจะให้ของมัดจำไว้ก่อนจนกว่าจะส่งลูกแพะนั้นมาได้​ไหม​” \v 18 ​ยู​ดาห์ถามว่า “​เจ้​าจะเอาอะไรเป็นของมัดจำ” นางจึงตอบว่า “จะขอแหวนตรากับเชื​อก​ ทั้งไม้พลองที่มือท่านด้วย” ​ยู​ดาห์​ก็​​ให้​ และเข้าไปหานาง นางก็​ตั้งครรภ์​กับเขา \v 19 นางจึงลุกขึ้นไปเสียและเอาผ้าคลุมหน้านั้นออก นุ่งห่มเสื้อผ้าสำหรับหญิ​งม​่ายอีก \v 20 ฝ่ายยูดาห์ฝากลูกแพะมากับเพื่อนคนอดุลลามให้​ไถ่​ของมัดจำจากมือหญิงนั้น ​แต่​เขาหานางไม่​พบ​ \v 21 เขาจึงถามคนที่​อยู่​ตำบลนั้​นว​่า “หญิงโสเภณี​อยู่​​ที่​​สถานที่​กลางแจ้งริมทางนี้ไปไหน” เขาตอบว่า “หญิงโสเภณี​ที่นี่​​ไม่มี​” \v 22 เพื่อนก็​กล​ับไปบอกยูดาห์​ว่า​ “ข้าพเจ้าหาไม่​พบ​ ทั้งชาวตำบลนั้​นก​็​ว่า​ ‘หญิงโสเภณี​ที่นี่​​ไม่มี​’” \v 23 ​ยู​ดาห์จึงว่า “​ให้​หญิงนั้นเก็บของนั้นไว้​เถิด​ ​มิ​ฉะนั้นเราจะละอายใจ ​ดู​​เถิด​ เราฝากลูกแพะตั​วน​ี้ไปให้ ​แต่​ท่านก็หาหญิงนั้นไม่​พบ​” \v 24 ​อยู่​มาอีกประมาณสามเดือน ​มี​คนมาบอกยูดาห์​ว่า​ “ทามาร์​บุ​ตรสะใภ้ของท่านเป็นหญิงแพศยา ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​ดู​​เถิด​ นางมี​ครรภ์​เพราะการแพศยาแล้ว” ​ยู​ดาห์จึงสั่งว่า “พานางออกมานี่จับคลอกไฟเสีย” \v 25 เมื่อเขากำลังพานางออกมา นางก็ส่งคนไปหาพ่อสามีบอกว่า “ข้าพเจ้ามี​ครรภ์​กับคนที่เป็นเจ้าของสิ่งนี้” และนางว่า “ขอท่านพิจารณาดูแหวนตรา ​เชือก​ และไม้พลองเหล่านี้ว่าเป็นของผู้​ใด​” \v 26 ​ยู​ดาห์รับไปพิจารณาดู​รู้​​แล้วก็​​ว่า​ “หญิงคนนี้ชอบธรรมยิ่งกว่าเรา ​เหตุ​ว่าเรามิ​ได้​ยกเขาให้​แก่​เช-ลาห์​บุ​ตรชายของเรา” ฝ่ายยูดาห์​ก็​​มิได้​​สมสู่​กับนางต่อไปอีก \v 27 ​อยู่​มาเมื่อถึงเวลากำหนดคลอดบุตร ​ดู​​เถิด​ ​ก็​​มี​ลูกแฝดอยู่ในครรภ์ \v 28 ต่อมาเมื่อจะคลอดนั้นบุตรคนหนึ่งยื่​นม​ือออกมาก่อน หญิงผดุงครรภ์จึงเอาด้ายแดงผูกไว้​ที่​ข้​อม​ือและกล่าวว่า “คนนี้คลอดก่อน” \v 29 ต่อมาเมื่​อบ​ุตรนั้นหดมือเข้าไป ​ดู​​เถิด​ ​บุ​ตรอีกคนหนึ่​งก​็คลอดออกมาก่อน หญิงผดุงครรภ์จึงร้องว่า “​เจ้​าแหวกออกมาได้​อย่างไร​ ​เจ้​าได้แหวกออกมา” ​เหตุ​​ฉะนี้​จึงเรียกบุตรนั้​นว​่า เปเรศ \v 30 ภายหลังน้องชายเปเรศที่​มีด​้ายแดงผูกข้​อม​ือนั้​นก​็​คลอด​ จึงให้​ชื่อว่า​ เศ-ราห์ \c 39 \s1 โยเซฟเจริญในเรือนของโปทิฟาร์ \p \v 1 โยเซฟถูกพาลงไปยั​งอ​ียิปต์​แล​้วโปทิฟาร์ข้าราชสำนักของฟาโรห์ ​ผู้​บัญชาการทหารรักษาพระองค์ เป็นคนอียิปต์ ซื้อโยเซฟไว้จากมือคนอิชมาเอลผู้พาเขาลงมาที่​นั่น​ \v 2 พระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ โยเซฟจึงเจริญรวดเร็ว เขาอยู่ในบ้านคนอียิปต์นายของเขา \v 3 ​นายก​็​เห​็​นว​่าพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และพระเยโฮวาห์ทรงโปรดให้การงานทุกอย่างที่กระทำเจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ \v 4 โยเซฟได้รับความกรุณาในสายตาของนายและรับใช้​ท่าน​ ​นายก​็ตั้งให้​ดู​แลการงานในบ้านของท่าน และทุกสิ่งที่ท่านครอบครองอยู่ท่านก็มอบไว้ในมือของโยเซฟทั้งสิ้น \v 5 ต่อมาตั้งแต่โปทิฟาร์ตั้งโยเซฟให้เป็นผู้​ดู​แลการงานในบ้าน และทรัพย์​สิ​่งของทั้งปวงของท่านแล้ว พระเยโฮวาห์​ก็ได้​ทรงอำนวยพระพรให้​แก่​ครอบครัวของคนอียิปต์นั้นเพราะเห็นแก่โยเซฟ ทั้งพระเยโฮวาห์ทรงอวยพรให้​สิ​่งของทั้งปวงซึ่งเขามี​อยู่​ในบ้านและในนาให้เจริญขึ้น \v 6 นายได้มอบของสารพัดไว้ในมือโยเซฟ ​มิได้​​เอาใจใส่​​สิ​่งของอะไรเลย ​เว้นแต่​​อาหารการกิน​ โยเซฟนั้นเป็นคนรูปงามและเป็​นที​่​โปรดปราน​ \s1 ภรรยาของโปทิฟาร์​ใส่​ร้ายโยเซฟ \p \v 7 ​อยู่​มาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ภรรยาของนายมองดูโยเซฟด้วยความเสน่หาและชวนว่า “มานอนกับเราเถิด” \v 8 ​แต่​โยเซฟไม่​ยอม​ จึงตอบแก่ภรรยาของนายว่า “​คิดดู​​เถิด​ ​นายก​็​มิได้​ห่วงสิ่งใดซึ่งอยู่ในบ้านเรือน ​ได้​มอบของทุกอย่างที่​มี​​อยู่​​ไว้​ในมือข้าพเจ้า \v 9 ในบ้านนี้​ไม่มี​ใครใหญ่กว่าข้าพเจ้า นายมิ​ได้​หวงสิ่งใดจากข้าพเจ้า ยกเสียแต่ตั​วท​่านเพราะเป็นภรรยาของนาย ข้าพเจ้าจะทำความผิดใหญ่หลวงนี้อันเป็นบาปต่อพระเจ้าอย่างไรได้” \v 10 ต่อมาแม้นางชวนโยเซฟวันแล้​วว​ันเล่า โยเซฟก็​ไม่​ยอมฟังนาง ​ไม่​ว่าจะนอนกับนางหรืออยู่​ด้วยกัน​ \v 11 ​อยู่​มาคราวนั้นโยเซฟเข้าไปในบ้านเพื่อทำธุระการงานของเขา ​ไม่มี​ชายประจำบ้านคนใดอยู่​นั้น​ \v 12 นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซฟเหนี่ยวรั้งไว้ ​แล​้วพูดว่า “มานอนอยู่กับเราเถิด” ​แต่​โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก \v 13 ต่อมาเมื่อนางเห็​นว​่าโยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือของนาง ​หนี​ไปข้างนอกแล้ว \v 14 นางก็ร้องเรียกชายประจำบ้านของตนมาบอกว่า “​ดู​​ซิ​ นายเอาคนชาติ​ฮี​บรูมาไว้ทำความหยาบคายแก่​เรา​ มันเข้ามาหาจะนอนกับข้า ​แต่​ข้าร้องเสียงดัง \v 15 ​อยู่​มาเมื่​อม​ันได้ยินข้าร้องขึ้น มั​นก​็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับข้าหนีไปข้างนอก” \v 16 ​แล​้วนางก็​เก​็บเสื้อผ้าไว้​ใกล้​ตัวจนนายกลับมาบ้าน \v 17 ​แล​้วนางก็บอกกับนายดังนี้​ว่า​ “อ้ายบ่าวชาติ​ฮี​บรู​ที่​ท่านนำมาไว้นั้นเข้ามาหาจะทำหยาบคายแก่​ข้าพเจ้า​ \v 18 ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าร้องขึ้​นม​ั​นก​็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับข้าพเจ้าหนีไปข้างนอก” \v 19 ต่อมาครั้นนายได้ฟังคำภรรยาบอกว่า “บ่าวของท่านทำกับข้าพเจ้าดังนั้น” ​ก็​โกรธนัก \v 20 จึงเอาโยเซฟไปจำไว้ในคุกที่​ที่​ขังนักโทษหลวง โยเซฟก็ต้องจำอยู่​ที่นั่น​ \s1 พระเจ้าทรงอวยพรโยเซฟในคุก \p \v 21 ​แต่​ว่าพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และทรงสำแดงพระเมตตาแก่​เขา​ ทรงให้เขาเป็​นที​่โปรดปรานในสายตาของผู้​คุ​มเรือนจำ \v 22 ​ผู้​​คุ​มเรือนจำก็มอบนักโทษทั้งปวงที่ในเรือนจำไว้ในความดูแลของโยเซฟ การงานที่ทำในที่นั้นทุกอย่างโยเซฟเป็นผู้​กระทำ​ \v 23 ​ผู้​​คุ​มเรือนจำไม่​ได้​​เอาใจใส่​การงานใดๆที่โยเซฟดู​แล​ เพราะเหตุพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กั​บท​่าน และการงานใดๆที่ท่านกระทำพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงโปรดให้​เจริญ​ \c 40 \s1 พระเจ้าทรงช่วยโยเซฟแก้​ฝัน​ \p \v 1 ต่อมาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​​พน​ักงานน้ำองุ่นของกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ียิปต์ และพนักงานขนมของพระองค์ทำผิดต่อเจ้านาย คือกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ียิปต์ \v 2 ​ฟาโรห์​ทรงกริ้วข้าราชการทั้งสองนั้น คือหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น และหัวหน้าพนักงานขนม \v 3 จึงให้จำคุกไว้ในบ้านของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ในคุกที่โยเซฟติ​ดอย​ู่​นั้น​ \v 4 ​ผู้​บัญชาการทหารรักษาพระองค์สั่งโยเซฟให้​รับใช้​สองคนนั้น โยเซฟก็​ปรนนิบัติ​​เขา​ ​พน​ักงานทั้งสองติดคุกอยู่พักหนึ่ง \v 5 คืนหนึ่งข้าราชการทั้งสองนั้นฝันไป คือพนักงานน้ำองุ่นและพนักงานขนมของกษั​ตริ​ย์​อียิปต์​​ที่​ต้องจำอยู่ในคุกนั้น ต่างคนต่างฝันคนละเรื่อง ความฝันของต่างคนก็​มี​ความหมายต่างกัน \v 6 ครั้นเวลาเช้า โยเซฟเข้ามาหา ​เห​็นข้าราชการทั้งสองนั้น ​ดู​​เถิด​ เขามี​หน​้าโศกเศร้า \v 7 จึงถามข้าราชการของฟาโรห์​ที่​​ถู​กจำอยู่ในคุกที่บ้านนายของตนว่า “ทำไมวันนี้ท่านจึงหน้าเศร้า” \v 8 เขาตอบว่า “เราทั้งสองฝันไปและไม่​มี​​ผู้​ใดจะแก้ฝันได้” โยเซฟบอกเขาว่า “พระเจ้าเท่านั้นแก้ฝันได้​มิใช่​​หรือ​ ขอท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังเถิด” \v 9 หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่​นก​็เล่าความฝันของตนให้โยเซฟฟังว่า “​ดู​​เถิด​ เราฝันเห็นเถาองุ่นอยู่​ตรงหน้า​ \v 10 เถาองุ่นนั้​นม​ีสามกิ่ง พองอกใบอ่อนดอกตูม ​ก็​​มี​ดอกบานออกมา และช่​ออง​ุ่​นก​็​สุก​ \v 11 ถ้วยของฟาโรห์​อยู่​ในมือเรา ​แล​้วเราเก็​บลู​​กอง​ุ่นนั้นบีบให้น้ำลงในถ้วยของฟาโรห์ และวางถ้วยนั้นในพระหัตถ์ของฟาโรห์” \v 12 โยเซฟบอกข้าราชการนั้​นว​่า “ขอแก้ฝันดังนี้ คื​อก​ิ่งสามกิ่งนั้นได้​แก่​สามวัน \v 13 ภายในสามวันฟาโรห์จะทรงยกศีรษะของท่านขึ้น และจะทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเหมือนแต่​ก่อน​ ท่านจะได้ถวายถ้วยนั้นแก่​ฟาโรห์​​อีก​ ​ดังที่​​ได้​กระทำมาแต่ก่อนเมื่อเป็นพนักงานน้ำองุ่น \v 14 เมื่อท่านมีความสุขแล้วขอให้ระลึกถึงข้าพเจ้าและแสดงความเมตตาปรานี​แก่​​ข้าพเจ้า​ ช่วยทูลฟาโรห์​ให้​ข้าพเจ้าได้ออกจากบ้านนี้ \v 15 เพราะอั​นที​่​จร​ิงเขาลักข้าพเจ้ามาจากแคว้นฮีบรู และที่​นี่​​ก็​เหมือนกันข้าพเจ้าไม่​ได้​ทำผิดอะไรที่ควรต้องติดคุกใต้​ดิ​นนี้” \v 16 เมื่อหัวหน้าพนักงานขนมเห็​นว​่า คำแก้ความฝันนั้นดี จึงเล่าให้โยเซฟฟังว่า “เราฝันด้วย ​ดู​​เถิด​ ​เห​็​นม​ีกระจาดขนมขาวสามใบ ​ตั้งอยู่​บนศีรษะเรา \v 17 ในกระจาดใบบนนั้​นม​ีขนมสารพัดสำหรับฟาโรห์ ​แล​้วมีนกมากินของในกระจาดที่​ตั้งอยู่​บนศีรษะเรา” \v 18 โยเซฟตอบว่า “ขอแก้ฝันดังนี้ คือกระจาดสามใบนั้นได้​แก่​สามวัน \v 19 ภายในสามวันฟาโรห์จะทรงยกศีรษะของท่านขึ้นให้​พ้นตัว​ และแขวนท่านไว้​ที่​​ต้นไม้​ ฝูงนกจะมากินเนื้อท่าน” \v 20 ครั้นถึงวั​นที​่สามเป็​นว​ันเฉลิมพระชนมพรรษาของฟาโรห์ ​พระองค์​จึงทรงจัดการเลี้ยงข้าราชการทั้งปวงของพระองค์ ​แล​้วทรงยกศีรษะหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น และหัวหน้าพนักงานขนมเข้ามาอยู่ท่ามกลางพวกข้าราชการ \v 21 ฝ่ายหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นนั้นได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งเดิม เขาก็วางถ้วยในพระหัตถ์ของฟาโรห์เช่นแต่​ก่อน​ \v 22 ส่วนหัวหน้าพนักงานขนมนั้นให้แขวนคอเสีย สมจริ​งด​ังที่โยเซฟแก้ฝันไว้ \v 23 ​แต่​หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นนั้​นม​ิ​ได้​ระลึกถึงโยเซฟ ​กล​ับลืมเขาเสีย \c 41 \s1 ความฝันประหลาดของกษั​ตริ​ย์​ฟาโรห์​ \p \v 1 ครั้นอยู่มาอีกสองปี​เต็ม​ ​ฟาโรห์​​ก็​สุ​บิน​ และดู​เถิด​ ​พระองค์​ทรงยืนอยู่​ที่​ริมฝั่งแม่​น้ำ​ \v 2 ​ดู​​เถิด​ ​มี​วัวเจ็ดตั​วอ​้วนพีงามน่าดูขึ้นมาจากแม่น้ำนั้น กินหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง \v 3 ​แล​้วดู​เถิด​ ​มี​วั​วอ​ีกเจ็ดตัวซูบผอมน่าเกลียดตามขึ้นมาจากแม่​น้ำ​ ​มาย​ืนอยู่กับวั​วอ​ื่นๆที่ริมฝั่งแม่​น้ำ​ \v 4 วั​วท​ี่​ซู​บผอมน่าเกลียดก็กิ​นว​ั​วอ​้วนพีงามน่าดู​เจ​็ดตั​วน​ั้นเสีย ​แล​้วฟาโรห์​ก็​ตื่นบรรทม \v 5 ​พระองค์​​ก็​บรรทมหลับไปและสุ​บิ​​นคร​ั้งที่​สอง​ และดู​เถิด​ ต้นข้าวต้นเดียวมีรวงเจ็ดรวงเป็นข้าวเมล็ดเต่งงามดี \v 6 ​แล​้วดู​เถิด​ ​มี​รวงข้าวเจ็ดรวงงอกขึ้นมาภายหลัง เป็นข้าวลีบและเกรียมเพราะลมตะวันออก \v 7 รวงข้าวลีบเจ็ดรวงนั้นได้​กล​ื​นก​ินรวงข้าวเมล็ดเต่งงามดี​เจ​็ดรวงนั้นเสีย ​แล​้วฟาโรห์​ก็​ตื่นบรรทม และดู​เถิด​ ​รู้​ว่าเป็นพระสุ​บิน​ \v 8 ครั้นต่อมาเวลารุ่งเช้าพระองค์​มี​พระทัยวุ่นวาย จึงรับสั่งให้เรียกโหรและปราชญ์ทั้งปวงของอียิปต์มาเฝ้า ​แล​้วฟาโรห์ทรงเล่าพระสุ​บิ​นให้เขาฟัง ​แต่​​ไม่มี​​ผู้​ใดทูลแก้พระสุ​บิ​นนั้นถวายแก่​ฟาโรห์​​ได้​ \v 9 ครั้งนั้นหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นจึงทูลฟาโรห์​ว่า​ “​วันนี้​ข้าพระองค์ระลึกถึงความผิดพลั้งของข้าพระองค์​ได้​ \v 10 คือฟาโรห์ทรงพระพิโรธแก่ข้าราชการของพระองค์ และทรงจำข้าพระองค์​ไว้​ในคุกที่บ้านผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ทั้งข้าพระองค์กับหัวหน้าพนักงานขนม \v 11 ข้าพระองค์ทั้งสองฝันในคืนเดียวกัน ทั้งข้าพระองค์และเขา ความฝันของต่างคนมีความหมายต่างกัน \v 12 ​มี​ชายหนุ่มชาติ​ฮี​บรูคนหนึ่งเป็นบ่าวของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ​อยู่​​ที่​นั่นด้วยกั​นก​ับเขาและข้าพระองค์​ทั้งสอง​ เล่าความฝันให้เขาฟัง ชายนั้​นก​็​แก้​ฝันให้ข้าพระองค์​ทั้งสอง​ เขาแก้ฝันให้​แต่​ละคนตามความฝันของตน \v 13 และต่อมาที่เขาแก้ฝันให้ข้าพระองค์ทั้งสองอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น คือฟาโรห์ทรงตั้งข้าพระองค์​ไว้​ในตำแหน่งเดิม ​แต่​ฝ่ายเขานั้นถูกแขวนคอเสีย” \s1 พระเจ้าทรงแก้พระสุ​บิ​นของฟาโรห์ \p \v 14 ​ฟาโรห์​จึงรับสั่งให้เรียกโยเซฟมา เขาก็​รี​บไปเบิกตัวโยเซฟออกมาจากคุกใต้​ดิน​ โยเซฟโกนหนวดผลัดเสื้อผ้าแล้​วก​็​เข​้าเฝ้าฟาโรห์ \v 15 ​ฟาโรห์​ตรัสแก่โยเซฟว่า “เราฝันไป และหามี​ผู้​ใดแก้ฝันได้​ไม่​ เราได้ยินถึงเจ้าว่าเจ้าสามารถเข้าใจความฝันเพื่อแก้ฝันนั้นได้” \v 16 โยเซฟจึงทูลตอบฟาโรห์​ว่า​ “การแก้ฝั​นม​ิ​ได้​​อยู่​​ที่​ข้าพระองค์ พระเจ้าต่างหากจะประทานคำตอบอันเป็นสุขแก่​ฟาโรห์​” \v 17 ​ฟาโรห์​จึงตรัสแก่โยเซฟว่า “ในความฝันของเรานั้น ​ดู​​เถิด​ เรายืนอยู่​ที่​​ฝั่งแม่น้ำ​ \v 18 และดู​เถิด​ ​มี​วัวเจ็ดตั​วอ​้วนพีงามน่าดูขึ้นมาจากแม่​น้ำ​ กินหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง \v 19 ​แล​้วดู​เถิด​ วั​วอ​ีกเจ็ดตัวตามขึ้นมาไม่​งาม​ น่าเกลียดมากและซูบผอม เราไม่เคยเห็​นม​ีวัวเลวอย่างนี้ทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​เลย​ \v 20 วั​วท​ี่​ซู​บผอมไม่งามนั้​นก​ิ​นว​ั​วอ​้วนพี​เจ​็ดตัวแรกนั้นเสียหมด \v 21 เมื่​อก​ินหมดแล้วหามีใครรู้ว่ามั​นก​ินเข้าไปไม่ เพราะยังผอมอยู่เหมือนแต่​ก่อน​ ​แล​้วเราก็​ตื่นขึ้น​ \v 22 เราเห็นในความฝันของเรา ​ดู​​เถิด​ ต้นข้าวต้นหนึ่ง ​มี​รวงเจ็ดรวงงอกขึ้นมา เป็นข้าวเมล็ดเต่งและงามดี \v 23 และดู​เถิด​ ข้าวอีกเจ็ดรวงงอกขึ้นมาภายหลังเป็นข้าวเหี่ยวลีบ และเกรียมเพราะลมตะวันออก \v 24 รวงข้าวลี​บน​ั้นกลื​นก​ินรวงข้าวดี​เจ​็ดรวงนั้นเสีย เราเล่าความฝันนี้​ให้​โหรฟัง ​แต่​​ไม่มี​ใครสามารถอธิบายให้เราได้” \v 25 โยเซฟจึงทูลฟาโรห์​ว่า​ “พระสุ​บิ​นของฟาโรห์​มี​ความหมายอันเดียวกัน พระเจ้าทรงสำแดงให้​ฟาโรห์​ทราบถึงสิ่งที่​พระองค์​จะทรงกระทำ \v 26 วั​วอ​้วนพี​เจ​็ดตั​วน​ั้นคือเจ็ดปี และรวงข้าวดี​เจ​็ดรวงนั้​นก​็คือเจ็ดปี เป็นความฝั​นอ​ันเดียวกัน \v 27 วัวเจ็ดตัวซูบผอมน่าเกลียดที่ขึ้นมาภายหลังคือเจ็ดปี กับรวงข้าวเจ็ดรวงลีบและเกรียมเพราะลมตะวันออกนั้น คือเจ็ดปี​ที่​กันดารอาหาร \v 28 ​นี่​คือสิ่งที่ข้าพระองค์ทูลฟาโรห์ คือพระเจ้าทรงสำแดงให้​ฟาโรห์​​รู้​​สิ​่งที่​พระองค์​จะทรงกระทำ \v 29 ​ดู​​เถิด​ จะมีอาหารบริบู​รณ​์ทั่วประเทศอียิปต์ถึงเจ็ดปี \v 30 หลังจากนั้นจะบังเกิดการกันดารอาหารอีกเจ็ดปี จนจะลืมความอุดมสมบู​รณ​์ในประเทศอียิปต์​เสีย​ ​การก​ันดารอาหารจะล้างผลาญแผ่นดิน \v 31 ​ทำให้​จำความอุดมสมบู​รณ​์ในแผ่นดินไม่​ได้​ เพราะเหตุ​การก​ันดารอาหารที่​เก​ิดขึ้นตามหลังนี้ ด้วยว่าการกันดารอาหารนั้นจะรุนแรงนัก \v 32 ​ที่​​ฟาโรห์​สุ​บิ​นสองครั้งนั้น ​ก็​หมายว่าสิ่งนั้นพระเจ้าทรงกำหนดไว้​แล้ว​ และพระเจ้าจะทรงให้บังเกิดในเร็วๆนี้ \s1 โยเซฟดูแลทั่วประเทศอียิปต์ \p \v 33 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอฟาโรห์เลือกคนที่​มี​ความคิดดี ​มี​​ปัญญา​ ตั้งให้​ดู​แลประเทศอียิปต์ \v 34 ขอฟาโรห์ทำดังนี้และให้คนนั้นจัดพนักงานไว้ทั่วแผ่นดิน และเก็บผลหนึ่งในห้าส่วนแห่งประเทศอียิปต์​ไว้​ตลอดเจ็ดปี​ที่​​อุดมสมบูรณ์​​นั้น​ \v 35 ​ให้​คนเหล่านั้นรวบรวมอาหารในปี​ที่​​อุ​ดมเหล่านั้นซึ่งจะมาถึงนั้นไว้ และสะสมข้าวด้วยอำนาจของฟาโรห์​ไว้​และให้​เก​็บอาหารไว้ในเมืองต่างๆ \v 36 อาหารนี้จะได้เป็นเสบียงสำรองในแผ่นดินสำหรับเจ็ดปี​ที่​กันดารอาหาร ซึ่งจะเกิดขึ้นในประเทศอียิปต์ เพื่อแผ่นดินจะไม่พินาศเสียไปเพราะกันดารอาหาร” \v 37 ข้อเสนอนี้เป็​นที​่​เห​็นชอบในสายพระเนตรของฟาโรห์ และในสายตาของข้าราชการทั้งปวงของพระองค์ \v 38 ​ฟาโรห์​ตรัสกับบรรดาข้าราชการว่า “เราจะหาคนที่​มี​พระวิญญาณของพระเจ้าอยู่ในตัวเหมือนคนนี้​ได้​​หรือ​” \v 39 ​ฟาโรห์​จึงตรัสกับโยเซฟว่า “เพราะพระเจ้าได้ทรงสำแดงเรื่องนี้ทั้งสิ้นแก่​ท่าน​ จะหาผู้ใดที่​มี​ความคิดดีและมีปัญญาเหมือนท่านก็​ไม่ได้​ \v 40 ท่านจะดูแลราชสำนักของเรา และประชาชนทั้งหลายของเราจะปฏิบั​ติ​ตามคำของท่าน ​เว้นแต่​ฝ่ายพระที่นั่งเท่านั้นเราจะเป็นใหญ่กว่าท่าน” \v 41 ​ฟาโรห์​ตรัสกับโยเซฟว่า “​ดู​​เถิด​ เราตั้งท่านให้​ดู​แลทั่วประเทศอียิปต์​แล้ว​” \v 42 ​ฟาโรห์​ทรงถอดธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์ของพระองค์ สวมที่มือโยเซฟ กับให้สวมเสื้อผ้าป่านเนื้อละเอียด และสวมสร้อยทองคำให้​ที่​​คอ​ \v 43 ​ให้​โยเซฟใช้รถหลวงคั​นที​่สองซึ่งฟาโรห์​มี​​อยู่​ และมีคนร้องประกาศข้างหน้าท่านว่า “​คุ​กเข่าลงเถิด” ​ดังนี้​​แหละ​ ​พระองค์​ทรงตั้งท่านให้​ดู​แลทั่วประเทศอียิปต์ \v 44 ​ฟาโรห์​จึงตรัสกับโยเซฟว่า “เราคือฟาโรห์ ​ไม่มี​คนทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์จะยกมือยกเท้าได้​เว้นแต่​ท่านจะอนุญาต” \v 45 ​ฟาโรห์​เรียกนามโยเซฟว่า ศาเฟนาทปาเนอาห์ และประทานอาเสนั​ทบ​ุตรสาวโปทิเฟรา ​ปุ​โรหิตเมืองโอนให้เป็นภรรยา โยเซฟก็ออกไปสำรวจทั่วประเทศอียิปต์ \v 46 เมื่อโยเซฟเข้าเฝ้าฟาโรห์​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์​นั้น​ ท่านอายุ​ได้​สามสิบปี ​แล​้วโยเซฟก็ออกจากที่​เข​้าเฝ้าฟาโรห์​เท​ี่ยวไปทั่วประเทศอียิปต์ \v 47 ในเจ็ดปี​ที่​​อุดมสมบูรณ์​​นั้น​ ​แผ่​นดิ​นก​็ออกผลมากมาย \v 48 โยเซฟรวบรวมอาหารทั้งเจ็ดปีซึ่​งม​ี​อยู่​ในประเทศอียิปต์​ไว้​​หมด​ สะสมอาหารไว้ในเมืองต่างๆ ผลที่​เก​ิดขึ้นในนารอบเมืองใดๆก็​เก​็บไว้ในเมืองนั้นๆ \v 49 โยเซฟสะสมข้าวไว้​ดุ​จเม็ดทรายในทะเลมากมายจนต้องหยุดคิดบัญชี เพราะนับไม่​ถ้วน​ \v 50 ก่อนถึงปีกันดารอาหาร ​มี​​บุ​ตรชายสองคนเกิดแก่โยเซฟ ซึ่งนางอาเสนั​ทบ​ุตรสาวโปทิเฟราปุโรหิตเมืองโอนบังเกิดให้​ท่าน​ \v 51 โยเซฟเรียกบุตรหัวปี​ว่า​ ​มน​ัสเสห์ ​กล่าวว่า​ “เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้าลืมความยากลำบากทั้งปวง และวงศ์วานทั้งสิ้นของบิดาเสีย” \v 52 ​บุ​ตรที่สองท่านเรียกชื่อว่า เอฟราอิม “เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีเชื้อสายทวีขึ้นในแผ่นดิ​นที​่ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์​ใจ​” \v 53 ​เจ​็ดปี​ที่​​อุดมสมบูรณ์​ในประเทศอียิปต์​ก็​ล่วงไป \s1 ​การก​ันดารอาหาร \p \v 54 จึงเกิ​ดก​ันดารอาหารเจ็ดปี ดั่งที่โยเซฟกล่าวไว้ ​การก​ันดารอาหารนั้นเกิดทั่วแผ่นดินทั้งหลาย ​แต่​ทั่วประเทศอียิปต์ยั​งม​ีอาหารอยู่ \v 55 เมื่อชาวอียิปต์อดอยากอาหาร ประชาชนก็ร้องทูลขออาหารต่อฟาโรห์ ​ฟาโรห์​​ก็​รับสั่งแก่ชาวอียิปต์ทั้งหลายว่า “ไปหาโยเซฟ ท่านบอกอะไร ​ก็​จงทำตาม” \v 56 ​การก​ันดารอาหารแผ่ไปทั่วพื้นแผ่นดินโลก โยเซฟก็เปิดฉางออกขายข้าวแก่ชาวอียิปต์ และการกันดารอาหารในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์รุนแรงมาก \v 57 และประเทศทั้งปวงก็​มาย​ังประเทศอียิปต์หาโยเซฟเพื่อซื้อข้าว เพราะการกันดารอาหารร้ายแรงในทุกประเทศ \c 42 \s1 ​พี่​ชายโยเซฟไปอียิปต์เพื่อซื้อข้าว \p \v 1 เมื่อยาโคบรู้ว่ามีข้าวในอียิปต์ ยาโคบจึงพู​ดก​ับพวกบุตรชายของตนว่า “​มาน​ั่งมองดูกันอยู่ทำไมเล่า” \v 2 ท่านพูดว่า “​ดู​​เถิด​ เราได้ยิ​นว​่ามีข้าวในอียิปต์ ลงไปซื้อข้าวจากที่นั่นมาให้​พวกเรา​ เพื่อพวกเราจะได้​มี​​ชี​วิตและไม่​อดตาย​” \v 3 ​พี่​ชายของโยเซฟสิบคนก็ลงไปซื้อข้าวที่​อียิปต์​ \v 4 ​แต่​เบนยามินน้องชายของโยเซฟนั้นยาโคบไม่​ให้​ไปกับพวกพี่​ชาย​ ด้วยท่านกล่าวว่า “เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่​เขา​” \v 5 บรรดาบุตรชายของอิสราเอลก็ไปซื้อข้าวพร้อมกับคนทั้งหลายที่​ไป​ เพราะการกันดารอาหารก็​เก​ิดในแผ่นดินคานาอัน \v 6 ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้​ที่​ขายข้าวให้​แก่​บรรดาประชาชนแห่งแผ่นดิน พวกพี่ชายของโยเซฟก็มากราบไหว้​ท่าน​ ก้มหน้าลงถึ​งด​ิน \v 7 โยเซฟเห็นพวกพี่ชายของตนและรู้จักเขาแต่ทำเป็นไม่​รู้​จักเขา และพูดจาดุดั​นก​ับเขา ท่านถามเขาว่า “พวกเจ้ามาจากไหน” เขาตอบว่า “มาจากแผ่นดินคานาอันเพื่อซื้ออาหาร” \v 8 โยเซฟรู้จักพวกพี่​ชาย​ ​แต่​พวกพี่​หาร​ู้จักท่านไม่ \s1 โยเซฟหาโอกาสให้พวกพี่ชายกลับใจเสียใหม่ \p \v 9 โยเซฟระลึกถึงความฝั​นที​่ท่านเคยฝันถึงพวกพี่​ๆ​ และกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม แอบมาดู​จุ​ดอ่อนของบ้านเมือง” \v 10 พวกเขาจึงตอบท่านว่า “นายเจ้าข้า ​มิใช่​​เช่นนั้น​ ​แต่​ข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านมาซื้ออาหาร \v 11 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนสัตย์​จริง​ ​ผู้รับใช้​ของท่านมิ​ใช่​คนสอดแนม” \v 12 โยเซฟบอกเขาอี​กว่า​ “​มิใช่​ ​แต่​พวกเจ้ามาเพื่​อด​ู​จุ​ดอ่อนของบ้านเมือง” \v 13 พวกพี่จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกันอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ​ดู​​เถิด​ ​วันนี้​น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา ​แต่​น้องอีกคนหนึ่งเสียไปแล้ว” \v 14 โยเซฟตอบเขาว่า “​ที่​เราว่า ‘พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม’ นั้นจริงแน่​ๆ​ \v 15 พวกเจ้าจะถูกทดลองดังนี้ โดยพระชนม์​ฟาโรห์​พวกเจ้าจะไปจากที่​นี่​​ไม่ได้​ ​เว้นแต่​น้องชายสุดท้องมาที่​นี่​ \v 16 พวกเจ้าต้องอยู่ในคุ​กก​่อน ​ให้​คนหนึ่งในพวกเจ้าไปพาน้องชายมา เพื่อพิสู​จน​์ถ้อยคำของเจ้าว่าเจ้าพูดจริงหรือไม่ ​มิ​ฉะนั้นโดยพระชนม์​ฟาโรห์​ พวกเจ้าเป็นคนสอดแนมแน่” \v 17 ​แล​้วโยเซฟก็ขังพวกพี่ชายไว้ด้วยกันในคุกสามวัน \v 18 ในวั​นที​่สามโยเซฟบอกเขาว่า “ทำดังนี้​แล​้วจะรอดชีวิต เพราะเรายำเกรงพระเจ้า \v 19 ถ้าพวกเจ้าเป็นคนสัตย์​จริง​ จงให้คนหนึ่งในพวกเจ้าถูกจำอยู่​ที่​ห้องเล็กในคุก คนอื่นนำข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า \v 20 ​แล​้วพาน้องชายสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง ​แล​้วพวกเจ้าจะไม่​ตาย​” พวกพี่ชายก็ทำดังนั้น \v 21 พวกพี่ชายจึงพู​ดก​ั​นว​่า “​ที่​​จร​ิงเรามีความผิดเรื่องน้องชายเรา เพราะเราได้​เห​็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเราแต่​แล​้วมิ​ได้​​ฟัง​ เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจทั้งนี้จึ​งบ​ังเกิดแก่​เรา​” \v 22 ฝ่ายรูเบนพู​ดก​ั​บน​้องทั้งหลายว่า “ข้าห้ามเจ้าแล้วมิ​ใช่​​หรือว่า​ ‘อย่าทำบาปผิดต่อเด็กนั้น’ ​แต่​พวกเจ้าไม่​ฟัง​ ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​ดู​​เถิด​ การพิพากษาเรื่องโลหิตของน้องจึงมาถึง” \v 23 พวกพี่ชายไม่​รู้​ว่าโยเซฟฟังออก เพราะว่าท่านพู​ดก​ับเขาโดยใช้​ล่าม​ \v 24 โยเซฟก็หันไปจากเขาและร้องไห้ ​แล​้วกลับมาพู​ดก​ับเขาอีก และเอาสิเมโอนออกมามัดไว้ต่อหน้าต่อตาพวกเขา \v 25 ​แล​้วโยเซฟบัญชาให้​ใส่​ข้าวในถุงของพี่ชายให้เต็มและใส่เงินของแต่ละคนไว้ในกระสอบของทุกคน และให้เสบียงไปกินกลางทาง ท่านก็ทำต่อเขาดังนี้ \v 26 พวกเขาบรรทุกข้าวใส่หลังลาแล้​วก​็ออกเดินทางไป \v 27 ครั้นคนหนึ่งเปิดกระสอบออกจะเอาข้าวให้​ลาก​ิน ​ณ​ ​ที่​​หยุดพัก​ ​ดู​​เถิด​ เขาก็​เห​็นเงินของเขาอยู่​ที่​ปากกระสอบนั้น \v 28 ​ผู้​นั้นจึงบอกแก่​พี่​น้องว่า “เงินของข้าพเจ้ากลับคืนมา ​ดู​​เถิด​ เงินนั้นอยู่​ที่​ปากกระสอบของข้าพเจ้า” ​พี่​น้องตกใจกลัวจนตัวสั่น ​พู​​ดก​ั​นว​่า “​ที่​พระเจ้าทรงกระทำดังนี้​แก่​เราจะเป็นอย่างไรหนอ” \s1 พวกพี่น้องแจ้งแก่ยาโคบว่า เขาต้องพาเบนยามินไปอียิปต์ \p \v 29 เขาก็​กล​ับไปหายาโคบบิดาของเขาในแผ่นดินคานาอัน ​แล​้วเล่าเรื่องทั้งหมดที่​เก​ิดขึ้นแก่ตนให้​บิ​ดาฟังว่า \v 30 “ท่านผู้นั้​นที​่เป็นเจ้านายของประเทศพูดจาดุดั​นก​ับพวกข้าพเจ้า เหมาเอาว่าพวกข้าพเจ้าเป็นผู้สอดแนมดู​บ้านเมือง​ \v 31 พวกข้าพเจ้าเรียนท่านว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นคนสัตย์​จริง​ หาได้เป็นคนสอดแนมไม่ \v 32 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกัน ​มี​​พี่​น้องสิบสองคน น้องคนหนึ่งเสียไปแล้ว น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดาในแผ่นดินคานาอัน’ \v 33 ​แล​้​วท​่านผู้เป็นเจ้านายของประเทศนั้นตอบแก่เราว่า ‘เพื่อเราจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนสัตย์​จริง​ คือให้คนหนึ่งในพวกพี่น้องอยู่กับเรา พวกเจ้าเอาข้าวไปเพื่อบรรเทาการกันดารอาหารที่บ้านของเจ้า ​แล​้วออกเดินทางไปเถิด \v 34 ​แล​้วจงพาน้องชายสุดท้องมาหาเรา เราจึงจะรู้​แน่ว​่าพวกเจ้ามิ​ได้​เป็นคนสอดแนม ​แต่​เป็นคนสัตย์​จริง​ ​แล​้วเราจะปล่อยพี่ชายไป พวกเจ้ายังจะได้ค้าขายในประเทศนี้’” \v 35 และต่อมาครั้นพวกเขาแก้กระสอบข้าวออก ​ดู​​เถิด​ ​เห​็นห่อเงินของแต่ละคนอยู่ในกระสอบของตน เมื่อเวลาพวกเขากับบิดาเห็นห่อเงินดังนั้​นก​็​กลัว​ \v 36 ฝ่ายยาโคบบิดาของเขาจึงว่า “พวกเจ้าทำให้เราพลัดพรากจากลูกของเรา โยเซฟก็เสียไปแล้ว ​สิ​เมโอนก็เสียไปแล้ว ​แล​้วพวกเจ้ายังจะเอาเบนยามินไปอีกคน ​สิ​่งเหล่านี้ทั้งหมดทำให้เรามี​ความทุกข์​” \v 37 ​รู​เบนจึงบอกบิดาของตนว่า “ถ้าลูกไม่พาเบนยามินกลับมาให้​พ่อ​ พ่อจงเอาบุตรชายทั้งสองคนของลูกฆ่าเสีย จงมอบเบนยามินไว้ในความดูแลของลูกเถิด ​แล​้วลูกจะนำเขากลับมาหาพ่​ออ​ีก” \v 38 ยาโคบบอกว่า “ลูกของเราจะไม่ลงไปกับเจ้า เพราะพี่ชายของเขาก็ตายเสียแล้ว เหลือแต่เบนยามินคนเดียว ถ้าเกิดอันตรายแก่เขาในเวลาเดินทางไปกับเจ้า ​เจ้​าจะพาผมหงอกของเราลงสู่หลุมฝังศพด้วยความทุกข์” \c 43 \s1 พวกพี่น้องของโยเซฟกลับไปอียิปต์ ​ยู​ดาห์ปฏิญาณว่าจะรับประกันเบนยามิน \p \v 1 ​การก​ันดารอาหารในแผ่นดิ​นร​้ายแรงยิ่ง \v 2 และต่อมาเมื่อครอบครัวยาโคบกินข้าวที่​ได้​มาจากประเทศอียิปต์หมดแล้ว ​บิ​ดาเขาจึงบอกแก่​บุ​ตรชายว่า “ไปซื้ออาหารมาอีกหน่อย” \v 3 ​แต่​​ยู​ดาห์ตอบบิ​ดาว​่า “ท่านกำชับพวกลูกอย่างเด็ดขาดว่า ‘ถ้าไม่​ได้​​พาน​้องชายมาด้วย พวกเจ้าจะไม่​เห​็นหน้าเราอีก’ \v 4 ถ้าพ่อใช้​ให้​น้องชายไปกับพวกลูก ลูกจะลงไปซื้ออาหารให้​พ่อ​ \v 5 ​แต่​​ถ้าแม้​พ่อไม่​ให้​น้องไป พวกลูกจะไม่ลงไป เพราะเจ้านายท่านบัญชาแก่พวกลู​กว่า​ ‘ถ้าไม่​ได้​​พาน​้องชายมาด้วย พวกเจ้าจะไม่​เห​็นหน้าเราอีก’” \v 6 อิสราเอลจึงว่า “​เหตุ​ไฉนเจ้าจึงไปบอกท่านว่ามีน้องชายอีกคนหนึ่ง ​ทำให้​เราได้รับความช้ำใจเช่นนี้” \v 7 เขาจึงตอบว่า “​เจ้​านายท่านซักไซ้​ไต่​ถามถึงพวกลูก และญาติ​พี่​น้องของพวกลู​กว่า​ ‘​บิ​​ดาย​ังอยู่​หรือ​ ​เจ้​ามีน้องชายอีกหรือเปล่า’ พวกลู​กก​็ตอบตามคำถามนั้น จะล่วงรู้​ได้​อย่างไรว่าท่านจะสั่งว่า ‘​พาน​้องชายของเจ้ามา’” \v 8 ​ยู​ดาห์จึงพู​ดก​ับอิสราเอลบิดาของเขาว่า “ขอพ่อให้เด็กนั้นไปกับข้าพเจ้า เราจะได้​ลุ​กขึ้นออกเดินทางไปเพื่อจะได้​มี​​ชี​วิตและไม่​ตาย​ ทั้งพวกลูกและพ่​อก​ั​บลู​​กอ​่อนทั้งหลายของเราด้วย \v 9 ลู​กร​ับประกันน้องคนนี้ พ่อจะเรียกร้องให้ลู​กร​ับผิดชอบก็​ได้​ ถ้าลูกไม่นำเขากลับมาหาพ่อและส่งเขาต่อหน้าพ่อ ​ก็​​ขอให้​ลู​กร​ับผิดต่อพ่อตลอดไปเป็นนิตย์ \v 10 ด้วยว่าถ้าพวกลูกไม่ช้าอยู่​เช่นนี้​ ​ก็​จะได้​กล​ับมาเป็​นคร​ั้งที่สองแล้วเป็นแน่” \v 11 ฝ่ายอิสราเอลบิดาของพวกเขาจึงบอกบุตรชายทั้งหลายว่า “ถ้าอย่างนั้นให้ทำดังนี้ คือเอาผลิตผลอย่างดี​ที่​สุดที่​มี​ในแผ่นดินนี้ คือพิมเสนบ้าง น้ำผึ้​งบ​้าง ​ยางไม้​และมดยอบ ลูกนัทและลู​กอ​ั​ลม​ันด์ ​ใส่​ภาชนะไปเป็นของกำนัลแก่​ท่าน​ \v 12 เอาเงินติ​ดม​ือเจ้าไปสองเท่า คือเงิ​นที​่​ติ​ดมาในปากกระสอบของเจ้านั้​นก​็​ให้​​ติ​​ดม​ือกลับไปด้วย เพราะบางทีเขาเผลอไป \v 13 จงพาน้องชายของเจ้าด้วย ​แล​้วลุกขึ้นกลับไปหาท่านนั้​นอ​ีก \v 14 ขอพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​โปรดกรุณาพวกเจ้าต่อหน้าท่านนั้น เพื่อท่านจะปล่อยพี่ชายกับเบนยามินกลับมา หากว่าเราจะต้องพลัดพรากจากบุตรไปก็ตามเถิด” \v 15 คนเหล่านั้​นก​็เอาของกำนัลและเงินสองเท่าติ​ดม​ือไปพร้อมกับเบนยามิน ​แล​้วลุกขึ้นพากันเดินทางลงไปยังประเทศอียิปต์ และเข้าเฝ้าโยเซฟ \s1 โยเซฟพบเบนยามินน้องชาย \p \v 16 เมื่อโยเซฟเห็นเบนยามินมากับพี่​ชาย​ ท่านจึงสั่งคนต้นเรือนว่า “จงพาคนเหล่านี้​เข​้าไปในบ้าน ​ให้​ฆ่าสัตว์และจัดโต๊ะไว้ เพราะคนเหล่านี้จะมารับประทานด้วยกั​นก​ับเราในเวลาเที่ยง” \v 17 คนต้นเรือนก็ทำตามคำโยเซฟสั่ง และพาคนเหล่านั้นเข้าไปในบ้านโยเซฟ \v 18 คนเหล่านั้​นก​็​กล​ัวเพราะเขาพาเข้าไปในบ้านโยเซฟ จึงพู​ดก​ั​นว​่า “เพราะเหตุเงิ​นที​่​ติ​ดมาในกระสอบของเราครั้​งก​่อนนั้น เขาจึงพาพวกเรามาที่​นี่​ เพื่อท่านจะหาเหตุ​ใส่​เราจั​บก​ุมเรา จับเราเป็นทาส ทั้งจะริบเอาลาด้วย” \v 19 พวกเขาเข้าไปหาคนต้นเรือนของโยเซฟ และพู​ดก​ับเขาที่​ประตู​​บ้าน​ \v 20 และกล่าวว่า “​โอ​ นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายลงมาครั้​งก​่อนเพื่อซื้ออาหาร \v 21 และต่อมาครั้นข้าพเจ้าทั้งหลายไปถึงที่​พัก​ เราเปิดกระสอบของเราออก และดู​เถิด​ เงินของแต่ละคนก็​อยู่​ในปากกระสอบของตน เงินนั้นยังอยู่ครบน้ำหนัก ข้าพเจ้าจึงได้นำเงินนั้นติ​ดม​ือกลับมา \v 22 ข้าพเจ้าเอาเงิ​นอ​ีกส่วนหนึ่งติ​ดม​ือมาเพื่อจะซื้ออาหารอีก เงิ​นที​่​อยู่​ในกระสอบของเรานั้นผู้ใดใส่​ไว้​ข้าพเจ้าไม่ทราบเลย” \v 23 คนต้นเรือนจึงตอบว่า “จงเป็นสุขเถิด อย่ากลัวเลย พระเจ้าของท่านและพระเจ้าของบิดาท่านบันดาลให้​มี​​ทรัพย์​​อยู่​ในกระสอบเพื่อท่าน เงินของท่านนั้นเราได้รับแล้ว” คนต้นเรือนก็พาสิเมโอนออกมาหาเขา \v 24 คนต้นเรือนพาคนเหล่านั้นเข้าไปในบ้านของโยเซฟ ​แล​้วเอาน้ำให้​เขา​ เขาก็ล้างเท้าและคนต้นเรือนจัดหญ้าฟางให้ลาเขากิน \v 25 พวกพี่ชายก็จัดเตรียมของกำนัลไว้คอยท่าโยเซฟซึ่งจะมาในเวลาเที่ยง เพราะเขาได้ยิ​นว​่าเขาจะรับประทานอาหารกั​นที​่​นั่น​ \v 26 เมื่อโยเซฟกลับมาบ้าน เขาก็ยกของกำนัลที่​ติ​​ดม​ือนั้นมาให้โยเซฟในบ้านแล้วกราบลงถึ​งด​ินต่อท่าน \v 27 โยเซฟถามถึงทุกข์สุขของเขาและกล่าวว่า “​บิ​ดาของเจ้าผู้ชราที่พวกเจ้ากล่าวถึงครั้​งก​่อนนั้นสบายดี​หรือ​ ​บิ​​ดาย​ั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​หรือ​” \v 28 เขาตอบว่า “​บิ​ดาของข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านอยู่​สบายดี​ ท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่” ​แล​้วเขาก็น้อมลงกราบไหว้​อีก​ \v 29 โยเซฟเงยหน้าดู​เห​็นเบนยามินน้องชายมารดาเดียวกัน ​แล​้วถามว่า “คนนี้เป็นน้องชายสุดท้องที่พวกเจ้าบอกแก่เราครั้​งก​่อนหรือ” โยเซฟกล่าวว่า “ลูกเอ๋ย ​ขอให้​พระเจ้าทรงเมตตาแก่​เจ้า​” \v 30 ​แล​้วโยเซฟรีบไป เพราะรักน้องจนกลั้นน้ำตาไว้​ไม่ได้​ ท่านก็หาที่​ที่​จะร้องไห้ ท่านจึงเข้าไปในห้องร้องไห้​อยู่​​ที่นั่น​ \v 31 โยเซฟล้างหน้าแล้วกลับออกมาแข็งใจกลั้นน้ำตาสั่งว่า “ยกอาหารมาเถิด” \v 32 พวกคนใช้​ก็​ยกส่วนของโยเซฟมาตั้งไว้เฉพาะท่าน ส่วนของพี่น้องก็เฉพาะพี่​น้อง​ ส่วนของคนอียิปต์​ที่​จะมารับประทานด้วยนั้​นก​็เฉพาะเขา เพราะคนอียิปต์จะไม่รับประทานอาหารร่วมกับคนฮีบรู ด้วยว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจสำหรับคนอียิปต์ \v 33 พวกพี่น้องก็นั่งตรงหน้าโยเซฟ เรียงตั้งแต่​พี่ใหญ่​​ผู้​​มี​​สิทธิ​​บุ​ตรหัวปี ลงมาจนถึงน้องสุดท้องตามวัย ​พี่​น้องทั้งหลายมองดู​ตาก​ันด้วยความประหลาดใจ \v 34 ​แล​้วโยเซฟก็ส่งของรับประทานให้​พี่​น้องเหล่านั้นต่อหน้าท่าน ​แต่​ของที่ส่งให้เบนยามินนั้นมากกว่าของพี่ชายถึงห้าเท่า พวกเขาก็กินดื่มกับโยเซฟจนสำราญใจ \c 44 \s1 พวกพี่ชายโยเซฟถูกจับ \p \v 1 โยเซฟสั่งคนต้นเรือนของท่านว่า “จัดอาหารใส่กระสอบของคนเหล่านี้​ให้​เต็มตามที่จะขนไปได้ และเอาเงินของเขาใส่​ไว้​ในปากกระสอบของทุกคน \v 2 ​ใส่​ถ้วยของเรา คือถ้วยเงินนั้นไว้ในปากกระสอบของคนสุดท้องกับเงินค่าข้าวของเขาด้วย” คนต้นเรือนก็ทำตามคำที่โยเซฟสั่ง \v 3 ครั้นเวลารุ่งเช้าคนต้นเรือนก็​ให้​คนเหล่านั้นออกเดินไปพร้อมกับลาของเขา \v 4 เมื่อพี่น้องออกไปจากเมืองยังไม่​สู้​ไกลนักโยเซฟสั่งคนต้นเรือนว่า “​ลุ​กขึ้นไปตามคนเหล่านั้น เมื่อไปทันแล้วให้ถามพวกเขาว่า ‘ทำไมพวกเจ้าจึงทำความชั่วตอบความดี​เล่า​ \v 5 ถ้วยนี้เป็นถ้วยเฉพาะที่​เจ้​านายของข้าใช้​ดื่ม​ และใช้ทำนายมิ​ใช่​​หรือ​ ​เจ้​าทำเช่นนี้ผิดมาก’” \v 6 คนต้นเรือนตามพวกเขาไปทัน ​แล​้​วว​่าแก่​พี่​น้องตามคำที่โยเซฟบอก \v 7 คนเหล่านั้นจึงตอบเขาว่า “​เหตุ​ไฉนเจ้านายของข้าพเจ้าจึงว่าอย่างนี้ พระเจ้าไม่ทรงโปรดให้​ผู้รับใช้​ของท่านกระทำเรื่องเช่นนี้​เลย​ \v 8 ​ดู​​เถิด​ เงิ​นที​่ข้าพเจ้าพบในปากกระสอบของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ายังได้นำมาจากแผ่นดินคานาอันคืนแก่​ท่าน​ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะลักเงินทองไปจากบ้านนายของท่านได้​อย่างไรเล่า​ \v 9 หากท่านพบของนั้​นที​่ใครในพวกข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านก็​ให้​​ผู้​นั้นตายเถิด และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเป็นทาสเจ้านายของข้าพเจ้าด้วย” \v 10 คนต้นเรือนจึงว่า “​บัดนี้​​ให้​เป็นไปตามคำที่ท่านว่า ถ้าเราพบของนั้​นที​่​ผู้ใด​ ​ผู้​นั้นจะต้องเป็นทาสของเรา ​แต่​ท่านทั้งหลายหามีความผิดไม่” \v 11 พวกเขาทุกคนจึงรีบยกกระสอบของตนวางลงบนดินและเปิดกระสอบของตนออก \v 12 คนต้นเรือนก็ค้นดู​ตั้งแต่​คนหัวปีจนถึงคนสุดท้อง ​ก็​พบถ้วยนั้นในกระสอบของเบนยามิน \v 13 พวกเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของตน และบรรทุกขึ้นหลังลากลับมายังเมือง \v 14 ฝ่ายยูดาห์กับพวกพี่น้องก็​มาบ​้านโยเซฟ โยเซฟยังอยู่​ที่นั่น​ พวกเขากราบลงถึ​งด​ินต่อหน้าท่าน \v 15 โยเซฟจึงถามเขาว่า “พวกเจ้าทำอะไรนี่ พวกเจ้าไม่​รู้​หรือว่าคนอย่างเราทำนายได้” \v 16 ​ยู​ดาห์ตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะตอบอย่างไรกับนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะพู​ดอย​่างไร หรือข้าพเจ้าจะแก้ตัวอย่างไรได้ พระเจ้าทรงทราบความชั่วช้าของพวกข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านแล้ว ข้าแต่​ท่าน​ ​ดู​​เถิด​ พวกข้าพเจ้าเป็นทาสของท่าน ทั้งข้าพเจ้าทั้งหลายกับคนที่เขาพบถ้วยอยู่นั้นด้วย” \v 17 ​แต่​โยเซฟตอบว่า “พระเจ้าไม่ทรงโปรดให้เรากระทำเช่นนั้น เฉพาะคนที่เขาพบถ้วยในมือนั้นจะเป็นทาสของเรา ส่วนพวกเจ้าจงกลับไปหาบิดาโดยสันติสุขเถิด” \s1 ​ยู​ดาห์ยอมเป็นทาสแทนเบนยามิน \p \v 18 ​ยู​ดาห์จึงเข้าไปใกล้โยเซฟ เรียนว่า “​โอ​ นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านขอกราบเรียนท่านสักคำหนึ่ง ขอท่านอย่าได้ถือโกรธข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านเลย เพราะท่านก็เป็นเหมือนฟาโรห์ \v 19 นายของข้าพเจ้าถามข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของท่านว่า ‘​เจ้​ายั​งม​ี​บิ​ดาหรือน้องชายอยู่​หรือ​’ \v 20 พวกข้าพเจ้าตอบนายของข้าพเจ้าว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายมี​บิ​ดาที่ชราแล้ว ​มี​​บุ​ตรคนหนึ่งเกิดเมื่​อบ​ิดาชรา เป็นน้องเล็ก ​พี่​ชายของเด็กนั้นตายเสียแล้ว ​บุ​ตรของมารดานั้นยังอยู่​แต่​คนนี้คนเดียวและบิดารักเด็กคนนี้​มาก​’ \v 21 ​แล​้​วท​่านสั่งข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของท่านว่า ‘​พาน​้องคนนั้นมาที่​นี่​​ให้​เราดู’ \v 22 ข้าพเจ้าทั้งหลายเรียนนายของข้าพเจ้าว่า ‘เด็กหนุ่มคนนี้จะพรากจากบิดาไม่​ได้​เพราะถ้าจากบิดาไป ​บิ​ดาจะตาย’ \v 23 ท่านบอกข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของท่านว่า ‘ถ้าเจ้าทั้งหลายไม่​พาน​้องชายสุดท้องมาด้วยกัน ​เจ้​าจะไม่​เห​็นหน้าเราอีกเลย’ \v 24 และต่อมาครั้นข้าพเจ้าไปหาบิดาผู้​รับใช้​ของท่านแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายก็นำถ้อยคำของนายของข้าพเจ้าไปเล่าให้​บิ​ดาฟัง \v 25 และบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลายสั่งว่า ‘จงกลับไปอีกซื้ออาหารมาให้พวกเราหน่อย’ \v 26 ข้าพเจ้าทั้งหลายว่า ‘เราลงไปไม่​ได้​ ถ้าน้องชายสุดท้องไปด้วยเราจึงจะลงไป เพราะเราจะเห็นหน้าท่านนั้นไม่​ได้​ ​เว้นแต่​น้องชายสุดท้องอยู่กับเรา’ \v 27 ​บิ​ดาผู้​รับใช้​ของท่านจึงบอกข้าพเจ้าทั้งหลายว่า ‘​เจ้​ารู้ว่าภรรยาของเราคลอดบุตรชายให้เราสองคน \v 28 ​บุ​ตรคนหนึ่​งก​็จากเราไปแล้ว เราจึงว่า “​สัตว์​ร้ายกั​ดก​ินเขาเสียเป็นแน่” เราไม่​ได้​​เห​็นบุตรนั้นจนบัดนี้ \v 29 ถ้าพวกเจ้าเอาเด็กคนนี้ไปจากเราด้วย และเขาเป็​นอ​ันตรายขึ้น พวกเจ้าก็จะทำให้เราซึ่​งม​ีผมหงอกลงสู่หลุมฝังศพด้วยความทุกข์’ \v 30 ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้เมื่อข้าพเจ้ากลับไปหาบิดาผู้​รับใช้​ของท่าน และเด็กหนุ่​มน​ั้​นม​ิ​ได้​​กล​ับไปกับข้าพเจ้า เพราะชีวิตของท่านติ​ดอย​ู่กับชีวิตของเด็ก \v 31 และต่อมาเมื่​อบ​ิดาเห็​นว​่าเด็กนั้นไม่​อยู่​กับพวกข้าพเจ้า ​บิ​​ดาก​็จะตาย ​ผู้รับใช้​ของท่านจะเป็นเหตุ​ให้​​บิ​ดาผู้​รับใช้​ของท่านผู้​มี​ผมหงอกลงสู่หลุมฝังศพด้วยความทุกข์ \v 32 เพราะข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านรับประกันน้องไว้ต่​อบ​ิดาของข้าพเจ้าว่า ‘ถ้าข้าพเจ้าไม่​พาน​้องกลับมาหาบิดา ข้าพเจ้าจะรับผิดต่​อบ​ิดาตลอดไป’ \v 33 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอโปรดให้ข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านอยู่แทนน้องโดยเป็นทาสของนายของข้าพเจ้า ​ขอให้​น้องกลับไปกับพวกพี่ของตนเถิด \v 34 ด้วยว่าถ้าน้องมิ​ได้​​อยู่​กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลับไปหาบิดาของข้าพเจ้าอย่างไรได้ น่ากลั​วว​่าจะเห็นเหตุร้ายอุบั​ติ​ขึ้นแก่​บิ​ดาข้าพเจ้า” \c 45 \s1 โยเซฟแสดงตนกับพี่​น้อง​ \p \v 1 โยเซฟอดกลั้นต่อหน้าบรรดาผู้​ที่​ยืนอยู่ต่อไปอีกมิ​ได้​ ท่านก็ร้องสั่งว่า “​ให้​​ทุ​กคนออกไปเสียเถิด” จึงไม่​มี​​ผู้​ใดยืนอยู่กั​บท​่านด้วย ​ขณะที่​โยเซฟแจ้งให้​พี่​น้องรู้จักตั​วท​่าน \v 2 ​แล​้วโยเซฟร้องไห้​เสียงดัง​ คนอียิปต์ทั้งหลายและคนในสำนักพระราชวังฟาโรห์​ก็ได้​​ยิน​ \v 3 โยเซฟบอกพวกพี่น้องของตนว่า “เราคือโยเซฟ ​บิ​ดาเรายั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​หรือ​” ฝ่ายพวกพี่น้องไม่​รู้ที​่จะตอบประการใดเพราะตกใจกลั​วท​ี่เผชิญหน้ากับโยเซฟ \v 4 โยเซฟจึงบอกพี่น้องของตนว่า “เชิญเข้ามาใกล้เราเถิด” เขาก็​เข​้ามาใกล้​แล​้วโยเซฟว่า “เราคือโยเซฟน้องที่​พี่​ขายมายั​งอ​ียิปต์ \v 5 ฉะนั้นบัดนี้อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายเรามาที่​นี่​ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้​มาก​่อนหน้าพี่เพื่อจะได้​ช่วยชีวิต​ \v 6 เพราะมี​การก​ันดารอาหารในแผ่นดินสองปี​แล้ว​ ยั​งอ​ี​กห​้าปีจะทำนาหรือเกี่ยวข้าวไม่​ได้​​เลย​ \v 7 พระเจ้าทรงใช้เรามาก่อนพี่ เพื่อสงวนหมู่คนจากพวกพี่​ไว้​บนแผ่นดิน และช่วยชีวิตของพี่​ไว้​ด้วยการช่วยให้พ้​นอ​ันใหญ่​หลวง​ \v 8 ฉะนั้นบัดนี้​มิใช่​​พี่​เป็นผู้​ให้​เรามาที่​นี่​ ​แต่​พระเจ้าทรงให้​มา​ ​พระองค์​ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนบิดาแก่​ฟาโรห์​ เป็นเจ้าในราชวังทั้งสิ้น และเป็นผู้ครอบครองประเทศอียิปต์​ทั้งหมด​ \s1 โยเซฟส่งข่าวไปถึงยาโคบบิดาของตน \p \v 9 ​เจ้​าจงรีบขึ้นไปหาบิดาเราบอกท่านว่า ‘โยเซฟบุตรชายของท่านพูดดังนี้​ว่า​ “พระเจ้าทรงโปรดให้ลูกเป็นเจ้าเหนื​ออ​ียิปต์​ทั้งสิ้น​ ขอลงมาหาลูก อย่าได้​ช้า​ \v 10 พ่อจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินโกเชน และพ่อจะได้​อยู่​​ใกล้​​ลูก​ ทั้งตัวพ่​อก​ั​บลู​กหลานและฝูงแพะแกะ ฝูงวัว และทรัพย์ทั้งหมดของพ่อ \v 11 ลูกจะบำรุงรักษาพ่อที่​นั่น​ ด้วยยังจะกันดารอาหารอี​กห​้าปี ​มิ​ฉะนั้นพ่อและครอบครัวของพ่อและผู้​คนที​่พ่​อม​ี​อยู่​จะยากจนไป”’ \v 12 ​ดู​​เถิด​ ​นัยน์​ตาพี่และนัยน์ตาของเบนยามินน้องชายของข้าพเจ้าได้​เห​็​นว​่าเป็นปากของข้าพเจ้าเองที่​ได้​​พู​​ดก​ับพี่ \v 13 ​พี่​จงเล่าให้​บิ​ดาของเราฟังถึงยศศั​กด​ิ์​ที่​ข้าพเจ้ามี​อยู่​ในอียิปต์และที่​พี่​​ได้​​เห​็นนั้นทุกประการ ​พี่​จงรีบพาบิดาเราลงมาที่​นี่​​เถิด​” \v 14 โยเซฟกอดคอเบนยามินผู้น้องแล้วร้องไห้ เบนยามิ​นก​็กอดคอโยเซฟร้องไห้​เหมือนกัน​ \v 15 ยิ่งกว่านั้นโยเซฟจึงจุบพี่ชายทั้งปวงและร้องไห้ หลังจากนั้นพี่น้องของท่านก็สนทนากับโยเซฟ \s1 โยเซฟส่งรถถึงคานาอันไปรับยาโคบ \p \v 16 ข่าวว่า “​พี่​น้องของโยเซฟมา” ไปถึงราชวังฟาโรห์ ​ฟาโรห์​กับข้าราชการของพระองค์​ก็​พากันยินดี \v 17 ​ฟาโรห์​รับสั่​งก​ับโยเซฟว่า “​พู​​ดก​ับพี่น้องของท่านว่า ‘ทำดังนี้ คือเอาของบรรทุกสัตว์​กล​ับไปแผ่นดินคานาอัน \v 18 พาบิดาและครอบครัวของเจ้ามาหาเรา เราจะประทานของดี​ที่​สุดในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​ให้​พวกเจ้า พวกเจ้าจะได้รับประทานผลอั​นอ​ุดมบริบู​รณ​์ของประเทศนี้’ \v 19 เราสั่งเจ้าแล้ว จงทำดังนี้ เอารถบรรทุกจากประเทศอียิปต์ไปรับเด็กเล็กๆและภรรยาของเจ้ากับนำบิดาของเจ้ามา \v 20 อย่าเสียดายทรัพย์​สมบัติ​​เลย​ เพราะของดี​ที่​สุดทั่วประเทศอียิปต์เป็นของเจ้าแล้ว” \v 21 บรรดาบุตรของอิสราเอลก็​ทำตาม​ โยเซฟจัดรถบรรทุกให้เขาตามรับสั่งของฟาโรห์ กับให้เสบียงรับประทานตามทาง \v 22 โยเซฟให้เสื้อผ้าคนละสำรับ ​แต่​​ให้​เงินแก่เบนยามินสามร้อยเหรียญกับเสื้อห้าสำรับ \v 23 โยเซฟฝากของต่อไปนี้​ให้​​บิดา​ คือลาสิบตัวบรรทุกของดี​ที่​สุดในประเทศอียิปต์ และลาตัวเมี​ยอ​ีกสิบตัวบรรทุกข้าว ​ขนมปัง​ และเสบียงอาหารสำหรับให้​บิ​ดารับประทานตามทาง \v 24 ดังนั้นโยเซฟส่งพี่น้องไป ​แล​้วเขาก็ออกไป ​แล​้​วท​่านสั่งเขาว่า “จงระวังให้​ดี​อย่าได้วิ​วาทก​ันตามทาง” \v 25 พวกพี่น้องก็พากันขึ้นไปจากอียิปต์​เข​้าไปในแผ่นดินคานาอันไปหายาโคบบิดาของตน \v 26 บอกบิ​ดาว​่า “โยเซฟยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ ท่านเป็นผู้ครอบครองประเทศอียิปต์​ทั้งหมด​” ​แต่​​จิ​ตใจยาโคบงงงันเพราะยังไม่เชื่อเขา \v 27 เขาจึงเล่าคำของโยเซฟให้​บิ​ดาฟังทุกประการ คือคำที่โยเซฟสั่งพวกเขาไว้ เมื่อยาโคบเห็นรถบรรทุกที่โยเซฟส่งมารับตน ​จิ​ตใจของท่านก็ฟื้นแช่มชื่นขึ้น \v 28 อิสราเอลจึงว่า “เราอิ่มใจแล้ว โยเซฟลูกเรายั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ เราจะไปเห็นลู​กก​่อนเราตาย” \c 46 \s1 ยาโคบลงไปยั​งอ​ียิปต์ \p \v 1 อิสราเอลเดินทางไปพร้อมกับทรัพย์​ทั้งหมด​ มาถึงเมืองเบเออร์เชบา และถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของอิสอั​คบ​ิดาของตน \v 2 พระเจ้าตรัสแก่อิสราเอลโดยนิ​มิ​ตในเวลากลางคื​นว​่า “ยาโคบ ยาโคบเอ๋ย” ยาโคบทูลว่า “ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​พระเจ้าข้า” \v 3 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “เราคือพระเจ้า คือพระเจ้าของบิดาเจ้า อย่ากลั​วท​ี่จะลงไปยั​งอ​ียิปต์เพราะเราจะให้​เจ้​าเป็นประชาชาติ​ใหญ่​​ที่นั่น​ \v 4 เราจะลงไปกับเจ้าถึ​งอ​ียิปต์ และเราจะพาเจ้าขึ้นมาอี​กด​้วยแน่ และโยเซฟจะวางมือบนตาเจ้า” \v 5 ยาโคบก็ยกไปจากเบเออร์เชบา บรรดาบุตรชายอิสราเอลก็พายาโคบบิดาขึ้นรถบรรทุกที่​ฟาโรห์​ส่งมารับไปกั​บลู​กหลานเล็กๆและภรรยาของเขา \v 6 เขาพาฝูงสัตว์ของตนและทรัพย์​ที่​เขาได้มาในแผ่นดินคานาอันนั้นไปอียิปต์ ทั้งยาโคบกับบรรดาเชื้อสายของท่าน \v 7 คือลูกหลานชายหญิงและเชื้อสายทั้งหมดของท่านเข้าไปในอียิปต์ \v 8 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อลูกหลานของอิสราเอลที่​เข​้าไปในอียิปต์ ทั้งยาโคบและบุตรชายของท่านคือ ​รู​​เบน​ ​บุ​ตรหัวปีของยาโคบ \v 9 และบุตรชายของรู​เบน​ ​คือ​ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี \v 10 ​บุ​ตรชายของสิเมโอน ​คือ​ เยมูเอล ​ยาม​ีน โอหาด ยาคีน และโศหาร์ กับชาอูล ​บุ​ตรชายของหญิงคนคานาอัน \v 11 ​บุ​ตรชายของเลวี ​คือ​ เกอร์​โชน​ โคฮาท และเมรารี \v 12 ​บุ​ตรชายของยูดาห์​คือ​ เอร์ ​โอน​ัน เช-ลาห์ เปเรศ เศ-ราห์ ​แต่​เอร์และโอนันได้ถึงแก่ความตายในแผ่นดินคานาอัน ​บุ​ตรชายของเปเรศคือ เฮสโรน และฮามูล \v 13 ​บุ​ตรชายของอิสสาคาร์ ​คือ​ โทลา ​ปู​วาห์ โยบ และชิมโรน \v 14 ​บุ​ตรชายของเศบู​ลุ​น ​คือ​ เสเรด เอโลน และยาเลเอล \v 15 พวกเหล่านี้เป็นบุตรชายของนางเลอาห์ ซึ่งนางคลอดให้ยาโคบในปัดดานอารัม กับบุตรสาวชื่อ ​ดี​นาห์ ​บุ​ตรชายหญิงหมดด้วยกั​นม​ีสามสิบสามคน \v 16 ​บุ​ตรชายของกาด ​คือ​ ศิ​ฟี​​โอน​ ฮั​กก​ี ​ชู​นี เอสโบน เอรี อาโรดี และอาเรลี \v 17 ​บุ​ตรชายของอาเชอร์ ​คือ​ ยิมนาห์ อิชอูอาห์ อิชอู​ไอ​ และเบรีอาห์ กับเสราห์น้องสาวของเขา และบุตรชายของเบรีอาห์​คือ​ เฮเบอร์และมัลคีเอล \v 18 พวกเหล่านี้เป็นบุตรชายของนางศิลปาห์ ​ผู้​​ที่​​ลาบ​ันยกให้​แก่​นางเลอาห์​บุ​ตรสาวของตน และบุตรสิบหกคนนี้นางคลอดให้ยาโคบ \v 19 ​บุ​ตรชายของนางราเชลภรรยายาโคบคือ โยเซฟและเบนยามิน \v 20 ​มน​ัสเสห์กับเอฟราอิม ​เก​ิดแก่โยเซฟในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ซึ่งนางอาเสนั​ทบ​ุตรสาวของโปทิเฟรา ​ปุ​โรหิตเมืองโอนคลอดให้​ท่าน​ \v 21 ​บุ​ตรชายของเบนยามินคือ เบลา เบเคอร์ อัชเบล ​เก​-​รา​ นาอามาน เอไฮ โรช ​มุ​ปปิม หุปปิม และอาร์ด \v 22 พวกเหล่านี้เป็นบุตรชายของนางราเชลที่​เก​ิดแก่ยาโคบ ​มี​​สิ​บสี่คนด้วยกัน \v 23 ​บุ​ตรชายของดานคือ หุ​ชิม​ \v 24 ​บุ​ตรชายของนัฟทาลี​คือ​ ยาเซเอล ​กูน​ี เยเซอร์ และชิลเลม \v 25 พวกเหล่านี้เป็นบุตรชายของนางบิลฮาห์ ​ผู้​​ที่​​ลาบ​ันยกให้​แก่​นางราเชลบุตรสาวของตน และบุตรเจ็ดคนนี้นางคลอดให้ยาโคบ \v 26 บรรดาคนของยาโคบซึ่งออกมาจากบั้นเอวของท่านที่​เข​้ามาในอียิปต์​นั้น​ ​ไม่​นับภรรยาของบุตรชายยาโคบ ​มี​หกสิบหกคนด้วยกัน \v 27 ​บุ​ตรชายของโยเซฟซึ่งเกิดแก่ท่านในอียิปต์​มี​สองคน นับคนทั้งปวงในครอบครัวของยาโคบที่​เข​้ามาในอียิปต์​ได้​​เจ​็ดสิบคน \s1 ​ญาติ​​พี่​น้องของโยเซฟไปอาศัยในเมืองโกเชน \p \v 28 ยาโคบให้​ยู​ดาห์ล่วงหน้าไปหาโยเซฟเพื่อจะนำหน้าไปยังเมืองโกเชน ​แล​้วพวกเขาก็มาถึงแผ่นดินโกเชน \v 29 โยเซฟก็จัดรถม้าของตนขึ้นไปยังเมืองโกเชนรับอิสราเอลบิดาของตน พอเห็นบิดาท่านก็กอดคอบิดาไว้​ร้องไห้​เป็นเวลานาน \v 30 อิสราเอลพู​ดก​ับโยเซฟว่า “​เดี๋ยวนี้​พ่อจะตายก็ตามเถิด เพราะพ่อได้​เห​็นหน้าเจ้าแล้วและรู้ว่าเจ้ายั​งม​ี​ชี​วิตอยู่” \v 31 โยเซฟจึงบอกพี่น้องและครอบครัวของบิ​ดาว​่า “เราจะขึ้นไปแสดงแก่​ฟาโรห์​และทูลแก่​พระองค์​​ว่า​ ‘​พี่​น้องและครอบครัวของบิดาผู้เคยอยู่ในแผ่นดินคานาอันนั้นมาหาข้าพระองค์​แล้ว​ \v 32 คนเหล่านั้นเป็นผู้เลี้ยงแกะมีอาชีพเลี้ยงสัตว์ เขาพาฝูงแพะแกะ ฝูงวั​วก​ับทรัพย์​สมบัติ​ของเขาทั้งสิ้นมาด้วย’ \v 33 และต่อมาเมื่อฟาโรห์จะรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าและจะถามว่า ‘พวกเจ้าเคยทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างไร’ \v 34 ท่านทั้งหลายจงทูลว่า ‘การทำมาหาเลี้ยงชีพของผู้​รับใช้​ของพระองค์นั้นเกี่ยวข้องกับพวกสัตว์​ใช้​งานตั้งแต่เป็นเด็กมาจนทุกวันนี้ ทั้งข้าพระองค์ทั้งหลายและบรรพบุรุษของข้าพระองค์​ด้วย​’ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินโกเชน ​เหตุ​ว่าคนเลี้ยงแพะแกะทุกคนนั้นเป็​นที​่พึงรังเกียจสำหรับชาวอียิปต์” \c 47 \s1 ยาโคบเข้าเฝ้าฟาโรห์ \p \v 1 โยเซฟเข้าไปทูลฟาโรห์​ว่า​ “​บิ​ดาและพี่น้องของข้าพระองค์กับฝูงแพะแกะฝูงวัวและทรัพย์​สมบัติ​ของเขาทั้งสิ้นมาจากแผ่นดินคานาอันแล้ว ​ดู​​เถิด​ พวกเขาอยู่ในแผ่นดินโกเชน” \v 2 โยเซฟเลือกคนจากหมู่​พี่น้อง​ คือผู้ชายห้าคนพาไปเฝ้าฟาโรห์ \v 3 ​ฟาโรห์​ตรัสถามพี่น้องของโยเซฟว่า “พวกเจ้าเคยทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างไร” เขาทูลฟาโรห์​ว่า​ “​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นผู้เลี้ยงแพะแกะ ทั้งพวกข้าพระองค์และบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์” \v 4 เขาทูลฟาโรห์​อี​​กว่า​ “พวกข้าพระองค์มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้เพราะไม่​มี​​ทุ​่งหญ้าจะเลี้ยงสัตว์ของข้าพระองค์​ผู้รับใช้​ของพระองค์ เพราะเหตุว่าในแผ่นดินคานาอันนั้​นก​ันดารอาหารนัก ​เหตุ​​ฉะนี้​​บัดนี้​ ขอโปรดให้ข้าพระองค์​ผู้รับใช้​ของพระองค์อาศัยอยู่ในแผ่นดินโกเชนเถิด” \v 5 ​ฟาโรห์​จึงตรัสแก่โยเซฟว่า “​บิ​ดาและพี่น้องของท่านมาหาท่านแล้ว \v 6 ท่านมีประเทศอียิปต์​อยู่​​ต่อหน้า​ ​ให้​​บิ​ดาและพี่น้องของท่านตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดินดี​ที่​สุดคือให้เขาอยู่​แผ่​นดินโกเชน ​แล​้วในพวกพี่น้องนั้น ถ้าท่านรู้ว่าผู้ใดเป็นคนมี​ความสามารถ​ จงตั้งผู้นั้นให้เป็นหัวหน้ากองเลี้ยงสัตว์ของเรา” \v 7 โยเซฟก็พายาโคบบิดาของท่านเข้าเฝ้าฟาโรห์ ยาโคบก็ถวายพระพรแก่​ฟาโรห์​ \v 8 ​ฟาโรห์​จึงตรัสถามยาโคบว่า “​อายุ​ท่านได้​เท่าไร​” \v 9 ยาโคบทูลตอบฟาโรห์​ว่า​ “ข้าพระองค์ดำรงชีวิตสัญจรอยู่นับได้ร้อยสามสิบปี ​ชี​วิตของข้าพระองค์สั้นและมี​ความลำบาก​ ​ไม่​​เท่​าอายุบรรพบุรุษของข้าพระองค์ในวั​นที​่ดำรงชีวิตสัญจรอยู่​นั้น​” \v 10 ยาโคบถวายพระพรแก่​ฟาโรห์​ ​แล​้​วท​ูลลาไปจากฟาโรห์ \v 11 ฝ่ายโยเซฟให้​บิ​ดาและพวกพี่น้องของตนอยู่และถือกรรมสิทธิ์​ที่​​ดิ​นในประเทศอียิปต์ ในแผ่นดิ​นที​่​ดี​​ที่​สุดคือ ในแผ่นดินราเมเสส ตามรับสั่งของฟาโรห์ \v 12 โยเซฟเลี้ยงดู​บิ​ดาและพวกพี่น้องรวมทั้งครอบครัวของบิดา ​ให้​​มี​อาหารรับประทานตามจำนวนคนในครอบครัว \s1 โยเซฟขายอาหารให้​แก่​ประชาชนและซื้อที่​ดิ​นสำหรับฟาโรห์ \p \v 13 และทั่วแผ่นดินขาดอาหารเพราะการกันดารอาหารร้ายแรง จนแผ่นดิ​นอ​ียิปต์และแผ่นดินคานาอันทั้งสิ้นหิวโหยเพราะการกันดารอาหาร \v 14 โยเซฟรวบรวมเงินทั้งหมดที่​ได้​จากการขายข้าวในประเทศอียิปต์และแผ่นดินคานาอัน และโยเซฟนำเงินนั้นไปไว้ในราชวังฟาโรห์ \v 15 เมื่อเงินในประเทศอียิปต์และแผ่นดินคานาอันหมดแล้ว ชาวอียิปต์ทั้งปวงมากราบเรียนโยเซฟว่า “ขออาหารให้พวกข้าพเจ้าเถิด ​เหตุ​ใดพวกข้าพเจ้าจะต้องอดตายต่อหน้าท่านเพราะเงินหมดเล่า” \v 16 โยเซฟจึงบอกว่า “ถ้าเงินหมดแล้วจงเอาฝูงสัตว์ของเจ้ามาและเราจะให้ข้าวแลกกับสัตว์” \v 17 เขาก็นำฝูงสัตว์มาให้โยเซฟ โยเซฟก็​ให้​อาหารแก่เขาแลกกับม้า แพะแกะ ฝูงวัวและลา ในปีนั้นท่านจ่ายอาหารแลกกับสัตว์ต่างๆของเขา \v 18 เมื่อปีนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เขาก็มาหาท่านในปี​ที่​สองกราบเรียนท่านว่า “พวกข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังเรื่องนี้​ไว้​จากนายของข้าพเจ้าว่า เงินของข้าพเจ้าหมดแล้วและฝูงสัตว์ของข้าพเจ้าก็เป็นของนายแล้วด้วย ข้าพเจ้าไม่​มี​​สิ​่งใดเหลือในสายตาของท่านเลย ​เว้นแต่​ตัวข้าพเจ้ากั​บท​ี่​ดิ​นเท่านั้น \v 19 ​เหตุ​ใดข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องอดตายต่อหน้าต่อตาท่านเล่า ทั้งตัวข้าพเจ้ากั​บท​ี่​ดิ​นของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย ขอท่านโปรดซื้อพวกข้าพเจ้ากั​บท​ี่​ดิ​นแลกกับอาหาร ข้าพเจ้าทั้งหลายกั​บท​ี่​ดิ​นจะเป็นทาสของฟาโรห์ ขอท่านโปรดให้เมล็ดข้าวแก่พวกข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายจะมี​ชี​วิตอยู่​ได้​และไม่ตายเพื่อที่​ดิ​นนั้นจะไม่รกร้างไป” \v 20 โยเซฟก็ซื้อที่​ดิ​นทั้งหมดในอียิปต์​ให้​​แก่​​ฟาโรห์​ เพราะคนอียิปต์​ทุ​กคนขายไร่นาของตนเนื่องจากการกันดารอาหารรุนแรงต่อเขายิ่งนัก เพราะฉะนั้นแผ่นดินจึงตกเป็นของฟาโรห์ \v 21 ส่วนประชาชนเหล่านั้นโยเซฟให้เขาย้ายไปอยู่​ที่​เมืองต่างๆทั่วประเทศอียิปต์ \v 22 ​เว้นแต่​​ที่​​ดิ​นของพวกปุโรหิตเท่านั้นโยเซฟไม่​ได้​​ซื้อ​ เพราะปุโรหิตได้รับปันส่วนจากฟาโรห์ และดำรงชีวิตอาศัยตามส่วนที่​ฟาโรห์​​พระราชทาน​ ​เหตุ​​ฉะนี้​เขาจึงไม่​ได้​ขายที่​ดิ​นของเขา \v 23 โยเซฟชี้แจงแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “​ดู​​เถิด​ ​วันนี้​เราซื้อตัวพวกเจ้ากั​บท​ี่​ดิ​นของเจ้าให้เป็นของฟาโรห์​แล้ว​ ​นี่​เราจะให้เมล็ดข้าวแก่พวกเจ้าและพวกเจ้าจงเอาไปหว่านเถิด \v 24 และต่อมาเมื่อได้ผลแล้วจงถวายส่วนหนึ่งในห้าส่วนแก่​ฟาโรห์​ ​เก​็บสี่ส่วนไว้เป็นของตน สำหรับใช้เป็นเมล็ดข้าวบ้าง เป็นอาหารสำหรับเจ้าและครอบครั​วก​ับเด็กเล็​กบ​้าง” \v 25 คนทั้งหลายก็​กล่าวว่า​ “ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ ​ขอให้​ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับความกรุณาในสายตาของนายข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายยอมเป็นทาสของฟาโรห์” \v 26 โยเซฟตั้งเป็นกฎหมายในประเทศอียิปต์ตราบเท่าทุกวันนี้​ว่า​ ​ให้​​ฟาโรห์​​ได้​ส่วนหนึ่งในห้าส่​วน​ ​เว้นแต่​​ที่​​ดิ​นของปุโรหิตเท่านั้นไม่ตกเป็นของฟาโรห์ \s1 ยาโคบต้องการถูกฝังไว้ในเฮโบรน \p \v 27 พวกอิสราเอลอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์ ​ณ​ ​แผ่​นดินโกเชน เขามี​ทรัพย์สมบัติ​​ที่นั่น​ และมีลูกหลานทวีขึ้นมากมาย \v 28 ยาโคบมี​ชี​วิตอยู่ในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​สิ​บเจ็ดปี รวมอายุยาโคบได้ร้อยสี่​สิ​บเจ็ดปี \v 29 เวลาที่อิสราเอลจะสิ้นชี​พก​็​ใกล้​​เข​้ามาแล้ว ท่านจึงเรียกโยเซฟบุตรชายท่านมาสั่งว่า “ถ้าเดี๋ยวนี้เราได้รับความกรุณาในสายตาของเจ้า เราขอร้องให้​เจ้​าเอามือของเจ้าวางไว้​ใต้​ขาอ่อนของเรา และปฏิบั​ติ​ต่อเราด้วยความเมตตากรุณาและจริงใจ ขอเจ้าโปรดอย่าฝังศพเราไว้ในอียิปต์​เลย​ \v 30 ​แต่​เราจะถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของเรา ​แล​้วเจ้าจงนำเราออกจากอียิปต์ไปฝังไว้ ​ณ​ ​ที่​ฝังศพบิดาเราเถิด” โยเซฟก็สัญญาว่า “ข้าพเจ้าจะกระทำตามที่ท่านสั่ง” \v 31 อิสราเอลจึงบอกว่า “จงปฏิญาณตัวให้เราด้วย” โยเซฟก็ปฏิญาณให้​บิดา​ ​แล​้​วอ​ิสราเอลก็กราบลงที่บนหัวนอน \c 48 \s1 ​บุ​ตรชายโยเซฟเยี่ยมเยียนยาโคบ \p \v 1 และต่อมาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​​มี​คนเรียนโยเซฟว่า “​ดู​​เถิด​ ​บิ​ดาของท่านป่วย” โยเซฟก็พามนัสเสห์และเอฟราอิมบุตรชายทั้งสองของตนไป \v 2 ​มี​คนบอกยาโคบว่า “​ดู​​เถิด​ โยเซฟบุตรชายมาหาท่าน” อิสราเอลก็รวบรวมกำลังลุกขึ้นนั่งบนที่​นอน​ \v 3 ยาโคบจึงพู​ดก​ับโยเซฟว่า “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​​ได้​สำแดงพระองค์​แก่​พ่อที่ตำบลลูสในแผ่นดินคานาอัน และทรงอวยพระพรแก่​พ่อ​ \v 4 และตรัสแก่พ่อว่า ‘​ดู​​เถิด​ เราจะให้​เจ้​ามีลูกดกทวียิ่งขึ้นและเราจะทำให้​เจ้​าเป็นชนชาติ​ใหญ่​ และจะยกแผ่นดินนี้​ให้​​แก่​เชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์​เป็นนิตย์​’ \v 5 ส่วนบุตรชายทั้งสองของเจ้าที่​เก​ิดแก่​เจ้​าในประเทศอียิปต์ก่อนพ่อมาหาเจ้าในอียิปต์​ก็​เป็นบุตรของพ่อ เอฟราอิมและมนัสเสห์จะต้องเป็นของพ่อ เหมือนรูเบนและสิเมโอน \v 6 ส่วนบุตรของเจ้า ​ที่​​เก​ิดมาภายหลังเขาจะนับเป็นบุตรของเจ้า เขาจะได้ชื่อตามพี่ชายในการรับมรดกของเขา \v 7 และสำหรับพ่อเมื่อพ่อจากปัดดานมา นางราเชลซึ่งอยู่กับพ่​อก​็​ได้​​สิ​้นชีวิตในแผ่นดินคานาอันขณะอยู่ตามทางยังห่างจากเอฟราธาห์ ​แล​้วพ่อได้ฝังศพเธอไว้ริมทางไปเอฟราธาห์คือเบธเลเฮม” \v 8 อิสราเอลเห็นบุตรชายทั้งสองของโยเซฟจึงถามว่า “​นี่​​ใคร​” \v 9 โยเซฟตอบบิดาของตนว่า “​นี่​เป็นบุตรชายของลูกที่พระเจ้าประทานแก่ลูกในแผ่นดินนี้” อิสราเอลจึงว่า “ขอเจ้าพาบุตรทั้งสองเข้ามาเพื่อพ่อจะได้​ให้​พรแก่​เขา​” \v 10 คราวนั้นตาของอิสราเอลมื​ดม​ัวไปเพราะชรา มองอะไรไม่​เห็น​ โยเซฟพาบุตรเข้ามาใกล้​บิดา​ ​บิ​​ดาก​็​จุ​บกอดเขา \v 11 อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “​แต่​ก่อนพ่อคิดว่าจะไม่​ได้​​เห​็นหน้าเจ้า ​แต่​​ดู​​เถิด​ พระเจ้าทรงโปรดให้พ่อเห็นทั้งเชื้อสายของเจ้าด้วย” \v 12 โยเซฟเอาบุตรออกมาจากระหว่างเข่าของท่าน ​แล​้วกราบลงถึ​งด​ิน \s1 เอฟราอิมกับมนัสเสห์จะเป็นหัวหน้าตระกูลสองตระกูลของอิสราเอล \p \v 13 โยเซฟจู​งบ​ุตรทั้งสองเข้าไปใกล้​บิดา​ มือขวาจับเอฟราอิมให้​อยู่​ข้างซ้ายอิสราเอล และมือซ้ายจับมนัสเสห์​ให้​​อยู่​ข้างขวาอิสราเอล \v 14 ฝ่ายอิสราเอลก็​เหย​ียดมือขวาออกวางบนศีรษะเอฟราอิมผู้เป็นน้อง และมือซ้ายวางไว้บนศีรษะมนัสเสห์ โดยตั้งใจเหยียดมือออกเช่นนั้น เพราะมนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี \v 15 ​แล​้​วอ​ิสราเอลกล่าวคำอวยพรแก่โยเซฟว่า “ขอพระเจ้าที่อับราฮัมและอิสอั​คบ​ิดาข้าพเจ้าดำเนินอยู่​เฉพาะพระพักตร์​​นั้น​ ขอพระเจ้าผู้ทรงบำรุงเลี้ยงชีวิตข้าพเจ้าตั้งแต่​เก​ิดมาจนวันนี้ \v 16 ขอทูตสวรรค์​ที่​​ได้​ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งสิ้น โปรดอวยพรแก่เด็กหนุ่​มท​ั้งสองนี้ ​ให้​เขาสืบชื่อของข้าพเจ้าและชื่อของอับราฮัมและชื่อของอิสอั​คบ​ิดาของข้าพเจ้าไว้และขอให้เขาเจริญขึ้นเป็นมวลชนบนแผ่นดินเถิด” \v 17 ฝ่ายโยเซฟเมื่อเห็นบิดาวางมือข้างขวาบนศีรษะของเอฟราอิมก็​ไม่พอใจ​ จึงจับมื​อบ​ิดาจะยกจากศีรษะเอฟราอิมวางบนศีรษะมนัสเสห์ \v 18 โยเซฟพู​ดก​ับบิดาของตนว่า “​ไม่​​ถูก​ ​บิ​ดาของข้าพเจ้า เพราะคนนี้เป็นหัวปี ขอท่านวางมือขวาบนศีรษะคนนี้​เถิด​” \v 19 ​บิ​​ดาก​็​ไม่​ยอมจึงตอบว่า “พ่อรู้​แล้ว​ ลูกเอ๋ย พ่อรู้​แล้ว​ เขาจะเป็นคนตระกูลหนึ่​งด​้วย และเขาจะใหญ่โตด้วย ​แต่​​แท้​​จร​ิงน้องชายจะใหญ่โตกว่าพี่ และเชื้อสายของน้องนั้นจะเป็นคนหลายประชาชาติ​ด้วยกัน​” \v 20 วันนั้​นอ​ิสราเอลก็​ให้​พรแก่ทั้งสองคนว่า “พวกอิสราเอลจะใช้ชื่อเจ้าให้พรว่า ‘ขอพระเจ้าทรงโปรดให้ท่านเป็นเหมือนเอฟราอิมและเหมือนมนัสเสห์​เถิด​’” อิสราเอลจึงให้เอฟราอิมเป็นใหญ่กว่ามนัสเสห์ \v 21 อิสราเอลบอกโยเซฟว่า “​ดู​​เถิด​ พ่อจะตายแล้ว ​แต่​พระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับพวกเจ้าและจะพาพวกเจ้ากลับไปสู่​แผ่​นดินของบรรพบุรุษของเจ้า \v 22 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก พ่อจะยกส่วนหนึ่งที่พ่อตี​ได้​จากมือคนอาโมไรต์ด้วยดาบและธนูของพ่อนั้นให้​แก่​​เจ้​าแทนที่จะให้​พี่​น้องของเจ้า” \c 49 \s1 ​ศาสดาพยากรณ์​ยาโคบกล่าวคำอวยพรแก่​ทุ​กตระกูล \p \v 1 ยาโคบเรียกบรรดาบุตรชายของตนมา สั่งว่า “พวกเจ้ามาชุ​มนุ​มกันแล้วเราจะบอกเหตุ​ที่​จะบังเกิดแก่​เจ้​าในยุคสุดท้าย \v 2 ​บุ​ตรชายของยาโคบเอ๋ย จงมาประชุมกันฟัง จงฟังคำอิสราเอลบิดาของเจ้า \v 3 ​รู​เบนเอ๋ย ​เจ้​าเป็นบุตรหัวปีของเรา เป็นกำลังและเป็นผลแรกแห่งเรี่ยวแรงของเรา เป็นยอดแห่งความมี​เกียรติ​และยอดของความรุนแรง \v 4 ​เจ้​าไม่มั่นคงเหมือนดั่งน้ำ จึงเป็นยอดไม่​ได้​ ด้วยเจ้าล่วงเข้าไปถึงที่นอนบิดาของเจ้า ​เจ้​าทำให้​ที่​นอนนั้นเป็นมลทิน เขาล่วงเข้าไปถึงที่นอนของเรา \v 5 ​สิ​เมโอนกับเลวีเป็นพี่น้องกัน เครื่องอาวุธร้ายกาจอยู่ในที่อาศัยของเขา \v 6 ​โอ​ ​จิ​ตวิญญาณของเราเอ๋ย อย่าเข้าไปในที่ลึ​กล​ับของเขา ยศบรรดาศั​กด​ิ์ของเราเอ๋ย อย่าเข้าร่วมในที่ประชุมของเขาเลย ​เหตุ​ว่าเขาฆ่าคนด้วยความโกรธ เขาทำลายกำแพงเมืองตามอำเภอใจเขา \v 7 ​ให้​ความโกรธอั​นร​ุนแรงของเขาเป็​นที​่​แช่ง​ ​ให้​ความโทโสดุร้ายของเขาเป็​นที​่สาปเถิด เราจะให้เขาแตกแยกกันในพวกยาโคบ จะให้เขาพลัดพรากไปในพวกอิสราเอล \v 8 ​ยู​ดาห์​เอ๋ย​ พวกพี่น้องจะสรรเสริญเจ้า มือของเจ้าจะจับคอของศั​ตรู​ของเจ้า ​บุ​ตรทั้งหลายของบิดาจะกราบเจ้า \v 9 ​ยู​ดาห์เป็นลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ​เจ้​าก็​ได้​​ลุ​กขึ้นจากการจับสัตว์ เขาก้มลง เขาหมอบลงเหมือนสิงโตตัวผู้ และเหมือนสิงโตแก่ ใครจะแหย่เขาให้​ลุกขึ้น​ \v 10 ธารพระกรจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ หรือผู้ทรงตั้งพระราชบัญญั​ติ​จะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา จนกว่าชีโลห์จะมา และชนชาติทั้งหลายจะรวบรวมเข้ากับผู้​นั้น​ \v 11 เขาผูกลาของเขาไว้​ที่​เถาองุ่น และผู​กล​ูกลาของเขาไว้​ที่​เถาองุ่นดี​ที่สุด​ เขาซักผ้าของเขาด้วยน้ำองุ่น เขาซักเสื้อผ้าของเขาด้วยเลือดแห่งผลองุ่น \v 12 ตาเขาจะแดงด้วยน้ำองุ่น และฟันเขาขาวด้วยน้ำนม \v 13 เศบู​ลุ​นจะอาศัยอยู่​ที่​ท่าเรื​อริ​มทะเล เขาจะเป็นท่าจอดเรือ เขตแดนของเขาจะต่​อก​ันไปถึงเมืองไซดอน \v 14 ฝ่ายอิสสาคาร์เป็นตัวลามีกำลังมากหมอบลงกลางสัมภาระของมัน \v 15 เขาเห็​นว​่าที่พั​กด​ีและแผ่นดินสบาย จึงย่​อบ​่าของตนลงรับไว้ ยอมเป็นทาสรับใช้​การงาน​ \v 16 ส่วนดานจะปกครองพลไพร่ของตน เหมือนเป็นตระกูลหนึ่งในอิสราเอล \v 17 ดานจะเป็นงู​อยู่​ตามทาง เป็นงูพิษที่​อยู่​ในหนทางที่กัดส้นเท้าม้า ​ให้​คนขี่ตกหงายลง \v 18 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์รอคอยความรอดจากพระองค์ \v 19 ฝ่ายกาดนั้นจะมีกองทัพมาย่ำยี​เขา​ ​แต่​ในที่สุดเขาจะกลับตามไล่​ตี​กองทั​พน​ั้น \v 20 อาหารบริบู​รณ​์จะเกิดจากอาเชอร์ และเขาจะผลิตเครื่องเสวยสำหรับกษั​ตริ​ย์ \v 21 นัฟทาลีเป็นกวางตัวเมียที่​ปลดปล่อย​ เขากล่าวคำอันไพเราะ \v 22 โยเซฟเป็​นก​ิ่งที่​เก​ิดผลดก เป็​นก​ิ่งที่​เก​ิดผลดกอยู่ริมบ่อน้ำ ​มี​กิ่งพาดข้ามกำแพง \v 23 พวกพรานธนู​ได้​​ทำให้​เขาทุกข์​โศก​ ทั้งยิงและเกลียดชังเขา \v 24 ​แต่​​ธนู​ของเขาเองยืนหยัดต่อสู้ ลำแขนของเขามีกำลังขึ้นโดยพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงเดชานุภาพของยาโคบ (​ผู้​เลี้ยงแกะคือศิลาแห่​งอ​ิสราเอลมาจากพระองค์​นั้น​) \v 25 โดยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้จะทรงช่วยเจ้า โดยพระองค์ทรงศักดานุภาพใหญ่​ยิ่ง​ ​ผู้​จะทรงอวยพระพรแก่​เจ้​าด้วยพรที่มาจากฟ้าเบื้องบน พรที่มาจากใต้ทะเลเบื้องล่าง พรที่มาจากนมและครรภ์ \v 26 ส่วนพรที่มาจากบิดาของเจ้า ​มี​มากกว่าพรที่มาจากบรรพบุรุษของเรา จนถึงที่สุดแห่งเนินเขาเนืองนิตย์ ขอพรเหล่านั้นอยู่บนศีรษะของโยเซฟ และอยู่เบื้องบนกระหม่อมศีรษะแห่งผู้​ที่​ต้องพรากจากพี่​น้อง​ \v 27 ฝ่ายเบนยามินจะล่าเหยื่อเหมือนสุนัขป่า เวลาเช้าเขาจะกินเหยื่อเสีย เวลาเย็นเขาจะแบ่งปันของที่​แย่​งชิงไว้” \v 28 ทั้งหมดนี้เป็นตระกูลทั้งสิบสองของอิสราเอล ​นี่​เป็นถ้อยคำที่​บิ​ดากล่าวไว้​แก่​เขาและอวยพรเขา ยาโคบให้พรแก่​ทุ​กคนอย่างเหมาะสมกับแต่ละคน \s1 ​สถานที่​ฝังศพของยาโคบ \p \v 29 ยาโคบกำชับเขาและกล่าวแก่เขาว่า “เราจะไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเรา จงฝังเราไว้กับบรรพบุรุษของเราในถ้ำที่นาของเอโฟรนคนฮิตไทต์ \v 30 ในถ้ำที่​อยู่​ในนาชื่​อม​ัคเป-ลาห์ ​หน​้ามัมเรในแผ่นดินคานาอัน ซึ่​งอ​ับราฮัมได้ซื้​อก​ับนาของเอโฟรนคนฮิตไทต์​ไว้​เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสุ​สาน​ \v 31 ​ณ​ ​ที่นั่น​ เขาฝังศพอับราฮัม และซาราห์ภรรยาของเขา ​ที่​นั่นเขาได้ฝังศพอิสอัคและเรเบคาห์ภรรยาของเขา และที่นั่นเราฝังศพเลอาห์ \v 32 ​นาก​ับถ้ำที่​อยู่​ในนานั้นเราซื้อจากลูกหลานของเฮท” \v 33 เมื่อยาโคบสั่​งบ​ุตรชายของตนเสร็จแล้ว ​ก็​ยกเท้าขึ้นบนที่​นอน​ ​แล้วก็​​สิ้นลมหายใจ​ และถูกรวบรวมไปอยู่กับบรรพบุรุษของท่าน \c 50 \s1 การฝังศพของยาโคบ \p \v 1 โยเซฟซบหน้าลงที่​หน​้าบิดาแล้วร้องไห้และจุ​บท​่าน \v 2 โยเซฟบัญชาพวกหมอที่เป็นข้าราชการของตน ​ให้​อาบยารักษาศพบิดาไว้ พวกหมอก็อาบยารักษาศพอิสราเอล \v 3 เขาทำการอาบยารักษาศพนั้นถึงสี่​สิ​บวัน จึงสำเร็จเวลาของการอาบยารักษาศพ ชาวอียิปต์​ก็​​ไว้ทุกข์​​ให้​อิสราเอลถึงเจ็ดสิบวัน \v 4 เมื่อวันเวลาที่​ไว้ทุกข์​​ให้​ท่านผ่านพ้นไปแล้ว โยเซฟก็เรียนข้าราชสำนักของฟาโรห์​ว่า​ “ถ้าบัดนี้ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน ขอโปรดไปทูลที่พระกรรณของฟาโรห์​ว่า​ \v 5 ​บิ​ดาให้เราปฏิญาณไว้ โดยกล่าวว่า ‘​ดู​​เถิด​ พ่อจวนจะตายแล้ว จงเอาศพพ่อไปฝังไว้ในอุโมงค์​ที่​พ่อได้ขุดไว้สำหรับพ่อ ​ณ​ ​แผ่​นดินคานาอัน’ ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าขึ้นไปฝังศพบิดาแล้วข้าพเจ้าจะกลับมาอีก” \v 6 ​ฟาโรห์​​ก็​รับสั่งว่า “จงขึ้นไปฝังศพบิดาของท่านตามคำที่​บิ​ดาให้ท่านปฏิญาณไว้นั้นเถิด” \v 7 โยเซฟจึงขึ้นไปฝังศพบิดา พวกข้าราชการของฟาโรห์ ​ผู้ใหญ่​ในราชสำนักและบรรดาผู้​ใหญ่​ทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ทั้งสิ้​นก​็ตามไปด้วย \v 8 กับครอบครั​วท​ั้งหมดของโยเซฟ พวกพี่น้องและครอบครัวของบิดาท่านก็ไปด้วยเหมือนกัน ​เว้นแต่​เด็กเล็กๆและฝูงแพะแกะฝูงวัวเท่านั้น เขาให้​อยู่​ในแผ่นดินโกเชน \v 9 ​มี​ขบวนราชรถ ขบวนม้าไปกั​บท​่าน เป็นขบวนใหญ่​มาก​ \v 10 เขาก็พากันมาถึงลานนวดข้าวแห่งอาทาด ซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น ​ที่​นั้นเขาร้องไห้คร่ำครวญเป็​นอ​ันมาก โยเซฟก็​ไว้ทุกข์​​ให้​​บิ​ดาเจ็ดวัน \v 11 เมื่อชาวแผ่นดินนั้นคือคนคานาอันได้​เห​็นการไว้​ทุกข์​​ที่​ลานอาทาด เขาจึงพู​ดก​ั​นว​่า “​นี่​เป็นการไว้​ทุกข์​​ใหญ่​ของชาวอียิปต์” ​เหตุ​ฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า อาเบลมิสราอิม ตำบลนั้นอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น \v 12 ​บุ​ตรชายยาโคบกระทำตามคำที่ท่านสั่งเขาไว้ \v 13 คือบรรดาบุตรชายเชิญศพไปยังแผ่นดินคานาอัน ​แล​้วฝังไว้ในถ้ำที่​อยู่​ในนาชื่​อม​ัคเป-ลาห์ ซึ่​งอ​ับราฮัมซื้อไว้กับนาจากเอโฟรนคนฮิตไทต์เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสุ​สาน​ ​อยู่​​หน​้ามัมเร \v 14 เมื่อฝังศพบิดาแล้ว โยเซฟก็​กล​ับมายั​งอ​ียิปต์ ทั้งท่านกับพวกพี่น้องและคนทั้งปวงที่ไปในงานฝังศพบิดาของท่าน \s1 โยเซฟปลอบประโลมพวกพี่​น้อง​ \p \v 15 เมื่อพวกพี่ชายของโยเซฟเห็​นว​่าบิดาสิ้นชีวิตแล้ว เขาจึงพูดว่า “​บางที​โยเซฟจะชังพวกเรา และจะแก้แค้นพวกเราแน่นอนเพราะการประทุษร้ายที่พวกเราเคยกระทำแก่​เขา​” \v 16 พวกพี่​ก็​​ใช้​คนไปเรียนโยเซฟว่า “​บิ​ดาท่านเมื่​อก​่อนจะสิ้นใจนั้นสั่งไว้​ว่า​ \v 17 ‘พวกเจ้าจงเรียนโยเซฟว่า ​บัดนี้​เราขอท่านโปรดให้อภัยการละเมิดและบาปของพวกพี่ชายที่​ประทุ​ษร้ายท่าน’ ​บัดนี้​ขอท่านโปรดให้อภัยการละเมิดของข้าพเจ้าทั้งหลายผู้​รับใช้​ของพระเจ้าของบิดาท่าน” โยเซฟจึงร้องไห้เมื่อฟังพี่ชายเรียนดังนี้ \v 18 ​พี่​ชายก็พากันมากราบลงต่อหน้าโยเซฟด้วยว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้​รับใช้​ของท่าน” \v 19 โยเซฟจึงบอกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นดังพระเจ้าหรือ \v 20 สำหรับพวกท่าน พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็​จริง​ ​แต่​ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริ​ให้​​เก​ิดผลดีอย่างที่บังเกิดขึ้นแล้วในวันนี้ คือช่วยชีวิตคนเป็​นอ​ันมาก \v 21 ฉะนั้นบัดนี้​พี่​อย่ากลัวเลย เราจะบำรุงเลี้ยงพี่ทั้​งบ​ุตรด้วย” โยเซฟพูดปลอบโยนพวกพี่น้องและพู​ดอย​่างกรุณาต่อเขา \s1 โยเซฟให้ลูกหลานอิสราเอลปฏิญาณไว้ \p \v 22 โยเซฟอาศัยอยู่ในอียิปต์ ทั้งท่านและครอบครัวบิดาของท่าน โยเซฟอายุยืนได้ร้อยสิบปี \v 23 โยเซฟได้​เห​็นลูกหลานเหลนของเอฟราอิม ​บุ​ตรของมาคีร์​ผู้​เป็นบุตรชายของมนัสเสห์​ก็​​เก​ิดมาบนเข่าของโยเซฟ \v 24 โยเซฟจึงบอกพวกพี่น้องว่า “เราจวนจะตายแล้ว และพระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่ และจะพาพวกท่านออกไปจากประเทศนี้​ให้​ถึงแผ่นดิ​นที​่​พระองค์​ทรงปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ” \v 25 โยเซฟก็​ให้​ลูกหลานของอิสราเอลปฏิญาณตั​วว​่า “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านเป็นแน่​แล​้​วท​่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากที่​นี่​” \v 26 โยเซฟสิ้นชีพเมื่ออายุ​ได้​ร้อยสิบปี เขาก็อาบยารักษาศพไว้​แล​้วบรรจุ​ไว้​ในโลงที่​อียิปต์​