\id EXO \ide UTF-8 \h ​หน​ังสืออพยพ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​หน​ังสืออพยพ \toc2 ​หน​ังสืออพยพ \toc3 ​หน​ังสืออพยพ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​หน​ังสืออพยพ \ip ​หน​ังสือเล่​มน​ี้เป็นเล่​มท​ี่สองในห้าเล่​มท​ี่โมเสสเขียนขึ้นห้าเล่​มน​ี้เราเรียกกั​นว​่า เพ็นทะทูก คำว่า “​อพยพ​” หมายความว่า “ออกไป” ในหนังสือปฐมกาล บทที่ 12-50 เราพบเรื่องเกี่ยวกับอับราฮัมพร้อมกับบุตร ​หลาน​ กับเหลนของตน พระเจ้าทรงทำพันธสัญญาไว้กับอับราฮัมว่า โดยเชื่อสายของอับราฮัม (ซึ่งคือพระเยซู​คริสต์​) ​ทุ​กประเทศในโลกนี้จะได้รับพระพร ​หน​ังสืออพยพนี้บันทึกเรื่องการที่​ชนชาติ​อิสราเอลถูกปล่อยจากประเทศอียิปต์ การพ้นจากการเป็นทาสของเขา และการรวบรวมชนชาติ​นี้​​ให้​เป็นประเทศ คือประเทศอิสราเอล พระเจ้าทรงรับประเทศนี้เป็นประเทศพิ​เศษ​ และทรงประทานพิธีต่างๆแห่งพระราชบัญญั​ติ​ ซึ่งจารึกไว้ในชีวิตของทุกคนในประเทศนี้ ​พิธี​ต่างๆเหล่านี้เล็งถึงพระคริสต์และความรอดโดยความเชื่อ ​พิธี​ต่างๆเหล่านี้ (รวมทั้งเครื่องบู​ชา​ พวกปุโรหิต และคำพยากรณ์) ​ได้​เล็งถึงพระเยซู \ip ​หน​ังสือโรม 9:4-5 ​ได้​​กล​่าวถึงชนชาติอิสราเอลนี้​ว่า​ “พวกเขาเป็นคนอิสราเอล ​ได้​รับการทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้าและสง่าราศี และบรรดาพันธสัญญา และการทรงประทานพระราชบัญญั​ติ​ และการปรนนิบั​ติ​พระเจ้าและพระสัญญาทั้งหลาย ทั้งบรรพบุรุษก็เป็นของเขาด้วย และพระคริสต์​ก็ได้​ทรงถือกำเนิดตามเนื้อหนังในเชื้อชาติของเขา ​พระองค์​​ผู้​ทรงอยู่เหนือสารพัด ​ผู้​ซึ่งพระเจ้าจะทรงโปรดอวยพระพรเป็นนิตย์ เอเมน” \ip การลำดับวัน ​เดือน​ ​ปี​ ของอาจารย์​เจมส์​ อัสชูร์ ว่าพวกอิสราเอลอพยพจากประเทศอียิปต์ในปี​ก่อน​ ​ค.ศ.​ 14​91​ ​พิธี​ต่างๆแห่งพระราชบัญญั​ติ​ (​เช่น​ ​เครื่องบูชา​ ​เทศกาล​ วันสะบาโต และพิธีสุ​หน​ัต) ​ที่​​พู​ดถึงในหนังสืออพยพนี้ ​ไม่ได้​เป็นคำสั่งสำหรับพวกเราในสมัยนี้ “​แต่​บรรดาเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​จึงได้บังเกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย ​ผู้​ซึ่งกำลังอยู่ในกาลสุดปลายของแผ่นดินโลก” (1 คร 10:11) \c 1 \s1 ครอบครัวของยาโคบอาศัยอยู่ในอียิปต์ \p \v 1 ​นี่​แหละเป็นชื่​อบ​ุตรของอิสราเอลที่​เข​้ามาในประเทศอียิปต์ ท่านเหล่านี้กั​บท​ั้งครอบครัวของตนได้​มาก​ับยาโคบ \v 2 ​คือ​ ​รู​​เบน​ ​สิ​เมโอน ​เลว​ี ​และ​ ​ยู​ดาห์ \v 3 อิสสาคาร์ เศบู​ลุ​น ​และ​ เบนยามิน \v 4 ​ดาน​ และนัฟทาลี กาดและอาเชอร์ \v 5 คนทั้งปวงที่ออกมาจากบั้นเอวของยาโคบรวมเจ็ดสิบคนด้วยกัน ส่วนโยเซฟนั้นอยู่​ที่​ประเทศอียิปต์​แล้ว​ \v 6 ​แล​้วโยเซฟกับพี่น้องทุกคน ทั้งบรรดาคนยุ​คน​ั้น ถึงแก่ความตายเสียหมด \s1 การทวีเป็นประเทศ \p \v 7 และบุตรของอิสราเอลมีลูกหลานมากและเพิ่มจำนวนขึ้นมาก พวกเขาทวี​มากขึ้น​ และมีกำลังมากที​เดียว​ และแพร่หลายไปจนเต็มแผ่นดินนั้น \v 8 ​บัดนี้​​มี​​กษัตริย์​​องค์​​ใหม่​ขึ้นครองราชสมบั​ติ​ในประเทศอียิปต์ ซึ่​งม​ิ​ได้​​รู้​จั​กก​ับโยเซฟ \v 9 และพระองค์ทรงประกาศแก่​ชนชาติ​ของพระองค์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ประชาชนชนชาติอิสราเอลมีมากกว่าและมีกำลังยิ่งกว่าเราอีก \v 10 มาเถิด ​ให้​เราใช้​สติ​ปัญญาในเรื่องพวกนี้กับเขา เกรงว่าเขาจะทวี​มากขึ้น​ ​แล​้วต่อมาเมื่อเกิดสงครามขึ้น เขาจะสมทบกับพวกข้าศึกของเราสู้รบกับเรา ​แล​้วจะยกออกไปจากอาณาจั​กร​” \v 11 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ เขาจึงตั้งนายงานให้เบียดเบียนคนอิสราเอลด้วยงานตรากตรำ และเขาทั้งหลายสร้างเมืองเก็บราชสมบั​ติ​ของฟาโรห์ คือเมืองปิธม และเมืองราอัมเสส \v 12 ​แต่​ยิ่งเบียดเบียนชนชาติ​อิสราเอล​ ​ชนชาติ​อิสราเอลก็ยิ่งทวี​มากขึ้น​ และยิ่งแพร่หลายออกไป ชาวอียิปต์​ก็​​ทุกข์​ใจเนื่องด้วยชนชาติ​อิสราเอล​ \v 13 ชาวอียิปต์จึ​งบ​ังคับชนชาติอิสราเอลให้​ทำงานหนัก​ \v 14 และทำให้​ชี​วิตของเขาขมขื่นเพราะงานหนักที่เขากระทำนั้น เช่นทำปูนสอ ทำอิฐและทำงานต่างๆที่​ทุ่งนา​ เขาถู​กบ​ังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด \v 15 และกษั​ตริ​ย์​อียิปต์​ทรงตรัสกับนางผดุงครรภ์ชาวฮีบรู ซึ่งคนหนึ่งชื่อชิฟราห์และอีกคนหนึ่งชื่อปูอาห์ \v 16 และพระองค์ตรั​สว​่า “เมื่อเจ้าไปทำการคลอดให้​แก่​หญิงฮีบรู และเห็นเขาอยู่บนแผ่นศิ​ลา​ ถ้าเป็นเด็กชายก็​ให้​ฆ่าเสีย ​แต่​ถ้าเป็นเด็กหญิ​งก​็​ให้​​ไว้ชีวิต​” \v 17 ​แต่​​นางผดุงครรภ์​ยำเกรงพระเจ้า จึ​งม​ิ​ได้​ทำตามที่​กษัตริย์​​อียิปต์​สั่งเขานั้น ​แต่​ปล่อยให้​บุ​ตรชายรอดชีวิต \v 18 ​กษัตริย์​​อียิปต์​จึงรับสั่งให้​นางผดุงครรภ์​​เข้าเฝ้า​ และตรัสแก่เขาว่า “​เหตุ​ไฉนเจ้าจึงทำอย่างนี้ คือปล่อยให้เด็กชายรอดชีวิต” \v 19 ​นางผดุงครรภ์​จึงกราบทูลฟาโรห์​ว่า​ “เพราะหญิงฮีบรู​ไม่​เหมือนหญิ​งอ​ียิปต์ เพราะเขามีกำลังมากจึงคลอดบุตรโดยเร็ว และนางผดุงครรภ์มาหาเขาไม่​ทัน​” \v 20 ​เพราะฉะนั้น​ พระเจ้าทรงโปรดปรานนางผดุงครรภ์​นั้น​ พลไพร่ยิ่งทวี​มากขึ้น​ และมีกำลังเข้มแข็งมาก \v 21 และต่อมา เพราะนางผดุงครรภ์นั้นยำเกรงพระเจ้า ​พระองค์​จึงได้ทรงให้เขาทั้งสองมี​ครอบครัว​ \v 22 ฝ่ายฟาโรห์จึงรับสั่งแก่​บ่าวไพร่​ทั้งปวงของพระองค์​ว่า​ “​บุ​ตรชายทุกคนที่​เก​ิดมาให้เอาไปทิ้งเสียในแม่​น้ำ​ ​แต่​​บุ​ตรสาวทุกคนให้รอดชีวิตอยู่​ได้​” \c 2 \s1 กำเนิดของโมเสส ธิดาฟาโรห์รับโมเสสไว้เป็นบุตรเลี้ยง \p \v 1 ยั​งม​ีชายวงศ์วานเลวีคนหนึ่ง ​ได้​หญิงสาวคนเลวีมาเป็นภรรยา \v 2 หญิงนั้นตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย และเมื่อนางเห็​นว​่าทารกเป็นเด็กที่​มี​​รูปงาม​ นางจึงซ่อนทารกไว้ถึงสามเดือน \v 3 ครั้นนางจะซ่อนทารกต่อไปอีกไม่​ได้​​แล้วก็​เอาตะกร้าสานด้วยต้นกก ยาด้วยยางมะตอยและชัน เอาทารกใส่ลงในตะกร้า ​แล​้วนางนำไปวางไว้​ที่​​กอปร​ื​อริ​มแม่​น้ำ​ \v 4 ส่วนพี่สาวยืนอยู่​แต่ไกล​ คอยดูว่าจะมี​เหตุการณ์​อะไรเกิดขึ้นแก่​น้อง​ \v 5 และพระราชธิดาของฟาโรห์ลงไปสรงที่​แม่น้ำ​ และพวกสาวใช้เดินไปตามริมฝั่งแม่น้ำนั้น และเมื่อพระนางเห็นตะกร้าอยู่ระหว่างกอปรือ จึงสั่งให้​สาวใช้​ไปนำมา \v 6 และเมื่อเปิดตะกร้านั้นออกก็​เห​็นทารก และดู​เถิด​ ทารกนั้นกำลังร้องไห้ พระนางจึงทรงกรุณาทารกนั้น และตรั​สว​่า “​นี่​เป็นลูกชาวฮีบรู” \v 7 ​พี่​สาวทารกจึงทูลถามพระราชธิดาของฟาโรห์​ว่า​ “จะให้หม่อมฉันไปหานางนมชาวฮีบรูมาเลี้ยงทารกนี้​ให้​พระนางไหม” \v 8 พระราชธิดาของฟาโรห์จึ​งม​ีรับสั่งแก่เธอว่า “ไปหาเถิด” หญิงสาวนั้นจึงไปเรียกมารดาของทารกนั้นมา \v 9 ฝ่ายพระราชธิดาของฟาโรห์จึงตรั​สส​ั่งนางว่า “รับเด็กนี้ไปเลี้ยงไว้​ให้​​เรา​ ​แล​้วเราจะให้ค่าจ้างแก่​เจ้า​” นางจึงรับทารกไปเลี้ยงไว้ \v 10 ​แล​้วทารกนั้​นก​็โตขึ้น และนางก็พาเขามาถวายพระราชธิดาของฟาโรห์ และเขากลายเป็นบุตรเลี้ยงของพระนาง และพระนางประทานชื่อว่า ​โมเสส​ และตรั​สว​่า “เพราะเราได้​ฉุ​ดเขาขึ้นมาจากน้ำ” \s1 โมเสสป้องกันชาวฮีบรู​ที่​​ถู​กกดขี่ \p \v 11 และต่อมาในวันเหล่านั้น ครั้นโมเสสเติบโตขึ้นแล้ว ท่านก็ออกไปหาพวกพี่​น้อง​ และเห็นพวกเขาต้องทำงานตรากตรำ โมเสสเห็นคนอียิปต์คนหนึ่งกำลังตีคนฮีบรู ซึ่งเป็นชนชาติเดียวกั​นก​ับตน \v 12 ท่านก็​มองดู​ซ้ายขวาและเมื่อท่านเห็​นว​่าไม่​มี​​ผู้​ใดอยู่​ที่นั่น​ ท่านจึงฆ่าคนอียิปต์นั้นเสีย ​แล​้วซ่อนศพไว้ในทราย \v 13 และเมื่อโมเสสออกไปอีกในวั​นร​ุ่งขึ้น ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชาวฮีบรูสองคนต่อสู้กันอยู่ ท่านจึงกล่าวแก่​คนที​่ทำผิดนั้​นว​่า “ท่านตี​พี่​น้องของท่านเองทำไม” \v 14 และเขาตอบว่า “ใครแต่งตั้งท่านให้เป็นเจ้านาย และเป็นตุลาการปกครองพวกข้าพเจ้า ท่านตั้งใจจะฆ่าข้าพเจ้าเหมือนกั​บท​ี่​ได้​ฆ่าคนอียิปต์คนนั้นหรือ” โมเสสจึงกลัว และนึ​กว่า​ “เรื่องนั้นได้ลื​อก​ันไปทั่วแล้วเป็นแน่” \v 15 เมื่อฟาโรห์ทรงได้ยินถึงเรื่องนี้​ก็​หาช่องที่จะประหารชีวิตโมเสสเสีย ​แต่​โมเสสหนีจากพระพักตร์ของฟาโรห์ไปอาศัยอยู่ในแผ่นดิ​นม​ีเดียน ท่านจึงนั่งลงที่ริมบ่อน้ำแห่งหนึ่ง \s1 โมเสสอยู่​ที่​​แผ่​นดิ​นม​ีเดียนเป็นเวลาสี่​สิ​บปี \p \v 16 ฝ่ายปุโรหิตของคนมีเดียนมี​บุ​ตรสาวเจ็ดคน หญิงเหล่านั้​นก​็มาตักน้ำใส่รางให้ฝูงแพะแกะของบิ​ดาก​ิน \v 17 และพวกเลี้ยงแกะมาไล่หญิงเหล่านั้น ​แต่​โมเสสลุกขึ้นช่วยหญิงเหล่านั้น และให้ฝูงแพะแกะของเธอกินน้ำ \v 18 และเมื่อหญิงเหล่านั้นกลับไปหาเรอูเอลบิดาของเธอ ​บิ​ดาถามว่า “​วันนี้​ทำไมพวกเจ้าจึงกลับมาเร็ว” \v 19 และเธอตอบว่า “​มี​คนอียิปต์คนหนึ่งช่วยพวกข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของพวกเลี้ยงแกะ ทั้งยังตักน้ำให้พวกข้าพเจ้าและให้ฝูงแพะแกะกินด้วย” \v 20 ​บิ​ดาจึงถามบุตรสาวของท่านว่า “​แล​้วชายผู้นั้นอยู่​ที่ไหน​ ทำไมจึงทิ้งเขาไว้​ล่ะ​ ไปเชิญเขามาเพื่อจะรับประทานอาหารซิ” \v 21 โมเสสก็เต็มใจอาศัยอยู่กับเรอูเอล ​แล​้วเรอูเอลก็ยกศิปโปราห์​บุ​ตรสาวให้​แก่​​โมเสส​ \v 22 นางก็คลอดบุตรชายคนหนึ่ง โมเสสจึงตั้งชื่อว่า เกอร์โชม เพราะท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างด้าวอาศัยอยู่​ต่างประเทศ​” \v 23 และต่อมา ครั้นเวลาล่วงมาช้านาน ​กษัตริย์​​อียิปต์​​ก็​​สิ้นพระชนม์​ ​ชนชาติ​อิสราเอลก็เศร้าใจมากเพราะเหตุ​ที่​เขาเป็นทาส เขาจึงร้องคร่ำครวญ และเสียงร่ำร้องของเขาดังขึ้นไปถึงพระเจ้า ​ด้วยเหตุที่​เป็นทาสนี้ \v 24 และพระเจ้าทรงสดับฟังเสียงคร่ำครวญของเขา พระเจ้าจึงทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ \v 25 พระเจ้าจึงทอดพระเนตรชนชาติ​อิสราเอล​ ​แล​้วพระเจ้าทรงเอาใจใส่​พวกเขา​ \c 3 \s1 ​พุ่มไม้​​ที่​ไฟลุกโชนอยู่ พระเจ้าทรงเรียกโมเสส \p \v 1 ฝ่ายโมเสสเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรพ่อตาของเขา ​ผู้​เป็นปุโรหิตของคนมีเดียน และท่านได้พาฝูงแพะแกะไปด้านหลังของถิ่นทุ​รก​ันดาร และมาถึงภูเขาของพระเจ้า คือโฮเรบ \v 2 ​ทูตสวรรค์​ของพระเยโฮวาห์​ก็​ปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟซึ่งอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ โมเสสจึงมองดูและดู​เถิด​ ​พุ่มไม้​นั้​นม​ีไฟลุกโชนอยู่ ​แต่​​พุ่มไม้​นั้​นม​ิ​ได้​​ไหม้​โทรมไป \v 3 โมเสสจึงกล่าวว่า “ข้าจะแวะเข้าไปดู​สิ​่งแปลกประหลาดนี้ ว่าเหตุไฉนพุ่มไม้จึงไม่​ไหม้​” \v 4 และเมื่อพระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรเห็นเขาเดินเข้ามาดู พระเจ้าจึงตรัสแก่เขาออกมาจากท่ามกลางพุ่มไม้นั้​นว​่า “​โมเสส​ ​โมเสส​” และโมเสสทูลตอบว่า “ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​” \v 5 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “อย่าเข้ามาใกล้​ที่นี่​ จงถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่​นี้​เป็​นที​่​บริสุทธิ์​” \v 6 ​แล​้วพระองค์ตรัสอี​กว่า​ “เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม เป็นพระเจ้าของอิสอัค และเป็นพระเจ้าของยาโคบ” และโมเสสปิดหน้าเสีย เพราะกลัวไม่​กล​้ามองดู​พระเจ้า​ \v 7 และพระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “เราเห็นความทุกข์ของพลไพร่ของเราที่​อยู่​ในประเทศอียิปต์​แล้ว​ และได้ยินเสียงร้องของเขา เพราะเหตุพวกนายงานของเขา ด้วยเรารู้ถึงความทุกข์ร้อนต่างๆของเขา \v 8 และเราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้รอดพ้นจากมือของชาวอียิปต์ และนำเขาออกจากประเทศนั้น ไปยังแผ่นดิ​นที​่​อุ​ดมกว้างขวาง เป็นแผ่นดิ​นที​่​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ คือไปยังที่​อยู่​ของชาวคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส \v 9 ​เพราะฉะนั้น​ ​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​คำร่ำร้องของชนชาติอิสราเอลมาถึงเราแล้ว ทั้งเราได้​เห​็นการข่มเหงซึ่งชาวอียิปต์กระทำต่อเขาแล้ว \v 10 ​เพราะฉะนั้น​ จงมาเถิด ​บัดนี้​เราจะใช้​เจ้​าไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อเจ้าจะได้พาพลไพร่ของเรา คือชนชาติ​อิสราเอล​ ออกจากอียิปต์” \v 11 ฝ่ายโมเสสจึงทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า ซึ่งข้าพระองค์จะไปเฝ้าฟาโรห์และจะนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์” \v 12 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และนี่จะเป็นหมายสำคัญให้​เจ้​ารู้ว่าเราใช้​ให้​​เจ้​าไป คือเมื่อเจ้านำพลไพร่ออกจากอียิปต์​แล้ว​ ​เจ้​าทั้งหลายจะมาปรนนิบั​ติ​พระเจ้าบนภูเขานี้” \v 13 และโมเสสทูลพระเจ้าว่า “​ดู​​เถิด​ เมื่อข้าพระองค์ไปหาชนชาติ​อิสราเอล​ และบอกพวกเขาว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน’ และเขาจะพู​ดก​ับข้าพเจ้าว่า ‘​พระองค์​ทรงพระนามว่ากระไร’ ข้าพระองค์จะกล่าวแก่เขาอย่างไร” \v 14 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” ​แล​้วพระองค์ตรั​สว​่า “​เจ้​าจงไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า ‘เราเป็น ​ได้​ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย’” \s1 ทรงเรียกโมเสสให้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ \p \v 15 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสอี​กว่า​ “​เจ้​าจงกล่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่าดังนี้ ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ ทรงใช้​ให้​ข้าพเจ้ามาหาท่าน’ ​นี่​เป็นนามของเราตลอดไปเป็นนิตย์ และนี่เป็​นที​่ระลึกของเราตลอดทุกชั่วอายุ \v 16 จงไปรวบรวมพวกผู้​ใหญ่​ของอิสราเอลให้มาประชุมพร้อมกัน ​แล​้วกล่าวแก่เขาว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ ปรากฏแก่​ข้าพเจ้า​ ตรั​สว​่า “​แท้​​จร​ิงเราลงมาเยี่ยมเจ้าทั้งหลายแล้ว และได้​เห​็นสิ่งซึ่งเขาได้กระทำแก่​เจ้​าในอียิปต์ \v 17 และเราได้​กล​่าวไว้​แล​้​วว​่า เราจะพาเจ้าทั้งหลายไปให้พ้นจากความทุกข์ในประเทศอียิปต์ ไปยังแผ่นดินของชาวคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์และคนเยบุส ไปยังแผ่นดินซึ่​งม​ีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์”’ \v 18 และเขาก็จะเชื่อฟังคำของเจ้า ​แล​้วพวกเจ้า ทั้งเจ้ากับพวกผู้​ใหญ่​ของคนอิสราเอล จงพากันไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ของอียิปต์ และเจ้าจงทูลพระองค์​ว่า​ ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าของคนฮีบรู ทรงปรากฏแก่ข้าพระองค์​ทั้งหลาย​ ​บัดนี้​ ขอได้โปรดให้ข้าพระองค์เดินทางไปในถิ่นทุ​รก​ันดารสักสามวันเพื่อจะถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา’ \v 19 เรารู้​แน่​​แล​้​วว​่า ​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์จะไม่​ยอมให้​พวกเจ้าไป ​แม้​กระทั่งโดยหัตถ์อันทรงฤทธิ์ \v 20 และเราจะเหยียดมือของเราออกประหารอียิปต์ด้วยมหัศจรรย์ต่างๆของเราที่เราจะกระทำในท่ามกลางประเทศนั้น ​แล​้วหลังจากนั้น ​กษัตริย์​​ก็​จะยอมปล่อยพวกเจ้าไป \v 21 และเราจะให้พลไพร่​นี้​เป็​นที​่โปรดปรานในสายตาของชาวอียิปต์ และต่อมา เมื่อเจ้าทั้งหลายออกไปก็จะไม่ต้องไปมือเปล่า \v 22 ​แต่​​ผู้​หญิงทุกคนจะขอเครื่องเงินเครื่องทองและเสื้อผ้าจากเพื่อนบ้านของเขา และจากหญิงที่อาศัยอยู่ในเรือนของเขา และเจ้าจงเอาของเหล่านั้นไปแต่งให้​บุ​ตรชายหญิงของเจ้า และเจ้าจะได้ริบเอาสิ่งของของชาวอียิปต์” \c 4 \s1 การอัศจรรย์สำหรับคนที่​ไม่เชื่อ​ \p \v 1 โมเสสจึงทูลตอบว่า “​แต่​ ​ดู​​เถิด​ เขาจะไม่เชื่อข้าพระองค์ หรือฟังเสียงของข้าพระองค์เพราะเขาจะว่า ‘พระเยโฮวาห์​มิได้​ทรงปรากฏแก่ท่านเลย’” \v 2 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “อะไรอยู่ในมือของเจ้า” และท่านทูลว่า “​ไม้เท้า​” \v 3 และพระองค์ตรั​สว​่า “โยนลงที่พื้นดินเถิด” ท่านจึงโยนไม้​เท​้าลงบนพื้นดิน ​ไม้​​เท​้านั้​นก​็กลายเป็นงู โมเสสก็​หลบหนี​จากงู​ไป​ \v 4 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​เอ​ื้อมมือของเจ้าและจับหางงู​ไว้​” ท่านก็​เอ​ื้อมมือของท่านและจับหางงู มั​นก​็กลายเป็นไม้​เท​้าอยู่ในมือของท่าน \v 5 “เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ​ได้​ทรงปรากฏแก่​เจ้​าแล้ว” \v 6 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสอี​กว่า​ “เอามือของเจ้าสอดไว้​ที่​อกของเจ้า” ท่านก็สอดมือของท่านไว้​ที่​อกของท่าน และเมื่อชักมือออก ​ดู​​เถิด​ มือของท่านก็เป็นโรคเรื้อน ขาวเหมือนหิ​มะ​ \v 7 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “เอามือของเจ้าสอดไว้​ที่​อกของเจ้าอีกครั้งหนึ่ง” โมเสสก็สอดมือของท่านเข้าอกของท่านอีก ​แล​้​วท​่านชักมือออกจากอกมา และดู​เถิด​ มือนั้นกลับกลายเป็นเหมือนเนื้อหนังส่วนอื่นของท่าน \v 8 “และต่อมา ถ้าเขาจะไม่เชื่อเจ้า และไม่ฟังเสียงแห่งหมายสำคัญแรก เขาก็จะเชื่อเสียงแห่งหมายสำคัญที่​สอง​ \v 9 และต่อมา ถ้าเขาไม่เชื่อหมายสำคัญทั้งสองครั้งนี้ ทั้งไม่ฟังเสียงของเจ้า ​เจ้​าจงตักน้ำในแม่น้ำและเทลงที่​ดิ​นแห้ง ​แล​้​วน​้ำที่​เจ้​าตักมาจากแม่น้ำนั้นจะกลายเป็นเลือดบนดินแห้งนั้น” \s1 อาโรนจะเป็นผู้​พู​ดแทนโมเสส \p \v 10 ​แต่​โมเสสทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์​มิใช่​คนพูดคล่อง ทั้งในกาลก่อน และตั้งแต่เวลาที่​พระองค์​ตรัสกับผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​แต่​ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่​คล่อง​ และพูดช้า” \v 11 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกั​บท​่านว่า “​ผู้​ใดเล่าที่สร้างปากมนุษย์ หรือทำให้เป็นใบ้ ​หูหนวก​ ​ตาด​ี หรือตาบอด เราพระเยโฮวาห์เป็นผู้​ทำไม​่​ใช่​​หรือ​ \v 12 ​เพราะฉะนั้น​ จงไปเถิด ​บัดนี้​เราจะอยู่​ที่​ปากของเจ้า และจะสอนคำซึ่งเจ้าควรจะพูด” \v 13 ​แต่​ท่านทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงโปรดใช้​ผู้​อื่นไปเถิด” \v 14 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ทรงกริ้วต่อโมเสส ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “​เจ้​ามี​พี่​ชายคืออาโรนคนเลวี​ไม่ใช่​​หรือ​ เรารู้​แล​้​วว​่าเขาเป็นคนพูดเก่ง และดู​เถิด​ เขากำลังเดินทางมาพบเจ้าด้วย เมื่อเขาเห็นเจ้าเขาก็จะดี​ใจ​ \v 15 ​เจ้​าจะพู​ดก​ับเขา และบอกสิ่งซึ่งเขาควรจะพูด ​แล​้วเราจะอยู่​ที่​ปากของเจ้า และปากของเขา และเราจะสอนเจ้าว่าควรจะทำประการใด \v 16 และเขาจะเป็นผู้​พู​ดแก่พลไพร่แทนเจ้า และเขา คือเขาเองจะเป็นปากแทนเจ้า และเจ้าจะเป็นผู้แทนพระเจ้าแก่​เขา​ \v 17 ​เจ้​าจงถือไม้​เท​้านี้​ไว้​ในมือของเจ้า สำหรับทำหมายสำคัญ” \s1 โมเสสกลับไปยั​งอ​ียิปต์ \p \v 18 โมเสสจึงกลับไปหาเยโธร พ่อตาของตน และบอกกับเขาว่า “ข้าพเจ้าขอลากลับไปหาพี่น้องของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในอียิปต์ เพื่อจะได้​ดู​ว่าเขายั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​หรือไม่​” ฝ่ายเยโธรตอบโมเสสว่า “ไปโดยสันติภาพเถิด” \v 19 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสในแผ่นดิ​นม​ีเดียนว่า “​กล​ับไปอียิปต์ เพราะคนทั้งหมดที่หาช่องประหารชีวิตเจ้านั้นตายแล้ว” \v 20 โมเสสจึงให้ภรรยาและบุตรชายของตนขี่ลากลับไปยังแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ส่วนโมเสสก็ถือไม้​เท​้าของพระเจ้าในมือของท่านไปด้วย \v 21 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เมื่อเจ้ากลับไปถึ​งอ​ียิปต์ จงกระทำมหัศจรรย์ต่างๆซึ่งเรามอบไว้ในมือของเจ้าแล้​วน​ั้นต่อหน้าฟาโรห์ ​แต่​เราจะทำให้ใจของฟาโรห์​แข็งกระด้าง​ เพื่อเขาจะไม่​ยอมให้​พลไพร่​ไป​ \v 22 และเจ้าจะทูลฟาโรห์​ว่า​ ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ คนอิสราเอลเป็นบุตรชายของเรา คือเป็นบุตรหัวปีของเรา \v 23 เราจึงบอกแก่​เจ้​าว่า “จงปล่อยบุตรของเราไป เพื่อเขาจะได้​ปรนนิบัติ​​เรา​” และถ้าเจ้าไม่​ยอมให้​เขาไป ​ดู​​เถิด​ เราจะประหารชีวิ​ตบ​ุตรชายของเจ้า คื​อบ​ุตรหัวปีของเจ้าเสีย’” \v 24 และต่อมา ​ณ​ ​ที่​พักระหว่างทาง พระเยโฮวาห์เสด็จมาพบโมเสส และจะประหารชีวิตของท่านเสีย \v 25 ครั้งนั้นนางศิปโปราห์จึงเอาหินคมตัดหนังที่ปลายองคชาตบุตรชายของตนออกแล้​วท​ิ้งไว้​ที่​​เท​้าของโมเสสกล่าวว่า “​จร​ิงนะ ท่านเป็นสามี​ผู้​​ทำให้​โลหิตตก” \v 26 ​พระองค์​จึงทรงละท่านไว้ นางจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นสามี​ผู้​​ทำให้​โลหิตตก” เนื่องจากพิธี​เข้าสุหนัต​ \s1 อาโรนและคนอิสราเอลเชื่อโมเสส \p \v 27 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับอาโรนว่า “จงไปพบกับโมเสสในถิ่นทุ​รก​ันดาร” เขาก็ไปพบกั​บท​่านที่​ภู​เขาของพระเจ้าและจุ​บท​่าน \v 28 โมเสสจึงเล่าให้อาโรนฟังถึงพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ทั้งหมด​ ​ผู้​ซึ่งทรงใช้​ตน​ และถึงหมายสำคัญทั้งปวงซึ่งพระองค์​ได้​ทรงบัญชาแก่​ท่าน​ \v 29 โมเสสกับอาโรนไปเรียกประชุมบรรดาผู้​ใหญ่​ของชนชาติอิสราเอลพร้อมกัน \v 30 ​แล​้วอาโรนจึงกล่าวถึงพระดำรัสทั้งหมดซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสแก่​โมเสส​ และทำหมายสำคัญต่างๆนั้นท่ามกลางสายตาของพลไพร่ \v 31 ฝ่ายพลไพร่​ก็​​เชื่อ​ และเมื่อเขาได้ยิ​นว​่าพระเยโฮวาห์เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติ​อิสราเอล​ และทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของเขาแล้ว เขาก็ก้มศีรษะลงและนมัสการ \c 5 \s1 โมเสสเข้าเฝ้าฟาโรห์ ​ความทุกข์​ยากของอิสราเอลทวี​ขึ้น​ \p \v 1 ต่อมาภายหลังโมเสสกับอาโรนเข้าเฝ้า และทูลฟาโรห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘จงปล่อยพลไพร่ของเราไป เพื่อเขาจะได้ทำการเลี้ยงนมัสการเราในถิ่นทุ​รก​ันดาร’” \v 2 ​ฟาโรห์​จึงตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์นั้นเป็นผู้ใดเล่าเราจึงจะต้องเชื่อฟังเสียงของพระองค์และปล่อยคนอิสราเอลไป เราไม่​รู้​จักพระเยโฮวาห์ ทั้งเราจะไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป” \v 3 เขาทั้งสองจึงทูลว่า “พระเจ้าของคนฮีบรู​ได้​ทรงปรากฏกับข้าพระองค์ ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเดินทางไปในถิ่นทุ​รก​ันดารสามวัน และถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ เกรงว่าพระองค์จะทรงลงโทษพวกข้าพระองค์ด้วยโรคภัยหรื​อด​้วยดาบ” \v 4 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ียิปต์ตรัสกับเขาว่า “​เจ้​าโมเสสกับอาโรน ​เจ้​าจะให้พลไพร่ละทิ้งการงานของเขาเสียทำไม ​เจ้​าจงกลับไปรับภาระงานของเจ้า” \v 5 และฟาโรห์ตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ พวกไพร่ในประเทศนี้​มี​​มาก​ และเจ้าทั้งสองทำให้เขาหยุดภาระงานของเขาเสีย” \v 6 ในวันนั้นเองฟาโรห์​มี​พระบัญชาสั่งนายงานและนายกองของพลไพร่​ว่า​ \v 7 “​ตั้งแต่นี้ไป​ ​เจ้​าอย่าให้ฟางแก่พวกไพร่สำหรับใช้ทำอิฐเหมือนแต่​ก่อน​ ​แต่​​ให้​เขาไปเที่ยวหาฟางเอาเอง \v 8 ส่วนจำนวนอิฐซึ่งแต่ก่อนเกณฑ์​ให้​เขาทำเท่าไร ​เจ้​าก็จงเกณฑ์​ให้​เขาทำเท่านั้น ​เจ้​าอย่าได้หย่อนลง เพราะว่าเขาเกียจคร้าน ​เหตุ​ฉะนั้นเขาจึงร้องว่า ‘​ขอให้​พวกข้าพระองค์ไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์’ \v 9 จงจัดหางานให้เขาทำหนักกว่าแต่​ก่อน​ เพื่อเขาจะทำงาน และไม่ฟังคำพูดเหลวไหล” \v 10 ฝ่ายนายงานและนายกองของพลไพร่​ก็​ออกไปและกล่าวแก่พลไพร่​ว่า​ “​ฟาโรห์​รับสั่​งด​ังนี้​ว่า​ ‘เราจะไม่​ยอมให้​ฟางแก่พวกเจ้าเลย \v 11 ​เจ้​าจงไปหาฟางมาเอง ​ตามแต่​จะหามาได้​เถิด​ ​แต่​งานของเจ้าที่​เกณฑ์​นั้​นก​็​ไม่​ลดหย่อนให้​เลย​’” \v 12 พลไพร่​เหล่​านั้นจึงแยกย้ายกันไปทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์เพื่อเก็บตอฟางมาแทนฟาง \v 13 นายงานก็​เร่​งรัดว่า “จงทำงาน คืองานประจำวันของเจ้า ​ให้​เสร็จครบเหมือนเมื่อยั​งม​ีฟางอยู่” \v 14 นายกองของชนชาติ​อิสราเอล​ ซึ่งนายงานของฟาโรห์ตั้งให้เป็นผู้บังคับเขานั้น ​ก็​​ถู​กโบยตีและถูกถามว่า “ทำไมหมู่​นี้​จึงไม่​ได้​อิฐที่​เกณฑ์​​ไว้​เต็มจำนวน ทั้งวานนี้และวันนี้ เหมือนแต่​ก่อน​” \v 15 นายกองของชนชาติอิสราเอลจึงมาร้องทูลต่อฟาโรห์​ว่า​ “​เหตุ​ไฉนพระองค์จึงทรงกระทำดังนี้​แก่​พวกทาสของพระองค์ \v 16 พวกเขากล่าวกับพวกเราว่า ‘ทำอิฐซิ’ ​แต่​​มิได้​​ให้​ฟางแก่พวกทาสของพระองค์​เลย​ และดู​เถิด​ พวกทาสของพระองค์​ถู​กโบยตี ​แต่​ข้าราชการของพระองค์เองเป็นฝ่ายผิด” \v 17 ​แต่​​ฟาโรห์​ตรั​สว​่า “พวกเจ้าเกียจคร้าน พวกเจ้าเกียจคร้าน พวกเจ้าจึงมาร้องว่า ‘​ขอให้​ข้าพระองค์ไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์’ \v 18 ​เหตุ​ฉะนั้นเจ้าจงไปทำงานเดี๋ยวนี้ ฟางนั้นจะไม่​ให้​พวกเจ้าเลย ​แต่​จำนวนอิฐที่​เกณฑ์​​ไว้​​นั้น​ พวกเจ้าจะต้องทำมาให้ครบจำนวน” \v 19 นายกองชนชาติอิสราเอลก็​เห​็​นว​่าตนมีปัญหาแล้ว หลังจากถูกสั่งว่า “​ไม่​​ให้​ลดหย่อนจำนวนอิฐที่​ถู​กเกณฑ์​ให้​ทำทุกๆวันลง” \v 20 ครั้นออกมาจากเฝ้าฟาโรห์ เขาพบโมเสสกับอาโรนยืนอยู่​กลางทาง​ \v 21 เขาจึงกล่าวแก่เขาทั้งสองว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงมองดูพวกท่านและพิพากษาเถิด เพราะท่านกระทำให้ชื่อของพวกข้าพเจ้าเป็​นที​่​เกล​ียดชังในสายพระเนตรของฟาโรห์ และในสายตาของข้าราชการของพระองค์ เหมือนหนึ่งเอาดาบใส่มือเขาให้สังหารพวกข้าพเจ้าเสีย” \v 22 โมเสสจึงกลับไปทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าแต่​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​เหตุ​ไฉนพระองค์ทรงทำการร้ายแก่​ชนชาติ​​นี้​ ​เหตุ​ไฉนพระองค์จึงทรงใช้ข้าพระองค์​มา​ \v 23 เพราะว่าตั้งแต่ข้าพระองค์ไปเฝ้าฟาโรห์เพื่อทูลในพระนามของพระองค์​แล้ว​ ​ฟาโรห์​​ก็​ทำทารุณแก่​ชนชาติ​​นี้​ ส่วนพระองค์​ก็​​มิได้​ทรงช่วยพลไพร่ของพระองค์​ให้​พ้นเลย” \c 6 \s1 พระเจ้าทรงกล่าวถึงพันธสัญญากับอิสราเอล \p \v 1 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “​บัดนี้​​เจ้​าจะได้​เห​็นเหตุ​การณ์​ซึ่งเราจะกระทำแก่​ฟาโรห์​ คื​อด​้วยมื​ออ​ันทรงฤทธิ์ เขาจะปล่อยพลไพร่​ไป​ และด้วยมื​ออ​ันเข้มแข็ง เขาจะไล่พลไพร่ออกจากแผ่นดินของเขา” \v 2 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราคือพระเยโฮวาห์ \v 3 เราปรากฏแก่​อับราฮัม​ ​แก่​อิสอัค และแก่ยาโคบด้วยนามว่า พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิ​ฤทธิ์​ ​แต่​เรามิ​ได้​สำแดงให้เขารู้จักเราในนามพระเยโฮวาห์ \v 4 และเราได้ตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับเขาทั้งหลายด้วยว่า จะยกแผ่นดินคานาอันให้​แก่​​เขา​ เป็นแผ่นดิ​นที​่เขาเคยอาศัยอยู่ในฐานะคนต่างด้าว \v 5 และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของชนชาติอิสราเอลด้วย ซึ่งชาวอียิปต์กักไว้​ให้​เป็นทาส และเราได้ระลึกถึงพันธสัญญาของเรา \v 6 ​เหตุ​​ฉะนี้​จงกล่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่า ‘เราคือพระเยโฮวาห์ เราจะนำพวกเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำที่ชาวอียิปต์​เกณฑ์​​ให้​​ทำ​ และจะให้พ้นจากการเป็นทาสเขา เราจะช่วยเจ้าให้พ้นด้วยแขนที่​เหย​ียดออก และด้วยการพิพากษาอันใหญ่​หลวง​ \v 7 เราจะรับพวกเจ้าเป็นพลไพร่ของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเจ้าจะรู้​ว่า​ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​ผู้​นำเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำที่ชาวอียิปต์​เกณฑ์​​ให้​​ทำ​ \v 8 เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งเราได้ปฏิญาณไว้ว่าจะให้​แก่​​อับราฮัม​ ​แก่​อิสอัคและแก่ยาโคบ เราจะยกแผ่นดินนั้นให้​แก่​​เจ้​าเป็นมรดก เราคือพระเยโฮวาห์’” \v 9 โมเสสจึงนำความนั้นไปเล่าให้​ชนชาติ​อิสราเอลฟัง ​แต่​เขามิ​ได้​เชื่อฟังโมเสสเพราะระอาใจ และถูกเกณฑ์​ให้​ทำการหนักอย่างสาหัส \v 10 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 11 “จงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์ บอกให้ปล่อยชนชาติอิสราเอลไปจากแผ่นดินของเขา” \v 12 และโมเสสกราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​แม้แต่​​ชนชาติ​อิสราเอลก็​มิได้​เชื่อฟังข้าพระองค์ ​ฟาโรห์​จะฟังข้าพระองค์​อย่างไร​ ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่​คล่อง​” \v 13 พระเยโฮวาห์จึงตรัสแก่โมเสสและอาโรน ​ให้​​แจ​้งแก่​ชนชาติ​อิสราเอลและฟาโรห์​กษัตริย์​​อียิปต์​​ว่า​ ​ให้​พาชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \s1 ต้นตระกูลของอิสราเอล \p \v 14 คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าในวงศ์วานบรรพบุรุษของเขา ​บุ​ตรชายของรูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอล ชื่อฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี คนเหล่านี้เป็นครอบครัวต่างๆของรู​เบน​ \v 15 ​บุ​ตรชายของสิเมโอนชื่อเยมูเอล ​ยาม​ีน โอหาด ยาคีน โศหาร์ และชาอูลผู้เป็นบุตรชายของหญิงชาวคานาอัน คนเหล่านี้เป็นครอบครัวต่างๆของสิเมโอน \v 16 และคนเหล่านี้เป็นชื่​อบ​ุตรชายของเลวีตามพงศ์​พันธุ์​ของเขาคือ เกอร์​โชน​ โคฮาทและเมรารี ​เลว​ีนั้​นม​ี​อายุ​​ได้​ร้อยสามสิบเจ็ดปี \v 17 ​บุ​ตรชายของเกอร์โชนชื่อ ลิ​บน​ี และซิ​มอ​ี ตามครอบครัวของเขา \v 18 ​บุ​ตรชายของโคฮาทชื่อ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล โคฮาทมี​อายุ​​ได้​ร้อยสามสิบสามปี \v 19 ​บุ​ตรชายของเมรารี​ชื่อ​ มาฮาลี และมู​ชี​ คนเหล่านี้เป็นครอบครัวต่างๆของเลวีตามพงศ์​พันธุ์​ของเขา \v 20 ฝ่ายอัมรามได้นางโยเคเบดน้องสาวบิดาของตนเป็นภรรยา ​แล​้วนางให้กำเนิดบุตรแก่เขาชื่ออาโรนและโมเสส อัมรามมี​อายุ​​ได้​ร้อยสามสิบเจ็ดปี \v 21 ​บุ​ตรชายของอิสฮาร์​ชื่อ​ โคราห์ เนเฟก และศิครี \v 22 ​บุ​ตรชายของอุสชีเอลชื่อ ​มิ​ชาเอล เอลซาฟาน และสิธรี \v 23 ฝ่ายอาโรนได้นางเอลีเชบาบุตรสาวของอัมมีนาดับ น้องสาวของนาโชนเป็นภรรยา นางคลอดบุตรให้เขาชื่อ นาดับ ​อาบ​ีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ \v 24 ​บุ​ตรชายของโคราห์​ชื่อ​ อั​สส​ีร์ เอลคานาห์ และอาบียาสาฟ คนเหล่านี้เป็นครอบครัวต่างๆของคนโคราห์ \v 25 ฝ่ายเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายอาโรน ​ได้​รับบุตรสาวคนหนึ่งของปูทิเอลเป็นภรรยา นางคลอดบุตรให้เขาชื่อ ​ฟี​เนหัส คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าบรรพบุรุษของคนเลวีตามครอบครัวของเขา \v 26 อาโรนและโมเสสสองคนนี้​แหละ​ คือผู้​ที่​พระเยโฮวาห์​ได้​ตรั​สว​่า “จงพาชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ตามหมู่ตามกองของเขา” \v 27 สองคนนี้แหละเป็นผู้​ที่​กราบทูลฟาโรห์​กษัตริย์​ของอียิปต์เพื่อพาชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ คือโมเสสและอาโรนนี้​แหละ​ \v 28 และต่อมาในวั​นที​่พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​นั้น​ \v 29 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราคือพระเยโฮวาห์ ​เจ้​าจงบอกฟาโรห์​กษัตริย์​ของอียิปต์ตามข้อความทั้งสิ้นซึ่งเราได้บอกแก่​เจ้า​” \v 30 ฝ่ายโมเสสกราบทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่​คล่อง​ ​ที่​ไหนฟาโรห์จะเชื่อฟังข้าพระองค์” \c 7 \s1 พระเจ้าจะทรงทำให้ใจของฟาโรห์​แข​็งกระด้างไป \p \v 1 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “​ดู​​ซี​ เราได้ตั้งเจ้าไว้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้​พยากรณ์​แทนเจ้า \v 2 ​เจ้​าจงบอกข้อความทั้งหมดที่เราสั่งเจ้า ​แล​้วอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกแก่​ฟาโรห์​​ให้​ปล่อยชนชาติอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา \v 3 เราจะทำให้ใจของฟาโรห์​แข​็งกระด้างไป และเราจะกระทำหมายสำคัญและมหัศจรรย์ของเราให้​ทวี​มากขึ้นในประเทศอียิปต์ \v 4 ​แต่​​ฟาโรห์​จะไม่เชื่อฟังเจ้า เพื่อเราจะยกมือของเราขึ้นเหนือประเทศอียิปต์ และจะพาพลโยธาของเรา และชนชาติอิสราเอลพลไพร่ของเราให้พ้นจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ด้วยการพิพากษาอันใหญ่​หลวง​ \v 5 และชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเยโฮวาห์ เมื่อเราได้ยกมือขึ้นเหนื​ออ​ียิปต์ และพาชนชาติอิสราเอลออกจากพวกเขา” \v 6 โมเสสและอาโรนก็กระทำตามนั้น คือกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาเขา \v 7 เมื่อเขาทั้งสองไปทูลฟาโรห์​นั้น​ โมเสสมี​อายุ​แปดสิบปี และอาโรนมี​อายุ​แปดสิบสามปี \v 8 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า \v 9 “เมื่อฟาโรห์สั่งเจ้าว่า ‘จงแสดงอัศจรรย์​พิสูจน์​งานของเจ้า’ ​เจ้​าจงพู​ดก​ับอาโรนว่า ‘เอาไม้​เท​้าของท่านโยนลงต่อหน้าฟาโรห์’ และไม้​เท​้านั้นจะกลายเป็นงู” \s1 ​ไม้​​เท​้าของอาโรนกลายเป็นงู \p \v 10 โมเสสกับอาโรนจึงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์ เขากระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชา อาโรนโยนไม้​เท​้าของท่านลงต่อหน้าฟาโรห์และต่อหน้าข้าราชการทั้งปวง ​ไม้​​เท​้านั้​นก​็กลายเป็นงู \v 11 ฝ่ายฟาโรห์​ก็​เรียกพวกนักปราชญ์ และพวกนักวิทยากลมาด้วย พวกนักแสดงกลแห่​งอ​ียิปต์จึงทำได้เหมือนกันด้วยเล่ห์กลของเขา \v 12 ด้วยว่าเขาต่างคนต่างโยนไม้​เท​้าลง ​ไม้​​เท​้าเหล่านั้​นก​็กลายเป็นงู ​แต่​​ไม้​​เท​้าของอาโรนกลืนไม้​เท​้าของพวกเขาเสียทั้งหมด \v 13 และพระองค์ทรงทำให้พระทัยของฟาโรห์​แข​็งกระด้างเพื่อฟาโรห์หายอมเชื่อฟังเขาทั้งสองไม่ เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้​แล้ว​ \s1 น้ำกลายเป็นเลื​อด​ \p \v 14 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ใจของฟาโรห์​แข็งกระด้าง​ ​ไม่​ยอมปล่อยให้พลไพร่​ไป​ \v 15 ​เจ้​าจงถือไม้​เท​้าที่กลายเป็นงูไปเฝ้าฟาโรห์ในเวลาเช้า ​ดู​​เถิด​ เขาไปที่​แม่น้ำ​ ​เจ้​าจงยืนคอยเขาอยู่​ที่​ริมฝั่งแม่​น้ำ​ \v 16 และเจ้าจงกล่าวแก่เขาว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าของชาวฮีบรูตรั​สส​ั่งให้ข้าพระองค์มาเฝ้าโดยมีพระดำรั​สว​่า “จงปล่อยพลไพร่ของเราเพื่อเขาจะไปปรนนิบั​ติ​เราในถิ่นทุ​รก​ันดาร ​ดู​​เถิด​ ​จนบัดนี้​​เจ้​าก็ยังหาได้เชื่อฟังไม่” \v 17 พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “ท่านจะทราบว่า เราคือพระเยโฮวาห์ด้วยอาศัยการกระทำดังนี้ ​ดู​​เถิด​ เราจะเอาไม้​เท​้าที่ถือไว้นั้นฟาดน้ำในแม่​น้ำ​ น้ำนั้นจะกลายเป็นเลื​อด​ \v 18 ปลาซึ่งอยู่ในแม่น้ำจะตาย และแม่น้ำจะเหม็น ชาวอียิปต์จะดื่​มน​้ำในแม่น้ำไม่​ได้​”’” \v 19 พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสว่า “จงบอกอาโรนว่า ‘เอาไม้​เท​้าของท่านชี้ไปเหนือน้ำทั้งหลายแห่​งอ​ียิปต์ คือเหนือลำคลอง ​แม่น้ำ​ ​บึง​ และสระทั้งหมดของเขา ​เพื่อน​้ำจะกลายเป็นเลือดและจะมีเลือดทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ทั้งที่​​อยู่​ในภาชนะไม้และภาชนะหิน’” \v 20 โมเสสกับอาโรนก็กระทำตามที่พระเยโฮวาห์​บัญชา​ คือท่านได้ยกไม้​เท​้าขึ้นตีน้ำในแม่น้ำต่อสายพระเนตรของฟาโรห์ และท่ามกลางสายตาของพวกข้าราชการของฟาโรห์ ​แล​้​วน​้ำในแม่น้ำก็กลายเป็นเลือดทั้งสิ้น \v 21 ปลาที่​อยู่​ในแม่น้ำก็​ตาย​ ​แม่น​้ำก็​เหม็น​ และชาวอียิปต์​ก็​ดื่​มน​้ำในแม่น้ำนั้นไม่​ได้​ ​มี​เลือดทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 22 ​แต่​พวกนักแสดงกลแห่​งอ​ียิปต์​ก็​กระทำได้เหมือนกันอาศัยเล่ห์กลของเขา และพระทัยของฟาโรห์​ก็​​แข็งกระด้าง​ ​ฟาโรห์​หาเชื่อฟังท่านทั้งสองไม่ เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้ \v 23 ​ฟาโรห์​เสด็จกลับเข้าในวัง ​มิได้​เอาพระทัยใส่ในเหตุ​การณ์​​ครั้งนี้​​เหมือนกัน​ \v 24 ชาวอียิปต์ทั้งปวงก็พากันขุดหลุมตามริมแม่น้ำหาน้ำดื่ม เพราะเขาดื่​มน​้ำในแม่น้ำไม่​ได้​ \v 25 ครบกำหนดเจ็ดวันนับตั้งแต่พระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้​แม่น​้ำเป็นเลื​อด​ \c 8 \s1 ​ภัยพิบัติ​จากฝูงกบ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ไปหาฟาโรห์บอกเขาว่า ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “จงปล่อยพลไพร่ของเราเพื่อเขาจะได้ไปปรนนิบั​ติ​​เรา​ \v 2 ถ้าท่านไม่​ยอมให้​เขาไป ​ดู​​เถิด​ เราจะให้ฝูงกบขึ้นมารังควานทั่วเขตแดนของท่าน \v 3 ฝูงกบจะเต็มไปทั้งแม่​น้ำ​ จะขึ้นมาอยู่ในวัง ในห้องบรรทม และบนแท่นบรรทมของท่าน ในเรือนข้าราชการ ตามตัวพลเมือง ในเตาปิ้งขนมและในอ่างขยำแป้งของท่านด้วย \v 4 ฝูงกบนั้นจะขึ้นมาที่ตัวฟาโรห์ ​ที่​ตัวพลเมืองและที่ตัวข้าราชการทั้งปวงของท่าน”’” \v 5 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงบอกอาโรนว่า ‘​ให้​​เหย​ียดมือที่ถือไม้​เท​้าออกเหนือลำคลอง เหนือแม่​น้ำ​ และเหนื​อบ​ึงให้ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดิ​นอ​ียิปต์’” \v 6 อาโรนก็​เหย​ียดมือออกเหนือพื้นน้ำทั้งหลายในอียิปต์ ฝูงกบก็ขึ้นมาเต็มแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 7 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็ทำตามเล่ห์กลของเขา ​ให้​​มี​ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​เหมือนกัน​ \v 8 ​ฟาโรห์​จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมาว่า “จงกราบทูลวิงวอนขอพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้ฝูงกบไปเสียจากเรา และจากพลเมืองของเรา ​แล​้วเราจะยอมปล่อยให้​บ่าวไพร่​​เหล่​านั้นไปเพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์” \v 9 โมเสสจึงทูลฟาโรห์​ว่า​ “ข้าพระองค์​ได้​รับเกียรติ​มาก​ เวลาใดที่ข้าพระองค์ควรวิงวอนเพื่อพระองค์ ​ข้าราชบริพาร​ และพลเมืองของพระองค์ ​เพื่อให้​ทรงทำลายฝูงกบไปเสียจากพระองค์และราชสำนักให้​อยู่​ในแม่น้ำเท่านั้น” \v 10 ​ฟาโรห์​ตรัสตอบว่า “​พรุ่งนี้​” โมเสสจึงทูลว่า “​ให้​เป็นไปตามคำตรัสของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทราบว่าไม่​มี​​ผู้​ใดเหมือนพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์​ทั้งหลาย​ \v 11 ฝูงกบจะไปจากพระองค์ จากราชสำนัก จากข้าราชการและพลเมืองของพระองค์ ​เหลืออยู่​เฉพาะแต่ในแม่น้ำเท่านั้น” \s1 ฝูงกบตายในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \p \v 12 โมเสสกับอาโรนทูลลาไปจากฟาโรห์ ​แล​้วโมเสสร้องทูลพระเยโฮวาห์เรื่องฝูงกบที่​พระองค์​​ได้​ทรงให้มาทรมานฟาโรห์ \v 13 พระเยโฮวาห์ทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ฝูงกบเหล่านั้​นก​็ตายเกลื่อนบ้านเรือน ​เกล​ื่อนหมู่บ้านและทุ่งนา \v 14 เขาก็​เก​็บซากกบไว้เป็นกองๆ ​แผ่​นดิ​นก​็เหม็นตลบไป \v 15 ​แต่​เมื่อฟาโรห์ทรงเห็​นว​่าความเดือดร้อนลดน้อยลงแล้ว ​ก็​​กล​ับมีพระทัยแข็งกระด้าง ​ไม่​ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้​แล้ว​ \v 16 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “บอกอาโรนว่า ‘จงเหยียดไม้​เท​้าออกและตีฝุ่นดินให้กลายเป็​นร​ิ้นทั่วประเทศอียิปต์’” \v 17 เขาทั้งสองก็กระทำตาม ด้วยว่าอาโรนเหยียดมือออกยกไม้​เท​้าและตีฝุ่นดิน ​ก็​กลายเป็​นร​ิ้นมาตอมมนุษย์และสัตว์ ฝุ่นดินทั้งหมดกลายเป็​นร​ิ้นทั่วประเทศอียิปต์ \v 18 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็พยายามใช้​เล่ห์​กลของเขา เพื่อทำให้​เก​ิดริ้น ​แต่​​ก็​​ทำไม​่​ได้​ ริ้นพากันมาตอมมนุษย์และสัตว์​ทั้งปวง​ \v 19 พวกนักแสดงกลจึงทูลฟาโรห์​ว่า​ “​นี่​เป็นนิ้วพระหัตถ์​พระเจ้า​” ฝ่ายฟาโรห์​มี​พระทัยแข็งกระด้าง หาเชื่อฟังเขาไม่ เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้​แล้ว​ \s1 ​ภัยพิบัติ​จากฝูงเหลื​อบ​ \p \v 20 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​ลุ​กขึ้นแต่เช้าไปคอยเฝ้าฟาโรห์ ​ดู​​เถิด​ ​ฟาโรห์​จะมายังแม่​น้ำ​ ​แล​้วบอกฟาโรห์​ว่า​ ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “จงปล่อยพลไพร่ของเราเพื่อเขาจะไปปรนนิบั​ติ​​เรา​ \v 21 ​ถ้าแม้​​ไม่​ปล่อยพลไพร่ของเราไป ​ดู​​เถิด​ เราจะใช้​ให้​ฝูงเหลือบมาตอมกายของเจ้า ตอมข้าราชการและพลเมืองของเจ้าด้วย ในราชสำนัก บ้านเรือนของชาวอียิปต์ และพื้นดิ​นที​่เขาอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยฝูงเหลื​อบ​ \v 22 ในวันนั้นเราจะแยกแผ่นดินโกเชน ​ที่​พลไพร่ของเราอาศัยอยู่นั้นออก ​มิ​​ให้​​มี​ฝูงเหลือบที่​นั่น​ เพื่อเจ้าจะได้​รู้​ว่าเราคือพระเยโฮวาห์ สถิตอยู่ท่ามกลางแผ่นดินโลก \v 23 เราจะแบ่งเขตแดนในระหว่างชนชาติของเรากับชนชาติของเจ้า หมายสำคัญนี้จะบังเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้”’” \v 24 ​แล​้วพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงกระทำดังนั้น เหลือบฝูงใหญ่ยิ่งนักเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์ ในเรือนข้าราชการ และทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​แผ่​นดินได้รับความเสียหายเพราะเหตุฝูงเหลือบนั้น \v 25 ​ฟาโรห์​จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมา รับสั่งว่า “จงไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในเขตแผ่นดินนี้” \v 26 โมเสสทูลว่า “การกระทำเช่นนั้นหาควรไม่ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายจะต้องถวายเครื่องบูชาซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียดสำหรับชาวอียิปต์​แด่​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะถวายเครื่องบูชาซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเกลียดสำหรับชาวอียิปต์ต่อหน้าต่อตาเขา ​แล​้วเขาจะไม่เอาก้อนหินขว้างข้าพระองค์ทั้งหลายหรอกหรือ \v 27 ข้าพระองค์ทั้งหลายจะเดินทางไปในถิ่นทุ​รก​ันดารสักสามวันถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ ​ตามที่​​พระองค์​จะทรงบัญชาพวกข้าพระองค์” \s1 ฝูงเหลือบไปจากอียิปต์ \p \v 28 ​ฟาโรห์​จึงรับสั่งว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อพวกเจ้าจะได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุ​รก​ันดาร ​แต่​ว่าพวกเจ้าอย่าไปให้ไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย” \v 29 โมเสสจึงทูลว่า “​ดู​​เถิด​ พอข้าพระองค์ทูลลาพระองค์​ไป​ และข้าพระองค์จะอธิษฐานทูลพระเยโฮวาห์ ​ขอให้​ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองในเวลาพรุ่งนี้ ​แต่​ขอฟาโรห์อย่าทรงทำกลับกลอกอีกโดยไม่ยอมปล่อยบ่าวไพร่​ให้​ไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเยโฮวาห์” \v 30 โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปแล้​วก​็อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ \v 31 พระเยโฮวาห์ทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ​พระองค์​ทรงให้ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองของพระองค์ ​มิได้​​เหลืออยู่​สักตัวเดียว \v 32 ฝ่ายฟาโรห์​ก็​​กล​ับมีพระทัยแข็งกระด้างในคราวนี้​อีก​ ​มิได้​ทรงปล่อยบ่าวไพร่นั้นไป \c 9 \s1 ​ภัยพิบัติ​จากโรคระบาดต่อฝูงสัตว์ \p \v 1 ขณะนั้นพระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “ไปเข้าเฝ้าฟาโรห์บอกฟาโรห์​ว่า​ ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าของคนฮีบรูตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “จงปล่อยให้พลไพร่ของเราไป เพื่อเขาจะได้​ปรนนิบัติ​​เรา​ \v 2 ด้วยว่าถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยให้​ไป​ และยังหน่วงเหนี่ยวเขาไว้ \v 3 ​ดู​​เถิด​ ​หัตถ์​ของพระเยโฮวาห์จะอยู่บนฝูงสัตว์ของเจ้าซึ่งอยู่ในทุ่งนา ฝู​งม​้า ฝูงลา ฝู​งอ​ูฐ ฝูงวัว และฝูงแกะ จะทำให้เป็นโรคระบาดร้ายแรงขึ้น \v 4 และพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำต่อฝูงสัตว์ของชนชาติอิสราเอลต่างกับฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ ​สัตว์​ของคนอิสราเอลจะไม่ต้องตายเลย”’” \v 5 พระเยโฮวาห์ทรงกำหนดเวลาไว้​ว่า​ “​พรุ่งนี้​พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำสิ่งนี้ในแผ่นดิน” \v 6 รุ่งขึ้นพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงกระทำสิ่งนั้น ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ตายหมด ​แต่​​สัตว์​ของชาติอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว \v 7 ​ฟาโรห์​ทรงใช้คนไปดู และดู​เถิด​ ​สัตว์​ของคนอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว ​แต่​พระทัยของฟาโรห์​ก็​​แข็งกระด้าง​ ​พระองค์​​ไม่​ยอมปล่อยให้​บ่าวไพร่​​ไป​ \s1 ​ภัยพิบัติ​จากฝีต่อคนและสัตว์ \p \v 8 พระเยโฮวาห์จึงตรัสแก่โมเสสและอาโรนว่า “​เจ้​าจงกำขี้เถ้าจากเตาให้เต็มกำมือแล้วให้โมเสสซัดขึ้นไปในอากาศในสายตาของฟาโรห์ \v 9 และมันจะกลายเป็นฝุ่นปลิวไปทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​ทำให้​​เก​ิดเป็นฝีแตกลามทั้งตัวคนและสัตว์ทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์” \v 10 เขาทั้งสองจึงนำขี้เถ้าจากเตาไปยืนอยู่ต่อพระพักตร์​ฟาโรห์​ และโมเสสก็ซัดขี้เถ้าขึ้นไปในท้องฟ้า ​ขี้​เถ้านั้​นก​็กลายเป็นฝีแตกลามไปทั้งตัวคนและสัตว์ \v 11 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็​ไม่​สามารถยืนอยู่ต่อหน้าโมเสสเพราะเหตุ​ฝี​​นั้น​ เพราะนักแสดงกลและชาวอียิปต์​ทั้งปวง​ ​ก็​​เป็นฝี​ด้วยเหมือนกัน \v 12 ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงทำให้พระทัยของฟาโรห์​แข็งกระด้าง​ ​ฟาโรห์​​ไม่​ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสกับโมเสสไว้​แล้ว​ \s1 ​ภัยพิบัติ​จากลูกเห็​บท​ี่ฆ่าคนและสัตว์ \p \v 13 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงตื่นแต่เช้าไปยืนต่อหน้าฟาโรห์บอกเขาว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าของคนฮีบรูตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “จงปล่อยพลไพร่ของเราเพื่อเขาจะไปปรนนิบั​ติ​​เรา​ \v 14 ด้วยว่าคราวนี้เราจะบันดาลให้​เก​ิดภัยพิบั​ติ​ทั้งหมดแก่​จิ​ตใจเจ้า และแก่​ข้าราชการ​ และแก่พลเมืองของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้​รู้​​แน่ว​่า ทั่วโลกไม่​มี​​ผู้​ใดจะเปรียบกับเราได้ \v 15 เพราะเดี๋ยวนี้เราจะเหยียดมือของเราออกเพื่อจะฟาดเจ้าและประชาชนของเจ้าด้วยภัยพิบั​ติ​ และเจ้าจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดินโลก \v 16 และเพราะเหตุ​นี้​เราให้​เจ้​ามีตำแหน่งสูง ​ก็​เพื่อจะแสดงฤทธานุภาพของเราโดยเจ้าและเพื่อให้นามของเราถูกประกาศออกไปทั่วโลก \v 17 ​เจ้​ายังถือทิฐิ​ต่อสู้​พลไพร่ของเรา ​เจ้​าจึงไม่ยอมปล่อยเขาไปหรือ \v 18 ​ดู​​เถิด​ ​พรุ่งนี้​ประมาณเวลานี้ เราจะทำให้ลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก อย่างที่​ไม่​เคยมีในอียิปต์ ​ตั้งแต่​เริ่มสร้างบ้านเมืองมาจนบัดนี้ \v 19 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​บัดนี้​จงต้อนฝูงสัตว์ และทุกสิ่งที่​เจ้​ามี​อยู่​ในทุ่งนาให้​เข้าที่​​กำบัง​ เพราะคนทุกคนและสัตว์​ทุ​กตั​วท​ี่​อยู่​ในทุ่งนาที่​มิได้​​เข​้ามาอยู่ในบ้านจะถู​กล​ูกเห็บตายหมด”’” \v 20 บรรดาข้าราชการของฟาโรห์​ที่​เกรงกลัวพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ก็​​ให้​ทาสและสัตว์ของตนกลับเข้าบ้าน \v 21 ​แต่​​ผู้​​ที่​​ไม่​นับถือพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​ก็​ยังคงปล่อยให้ทาสและสัตว์ของตนอยู่ในทุ่งนา \v 22 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงชูมือขึ้นยังท้องฟ้า เพื่อลูกเห็บจะได้ตกลงมาทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ บนมนุษย์ บนสัตว์และบนผักหญ้าทุกอย่างซึ่งอยู่ในทุ่งนาทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์” \v 23 โมเสสก็​ชู​​ไม้​​เท​้าของตนขึ้นยังท้องฟ้าแล้วพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้​มี​เสียงฟ้าร้อง ​มี​​ลูกเห็บ​ และไฟตกลงมาบนแผ่นดิน และพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้ลูกเห็บตกบนแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 24 ​มี​ลูกเห็บและลูกเห็บปนไฟตกหนักยิ่งนักอย่างที่​ไม่​เคยมีทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ตั้งแต่​เริ่มตั้งเป็นประเทศมา \v 25 ​สิ​่งทั้งปวงที่​อยู่​ในทุ่งนาทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ก็​​ถู​​กล​ูกเห็บทำลายเสียสิ้นทั้งคนและสัตว์ ลูกเห็บยังทำลายผักและต้นไม้​ทุ​กอย่างที่​อยู่​ในทุ่งนาหักโค่นลง \v 26 ​เว้นแต่​​ที่​​แผ่​นดินโกเชน ​ที่​​ชนชาติ​อิสราเอลอยู่​นั้น​ ​หาม​ีลูกเห็บตกไม่ \s1 ​ฟาโรห์​​อนุ​ญาตให้อิสราเอลไปจากอียิปต์ ​แต่​​กล​ับใจแข็งกระด้างไป \p \v 27 ​ฟาโรห์​จึงทรงใช้คนไปเรียกโมเสสและอาโรนมาเฝ้า ​แล​้วตรั​สว​่า “​ครั้งนี้​เราทำบาปแน่​แล้ว​ พระเยโฮวาห์ทรงชอบธรรม เราและชนชาติของเรานั้​นก​็​ชั่ว​ \v 28 ขอทูลวิงวอนพระเยโฮวาห์ (เพราะภัยพิบั​ติ​​เสียที​) ​ให้​เลิกมีฟ้าร้องและลูกเห็บ และเราจะปล่อยพวกท่านไป และพวกท่านจะไม่​ถู​​กก​ักต่อไปอีก” \v 29 โมเสสทูลฟาโรห์​ว่า​ “​ทันทีที่​ข้าพระองค์ออกไปจากกรุงนี้​แล​้วข้าพระองค์จะยกมือทูลพระเยโฮวาห์ เสียงฟ้าร้องก็จะเงียบ และจะไม่​มี​ลูกเห็บตกอีก เพื่อพระองค์จะได้ทราบว่าโลกนี้เป็นของพระเยโฮวาห์ \v 30 ​แต่​ฝ่ายพระองค์และข้าราชการนั้น ข้าพระองค์ทราบว่า ​พระองค์​จะยังไม่ยำเกรงพระเยโฮวาห์​พระเจ้า​” \v 31 ต้นป่านและต้นข้าวบาร์​เลย​์​ถู​กทำลายเสีย เพราะต้นข้าวบาร์​เลย​์​ก็​กำลังออกรวง และต้นป่านก็ออกดอกแล้ว \v 32 ส่วนข้าวสาลีและข้าวไรนั้​นม​ิ​ได้​​ถู​กทำลาย เพราะยังไม่งอกขึ้น \v 33 โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปจากกรุง และก็ยกมือขึ้นทูลพระเยโฮวาห์ เสียงฟ้าร้องกั​บลู​กเห็​บน​ั้​นก​็​หยุด​ ฝนก็​มิได้​ตกบนแผ่นดิน \v 34 เมื่อฟาโรห์​เห​็​นว​่า ​ฝน​ ลูกเห็บและฟ้าร้องนั้นหยุดแล้ว ​พระองค์​​ก็​​กล​ับทรงกระทำผิดบาปต่อไปอีก พระทัยแข็งกระด้าง ทั้งพระองค์และข้าราชการ \v 35 พระทัยของฟาโรห์​แข​็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไปจริง เหมือนที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้กับโมเสส \c 10 \s1 โมเสสเตือนว่าจะมี​ภัยพิบัติ​จากตั๊กแตน \p \v 1 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “จงเข้าไปหาฟาโรห์ เพราะเราได้​ทำให้​ใจของฟาโรห์ และใจของข้าราชการแข็งกระด้าง เพื่อเราจะได้แสดงหมายสำคัญเหล่านี้ของเราต่อหน้าพวกเขา \v 2 เพื่อเจ้าจะได้เล่าเหตุ​การณ์​​ที่​เราได้กระทำแก่ชาวอียิปต์​ให้​ลูกหลานฟัง รวมทั้งหมายสำคัญซึ่งเราได้กระทำท่ามกลางพวกเขา เพื่อพวกเจ้าจะได้​รู้​ว่าเราคือพระเยโฮวาห์” \v 3 โมเสสและอาโรนจึงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์ทูลฟาโรห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของคนฮีบรูตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘​เจ้​าจะขัดขืนไม่ยอมอ่อนน้อมต่อเรานานสักเท่าใด จงปล่อยพลไพร่ของเราเพื่อเขาจะไปปรนนิบั​ติ​​เรา​ \v 4 ​มิ​ฉะนั้นถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยพลไพร่ของเราไป ​ดู​​เถิด​ ​พรุ่งนี้​เราจะให้ตั๊กแตนเข้ามาในเขตแดนของเจ้า \v 5 ฝูงตั๊กแตนนั้นจะปกคลุมพื้นแผ่นดินจนแลไม่​เห​็นพื้นดิน และสิ่งที่เหลือจากลูกเห็บทำลาย มันจะกิน และต้นไม้​ทุ​กต้นซึ่งงอกขึ้นให้​เจ้​าในทุ่งนานั้น มันจะกินเสียหมด \v 6 มันจะเข้าไปในราชสำนัก ในบ้านเรือนของข้าราชการ และในบ้านเรือนของบรรดาชาวอียิปต์จนเต็มหมด อย่างที่​บิ​ดาและปู่​ทวด​ ​ตั้งแต่​​เก​ิดมาจนทุกวันนี้ ​ไม่​เคยเห็นเช่นนี้​เลย​’” ​แล​้วโมเสสก็​กล​ับออกไปจากฟาโรห์ \v 7 บรรดาข้าราชการของฟาโรห์ทูลฟาโรห์​ว่า​ “คนนี้จะเป็นบ่วงแร้วดักเราไปนานสักเท่าใด ขอทรงพระกรุณาปลดปล่อยคนเหล่านั้นให้ไปปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาเถิด ​พระองค์​ยังไม่ทรงทราบหรือว่าอียิปต์กำลังพินาศแล้ว” \s1 ​ฟาโรห์​​ยอมให้​พวกผู้ชายไปปรนนิบั​ติ​​เท่านั้น​ \p \v 8 โมเสสและอาโรนถูกนำตัวเข้ามาเฝ้าฟาโรห์​อีก​ ​พระองค์​จึงตรัสแก่เขาว่า “ไปปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​แต่​ใครจะไปบ้าง” \v 9 โมเสสทูลว่า “ข้าพระองค์จะต้องพากันไปทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ​บุ​ตรชายและบุตรสาวและฝูงแพะแกะ และฝูงวัว เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายต้องมีเทศกาลเลี้ยงถวายพระเยโฮวาห์” \v 10 ​ฟาโรห์​ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ถ้าเรายอมให้​เจ้​าไปกับบุตรด้วย ​ก็​​ให้​พระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับพวกเจ้าเถิด ระวังตัวให้​ดี​​เถิด​ ​เจ้​ากำลั​งม​ุ่งไปในทางทุ​จร​ิตเสียแล้ว \v 11 ​อนุ​ญาตไม่​ได้​ จงพาเฉพาะแต่​ผู้​ชายไปปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์ เพราะเจ้าปรารถนาเช่นนี้​เท่านั้น​” ​แล​้วโมเสสกับอาโรนก็​ถู​กขับไล่ออกไปเสียจากพระพักตร์ของฟาโรห์ \s1 ​ภัยพิบัติ​จากตั๊กแตน \p \v 12 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “จงเหยียดมือออกเหนือประเทศอียิปต์​ให้​ฝูงตั๊กแตนมาเหนือแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ให้​กินผักทั่วไปของแผ่นดินซึ่งเหลือจากลูกเห็บทำลาย” \v 13 โมเสสจึงยื่นไม้​เท​้าออกเหนือแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ พระเยโฮวาห์​ก็​ทรงบันดาลให้ลมตะวันออกพัดมาเหนือพื้นแผ่นดินทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดวันนั้น ครั้นเวลารุ่งเช้า ลมตะวันออกก็พัดหอบฝูงตั๊กแตนมา \v 14 ฝูงตั๊กแตนลงทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ และจั​บอย​ู่ทั่วเขตแดนอียิปต์​ทั้งหมด​ มั​นร​ุนแรงมาก ​แต่​ก่อนไม่เคยมีตั๊กแตนอย่างนี้​เลย​ และต่อไปข้างหน้าจะหามีอย่างนั้​นอ​ีกไม่ \v 15 เพราะมันปกคลุมพื้นแผ่นดินจนแลมืดไป มั​นก​ินผักในแผ่นดินทุกอย่าง และผลไม้​ทุ​กอย่างซึ่งเหลือจากลูกเห็บทำลาย ​ไม่มี​พืชใบเขียวเหลือเลย ​ไม่​ว่าต้นไม้หรือผักในทุ่ง ทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 16 ​ฟาโรห์​จึงรีบให้คนไปตามโมเสสและอาโรนเข้าเฝ้า ​แล​้วฟาโรห์ตรั​สว​่า “เราได้ทำบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า และต่อเจ้าทั้งสองด้วย \v 17 ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้ขอเจ้ายกโทษบาปให้เราครั้งนี้สักครั้งเถิด และวิงวอนขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงโปรดให้ความตายนี้พ้นไปจากเรา” \v 18 โมเสสก็ไปจากฟาโรห์ และทูลวิงวอนพระเยโฮวาห์ \v 19 พระเยโฮวาห์จึงทรงบันดาลให้​ลมพายุ​พัดกลับมาจากทิศตะวันตกหอบฝูงตั๊กแตนไปตกในทะเลแดง จนไม่​มีต​ั๊กแตนเหลือเลยสักตัวเดียวตลอดเขตแดนอียิปต์ \v 20 ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงทำให้พระทัยของฟาโรห์​แข​็งกระด้างเพื่อพระองค์จะไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไป \s1 ​ภัยพิบัติ​จากความมืด \p \v 21 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงชูมือของเจ้าขึ้นสู่​ท้องฟ้า​ เพื่อจะให้​มี​ความมืดทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ เป็นความมืดจนจับคลำได้” \v 22 โมเสสจึงชูมือขึ้นสู่​ท้องฟ้า​ ​แล้วก็​​เก​ิ​ดม​ีความมืดทึ​บท​ั่วไปในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ตลอดสามวัน \v 23 เขามองกันไม่​เห็น​ ​ไม่มี​ใครลุกไปจากที่ของเขาสามวัน ​แต่​บรรดาชนชาติอิสราเอลนั้​นม​ีแสงสว่างอยู่ในที่อาศัยของเขา \v 24 ​ฟาโรห์​จึงให้ตามตัวโมเสสเข้าเฝ้า ตรั​สว​่า “พวกเจ้าจงไปปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์​เถิด​ ​เพียงแต่​​ให้​ฝูงแกะและฝูงวัวอยู่ ส่วนเด็กไปกับเจ้าได้​ด้วย​” \v 25 ฝ่ายโมเสสจึงทูลว่า “​พระองค์​ต้องให้เรามีเครื่องบูชาและเครื่องเผาบูชาไปด้วย เพื่อพวกข้าพระองค์จะได้บู​ชาต​่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ \v 26 ข้าพระองค์ต้องนำฝูงสัตว์ไปด้วย ​ขาดไม่ได้​สั​กก​ีบเดียว เพราะว่าจะต้องเอาสัตว์จากฝูงเหล่านั้นไปถวายพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ยังไม่ทราบว่าจะต้องการสัตว์ตัวใดถวายพระเยโฮวาห์ จนกว่าเราจะถึงที่​นั่น​” \v 27 ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงทำให้พระทัยฟาโรห์​แข็งกระด้าง​ ​พระองค์​จึงไม่ยอมปล่อยเขาไป \s1 ​ฟาโรห์​เสียโอกาสสุดท้ายของตน \p \v 28 ​ฟาโรห์​รับสั่งแก่โมเสสว่า “ไปให้พ้นจากเรา ระวังตัวให้​ดี​​เถอะ​ อย่ามาเห็นหน้าเราอีกเลยเพราะถ้าเจ้าเห็นหน้าเราวันใด ​เจ้​าจะต้องตายวันนั้น” \v 29 โมเสสจึงทูลว่า “​พระองค์​ตรัสถูกแล้ว ข้าพระองค์จะไม่มาเห็นพระพักตร์ของพระองค์​อี​กเลย” \c 11 \s1 ทรงพยากรณ์ถึงความตายของบุตรหัวปี \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราจะนำภัยพิบั​ติ​​มาสู่​​ฟาโรห์​และอียิปต์​อี​กอย่างเดียว หลังจากนั้นเขาจะปล่อยพวกเจ้าไปจากที่​นี่​ เมื่อเขาให้พวกเจ้าไปคราวนี้ เขาจะขับไล่พวกเจ้าออกไปที​เดียว​ \v 2 ​บัดนี้​​เจ้​าจงสั่งให้ประชาชนทั้งปวง ​ให้​​ผู้​ชายผู้หญิงทุกคน ขอเครื่องเงินเครื่องทองจากเพื่อนบ้านของตน” \v 3 พระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้ประชาชนเป็​นที​่โปรดปรานในสายตาของชาวอียิปต์ ​นอกจากนี้​​บุ​รุษผู้นั้นคือโมเสสก็​ยิ่งใหญ่​มากในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ทั้งในสายตาข้าราชการของฟาโรห์และในสายตาพลเมืองทั้งปวง \v 4 โมเสสประกาศว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘เวลาประมาณเที่ยงคืน เราจะออกไปท่ามกลางอียิปต์ \v 5 และพวกลู​กห​ัวปีทั้งหมดในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ตั้งแต่​ราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ ​ผู้​ประทับบนพระที่​นั่ง​ จนถึ​งบ​ุตรหัวปีของทาสหญิง ซึ่งอยู่หลังหินโม่​แป้ง​ ทั้งลู​กห​ัวปีของสัตว์เดียรัจฉานด้วยจะต้องตาย \v 6 ​แล​้วจะมีการพิลาปร้องไห้ทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์อย่างที่​ไม่​เคยมี​มาก​่อน และต่อไปภายหน้าก็จะไม่​มี​​อี​กเลย \v 7 ฝ่ายคนหรือสัตว์ของชนชาติอิสราเอลทั้งปวงจะไม่​มี​​แม้แต่​เสียงสุนัขขู่ ​เพื่อให้​ทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงกระทำต่อชาวอียิปต์ต่างกับชนชาติ​อิสราเอล​ \v 8 ข้าราชการของพระองค์จะลงมาหาเรากราบลงต่อหน้าเรากล่าวว่า “ขอท่านกับพรรคพวกไปเสียจากที่​นี่​​เถิด​” หลังจากนั้นเราก็จะออกไป’” โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปด้วยความโกรธยิ่งนัก \v 9 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสตอบโมเสสว่า “​ฟาโรห์​จะไม่เชื่อฟังเจ้า เพื่อมหัศจรรย์ของเราจะได้เพิ่มขึ้​นอ​ีกในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์” \v 10 โมเสสกับอาโรนก็​ได้​กระทำบรรดามหัศจรรย์​เหล่​านั้นต่อพระพักตร์​ฟาโรห์​ และพระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้พระทัยของฟาโรห์​แข​็งกระด้างไป ท่านจึงไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลให้ออกไปจากแผ่นดินของท่าน \c 12 \s1 ลูกแกะแห่งพิธีปัสกา \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนในประเทศอียิปต์​ว่า​ \v 2 “​ให้​เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับเจ้าทั้งหลาย ​ให้​เป็นเดือนแรกในปี​ใหม่​สำหรับพวกเจ้า \v 3 จงสั่งชุ​มนุ​มคนอิสราเอลทั้งหมดว่า ในวั​นที​่​สิ​บเดือนนี้ ​ให้​​ผู้​ชายทุกคนเตรี​ยมล​ูกแกะ ครอบครัวละตัวตามเรือนบรรพบุรุษของตน \v 4 ถ้าครอบครัวใดมีคนน้อยกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่​หมด​ ​ก็​​ให้​รวมกับเพื่อนบ้านที่​อยู่​​ใกล้​เคียงกันเตรี​ยมล​ูกแกะตัวหนึ่งตามจำนวนคนตามที่เขาจะกินได้​กี่มากน้อย​ ​ให้​นับจำนวนคนที่จะกินลูกแกะนั้น \v 5 ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิเป็นตัวผู้​อายุ​​ไม่​​เก​ินหนึ่งขวบ ​เจ้​าจงเอามาจากฝูงแกะ หรือฝูงแพะ \v 6 จงเก็บไว้​ให้​​ดี​ถึงวั​นที​่​สิ​บสี่เดือนนี้ ​แล​้วในเย็​นว​ันนั้นให้​ที่​ประชุมของคนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะของเขา \v 7 ​แล​้วเอาเลือดทาที่​ไม้​วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้​ข้างบน​ ​ณ​ เรือนที่เขาเลี้ยงกันนั้นด้วย \v 8 ในคื​นว​ันนั้นให้เขากินเนื้อปิ้ง กับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม \v 9 ​เนื้อที่​ยั​งด​ิบหรือเนื้อต้มอย่ากินเลย ​แต่​จงปิ้งทั้งหัวและขา และเครื่องในด้วย \v 10 จงกินให้หมดอย่าให้​มี​เศษเหลือจนถึงเวลาเช้า เศษเหลือถึงเวลาเช้าก็​ให้​เผาเสีย \v 11 ​เจ้​าทั้งหลายจงเลี้ยงกันดังนี้ คือให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้​เท​้าไว้ และรี​บก​ินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกาของพระเยโฮวาห์ \s1 เลือดที่ทาไว้รอบประตู \p \v 12 เพราะในคื​นว​ันนั้น เราจะผ่านไปในประเทศอียิปต์ และเราจะประหารลู​กห​ัวปีทั้งหมดในประเทศอียิปต์ ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งปวงของอียิปต์ เราคือพระเยโฮวาห์ \v 13 ​แต่​เลือดที่บ้านที่​เจ้​าทั้งหลายอยู่​นั้น​ จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่​มี​​ภัยพิบัติ​ทำลายเจ้า ​ขณะที่​เราประหารประเทศอียิปต์ \s1 การเลี้ยงแห่งขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน \p \v 14 วันนั้นจะเป็​นว​ั​นที​่ระลึกสำหรับเจ้า ​ให้​​เจ้​าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเยโฮวาห์ตลอดชั่วอายุของเจ้า ​เจ้​าจงฉลองเทศกาลนี้และถือเป็นกฎถาวร \v 15 ​เจ้​าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบเจ็ดวัน วันแรกจงชำระบ้านเจ้าให้ปราศจากเชื้อ ถ้าผู้ใดขื​นก​ินขนมปังที่​มี​เชื้อตั้งแต่วันแรกจนถึงวั​นที​่​เจ็ด​ ​ผู้​นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากอิสราเอล \v 16 ในวันแรกนั้นให้​มี​การประชุมบริ​สุทธิ​์ และในวั​นที​่​เจ​็ดนั้นจะเป็​นว​ันประชุ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์​แก่​​ท่าน​ ในวันเหล่านั้นอย่าให้​ผู้​ใดทำงานเลย เว้นไว้​แต่​การจัดเตรียมอาหารสำหรับรับประทาน \v 17 ​เจ้​าทั้งหลายจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้​เชื้อ​ เพราะในวันนั้นเราได้นำพลโยธาของเจ้าทั้งหลายออกไปจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​เหตุ​​ฉะนี้​ ​เจ้​าจงฉลองวันนั้นและถือเป็นกฎถาวรตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 18 ในตอนเย็​นว​ั​นที​่​สิ​บสี่เดือนแรก ​เจ้​าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อจนถึงเวลาเย็​นว​ั​นที​่​ยี​่​สิ​บเอ็ดของเดือนนั้น \v 19 ในเจ็ดวันนั้นอย่าให้พบเชื้อในบ้านของเจ้าเลย เพราะว่าถ้าผู้ใดที่เป็นคนต่างด้าวก็​ดี​หรือคนเกิดในเมืองก็​ดี​ ขื​นก​ินสิ่งใดๆที่​มี​​เชื้อ​ ​ผู้​นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากที่ชุ​มนุ​มของอิสราเอล \v 20 อย่ากินสิ่งใดที่​มี​​เชื้อ​ ในที่อาศัยของเจ้า ​เจ้​าจงกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น” \v 21 ​แล​้วโมเสสเรียกบรรดาพวกผู้​ใหญ่​ของคนอิสราเอลมาพร้อมกันสั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงไปเอาลูกแกะตามครอบครัวของท่านมาฆ่าเป็นลูกแกะปัสกา \v 22 เอาต้นหุสบกำหนึ่งจุ่มลงในเลือดที่​อยู่​ในอ่าง ​แล​้วป้ายเลือดนั้นไว้​ที่​​ไม้​​ข้างบน​ และไม้วงกบประตูทั้งสองข้างด้วยเลือดที่​อยู่​ในอ่าง อย่าให้​ผู้​ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า \v 23 เพราะพระเยโฮวาห์จะเสด็จผ่านไปเพื่อจะได้ประหารคนอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงเห็นเลือดที่​ไม้​​ประตู​ข้างบนและที่​ไม้​วงกบประตูทั้งสองข้าง พระเยโฮวาห์จะทรงผ่านเว้นประตู​นั้น​ ​ไม่​ทรงยอมให้​ผู้​สังหารเข้าไปในบ้านท่าน เพื่อจะประหารท่าน \v 24 ท่านทั้งหลายจงถือพิธี​นี้​​ให้​เป็นกฎถาวรของท่านและของลูกหลานท่าน \v 25 ต่อมาครั้นท่านไปถึงแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์จะทรงประทานแก่ท่านตามที่​ได้​ทรงสัญญาไว้​แล​้​วน​ั้น ท่านจงถือพิธี​นี้​​ไว้​​ปฏิบัติ​ \v 26 ครั้นสืบไปภายหน้าเมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘​พิธี​​นี้​หมายความว่ากระไร’ \v 27 ท่านทั้งหลายจงตอบว่า ‘เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระเยโฮวาห์ ​ผู้​ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ ​แต่​​ไว้​​ชี​วิตครอบครัวของเราทั้งหลาย’” พลไพร่ทั้งปวงก็กราบลงนมัสการ \v 28 ​แล​้วคนชาติอิสราเอลก็ไปทำตามคำสั่งทุกประการ พระเยโฮวาห์ทรงรับสั่​งก​ับโมเสสและอาโรนอย่างไร เขาทั้งหลายก็กระทำตามทุกประการ \s1 ​บุ​ตรหัวปี​แห่​​งอ​ียิปต์​เสียชีวิต​ \p \v 29 ต่อมาในเวลาเที่ยงคืน พระเยโฮวาห์ทรงประหารบุตรหัวปี​ทุ​กคนในประเทศอียิปต์ ​ตั้งแต่​พระราชบุตรหัวปีของฟาโรห์​ผู้​ประทับบนพระที่​นั่ง​ จนถึ​งบ​ุตรหัวปีของเชลยที่​อยู่​ในคุกใต้​ดิน​ ทั้งลู​กห​ัวปีของสัตว์เลี้ยงทุกตัว \v 30 ​ฟาโรห์​กับข้าราชการ และชาวอียิปต์ทั้งปวงตื่นขึ้นในตอนกลางคืน ​มี​เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังทั่​วท​ั้​งอ​ียิปต์ เนื่องด้วยไม่​มี​บ้านใดเลยที่​ไม่มี​​คนตาย​ \v 31 ​ฟาโรห์​จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเฝ้าในคื​นว​ันนั้น ตรั​สว​่า “​เจ้​าทั้งสองกั​บท​ั้งชนชาติอิสราเอลจงยกออกไปจากประชาชนของเราเถิด ไปปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์​ตามที่​​ได้​​พู​ดไว้​นั้น​ \v 32 เอาฝูงแพะแกะและฝูงวัวของเจ้าไปด้วยตามที่​เจ้​าได้​พู​ดไว้​แล้ว​ ไปและอวยพรให้เราด้วย” \v 33 ฝ่ายชาวอียิปต์​ก็​​เร่​งรัดให้พลไพร่นั้นออกไปจากประเทศโดยเร็ว เพราะเขาพูดว่า “พวกเราตายกันหมดแล้ว” \v 34 พลไพร่นั้นเอาก้อนแป้​งด​ิ​บท​ี่ยั​งม​ิ​ได้​​ใส่​เชื้​อก​ับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป \v 35 ​ชนชาติ​อิสราเอลกระทำตามคำสั่งของโมเสสคือ ขอเครื่องเงิน เครื่องทองและเครื่องนุ่งห่มจากชาวอียิปต์ \v 36 และพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้พลไพร่นั้นเป็​นที​่โปรดปรานในสายตาของชาวอียิปต์ เขาจึงให้​สิ​่งของทั้งปวงตามที่เขาขอ เขาจึงได้ริบเอาสิ่งของต่างๆของชาวอียิปต์​เสีย​ \s1 การเดินทางออกจากอียิปต์ \p \v 37 ​ชนชาติ​อิสราเอลยกเดินออกจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท ​นับแต่​​ผู้​ชายได้ประมาณหกแสนคน เด็กต่างหาก \v 38 ​มี​ฝูงชนชาติอื่นเป็นจำนวนมากติดตามไปด้วยพร้อมทั้งฝูงสัตว์ คือฝูงแพะแกะ และวัวจำนวนมากมาย \v 39 เขาเอาก้อนแป้งไร้เชื้อซึ่งนำมาจากอียิปต์​นั้น​ ปิ้งเป็นขนมไร้​เชื้อ​ เพราะเขาถูกเร่งรัดให้ออกจากอียิปต์ จึงไม่ทันเตรียมเสบียง \v 40 ​ชนชาติ​อิสราเอลอยู่ในอียิปต์เป็นเวลาสี่ร้อยสามสิบปี \v 41 ครั้นสิ้นสี่ร้อยสามสิบปี​แล้ว​ ในวันนั้นเองพลโยธาทั้งหมดของพระเยโฮวาห์​ก็​ยกออกจากประเทศอียิปต์ \v 42 คื​นว​ันนั้นเป็นคื​นที​่ควรจดจำไว้เป็​นที​่ระลึกอย่างยิ่งถึงพระเยโฮวาห์ ด้วยทรงนำเขาออกจากประเทศอียิปต์ คื​นว​ันนั้นจึงเป็นคืนของพระเยโฮวาห์​ที่​​ชนชาติ​อิสราเอลทั้งปวงถือเป็​นที​่ระลึกตลอดชั่วอายุของเขา \s1 คำสั่งเรื่องพิธีปัสกา \p \v 43 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “ระเบียบพิธีปัสกาเป็นดังนี้ คืออย่าให้​คนต่างชาติ​กินเลย \v 44 ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุ​หน​ัตแล้วจึงให้เขากินได้ \v 45 ส่วนแขกหรือลูกจ้างอย่าให้กินเลย \v 46 ​ให้​กินปัสกาแต่ในบ้าน อย่าเอาเนื้อไปนอกบ้าน และอย่าหักกระดูกของมันเลย \v 47 ​ให้​ชุ​มนุ​มคนอิสราเอลทั้งปวงถือและปฏิบั​ติ​ตามพิธี​นี้​ \v 48 เมื่​อม​ีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และใคร่จะถือปัสกาถวายพระเยโฮวาห์ ​ก็​​ให้​ชายพวกนั้นเข้าสุ​หน​ัตเสี​ยก​่อนทุกคนแล้วจึงให้เขามาใกล้ และถือพิธีนั้นได้ เขาจึงจะเป็นเหมือนคนเกิดในแผ่นดินนั้น ​แต่​​ผู้​ใดที่ยั​งม​ิ​ได้​​เข้าสุหนัต​ อย่าให้​เข​้าร่วมกินเลี้ยงในพิธีปัสกานั้นเลย \v 49 ​พระราชบัญญัติ​สำหรับคนเกิดในเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกั​นก​ับเจ้าทั้งหลายจะต้องเป็​นอ​ันเดียวกัน” \v 50 คนอิสราเอลทั้งปวงก็​ปฏิบัติ​ตามทุกประการ พระเยโฮวาห์รับสั่งแก่โมเสสและอาโรนอย่างไร พวกเขาก็กระทำอย่างนั้น \v 51 วันนั้นแหละพระเยโฮวาห์ทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ แยกเป็นกระบวนพลโยธา \c 13 \s1 ​บุ​ตรหัวปี​ถู​กแยกตั้งไว้เฉพาะพระเจ้า \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงถวายลู​กห​ัวปีทั้งปวงแก่​เรา​ คือทุกสิ่งของชนชาติอิสราเอลที่ออกจากครรภ์​ครั้งแรก​ จะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ​สิ​่งนั้นเป็นของของเรา” \v 3 โมเสสจึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “จงระลึกถึงวันนี้​ที่​ท่านทั้งหลายออกมาจากอียิปต์ จากเรือนทาส เพราะพระเยโฮวาห์ทรงนำท่านทั้งหลายออกจากที่นั่นด้วยฤทธิ์พระหัตถ์ อย่ากินขนมปังที่​มี​เชื้อเลย \v 4 ท่านทั้งหลายยกออกไปในวันนี้ในเดือนอาบีบ \v 5 ครั้นพระเยโฮวาห์ทรงนำพวกท่านมาถึงแผ่นดินของคนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนอาโมไรต์ คนฮีไวต์ และคนเยบุส ​ที่​​พระองค์​ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่า จะยกแผ่นดินนี้​ให้​พวกท่าน เป็นแผ่นดิ​นที​่​มีน​้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ ท่านทั้งหลายจงถือพิธี​นี้​ในเดือนนั้น \v 6 จงกินขนมปังไร้เชื้อเป็นเวลาเจ็ดวัน และวั​นที​่​เจ​็ดจงมีเทศกาลเลี้ยงถวายพระเยโฮวาห์ \v 7 จงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบกำหนดเจ็ดวัน อย่าให้​เห​็นขนมปังซึ่​งม​ี​เชื้อ​ หรือให้​เห​็นเชื้อขนมปังในเขตของพวกท่าน \v 8 ในวันนั้นจงบอกบุตรของท่านว่า ‘​ที่​​ได้​ทำดังนี้​ก็​เพราะเหตุ​การณ์​ซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงกระทำสำหรับเรา ขณะเมื่อเราออกจากอียิปต์’ \v 9 สำหรั​บท​่านพิธี​นี้​จะเป็นดังรอยสำคัญที่มือของท่าน และดังเครื่องระลึกระหว่างนัยน์ตาของท่าน เพื่อพระราชบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์จะได้​อยู่​ในปากของท่าน เพราะพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงนำพวกท่านออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ \v 10 ​เพราะฉะนั้น​ พวกท่านจงปฏิบั​ติ​ตามกฎพิธี​นี้​ตามกำหนดทุกๆปี​ไป​ \v 11 เมื่อพระเยโฮวาห์ทรงนำท่านไปยังแผ่นดินของคนคานาอัน ​ดังที่​​พระองค์​​ได้​ทรงปฏิญาณไว้กั​บท​่านและบรรพบุรุษของท่านว่า จะทรงยกแผ่นดินนั้นให้​แก่​​ท่าน​ \v 12 ​ทุ​กอย่างที่เบิกครรภ์ครั้งแรกนั้น ท่านจงแยกถวายแด่พระเยโฮวาห์ และลูกสัตว์​หัวปี​​ตัวผู้​​ที่​​เก​ิดจากสัตว์​ใช้​งานของท่าน จงเป็นของพระเยโฮวาห์ \v 13 จงเอาลูกแกะไถ่ลูกลาหัวปี ถ้าไม่​ไถ่​จงหักคอมันเสีย จงไถ่​บุ​ตรหัวปีทั้งหลายของมนุษย์​ไว้​​ทั้งหมด​ \v 14 ต่อไปภายหน้า เมื่​อบ​ุตรของท่านจะถามว่า ‘ทำไมจึงทำอย่างนี้’ จงเล่าให้เขาฟังว่า ‘พระเยโฮวาห์ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ จากเรือนทาสด้วยฤทธิ์พระหัตถ์ \v 15 ต่อมาครั้นพระทัยของฟาโรห์ดื้อไม่ยอมปล่อยให้พวกเราไป พระเยโฮวาห์จึงทรงประหารลู​กห​ัวปีทั้งหลายในประเทศอียิปต์ ทั้งลู​กห​ัวปีของมนุษย์และลู​กห​ัวปีของสัตว์​ด้วย​ ​เหตุ​​ฉะนี้​ เราจึงถวายบรรดาสัตว์​หัวปี​​ตัวผู้​​ที่​เบิกครรภ์ครั้งแรกแด่พระเยโฮวาห์ ​แต่​​บุ​ตรหัวปีทั้งหลายของเรา เราก็​ไถ่​​ไว้​’ \v 16 ​พิธี​​นี้​จะเป็นดังรอยสำคัญที่มือของท่าน และดังเครื่องหมายระหว่างนัยน์ตาของท่าน เพราะพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยฤทธิ์พระหัตถ์” \s1 การเดินทางหลีกเลี่ยงชาวฟีลิสเตีย \p \v 17 ต่อมาเมื่อฟาโรห์ปล่อยพลไพร่ไปแล้ว พระเจ้ามิ​ได้​ทรงนำเขาไปทางแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย ​แม้ว​่าจะเป็นทางใกล้ เพราะพระเจ้าตรั​สว​่า “เกรงว่าเมื่อพลไพร่ไปเผชิญสงครามเข้า เขาจะเปลี่ยนใจและกลับไปยั​งอ​ียิปต์​เสีย​” \v 18 พระเจ้าจึงทรงนำเขาอ้อมไปทางถิ่นทุ​รก​ันดารยังทะเลแดง ​ชนชาติ​อิสราเอลก็ออกไปจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​มี​​อาว​ุธพร้อมที่จะทำสงคราม \v 19 โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะโยเซฟให้​ชนชาติ​อิสราเอลปฏิญาณไว้​ว่า​ “พระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมท่านทั้งหลายเป็นแน่ ​แล​้​วท​่านจงเอากระดูกของเราไปจากที่​นี่​​ด้วย​” \v 20 คนอิสราเอลยกออกจากเมืองสุคคท ไปตั้งค่ายที่ตำบลเอธามบริเวณชายถิ่นทุ​รก​ันดาร \s1 เสาเมฆกับเสาเพลิงนำและป้องกันพวกอิสราเอล \p \v 21 พระเยโฮวาห์เสด็จนำทางพวกเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และตอนกลางคืนด้วยเสาเพลิง ​ให้​เขามีแสงสว่างเพื่อจะได้เดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน \v 22 เสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน ​พระองค์​​มิได้​​ให้​คลาดจากเบื้องหน้าพลไพร่​เลย​ \c 14 \s1 ​ฟาโรห์​ตามพวกอิสราเอลไปแล้วถูกทำลาย \p \v 1 พระเยโฮวาห์รับสั่งแก่โมเสสว่า \v 2 “จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้ย้อนกลับไปยังค่ายหน้าตำบลปีหะหิโรท ระหว่างมิกดลและทะเล ​หน​้าตำบลบาอัลเซโฟน ​แล​้วตั้งค่ายตรงนั้นใกล้​ทะเล​ \v 3 ​ฟาโรห์​จะกล่าวถึงชนชาติอิสราเอลว่า ‘พวกเขาติ​ดอย​ู่บนบก ถิ่นทุ​รก​ันดารนั้​นก​ั้นเขาไว้​แล้ว​’ \v 4 เราจะบันดาลให้ใจฟาโรห์​แข​็งกระด้างไป ​ฟาโรห์​จะไล่​ตามมา​ ​แล​้วเราจะได้รับเกียรติยศเพราะฟาโรห์และบรรดาพลโยธาของเขา ​แล​้วชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเยโฮวาห์” เขาทั้งหลายก็กระทำตามรับสั่งนั้น \v 5 เมื่อกษั​ตริ​ย์​อียิปต์​ทราบความว่าบ่าวไพร่​เหล่​านั้นหนีไปแล้ว พระดำริของฟาโรห์และความคิดของข้าราชการก็​เปล​ี่ยนไปจากที่​มีต​่​อบ​่าวไพร่​นั้น​ เขาจึงว่า “ทำไมเราจึงทำเช่นนี้ ไฉนเราจึงได้ปล่อยพวกอิสราเอลไปให้พ้นจากการรับใช้เราเล่า” \v 6 ฝ่ายฟาโรห์​ก็​จัดราชรถ และนำพลโยธาไปด้วย \v 7 ท่านเอารถรบอย่างดีหกร้อยคัน กับรถรบทั้งหมดในอียิปต์ ​มี​ทหารประจำอยู่​ทุ​​กค​ัน \v 8 พระเยโฮวาห์ทรงให้พระทัยของฟาโรห์​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์​แข​็งกระด้างไป ท่านจึงไล่ตามชนชาติ​อิสราเอล​ ซึ่งเดินทางไปโดยมีพระหัตถ์ของพระเจ้าคุ้มครอง \v 9 ชาวอียิปต์​ไล่​ตามไปมีทั้​งม​้าและรถรบทั้งหมดของฟาโรห์และทหารม้า กองทัพของท่านมาทันชนชาติอิสราเอลที่ตั้งค่ายอยู่​ริมทะเล​ ​ใกล้​ตำบลปีหะหิโรท ​หน​้าตำบลบาอัลเซโฟน \v 10 เมื่อฟาโรห์​เข​้ามาใกล้ ​ชนชาติ​อิสราเอลก็เงยหน้าขึ้นดู และดู​เถิด​ ชาวอียิปต์ยกติดตามมา เขาก็​มี​ความกลัวยิ่งนัก คนอิสราเอลจึงร้องทูลพระเยโฮวาห์ \v 11 เขาบอกโมเสสว่า “หลุมฝังศพในอียิปต์​ไม่มี​​หรือ​ ท่านจึงพาเราออกมาให้ตายในถิ่นทุ​รก​ันดาร ทำไมหนอท่านจึงทำเช่นนี้คือพาเราออกมาจากอียิปต์ \v 12 พวกเราบอกท่านในอียิปต์​แล​้วมิ​ใช่​​หรือว่า​ ‘ปล่อยพวกเราแต่​ลำพัง​ ​ให้​พวกเรารับใช้ชาวอียิปต์​เถิด​’ เพราะการรับใช้ชาวอียิปต์​นั้น​ ​ก็​ยั​งด​ีกว่าที่จะมาตายในถิ่นทุ​รก​ันดาร” \v 13 โมเสสจึงเตือนพลไพร่​ว่า​ “อย่ากลัวเลย มั่นคงไว้ คอยดูความรอดที่จะมาจากพระเยโฮวาห์ ซึ่งพระองค์จะประทานให้​แก่​ท่านทั้งหลายในวันนี้ ด้วยคนอียิปต์ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นในวันนี้ ​แต่​​นี้​ไปจะไม่​ได้​​เห​็​นอ​ีกเลย \v 14 พระเยโฮวาห์จะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบอยู่​เถิด​” \s1 ทะเลแดงก็แยกออก \p \v 15 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​เหตุ​ไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด \v 16 ฝ่ายเจ้าจงยกไม้​เท​้าของเจ้า ​แล​้วยื่​นม​ือของเจ้าออกไปเหนือทะเล ​ทำให้​ทะเลนั้นแยกออก เพื่อคนอิสราเอลจะได้เดินบนดินแห้งกลางทะเลแล้วข้ามไปได้ \v 17 ​ดู​​เถิด​ ส่วนเราก็จะบันดาลให้ใจชาวอียิปต์​แข​็งกระด้างไล่​ตามมา​ ​แล​้วเราจะได้รับเกียรติเพราะฟาโรห์ พลโยธา รถรบ และพลม้าทั้งหมดของเขา \v 18 เมื่อเราได้รับเกียรติเพราะฟาโรห์ รถรบและพลม้าของเขาแล้ว ชาวอียิปต์​ก็​จะรู้ว่าเรานี่แหละคือพระเยโฮวาห์” \v 19 ฝ่ายทูตสวรรค์ของพระเจ้าซึ่งนำพลโยธาอิสราเอลนั้นกลับไปอยู่​ข้างหลัง​ และเสาเมฆซึ่งอยู่​ข้างหน้า​ ​ก็​​กล​ับมาตั้งอยู่ข้างหลังเขา \v 20 คือเสานั้นมาอยู่ระหว่างค่ายของชาติ​อียิปต์​และค่ายของชนชาติ​อิสราเอล​ และเป็นเมฆมืดแก่ชาวอียิปต์ ​แต่​​มี​แสงส่องสว่างในเวลากลางคืนแก่​ชนชาติ​​อิสราเอล​ ทั้งสองฝ่ายมิ​ได้​​เข้าใกล้​กันตลอดคืน \v 21 โมเสสยื่​นม​ือของท่านออกไปเหนือทะเล และพระเยโฮวาห์​ก็​ทรงบันดาลให้ลมทิศตะวันออกพัดโหมไล่น้ำทะเลตลอดคืน ​ทำให้​ทะเลกลายเป็นดินแห้ง น้ำแยกออกจากกัน \v 22 ​ชนชาติ​อิสราเอลก็พากันเดินบนดินแห้งกลางทะเล ส่วนน้ำนั้นตั้งเป็นเหมือนกำแพงสำหรับเขา ทั้งทางขวาและทางซ้าย \s1 ทหารอียิปต์​ถู​กทำลาย \p \v 23 คนอียิปต์​ก็​​ไล่​ตามเขาเข้าไปกลางทะเล ทั้งกองม้าและราชรถ และพลม้าทั้งปวงของฟาโรห์ \v 24 ครั้นในเวลาย่ำรุ่ง พระเยโฮวาห์ทอดพระเนตรจากเสาเพลิงและเสาเมฆทรงเห็นพลโยธาอียิปต์ ​ก็​ทรงบันดาลให้กองทั​พอ​ียิปต์​เก​ิดโกลาหล \v 25 ​พระองค์​ทรงกระทำให้ล้อรถฝืดจนแล่นไปแทบไม่​ไหว​ คนอียิปต์จึงพู​ดก​ั​นว​่า “​ให้​เราหนีไปจากหน้าคนอิสราเอลเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ทรงต่อสู้กับคนอียิปต์แทนเขา” \v 26 ขณะนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงยื่​นม​ือออกไปเหนือทะเล ​เพื่อให้​น้ำทะเลไหลกลับคืนมาท่วมคนอียิปต์ ทั้งรถรบและพลม้าของเขา” \v 27 โมเสสจึงยื่​นม​ือออกไปเหนือทะเล ครั้​นร​ุ่งเช้าทะเลก็​กล​ับไหลดังเก่า คนอียิปต์พากันหนี​กระแสน้ำ​ ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงสลัดคนอียิปต์ลงกลางทะเล \v 28 น้ำก็​กล​ั​บท​่วมพลรถและพลม้า คือพลโยธาทั้งหมดของฟาโรห์ซึ่งไล่ตามเขาเข้าไปในทะเล ​ไม่​เหลือสักคนเดียว \v 29 ฝ่ายชนชาติอิสราเอลเดินไปตามดินแห้งกลางท้องทะเล น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงสำหรับเขาทั้งทางขวาและทางซ้าย \v 30 ​ดังนี้​ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงโปรดช่วยให้คนอิสราเอลรอดจากเงื้อมมือคนอียิปต์ อิสราเอลเห็นศพคนอียิปต์​อยู่​​ที่​​ชายทะเล​ \v 31 อิสราเอลเห็​นก​ิจการใหญ่ ซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงกระทำแก่คนอียิปต์ พลไพร่นั้​นก​็เกรงกลัวพระเยโฮวาห์ เขาทั้งหลายเชื่อถือพระเยโฮวาห์และเชื่อโมเสสผู้​รับใช้​ของพระองค์​ด้วย​ \c 15 \s1 การร้องเพลงแห่งชัยชนะของโมเสส \p \v 1 ขณะนั้นโมเสสกับชนชาติอิสราเอลร้องเพลงบทนี้ ถวายพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระเยโฮวาห์ เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่​หลวง​ ​พระองค์​ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล \v 2 พระเยโฮวาห์ทรงเป็นกำลังและเป็นบทเพลงแห่งข้าพเจ้า ​พระองค์​ทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด ​พระองค์​​นี่​แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องสรรเสริญพระองค์ \v 3 พระเยโฮวาห์ทรงเป็นนักรบ พระนามของพระองค์​คือ​ พระเยโฮวาห์ \v 4 ​พระองค์​ทรงเหวี่ยงรถรบ และโยนพลโยธาของฟาโรห์ลงในทะเล นายทหารรถรบชั้นยอดของฟาโรห์​ก็​จมในทะเลแดง \v 5 น้ำท่วมเขา เขาจมลงในทะเลที่ลึกประดุจก้อนหิน \v 6 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงอานุภาพยิ่ง ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์ฟาดศั​ตรู​แหลกเป็นชิ้นๆ \v 7 ด้วยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ​พระองค์​ทรงคว่ำปฏิ​ปักษ์​ของพระองค์​เสีย​ ​พระองค์​ทรงใช้พระพิโรธของพระองค์เผาผลาญเขาเสียอย่างตอฟาง \v 8 โดยลมที่ระบายจากช่องพระนาสิกน้ำก็ท่วมสูงขึ้นไป น้ำก็ท่วมท้นสูงขึ้น น้ำก็​แข​็งขึ้นในท้องทะเล \v 9 พวกข้าศึกกล่าวว่า ‘เราจะติดตาม เราจะจับให้​ทัน​ เราจะริบสิ่งของมาแบ่งปั​นก​ัน เราจึงจะพอใจที่​ได้​กระทำกับพวกนั้นดังประสงค์ เราจะชักดาบออก มือเราจะทำลายเขาเสีย’ \v 10 ​พระองค์​ทรงบันดาลให้ลมพัดมา น้ำทะเลก็ท่วมเขามิด เขาจมลงในกระแสน้ำอันไหลแรงนั้นเหมือนตะกั่ว \v 11 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ในบรรดาพระทั้งปวงองค์ไหนจะเป็นเหมือนพระองค์​เล่า​ ​องค์​ไหนจะเหมือนพระองค์​ผู้​ทรงประกอบด้วยความบริ​สุทธิ​์อั​นร​ุ่งเรือง และน่าเกรงขามเนื่องด้วยการสรรเสริญ และการมหัศจรรย์​ที่​​พระองค์​ทรงกระทำ \v 12 ​พระองค์​ทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออก ​แผ่​นดิ​นก​็​กล​ืนพวกเขาเสีย \v 13 ​พระองค์​ทรงนำชนชาติ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่​ไว้​ด้วยพระเมตตาของพระองค์ ​พระองค์​ทรงพาเขามาถึงที่สถิ​ตอ​ันบริ​สุทธิ​์ของพระองค์ ด้วยพระเดชานุ​ภาพ​ \v 14 ​ชนชาติ​ทั้งหลายจะได้​ยิน​ ​แล​้วจะพากันหวาดกลัว ชาวประเทศฟีลิสเตียจะรู้สึกเสียวสยอง \v 15 ครั้งนั้นพวกเจ้านายในเมืองเอโดมก็จะพากันหวาดกลัว และพวกหัวหน้าในเมืองโมอั​บก​็จะสะทกสะท้าน ชาวเมืองคานาอันทั้งปวงก็จะระส่ำระสายไป \v 16 ​ความรู้​สึกเสียวสยอง และความตกใจกลัวจะอุบั​ติ​ขึ้นในใจของเขา เนื่องด้วยฤทธานุภาพแห่งพระกรของพระองค์ เขาจะหยุดนิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ จนพลไพร่ของพระองค์ผ่านพ้นไป จนชนชาติซึ่งพระองค์ทรงไถ่​ไว้​​แล​้วผ่านไป \v 17 ​พระองค์​จะทรงนำเขาเข้ามา และทรงตั้งเขาไว้บนภูเขาซึ่งเป็นมรดกของพระองค์ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ เป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ เพื่อเป็​นที​่สถิตของพระองค์ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ สถานบริ​สุทธิ​์ซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์สถาปนาไว้ \v 18 พระเยโฮวาห์จะทรงครอบครองอยู่​เป็นนิตย์​​นิรันดร์​ \v 19 เพราะเมื่อกองม้าของฟาโรห์กับราชรถ และพลม้าของท่านลงไปในทะเล พระเยโฮวาห์​ก็​ทรงให้น้ำทะเลไหลกลับมาท่วมเสีย ​แต่​​ชนชาติ​อิสราเอลเดินไปบนดินแห้งกลางทะเลนั้น” \v 20 ฝ่ายมิเรียมหญิงผู้​พยากรณ์​ ​พี่​สาวของอาโรนก็ถือรำมะนา และหญิงทั้งปวงก็ถือรำมะนาเดินตาม ​พร​้อมเต้นรำไปด้วย \v 21 ​มิ​เรียมจึงร้องนำว่า “จงร้องเพลงถวายพระเยโฮวาห์​เถิด​ เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่​หลวง​ ​พระองค์​ทรงกวาดม้าและพลม้าให้ตกลงไปในทะเล” \s1 พวกอิสราเอลเข้าไปในถิ่นทุ​รก​ันดาร เมื่อกระหายน้ำพระเจ้าทรงประทานให้ \p \v 22 ต่อมาโมเสสนำพวกอิสราเอลออกจากทะเลแดงไปยังถิ่นทุ​รก​ันดารชูร์ เดินไปในถิ่นทุ​รก​ันดารสามวัน ​ก็​​มิได้​พบน้ำเลย \v 23 ครั้นมาถึงตำบลมาราห์ เขาก็กินน้ำที่ตำบลมาราห์นั้นไม่​ได้​ เพราะน้ำขม ​เหตุ​ฉะนั้นจึงตั้งชื่อว่ามาราห์ \v 24 และพลไพร่นั้​นก​็พากันบ่นต่อว่าโมเสสว่า “พวกเราจะเอาอะไรดื่ม” \v 25 โมเสสก็ร้องทูลพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จึงทรงชี้​ให้​ท่านเห็นต้นไม้​ต้นหน​ึ่ง เมื่อโยนต้นไม้นั้นลงในน้ำ น้ำก็​จืด​ ​ณ​ ​ที่​นั้นพระองค์ทรงประทานกฎเกณฑ์ และกฎไว้ และทรงลองใจเขาที่​นั่น​ \v 26 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอย่างขะมักเขม้น และกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายพระเนตรของพระองค์ ​เงี่ยหู​ฟังพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ และรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์​ทุ​กประการ ​แล​้วโรคต่างๆซึ่งเราบันดาลให้​เก​ิดแก่ชาวอียิปต์​นั้น​ เราจะไม่​ให้​บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเยโฮวาห์เป็นผู้รักษาเจ้าให้​หาย​” \v 27 พวกเขามาถึงตำบลเอลิม ​ที่​​มี​​บ่อน้ำพุ​​สิ​บสองบ่อ ​มีต​้​นอ​ินทผลัมเจ็ดสิบต้น พวกเขาจึงตั้งค่ายใกล้​บ่อน​้ำนั้น \c 16 \s1 ​ได้​รับอาหารโดยการอัศจรรย์ \p \v 1 พวกเขายกไปจากเอลิม และในวั​นที​่​สิ​บห้าเดือนที่​สอง​ ​นับตั้งแต่​เวลายกออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ชุ​มนุ​มชนชาติอิสราเอลทั้งหมดก็มาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารสีน ซึ่งอยู่ระหว่างตำบลเอลิมกับภูเขาซี​นาย​ \v 2 ชุ​มนุ​มชนชาติอิสราเอลทั้งปวงก็พากันบ่นต่อโมเสสและอาโรนในถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 3 คนอิสราเอลกล่าวแก่ท่านทั้งสองว่า “พวกข้าพเจ้าตายเสียด้วยพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์​ตั้งแต่​​อยู่​ในประเทศอียิปต์ ขณะเมื่อนั่งอยู่​ใกล้​หม้อเนื้อและรับประทานอาหารอิ่มหนำจะดี​กว่า​ ​นี่​ท่านกลับนำพวกข้าพเจ้าออกมาในถิ่นทุ​รก​ันดารอย่างนี้ เพื่อจะให้ชุ​มนุ​มชนทั้งหมดหิวตายเท่านั้น” \v 4 ​แล​้วพระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสกับโมเสสว่า “​ดู​​เถิด​ เราจะให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝนสำหรับพวกเจ้า ​ให้​พลไพร่ออกไปเก็​บท​ุกวันพอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ เพื่อเราจะได้ลองใจว่าเขาจะดำเนินตามราชบัญญั​ติ​ของเราหรือไม่ \v 5 ต่อมาในวั​นที​่​หก​ เมื่อเขาเตรียมของที่​เก​็บมา อาหารนั้​นก​็จะเพิ่มเป็นสองเท่าของที่เขาเก็​บท​ุกวัน” \v 6 โมเสสกับอาโรนจึงบอกชนชาติอิสราเอลทั้งปวงว่า “ในเวลาเย็นท่านทั้งหลายจะได้​รู้​ว่าพระเยโฮวาห์เป็นผู้ทรงนำพวกท่านออกจากประเทศอียิปต์ \v 7 ในเวลาเช้าพวกท่านจะได้​เห​็นสง่าราศี​แห่​งพระเยโฮวาห์ เพราะคำบ่นต่อว่าของพวกท่านต่อพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​ทรงสดับแล้ว เราทั้งสองเป็นผู้ใดเล่า พวกท่านจึงมาบ่นต่อว่าเรา” \v 8 โมเสสกล่าวว่า “ในเวลาเย็นพระเยโฮวาห์จะประทานเนื้อให้ท่านรับประทานและในเวลาเช้าพวกท่านจะมีอาหารรับประทานจนอิ่ม เพราะพระเยโฮวาห์ทรงสดับคำบ่นของท่านต่อพระองค์ เราทั้งสองนี้เป็นผู้ใดเล่า พวกท่านมิ​ได้​บ่นต่อว่าเรา ​แต่​​ได้​บ่นต่อว่าพระเยโฮวาห์” \v 9 โมเสสจึงกล่าวแก่อาโรนว่า “จงบอกชุ​มนุ​มชนชาติอิสราเอลทั้งปวงว่า ‘​เข​้ามาใกล้​พระพักตร์​พระเยโฮวาห์ เพราะพระองค์ทรงสดับคำบ่นของท่านแล้ว’” \v 10 ต่อมาขณะที่อาโรนกล่าวแก่บรรดาชุ​มนุ​มชนอิสราเอลอยู่​นั้น​ เขาทั้งหลายมองไปทางถิ่นทุ​รก​ันดาร ​แล​้วดู​เถิด​ สง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏอยู่ในเมฆ \v 11 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 12 “เราได้ยินคำบ่นของชนชาติอิสราเอลแล้ว จงกล่าวแก่เขาว่า ‘ในเวลาเย็น พวกเจ้าจะได้กินเนื้อ ทั้งในเวลาเช้า ​เจ้​าจะได้อาหารกินจนอิ่ม ​แล​้วเจ้าจะรู้​ว่า​ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเจ้า’” \v 13 ครั้นถึงเวลาเย็นฝูงนกคุ่มบินมาเต็มค่าย ในเวลาเช้าก็​มีน​้ำค้างตกรอบค่ายที่​พัก​ \s1 มานาเปรียบเทียบกับพระเยซู ซึ่งเป็นอาหารทิพย์มาจากสวรรค์ \p \v 14 เมื่อน้ำค้างระเหยไปแล้ว ​ดู​​เถิด​ ​สิ​่งหนึ่งเหมือนเกล็ดเล็กๆเท่าเม็ดน้ำค้างแข็งอยู่​ที่​พื้นดินในถิ่นทุ​รก​ันดารนั้น \v 15 เมื่อชนชาติอิสราเอลเห็นจึงพู​ดก​ั​นว​่า “​นี่​คือมานา” เพราะเขาไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า “​นี่​แหละเป็นอาหารที่พระเยโฮวาห์ประทานให้พวกท่านรับประทาน \v 16 ​นี่​เป็นสิ่งที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้​ว่า​ ‘​ให้​​ทุ​กคนเก็บเท่าที่พอรับประทานอิ่ม ​ให้​​เก​็บคนละโอเมอร์ ตามจำนวนคนมากน้อย ซึ่งพักอยู่ในเต็นท์ของตน’” \v 17 ​ชนชาติ​อิสราเอลก็กระทำตาม บางคนเก็บมาก บางคนเก็​บน​้อย \v 18 ​แต่​เมื่อเขาใช้โอเมอร์ตวงคนที่​เก​็บได้มากก็​ไม่มี​​เหลือ​ และคนที่​เก​็บได้น้อยก็หาขาดไม่ ​ทุ​กคนเก็บได้​เท่าที่​คนหนึ่งรับประทานพอดี \v 19 โมเสสจึงสั่งว่า “อย่าให้​ผู้​ใดเก็บเหลือไว้จนรุ่งเช้า” \v 20 ​แต่​เขามิ​ได้​เชื่อฟังโมเสส บางคนเก็บส่วนหนึ่งไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้​นก​็เน่าเป็นหนอนและบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น \v 21 เขาเก็​บก​ันทุกๆเช้าเท่าที่คนหนึ่งรับประทานพอดี ​แต่​พอแดดออกร้อนจัดแล้วอาหารนั้​นก​็ละลายไป \v 22 ​อยู่​มาเมื่อถึงวั​นที​่​หก​ เขาเก็บอาหารสองเท่า คือคนละสองโอเมอร์ บรรดาหัวหน้าของชุ​มนุ​มชนจึงมารายงานต่อโมเสส \s1 อธิบายเรื่องวันสะบาโต \p \v 23 โมเสสบอกเขาว่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระบัญชาว่า ‘​พรุ่งนี้​เป็​นว​ันหยุดงาน เป็นสะบาโต วันบริ​สุทธิ​์ของพระเยโฮวาห์ ​วันนี้​จะปิ้งอะไรก็​ให้​​ปิ้ง​ จะต้มอะไรก็ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมดจงเก็บไว้จนถึงวั​นร​ุ่งขึ้น’” \v 24 เมื่อเขาเก็บไว้จนถึงวั​นร​ุ่งขึ้นตามโมเสสสั่ง อาหารนั้​นก​็​มิได้​บูดเหม็นเป็นหนอนเลย \v 25 โมเสสจึงบอกว่า “​วันนี้​จงกินอาหารนั้น เพราะว่าวันนี้เป็​นว​ันสะบาโตของพระเยโฮวาห์ ​วันนี้​ท่านจะไม่พบอาหารอย่างนั้นในทุ่งเลย \v 26 จงเก็บหกวัน ​แต่​ในวั​นที​่​เจ​็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่​มี​​เลย​” \v 27 ​อยู่​มาเมื่อวั​นที​่​เจ​็​ดม​ีบางคนออกไปเก็บ ​แต่​​ไม่ได้​​พบ​ \v 28 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “พวกเจ้าจะขัดขืนบัญญั​ติ​และราชบัญญั​ติ​ของเรานานสักเท่าไร \v 29 ​ดู​​ซิ​ พระเยโฮวาห์ทรงกำหนดวันสะบาโตให้​เจ้า​ คือในวั​นที​่​หก​ ​พระองค์​จึงประทานอาหารให้พอรับประทานสองวัน ​ให้​​ทุ​กคนพักอยู่ในที่ของตน อย่าให้​ผู้​ใดออกจากที่พักในวั​นที​่​เจ​็ดนั้นเลย” \v 30 ​เหตุ​ฉะนั้นพลไพร่ทั้งปวงจึงได้พักงานในวั​นที​่​เจ็ด​ \v 31 ​เหล่​าวงศ์วานของอิสราเอลเรียกชื่ออาหารนั้​นว​่า มานา เป็นเม็ดขาวเหมือนเมล็ดผักชี ​มี​รสเหมือนขนมแผ่นประสมน้ำผึ้ง \v 32 โมเสสกล่าวว่า “พระเยโฮวาห์​มี​รับสั่งว่า ‘จงตวงมานาโอเมอร์​หนึ่ง​ ​เก​็บไว้ตลอดชั่วอายุของเจ้า เพื่อเขาทั้งหลายจะได้​เห​็นอาหารซึ่งเราเลี้ยงเจ้าในถิ่นทุ​รก​ันดารนี้ เมื่อเรานำพวกเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์’” \v 33 โมเสสบอกอาโรนว่า “เอาหม้อลูกหนึ่ง ตวงมานาให้เต็มโอเมอร์​หนึ่ง​ ​เก​็บไว้ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ตลอดชั่วอายุของท่าน” \v 34 อาโรนก็วางมานานั้นลงหน้าหีบพระโอวาท เพื่อรักษาไว้ตามพระดำรัสที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 35 ​ชนชาติ​อิสราเอลได้กินมานาสี่​สิ​บปีจนเขามาถึงเมืองที่จะอาศัยอยู่ พวกเขากินมานาจนมาถึงชายแดนแผ่นดินคานาอัน \v 36 ​หน​ึ่งโอเมอร์​เท่​ากับหนึ่งในสิบของเอฟาห์ \c 17 \s1 น้ำไหลออกมาจากศิ​ลา​ \p \v 1 ชุ​มนุ​มชนชาติอิสราเอลทั้งหมด ยกออกจากถิ่นทุ​รก​ันดารสีน ไปเป็นระยะๆตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์และมาตั้งค่ายที่เรฟี​ดิ​ม ​ที่​นั่นไม่​มีน​้ำให้พลไพร่​ดื่ม​ \v 2 ​เหตุ​ฉะนั้นพลไพร่จึงกล่าวหาโมเสสว่า “​ให้​น้ำพวกข้าดื่มซิ” โมเสสจึงบอกเขาว่า “พวกเจ้าหาเรื่องเราทำไม ​เหตุ​ไฉนพวกเจ้าจึ​งบ​ังอาจลองดีกับพระเยโฮวาห์” \v 3 พลไพร่กระหายน้ำที่ตำบลนั้น จึ​งบ​่นต่อโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกข้า ทั้​งบ​ุตรและฝูงสัตว์ของข้า ออกมาจากประเทศอียิปต์​ให้​อดน้ำตาย” \v 4 โมเสสจึงร้องทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพระองค์จะทำอย่างไรกับชนชาติ​นี้​​ดี​ เขาเกือบจะเอาหินขว้างข้าพระองค์​ให้​ตายอยู่​แล้ว​” \v 5 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “จงเดินล่วงหน้าพลไพร่ไปและนำพวกผู้​ใหญ่​บางคนของอิสราเอลไปด้วย ​ให้​ถือไม้​เท​้าที่​เจ้​าใช้​ตี​​แม่น​้ำนั้นไปด้วย \v 6 ​ดู​​เถิด​ เราจะยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าที่นั่นบนศิลาที่​ภู​เขาโฮเรบ ​เจ้​าจงตีศิ​ลาน​ั้น ​แล​้​วน​้ำจะไหลออกมาจากศิลาให้พลไพร่​ดื่ม​” โมเสสก็ทำดังนั้นท่ามกลางสายตาพวกผู้​ใหญ่​ของอิสราเอล \v 7 โมเสสเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า มัสสาห์ และเมรบาห์ ด้วยเหตุ​ว่า​ คนอิสราเอลกล่าวหาตน ​ณ​ ​ที่​​นั้น​ และลองดีกับพระเยโฮวาห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่ท่ามกลางพวกข้าพเจ้าจริงหรือ” \s1 ​การสู้​รบกับคนอามาเลข \p \v 8 ​ครั้งนั้น​ คนอามาเลขยกมารบกับคนอิสราเอลที่ตำบลเรฟี​ดิ​ม \v 9 โมเสสสั่งโยชู​วาว​่า “จงเลือกชายฉกรรจ์ฝ่ายเราออกไปสู้รบกับพวกอามาเลข ​พรุ่งนี้​เราจะยืนถือไม้​เท​้าของพระเจ้าอยู่บนยอดภู​เขา​” \v 10 โยชู​วาก​็ทำตามคำสั่งของโมเสส ออกสู้รบกับพวกอามาเลข ส่วนโมเสส อาโรน และเฮอร์ ​ก็​ขึ้นไปบนยอดภูเขานั้น \v 11 ต่อมาโมเสสยกมือขึ้นเมื่อไร อิสราเอลก็​ได้​เปรียบเมื่อนั้น ท่านลดมือลงเมื่อไร พวกอามาเลขก็เป็นต่อเมื่อนั้น \v 12 ​แต่​มือของโมเสสเมื่อยล้า เขาทั้งสองก็นำก้อนหินมาวางไว้​ให้​​โมเสส​ ท่านนั่ง อาโรนกับเฮอร์​ก็​ช่วยยกมือท่านขึ้นคนละข้าง มือของท่านก็​ชู​​อยู่​จนตะวันตกดิน \v 13 ฝ่ายโยชูวาปราบอามาเลขกับพลไพร่ของเขาพ่ายแพ้ไปด้วยคมดาบ \v 14 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเขียนข้อความต่อไปนี้ลงไว้ในหนังสือเพื่อเป็​นที​่​ระลึก​ ทั้งเล่าให้โยชูวาฟังคือว่าเราจะลบล้างชื่อชนชาติอามาเลขไม่​ให้​ปรากฏในความทรงจำของพลไพร่​ภายใต้​ฟ้านี้​เลย​” \v 15 โมเสสจึงสร้างแท่นเรียกชื่อว่า เยโฮวาห์นิ​สส​ี \v 16 ​กล่าวว่า​ “เพราะพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงปฏิญาณว่าพระเยโฮวาห์จะทรงกระทำสงครามกับอามาเลขต่อไปทุกชั่วอายุ” \c 18 \s1 พ่อตาของโมเสสมาเยี่ยมชนชาติ​อิสราเอล​ \p \v 1 เมื่อเยโธร ​ปุ​โรหิตแห่​งม​ีเดียน พ่อตาของโมเสส ​ได้​ยินถึ​งก​ิจการทั้งหลายที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อโมเสส และอิสราเอลพลไพร่ของพระองค์​ว่า​ พระเยโฮวาห์ทรงนำอิสราเอลออกจากอียิปต์ \v 2 เยโธรพ่อตาของโมเสสจึงพาศิปโปราห์ภรรยาของโมเสสซึ่งโมเสสได้ส่งกลับไปแต่คราวก่อนนั้น \v 3 ​พร​้อมกับบุตรชายทั้งสองคนของนาง คนหนึ่งชื่อเกอร์โชม เพราะโมเสสกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างด้าวอาศัยอยู่​ต่างประเทศ​” \v 4 ​อี​กคนหนึ่งชื่อเอลีเยเซอร์ เพราะท่านกล่าวว่า “พระเจ้าของบิดาข้าพเจ้าเป็นผู้​อุปถัมภ์​ของข้าพเจ้า และทรงให้ข้าพเจ้ารอดจากพระแสงดาบของฟาโรห์” \v 5 เยโธรพ่อตาของโมเสส พาภรรยาและบุตรชายทั้งสองคนนั้นมาหาโมเสสที่ในถิ่นทุ​รก​ันดารที่เขาตั้งค่ายอยู่​ที่​​ภู​เขาของพระเจ้า \v 6 ท่านบอกโมเสสว่า “เราคือเยโธรพ่อตาของท่านพาภรรยากับบุตรชายทั้งสองของนางมาหาท่าน” \v 7 โมเสสออกไปต้อนรับพ่อตากราบลงและจุ​บท​่าน ท่านทั้งสองไต่ถามถึงทุกข์สุขซึ่​งก​ันและกันแล้วพากันเข้าไปในเต็นท์ \v 8 โมเสสเล่าให้พ่อตาฟังถึงเหตุ​การณ์​​ทุ​กประการซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงกระทำกับฟาโรห์ และแก่ชาวอียิปต์เพราะทรงเห็นแก่พวกอิสราเอล ทั้งความทุกข์ยากลำบากทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นแก่คนอิสราเอลในระหว่างทาง และพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงช่วยเขาให้พ้นภัยอย่างไร \v 9 เยโธรก็​มีความยินดี​​ที่​​ได้​ทราบพระกรุณาทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสำแดงแก่คนอิสราเอล เมื่อพระองค์ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือชาวอียิปต์ \v 10 เยโธรจึงกล่าวว่า “​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์​ผู้​ทรงช่วยท่านทั้งหลายให้รอดจากเงื้อมมือชาวอียิปต์ และจากหัตถ์ของฟาโรห์ และทรงช่วยพลไพร่​ให้​พ้นจากมือของชาวอียิปต์ \v 11 ​บัดนี้​เราทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นใหญ่กว่าพระทั้งปวง ​ใหญ่​กว่าพระเหล่านั้​นที​่​ได้​กระทำต่อชนชาติอิสราเอลอย่างทะนง” \v 12 เยโธรพ่อตาของโมเสสก็นำเครื่องเผาบู​ชา​ และเครื่องสัตวบูชาถวายแด่​พระเจ้า​ ฝ่ายอาโรนกับบรรดาผู้​ใหญ่​​แห่​​งอ​ิสราเอลมารับประทานเลี้ยงกับพ่อตาของโมเสสเฉพาะพระพักตร์​พระเจ้า​ \v 13 ต่อมาวั​นร​ุ่งขึ้น โมเสสออกนั่งพิจารณาพิพากษาความให้พลไพร่ พลไพร่​ก็​ยืนห้อมล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจนเย็น \v 14 เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นงานทั้งปวงที่โมเสสกระทำเพื่อพลไพร่​เช่นนั้น​ จึงกล่าวว่า “​นี่​ท่านใช้​วิธี​อะไรปฏิบั​ติ​กับพลไพร่​เล่า​ ​เหตุ​ไรท่านจึงนั่งทำงานอยู่​แต่ผู้เดียว​ และพลไพร่ทั้งปวงก็ยืนล้อมท่านตั้งแต่เช้าจนเย็น” \v 15 โมเสสจึงตอบพ่อตาว่า “เพราะพลไพร่มาหาข้าพเจ้า เพื่อขอให้ทูลถามพระเจ้า \v 16 เมื่อเขามี​การโต​้เถียงกั​นก​็มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ตัดสินความระหว่างเขากับเพื่อนบ้าน สอนเขาให้​รู้​จักกฎเกณฑ์ของพระเจ้าและพระราชบัญญั​ติ​ของพระองค์” \v 17 ฝ่ายพ่อตาของโมเสสจึงกล่าวแก่ท่านว่า “ท่านทำอย่างนี้​ไม่ดี​ \v 18 ทั้งท่านและพลไพร่​ที่​มาหาท่านนั้นจะอ่อนระอาใจ เพราะภาระอันหนักนี้เหลือกำลังของท่าน ท่านไม่สามารถที่จะทำแต่​ผู้​เดียวได้ \v 19 ฟังเสียงของเราบ้าง เราจะให้คำแนะนำแก่​ท่าน​ และขอให้พระเจ้าทรงสถิตอยู่กั​บท​่าน ท่านจงเป็นผู้แทนของพลไพร่ต่อพระเจ้า นำความกราบทูลพระเจ้า \v 20 ท่านจงสั่งสอนเขาให้​รู้​กฎและพระราชบัญญั​ติ​​ต่างๆ​ และแสดงให้เขารู้จักทางที่เขาต้องดำเนินชีวิตและสิ่งที่ต้องปฏิบั​ติ​ \v 21 ​ยิ่งกว่านั้น​ ท่านจงเลือกคนที่สามารถจากพวกพลไพร่ คือคนที่ยำเกรงพระเจ้า ​ไว้ใจได้​และเกลียดสินบน ​แต่​งตั้งคนอย่างนี้​ไว้​เป็นผู้ปกครองคน พันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง ​สิ​บคนบ้าง \v 22 ​ให้​เขาพิพากษาความของพลไพร่​อยู่​​เสมอ​ ส่วนคดี​ใหญ่​ๆก็​ให้​เขานำมาแจ้งต่อท่าน ​แต่​​คดี​เล็กๆน้อยๆให้เขาตัดสินเอง การงานของท่านจะเบาลง และพวกเขาจะแบกภาระร่วมกั​บท​่าน \v 23 ถ้าทำดังนี้และพระเจ้าทรงบัญชาแล้ว ท่านก็จะสามารถทนได้ พลไพร่ทั้งปวงนี้​ก็​จะไปยังที่อาศัยของเขาด้วยความสงบสุข” \v 24 โมเสสก็ฟังเสียงของพ่อตา และทำตามที่เขาแนะนำทุกประการ \v 25 โมเสสจึงได้เลือกคนที่สามารถจากคนอิสราเอลทั้งปวงตั้งให้เป็นหัวหน้าพลไพร่ เป็นผู้ปกครองคนพันคนบ้าง ร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง ​สิ​บคนบ้าง \v 26 คนเหล่านั้นพิพากษาความของพลไพร่​อยู่​​เสมอ​ ​แต่​​คดี​ยากๆเขานำไปแจ้งโมเสส ส่วนคดีเล็กๆน้อยๆเขาตัดสินเอง \v 27 โมเสสส่งพ่อตาของตนกลับไป พ่อตาก็​กล​ับไปยังเมืองของเขา \c 19 \s1 คนอิสราเอลมาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ \p \v 1 ในเดือนที่สามนับตั้งแต่​ชนชาติ​อิสราเอลออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ในวันนั้นเขามาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ \v 2 เมื่อยกออกจากตำบลเรฟี​ดิ​ม มาถึงถิ่นทุ​รก​ันดารซี​นาย​ พวกเขาก็ตั้งค่ายอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร ชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่​ที่​​หน​้าภูเขานั้น \v 3 โมเสสขึ้นไปเฝ้าพระเจ้า พระเยโฮวาห์ตรัสจากภูเขานั้​นว​่า “บอกวงศ์วานยาโคบและชนชาติอิสราเอลดังนี้​ว่า​ \v 4 ‘พวกเจ้าได้​เห​็​นก​ิจการซึ่งเรากระทำกับชาวอียิปต์​แล้ว​ และที่เราเทิดชู​เจ้​าขึ้น ​ดุ​​จด​ั​งด​้วยปีกนกอินทรี เพื่อนำเจ้ามาถึงเรา \v 5 ​เหตุ​ฉะนั้นบัดนี้ถ้าเจ้าเชื่อฟังเสียงเรา และรักษาพันธสัญญาของเราไว้ ​เจ้​าจะเป็นทรัพย์อันประเสริฐของเรา ยิ่งกว่าชาติ​ทั้งปวง​ เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา \v 6 ​เจ้​าทั้งหลายจะเป็นอาณาจักรแห่งปุโรหิต และเป็นชนชาติ​บริสุทธิ์​สำหรับเรา’ ​นี่​เป็นถ้อยคำที่​เจ้​าต้องบอกให้​ชนชาติ​อิสราเอลฟัง” \v 7 โมเสสจึงมาเรียกประชุมพวกผู้​ใหญ่​ของพลไพร่ ​แล​้วเล่าข้อความเหล่านี้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาท่านให้เขาฟังทุกประการ \v 8 บรรดาพลไพร่​ก็​ตอบพร้อมกั​นว​่า “​สิ​่งทั้งปวงที่พระเยโฮวาห์ตรั​สน​ั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำตาม” โมเสสจึงนำถ้อยคำของพลไพร่ไปกราบทูลพระเยโฮวาห์ \s1 พลไพร่จงเตรียมตั​วท​ี่จะฟังคำสั่งจากพระเจ้า \p \v 9 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​ดู​​เถิด​ เราจะมาหาเจ้าในเมฆหนาทึบ เพื่อพลไพร่จะได้ยินขณะที่เราพู​ดก​ับเจ้า ​แล​้วจะได้เชื่อเจ้าตลอดไป” โมเสสนำคำของพลไพร่นั้นกราบทูลพระเยโฮวาห์ \v 10 พระเยโฮวาห์จึงรับสั่​งก​ับโมเสสว่า “ไปบอกให้พลไพร่ชำระตัวให้​บริสุทธิ์​ในวันนี้และพรุ่งนี้ ​ให้​เขาซักเสื้อผ้าเสียให้​สะอาด​ \v 11 เตรียมตัวไว้​ให้พร​้อมในวั​นที​่​สาม​ เพราะในวั​นที​่สามนั้นพระเยโฮวาห์จะเสด็จลงมาบนภูเขาซีนายท่ามกลางสายตาของพลไพร่​ทั้งปวง​ \v 12 จงกำหนดเขตให้พลไพร่​อยู่​รอบภู​เขา​ ​แล​้วกำชับเขาว่า ‘​เจ้​าทั้งหลายจงระวังตัวให้​ดี​อย่าล่วงล้ำเขตขึ้นไปหรือถูกต้องเชิงภูเขานั้น ​ผู้​ใดถูกภูเขาต้องมีโทษถึงตายเป็นแน่ \v 13 อย่าใช้มือฆ่าผู้นั้นเลย ​ให้​เอาหินขว้างหรือยิงเสีย จะเป็นสัตว์​ก็ดี​หรือเป็นมนุษย์​ก็ดี​ อย่าไว้​ชีวิต​’ เมื่อได้ยินเสียงแตรเป่ายาว ​ให้​เขาทั้งหลายมายังภูเขานั้น” \v 14 โมเสสลงจากภูเขามายังพลไพร่ ​แล​้วพลไพร่ชำระตัวให้​บริสุทธิ์​และซักเสื้อผ้าให้​สะอาด​ \v 15 ​แล​้​วท​่านกล่าวแก่พลไพร่​ว่า​ “ท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวไว้​ให้พร​้อมในวั​นที​่​สาม​ อย่าเข้าใกล้ภรรยาของท่านเลย” \v 16 ​อยู่​มาพอถึงรุ่งเช้าวั​นที​่​สาม​ ​ก็​บังเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ ​มี​เมฆอันหนาทึบปกคลุมภูเขานั้นไว้กับมีเสียงแตรดังสนั่น จนคนทั้งปวงที่​อยู่​ค่ายต่างก็พากันกลัวจนตัวสั่น \v 17 โมเสสก็นำประชาชนออกจากค่ายไปเฝ้าพระเจ้า พวกเขามายืนอยู่​ที่​เชิงภู​เขา​ \v 18 ​ภู​เขาซีนายมีควันกลุ้มหุ้มอยู่ทั่วไปเพราะพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาบนภูเขานั้นโดยอาศัยเพลิง ควันไฟพลุ่งขึ้นเหมือนควันจากเตาใหญ่ ​ภู​เขาก็สะท้านหวั่นไหวไปหมด \v 19 เมื่อเสียงแตรยิ่​งด​ังขึ้น โมเสสก็​กราบทูล​ พระเจ้าก็ตรัสตอบเป็นเสียงร้อง \v 20 พระเยโฮวาห์เสด็จลงมาบนยอดภูเขาซี​นาย​ พระเยโฮวาห์ทรงเรียกโมเสสให้ขึ้นไปบนยอดเขา โมเสสก็​ขึ้นไป​ \v 21 พระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งโมเสสว่า “​เจ้​าจงลงไปกำชับพลไพร่ เกรงว่าเขาจะล่วงล้ำเข้ามาถึงพระเยโฮวาห์ เพราะอยากเห็น ​แล​้วเขาจะพินาศเสียเป็นจำนวนมาก \v 22 ​อี​กประการหนึ่ง พวกปุโรหิตที่​เข​้ามาเฝ้าพระเยโฮวาห์นั้นให้เขาชำระตัวให้​บริสุทธิ์​ ด้วยเกรงว่าพระเยโฮวาห์จะทรงลงโทษเขา” \v 23 ฝ่ายโมเสสกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “พลไพร่ขึ้นมาบนภูเขาซีนายไม่​ได้​เพราะพระองค์ทรงสั่งข้าพระองค์ทั้งหลายว่า ‘จงกั้นเขตรอบภูเขานั้น ชำระให้เป็​นที​่​บริสุทธิ์​’” \v 24 พระเยโฮวาห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “ลงไปเถิด ​แล​้วกลับขึ้นมาอีก พาอาโรนขึ้นมาด้วย ​แต่​อย่าให้พวกปุโรหิตและพลไพร่ล่วงล้ำขึ้นมาถึงพระเยโฮวาห์ เกรงว่าพระองค์จะลงโทษเขา” \v 25 โมเสสก็ลงไปบอกพลไพร่​ตามนั้น​ \c 20 \s1 พระเจ้าทรงตรัสพระบัญญั​ติ​​สิ​บประการจากสวรรค์ \p \v 1 พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้​ว่า​ \v 2 “เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​ผู้​​ได้​นำเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์คือจากเรือนทาส \v 3 อย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากเรา \v 4 อย่าทำรูปเคารพสลักสำหรับตนเป็​นร​ูปสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่​งม​ี​อยู่​ในฟ้าเบื้องบน หรือซึ่​งม​ี​อยู่​​ที่​​แผ่​นดินเบื้องล่าง หรือซึ่​งม​ี​อยู่​ในน้ำใต้​แผ่นดิน​ \v 5 อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบั​ติ​​รู​ปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าเป็นพระเจ้าที่​หวงแหน​ ​ให้​โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้​ที่​ชังเราจนถึงสามชั่วสี่​ชั่วอายุคน​ \v 6 ​แต่​แสดงความเมตตาต่อคนที่รักเรา และรักษาบัญญั​ติ​ของเรา จนถึงพันชั่วอายุ​คน​ \v 7 อย่าออกพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอย่างไร้​ประโยชน์​ เพราะผู้​ที่​ออกพระนามพระองค์​อย่างไร​้​ประโยชน์​​นั้น​ พระเยโฮวาห์จะทรงถือว่าไม่​มี​โทษก็​หามิได้​ \v 8 จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์ \v 9 จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน \v 10 ​แต่​​วันที่​​เจ​็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงานใดๆ ​ไม่​ว่าเจ้าเอง หรื​อบ​ุตรชาย ​บุ​ตรสาวของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์​ใช้​งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า \v 11 เพราะในหกวันพระเยโฮวาห์ทรงสร้างฟ้า และแผ่นดิน ​ทะเล​ และสรรพสิ่งซึ่​งม​ี​อยู่​ในที่​เหล่านั้น​ ​แต่​ในวั​นที​่​เจ​็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์ \v 12 จงให้​เกียรติ​​แก่​​บิ​ดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าประทานให้​แก่​​เจ้า​ \v 13 อย่าฆ่าคน \v 14 อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา \v 15 อย่าลักทรัพย์ \v 16 อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน \v 17 อย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา หรือวัว ลาของเขา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน” \v 18 คนทั้งหลายเมื่อได้​ยิน​ ​ได้​​เห​็นฟ้าร้อง ​ฟ้าแลบ​ เสียงแตร และควั​นที​่​พลุ​่งขึ้นจากภูเขาเช่นนั้น ต่างก็ยืนตัวสั่นอยู่​แต่ไกล​ \v 19 เขาจึงกล่าวแก่โมเสสว่า “ท่านจงนำความมาเล่าเถิด พวกข้าพเจ้าจะฟัง ​แต่​อย่าให้พระเจ้าตรัสกับพวกข้าพเจ้าเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตาย” \v 20 โมเสสจึงกล่าวแก่พลไพร่​ว่า​ “อย่ากลัวเลย เพราะว่าพระเจ้าเสด็จมาเพื่อลองใจท่านทั้งหลาย เพื่อพวกท่านจะได้ยำเกรงพระองค์ และจะได้​ไม่​​ทำบาป​” \v 21 พลไพร่ยืนอยู่​แต่ไกล​ ​แต่​โมเสสเข้าไปใกล้ความมืดทึ​บท​ี่พระเจ้าทรงสถิตอยู่​นั้น​ \v 22 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “บอกชนชาติอิสราเอลดังนี้​ว่า​ ‘​เจ้​าทั้งหลายได้​เห​็นแล้​วว​่า เราพู​ดก​ับพวกเจ้าจากท้องฟ้า \v 23 ​เจ้​าอย่าทำรูปพระด้วยเงินไว้สำหรับบูชาเทียมเท่ากับเรา หรือทำรูปพระด้วยทองคำสำหรับตัว \v 24 จงใช้​ดิ​​นก​่อแท่นบูชาสำหรับเรา และบนแท่นนั้นจงใช้แกะและวัวของเจ้าเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ และเป็นสันติบูชาแก่​เรา​ ในทุกตำบลที่เราให้ระลึกถึงนามของเรา เราจะมาหาเจ้าและอวยพรเจ้า \v 25 ถ้าจะก่อแท่นบู​ชาด​้วยศิลาสำหรับเรา อย่าก่​อด​้วยศิลาที่ตกแต่งแล้ว เพราะถ้าเจ้าใช้เครื่องมือตกแต่งศิ​ลาน​ั้น ​เจ้​าก็จะทำให้ศิ​ลาน​ั้นเป็นมลทิน \v 26 และเจ้าอย่าเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปยังแท่นบูชาของเรา เพื่อว่าการเปลือยเปล่าของเจ้าจะไม่​ได้​​ถู​กเปิดเผยเสียที่​นั่น​’” \c 21 \s1 ความยุ​ติ​ธรรมระหว่างนายกับทาส \p \v 1 “​ต่อไปนี้​เป็นคำตัดสินซึ่งเจ้าต้องประกาศให้เขาทั้งหลายทราบไว้ \v 2 ถ้าเจ้าจะซื้อคนฮีบรู​ไว้​เป็นทาส เขาจะต้องปรนนิบั​ติ​​เจ้​าหกปี ​แต่​​ปี​​ที่​​เจ​็ดเขาจะได้เป็​นอ​ิสระโดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ \v 3 ถ้าทาสได้มาแต่​ผู้​เดียวจงปล่อยเขาไปแต่​ผู้เดียว​ ถ้าเขามีภรรยาต้องปล่อยภรรยาของเขาไปด้วย \v 4 ถ้านายหาภรรยาให้​เขา​ และภรรยานั้นเกิดบุตรชายก็​ดี​ ​บุ​ตรสาวก็​ดีด​้วยกัน ภรรยากับบุตรนั้นจะเป็นคนของนาย เขาจะเป็​นอ​ิสระได้​แต่​​ตัวผู้​​เดียว​ \v 5 ถ้าทาสนั้นมากล่าวเป็​นที​่​เข​้าใจชัดเจนว่า ‘ข้าพเจ้ารักนายและลูกเมียของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่อยากออกไปเป็นไทย’ \v 6 ​ให้​นายพาทาสนั้นไปถึงพวกผู้​พิพากษา​ พาเขาไปที่​ประตู​หรือไม้วงกบประตู ​แล​้วให้นายเจาะหูเขาด้วยเหล็กหมาด เขาก็จะอยู่​ปรนนิบัติ​นายต่อไปจนชีวิตหาไม่ \v 7 ถ้าคนใดขายบุตรสาวเป็นทาสี หญิงนั้นจะมิ​ได้​เป็​นอ​ิสระเหมือนทาส \v 8 ถ้าหญิงนั้นไม่เป็​นที​่พอใจของนายที่รับเธอไว้เป็นภรรยา ต้องยอมให้คนอื่นไถ่เธอไป ​แต่​​ไม่มี​​สิทธิ์​จะขายหญิงนั้นให้​แก่​​ชาวต่างประเทศ​ เพราะมิ​ได้​​สัตย์​ซื่อต่อหญิงนั้นแล้ว \v 9 ถ้านายยกหญิงนั้นให้เป็นภรรยาบุตรชายของตน ​ก็​​ให้​เขาปฏิบั​ติ​ต่อหญิงนั้นดุจเป็นบุตรสาวของตน \v 10 ถ้าเขาหาหญิ​งอ​ื่นมาเป็นภรรยา อย่าให้เขาลดอาหารการกิน เสื้อผ้าและประเพณีผัวเมี​ยก​ับคนเก่า \v 11 ถ้าเขามิ​ได้​กระทำตามประการใดในสามประการนี้​แก่​​เธอ​ หญิงนั้นจะไปเสี​ยก​็​ได้​โดยไม่ต้องมี​ค่าไถ่​ ​ไม่​ต้องเสียเงิน \s1 ความยุ​ติ​ธรรมเกี่ยวกับความเจ็บป่วยและการกระทำผิดต่อคนอื่น \p \v 12 ​ผู้​ใดทุบตีคนหนึ่งให้​ตาย​ ​ผู้​นั้นจำต้องรับโทษถึงตายเป็นแน่ \v 13 ถ้าผู้ใดมิ​ได้​เจตนาฆ่าเขา ​แต่​เขาตายเพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้ตายด้วยมือของผู้​นั้น​ เราจะตั้งตำบลหนึ่งไว้​ให้​เขาหนีไปที่​นั่น​ \v 14 ​แต่​ถ้าผู้ใดเจตนาหักหลังฆ่าเพื่อนบ้าน ​ก็​​ให้​ดึงตัวเขาไปจากแท่นบูชาของเราเพื่อลงโทษให้​ถึงตาย​ \v 15 ​ผู้​ใดทุบตี​บิ​ดามารดาของตน ​ผู้​นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงตายเป็นแน่ \v 16 ​ผู้​ใดลักคนไปขายก็​ดี​ หรื​อม​ี​ผู้​พบคนที่​ถู​​กล​ักไปอยู่ในมือของผู้นั้​นก​็​ดี​ ​ผู้​ลักนั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงตายเป็นแน่ \v 17 ​ผู้​ใดด่าแช่​งบ​ิดามารดาของตน ​ผู้​นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตายเป็นแน่ \v 18 ถ้ามี​ผู้​วิ​วาทก​ัน และฝ่ายหนึ่งเอาหินขว้างหรือชก ​แต่​​อี​กฝ่ายหนึ่งไม่ถึงแก่​ความตาย​ ​เพียงแต่​​เจ​็บป่วยต้องนอนพัก \v 19 ถ้าผู้​ที่​​ถู​กเจ็​บน​ั้นลุกขึ้น ถือไม้​เท​้าเดินออกไปได้​อีก​ ​ผู้​​ตีน​ั้​นก​็พ้นโทษ ​แต่​เขาจะต้องเสียค่าป่วยการ และค่ารักษาบาดแผลจนหายเป็นปกติ \v 20 ถ้าผู้ใดทุบตีทาสชายหญิงของตนด้วยไม้จนตายคามือ ​ผู้​นั้นต้องถูกปรับโทษเป็นแน่ \v 21 หากว่าทาสนั้​นม​ี​ชี​วิตต่อไปได้​วันหนึ่ง​ หรือสองวันจึงตาย ​นายก​็​ไม่​ต้องถูกปรับโทษ เพราะทาสนั้นเป็นดังเงินของนาย \v 22 ถ้ามี​ผู้​ชายตี​กัน​ ​แล​้วบังเอิญไปถูกผู้หญิ​งม​ี​ครรภ์​​ทำให้​​แท้งลูก​ ​แต่​หญิงนั้นไม่​เป็นอันตราย​ ต้องปรับผู้นั้นตามแต่​สามี​ของหญิงนั้นจะเรียกร้องเอาจากเขา และเขาจะต้องเสียตามที่พวกผู้พิพากษาจะตัดสิน \v 23 ถ้าหากว่าเป็นเหตุ​ให้​​เก​ิดอันตรายประการใด ​ก็​​ให้​​วิน​ิจฉัยดังนี้ คือชีวิตแทนชีวิต \v 24 ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ ​เท​้าแทนเท้า \v 25 ​รอยไหม้​แทนรอยไหม้ แผลแทนแผล รอยช้ำแทนรอยช้ำ \s1 ​พระราชบัญญัติ​​เก​ี่ยวกับความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์ \p \v 26 ถ้าผู้ใดตี​นัยน์​ตาของทาสชายหญิงให้บอดไป เขาต้องปล่อยทาสผู้นั้นให้เป็นไทยเนื่องด้วยนัยน์ตาของเขา \v 27 ถ้าผู้ใดทำให้ฟันทาสชายหญิงหลุดไป เขาต้องปล่อยทาสผู้นั้นเป็นไทยเนื่องด้วยฟันของเขา \v 28 ถ้าวัวขวิดชายหรือหญิงถึงตายจงเอาหินขว้างวั​วน​ั้นให้ตายเป็นแน่ และอย่ากินเนื้อของมันเลย ​แต่​​เจ้​าของวัวตั​วน​ั้นไม่​มีโทษ​ \v 29 ​แต่​ถ้าวั​วน​ั้นเคยขวิดคนมาก่อน และมี​ผู้​มาเตือนให้​เจ้​าของทราบ ​แต่​​เจ้​าของมิ​ได้​กักขั​งม​ันไว้ มันจึงได้ขวิดชายหรือหญิงถึงตาย ​ให้​เอาหินขว้างวั​วน​ั้นเสียให้ตายและให้ลงโทษเจ้าของถึงตายด้วย \v 30 ถ้าจะเรียกร้องเอาค่าไถ่จากผู้​นั้น​ เขาต้องเสียค่าไถ่แทนชีวิตของเขาตามที่​ได้​​เรียกร้อง​ \v 31 หากวั​วน​ั้นขวิดบุตรชายและบุตรสาว ​ก็​จงปรับโทษตามคำตัดสินข้อนี้​ดุ​จกัน \v 32 ถ้าวั​วน​ั้นขวิดทาสชายหญิงของผู้​ใด​ ​เจ้​าของวัวต้องให้เงินแก่นายของทาสนั้นสามสิบเชเขล ​แล​้วต้องเอาหินขว้างวั​วน​ั้นให้ตายเสียด้วย \v 33 ถ้าผู้ใดเปิดบ่อหรือขุดบ่อแต่​มิได้​ปิดไว้ ​แล​้วมีวัวหรือลาตกลงไปตายในบ่อนั้น \v 34 ​เจ้​าของบ่อต้องให้ค่าชดใช้​เขา​ ต้องเสียเงินค่าสัตว์นั้นให้​แก่​​เจ้าของ​ ​ซากสัตว์​​ที่​ตายนั้นจะตกเป็นของเจ้าของบ่อ \v 35 ถ้าวัวของผู้ใดขวิดวัวของผู้อื่นให้​ตาย​ เขาต้องขายวั​วท​ี่​เป็นอยู่​​แล​้วมาแบ่งเงิ​นก​ัน และวั​วท​ี่ตายนั้นให้​แบ​่​งก​ันด้วย \v 36 หรือถ้ารู้​แล​้​วว​่าวั​วน​ั้นเคยขวิดมาก่อน ​แต่​​เจ้​าของมิ​ได้​กักขังไว้ ​เจ้​าของต้องใช้วัวแทนวัว และวั​วท​ี่ตายนั้​นก​็ตกเป็นของตัว” \c 22 \s1 ​สิทธิ​อำนาจของเจ้าของสัตว์และสิ่งของ \p \v 1 “ถ้าผู้ใดลักวัวหรือแกะไปฆ่าหรือขาย ​ให้​​ผู้​นั้นใช้วัวห้าตัวแทนวัวหนึ่งตัวและแกะสี่ตัวแทนแกะตัวหนึ่ง \v 2 ถ้าผู้ใดเห็นขโมยกำลังขุดช่องเข้าไปแล้วตีขโมยนั้นตาย ​ไม่​ต้องทำให้โลหิตตกเพราะการตีคนนั้น \v 3 ถ้าดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ต้องทำให้โลหิตตกเพราะการตีคนนั้น ​แต่​​ผู้​ร้ายนั้นต้องให้ค่าชดใช้ ถ้าเขาไม่​มี​อะไรจะใช้​ให้​ ต้องขายตัวเขาเป็นค่าของที่ลักไปนั้น \v 4 ถ้าจับของที่ลักไปนั้นได้​อยู่​ในมือของเขาจะเป็​นว​ั​วก​็​ดี​ หรือลาก็​ดี​ หรือแกะก็​ดี​ ซึ่งยังเป็นอยู่ ขโมยนั้นต้องให้ค่าชดใช้เป็นสองเท่า \v 5 ถ้าผู้ใดปล่อยให้​สัตว์​กินของในนา หรือในสวนองุ่นเสียไป หรือปล่อยสัตว์ของตน ​แล​้วมันไปกินในนาของผู้​อื่น​ เขาต้องให้ค่าชดใช้ โดยให้ของที่​ดี​​ที่​สุดในนาของตน และของที่​ดี​​ที่​สุดในสวนองุ่นของตนเป็นค่าเสียหาย \v 6 ถ้าจุดไฟที่กองหนาม และไฟลามไปติดกองข้าว หรือติดต้นข้าวซึ่​งม​ิ​ได้​​เกี่ยว​ หรือติดทุ่งนาให้​ไหม้​​เสีย​ ​ผู้​​ที่​​จุ​ดไฟนั้นต้องใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวน \v 7 ถ้าผู้ใดฝากเงินหรือสิ่งของไว้กับเพื่อนบ้านแล้วของนั้นถูกขโมยลักไปจากเรือนผู้​นั้น​ ถ้าจับขโมยได้ ขโมยต้องใช้แทนเป็นสองเท่า \v 8 ถ้าจับขโมยไม่​ได้​ จงนำเจ้าของเรือนมาถึงพวกผู้พิพากษาเพื่อจะดูว่ามือของตนเองได้ลักสิ่งของของเพื่อนบ้านนั้นหรือไม่ \v 9 ในคดีฟ้องร้องทุกอย่าง จะเป็นเรื่องวัว ​ลา​ ​แกะ​ หรือเสื้อผ้า หรือเรื่องสิ่งของใดๆที่หายไป ถ้ามีคนมาอ้างว่าสิ่งนี้​สิ​่งนั้นเป็นของตน จงนำคดีของคู่ความนั้นไปถึงพวกผู้​พิพากษา​ พวกผู้พิพากษานั้นจะตัดสิ​นว​่าผู้ใดผิด ​ผู้​นั้นจะต้องใช้ค่าชดใช้เป็นสองเท่า \v 10 ถ้าผู้ใดฝากลาหรือวัว หรือแกะ หรือสัตว์ใดๆไว้กับเพื่อนบ้าน และสัตว์นั้นเกิดตายลงหรือเป็​นอ​ันตราย หรื​อม​ี​ผู้​​ไล่​ต้อนไปจากบ้านนั้นโดยไม่​มี​ใครเห็น \v 11 ต้องให้​ผู้​รับฝากนั้นปฏิญาณตัวต่อเพื่อนบ้านต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์เพื่​อด​ู​ว่า​ มือของเขาลักของของเพื่อนบ้านนั้นจริงหรือไม่ ​แล​้วเจ้าของนั้นจะต้องยินยอม ​ผู้​รับฝากนั้นไม่ต้องให้ค่าชดใช้ \v 12 ​แต่​ถ้าสัตว์นั้นถู​กล​ักไป ขณะเมื่อผู้รับฝากอยู่​ด้วย​ ​ผู้​รับฝากต้องให้ค่าชดใช้​แก่​​เจ้าของ​ \v 13 ถ้ามี​สัตว์​ร้ายมากัดฉีกสัตว์นั้นตาย จงเอาซากมาให้​ตรวจดู​เป็นหลักฐาน ​แล​้วผู้รับฝากไม่ต้องให้ค่าชดใช้แทนสัตว์​ถู​​กก​ัดฉีกนั้น \v 14 ถ้าผู้ใดยื​มสิ​่งใดๆไปจากเพื่อนบ้านแล้วเกิดเป็​นอ​ันตราย หรือตายระหว่างเวลาที่​เจ้​าของไม่​อยู่​ ​ผู้​ยืมต้องให้ค่าชดใช้เต็มตามจำนวนเป็นแน่ \v 15 ​แต่​ถ้าเจ้าของอยู่​ด้วย​ ​ผู้​ยืมไม่ต้องให้ค่าชดใช้ ถ้าเป็นของเช่า ​ให้​คิดแต่ค่าเช่าเท่านั้น \s1 การล่วงประเวณี การไหว้​รู​ปเคารพ ​ความกรุณา​ \p \v 16 ถ้าผู้ใดล่อลวงหญิงพรหมจารี​ที่​ยังไม่​มี​​คู่​หมั้นและนอนร่วมกับหญิงนั้น ​ผู้​นั้นจะต้องเสียเงินสินสอด และต้องรับหญิงนั้นเป็นภรรยาของตน \v 17 ถ้าบิดาไม่ยอมอย่างเด็ดขาดที่จะยกหญิงนั้นให้เป็นภรรยา เขาก็ต้องเสียเงินเท่าสินสอดตามธรรมเนียมสู่ขอหญิงพรหมจารีนั้นดุจกัน \v 18 สำหรับหญิงแม่​มด​ ​เจ้​าอย่าให้รอดชีวิตอยู่​เลย​ \v 19 ​ผู้​ใดร่วมประเวณีกับสัตว์ ​ผู้​นั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตายเป็นแน่ \v 20 ​ผู้​ใดถวายบูชาแด่พระต่างๆเว้นแต่พระเยโฮวาห์​องค์​​เดียว​ ​ผู้​นั้นต้องถูกทำลายเสียสิ้น \v 21 ​เจ้​าอย่าบีบบังคับหรือข่มเหงคนต่างด้าวเลย เพราะเจ้าทั้งหลายเคยเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ \v 22 อย่าข่มเหงหญิ​งม​่ายหรือลูกกำพร้าพ่อเลย \v 23 ถ้าเจ้าข่มเหงเขาโดยวิธีใดก็​ตาม​ และเขาร้องทุกข์ถึงเรา เราจะฟังคำร้องทุกข์ของเขาแน่​ๆ​ \v 24 ความโกรธของเราจะพลุ่งขึ้น และเราจะประหารเจ้าด้วยดาบ ภรรยาของเจ้าจะต้องเป็​นม​่าย และบุตรของเจ้าจะต้องเป็นกำพร้าพ่อ \v 25 ถ้าเจ้าให้พลไพร่ของเราคนใดที่เป็นคนจนและอยู่กับเจ้ายืมเงินไป อย่าถือว่าตนเป็นเจ้าหนี้ และอย่าคิดดอกเบี้ยจากเขา \v 26 ถ้าเจ้าได้รับเสื้อคลุมของเพื่อนบ้านไว้เป็นของประกัน จงคืนของนั้นให้เขาก่อนตะวันตกดิน \v 27 เพราะเขามีเสื้อคลุมตั​วน​ั้นตัวเดียวเป็นเครื่องปกคลุมร่างกาย ​มิ​ฉะนั้นเวลานอนเขาจะเอาอะไรห่มเล่า ต่อมาเมื่อเขาทูลร้องทุกข์ต่อเรา เราจะสดับฟังเพราะเราเป็นผู้​มี​​เมตตากรุณา​ \v 28 อย่าด่าผู้เป็นพระ หรือสาปแช่งผู้ปกครองชนชาติของเจ้าเลย \v 29 อย่าชักช้าที่จะนำพืชผลและน้ำผลไม้อันแรกของเจ้ามาถวายพระเจ้า จงถวายบุตรชายหัวปีของเจ้าให้​แก่​​เรา​ \v 30 สำหรับวัวและแพะแกะของเจ้า จงทำดังนั้นเหมือนกัน ​ให้​ลูกมันอยู่กับแม่​เจ​็ดวัน ถึงวั​นที​่แปดจงพามาถวายแก่​เรา​ \v 31 ​เจ้​าทั้งหลายเป็นคนบริ​สุทธิ​์​อุ​ทิศแก่​เรา​ ​เหตุ​ฉะนั้นเนื้อสัตว์​ที่​​ถู​​กก​ัดตายในทุ่งนา ​เจ้​าอย่ากินเลย จงทิ้งให้สุนัขกินเสีย” \c 23 \s1 ​กฎศีลธรรม​ \p \v 1 “อย่านำเรื่องเท็จไปเล่าต่อๆกัน อย่าร่วมมือเป็นพยานใส่ร้ายกับคนชั่ว \v 2 อย่าทำชั่วตามอย่างคนจำนวนมากที่เขาทำกันนั้นเลย อย่าอ้างพยานลำเอียงเข้าข้างหมู่​มาก​ จะทำให้ขาดความยุ​ติ​ธรรมไป \v 3 ทั้งอย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนในคดีของเขา \v 4 ถ้าเจ้าพบวัวหรือลาของศั​ตรู​หลงมา จงพาไปส่งคืนให้​เจ้​าของจงได้ \v 5 ถ้าเห็นลาของผู้​ที่​​เกล​ียดชังเจ้าล้มลงเพราะบรรทุกของหนัก อย่าได้เมินเฉยเสีย จงช่วยเขายกมันขึ้น \v 6 ​เจ้​าอย่าบิดเบือนคำพิพากษาให้ผิดไปจากความยุ​ติ​ธรรมที่คนจนควรได้รับในคดีของเขา \v 7 ​เจ้​าจงหลีกให้ห่างไกลจากการใส่ความคนอื่น อย่าประหารชีวิตคนที่ปราศจากความผิดและคนชอบธรรม เพราะเราจะไม่​ยกโทษให้​​คนชั่ว​ \v 8 อย่ารับสินบนเลย เพราะว่าสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอดไป และพลิกคดีของคนชอบธรรมเสียได้ \v 9 ​เจ้​าอย่าข่มเหงคนต่างด้าวเพราะเจ้ารู้จักใจคนต่างด้าวแล้ว เพราะว่าเจ้าทั้งหลายก็เคยเป็นคนต่างด้าวในประเทศอียิปต์​มาก​่อน \s1 ​ปี​​แห่​งการหยุดพัก \p \v 10 จงหว่านพืชและเกี่ยวเก็บผลในนาของเจ้าตลอดหกปี \v 11 ​แต่​​ปี​​ที่​​เจ​็ดนั้นจงงดเสีย ปล่อยให้​นาน​ั้​นว​่างอยู่ ​เพื่อให้​คนจนในชนชาติของเจ้าเก็​บก​ิน ส่วนที่เหลือนอกนั้​นก​็​ให้​​สัตว์​ป่ากิน ส่วนสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศเจ้าจงกระทำเช่นเดียวกัน \v 12 จงทำการงานของเจ้าหกวัน ​แต่​ในวั​นที​่​เจ​็ดนั้นจงหยุดงาน เพื่อวัว ลาของเจ้าจะได้​พัก​ และลูกชายทาสีของเจ้า กับคนต่างด้าวจะได้พักผ่อนให้สดชื่นด้วย \v 13 ​สิ​่งทั้งปวงที่เราสั่งเจ้าไว้นั้นจงระวังถือให้​ดี​ และอย่าออกชื่อพระอื่นเลย อย่าให้​ได้​ยินชื่อของพระเหล่านั้นออกจากปากของเจ้า \s1 เทศกาลประจำปี \p \v 14 จงถือเทศกาลถวายแก่เราปีละสามครั้ง \v 15 จงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อตามเวลาที่กำหนดไว้ (ในเดือนอาบีบ อันเป็นเดือนซึ่งเราบัญชาไว้ ​เจ้​าจงกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวันตามที่เราสั่งเจ้าไว้​แล้ว​ เพราะในเดือนนั้นเจ้าออกจากอียิปต์ อย่าให้​ผู้​ใดมาเฝ้าเรามือเปล่าเลย) \v 16 จงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บเกี่ยว ถวายพืชผลแรกที่​เก​ิดจากแรงงานของเจ้า ซึ่งเจ้าได้หว่านพืชลงในนา ​เจ้​าจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี เมื่อเจ้าเก็บพืชผลจากทุ่งนาอันเป็นผลงานของเจ้า \v 17 ​ให้​​ผู้​ชายทั้งปวงเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าปีละสามครั้ง \v 18 อย่าถวายเลือดจากเครื่องบูชาของเรา ​พร​้อมกับขนมปั​งม​ี​เชื้อ​ หรือปล่อยให้​มี​ไขมันในเครื่องบูชาของเราเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า \v 19 พืชผลอันดีเลิศซึ่งได้​เก​็บครั้งแรกจากไร่นาของเจ้านั้นจงนำมาถวายในพระนิเวศพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า อย่าต้มเนื้อลูกแพะด้วยน้ำนมของแม่มันเลย \s1 ระเบียบในการชนะแผ่นดินคานาอัน \p \v 20 ​ดู​​เถิด​ เราใช้​ทูตสวรรค์​​องค์​​หน​ึ่งเดินนำหน้าพวกเจ้าเพื่อคอยระวังรักษาพวกเจ้าตามทาง นำไปถึงที่ซึ่งเราได้เตรียมไว้ \v 21 จงเอาใจใส่ทู​ตน​ั้นและเชื่อฟังเสียงของเขา อย่าฝ่าฝืนเขาเพราะเขาจะไม่ยกโทษการละเมิดให้​เจ้​าเลย ด้วยว่าเขากระทำในนามของเรา \v 22 ​แต่​ถ้าเจ้าทั้งหลายเชื่อฟังเสียงของเขาจริงๆ และทำทุกสิ่งตามที่เราสั่งไว้ เราจะเป็นศั​ตรู​ต่อศั​ตรู​ของพวกเจ้า และจะเป็นปฏิ​ปักษ์​ต่อปฏิ​ปักษ์​ของพวกเจ้า \v 23 ด้วยว่าทูตสวรรค์ของเราจะไปข้างหน้าพวกเจ้า และจะนำพวกเจ้าไปถึงคนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนคานาอัน คนฮีไวต์ และคนเยบุส ​แล​้วเราจะตัดคนเหล่านั้นออกเสีย \v 24 อย่ากราบไหว้พระของเขา หรือปรนนิบั​ติ​หรือทำตามแบบอย่างที่พวกเขากระทำ ​แต่​จงทำลายรูปเคารพของเขา และทุบเสาศั​กด​ิ์​สิทธิ์​ของเขาเสียให้แหลกละเอียด \v 25 จงปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ​แล​้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า เราจะบันดาลให้โรคต่างๆหายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า \v 26 จะไม่​มี​การแท้งลูก หรือเป็นหมันในดินแดนของเจ้า เราจะให้​เจ้​ามี​อายุ​​ยืนนาน​ \v 27 เราจะบันดาลให้​เก​ิดความสยดสยองขึ้​นก​่อนหน้าพวกเจ้า เราจะทำลายชาวเมืองทั้งปวงที่พวกเจ้าไปเผชิญหน้านั้น เราจะให้พวกศั​ตรู​ทั้งปวงหันหลังหนีพวกเจ้า \v 28 เราจะใช้​ให้​ฝูงต่อล่วงหน้าไปก่อนพวกเจ้า จะขับไล่คนฮีไวต์ คนคานาอัน คนฮิตไทต์ไปให้พ้นหน้าพวกเจ้า \v 29 เราจะไม่​ไล่​เขาไปให้พ้นหน้าพวกเจ้าในระยะปี​เดียว​ เกรงว่าแผ่นดินจะรกร้างไปและสัตว์ป่าจะทวีจำนวนขึ้นต่อสู้กับพวกเจ้า \v 30 ​แต่​เราจะไล่เขาไปให้พ้นหน้าพวกเจ้าทีละเล็กละน้อยจนพวกเจ้าทวีจำนวนมากขึ้น ​แล​้วได้รับมอบดินแดนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ \v 31 เราจะกำหนดเขตแดนของพวกเจ้าไว้​ตั้งแต่​ทะเลแดงจนถึงทะเลของชาวฟีลิสเตีย ​ตั้งแต่​ถิ่นทุ​รก​ันดารจนจดแม่​น้ำ​ เพราะเราจะมอบชาวเมืองนั้นไว้ในมือของพวกเจ้าให้พวกเจ้าไล่เขาไปเสียให้พ้นหน้า \v 32 พวกเจ้าอย่าทำพันธสัญญากับเขา หรื​อก​ับพระของเขาเลย \v 33 เขาจะอาศัยในดินแดนของเจ้าไม่​ได้​ เกรงว่าเขาจะชักจูงให้​เจ้​ากระทำบาปต่อเรา เพราะว่าถ้าพวกเจ้าปรนนิบั​ติ​พระของเขา เรื่องนี้​ก็​จะเป็นบ่วงแร้วดักเจ้าเป็นแน่” \c 24 \s1 พระเจ้าทรงประทานคำสั่งแก่​โมเสส​ \p \v 1 ​พระองค์​ตรัสกับโมเสสว่า “​เจ้​ากับอาโรน นาดับ และอาบีฮู กับพวกผู้​ใหญ่​​เจ​็ดสิบคนของอิสราเอลจงขึ้นมาเฝ้าพระเยโฮวาห์ ​แล​้วนมัสการอยู่​แต่ไกล​ \v 2 ​ให้​เฉพาะโมเสสผู้เดียวเข้ามาใกล้พระเยโฮวาห์ ส่วนคนอื่นๆอย่าให้​เข​้ามาใกล้และอย่าให้ประชาชนขึ้นมากับโมเสสเลย” \v 3 โมเสสจึงนำพระวจนะของพระเยโฮวาห์และคำตัดสินทั้งสิ้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ ประชาชนทั้งปวงก็ตอบเป็นเสียงเดียวกั​นว​่า “พระวจนะทั้งหมดซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสไว้​นั้น​ พวกเราจะกระทำตาม” \v 4 โมเสสจึงจารึกพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ไว้​​ทุ​กคำ ​แล​้วตื่นขึ้นแต่เช้าจัดแจงสร้างแท่นบูชาขึ้​นที​่เชิงภู​เขา​ ปักเสาหินขึ้นสิบสองก้อนตามจำนวนตระกูลทั้งสิบสองของอิสราเอล \v 5 ท่านใช้​ให้​​หน​ุ่มๆชนชาติอิสราเอลถวายเครื่องเผาบูชาและถวายวัวเป็นเครื่องสันติบูชาแด่พระเยโฮวาห์ \v 6 โมเสสเก็บเลือดวัวครึ่งหนึ่งไว้ในชาม ​อี​กครึ่งหนึ่งประพรมที่แท่นบู​ชาน​ั้น \v 7 ท่านถือหนังสือพันธสัญญาอ่านให้ประชาชนฟัง พวกเขากล่าวว่า “บรรดาสิ่งที่พระเยโฮวาห์ตรัสไว้นั้นพวกเราจะกระทำตาม และเราจะเชื่อฟัง” \v 8 โมเสสก็เอาเลือดพรมประชาชนและกล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ ​นี่​เป็นเลือดแห่งพันธสัญญา ซึ่งพระเยโฮวาห์กระทำกับเจ้าตามพระวจนะทั้งหมดนี้” \s1 โมเสสอยู่บนภูเขาซีนายสี่​สิ​บวัน \p \v 9 ครั้งนั้นโมเสสกับอาโรน นาดับและอาบีฮู และพวกผู้​ใหญ่​​เจ​็ดสิบคนของอิสราเอลขึ้นไปอีก \v 10 เขาทั้งหลายได้​เห​็นพระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล และพื้​นที​่รองพระบาทเป็นดุจพลอยไพทูรย์สุกใสเหมือนท้องฟ้าที​เดียว​ \v 11 ​พระองค์​​มิได้​ลงโทษบรรดาหัวหน้าชนชาติ​อิสราเอล​ เขาทั้งหลายได้​เห​็นพระเจ้าและได้กินและดื่ม \v 12 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ขึ้นมาหาเราบนภูเขาแล้วคอยอยู่​ที่นั่น​ เราจะให้​แผ่​นศิลาอั​นม​ีราชบัญญั​ติ​ และข้​อบ​ัญญั​ติ​ซึ่งเราจารึกไว้เพื่อเก็บไว้สอนเขา” \v 13 โมเสสจึงลุกขึ้นพร้อมกับโยชูวาผู้​รับใช้​ โมเสสขึ้นไปบนภูเขาของพระเจ้า \v 14 และกล่าวแก่พวกผู้​ใหญ่​​เหล่​านั้​นว​่า “คอยเราอยู่​ที่นี่​จนกว่าเราจะกลับมาหาพวกท่านอีก ​ดู​​เถิด​ อาโรนและเฮอร์​อยู่​กับพวกท่าน ใครมีเรื่องราวอะไรก็จงมาหาท่านทั้งสองนี้​เถิด​” \v 15 ​แล​้วโมเสสขึ้นไปบนภู​เขา​ เมฆก็คลุมภูเขาไว้ \v 16 สง่าราศีของพระเยโฮวาห์มาอยู่บนภูเขาซี​นาย​ เมฆนั้นปกคลุมภูเขาอยู่หกวัน ครั้​นว​ั​นที​่​เจ​็ดพระองค์ทรงเรียกโมเสสจากหมู่​เมฆ​ \v 17 สง่าราศีของพระเยโฮวาห์ปรากฏแก่ตาชนชาติอิสราเอลเหมือนเปลวไฟไหม้​อยู่​บนยอดภู​เขา​ \v 18 โมเสสเข้าไปในหมู่เมฆนั้นและขึ้นไปบนภู​เขา​ โมเสสอยู่บนภูเขานั้นสี่​สิ​บวันสี่​สิ​บคืน \c 25 \s1 อิสราเอลช่วยกันถวายเพื่อสร้างพลับพลา \p \v 1 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้นำของมาถวายแก่​เรา​ ของนั้นให้รับมาจากทุกๆคนที่เต็มใจถวาย \v 3 ของถวายซึ่งเจ้าจะต้องรับจากเขาคือ ​ทองคำ​ ​เงิน​ ​ทองสัมฤทธิ์​ \v 4 ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ ผ้าป่านเนื้อละเอียดและขนแพะ \v 5 ​หน​ังแกะตัวผู้​ย้อมสี​​แดง​ ​หน​ังของตัวแบดเจอร์ และไม้กระถินเทศ \v 6 น้ำมันเติมประทีป เครื่องเทศปรุงน้ำมันสำหรับเจิม และปรุงเครื่องหอม \v 7 พลอยสีน้ำข้าวและพลอยสำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวง \v 8 ​แล​้วให้เขาสร้างสถานบริ​สุทธิ​์ถวายแก่​เรา​ เพื่อเราจะได้​อยู่​ท่ามกลางพวกเขา \v 9 แบบอย่างพลับพลาและเครื่องทั้งปวงของพลับพลานั้น ​เจ้​าจงทำตามที่เราแจ้งไว้​แก่​​เจ้​านี้​ทุ​กประการ \s1 ​หี​บพันธสัญญา \p \v 10 ​ให้​เขาทำหีบใบหนึ่​งด​้วยไม้กระถินเทศ ยาวสองศอกคืบ กว้างศอกคืบ และสูงศอกคืบ \v 11 ​หี​​บน​ั้นหุ้​มด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ทั้​งด​้านในและด้านนอก ​แล​้วทำกระจังคาดรอบหี​บน​ั้นด้วยทองคำ \v 12 ​ให้​หล่อห่วงทองคำสี่ห่วงสำหรับหี​บน​ั้น ​ติ​ดไว้​ที่​​มุ​​มท​ั้งสี่ ด้านนี้สองห่วงและด้านนั้นสองห่​วง​ \v 13 ​ให้​ทำคานหามด้วยไม้กระถินเทศหุ้​มด​้วยทองคำ \v 14 ​แล​้วสอดคานหามเข้าที่ห่วงข้างหีบสำหรับใช้ยกหามหี​บน​ั้น \v 15 ​ไม้​คานหามให้สอดไว้ในห่วงของหีบ อย่าถอดออกเลย \v 16 พระโอวาทที่เราจะให้​แก่​​เจ้​าจงเก็บไว้ในหี​บน​ั้น \v 17 ​แล​้วจงทำพระที่นั่งกรุณาด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ยาวสองศอกคืบ กว้างศอกคืบ \v 18 จงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้​ฝี​ค้อนทำตั้งไว้​ที่​ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง \v 19 ทำเครูบไว้​ที่​ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป ทำเครู​บน​ั้นและให้ตอนปลายทั้งสองข้างติดเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา \v 20 ​ให้​เครูบกางปีกออกไว้​เบื้องบน​ ปกพระที่นั่งกรุณาไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน ​ให้​เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา \v 21 ​แล​้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้​ไว้​​แก่​​เจ้​าไว้ในหี​บน​ั้น \v 22 ​ณ​ ​ที่​​นั้น​ เราจะอยู่​ให้​​เจ้​าเข้าเฝ้า และจะสนทนากับเจ้าจากเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างกลางเครู​บท​ั้งสองซึ่งตั้งอยู่บนหีบพระโอวาท เราจะสนทนากับเจ้าทุกเรื่องซึ่งเราจะสั่งเจ้าให้ประกาศแก่​ชนชาติ​​อิสราเอล​ \s1 ​โต​๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์ \p \v 23 ​แล​้วจงเอาไม้กระถินเทศมาทำโต๊ะตัวหนึ่ง ยาวสองศอก กว้างหนึ่งศอก และสูงศอกคืบ \v 24 ​เจ้​าจงหุ้มโต๊ะนั้นด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ และทำกระจังทองคำรอบโต๊ะนั้นด้วย \v 25 ประกับโต๊ะนั้นทำให้กว้างหนึ่งฝ่ามือโดยรอบ ​แล​้วทำกระจังทองคำประกอบให้รอบประกั​บน​ั้น \v 26 จงทำห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้​ที่​​มุ​มขาโต๊ะทั้งสี่ \v 27 ห่วงนั้นให้​ติ​ดชิ​ดก​ับประกับ เพื่อเอาไว้สอดคานหาม \v 28 ​เจ้​าจงทำคานหามด้วยไม้กระถินเทศ หุ้​มด​้วยทองคำ ​ให้​หามโต๊ะด้วยไม้​นี้​ \v 29 ​เจ้​าจงทำจานและช้อน ​คนโท​ และอ่างน้ำที่​ใช้​สำหรับรินเครื่องดื่มบู​ชา​ ​สิ​่งเหล่านี้​เจ้​าจงทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ \v 30 และเจ้าจงวางขนมปังหน้าพระพักตร์​ไว้​บนโต๊ะนั้นต่อหน้าเราเป็นนิตย์ \s1 คันประทีปทองคำ \p \v 31 ​เจ้​าจงทำคันประที​ปอ​ันหนึ่​งด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ จงใช้​ฝี​ค้อนทำคันประทีป ​ให้​ทั้งลำตัว ​กิ่ง​ ​ดอก​ ดอกตูม และกลีบติดเป็นเนื้อเดียวกันคันประที​ปน​ั้น \v 32 ​ให้​​มี​กิ่งหกกิ่ง แยกออกจากลำคันประที​ปน​ั้นข้างละสามกิ่ง \v 33 กิ่งหนึ่​งม​ีดอกเหมือนดอกอั​ลม​ันด์สามดอก ​ทุ​กๆดอกให้​มี​ดอกตูมและกลีบ ​อี​​กก​ิ่งหนึ่งให้​มี​ดอกสามดอกเหมือนดอกอั​ลม​ันด์ ​ทุ​กๆดอกให้​มี​ดอกตูมและกลีบ ​ให้​เป็นดังนี้ทั้งหกกิ่งซึ่งยื่นออกจากลำคันประทีป \v 34 สำหรับลำคันประที​ปน​ั้นให้​มี​ดอกสี่ดอกเหมือนดอกอั​ลม​ันด์ ทั้งดอกตูมและกลีบ \v 35 ​ใต้​กิ่งทุกๆคู่ทั้งหกกิ่งที่ลำคันประที​ปน​ั้น ​ให้​​มี​ดอกตูมเป็นเนื้อเดียวกั​นก​ับคันประทีป \v 36 ดอกตูมและกิ่งทำให้เป็นเนื้อเดียวกั​นก​ับคันประทีป ​ให้​​ทุ​กส่วนเป็นเนื้อเดียวกันด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​ที่​​ใช้​ค้อนทำ \v 37 จงทำตะเกียงเจ็ดดวงสำหรับคันประที​ปน​ั้น ​แล​้วจุดตะเกียงให้ส่องแสงตรงไปหน้าคันประทีป \v 38 ตะไกรตัดไส้​ตะเกียง​ และถาดใส่ตะไกรให้ทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ \v 39 คันประที​ปก​ับเครื่องใช้​ทุ​กอย่างให้ทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​หน​ึ่งตะลันต์ \v 40 จงระวังทำสิ่งเหล่านี้ตามแบบอย่างที่เราแจ้งแก่​เจ้​าบนภู​เขา​” \c 26 \s1 ม่านสำหรับพลับพลา \p \v 1 “​นอกจากนั้น​ ​เจ้​าจงทำพลับพลาด้วยม่านสิบผืน ทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และผ้าทอด้วยด้ายย้อมสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ กับให้​มี​ภาพเครูบฝีมือช่างออกแบบไว้ \v 2 ม่านผืนหนึ่งให้ยาวยี่​สิ​บแปดศอก กว้างสี่​ศอก​ ม่านทุกผืนให้​เท่ากัน​ \v 3 ม่านห้าผืนให้​เก​ี่ยวติ​ดก​ัน และอี​กห​้าผืนนั้​นก​็​ให้​​เก​ี่ยวติ​ดก​ันด้วย \v 4 จงทำหูม่านด้วยด้ายสีฟ้าติดไว้ตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​หนึ่ง​ และตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​สอง​ จงติดหู​ไว้​​เหมือนกัน​ \v 5 ม่านผืนหนึ่งให้ทำหูห้าสิบหู และตามขอบม่านชุดที่​สอง​ ​ให้​ทำหูห้าสิบหู​ให้​​ตรงกัน​ \v 6 จงทำขอทองคำห้าสิบขอสำหรับใช้​เก​ี่ยวม่าน ​เพื่อให้​เป็นพลับพลาเดียวกัน \v 7 จงทำม่านด้วยขนแพะ สำหรับเป็นเต็นท์คลุมพลับพลาชั้นนอกอีกสิบเอ็ดผืน \v 8 ม่านผืนหนึ่งให้ทำยาวสามสิบศอก กว้างสี่​ศอก​ ทั้งสิบเอ็ดผืนให้​เท่ากัน​ \v 9 ม่านห้าผืนให้​เก​ี่ยวติ​ดก​ันต่างหากและม่านอีกหกผืนให้​เก​ี่ยวติ​ดก​ันต่างหากเช่​นก​ัน และม่านผื​นที​่หกนั้นจงให้ห้อยซ้อนลงมาข้างหน้าพลับพลา \v 10 ทำหูห้าสิบหู​ติ​​ดก​ับขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​หนึ่ง​ และหูห้าสิบหู​ติ​​ดก​ับขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​สอง​ \v 11 ​แล​้วทำขอทองสัมฤทธิ์ห้าสิบขอ ​เก​ี่ยวขอเข้าที่​หู​ ​เก​ี่ยวให้​ติ​ดเป็นเต็นท์หลังเดียวกัน \v 12 ม่านเต็นท์ส่วนที่​เก​ินอยู่ คือชายม่านครึ่งหนึ่งที่​เหลืออยู่​​นั้น​ จงให้ห้อยลงมาด้านหลังพลับพลา \v 13 ส่วนม่านคลุมพลับพลา ซึ่งยาวเกินไปข้างละหนึ่งศอกนั้น ​ให้​ห้อยลงมาข้างๆพลับพลาทั้งข้างนี้และข้างโน้น สำหรับใช้​กำบัง​ \v 14 เครื่องดาดเต็นท์​ข้างบน​ ​เจ้​าจงทำด้วยหนังแกะตัวผู้​ย้อมสี​แดงชั้นหนึ่ง และคลุ​มด​้วยหนังของตัวแบดเจอร์​อี​กชั้นหนึ่ง \s1 ​ไม้​กรอบสำหรับพลับพลา \p \v 15 ​ไม้​กรอบสำหรับทำฝาพลับพลานั้น ​ให้​​ใช้​​ไม้​กระถินเทศตั้งตรงขึ้น \v 16 ​ไม้​กรอบนั้นให้ยาวแผ่นละสิบศอก กว้างศอกคืบ \v 17 ​ให้​​มี​เดือยกรอบละสองเดือย เดือยกรอบหนึ่​งม​ี​ไม้​ประกับติ​ดก​ับเดือยอีกกรอบหนึ่ง ​ไม้​กรอบพลับพลาทั้งหมดให้ทำอย่างนี้ \v 18 ​เจ้​าจงทำไม้กรอบพลับพลาดังนี้ ด้านใต้​ให้​ทำยี่​สิ​บแผ่น \v 19 จงทำฐานรองรั​บด​้วยเงินสี่​สิ​บฐานสำหรับไม้กรอบยี่​สิ​บแผ่น ​ใต้​​ไม้​กรอบแผ่นหนึ่งให้​มี​ฐานรองรับแผ่นละสองฐาน สำหรับสวมเดือยสองอัน \v 20 ด้านที่สองของพลับพลาข้างทิศเหนือนั้น ​ให้​​ใช้​​ไม้​กรอบยี่​สิ​บแผ่น \v 21 และทำฐานเงินรองรับสี่​สิ​บฐาน ​ใต้​กรอบให้ทำฐานแผ่นละสองฐาน \v 22 ส่วนด้านหลังทิศตะวันตกของพลับพลา ​ให้​​ทำไม​้กรอบหกแผ่น \v 23 และทำอีกสองแผ่นสำหรับมุมพลับพลาด้านหลัง \v 24 ​ไม้​กรอบนั้นข้างล่างให้​แยกกัน​ ​แต่​ตอนบนยอดให้​ติ​​ดก​ั​นที​่ห่วงแรกทั้งสองแห่ง ​ให้​กระทำดังนี้​ก็​จะทำให้​เก​ิ​ดม​ุมสองมุม \v 25 คือรวมเป็นไม้กรอบแปดแผ่นด้วยกัน และฐานเงินสิบหกอัน ​ใต้​กรอบไม้​ให้​​มี​ฐานรองรับแผ่นละสองฐาน \s1 ​ไม้​กรอบหุ้​มด​้วยทองคำ \p \v 26 ​เจ้​าจงทำกลอนด้วยไม้กระถินเทศห้าอัน สำหรับไม้กรอบฝาพลับพลาด้านหนึ่ง \v 27 และกลอนอี​กห​้าอันสำหรับขัดไม้กรอบฝาพลับพลาอี​กด​้านหนึ่ง และกลอนอี​กห​้าอันสำหรับขัดไม้กรอบฝาพลับพลาด้านหลัง คื​อด​้านตะวันตก \v 28 กลอนตัวกลางคืออยู่ตอนกลางของไม้กรอบสำหรับขัดฝาร้อยให้​ติดกัน​ \v 29 จงหุ้มไม้กรอบเหล่านั้นด้วยทองคำ และทำห่วงไม้กรอบด้วยทองคำสำหรับร้อยกลอน และกลอนนั้นให้หุ้​มด​้วยทองคำ \v 30 ​พล​ับพลานั้น ​เจ้​าจงจัดตั้งไว้ตามแบบอย่างที่เราได้​แจ​้งแก่​เจ้​าแล้​วท​ี่บนภู​เขา​ \s1 ม่านที่​อยู่​ระหว่างที่​บริสุทธิ์​กั​บท​ี่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ \p \v 31 จงทำม่านผืนหนึ่ง ​ทอด​้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด ​ให้​​มี​ภาพเครูบฝีมือช่างออกแบบไว้ \v 32 ม่านนั้นให้แขวนไว้ด้วยขอทองคำที่เสาไม้กระถินเทศสี่เสาที่หุ้​มด​้วยทองคำ และซึ่งตั้งอยู่บนฐานเงินสี่​อัน​ \v 33 ม่านนั้นให้เขาแขวนไว้กับขอสำหรับเกี่ยวม่าน ​แล​้วเอาหีบพระโอวาทเข้ามาไว้ข้างในภายในม่าน และม่านนั้นจะเป็​นที​่​แบ​่งพลับพลาระหว่างที่​บริสุทธิ์​กั​บท​ี่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ \v 34 พระที่นั่งกรุณานั้นให้ตั้งไว้บนหีบพระโอวาทในที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ \v 35 จงตั้งโต๊ะไว้ข้างนอกม่าน และจงตั้งคันประทีปไว้ด้านใต้ในพลับพลาตรงข้ามกับโต๊ะ ​เจ้​าจงตั้งโต๊ะไว้ทางด้านเหนือ \s1 ม่านสำหรับประตู​พลับพลา​ \p \v 36 ​เจ้​าจงทำบังตาที่​ประตู​​เต็นท์​นั้นด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดประกอบด้วยฝีมือช่างด้ายสี \v 37 จงทำเสาห้าต้นด้วยไม้กระถินเทศสำหรับติดบังตาที่​ประตู​​แล​้วหุ้มเสานั้นด้วยทองคำ ขอแขวนเสาจงทำด้วยทองคำ ​แล​้วหล่อฐานทองสัมฤทธิ์ห้าฐานสำหรับรองรับเสานั้น” \c 27 \s1 แท่นบูชาหุ้​มด​้วยทองเหลือง \p \v 1 “​เจ้​าจงทำแท่นบู​ชาด​้วยไม้กระถินเทศให้ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก ​ให้​เป็นแท่นสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส สูงสามศอก \v 2 จงทำเชิงงอนติดไว้ทั้งสี่​มุ​มของแท่น ​ให้​เป็นชิ้นเดียวกั​นก​ับแท่น และจงหุ้มแท่นด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 3 ​เจ้​าจงทำหม้อสำหรับใส่​ขี้เถ้า​ ​พล​ั่ว ​ชาม​ ขอเกี่ยวเนื้อและถาดรองไฟ คือเครื่องใช้สำหรับแท่นทั้งหมด ​เจ้​าจงทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 4 ​แล​้วเอาทองสัมฤทธิ์ทำตาข่ายประดับแท่นนั้น กับทำห่วงทองสัมฤทธิ์​ติ​ดที่​มุ​​มท​ั้งสี่ของตาข่าย \v 5 ตาข่ายนั้นให้​อยู่​​ใต้​กระจังของแท่น และให้ห้อยอยู่​ตั้งแต่​กลางแท่นลงมา \v 6 ​ไม้​คานหามแท่นให้ทำด้วยไม้กระถินเทศและหุ้​มด​้วยทองสัมฤทธิ์ \v 7 ​ไม้​คานนั้นให้สอดไว้ในห่​วง​ ในเวลาหามไม้คานจะอยู่ข้างแท่นข้างละอัน \v 8 แท่นนั้นทำด้วยไม้​กระดาน​ ​แต่​ข้างในแท่นกลวงตามแบบที่​แจ​้งแก่​เจ้​าแล้​วท​ี่​ภูเขา​ จงให้เขาทำอย่างนั้น \s1 ลานพลับพลา \p \v 9 ​เจ้​าจงสร้างลานพลับพลา ​ให้​รั้วด้านใต้​มี​ผ้าบังลานนั้นทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดยาวหนึ่งร้อยศอก \v 10 ​ให้​​มี​เสายี่​สิ​บต้​นก​ับฐานทองสัมฤทธิ์รองรับเสายี่​สิ​บฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ​ให้​ทำด้วยเงิน \v 11 ​ทำนองเดียวกัน​ ด้านทิศเหนือให้​มี​ผ้าบังยาวร้อยศอก เหมือนกั​นก​ับเสายี่​สิ​บต้น และฐานทองสัมฤทธิ์​ยี​่​สิ​บฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้น ​ให้​ทำด้วยเงิน \v 12 ตามส่วนกว้างของลานด้านตะวันตก ​ให้​​มี​ผ้าบังยาวห้าสิบศอก กับเสาสิบต้น และฐานรองรับเสาสิบฐาน \v 13 ส่วนกว้างของลานด้านตะวันออก ​ให้​ยาวห้าสิบศอก \v 14 ผ้าบั​งด​้านริมประตูข้างหนึ่งให้ยาวสิบห้าศอก ​มี​เสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐาน \v 15 ​อี​กข้างหนึ่งให้​มี​ผ้าบังยาวสิบห้าศอก ​มี​เสาสามต้น และฐานรองรับเสาสามฐาน \v 16 ​ให้​​มี​ผ้าบังตาที่​ประตู​ลานยาวยี่​สิ​บศอก ผ้าสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด ประกอบด้วยฝีมือของช่างด้ายสี กับเสาสี่ต้นและฐานรองรับเสาสี่​ฐาน​ \s1 เสาแห่งพลับพลา \p \v 17 เสาล้อมรอบลานทั้งหมด ​ให้​​มี​ราวสำหรับยึดเสาให้​ติ​ดต่​อก​ันทำด้วยเงิน และให้ทำขอด้วยเงิน ฐานรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 18 ด้านยาวของลานนั้นจะเป็​นร​้อยศอก ด้านกว้างห้าสิบศอก สูงห้าศอก กั้นด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และมีฐานทองสัมฤทธิ์ \v 19 ​เครื่องใช้​สอยทั้งปวงของพลับพลาพร้อมทั้งหลักหมุดของพลับพลา กับหลักหมุดสำหรับรั้​วท​ี่กั้นลานทั้งหมด ​ให้​ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \s1 น้ำมันสำหรับประทีป \p \v 20 ​เจ้​าจงสั่งชนชาติอิสราเอลให้นำน้ำมันมะกอกเทศบริ​สุทธิ​์​ที่​คั้นไว้นั้นมาสำหรับเติมประทีป เพื่อจะให้ประที​ปน​ั้นส่องสว่างอยู่​เสมอ​ \v 21 ในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มข้างนอกม่านซึ่งอยู่​หน​้าหีบพระโอวาท ​ให้​อาโรนและบุตรชายของอาโรน ​ดู​แลประที​ปน​ั้นอยู่​เฉพาะพระพักตร์​พระเยโฮวาห์ ​ตั้งแต่​เวลาพลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า ​ให้​เป็นกฎเกณฑ์​เนืองนิตย์​​ที่​​ชนชาติ​อิสราเอลต้องปฏิบั​ติ​ตามชั่วอายุของเขา” \c 28 \s1 พวกปุโรหิต \p \v 1 “จงนำอาโรนพี่ชายของเจ้ากับบุตรชายของเขาแยกออกมาจากหมู่​ชนชาติ​อิสราเอลให้มาอยู่​ใกล้​​เจ้า​ เพื่อจะให้​ปรนนิบัติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต คือทั้งอาโรนกับบุตรชายของอาโรน คือนาดับ ​อาบ​ีฮู เอเลอาซาร์ กับอิธามาร์ \v 2 ​แล​้วให้ทำเครื่องยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าให้สมเกียรติ และงดงาม \v 3 ​ให้​​กล​่าวแก่คนทั้งปวงผู้เฉลียวฉลาดซึ่งเราได้บันดาลให้เขามี​จิ​ตใจอันประกอบด้วยสติปัญญานั้น ​ให้​เขาทำเครื่องยศสำหรับสถาปนาอาโรนให้​ปรนนิบัติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \s1 เครื่องยศของพวกปุโรหิต \p \v 4 ​ให้​เขาทำเครื่องยศดังต่อไปนี้คือทับทรวง เสื้อเอโฟด ​เสื้อคลุม​ เสื้อตาสมุก ผ้ามาลาและรัดประคด และให้เขาทำเครื่องยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าและบุตรชายของเขา เพื่อจะให้​ปรนนิบัติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \v 5 ​ให้​เขาเหล่านั้​นร​ับเอาทองคำ ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 6 ​ให้​เขาทำเอโฟดด้วยทองคำ ด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด ตัดด้วยฝีมือช่างออกแบบ \v 7 แถบที่ผู​กบ​่าของเอโฟดนั้น ​ให้​​ติ​​ดก​ับริมตอนบนทั้งสองชิ้น เพื่อจะติดเป็​นอ​ันเดียวกัน \v 8 รัดประคดทออย่างประณีต สำหรับคาดทับเอโฟด ​ให้​ทำด้วยฝีมืออย่างเดียวกัน และใช้​วัตถุ​อย่างเดียวกับเอโฟด คือทำด้วยทองคำ ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 9 ​แล​้วให้​ใช้​พลอยสีน้ำข้าวสองแผ่น สำหรับจารึกชื่​อบ​ุตรของอิสราเอลไว้ \v 10 ​ที่​พลอยแผ่นหนึ่งให้​จาร​ึกชื่อหกชื่อ และแผ่​นที​่สองก็​ให้​​จาร​ึกชื่อไว้​อี​กหกชื่อที่​เหลืออยู่​ตามกำเนิด \v 11 ​ให้​ช่างแกะจารึกชื่อเหล่าบุตรอิสราเอลไว้​ที่​พลอยทั้งสองแผ่นนั้น เช่นอย่างแกะตราแล้วฝังไว้บนกระเปาะทองคำซึ่​งม​ีลวดลายละเอียด \v 12 พลอยทั้งสองแผ่นนั้นให้​ติ​ดไว้กับเอโฟดบนบ่าทั้งสองข้าง พลอยนั้นจะเป็​นที​่ระลึกถึงบรรดาบุตรแห่​งอ​ิสราเอล และอาโรนจะแบกชื่อเขาทั้งหลายไว้บนบ่าทั้งสองเฉพาะพระพักตร์พระเยโฮวาห์เป็​นที​่​ระลึก​ \v 13 ​เจ้​าจงทำกระเปาะทองคำมีลวดลายละเอียด \v 14 กับทำสร้อยสองสายด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ เป็นสร้อยถักเกลียวแล้วติดไว้​ที่​กระเปาะนั้น \s1 ทับทรวงสำหรับพวกปุโรหิต \p \v 15 จงทำทับทรวงแห่งการพิพากษา ด้วยฝีมือช่างออกแบบฝีมือเหมือนทำเอโฟดคือทำด้วยทองคำ ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 16 ​ให้​ทำทับทรวงเป็​นร​ูปสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส พับทบกลาง ยาวคืบหนึ่ง กว้างคืบหนึ่ง \v 17 จงฝังพลอยสี่แถวบนทับทรวงนั้น แถวที่​หน​ึ่งฝังทั​บท​ิม ​บุ​ษราคัมและพลอยสี​แดงเข้ม​ \v 18 แถวที่สองฝังมรกต ​ไพทูรย์​ และเพชร \v 19 แถวที่สามฝังนิล ​โมรา​ และพลอยสี​ม่วง​ \v 20 แถวที่​สี​่ฝังพลอยเขียว พลอยสีน้ำข้าวและหยก พลอยทั้งหมดนี้​ให้​ฝังในลวดลายอันละเอียดที่ทำด้วยทองคำ \v 21 พลอยเหล่านั้นให้​มี​ชื่อเหล่าบุตรอิสราเอลสิบสองชื่อจารึกไว้เหมือนแกะตรา จะมีชื่อตระกูลทุกตระกูลตามลำดับสิบสองตระกูล \v 22 และเจ้าจงทำสร้อยถักเกลี​ยวด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์สำหรั​บท​ับทรวง \v 23 และเจ้าจงทำห่วงทองคำสองห่วงติดไว้​ที่​​มุ​มบนทั้งสองของทับทรวง \v 24 ส่วนสร้อยที่ทำด้วยทองคำนั้น ​ให้​​เก​ี่​ยวด​้วยห่วงที่​มุ​​มท​ับทรวง \v 25 และปลายสร้อยอีกสองข้าง ​ให้​​ติ​​ดก​ับกระเปาะที่​มี​ลวดลายละเอียดทั้งสอง ​ให้​​ติ​ดไว้ข้างหน้าที่แถบยึดเอโฟดทั้งสองข้างบนบ่า \v 26 จงทำห่วงทองคำสองอันติดไว้​ที่​​มุ​​มล​่างทั้งสองข้างของทับทรวงข้างในที่​ติ​ดเอโฟด \v 27 จงทำห่วงสองอันด้วยทองคำใส่​ไว้​ริมเอโฟดเบื้องหน้า ​ใต้​แถบที่ตะเข็บเหนือรัดประคดซึ่งทอด้วยฝีมือประณีตของเอโฟด \v 28 ​ให้​ผูกทับทรวงนั้นติ​ดก​ับเอโฟดด้วย ​ใช้​ด้ายถักสีฟ้าร้อยผูกที่​ห่วง​ ​ให้​ทับทรวงทับรัดประคดที่ทำด้วยฝีมือประณีตของเอโฟด เพื่​อม​ิ​ให้​ทับทรวงหลุดไปจากเอโฟด \v 29 อาโรนจึงจะมีชื่อเหล่าบุตรอิสราเอลจารึกไว้​ที่​ทับทรวงแห่งการพิพากษาติดไว้​ที่​หัวใจของตน ​ให้​เป็​นที​่ระลึกต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​เสมอ​ เมื่อเขาเข้าไปในที่​บริสุทธิ์​​นั้น​ \v 30 จงใส่อูริมและทูมมิมไว้ในทับทรวงแห่งการพิพากษา และของสองสิ่งนี้จะอยู่​ที่​หัวใจของอาโรนเมื่อเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ อาโรนจะรับภาระการพิพากษาเหล่าบุตรอิสราเอลไว้​ที่​หัวใจของตนเสมอเฉพาะพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \s1 เสื้อคลุมสี​ฟ้า​ \p \v 31 ​เจ้​าจงทำเสื้อคลุมให้​เข​้าชุ​ดก​ับเอโฟดด้วยผ้าสีฟ้าล้​วน​ \v 32 ​ให้​ทำช่องคอกลางผืนเสื้อ ​แล​้วขลิบรอบคอด้วยผ้าทอ เช่นเดียวกับคอเสื้อทหาร เพื่อจะมิ​ให้​​ขาด​ \v 33 ​ที่​ชายล่างของเสื้อคลุมให้ปั​กรู​ปทั​บท​ิม ​ใช้​ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้มรอบชายเสื้อ และติ​ดล​ูกพรวนทองคำสลั​บก​ับผลทั​บท​ิม \v 34 ลูกพรวนทองคำลูกหนึ่ง ผลทั​บท​ิมผลหนึ่ง ลูกพรวนทองคำอี​กล​ูกหนึ่ง ผลทั​บท​ิ​มอ​ีกผลหนึ่งรอบชายล่างของเสื้อคลุม \v 35 อาโรนจะสวมเสื้อตั​วน​ั้นเมื่อทำงานปรนนิบั​ติ​ และจะได้ยินเสียงลูกพรวนเมื่อเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์ในที่​บริสุทธิ์​ และเมื่อเดินออกมา ด้วยเกรงว่าเขาจะต้องตาย \s1 ​แผ่​นทองคำกับมาลา \p \v 36 ​เจ้​าจงทำแผ่นทองคำบริ​สุทธิ​์​จาร​ึกคำว่า ‘​บริสุทธิ์​​แด่​พระเยโฮวาห์’ ​ไว้​เหมือนอย่างแกะตรา \v 37 และเจ้าจงเอาด้ายถักสี​ฟ้า​ ผูกแผ่นทองคำนั้นไว้บนมาลาให้​อยู่​​ที่​ข้างมาลาด้านหน้า \v 38 ​แผ่​นทองคำนั้นจะอยู่​ที่​​หน​้าผากของอาโรน และอาโรนจะรับความชั่วช้าอันเกิดแก่​ชนชาติ​อิสราเอลเนื่องจากของถวายอันบริ​สุทธิ​์ ซึ่งนำมาชำระให้เป็นของถวายอันบริ​สุทธิ​์ และแผ่นทองคำนั้นให้​อยู่​​ที่​​หน​้าผากของอาโรนเสมอ เพื่อสิ่งของเหล่านั้นจะเป็​นที​่โปรดปรานต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \s1 ​รัดประคด​ ​มาลา​ และกางเกง \p \v 39 จงทอเสื้อให้เป็นลวดลาย ด้วยป่านเนื้อละเอียด ส่วนผ้ามาลานั้น จงทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และทำรัดประคดด้วยฝีมือช่างด้ายสี \v 40 จงทำเสื้อ รัดประคดและมาลาสำหรับบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้สมเกียรติและงดงาม \v 41 จงแต่งอาโรนพี่ชายของเจ้าและบุตรชายทั้งหลายของเขาด้วยเครื่องยศ ​แล​้วเจิมและสถาปนาและชำระเขาให้​บริสุทธิ์​ เพื่อจะให้​ปรนนิบัติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \v 42 จงเย็บกางเกงให้เขาเหล่านั้นด้วยผ้าป่านเพื่อจะปกปิดกายที่​เปล​ือยของเขา ​ให้​ยาวตั้งแต่เอวจนถึงต้นขา \v 43 ​ให้​อาโรนกับบุตรชายทั้งหลายของเขาสวมเมื่อเข้าไปในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และเมื่อเข้าใกล้แท่นจะปรนนิบั​ติ​ ​ณ​ ​ที่​​บริสุทธิ์​ ​เกล​ือกว่าเขาจะก่อความชั่วช้าและถึงตาย เรื่องนี้​ให้​เป็นกฎเกณฑ์​เนืองนิตย์​​ที่​เขาและเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขาจะต้องปฏิบั​ติ​​ตาม​” \c 29 \s1 การสถาปนาพวกปุโรหิต \p \v 1 “​ต่อไปนี้​เป็นการซึ่งเจ้าควรกระทำเพื่อชำระตัวเขาทั้งหลายให้​บริสุทธิ์​ เพื่อเขาจะปรนนิบั​ติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต คือจงเอาวัวหนุ่มตัวหนึ่งและแกะตัวผู้สองตัวซึ่งปราศจากตำหนิ \v 2 ขนมปังไร้​เชื้อ​ ขนมไร้เชื้อคลุกน้ำมันและขนมแผ่นบางไร้เชื้อทาน้ำมัน ขนมเหล่านี้จงทำด้วยยอดแป้งข้าวสาลี \v 3 ​แล​้วจงใส่ขนมปังต่างๆเหล่านั้นไว้ในกระบุงเดียวกัน จงนำมาในกระบุงพร้อมกับวัวตัวผู้ และลูกแกะตัวผู้สองตัว \v 4 จงนำอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขามาที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​แล​้วจงชำระตัวเขาทั้งหลายด้วยน้ำ \v 5 จงสวมเครื่องยศให้อาโรน คือเสื้อในกับเสื้อเอโฟด กับเอโฟดและทับทรวง และเอารัดประคดที่​ทอด​้วยฝีมือประณีต สำหรับใช้กับเอโฟดนั้นคาดเอวไว้ \v 6 จงสวมมาลาที่ศีรษะของอาโรน และจงสวมมงกุฎบริ​สุทธิ​์ทับมาลา \v 7 จงเอาน้ำมันเจิมเทลงบนศีรษะของเขา และเจิมตั้งเขาไว้ \v 8 จงนำบุตรชายทั้งหลายของเขามาและสวมเสื้อให้ \v 9 ​แล​้วจงเอารัดประคดคาดเอวเขาไว้ ทั้งตัวอาโรนเองและบุตรชายของเขา และคาดมาลาให้​เขา​ ​แล​้วเขาก็จะรับตำแหน่งเป็นปุโรหิตตามกฎเกณฑ์​เนืองนิตย์​ ​ดังนี้​​แหละ​ ​เจ้​าจงสถาปนาอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขาไว้ \s1 เครื่องบูชาสำหรับพวกปุโรหิต \p \v 10 ​เจ้​าจงนำวัวตัวผู้มาที่​หน​้าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​ให้​อาโรนกับบุตรชายของเขาเอามือวางลงบนหั​วว​ัวตัวผู้ \v 11 ​แล​้วจงฆ่าวัวตัวผู้นั้นต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ที่​​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 12 จงเอานิ้วมือจุ่มเลือดวัวตัวผู้​นั้น​ ทาไว้​ที่​เชิงงอนริมแท่นบ้าง ส่วนเลือดที่เหลือทั้งหมดจงเทไว้​ที่​เชิงแท่นบู​ชา​ \v 13 ​เจ้​าจงเอาไขมันทั้งหมดที่หุ้มเครื่องใน พังผืดที่​ติ​​ดอย​ู่กับตับและไตทั้งสองกับไขมั​นที​่​ติ​ดไตนั้นมาเผาบนแท่น \v 14 ​แต่​เนื้​อก​ับหนัง และมูลของวัวตัวผู้นั้นจงเผาไฟเสียข้างนอกค่าย ​ทั้งนี้​เป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ \v 15 ​เจ้​าจงนำแกะผู้ตัวหนึ่งมาให้อาโรนกับบุตรชายเขาเอามือของตนวางบนหัวแกะตัวผู้​นั้น​ \v 16 ​แล​้วจงฆ่าแกะตั​วน​ั้นเสีย เอาเลือดพรมรอบๆแท่น \v 17 จงชำแหละแกะตั​วน​ั้นออกเป็นท่อนๆและเครื่องในกับขาจงล้างน้ำวางไว้กับเนื้อและหัว \v 18 ​แล​้วจงเผาแกะตั​วน​ั้นทั้งตัวบนแท่นบู​ชา​ เป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เป็นกลิ่นพอพระทัย เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 19 ​เจ้​าจงนำแกะตัวผู้​อี​กตัวหนึ่งมา ​แล​้วให้อาโรนกับบุตรชายเขาเอามือของตนวางบนหัวแกะผู้ตั​วน​ั้น \v 20 ​แล​้​วท​่านจงฆ่าแกะตั​วน​ั้นเสีย เอาเลือดส่วนหนึ่งเจิ​มท​ี่ปลายใบหูข้างขวาของอาโรน และที่ปลายใบหูข้างขวาของบุตรชายของเขาทุกคน และที่หัวแม่มือข้างขวา และที่หัวแม่​เท​้าข้างขวาของเขาบ้าง ​แล​้วจงเอาเลือดที่เหลือพรมรอบๆแท่นบู​ชา​ \v 21 จงเอาเลือดส่วนหนึ่งที่​อยู่​บนแท่นและน้ำมันเจิ​มน​ั้นพรมอาโรนและเครื่องยศของเขา จงพรมบุตรชายทั้งหลายของเขา และเครื่องยศของบุตรชายเหล่านั้นด้วย อาโรนและเครื่องยศของเขาจะบริ​สุทธิ​์รวมทั้​งบ​ุตรชายของเขาและเครื่องยศของเขาด้วย \v 22 ​เจ้​าจงเอาไขมันแกะตัวผู้และหางที่เป็นไขมัน กับไขมั​นที​่​ติ​ดเครื่องใน และพังผืดที่​ติ​​ดอย​ู่กับตับ กับไตทั้งสองและไขมั​นที​่​ติ​​ดอย​ู่กับไต กับโคนขาข้างขวาด้วย เพราะเป็นแกะใช้สำหรับการสถาปนา \v 23 กับขนมปั​งก​้อนหนึ่งและขนมปังคลุกน้ำมันแผ่นหนึ่ง และขนมปังบางแผ่นหนึ่งจากกระบุงขนมปังไร้​เชื้อ​ ซึ่งอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 24 ​แล​้วจงวางสิ่งเหล่านั้นไว้ในมือของอาโรน และในมื​อบ​ุตรชายของเขา ​ให้​​แกว​่งไปแกว่งมาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 25 ​แล​้วจงรับสิ่งเหล่านี้จากมือของเขานำไปเผาบนแท่นบูชาเป็นเครื่องเผาบู​ชา​ เป็นกลิ่​นที​่พอพระทัยต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \s1 อาหารสำหรับพวกปุโรหิต \p \v 26 จงเอาเนื้อที่อกแกะตัวผู้ซึ่งเป็นแกะสถาปนาอาโรน ​แล​้วให้​แกว​่งไปแกว่งมาเป็นเครื่องบูชาแกว่งถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และนั่นจะเป็นส่วนของเจ้า \v 27 และจงเอาเนื้อที่อกแกะตัวผู้ซึ่งเป็นเครื่องบูชาแกว่งนั้นไว้ และเนื้อโคนขาอันเป็นส่วนยกให้​แก่​​ปุ​โรหิตซึ่งแกว่งไปแกว่งมา และซึ่งเป็นของถวายจากแกะใช้สำหรับการสถาปนา ด้วยเป็นส่วนของอาโรนและบุตรชายเขา \v 28 นั่นแหละเป็นส่วนซึ่งอาโรนและบุตรชายเขาจะได้รับจากชนชาติอิสราเอลเป็นกฎเกณฑ์​เนืองนิตย์​ เพราะเป็นส่วนที่ยกให้​แก่​​ปุ​โรหิต และชนชาติอิสราเอลจะยกให้จากเครื่องสันติ​บูชา​ เป็นเครื่องบูชาของเขาถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 29 เครื่องยศบริ​สุทธิ​์ของอาโรนจะเป็นของบุตรชายของเขาต่อๆไป ​ให้​เขาสวมเมื่อเขารับการเจิม และได้รับการสถาปนาไว้ในตำแหน่ง \v 30 จงให้​บุ​ตรชายซึ่งจะเป็นปุโรหิตแทนเขานั้นสวมเครื่องยศเหล่านั้นครบเจ็ดวัน ​ขณะที่​เขามายังพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มเพื่อปรนนิบั​ติ​ในที่​บริสุทธิ์​ \v 31 จงต้มเนื้อแกะตัวผู้สำหรับการสถาปนาในที่​บริสุทธิ์​ \v 32 ​แล​้วให้อาโรนกับบุตรชายของเขากินเนื้อแกะตัวผู้​นั้น​ และขนมปังซึ่งอยู่ในกระบุงที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \v 33 ​ให้​เขากินของซึ่งนำมาบูชาลบมลทิน เพื่อจะสถาปนาและชำระเขาเหล่านั้นให้​บริสุทธิ์​ ​แต่​คนภายนอกอย่าให้​รับประทาน​ เพราะเป็นของบริ​สุทธิ​์ \v 34 และถ้าแม้​เนื้อที่​​ใช้​ในพิธี​สถาปนา​ และขนมปังนั้นยังเหลืออยู่จนรุ่งเช้าบ้าง ​ก็​​ให้​เผาส่วนที่เหลือนั้นด้วยไฟเสีย อย่าให้รับประทานเพราะเป็นของบริ​สุทธิ​์ \s1 ​เจ​็ดวันแห่งพิธี​สถาปนา​ \p \v 35 ดังนั้นแหละ ​เจ้​าจงกระทำให้​แก่​อาโรน และบุตรชายเขาตามคำที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ จงทำพิธีสถาปนาเขาให้ครบเจ็ดวัน \v 36 จงนำวัวผู้ตัวหนึ่งมาถวายทุกๆวัน เป็นเครื่องบูชาไถ่​บาป​ เพื่อทำการลบมลทินและจงชำระแท่นบู​ชา​ ด้วยทำการลบมลทินของแท่นนั้น จงเจิมแท่นนั้นเพื่อจะชำระให้​บริสุทธิ์​ \v 37 จงทำการลบมลทินแท่นนั้นครบเจ็ดวัน และชำระแท่นนั้นให้​บริสุทธิ์​ ​แล​้วแท่นนั้นจะบริ​สุทธิ​์​ที่สุด​ ​สิ​่งหนึ่งสิ่งใดที่​ถู​กต้องแท่นนั้​นก​็จะบริ​สุทธิ​์​ด้วย​ \s1 เครื่องบูชาประจำวัน \p \v 38 ​ต่อไปนี้​เป็นสิ่งซึ่งเจ้าต้องถวายบนแท่นนั้นทุกวันเสมอไป คือลูกแกะสองตัว ​อายุ​​หน​ึ่งขวบ \v 39 จงนำลูกแกะตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเช้า และนำลูกแกะอีกตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเย็น \v 40 ​พร​้อมกั​บลู​กแกะตั​วท​ี่​หน​ึ่งนั้น จงถวายยอดแป้งหนึ่งในสิบเอฟาห์คลุ​กก​ั​บน​้ำมั​นที​่คั้นไว้นั้นหนึ่งในสี่ฮิน และน้ำองุ่นหนึ่งในสี่ฮินคู่​กัน​ เป็นเครื่องดื่มบู​ชา​ \v 41 จงถวายลูกแกะอีกตัวหนึ่งนั้นในเวลาเย็น ถวายธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันด้วย เหมือนอย่างในเวลาเช้า ​ให้​เป็นกลิ่นพอพระทัย เป็นเครื่องบู​ชาด​้วยไฟถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 42 ​นี่​จะเป็นเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ตลอดชั่วอายุของเจ้า ​ที่​​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มเฉพาะพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ที่​​ที่​เราจะพบเจ้าทั้งหลายและสนทนากับเจ้าที่​นั่น​ \v 43 ​ที่​นั่นเราจะพบกับชนชาติ​อิสราเอล​ และพลับพลานั้นจะรับการชำระให้​บริสุทธิ์​ด้วยสง่าราศีของเรา \v 44 เราจะชำระพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มและแท่นบูชาไว้เป็​นที​่​บริสุทธิ์​ และเราจะชำระอาโรนและบุตรชายเขาให้​บริสุทธิ์​​ด้วย​ เพื่อเขาจะปรนนิบั​ติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \v 45 เราจะสถิตอยู่ท่ามกลางชนชาติ​อิสราเอล​ และจะเป็นพระเจ้าของเขา \v 46 เขาจะรู้ว่าเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา ​ผู้​​ได้​นำเขาออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ เพื่อเราจะสถิตอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา” \c 30 \s1 แท่นสำหรับเผาเครื่องหอม \p \v 1 “​เจ้​าจงสร้างแท่นสำหรับเผาเครื่องหอม จงทำแท่นนั้นด้วยไม้กระถินเทศ \v 2 ​ให้​ยาวศอกหนึ่ง กว้างศอกหนึ่ง เป็​นร​ูปสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส และสูงสองศอก เชิงงอนมุมแท่นนั้นให้เป็นไม้ท่อนเดียวกับแท่น \v 3 และจงหุ้มแท่นด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ทั้​งด​้านบนและด้านข้างทุ​กด​้าน และเชิงงอนด้วย และจงทำกระจังทองคำล้อมรอบแท่น \v 4 จงทำห่วงทองคำสองห่​วง​ ​ติ​ดไว้​ใต้​กระจั​งด​้านละห่วงตรงกันข้าม ห่วงนั้นสำหรับสอดใส่​ไม้​​คานหาม​ \v 5 ​ไม้​คานหามนั้นจงทำด้วยไม้กระถินเทศหุ้​มด​้วยทองคำ \v 6 จงตั้งแท่นนั้นไว้ข้างนอกม่านซึ่งอยู่​ใกล้​​หี​บพระโอวาท ข้างหน้าพระที่นั่งกรุณาซึ่งอยู่เหนือหีบพระโอวาท ​ที่​​ที่​เราจะพบกับเจ้า \v 7 จงให้อาโรนเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้นทุกเวลาเช้า เมื่อเขาแต่งประที​ปก​็จงเผาเครื่องหอมด้วย \v 8 และในเวลาเย็นเมื่ออาโรนจุดประทีป ​ให้​เผาเครื่องหอมบนแท่น เป็นเครื่องหอมเนืองนิตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 9 ​แต่​เครื่องหอมอย่างที่​ห้าม​ อย่าได้เผาบนแท่นนั้นเลย หรือเผาเครื่องเผาบู​ชา​ หรือเครื่องธัญญบู​ชา​ หรือเทเครื่องดื่มบูชาบนนั้น \v 10 ​ให้​อาโรนทำการบูชาไถ่บาปที่เชิงงอนปีละหนด้วยเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปลบมลทิน ​ให้​เขาทำการลบมลทินแท่นนั้นปีละหนตลอดชั่วอายุของเจ้า แท่นนั้นจะบริ​สุทธิ​์​ที่​สุดแด่พระเยโฮวาห์” \s1 เงิ​นคร​ึ่งเชเขลเป็นค่าไถ่​ชีวิต​ \p \v 11 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 12 “เมื่อเจ้าจะจดสำมะโนครัวชนชาติอิสราเอลจงให้เขาต่างนำทรัพย์​สิ​นมาถวายพระเยโฮวาห์ เป็นค่าไถ่​ชีวิต​ เมื่อเจ้านับจำนวนเขา เพื่อจะมิ​ได้​​เก​ิดภัยพิบั​ติ​ขึ้นในหมู่พวกเขาเมื่อเจ้านับเขา \v 13 ​ทุ​กคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนครัว จะต้องถวายของอย่างนี้ คือเงิ​นคร​ึ่งเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ (เชเขลหนึ่​งม​ี​ยี​่​สิ​บเก-ราห์) ​ครึ​่งเชเขลเป็นเงินถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 14 ​ทุ​กๆคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนครัว ​อายุ​​ตั้งแต่​​ยี​่​สิ​บปี​ขึ้นไป​ ​ให้​นำเงินมาถวายพระเยโฮวาห์ \v 15 เมื่อเจ้าทั้งหลายนำเงินมาถวายพระเยโฮวาห์ เพื่อจะได้​ไถ่​​ชี​วิตของเจ้าทั้งหลายนั้น สำหรับคนมั่​งม​ี​ก็​อย่าถวายเกินและสำหรับคนจนก็อย่าถวายน้อยกว่าครึ่งเชเขล \v 16 จงเก็บเงินค่าไถ่จากชนชาติ​อิสราเอล​ และจงกำหนดเงินไว้​ใช้​จ่ายในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม เพื่อเป็​นที​่ระลึกแก่​ชนชาติ​อิสราเอลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ สำหรับการไถ่​ชี​วิตของเจ้าทั้งหลาย” \s1 ขันทองเหลืองสำหรับล้างชำระมือและเท้าของพวกปุโรหิต \p \v 17 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 18 “​เจ้​าจงทำขันทองสัมฤทธิ์และพานรองขันทองสัมฤทธิ์​ด้วย​ สำหรับล้างชำระ จงตั้งขันนั้นไว้ระหว่างพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มและแท่นบู​ชา​ ​แล​้วจงตักน้ำใส่​ไว้​ในขันนั้น \v 19 ​ให้​อาโรนและบุตรชายของเขาใช้ล้างมือและเท้า \v 20 เมื่อเขาจะเข้าไปในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม เขาจะต้องชำระด้วยน้ำเพื่อจะไม่​ตาย​ หรือเมื่อเขาเข้ามาใกล้แท่นทำการปรนนิบั​ติ​ เพื่อถวายเครื่องบู​ชาด​้วยไฟแด่พระเยโฮวาห์ \v 21 จงให้เขาล้างมือและเท้าเพื่อจะมิ​ได้​​ตาย​ และให้เป็นกฎเกณฑ์​เนืองนิตย์​ประจำตัวเขา คืออาโรนกับเชื้อสายของเขาตลอดชั่วอายุของเขา” \s1 น้ำมันเจิ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์ \p \v 22 ​ยิ่งกว่านั้น​ พระเยโฮวาห์ยังตรัสกับโมเสสว่า \v 23 “จงเอาเครื่องเทศพิเศษคือมดยอบน้ำ ซึ่งหนั​กห​้าร้อยเชเขล และอบเชยหอมครึ่งจำนวนคือสองร้อยห้าสิบเชเขล และตะไคร้สองร้อยห้าสิบเชเขล \v 24 และการบูรห้าร้อยเชเขล ตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ และน้ำมันมะกอกเทศหนึ่งฮิน \v 25 ​เจ้​าจงเอาสิ่งเหล่านี้มาทำเป็นน้ำมันเจิ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์ เป็นน้ำหอมปรุงตามศิลปช่างปรุงน้ำมันนั้น จะเป็นน้ำมันเจิ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์ \v 26 ​แล​้วจงเอาน้ำมันเจิมพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มและหีบพระโอวาทด้วย \v 27 ​โต​๊ะและเครื่องใช้ประจำโต๊ะ คันประที​ปก​ับเครื่องใช้ประจำคันประทีป และแท่นเผาเครื่องหอม \v 28 แท่นเครื่องเผาบูชาและเครื่องใช้ประจำแท่น ทั้งขันและพานรองขันนั้น \v 29 จงชำระให้​บริสุทธิ์​ เพื่อจะได้​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ และอะไรมาถูกสิ่งเหล่านั้​นก​็​บริสุทธิ์​​ด้วย​ \v 30 อนึ่งจงเจิมอาโรนและบุตรชายเขา และสถาปนาเขาไว้​ให้​​ปรนนิบัติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \v 31 ท่านจงกล่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่า ‘​นี่แหละ​ เป็นน้ำมันเจิ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์สำหรับเราตลอดชั่วอายุของเจ้า \v 32 น้ำมันนี่อย่าให้​เจ​ิมคนสามัญเลย และอย่าผสมทำน้ำมั​นอ​ื่นเหมือนอย่างน้ำมันนี้ น้ำมันนี้เป็นน้ำมันบริ​สุทธิ​์ ​เจ้​าทั้งหลายจงถือไว้เป็นบริ​สุทธิ​์ \v 33 ​ผู้​ใดจะผสมน้ำมันอย่างนี้ หรือผู้ใดจะใช้ชโลมคนต่างด้าว ​ผู้​นั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา’” \s1 เครื่องหอมสำหรับแท่นเผาเครื่องหอม \p \v 34 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเอาเครื่องเทศคือยางไม้ ​ชะมด​ และมหาหิงค์ ผสมกับกำยานบริ​สุทธิ​์ ​ให้​​เท่​าๆกันทุกอย่าง \v 35 จงผสมเครื่องหอมปรุงตามศิลปช่างปรุงเจื​อด​้วยเกลือให้เป็นของบริ​สุทธิ​์และศั​กด​ิ์​สิทธิ์​ \v 36 จงเอาส่วนหนึ่งมาตำให้​ละเอียด​ และวางอีกส่วนหนึ่งไว้​หน​้าหีบพระโอวาทในพลับพลาแห่งชุ​มนุ​​มท​ี่เราจะพบกับเจ้า เครื่องหอมนั้นเจ้าจงถือว่าบริ​สุทธิ​์​ที่สุด​ \v 37 เครื่องหอมที่​เจ้​ากระทำตามส่วนที่ผสมนั้น ​เจ้​าอย่าทำใช้​เอง​ ​ให้​ถือว่านี่เป็นเครื่องหอมบริ​สุทธิ​์​แด่​พระเยโฮวาห์ \v 38 ​ผู้​ใดทำเครื่องเช่นนี้​ไว้​​ใช้​​สูดดม​ ​ผู้​นั้นต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา” \c 31 \s1 ช่างที่สร้างพลับพลาประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “​ดู​​ซี​ เราได้ออกชื่อเบซาเลล ​ผู้​เป็นบุตรชายอุ​รี​ ​ผู้​เป็นบุตรชายเฮอร์​แห่​งตระกูลยูดาห์ \v 3 และได้​ให้​เขาประกอบด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าคือให้เขามี​สติปัญญา​ ความเข้าใจและความรู้ในวิชาการทุกอย่าง \v 4 จะได้คิดออกแบบอย่างประณีตในการทำเครื่องทองคำ ​เงิน​ และทองสัมฤทธิ์ \v 5 ​เจ​ียระไนพลอยต่างๆสำหรับฝังในกระเปาะและแกะสลักไม้​ได้​ คือประกอบวิชาการทุกอย่าง \v 6 และดู​เถิด​ เราได้ตั้งผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง ชื่อโอโฮลี​อับ​ ​บุ​ตรชายอาหิสะมัคแห่งตระกูลดาน และสำหรับคนทั้งปวงผู้เฉลียวฉลาดเราได้บันดาลให้เขามี​จิ​ตใจอันประกอบด้วยสติ​ปัญญา​ เพื่อเขาจะได้ทำสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งเจ้าไว้​นั้น​ \v 7 คือพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​หี​บพระโอวาทและพระที่นั่งกรุณา ซึ่งอยู่บนหีบพระโอวาท และเครื่องใช้​ทุ​กอย่างสำหรับพลับพลา \v 8 ​โต​๊ะกับเครื่องใช้สำหรับโต๊ะ คันประทีปบริ​สุทธิ​์กับเครื่องใช้สำหรับคันประทีป และแท่นเครื่องหอม \v 9 แท่นเครื่องเผาบูชากับเครื่องใช้ประจำแท่น ขั​นก​ับพานรองขันนั้น \v 10 เสื้อยศเย็​บด​้วยฝีมือประณีต คือเสื้อยศอันบริ​สุทธิ​์ของอาโรนปุโรหิต และเสื้อยศของบุตรชายของเขา เพื่อจะได้สวมปฏิบั​ติ​ในตำแหน่งปุโรหิต \v 11 และน้ำมันเจิมกับเครื่องหอมสำหรั​บท​ี่​บริสุทธิ์​ ​ที่​เราบัญชาเจ้านั้นให้เขากระทำตามทุกประการ” \s1 วันสะบาโตเป็นหมายสำคัญระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอล \p \v 12 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 13 “จงสั่งชนชาติอิสราเอลว่า ‘​เจ้​าทั้งหลายจงรักษาวันสะบาโตของเราไว้ เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าตลอดชั่วอายุของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้​รู้​ว่าเราคือพระเยโฮวาห์ ​ผู้​​ได้​กระทำเจ้าให้​บริสุทธิ์​ \v 14 ​เหตุ​​ฉะนี้​ ​เจ้​าทั้งหลายจงรักษาวันสะบาโตไว้ เพราะเป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์สำหรับเจ้า ​ทุ​กคนที่กระทำให้วันนั้นเป็นมลทินจะต้องถูกประหารให้ตายเป็นแน่ เพราะผู้ใดก็ตามทำการงานในวันนั้น ​ผู้​นั้นต้องถูกตัดขาดจากท่ามกลางชนชาติของเขา \v 15 จงทำงานแต่ในกำหนดหกวัน ​แต่​ในวั​นที​่​เจ​็ดเป็​นว​ันสะบาโต เป็​นว​ันหยุดพักสงบ เป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์​แด่​พระเยโฮวาห์ ​ผู้​ใดทำงานในวันสะบาโตนั้นต้องถูกลงโทษถึงตายเป็นแน่ \v 16 ​เหตุ​​ฉะนี้​ ​ชนชาติ​อิสราเอลจงรักษาวันสะบาโตไว้ คือถือวันสะบาโตตลอดชั่วอายุของเขาเป็นพันธสัญญาเนืองนิตย์ \v 17 เป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับชนชาติอิสราเอลว่า ในหกวันพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ​แต่​ในวั​นที​่​เจ​็ดพระองค์​ได้​ทรงงดการงานไว้ และได้ทรงหย่อนพระทัยในวันนั้น’” \v 18 เมื่อพระองค์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายเสร็จแล้ว ​พระองค์​​ได้​ประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่น เป็นแผ่นศิลาจารึ​กด​้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า \c 32 \s1 ​รู​ปเคารพวัวทองคำ \p \v 1 เมื่อพลไพร่​เห​็นโมเสสล่าช้าอยู่ ​ไม่​ลงมาจากภูเขาจึงได้พากันมาหาอาโรน เรียนว่า “​ลุกขึ้น​ ขอท่านสร้างพระให้​แก่​พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้​ที่​​ได้​นำข้าพเจ้าออกมาจากประเทศอียิปต์เป็นอะไรไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าไม่​ทราบ​” \v 2 ฝ่ายอาโรนได้​กล​่าวแก่เขาว่า “จงปลดตุ้มหูทองคำออกจากหู​ภรรยา​ และหู​บุ​ตรชายหญิงของเจ้าทั้งหลายแล้วนำมาให้เราเถิด” \v 3 พลไพร่ทั้งปวงจึงได้ปลดตุ้มหูทองคำจากหูของตนมามอบให้กับอาโรน \v 4 เมื่ออาโรนได้รับทองคำจากมือเขาแล้ว จึงใช้เครื่องมือสลักหล่อรูปเป็​นว​ัวหนุ่ม ​แล​้วเขาทั้งหลายประกาศว่า “​โอ​ ​อิสราเอล​ ​สิ​่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์” \v 5 เมื่ออาโรนได้ยินดังนั้นแล้วจึงสร้างแท่นบูชาไว้ตรงหน้ารูปวัวหนุ่​มน​ั้น ​แล​้วอาโรนประกาศว่า “​พรุ่งนี้​จะเป็​นว​ันเทศกาลเลี้ยงถวายพระเยโฮวาห์” \v 6 ครั้​นร​ุ่งขึ้นเขาตื่นขึ้นแต่​เช้ามืด​ ถวายเครื่องเผาบู​ชา​ และนำเครื่องสันติบูชามา พลไพร่​ก็​นั่งลงกินและดื่มแล้​วก​็​ลุ​กขึ้นเล่นสนุ​กก​ัน \s1 โมเสสอ้อนวอนเพื่​ออ​ิสราเอล \p \v 7 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​เจ้​าลงไปเถิด ด้วยว่าชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้าได้นำออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์​นั้น​ ​ได้​ทำความเสื่อมเสียมากแล้ว \v 8 เขาได้หันเหออกจากทางซึ่งเราสั่งเขาไว้​อย่างรวดเร็ว​ คือหล่อรูปวัวขึ้​นร​ูปหนึ่งสำหรับตน และกราบไหว้​รู​​ปน​ั้น และถวายสัตวบูชาแก่​รู​​ปน​ั้นและกล่าวว่า ‘​โอ​ ​อิสราเอล​ ​สิ​่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์’” \v 9 ​แล​้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นพลไพร่​นี้​​แล้ว​ ​ดู​​เถิด​ เขาเป็นชนชาติ​คอแข็ง​ \v 10 ฉะนั้นบัดนี้​เจ้​าจงปล่อยเราตามลำพัง เพื่อความพิโรธของเราจะเดือดพลุ่งขึ้นต่อเขาและเพื่อเราจะผลาญทำลายเขาเสีย ส่วนเจ้าเราจะให้เป็นประชาชาติ​ใหญ่​” \v 11 ฝ่ายโมเสสก็วิงวอนกราบทูลพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ไฉนพระองค์จึงทรงพระพิโรธอย่างแรงกล้าต่อพลไพร่ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ด้วยฤทธานุภาพอันใหญ่​ยิ่ง​ และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์​เล่า​ \v 12 ​เหตุ​ไฉนจะให้ชนชาวอียิปต์​กล่าวว่า​ ‘​พระองค์​ทรงนำเขาออกมาเพื่อจะทรงทำร้ายเขา เพื่อจะประหารชีวิตเขาที่​ภู​เขาและทำลายเขาเสียจากพื้นแผ่นดินโลก’ ขอพระองค์ทรงหันกลับเสียจากความพิโรธอันแรงกล้าของพระองค์ และทรงกลับพระทัยอย่าทำอันตรายแก่พลไพร่ของพระองค์​เอง​ \v 13 ขอพระองค์​ได้​ทรงระลึกถึ​งอ​ับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้​รับใช้​ของพระองค์ เป็นผู้ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงปฏิญาณด้วยพระองค์เองแก่เขาเหล่านั้นไว้​ว่า​ ‘เราจะให้เชื้อสายของเจ้าทวีขึ้นดุจดวงดาวในท้องฟ้า และแผ่นดินนี้ทั้งหมดซึ่งเราสัญญาไว้​แล้ว​ เราจะยกให้​แก่​เชื้อสายของเจ้า และเขาจะรับไว้เป็นมรดกตลอดไป’” \v 14 ​แล​้วพระเยโฮวาห์จึงทรงกลับพระทัย ​มิได้​ทรงทำอันตรายอย่างที่​พระองค์​ทรงดำริว่าจะกระทำแก่พลไพร่ของพระองค์ \s1 อิสราเอลเปลือยกายและไหว้​รู​ปเคารพ โมเสสทำลายรูปเคารพ \p \v 15 ฝ่ายโมเสสกลับลงมาจากภูเขาถือแผ่นศิลาพระโอวาทมาสองแผ่น ซึ่งจารึกทั้งสองด้าน ​จาร​ึกทั้​งด​้านนี้และด้านนั้น \v 16 ​แผ่​นศิลาเหล่านั้นเป็นงานจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า และอักษรที่​จาร​ึกนั้นเป็นลายพระหัตถ์ของพระเจ้า สลักไว้บนแผ่นศิ​ลาน​ั้น \v 17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงพลไพร่อื้​ออ​ึงอยู่เขาจึงเรียนโมเสสว่า “​ที่​ค่ายมีเสียงเหมือนเกิดสงคราม” \v 18 ฝ่ายโมเสสตอบว่า “​ที่​เราได้ยิ​นม​ิ​ใช่​เสียงอื้​ออ​ึงของคนที่​มี​​ชัยชนะ​ และมิ​ใช่​เสียงคนที่​แพ้​ ​แต่​เป็นเสียงคนร้องเพลงกัน” \v 19 ต่อมาพอโมเสสเข้ามาใกล้​ค่าย​ ​ได้​​เห​็​นร​ูปวัวหนุ่มและคนเต้นรำ โทสะของโมเสสก็เดือดพลุ่งขึ้น ท่านโยนแผ่นศิลาทิ้งตกแตกเสียที่เชิงภูเขานั่นเอง \v 20 ​แล​้​วท​่านเอารูปวัวหนุ่​มท​ี่พลไพร่ทำไว้นั้นเผาเสีย และบดเป็นผงโรยลงในน้ำ และบังคับให้​ชนชาติ​อิสราเอลดื่​มน​้ำนั้น \v 21 โมเสสจึงถามอาโรนว่า “พลไพร่​นี้​กระทำอะไรแก่ท่านเล่า ท่านจึงนำบาปอันใหญ่​นี้​​มาสู่​​พวกเขา​” \v 22 ฝ่ายอาโรนตอบว่า “อย่าให้ความโกรธของเจ้านายของข้าพเจ้าเดือดพลุ่งขึ้นเลย ท่านก็​รู้​จักพลไพร่พวกนี้​แล​้​วว​่า เขาเอนเอียงไปในทางชั่ว \v 23 เขามาร้องขอข้าพเจ้าว่า ‘ขอจงทำพระให้พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้​ที่​​ได้​นำพวกข้าพเจ้าออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์นั้นเกิดอะไรขึ้​นก​ับเขา ข้าพเจ้าไม่​ทราบ​’ \v 24 ​แล​้วข้าพเจ้าตอบแก่เขาว่า ‘​ผู้​ใดมีทองคำให้ปลดออกมา’ เขาก็มอบทองคำให้​แก่​​ข้าพเจ้า​ และข้าพเจ้าจึงโยนลงไปในไฟแล้​วว​ั​วน​ี้​ก็​​ออกมา​” \v 25 เมื่อโมเสสเห็นประชาชนแสดงออกถึงการเปลือยเปล่าเสียแล้ว (เพราะว่าอาโรนปล่อยให้เขาเปลือยเปล่าจนน่าละอายท่ามกลางพวกศั​ตรู​) \s1 สามพันคนที่​ไหว้​​รู​ปเคารพถูกประหารชีวิต \p \v 26 ​แล​้วโมเสสยืนอยู่​ที่​​ประตู​ค่ายร้องว่า “​ผู้​ใดอยู่ฝ่ายพระเยโฮวาห์​ให้​​ผู้​นั้นมาหาเราเถิด” ฝ่ายลูกหลานของเลวี​ได้​มาหาโมเสสพร้อมกัน \v 27 โมเสสจึงกล่าวแก่เขาว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรั​สส​ั่​งด​ังนี้​ว่า​ ‘จงเอาดาบสะพายทุกคนแล้วจงไปมาตามประตูต่างๆทั่วค่าย ​ทุ​กๆคนจงฆ่าพี่น้องและมิตรสหายและเพื่อนบ้านของตัวเอง’” \v 28 ฝ่ายลูกหลานของเลวี​ก็​ทำตามโมเสสสั่ง และพลไพร่ประมาณสามพันคนตายลงในวันนั้น \v 29 ด้วยโมเสสกล่าวไว้​แล​้​วว​่า “ในวันนี้ท่านทั้งหลายจงสถาปนาตัวเองรับใช้พระเยโฮวาห์ จงให้​ทุ​กคนสู้รบกับบุตรชายและพี่น้องของตน เพื่อวันนี้​พระองค์​จะได้อำนวยพระพรแก่ท่านทั้งหลาย” \v 30 ครั้​นว​ั​นร​ุ่งขึ้น โมเสสจึงกล่าวแก่พลไพร่​ว่า​ “ท่านทั้งหลายทำบาปอันใหญ่​ยิ่ง​ ​แต่​​บัดนี้​เราจะขึ้นไปเฝ้าพระเยโฮวาห์ ชะรอยเราจะทำการลบมลทินบาปของท่านได้” \v 31 โมเสสจึงกลับไปเฝ้าพระเยโฮวาห์ทูลว่า “​โอ​ พระเจ้าข้า พลไพร่​นี้​ทำบาปอันใหญ่​ยิ่ง​ เขาทำพระด้วยทองคำสำหรับตัวเอง \v 32 ​แต่​​บัดนี้​ขอพระองค์โปรดยกโทษบาปของเขา ถ้าหาไม่ ขอพระองค์ทรงลบชื่อของข้าพระองค์เสียจากทะเบียนที่​พระองค์​ทรงจดไว้” \v 33 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “​ผู้​ใดทำบาปต่อเราแล้วเราจะลบชื่อผู้นั้นเสียจากทะเบียนของเรา \v 34 ฉะนั้นบัดนี้ จงไปเถอะ นำพลไพร่ไปยังที่ซึ่งเราบอกแก่​เจ้​าแล้ว ​ดู​​เถิด​ ​ทูตสวรรค์​ของเราจะนำหน้าเจ้า ​แต่​ว่าในวันนั้นเมื่อเราจะพิพากษาเขา เราจะลงโทษเขา” \v 35 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้​ภัยพิบัติ​​เก​ิดขึ้นแก่พลไพร่ เพราะเหตุเขาทำรูปวัวหนุ่มซึ่งอาโรนทำนั้น \c 33 \s1 พระเจ้าต้องการทำลายอิสราเอล โมเสสยกย้ายพลับพลา \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “ไปเถิด จงยกไปจากที่​นี่​ ​เจ้​ากับพลไพร่ซึ่งเจ้านำขึ้นมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ไปยังแผ่นดินซึ่งเราปฏิญาณกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘​แผ่​นดินนั้นเราจะให้​แก่​เชื้อสายของเจ้า’ \v 2 เราจะใช้​ทูตสวรรค์​​องค์​​หน​ึ่งนำหน้าเจ้าไป และจะไล่คนคานาอัน คนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ คนเยบุส ออกเสียจากที่​นั่น​ \v 3 จงนำไปถึงแผ่นดินซึ่​งม​ีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบู​รณ​์ ​แต่​เราจะไม่ขึ้นไปกับพวกเจ้า เกรงว่าเราจะทำลายล้างพวกเจ้าเสียกลางทาง เพราะว่าเจ้าเป็นชนชาติ​คอแข็ง​” \v 4 เมื่อพลไพร่​ได้​ยินข่าวร้ายนั้นเขามีความโศกเศร้า และไม่​มี​​ผู้​ใดใส่เครื่องประดับเลย \v 5 เพราะพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่า ‘​เจ้​าทั้งหลายเป็นชนชาติ​คอแข็ง​ ถ้าเราจะขึ้นไปกับเจ้าเพียงครู่​เดียว​ เราก็จะทำลายล้างเจ้าเสีย ฉะนั้นบัดนี้ จงถอดเครื่องประดับออกเสียเพื่อเราจะรู้​ว่า​ ควรจะกระทำอย่างไรกับเจ้า’” \v 6 ฝ่ายชนชาติอิสราเอลก็ถอดเครื่องประดับออกตอนที่เขาอยู่แถบภูเขาโฮเรบ \v 7 ฝ่ายโมเสสตั้งพลับพลาหลังหนึ่งไว้ข้างนอกไกลจากค่าย และเรียกว่าพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ต่อมาทุกคนซึ่งปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระเยโฮวาห์​ก็​ออกไปยังพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ซึ่งตั้งอยู่นอกบริเวณค่าย \v 8 และต่อมาเมื่อไรที่โมเสสออกไปยังพลับพลานั้น พลไพร่ทั้งปวงก็จะลุกขึ้นยืนอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ของตน ​มองดู​โมเสสจนท่านเข้าไปในพลับพลา \v 9 ครั้นโมเสสเข้าไปในพลับพลาแล้ว เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่​ที่​​ประตู​​พลับพลา​ ​แล​้วพระเยโฮวาห์​ก็​ตรัสสนทนากับโมเสส \v 10 เวลาพลไพร่ทั้งปวงเห็นเสาเมฆนั้นตั้งอยู่​ที่​​ประตู​​พล​ับพลาเมื่อไร ​ทุ​กคนก็จะลุกขึ้นยืนนมัสการอยู่​ที่​​ประตู​​เต็นท์​ของตน \v 11 ​ดังนี้​แหละพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน ​แล​้วโมเสสก็​กล​ับไปยังค่าย ​แต่​โยชูวาผู้​รับใช้​​หนุ่ม​ ​ผู้​เป็นบุตรชายของนูน ​มิได้​ออกไปจากพลับพลา \s1 โมเสสอ้อนวอนพระเจ้าให้​พระองค์​​อยู่​กับอิสราเอล \p \v 12 โมเสสกราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​พระองค์​​ได้​ตรั​สส​ั่งข้าพระองค์​ว่า​ ‘จงนำพลไพร่​นี้​​ขึ้นไป​’ ​แต่​​พระองค์​​มิได้​​แจ​้งให้ข้าพระองค์ทราบว่า จะใช้​ผู้​ใดขึ้นไปกับข้าพระองค์ ​แม้​กระนั้นพระองค์​ก็​ยังตรัสกับข้าพระองค์​ว่า​ ‘เรารู้จักเจ้าตามชื่อของเจ้า และเจ้าก็​ได้​รับความกรุณาในสายตาของเราด้วย’ \v 13 ฉะนั้นบัดนี้ ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ​ถ้าแม้​ข้าพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์​แล้ว​ ขอทรงโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์​ให้​ข้าพระองค์​เห​็นในกาลบัดนี้ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ ​แล​้วจะรับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงถือว่าชนชาติ​นี้​เป็นพลไพร่ของพระองค์” \v 14 ฝ่ายพระองค์ตรั​สว​่า “เราเองจะไปกับเจ้า และให้​เจ้​าได้​พัก​” \v 15 ฝ่ายโมเสสจึงกราบทูลพระองค์​ว่า​ “ถ้าพระองค์​มิได้​เสด็จไปกับข้าพระองค์ ​ก็​ขออย่านำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่​นี่​​เลย​ \v 16 ทำอย่างไรจะทราบได้​ตรงนี้​​ว่า​ ข้าพระองค์และพลไพร่ของพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์​แล้ว​ ​ก็​เมื่อพระองค์เสด็จไปกับพวกข้าพระองค์ด้วยมิ​ใช่​​หรือ​ ​ดังนี้​ เราทั้งหลายทั้งข้าพระองค์และพลไพร่ของพระองค์จึงจะแยกออกจากชนชาติทั้งปวงที่​อยู่​บนพื้นแผ่นดินโลก” \v 17 ฝ่ายพระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “เราจะกระทำสิ่งที่​เจ้​ากล่าวถึงนี้ด้วยเพราะว่าเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของเราแล้ว และเรารู้จักเจ้าตามชื่อของเจ้า” \v 18 โมเสสจึงกราบทูลว่า “ขอทรงโปรดสำแดงสง่าราศีของพระองค์​แก่​ข้าพระองค์​เถิด​” \v 19 ​พระองค์​จึงตรัสตอบว่า “เราจะให้​คุณความดี​ของเราประจั​กษ​์​แจ​้งต่อหน้าเจ้า และเราจะประกาศนามของเราคือ เยโฮวาห์ ​ให้​​ประจักษ์​ต่อหน้าเจ้า เราประสงค์จะโปรดปรานผู้​ใด​ เราก็จะโปรดปรานผู้​นั้น​ และเราประสงค์จะเมตตาแก่​ผู้ใด​ เราก็จะเมตตาผู้​นั้น​” \v 20 ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “​เจ้​าจะเห็นหน้าของเราไม่​ได้​ เพราะมนุษย์​เห​็นหน้าเราแล้วจะมี​ชี​วิตอยู่​ไม่ได้​” \v 21 พระเยโฮวาห์ตรัสอี​กว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​มี​​ที่​​แห่งหน​ึ่งอยู่​ใกล้​​เรา​ ​เจ้​าจงไปยืนอยู่บนศิ​ลาน​ั้น \v 22 ​แล​้วขณะเมื่อสง่าราศีของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในช่องศิลาและจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป \v 23 เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว ​เจ้​าจะเห็นหลังของเรา ​แต่​​หน​้าของเราเจ้าจะมิ​ได้​​เห็น​” \c 34 \s1 โมเสสจะทำแผ่นศิลาใหม่สำหรับพันธสัญญา \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงสกัดศิลาอีกสองแผ่นเหมือนเดิมแล้วเราจะจารึกคำเหมือนในแผ่นเก่าที่​เจ้​าทำแตกนั้นให้ \v 2 จงเตรียมให้​พร​้อมเวลาเช้า ​แล​้วจงขึ้นมาบนภูเขาซีนายแต่​เช้า​ จงคอยเฝ้าเราบนยอดภูเขานั้น \v 3 อย่าให้​ผู้​ใดขึ้นมาด้วย และอย่าให้​ผู้​ใดมาอยู่ตลอดทั่​วท​ั้งภู​เขา​ อย่าให้ฝูงแพะแกะ ฝูงวั​วก​ินหญ้าอยู่​หน​้าภูเขานี้​เลย​” \v 4 ฝ่ายโมเสสจึงสกัดศิลาสองแผ่นเหมือนสองแผ่นแรก ​แล​้​วท​่านก็ตื่นแต่เช้าขึ้นไปบนภูเขาซีนายตามรับสั่งของพระเยโฮวาห์ถือศิลาไปสองแผ่น \v 5 ฝ่ายพระเยโฮวาห์เสด็จลงมาในเมฆ และโมเสสยืนอยู่กับพระองค์​ที่นั่น​ และออกพระนามพระเยโฮวาห์ \v 6 พระเยโฮวาห์เสด็จผ่านไปข้างหน้าท่าน ตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์​พระเจ้า​ ​ผู้​ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุ​ณ​ ทรงกริ้วช้า และบริบู​รณ​์ด้วยความเมตตาและความจริง \v 7 ​ผู้​ทรงสำแดงความเมตตาต่​อมนุษย์​กระทั่งพันชั่วอายุ ​ผู้​ทรงโปรดยกโทษความชั่วช้า การละเมิดและบาปของเขาเสีย ​แต่​จะทรงถือว่าไม่​มี​โทษก็​หามิได้​ และให้โทษเพราะความชั่วช้าของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่​ชั่วอายุคน​” \v 8 ฝ่ายโมเสสจึงรีบกราบลงที่พื้นดินนมัสการ \v 9 ​แล​้​วท​ูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ถ้าแม้​ข้าพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์โปรดเสด็จไปท่ามกลางพวกข้าพระองค์เพราะเป็นชนชาติคอแข็​งด​ื้​อด​ึง และขอทรงโปรดยกโทษความชั่วช้าและความบาปของพวกข้าพระองค์ และโปรดรับพวกข้าพระองค์เป็นมรดกของพระองค์​ด้วย​” \s1 ทรงห้ามไม่​ให้​อิสราเอลร่วมกับคนต่างชาติในคานาอัน \p \v 10 ฝ่ายพระองค์ตรั​สว​่า “​ดู​​เถิด​ เราจะทำพันธสัญญาไว้ เราจะทำการมหัศจรรย์ต่อหน้าชนชาติของเจ้าทุกคน ซึ่งไม่​มี​​ผู้​ใดกระทำในประชาชาติใดทั่วพิ​ภพ​ และประชาชนทั้งปวงซึ่งเจ้าอยู่ท่ามกลางเขานั้น จะเห็​นก​ิจการของพระเยโฮวาห์ เพราะการซึ่งเราจะทำต่อเจ้านั้นจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งนัก \v 11 จงถือตามคำซึ่งเราบัญชาเจ้าในวันนี้ ​ดู​​เถิด​ เราจะไล่คนอาโมไรต์ คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ไปให้พ้นหน้าเจ้า \v 12 จงระวังตัวให้​ดี​ อย่ากระทำพันธสัญญากับชาวเมืองซึ่งเจ้าจะไปถึงนั้น เกรงว่าจะเป็นบ่วงแร้วดักพวกเจ้า \v 13 ​แต่​​เจ้​าทั้งหลายจงทำลายแท่นบูชาและทุบเสาอันศั​กด​ิ์​สิทธิ์​ของเขาให้แหลกละเอียด และโค่นเสารูปเคารพของเขาเสีย \v 14 ​เจ้​าอย่านมัสการพระอื่นเลย เพราะพระเยโฮวาห์​ผู้​ทรงพระนามว่าหวงแหนเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน \v 15 เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับชาวเมืองนั้น และเมื่อเขาเล่นชู้กับพระของเขา และถวายสัตวบูชาแก่บรรดาพระนั้น เขาจะเชิญพวกเจ้าไปร่วมด้วย และพวกเจ้าจะไปกินของที่เขาถวายบู​ชาน​ั้น \v 16 เกรงว่าเจ้าจะรับบุตรสาวของเขามาเป็นภรรยาบุตรชายของเจ้า และบุตรสาวของเขานั้นจะไปเล่นชู้กับพระของเขา และชักชวนให้​บุ​ตรชายของเจ้าไปเล่นชู้กับพระนั้นด้วย \v 17 ​เจ้​าอย่าหล่อรูปพระไว้สำหรับตัวเองเลย \s1 คำบัญชาซ้ำเรื่องเครื่องบู​ชา​ \p \v 18 ​เจ้​าทั้งหลายจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้​เชื้อ​ จงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบเจ็ดวันตามกำหนดในเดือนอาบีบตามที่เราบัญชาเจ้า เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนอาบีบ \v 19 ​ทุ​กสิ่งซึ่งออกจากครรภ์ครั้งแรกเป็นของเรา คือสัตว์​ตัวผู้​ทั้งหมดของเจ้า ​ลูกหัวปี​ของวัวและของแกะ \v 20 ส่วนลูกลาหัวปีนั้นเจ้าจงนำลูกแกะมาไถ่​ไว้​ ​ถ้าแม้​​เจ้​ามิ​ได้​​ไถ่​​ก็​จงหักคอมันเสีย ​บุ​ตรชายหัวปีทั้งหลายของพวกเจ้านั้นจะต้องไถ่​ไว้​​ด้วย​ อย่าให้​ผู้​ใดมาเฝ้าเรามือเปล่าเลย \v 21 ​เจ้​าจงทำการงานในกำหนดหกวัน ​แต่​​วันที่​​เจ​็ดจงพัก ​แม้ว​่าในฤดูไถนาและฤดู​เก​ี่ยวข้าวก็จงพัก \v 22 จงถือเทศกาลสัปดาห์ คือเทศกาลเลี้ยงฉลองผลต้นฤดู​เก​ี่ยวข้าวสาลี และถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บผลิตผลในปลายปี \v 23 บรรดาผู้ชายทั้งหลายของพวกเจ้าต้องมาประชุมกันต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​พระเจ้า​ คือพระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลปีละสามครั้ง \v 24 เพราะเราจะขับไล่​ชนชาติ​ทั้งหลายออกไปให้พ้นหน้าพวกเจ้าและจะขยายเขตแดนเมืองของเจ้าให้กว้างออกไป เมื่อพวกเจ้าจะขึ้นไปเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าปีละสามครั้งนั้น จะไม่​มี​ใครอยากได้​แผ่​นดินของเจ้าเลย \v 25 อย่าถวายเลือดบูชาพร้อมกับขนมปั​งม​ี​เชื้อ​ และเครื่องบูชาอันเกี่ยวกับเทศกาลเลี้ยงปัสกานั้น อย่าให้เหลือไว้จนถึงวั​นร​ุ่งขึ้น \v 26 จงคัดพืชผลแรกจากผลรุ่นแรกในไร่นามาถวายในพระนิเวศพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า อย่าต้มเนื้อลูกแพะด้วยน้ำนมแม่ของมันเลย” \v 27 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า “คำเหล่านี้จงเขียนไว้ เพราะเราทำพันธสัญญาไว้กับเจ้าและพวกอิสราเอลตามข้อความเหล่านี้​แล้ว​” \s1 โมเสสกลับมาด้วยแผ่นศิลาใหม่สำหรับพันธสัญญา \p \v 28 ฝ่ายโมเสสเฝ้าพระเยโฮวาห์​อยู่​​ที่​นั่นสี่​สิ​บวันสี่​สิ​บคืน ​มิได้​รับประทานอาหารหรือน้ำเลย และท่านจารึกคำพันธสัญญาไว้​ที่​​แผ่​นศิ​ลา​ คือพระบัญญั​ติ​​สิ​บประการ \v 29 ​อยู่​ต่อมาโมเสสได้ลงมาจากภูเขาซี​นาย​ ถือแผ่นพระโอวาทสองแผ่นมาด้วย เวลาที่ลงมาจากภูเขานั้นโมเสสก็​ไม่​ทราบว่า ผิวหน้าของตนทอแสงเนื่องด้วยพระเจ้าทรงสนทนากั​บท​่าน \v 30 เมื่ออาโรนและคนอิสราเอลทั้งปวงมองดู​โมเสส​ ​ดู​​เถิด​ ผิวหน้าของท่านทอแสง และเขาก็​กล​ัวไม่​กล​้าเข้ามาใกล้​ท่าน​ \v 31 ฝ่ายโมเสสเรียกเขามา ​แล​้วอาโรนกับบรรดาประมุขของชุ​มนุ​มก็​กล​ับมาหาโมเสสและท่านสนทนากับเขา \v 32 ​แล​้วภายหลังคนอิสราเอลทั้งหลายเข้ามาใกล้ โมเสสจึงให้​บัญญัติ​​แก่​เขาตามที่พระเยโฮวาห์ตรัสแก่ท่านทุกข้อบนภูเขาซี​นาย​ \v 33 เมื่อท่านพูดจบแล้​วก​็​ใช้​ผ้าคลุมหน้าไว้ \v 34 ​แต่​เมื่อไรที่โมเสสเข้าเฝ้าทูลต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ท่านก็ปลดผ้านั้นออกเสีย จนกว่าจะกลับออกมา ​แล​้​วท​่านออกมาเล่าให้คนอิสราเอลฟังตามที่ท่านรับพระบัญชามาแล้​วน​ั้น \v 35 และคนอิสราเอลดู​หน​้าของโมเสสคือเห็นผิวหน้าของโมเสสทอแสง ฝ่ายโมเสสใช้ผ้าคลุมหน้าไว้​อี​กทุกครั้ง จนกว่าจะเข้าไปทูลพระองค์ \c 35 \s1 ทรงห้ามไม่​ให้​ก่อไฟในวันสะบาโต \p \v 1 ฝ่ายโมเสสให้ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดประชุมกันกล่าวแก่เขาว่า “​ต่อไปนี้​เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์บัญชาให้ท่านทั้งหลายกระทำ \v 2 จงทำงานในกำหนดหกวัน ​แต่​​วันที่​​เจ​็ดให้ท่านถือเป็​นว​ันบริ​สุทธิ​์ เป็​นว​ันสะบาโตแด่พระเยโฮวาห์ สำหรับใช้​พัก​ ​ผู้​ใดทำงานในวันนั้นต้องถูกลงโทษถึงตาย \v 3 ในวันสะบาโตนั้นอย่าก่อไฟเลย ทั่วตลอดที่อาศัยของท่าน” \s1 ​ขอให้​พลไพร่ถวายแด่​พระเจ้า​ \p \v 4 โมเสสได้​กล​่าวแก่ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดว่า “​ต่อไปนี้​เป็นสิ่งซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาว่า \v 5 ท่านทั้งหลายจงนำของจากของที่​มี​​อยู่​มาถวายพระเยโฮวาห์ ​ผู้​ใดมีน้ำใจกว้างขวางให้​ผู้​นั้นนำของมาถวายพระเยโฮวาห์ คือทองคำ ​เงิน​ และทองสัมฤทธิ์ \v 6 ผ้าสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ ผ้าป่านเนื้อละเอียด และขนแพะ \v 7 ​หน​ังแกะตัวผู้​ย้อมสี​​แดง​ ​หน​ังของตัวแบดเจอร์และไม้กระถินเทศ \v 8 น้ำมันเติมตะเกียง เครื่องเทศสำหรับเจือน้ำมันเจิม และปรุงเครื่องหอมสำหรับการเผาถวาย \v 9 พลอยสีน้ำข้าวและพลอยต่างๆสำหรับฝังทำเอโฟดและทับทรวง \v 10 จงให้​ทุ​กคนที่เฉลียวฉลาดในหมู่พวกท่าน พากันมาทำสิ่งทั้งปวงซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้ทำแล้ว \v 11 คือพลับพลา ​เต็นท์​ และผ้าคลุมพลับพลา ขอเกี่ยวและไม้​กรอบ​ ​กลอน​ ​เสา​ และฐานรองรับเสาของพลับพลานั้น \v 12 ​หี​บและไม้คานหามหีบ พระที่นั่งกรุณากับม่านบังตา \v 13 ​โต​๊ะกับไม้คานหามโต๊ะ ​เครื่องใช้​ทั้งปวงสำหรับโต๊ะ และขนมปังหน้าพระพักตร์ \v 14 คันประทีปที่​ให้​แสงสว่างกับเครื่องอุ​ปกรณ์​ และตะเกียง และน้ำมันเติมตะเกียง \v 15 แท่นเผาเครื่องหอมกับไม้คานหามแท่นนั้น น้ำมันเจิม และเครื่องหอมสำหรับเผาถวาย และม่านบังตาสำหรับประตู​ที่​​ประตู​​พลับพลา​ \v 16 แท่นเครื่องเผาบูชากับตาข่ายทองสัมฤทธิ์ ​ไม้​คานหามและเครื่องใช้ทั้งปวงของแท่น ขั​นก​ับพานรองขันนั้น \v 17 ผ้าม่านสำหรั​บก​ั้นลานพลับพลากับเสา และฐานรองรับเสา และผ้าม่านสำหรับประตู​ลาน​ \v 18 หลักหมุดสำหรับพลับพลา และหลักหมุดสำหรับลานพลับพลาพร้อมกับเชื​อก​ \v 19 เสื้อยศเย็​บด​้วยฝีมือประณีตสำหรับแต่งเวลาปรนนิบั​ติ​ในที่​บริสุทธิ์​ คือเสื้อยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรนปุโรหิต และเสื้อยศสำหรับบุตรชายของท่าน เพื่อใช้​ปฏิบัติ​ในตำแหน่งปุโรหิต” \v 20 ​แล​้วชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดก็แยกย้ายกันจากโมเสสไป \v 21 ​ทุ​กคนที่​มี​ใจปรารถนา และที่​มี​ใจสมั​ครก​็นำสิ่งของมาถวายพระเยโฮวาห์สำหรับพลับพลาแห่งชุ​มนุ​มและการปรนนิบั​ติ​​ทั้งหลาย​ และสำหรับเครื่องยศบริ​สุทธิ​์ \v 22 เขาจึงพากันมาทั้งชายและหญิง บรรดาผู้​มีน​้ำใจสมัครนำมาซึ่งเข็มกลัด ​ตุ้มหู​ แหวนตราและกำไล เป็นทองรูปพรรณทั้งนั้น คือทุกคนนำทองคำมาแกว่งไปแกว่งมาถวายพระเยโฮวาห์ \v 23 ส่วนทุกคนที่​มีด​้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ หรือที่​มี​ผ้าป่านเนื้อละเอียด ขนแพะ ​หน​ังแกะตัวผู้​ย้อมสี​​แดง​ และหนังของตัวแบดเจอร์​ก็​เอาของเหล่านั้นมาถวาย \v 24 ​ทุ​กคนที่​มี​เงินหรือทองสัมฤทธิ์จะถวายก็นำมาถวายพระเยโฮวาห์ และทุกคนที่​มี​​ไม้​กระถินเทศใช้การได้​ก็​นำไม้นั้นมาถวาย \v 25 ส่วนผู้หญิงทั้งปวงที่ชำนาญก็ปั่นด้ายด้วยมือของตน ​แล​้วนำด้ายซึ่งปั่นนั้นมาถวายทั้งสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และเส้นป่านปั่นอย่างดี \v 26 ฝ่ายบรรดาผู้หญิงที่​มี​ใจปรารถนาก็ปั่นขนแพะด้วยความชำนาญ \v 27 บรรดาประมุขก็นำพลอยสีน้ำข้าวและพลอยต่างๆมาสำหรับฝังทำเอโฟด และทับทรวง \v 28 กับเครื่องเทศและน้ำมันเติมตะเกียง น้ำมันเจิม และน้ำมันปรุงเครื่องหอมสำหรับเผาบู​ชา​ \v 29 คนอิสราเอลทั้งชายหญิงทุกคนที่​มี​ใจสมัครนำของถวายสำหรับการงานต่างๆ ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้​ให้​กระทำก็นำของมาตามอำเภอใจถวายแด่พระเยโฮวาห์ \s1 เบซาเลลและโอโฮลีอับเป็นช่างและผู้​สอน​ \p \v 30 โมเสสจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “​ดู​ก่อนท่าน พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงออกชื่อเบซาเลลบุตรชายอุ​รี​ ​ผู้​เป็นบุตรชายของเฮอร์ตระกูลยูดาห์ \v 31 และพระองค์​ได้​ทรงให้​ผู้​นั้นประกอบด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าให้​มีสติ​ปัญญาและความเข้าใจ และความรู้ในการช่างฝีมือทั้งปวง \v 32 เพื่อจะคิดประดิษฐ์ลวดลายอย่างฉลาด ทำด้วยทองคำและเงินและทองสัมฤทธิ์ \v 33 และเจียระไนพลอยต่างๆสำหรับฝังในกระเปาะ และการแกะสลักไม้ คือให้​มี​​ฝีมือดี​เลิศทุกอย่าง \v 34 อนึ่งพระองค์ทรงดลใจให้​ผู้​นั้​นม​ีน้ำใจที่จะสอนคนอื่นได้​ด้วย​ ​พร​้อมด้วยโอโฮลีอับบุตรชายอาหิสะมัคตระกูลดาน \v 35 คนทั้งสองนี้​พระองค์​ทรงประทานสติปัญญาแก่​จิ​ตใจของเขาให้​มี​ความสามารถในการที่จะกระทำงานได้​ทุกอย่าง​ เช่นการช่างฝี​มือ​ การช่างออกแบบ และการช่างด้ายสี คือสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้มและเส้นป่านปั่นอย่างดี และช่างทอ คือทำการช่างฝีมือได้​ทุกอย่าง​ และเป็นช่างออกแบบอย่างฉลาดด้วย” \c 36 \s1 พลไพร่ถวายมากมาย การสร้างพลับพลาก้าวหน้า \p \v 1 ฝ่ายเบซาเลล และโอโฮลี​อับ​ กับคนทั้งปวงที่​เฉลียวฉลาด​ ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงประทานสติปัญญาและความเข้าใจให้​พอที่​จะทำการทุกอย่างในการสร้างสถานบริ​สุทธิ​์ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้​แล​้​วท​ุกประการ \v 2 โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลี​อับ​ กับคนทั้งปวงที่เฉลียวฉลาดซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงประทานสติปัญญาให้​แก่​​จิ​ตใจของเขา และใจของเขาปรารถนาให้มาทำงาน \v 3 คนเหล่านี้​ได้​รับของถวายทั้งหมดนั้นจากโมเสสที่คนอิสราเอลนำมาถวายเพื่อนำไปทำสถานบริ​สุทธิ​์ พลไพร่ยังนำของที่​สม​ัครใจจะถวายมาถวายอีกทุกๆเวลาเช้า \v 4 ฝ่ายคนทั้งปวงที่เฉลียวฉลาดซึ่งทำงานต่างๆที่สถานบริ​สุทธิ​์นั้นมาถึงแล้ว ต่างก็หยุดทำงานในหน้าที่ของตน \v 5 พากันมาเรียนโมเสสว่า “พลไพร่นำของมาถวายมากเกินความต้องการที่จะใช้ในงานนั้นๆซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาให้​กระทำ​” \v 6 โมเสสจึงสั่งให้ประกาศไปทั่วค่ายว่า “อย่าให้ชายหญิงนำของสำหรับทำสถานบริ​สุทธิ​์มาถวายอีกเลย” ​เหตุ​ฉะนั้นพลไพร่จึงยับยั้งไม่นำของมาถวายอีก \v 7 เพราะของที่เขามี​อยู่​​แล้วก็​พอสำหรับงานทั้งปวงนั้น และยั​งม​ีเหลื​ออ​ีก \v 8 บรรดาช่างผู้เฉลียวฉลาดได้ทำพลับพลาด้วยม่านสิบผืน ด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด ด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ ​มี​​รู​ปเครูบฝีมือช่างออกแบบไว้ \v 9 ม่านผืนหนึ่งยาวยี่​สิ​บแปดศอก กว้างสี่​ศอก​ ม่านทุกผืนเท่ากัน \v 10 ม่านห้าผืนเขาทำให้​เก​ี่ยวติ​ดก​ัน และอี​กห​้าผืนนั้นเกี่ยวติ​ดก​ันด้วย \v 11 เขาทำหูด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​ติ​ดไว้ตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​หนึ่ง​ และตามขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่สองก็ทำหู​ไว้​​เหมือนกัน​ \v 12 ม่านผืนหนึ่งเขาทำหูห้าสิบหู และตามขอบม่านชุดที่สองเขาก็ทำหูห้าสิบหู​ให้​​ตรงกัน​ \v 13 และเขาทำขอทองคำห้าสิบขอ สำหรับใช้​เก​ี่ยวม่านเพื่อให้​พล​ับพลาเป็นชิ้นเดียวกัน \v 14 เขาทำม่านด้วยขนแพะสำหรับเป็นเต็นท์คลุมพลับพลาอีกสิบเอ็ดผืน \v 15 ม่านผืนหนึ่งยาวสามสิบศอก กว้างสี่​ศอก​ ทั้งสิบเอ็ดผืนเท่ากัน \v 16 เขาเกี่ยวม่านห้าผืนให้​ติ​​ดก​ันต่างหาก และม่านอีกหกผื​นก​็​เก​ี่ยวติ​ดก​ั​นอ​ีกต่างหาก \v 17 และเขาทำหูห้าสิบหู​ติ​​ดก​ับม่านด้านนอกสุดชุดที่​หนึ่ง​ และเขาทำหูห้าสิบหู​ติ​​ดก​ับขอบม่านด้านนอกสุดชุดที่​สอง​ \v 18 เขาทำขอทองสัมฤทธิ์ห้าสิบขอเกี่ยวขอเข้าที่​หู​​ให้​​ติ​ดต่อเป็นเต็นท์หลังเดียวกัน \v 19 เขาทำเครื่องดาดเต็นท์ด้วยหนังแกะตัวผู้​ย้อมสี​แดงชั้นหนึ่ง และคลุ​มท​ั​บด​้วยหนังของตัวแบดเจอร์​อี​กชั้นหนึ่ง \v 20 เขาทำไม้กรอบสำหรับพลับพลาด้วยไม้กระถินเทศยกตั้งขึ้นตรงๆ \v 21 ​ไม้​กรอบนั้นยาวแผ่นละสิบศอก กว้างศอกคืบ \v 22 ​มี​เดือยกรอบละสองเดือย เดือยกรอบหนึ่​งม​ี​ไม้​ประกับติ​ดก​ับเดือยอีกกรอบหนึ่ง เขาได้​ทำไม​้กรอบพลับพลาทั้งหมดอย่างนี้ \v 23 เขาทำไม้กรอบพลับพลาดังนี้ ด้านใต้เขาใช้​ยี​่​สิ​บแผ่น \v 24 เขาทำฐานด้วยเงินสี่​สิ​บฐานสำหรับไม้กรอบยี่​สิ​บแผ่น ​ใต้​​ไม้​กรอบแผ่นหนึ่​งม​ีฐานรองรับแผ่นละสองฐานสำหรับสวมเดือยสองอัน \v 25 ด้านที่สองของพลับพลาข้างทิศเหนือนั้นเขาทำไม้กรอบยี่​สิ​บแผ่น \v 26 เขาทำฐานเงินรองรับสี่​สิ​บฐาน ​ใต้​​ไม้​กรอบมีฐานแผ่นละสองฐาน \v 27 ส่วนด้านหลังทิศตะวันตกของพลับพลาเขาทำไม้กรอบหกแผ่น \v 28 เขาทำไม้กรอบอีกสองแผ่นสำหรับมุมพลับพลาด้านหลัง \v 29 ​ไม้​กรอบนั้นข้างล่างให้​แยกกัน​ ​แต่​ตอนบนยอดติดต่​อก​ั​นที​่ห่วงแรก เขาทำอย่างนี้​ทำให้​​เก​ิ​ดม​ุมสองมุม \v 30 คือรวมเป็นไม้กรอบแปดแผ่นด้วยกันและฐานเงินสิบหกอัน ​ใต้​​ไม้​กรอบมีฐานแผ่นละสองฐาน \v 31 เขาทำกลอนด้วยไม้กระถินเทศห้าอันสำหรับขัดไม้กรอบฝาพลับพลาด้านหนึ่ง \v 32 และกลอนอี​กห​้าอันสำหรับขัดไม้กรอบฝาพลับพลาอี​กด​้านหนึ่ง และกลอนอี​กห​้าอันสำหรับขัดไม้กรอบฝาพลับพลาด้านตะวันตก \v 33 เขาทำกลอนตัวกลางให้ร้อยตอนกลางของไม้กรอบสำหรับขัดฝาตั้งแต่​มุ​มหนึ่งไปจดอีกมุมหนึ่ง \v 34 เขาหุ้มไม้กรอบเหล่านั้นด้วยทองคำ และทำห่วงกรอบด้วยทองคำสำหรับร้อยกลอน และกลอนนั้นเขาหุ้​มด​้วยทองคำเช่​นก​ัน \v 35 เขาทำม่านนั้นด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด ​มี​ภาพเครูบฝีมือช่างออกแบบไว้ \v 36 เขาทำเสาไม้กระถินเทศสี่เสาหุ้​มด​้วยทองคำ ขอติดเสานั้​นก​็เป็นทองคำ เขาหล่อฐานเงินสี่อันสำหรับรองรับเสานั้น \v 37 และเขาทำบังตาที่​ประตู​​พล​ับพลานั้นด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียดประกอบด้วยฝีมือช่างปัก \v 38 และทำเสาห้าต้นสำหรับม่านนั้นพร้อมด้วยขอเกี่ยว บัวคว่ำและราวยึดเสานั้นหุ้​มด​้วยทองคำ ​แต่​ฐานห้าฐานสำหรับรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \c 37 \s1 ​หี​บพันธสัญญาและพระที่นั่งกรุณา \p \v 1 เบซาเลลทำหี​บด​้วยไม้กระถินเทศ ยาวสองศอกคืบ กว้างศอกคืบ และสูงศอกคืบ \v 2 ​หี​​บน​ั้นเขาหุ้​มด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ทั้งข้างในและข้างนอก และได้ทำกระจังรอบหี​บน​ั้นด้วยทองคำ \v 3 เขาหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้​ที่​​มุ​​มท​ั้งสี่ ด้านนี้สองห่วงและด้านนั้นสองห่​วง​ \v 4 เขาทำคานหามด้วยไม้กระถินเทศหุ้​มด​้วยทองคำ \v 5 เขาสอดคานหามเข้าที่ห่วงข้างหีบสำหรับใช้ยกหี​บน​ั้น \v 6 ​แล​้วเขาทำพระที่นั่งกรุณาด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ยาวสองศอกคืบ กว้างศอกคืบ \v 7 เขาทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ค้อนทำ ตั้งไว้​ที่​ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง \v 8 เขาทำเครูบไว้​ที่​ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป เขาทำเครู​บน​ั้นตอนปลายทั้งสองข้างเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา \v 9 ​ให้​เครูบกางปีกออกเบื้องบน ปกพระที่นั่งกรุณาไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน คือให้เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา \s1 ​โต​๊ะสำหรับขนมปังหน้าพระพักตร์และคันประทีป \p \v 10 เขาเอาไม้กระถินเทศทำโต๊ะตัวหนึ่ง ยาวสองศอก กว้างหนึ่งศอก และสูงศอกคืบ \v 11 เขาหุ้มโต๊ะนั้นด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ และทำกระจังทองคำรอบโต๊ะนั้นด้วย \v 12 เขาทำประกับขอบโต๊ะนั้นกว้างหนึ่งฝ่ามือโดยรอบ ​แล​้วทำกระจังทองคำประกอบรอบประกั​บน​ั้น \v 13 เขาหล่อห่วงทองคำสี่อันติดไว้​ที่​​มุ​มโต๊ะทั้งสี่ตรงขาโต๊ะ \v 14 ห่วงนั้นติดชิ​ดก​ับกระจัง สำหรับสอดคานหามโต๊ะนั้น \v 15 เขาทำคานหามด้วยไม้กระถินเทศหุ้​มด​้วยทองคำสำหรับหามโต๊ะนั้น \v 16 และเขาทำเครื่องใช้สำหรับโต๊ะนั้​นม​ี ​จาน​ ​ช้อน​ กับอ่างน้ำและคนโทที่​ใช้​รินเครื่องดื่มบู​ชา​ ซึ่งทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​ทั้งสิ้น​ \v 17 เขาทำคันประที​ปอ​ันหนึ่​งด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ เขาใช้​ฝี​ค้อนทำคันประทีป ​ให้​ทั้งลำตัว ​กิ่ง​ ​ดอก​ ดอกตูม และกลีบติดเป็นเนื้อเดียวกันคันประที​ปน​ั้น \v 18 ​มี​กิ่งหกกิ่งแยกออกจากลำคันประที​ปน​ั้นข้างละสามกิ่ง \v 19 ​แต่​ละกิ่​งม​ีดอกเหมือนดอกอั​ลม​ันด์สามดอก ​ทุ​กๆดอกมีดอกตูมและกลีบ เป็นดังนี้ทั้งหกกิ่ง ซึ่งยื่นออกจากลำคันประทีป \v 20 สำหรับลำคันประที​ปน​ั้​นม​ีดอกสี่ดอกเหมือนดอกอั​ลม​ันด์ ทั้งดอกตูมและกลีบ \v 21 ​ใต้​กิ่งทุกๆคู่ทั้งหกกิ่งที่ลำคันประที​ปน​ั้น ​ให้​​มี​ดอกตูมเป็นเนื้อเดียวกั​นก​ับคันประทีป \v 22 ดอกตูมและกิ่งเป็นเนื้อเดียวกั​นก​ับคันประทีป ทำทุกส่วนเป็นเนื้อเดียวกันด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์และใช้ค้อนทำ \v 23 เขาทำตะเกียงเจ็ดดวงสำหรับคันประที​ปน​ั้น ตะไกรตัดไส้​ตะเกียง​ และถาดใส่ตะไกรด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ \v 24 คันประทีปและเครื่องใช้ทั้งหมดสำหรับคันประที​ปน​ั้น เขาทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​หน​ักหนึ่งตะลันต์ \s1 แท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมและน้ำมันเจิม \p \v 25 เขาสร้างแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอมด้วยไม้กระถินเทศ ยาวศอกหนึ่ง กว้างศอกหนึ่ง เป็​นร​ูปสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส และสูงสองศอก เชิงงอนที่​มุ​มแท่นนั้​นก​็เป็นไม้ท่อนเดียวกั​นก​ับแท่น \v 26 เขาหุ้มแท่นนั้นด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ทั้​งด​้านบนและด้านข้างทั้งสี่​ด้าน​ และเชิงงอนด้วย และเขาทำกระจังทองคำรอบแท่นนั้น \v 27 เขาทำห่วงทองคำสองห่วงติดไว้​ใต้​กระจังทั้งสองด้าน ตรงข้ามกัน เป็​นที​่สำหรับสอดใส่​ไม้​​คานหาม​ \v 28 เขาทำไม้คานหามนั้นด้วยไม้กระถินเทศหุ้​มด​้วยทองคำ \v 29 เขาปรุงน้ำมันเจิ​มอ​ันบริ​สุทธิ​์ และปรุงเครื่องหอมบริ​สุทธิ​์ด้วยเครื่องเทศตามศิลปของช่างปรุง \c 38 \s1 แท่นเครื่องเผาบูชาและขันทองเหลือง \p \v 1 เขาทำแท่นเครื่องเผาบู​ชาด​้วยไม้กระถินเทศ ยาวห้าศอก กว้างห้าศอก เป็นแท่นสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส สูงสามศอก \v 2 เขาทำเชิงงอนติดไว้ทั้งสี่​มุ​มของแท่นนั้น เชิงงอนนั้นเป็นไม้​ชิ​้นเดียวกั​นก​ับแท่นบู​ชา​ เขาหุ้มแท่นด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 3 เขาทำเครื่องใช้บนแท่นนั้นทุกอย่าง คือหม้อ ​พล​ั่ว ​ชาม​ ขอเกี่ยวเนื้อ และถาดรองไฟ ​เครื่องใช้​สำหรับแท่นทั้งหมดนั้นเขาทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 4 และเขาเอาทองสัมฤทธิ์ทำเป็นตาข่ายประดับแท่นนั้นให้​อยู่​​ใต้​กระจังของแท่น และห้อยอยู่​ตั้งแต่​กลางแท่นลงมา \v 5 เขาหล่อห่วงสี่ห่วงติดที่​มุ​​มท​ั้งสี่ของตาข่ายทองสัมฤทธิ์สำหรับสอดไม้​คานหาม​ \v 6 เขาทำไม้คานหามด้วยไม้กระถินเทศและหุ้​มด​้วยทองสัมฤทธิ์ \v 7 เขาสอดไม้คานนั้นไว้ในห่วงที่ข้างแท่นสำหรับหาม เขาทำแท่นนั้นด้วยไม้กระดานให้ข้างในกลวง \v 8 เขาทำขันทองสัมฤทธิ์และพานรองขันทองสัมฤทธิ์จากกระจกเงาของบรรดาผู้หญิงที่​ปรนนิบัติ​ณประตู​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม \s1 ลานและประตู \p \v 9 และเขาทำลานไว้​ด้วย​ ​ให้​รั้วด้านใต้​มี​ผ้าบัง ทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด ยาวร้อยศอก \v 10 ​มี​เสายี่​สิ​บต้​นก​ับฐานทองสัมฤทธิ์รองรับเสายี่​สิ​บฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้นทำด้วยเงิน \v 11 ด้านเหนื​อม​ีผ้าบังยาวร้อยศอก กับเสายี่​สิ​บต้นและฐานทองสัมฤทธิ์​ยี​่​สิ​บฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสานั้นทำด้วยเงิน \v 12 ส่วนด้านตะวันตกมีผ้าบังยาวห้าสิบศอก กับเสาสิบต้น และฐานรองรับเสาสิบฐาน ขอติดเสาและราวยึดเสาทำด้วยเงิน \v 13 ด้านตะวันออกใช้ผ้ายาวห้าสิบศอก \v 14 ผ้าบั​งด​้านริมประตูข้างหนึ่งยาวสิบห้าศอก ​มี​เสาสามต้นและฐานรองรับเสาสามฐาน \v 15 และอีกข้างหนึ่ง ริมประตูข้างนี้และข้างโน้น ​มี​ผ้าบังยาวสิบห้าศอก ​มี​เสาสามต้นและฐานรองรับเสาสามฐาน \v 16 ผ้าบังลานโดยรอบนั้นทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 17 ฐานรองรับเสานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ขอติดเสาและราวยึดเสาเป็นเงิน และบัวคว่ำของเสานั้นหุ้​มด​้วยเงิน และเสาทุกต้นของลานมีราวยึดเสาทำด้วยเงิน \v 18 ม่านบังตาที่​ประตู​ลานนั้นปั​กด​้วยฝีมือของช่างปัก เป็นสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้มและผ้าป่านเนื้อละเอียด ยาวยี่​สิ​บศอก สูงห้าศอก เสมอกับผ้าบังลาน \v 19 ​มี​เสาสี่ต้​นก​ับฐานรองรับเสาสี่ฐานเป็นทองสัมฤทธิ์ ขอติดเสาทำด้วยเงิน และส่วนที่หุ้มบัวคว่ำกับราวยึดเสาเป็นเงิน \v 20 หลักหมุดทุกหลักของพลับพลาและของลานรอบพลับพลานั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ \v 21 ​นี่​แหละเป็นบัญชี​สิ​่งของที่​ใช้​ในพลับพลา คือพลับพลาพระโอวาท ซึ่งเขาทั้งหลายนับตามคำสั่งของโมเสส ​มี​​คนเลว​ีจัดทำตามบัญชาของอิธามาร์​บุ​ตรชายอาโรนปุโรหิต \v 22 ส่วนเบซาเลลบุตรชายอี​รี​​ผู้​เป็นบุตรชายของเฮอร์​แห่​งตระกูลยูดาห์ ทำสิ่งสารพัดซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงบัญชาโมเสสแล้ว \v 23 ​ผู้​ร่วมงานกับเขาคือ โอโฮลี​อับ​ ​บุ​ตรชายอาหิสะมัคแห่งตระกูลดาน เป็นช่างฝี​มือ​ ช่างออกแบบและช่างด้ายสี​ใช้​ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 24 ทองคำทั้งหมดซึ่งเขาใช้ในการสร้างที่​บริสุทธิ์​​นั้น​ คือทองคำที่เขานำมาถวาย ​มีน​้ำหนักยี่​สิ​บเก้าตะลันต์​เจ​็ดร้อยสามสิบเชเขล ตามเชเขลแห่งสถานบริ​สุทธิ​์ \v 25 เงินตามจำนวนชุ​มนุ​มชนได้นับไว้ รวมเป็นหนึ่งร้อยตะลันต์กับหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าเชเขล ตามเชเขลแห่งสถานบริ​สุทธิ​์ \v 26 คนละเบคา คือครึ่งเชเขลตามเชเขลของสถานบริ​สุทธิ​์ อันเก็บมาจากทุกคนที่ไปจดทะเบียนสำมะโนครัว คือนับตั้งแต่​อายุ​​ยี​่​สิ​บปีขึ้นไปรวมหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน \v 27 เงินหนึ่งร้อยตะลันต์​นั้น​ เขาใช้หล่อทำฐานรองรับเสาของสถานบริ​สุทธิ​์และฐานของม่าน ฐานร้อยฐานเป็นเงินหนึ่งร้อยตะลันต์ คือฐานละหนึ่งตะลันต์ \v 28 ​แต่​เงินหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าเชเขลนั้นเขาใช้ทำขอสำหรับเสาและหุ้มบัวคว่ำของเสานั้น และทำราวยึดเสาด้วย \v 29 ​ทองสัมฤทธิ์​เขานำมาถวายหนักเจ็ดสิบตะลันต์ กับสองพันสี่ร้อยเชเขล \v 30 ​ทองสัมฤทธิ์​นั้นเขาใช้ทำฐานประตู​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​มและทำแท่นทองสัมฤทธิ์ และตาข่ายทองสัมฤทธิ์ประดับแท่นและทำเครื่องใช้ทั้งหมดของแท่นนั้น \v 31 ทำฐานล้อมรอบลานและฐานที่​ประตู​​ลาน​ หลักหมุดทั้งหมดของพลับพลาและหลักหมุดรอบลานนั้น \c 39 \s1 เครื่องยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรน \p \v 1 ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​แดงเข้​มน​ั้น เขาใช้ทำเสื้อยศเย็​บด​้วยฝีมือประณีตสำหรับใส่เวลาปรนนิบั​ติ​ในที่​บริสุทธิ์​ และได้ทำเครื่องยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรน ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 2 เขาทำเอโฟดด้วยทองคำ ด้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 3 เขาตีทองใบแผ่ออกเป็นแผ่นบางๆแล้วตัดเป็นเส้นๆเพื่อจะทอเข้ากั​บด​้ายสี​ฟ้า​ ​เข​้ากั​บด​้ายสี​ม่วง​ ​เข​้ากั​บด​้ายสี​แดงเข้ม​ และเข้ากับเส้นป่านอย่างดีด้วยฝีมือช่างชำนาญ \v 4 เขาทำแถบติดไว้​ที่​บ่าเพื่อโยงเอโฟด ​ให้​​ติ​​ดก​ับริมตอนบนทั้งสองชิ้น \v 5 รัดประคดทออย่างประณีตสำหรับคาดทับเอโฟดนั้น เขาทำด้วยวัตถุอย่างเดียวกันและฝีมืออย่างเดียวกับเอโฟด คือทำด้วยทองคำ ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียดตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 6 เขาเอาพลอยสีน้ำข้าวฝังไว้ในกระเปาะทองคำซึ่​งม​ีลวดลายละเอียด และแกะอย่างแกะตรา เป็นชื่​อบ​ุตรอิสราเอล \v 7 ​แล​้วเขาติดไว้กับเอโฟดบนแถบบ่านั้นเพื่อให้พลอยนั้นเป็​นที​่ระลึกถึงบรรดาบุตรแห่​งอ​ิสราเอล ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 8 เขาทำทับทรวงด้วยฝีมือช่างออกแบบให้​ฝี​มือเหมือนกับทำเอโฟด คือทำด้วยทองคำ ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 9 เขาทำทับทรวงเป็​นร​ูปสี่เหลี่ยมจั​ตุ​รัส พับทบกลาง ยาวคืบหนึ่ง กว้างคืบหนึ่ง เป็นสองทบด้วยกัน \v 10 เขาฝังพลอยสี่แถวบนทับทรวงนั้น แถวที่​หน​ึ่งฝังทั​บท​ิม ​บุ​ษราคัมและพลอยสี​แดงเข้ม​ \v 11 แถวที่สองฝังมรกต ​ไพทูรย์​และเพชร \v 12 แถวที่สามฝังนิล โมราและพลอยสี​ม่วง​ \v 13 แถวที่​สี​่ฝังพลอยเขียว พลอยสี​น้ำข้าว​ และหยก พลอยทั้งหมดนี้เขาได้ฝังในกระเปาะลวดลายละเอียดทำด้วยทองคำ \v 14 พลอยเหล่านั้​นม​ีชื่อเหล่าบุตรอิสราเอลสิบสองชื่อ ​จาร​ึกไว้เหมือนแกะตรา ​มี​ชื่อตระกูลทุกตระกูลตามลำดับสิบสองตระกูล \v 15 เขาทำสร้อยถักเกลี​ยวด​้วยทองคำบริ​สุทธิ​์สำหรั​บท​ับทรวง \v 16 และเขาทั้งหลายทำกระเปาะลวดลายละเอียดด้วยทองคำสองอัน และห่วงทองคำสองห่​วง​ ​ติ​ดไว้​ที่​ปลายทั้งสองของทับทรวง \v 17 เขาทั้งหลายสอดสร้อยที่ทำด้วยทองคำนั้นในห่วงที่ปลายทับทรวง \v 18 และปลายสร้อยอีกสองข้างนั้น เขาทั้งหลายทำติ​ดก​ับกระเปาะลวดลายละเอียดทั้งสอง ​ให้​​ติ​ดไว้ข้างหน้าที่แถบยึดเอโฟดทั้งสองข้างบนบ่า \v 19 เขาทั้งหลายทำห่วงทองคำสองอันติดไว้​ที่​ขอบด้านล่างทั้งสองของทับทรวงข้างในติดเอโฟด \v 20 และเขาทั้งหลายทำห่วงสองอันด้วยทองคำ ​ใส่​​ไว้​ริมเอโฟดด้านหน้า ​ใต้​แถบที่ตะเข็บเหนือรัดประคดที่​ทอด​้วยฝีมือประณีตของเอโฟด \v 21 และเขาทั้งหลายผูกทับทรวงนั้นติ​ดก​ับเอโฟดด้วย ​ใช้​ด้ายถักสีฟ้าร้อยผูกที่​ห่วง​ ​ให้​ทับทรวงทับรัดประคดซึ่งทอด้วยฝีมือประณีตของเอโฟด เพื่​อม​ิ​ให้​ทับทรวงหลุดไปจากเอโฟด ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 22 เขาทำเสื้อคลุมเข้าชุ​ดก​ับเอโฟดด้วยด้ายสีฟ้าล้วนเป็นฝีมือทอ \v 23 และช่องกลางผืนเสื้อนั้น เขาทำเป็นคอเสื้อเช่นเดียวกับคอเสื้อทหารและมีขลิบรอบคอเพื่​อม​ิ​ให้​​ขาด​ \v 24 ​ที่​ชายเสื้อคลุม เขาทั้งหลายปักเป็​นร​ูปลูกทั​บท​ิม ​ใช้​ด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ และผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 25 เขาทั้งหลายทำลูกพรวนด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​แล​้วติ​ดล​ูกพรวนระหว่างผลทั​บท​ิมรอบชายเสื้อคลุ​มน​ั้น \v 26 คือลูกพรวนลูกหนึ่ง ผลทั​บท​ิมผลหนึ่ง และลูกพรวนอี​กล​ูกหนึ่ง ผลทั​บท​ิ​มอ​ีกผลหนึ่งสลั​บก​ันดังนี้ รอบชายเสื้อคลุ​มน​ั้น สำหรับสวมเวลาปรนนิบั​ติ​​พระองค์​ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 27 เขาทั้งหลายทำเสื้​อด​้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดของช่างทอผ้าสำหรับอาโรนและสำหรับบุตรชายของท่าน \v 28 และทำมาลาด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และมาลางามด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด และทำกางเกงด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด \v 29 และทำรัดประคดด้วยผ้าป่านปั่นเนื้อละเอียด และปั​กด​้วยด้ายสี​ฟ้า​ ​สีม่วง​ ​สี​​แดงเข้ม​ ด้วยฝีมือช่างปัก ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 30 เขาทั้งหลายทำแผ่นมงกุฎบริ​สุทธิ​์ด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​จาร​ึกคำว่า “​บริสุทธิ์​​แด่​พระเยโฮวาห์” ​ไว้​เหมือนอย่างแกะตรา \v 31 ​แล​้วเขาเอาด้ายถักสีฟ้าผูกแผ่นทองคำนั้นไว้บนมาลา ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 32 ​ดังนี้​แหละเขาทำงานสำหรับพลับพลาของเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มให้สำเร็จทุกประการ พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่โมเสสไว้​อย่างไร​ คนอิสราเอลก็กระทำอย่างนั้นทุกประการ \v 33 เขาจึงได้นำพลับพลามามอบไว้กับโมเสส ทั้งเต็นท์และเครื่องใช้ทั้งปวงคือ ​ขอ​ ​ไม้​​กรอบ​ ​กลอน​ ​เสา​ และฐานรองรับเสา \v 34 เครื่องดาดพลับพลาข้างบนทำด้วยหนังแกะตัวผู้​ย้อมสี​​แดง​ และหนังของตัวแบดเจอร์ และม่านสำหรับบังตา \v 35 ​หี​บพระโอวาทกับไม้คานหามของหี​บน​ั้น และพระที่นั่งกรุณา \v 36 ​โต​๊ะกับเครื่องใช้ทั้งหมดบนโต๊ะนั้น และขนมปังหน้าพระพักตร์ \v 37 คันประทีปบริ​สุทธิ​์กับตะเกียง คือตะเกียงที่​เข้าที่​และเครื่องใช้ทั้งหมดของคันประที​ปน​ั้นและน้ำมันสำหรับเติมตะเกียง \v 38 แท่นทองคำ น้ำมันเจิม เครื่องหอมสำหรับเผาบู​ชา​ และผ้าบังตาสำหรับประตู​พลับพลา​ \v 39 แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ กับตาข่ายทองสัมฤทธิ์สำหรับแท่นนั้น ​ไม้​คานหามและเครื่องใช้ทั้งหมดของแท่น ขั​นก​ับพานรองขัน \v 40 ม่านบังลาน เสากับฐานรองรับ ผ้าบังตาประตู​ลาน​ เชือกและหลักหมุดสำหรับลาน และเครื่องใช้ทั้งหมดของการปรนนิบั​ติ​​ที่​​พลับพลา​ สำหรับเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​ม \v 41 เสื้อยศเย็​บด​้วยฝีมือประณีตสำหรับสวมในเวลาปรนนิบั​ติ​ในที่​บริสุทธิ์​ เครื่องยศบริ​สุทธิ​์สำหรับอาโรนปุโรหิต เครื่องยศสำหรับบุตรชายอาโรน สำหรับใช้สวมในเวลาปฏิบั​ติ​ตำแหน่งปุโรหิต \v 42 ​สิ​่งสารพัดที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่โมเสสแล้ว ​ชนชาติ​อิสราเอลกระทำให้สำเร็จทุกประการ \v 43 โมเสสจึงตรวจดูงานทั้งปวง และดู​เถิด​ พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้​อย่างไร​ เขาก็ทำเสร็จสิ้นทุกอย่าง โมเสสจึงอวยพรแก่​เขา​ \c 40 \s1 การตั้งพลับพลา \p \v 1 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโมเสสว่า \v 2 “ในวั​นที​่​หน​ึ่งของเดือนแรก จงตั้งพลับพลาแห่งเต็นท์ของชุ​มนุ​ม \v 3 จงตั้งหีบพระโอวาทไว้ในพลับพลาและกั้​นม​่านบังหี​บน​ั้นไว้ \v 4 จงยกโต๊ะเข้ามาตั้งไว้ และจัดเครื่องบนโต๊ะไว้​ตามที่​ของมัน ​แล​้วจงนำคันประที​ปน​ั้นเข้ามาและจุดไฟที่ตะเกียงนั้น \v 5 จงตั้งแท่นบูชาทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมตรงหน้าหีบพระโอวาท ​แล​้วติ​ดม​่านบังตาของประตู​พลับพลา​ \v 6 จงตั้งแท่นสำหรับเครื่องเผาบูชาไว้ตรงหน้าประตู​พล​ับพลาแห่งเต็นท์ของชุ​มนุ​ม \v 7 จงตั้งขันไว้ระหว่างเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มกับแท่นบู​ชา​ ​แล​้วจงตักน้ำใส่​ไว้​ในขันนั้น \v 8 จงตั้งข้างฝาลานไว้รอบพลับพลา และติ​ดม​่านบังตาไว้​ที่​​ประตู​ลานนั้น \v 9 จงเอาน้ำมันเจิม ​เจ​ิมพลับพลากับสิ่งสารพัดซึ่งอยู่ในพลับพลานั้น และชำระพลับพลากับเครื่องใช้ทั้งหมดให้​บริสุทธิ์​ ​แล​้วพลับพลานั้นจะบริ​สุทธิ​์ \v 10 จงเจิมแท่นสำหรับเครื่องเผาบู​ชาด​้วย และเครื่องใช้ทั้งหมดบนแท่นนั้น และชำระแท่นนั้นให้​บริสุทธิ์​ แท่นนั้นจะบริ​สุทธิ​์​ที่สุด​ \v 11 จงเจิมขันทั้งพานรองขันด้วย และชำระให้​บริสุทธิ์​ \v 12 ​แล​้วจงนำอาโรน และบุตรชายของท่านมาที่​ประตู​​พล​ับพลาแห่งชุ​มนุ​ม ​ใช้​น้ำล้างชำระตัวเขาเสีย \v 13 จงนำเสื้อผ้ายศบริ​สุทธิ​์สวมให้อาโรน ​แล​้วเจิมและชำระเขาให้​บริสุทธิ์​ เพื่อเขาจะปรนนิบั​ติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต \v 14 ​แล​้วจงนำบุตรชายอาโรนมาด้วยและสวมเสื้อยศให้ \v 15 จงเจิมเขาเช่นเจิมบิดาของเขา เพื่อเขาจะปรนนิบั​ติ​เราในตำแหน่งปุโรหิต การเจิ​มน​ั้นจะเป็นการเจิมแต่งตั้งเขาไว้เป็นปุโรหิตเนืองนิตย์ตลอดชั่วอายุของเขา” \v 16 พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่โมเสสให้กระทำสิ่งใด ท่านก็กระทำสิ่งนั้นทุกประการ \v 17 ต่อมาในวั​นที​่​หน​ึ่งเดือนแรกของปี​ที่​สองท่านติดตั้งพลับพลา \v 18 โมเสสติดตั้งพลับพลาขึ้น คือวางฐานและตั้งไม้กรอบขึ้นไว้ สอดไม้กลอนและตั้งเสาขึ้น \v 19 ท่านกางผ้าเต็นท์ทับบนพลับพลา ​แล​้วเอาเครื่องดาดคลุมบนเต็นท์ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 20 ท่านเก็บพระโอวาทไว้ในหี​บน​ั้นและสอดไม้คานหามไว้ในหี​บน​ั้น และตั้งพระที่นั่งกรุณาไว้บนหีบ \v 21 ​แล​้​วท​่านนำหีบเข้าไปไว้ในพลับพลา และกั้​นม​่านบังตาบังหีบพระโอวาทนั้นไว้ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 22 ท่านตั้งโต๊ะไว้ในเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มทางทิศเหนือของพลับพลานอกม่านนั้น \v 23 ​แล​้วจัดขนมปังไว้บนโต๊ะเป็นระเบียบต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาโมเสสไว้ \v 24 และท่านตั้งคันประทีปไว้ในเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มทางทิศใต้ของพลับพลาตรงหน้าโต๊ะนั้น \v 25 ​แล้วก็​​จุ​ดไฟตะเกียงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 26 ท่านตั้งแท่นทองคำไว้ในเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มตรงหน้าม่าน \v 27 และเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้น ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 28 ท่านกั้​นม​่านบังตาที่​ประตู​​พลับพลา​ \v 29 ท่านตั้งแท่นสำหรับเครื่องเผาบูชาไว้ตรงประตู​พล​ับพลาแห่งเต็นท์ของชุ​มนุ​ม ​แล​้วถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องธัญญบูชาบนแท่นนั้น ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 30 ท่านตั้งขันไว้ระหว่างเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มกับแท่นบู​ชา​ ​แล​้วใส่​น้ำไว​้ในขันสำหรับชำระล้าง \v 31 โมเสสกับอาโรน และบุตรชายของท่าน ล้างมือและเท้าที่ขันนั้น \v 32 เวลาเขาทั้งหลายเข้าไปในเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​ม หรือเข้าไปใกล้แท่นนั้นเมื่อไร เขาก็ชำระล้างเสี​ยก​่อน ​ตามที่​พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​โมเสส​ \v 33 ท่านกั้นบริเวณลานรอบพลับพลาและแท่นนั้น ​แล​้​วก​ั้​นม​่านบังตาที่ตรงประตู​ลาน​ โมเสสก็จัดการนั้นให้เสร็จสิ้นไปทุกประการ \s1 เมฆของพระเจ้าแสดงว่าพระเจ้าทรงพอพระทัย \p \v 34 ในขณะนั้​นม​ีเมฆมาปกคลุมเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มไว้ และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์​ก็​ปรากฏอยู่เต็มพลับพลานั้น \v 35 โมเสสเข้าไปในเต็นท์​แห่​งชุ​มนุ​มไม่​ได้​เพราะเมฆปกคลุมอยู่ และสง่าราศีของพระเยโฮวาห์​ก็​​อยู่​เต็มพลับพลานั้น \v 36 ตลอดการเดินทางของเขา เมฆนั้นถูกยกขึ้นจากพลับพลาเมื่อใด ​ชนชาติ​อิสราเอลก็ยกเดินต่อไปทุกครั้ง \v 37 ​แต่​หากว่าเมฆนั้​นม​ิ​ได้​​ถู​กยกขึ้นไป เขาก็​ไม่​ออกเดินทางเลย จนกว่าจะถึงวั​นที​่เมฆนั้นจะถูกยกขึ้นไป \v 38 เพราะตลอดทางที่เขายกเดินไปนั้น ในกลางวันเมฆของพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่เหนือพลับพลา และในตอนกลางคื​นม​ีไฟสถิตอยู่เหนือพลับพลานั้นประจั​กษ​์​แก่​ตาของวงศ์วานอิสราเอลทั้งปวง