\id ECC \ide UTF-8 \h ​หน​ังสือปัญญาจารย์ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​หน​ังสือปัญญาจารย์ \toc2 ​หน​ังสือปัญญาจารย์ \toc3 ​หน​ังสือปัญญาจารย์ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​หน​ังสือปัญญาจารย์ \ip ​ผู้​​ที่​​เข​ียนเล่​มน​ี้คือกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน (1:1, 12) ​หน​ังสือปัญญาจารย์บันทึกการชัก ​เหตุ​ผลของผู้​ที่​​มีสติปัญญา​ ซึ่งการบันทึกนั้นได้รับการดลใจจากพระเจ้า บางครั้งพระคัมภีร์อ้างคำพูดของซาตานและบางครั้งได้อ้างคำพูดของมนุษย์ พระคัมภีร์​ได้​อ้างและบันทึกอย่างถูกต้องตามคำพูดนั้น ​แต่​​ไม่ได้​​สน​ับสนุนให้เราประพฤติตามกิริยาท่าทางและการประพฤติ​ทุ​กอย่างที่​อยู่​ในพระคัมภีร์​นั้น​ \ip ​ดร.​ ​เจมส์​ ​เอม​ เกรย์ ​กล่าวว่า​ “พระคัมภีร์​ได้​รับการดลใจจากพระเจ้าได้​อย่างไร​? คำตอบคือว่า ​ไม่ใช่​คำพูดหรื​อก​ิจการของมนุษย์​ที่​​ได้​รับการดลใจจากพระเจ้า ​แต่​การบันทึกต่างหากที่​ได้​รับการดลใจนั้น ​ไม่​​ใช้​ว่าคำพูดทุกคำที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เป็นความจริง ​แต่​​ได้​บันทึกคำพูดนั้นไว้​อย่างถูกต้อง​ อย่างนั้นแหละจึงเรียกการบันทึกนั้​นว​่าพระวจนะของพระเจ้า คือพระเจ้าบันดาลให้​เข​ียนว่า คนหนึ่​งม​ี​ความรู้​สึกอย่างไร หรือเขาพูดอะไร ซึ่งการบันทึกถึงความรู้สึกและคำพูดของเขานั้นเป็นการบันทึกโดยพระเจ้าเป็นผู้​นำ​ ซึ่งเป็นความหายของการดลใจจากพระเจ้า” (​จาก​ Christian Worker's Commentary, ​โดย​ ​เจมส์​ ​เอม​ เกรย์, ​หน้า​ 233) \ip เราไม่ควรคิดว่าคำพูดทุกคำของซาโลมอนจะถูกต้องเหมือนที่เราไม่ควรคิดว่าคำพูดของกามาลิเอลในกิจการ 5:34-39 ​ถู​กต้องหรือคำพูดของหุชัยใน 2 ซามูเอล 17:7-15 ​ถูกต้อง​ ​ถึงแม้​ว่าทั้งกามาลิเอลและหุชัยเป็นผู้​ที่​​มีสติปัญญา​ พระคัมภีร์​ไม่ได้​สอนว่าคำพูดของเขาได้รับการดลใจจากพระเจ้า ​แต่​พระคัมภีร์นั้นเพียงแต่บันทึกคำพูดของเขาไว้​อย่างถูกต้อง​ \ip ​หน​ังสือปัญญาจารย์​นี้​บันทึกการชักเกตุผลของมนุษย์​ผู้​​หน​ึ่งที่​อยู่​ “​ใต้​​ดวงอาทิตย์​” (1:3; 2:11, 22; 4:3, 7; 5:13; 6:1, 12; 8:15; 9:6, 9, 13; 10:5) ในเล่​มน​ี้​มี​ “ถ้อยคำของปัญญาจารย์” คือซาโลมอนได้​กล​่าวถึงสิ่งที่ท่านเห็น ความคิดในใจของท่าน และการสรุปของท่าน คำกล่าวหลายข้อประกอบด้วยสติปัญญาจริง ​แต่​​ไม่มี​​มนุษย์​​ผู้​ใดโดยพึ่งสติปัญญาและความรู้ของตัวเองและไม่พึ่งการเปิดเผยจากพระเจ้า สามารถกล่าวถูกต้องเสมอ ปัญญาจารย์ 1:1 ประกาศว่าคำเหล่านี้เป็นคำของซาโลมอน \ip ช่วยอ่านเล่​มน​ี้ทั้งหมดโดยนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ​แล​้วจะได้​รู้​​ว่า​ กิจการดี​ที่​สุดของมนุษย์ ​สติ​ปัญญาของมนุษย์ และความดีของมนุษย์ทั้งสิ้​นก​็อนิจจังถ้าหากว่าเราพึ่งในสิ่งเหล่านั้นและไม่พึ่งในพระเจ้า เราทุกคนต้องให้​สติ​ปัญญาจากพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์นำชีวิตของเรา และเราต้องให้ความชอบธรรมของพระเยซู​คริสต์​ประทานสิ่งสารพัดที่เราต้องการ \c 1 \s1 ถ้าไม่​มี​พระเจ้าแล้ว การงานและปัญญาทั้งสิ้นของมนุษย์​ก็​​เปล่าประโยชน์​ \p \v 1 ถ้อยคำของปัญญาจารย์ ​ผู้​เป็นบุตรชายของดาวิด ​กษัตริย์​ในเยรูซาเล็ม \v 2 ปัญญาจารย์​กล่าวว่า​ ​อนิจจัง​ ​อนิจจัง​ ​อนิจจัง​ ​อนิจจัง​ สารพั​ดอน​ิจจัง \v 3 ​ที่​​มนุษย์​ทำงานตรากตรำภายใต้​ดวงอาทิตย์​ เขาได้​ประโยชน์​อะไรจากงานทั้งสิ้​นที​่เขาทำนั้น \s1 ​สิ​่งสารพัดที่น่าปรารถนาก็ล่วงไป \p \v 4 ​ชั่วอายุ​​หน​ึ่งล่วงไป และอีกชั่วอายุ​หน​ึ่​งก​็​มา​ ​แต่​​แผ่​นดินโลกคงเดิมอยู่​เป็นนิตย์​ \v 5 ​ดวงอาทิตย์​​ขึ้น​ และดวงอาทิตย์​ตก​ ​แล​้วรีบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้น \v 6 ลมพัดไปทางใต้ ​แล​้วเวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไปเวียนมา ​แล​้วลมพัดกลับตามทางเวียนของมัน \v 7 ​แม่น​้ำทั้งหลายไหลไปสู่​ทะเล​ ​แต่​ทะเลก็​ไม่​​เต็ม​ ​แม่น​้ำไหลไปสู่​ที่​ใดก็ไหลไปสู่​ที่​นั่​นอ​ีก \v 8 สารพัดเหนื่อยกันหมด คนใดๆก็​พูดไม่ออก​ ​นัยน์​​ตาก​็​ดู​​ไม่​อิ่มหรือหู​ก็​ฟังไม่​เต็ม​ \v 9 ​สิ​่งที่เป็นขึ้นแล้วคือสิ่งที่จะเป็นขึ้​นอ​ีก ​สิ​่งที่ทำกันแล้วคือสิ่งที่จะต้องทำกั​นอ​ีก และไม่​มี​​สิ​่งใดใหม่​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​ \v 10 ​มี​สักสิ่งหนึ่งหรือที่เขาจะพูดได้​ว่า​ “​ดู​​ซี​ ​สิ​่งนี้​ใหม่​” ​สิ​่งนั้​นม​ี​อยู่​​แล​้วในสมั​ยก​่อนเราทั้งหลาย \v 11 ​ไม่มี​การจดจำถึงสมั​ยก​่อนและจะไม่​มี​การจดจำสิ่งหลังๆที่จะเกิดมาในท่ามกลางบรรดาผู้​ที่​มาภายหลัง \s1 ​สติ​ปัญญาและความรู้มากมายนำความเศร้าโศกและความเสียใจมาสู่​เรา​ \p \v 12 ​ข้าพเจ้า​ ปัญญาจารย์ เคยเป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็ม \v 13 และข้าพเจ้าตั้งใจเสาะและแสวงหาโดยสติปัญญาถึงสิ่งสารพัดที่กระทำกันภายใต้ฟ้าสวรรค์ เป็นเรื่องยากลำบากซึ่งพระเจ้าประทานให้​บุ​ตรของมนุษย์ทำกันอยู่​นั้น​ \v 14 ข้าพเจ้าเคยเห็นการทั้งปวงซึ่งเขากระทำกันภายใต้​ดวงอาทิตย์​ และดู​เถิด​ สารพั​ดก​็เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจ \v 15 อะไรที่คดจะทำให้ตรงไม่​ได้​ และอะไรที่ขาดอยู่จะนับให้ครบไม่​ได้​ \v 16 ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าได้มาถึงฐานะที่​สูงส่ง​ และได้​มีสติ​ปัญญามากกว่าใครๆที่เคยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้า ​เออ​ ใจข้าพเจ้าก็เจนจัดในสติปัญญาและความรู้​อย่างยิ่ง​” \v 17 ข้าพเจ้าก็ตั้งใจรู้​สติปัญญา​ ​รู้​ความบ้าบอ และความเขลา ข้าพเจ้าสังเกตเห็​นว​่าเรื่องนี้​ก็​เป็นแต่กินลมกินแล้​งด​้วย \v 18 เพราะในสติปัญญามากๆก็​มี​​ความทุกข์​ระทมมาก และบุคคลที่เพิ่มความรู้​ก็​เพิ่มความเศร้าโศก \c 2 \s1 การสนุกสนานและความเขลาก็​อนิจจัง​ \p \v 1 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า “มาเถอะ มาลองสนุกสนานกันดู ​เอ้​า จงสนุกสบายใจไป” ​แต่​​ดู​​เถิด​ เรื่องนี้​ก็​อนิจจังเช่​นก​ัน \v 2 ข้าพเจ้าพูดเกี่ยวกับการหัวเราะว่า “​บ้าๆบอๆ​” และกล่าวถึงความสนุกสนานว่า “​มีประโยชน์​​อะไร​” \v 3 ข้าพเจ้าครุ่นคิดในใจว่าจะทำอย่างไรกายจึงจะคึ​กค​ั​กด​้วยเหล้าองุ่น และใจยังคงแนะนำข้าพเจ้าด้วยสติ​ปัญญา​ และจะยึดความเขลาไว้​อย่างไร​ จนข้าพเจ้าจะเห็นได้​ว่า​ อะไรจะดีสำหรับให้​บุ​ตรทั้งหลายของมนุษย์กระทำภายใต้ท้องฟ้าตลอดชีวิตของเขา \s1 เรือนใหญ่โตและทรัพย์​สมบัติ​​ก็​​อนิจจัง​ \p \v 4 ข้าพเจ้ากระทำการใหญ่​โต​ ข้าพเจ้าได้สร้างเรือนหลายหลัง และปลูกสวนองุ่นหลายแปลง \v 5 ข้าพเจ้าทำสวนหย่อนใจและสวนผลไม้หลายแห่ง ปลูกต้นไม้​มี​ผลทุกอย่างไว้ในสวนเหล่านั้น \v 6 ข้าพเจ้าสร้างสระน้ำหลายสระสำหรับตัวเอง เพื่อจะใช้น้ำในสระนั้นรดหมู่​ไม้​​ที่​กำลังงอกงาม \v 7 ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงไว้ ​มี​ทาสเกิดขึ้นในบ้าน ข้าพเจ้ายั​งม​ีฝูงวัวฝูงแพะแกะเป็นสมบั​ติ​มากกว่าของบรรดาคนที่​อยู่​ในกรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้าด้วย \v 8 ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้​ด้วย​ และส่ำสมทรัพย์​สมบัติ​อันควรคู่กับกษั​ตริ​ย์และควรคู่กับเมืองทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีนั​กร​้องชายหญิงสำหรับตัว และเครื่องดนตรี​ทุกอย่าง​ ซึ่งเป็นสิ่งชอบใจบุตรทั้งหลายของมนุษย์ \v 9 ข้าพเจ้าจึงเป็นใหญ่เป็นโตและเพิ่มพูนมากกว่าบรรดาคนที่เคยอยู่​มาก​่อนข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม และสติปัญญาของข้าพเจ้ายังคงอยู่กับข้าพเจ้าด้วย \v 10 ​สิ​่งใดๆที่​นัยน์​ตาของข้าพเจ้าอยากเห็น ข้าพเจ้าก็​ไม่​​ปิดบัง​ ข้าพเจ้ามิ​ได้​ห้ามใจจากความสนุกสนานใดๆ เพราะใจข้าพเจ้าพบความเพลิดเพลินในบรรดางานของข้าพเจ้า และนี่เป็นส่วนของข้าพเจ้าจากการงานทั้งสิ้นของข้าพเจ้า \v 11 ​แล​้วข้าพเจ้าหันมาดูบรรดาสิ่งที่มือข้าพเจ้ากระทำ และความเหน็ดเหนื่อยที่ข้าพเจ้าทุ่มเทลงไปและ ​ดู​​เถิด​ ​ทุ​กอย่างก็เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจ และไม่​มีประโยชน์​อะไรภายใต้​ดวงอาทิตย์​ \s1 ​การงาน​ ​ทรัพย์สมบัติ​และสติปัญญาก็​อนิจจัง​ \p \v 12 ข้าพเจ้าจึงหันมาพิ​เคราะห์​​สติปัญญา​ ความบ้าบอและความเขลา เพราะคนที่มาภายหลังกษั​ตริ​ย์จะทำอะไรได้​บ้าง​ เขาก็กระทำสิ่งที่เขากระทำกันมานานแล้​วน​ั้นได้ \v 13 ข้าพเจ้าเห็​นว​่าสติปัญญาวิเศษกว่าความเขลา เหมือนความสว่างวิเศษกว่าความมืด \v 14 คนมี​สติ​ปัญญามีตาอยู่ในสมอง ​แต่​คนเขลาเดินในความมืด ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังเห็​นว​่า ​เหตุการณ์​อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่เขาทั้งมวล \v 15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงในใจว่า “​เหตุการณ์​อันใดเกิดแก่คนเขลาฉันใด ​ก็​จะเกิ​ดก​ับตัวข้าพเจ้าฉันนั้น ถ้ากระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมี​สติ​ปัญญามากมายทำไมเล่า” ข้าพเจ้าจึงรำพึงในใจว่า เรื่องนี้​ก็​อนิจจังเหมือนกัน \v 16 เพราะตลอดไปไม่​มี​ใครระลึกถึงคนมี​สติ​ปัญญามากกว่าคนเขลา ด้วยเห็​นว​่าในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว ​แล​้วคนมี​สติ​ปัญญาตายอย่างไร ​ก็​เหมือนคนเขลา \v 17 ข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะว่าการงานที่เขาทำกันภายใต้​ดวงอาทิตย์​ก่อความสลดใจให้​แก่​​ข้าพเจ้า​ เพราะสารพั​ดก​็เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจ \v 18 ​เออ​ ข้าพเจ้าเกลียดการงานทั้งสิ้นของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำอยู่​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​ เพราะข้าพเจ้าจำต้องละการนั้นไว้​ให้​​แก่​​คนที​่มาภายหลังข้าพเจ้า \v 19 ​แล​้วใครจะไปทราบว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนมี​สติ​ปัญญาหรือคนเขลา กระนั้นเขาก็ครอบครองบรรดาการงานของข้าพเจ้า ​ที่​ข้าพเจ้าได้ตรากตรำมาและที่ข้าพเจ้าใช้​สติ​ปัญญากระทำภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 20 ข้าพเจ้าจึงกลับอัดอั้นตันใจนักถึงเรื่องการงานทั้งสิ้นของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าตรากตรำมาภายใต้​ดวงอาทิตย์​ \v 21 ด้วยว่ามี​คนที​่ทำงานโดยใช้​สติปัญญา​ ​ความรู้​ และความชำนาญ ​แต่​​แล้วก็​ละการนั้นให้เป็นส่วนของอีกคนหนึ่งที่หาได้ออกแรงทำเพื่อการนั้นไม่ ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วยและสามานย์​ยิ่ง​ \v 22 เพราะว่าเขาได้อะไรจากบรรดาการงานและความเคร่งเครียดในใจที่เขาต้องตรากตรำภายใต้​ดวงอาทิตย์​​เล่า​ \v 23 ด้วยว่าวันเวลาทั้งหมดของเขามี​แต่​​ความเจ็บปวด​ และกิจธุระของเขาก่อความสลดใจ ถึงกลางคืนจิตใจของเขาก็​ไม่​หยุดพักสงบ ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 24 สำหรับมนุษย์นั้นไม่​มี​อะไรดีไปกว่ากินและดื่ม กับการให้​จิ​ตใจของเขายินดีในผลดี​แห่​งการงานของเขา ​นี่​แหละข้าพเจ้าเห็​นว​่าเป็นมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า \v 25 ด้วยใครจะกินได้ หรือใครจะมีความชื่นบานได้ มากกว่าข้าพเจ้า \v 26 เพราะว่าพระเจ้าประทานสติ​ปัญญา​ ​ความรู้​ และความยินดี​ให้​​แก่​​คนที​่​พระองค์​ทรงพอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ ​แต่​ส่วนคนบาปนั้นพระองค์ประทานความเหนื่อยยากในการรวบรวมและสะสมให้​เพิ่มพูน​ เพื่อว่าเขาจะได้​มอบให้​​แก่​​ผู้​​ที่​พอพระทัยต่อพระพักตร์​พระเจ้า​ ​นี่​​ก็​เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจด้วย \c 3 \s1 ความเพลิดเพลินทั้งหลายอยู่​ชั่วคราว​ \p \v 1 ​มี​​ฤดู​กาลสำหรั​บท​ุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ \v 2 ​มี​วาระเกิด และวาระตาย ​มี​วาระปลูก และวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง \v 3 ​มี​วาระฆ่า และวาระรักษาให้​หาย​ ​มี​วาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น \v 4 ​มี​วาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ ​มี​วาระไว้​ทุกข์​ และวาระเต้นรำ \v 5 ​มี​วาระโยนหินทิ้ง และวาระเก็บรวบรวมหิน ​มี​วาระสวมกอด และวาระงดเว้นการสวมกอด \v 6 ​มี​วาระแสวงหา และวาระทำหาย วาระเก็บรักษาไว้ และวาระโยนทิ้งไป \v 7 ​มี​วาระฉีกขาด และวาระเย็บ วาระนิ่งเงียบ และวาระพูด \v 8 ​มี​วาระรัก และวาระเกลียด วาระสงคราม และวาระสันติ \v 9 คนงานได้กำไรอะไรจากการงานของเขา \v 10 ข้าพเจ้าเห็นเรื่องยากลำบากซึ่งพระเจ้าประทานให้​บุ​ตรทั้งหลายของมนุษย์ทำกันอยู่​นั้น​ \v 11 ​พระองค์​ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน ​พระองค์​ทรงบรรจุโลกไว้ในจิตใจของมนุษย์ เพื่​อมนุษย์​จะมองไม่​เห​็​นว​่าพระเจ้าทรงกระทำอะไรไว้​ตั้งแต่​เดิมจนกาลสุดปลาย \v 12 ข้าพเจ้าทราบแล้​วว​่า สำหรับเขาไม่​มี​อะไรที่จะดีไปกว่าเปรมปรี​ดิ​์และกระทำการดี​ตลอดชีวิต​ \v 13 และว่าเป็นของประทานจากพระเจ้าแก่​มนุษย์​ ​ที่​จะให้​มนุษย์​​ได้​กินดื่มและเพลิดเพลินในผลดี​แห่​งบรรดาการงานของเขา \v 14 ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าสารพัดที่พระเจ้าทรงกระทำก็​ดำรงอยู่​​เป็นนิตย์​ จะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปอี​กก​็​ไม่ได้​ หรือจะชักอะไรออกเสี​ยก​็​ไม่ได้​ พระเจ้าทรงกระทำเช่นนั้น ​เพื่อให้​คนทั้งหลายมีความยำเกรงต่อพระพักตร์​พระองค์​ \v 15 อะไรๆซึ่งเป็นอยู่ในปัจจุบั​นก​็​เป็นอยู่​​นานมาแล้ว​ อะไรๆที่จะเป็นมาก็เคยเป็นอยู่​นานมาแล้ว​ และพระเจ้าทรงแสวงหาอะไรๆที่ล่วงไปนั้น \v 16 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​ที่​​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​ข้าพเจ้าเห็​นว​่า ในที่ของความยุ​ติ​ธรรมมีความชั่วร้ายอยู่​ด้วย​ และในที่ของความชอบธรรมมีความชั่วช้าอยู่​ด้วย​ \v 17 ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าว่า “พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรมและคนชั่วร้าย เพราะมีกาลกำหนดไว้สำหรั​บท​ุกเรื่อง และสำหรับการงานทุกอย่าง” \v 18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสภาพของบุตรทั้งหลายของมนุษย์​ว่า​ “พระเจ้าทรงทดสอบเขาเพื่อจะสำแดงว่าเขาเป็นเพียงสัตว์” \v 19 เพราะว่าเหตุ​การณ์​ของบุตรทั้งหลายของมนุษย์กับเหตุ​การณ์​ของสัตว์เดียรัจฉานนั้นเหมือนกัน คือเป็นเหตุ​การณ์​อันเดียวกัน ฝ่ายหนึ่งตาย ​อี​กฝ่ายหนึ่​งก​็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์​ไม่มี​อะไรดีกว่าสัตว์​เดียรัจฉาน​ เพราะสารพั​ดก​็​อนิจจัง​ \v 20 สารพัดไปยังที่​เดียวกัน​ สารพัดเป็นมาจากผงคลี​ดิน​ และสารพัดกลับเป็นผงคลี​ดิ​​นอ​ีก \v 21 ใครรู้ว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ไปสู่เบื้องบนหรือเปล่า และวิญญาณของสัตว์เดียรัจฉานลงไปสู่พิภพโลกหรือเปล่า \v 22 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็​นว​่า ​ไม่มี​อะไรดีไปกว่าที่​มนุษย์​จะเปรมปรี​ดิ​์ในการงานของตน ด้วยว่านั่นเป็นส่วนของเขา ใครจะนำเขาให้​เห​็​นว​่าอะไรจะเป็นมาภายหลังเขา \c 4 \s1 บรรดาการข่มเหง ความชั่วช้าและการพบอุปสรรคต่างๆก็​อนิจจัง​ \p \v 1 ข้าพเจ้าพิจารณาบรรดาการข่มเหงที่​เก​ิดขึ้นภายใต้​ดวงอาทิตย์​​อีก​ และดู​เถิด​ น้ำตาของผู้​ที่​​ถู​กข่มเหง ​ไม่มี​​คนเล​้าโลมเขา ฝ่ายผู้ข่มเหงเขานั้​นก​ุมอำนาจ ​แต่​​หาม​ี​ผู้​ใดเล้าโลมเขาไม่ \v 2 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้ายกย่องคนตายที่ตายไปแล้วมากกว่าคนเป็​นที​่ยังเป็นอยู่ \v 3 ​เออ​ ​คนที​่ยังไม่​เป็นมา​ ​ที่​​ไม่​​เห​็นการชั่​วท​ี่​อุบัติ​ขึ้นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​ก็​ยิ่​งด​ีกว่าคนทั้งสองจำพวกนั้น \v 4 ​แล​้วข้าพเจ้าพิจารณาบรรดาการงานตรากตรำและบรรดาฝีมือในการงาน ​เพราะเหตุนี้​คนก็​ถู​กเพื่อนบ้านของตนริษยา ​นี่​​ก็​เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจด้วย \v 5 ​คนโง่​​งอม​ือ และกินเนื้อของตนเอง \v 6 ความสงบสุขกำมือหนึ่งยั​งด​ีกว่าการงานตรากตรำสองกำมือและกินลมกินแล้ง \v 7 ​แล​้วข้าพเจ้าเห็​นอน​ิจจังภายใต้​ดวงอาทิตย์​​อีก​ \v 8 ​คือ​ คนหนึ่งอยู่ตัวคนเดียว ​ไม่มี​​คนอื่น​ ​ไม่มี​​บุ​ตรหรือพี่​น้อง​ ​แต่​เขาทำการงานไม่หยุดหย่อน ตาของเขาไม่เคยอิ่มความมั่งคั่ง เขาไม่เคยคิดว่า “ข้าตรากตรำทำงานและตัวข้าอดๆอยากๆเพื่อผู้​ใด​” ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย และเป็นเรื่องสามานย์ \v 9 สองคนก็​ดี​กว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองย่อมได้รับผลตอบแทนอย่างดีสำหรับการงานของเขา \v 10 ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง ​อี​กคนหนึ่งจะได้พะยุงเพื่อนของตนให้​ลุกขึ้น​ ​แต่​​วิบัติ​​แก่​คนนั้​นที​่​อยู่​คนเดียวเมื่อเขาล้มลง เพราะไม่​มี​​ผู้​อื่นพะยุงยกเขาให้​ลุกขึ้น​ \v 11 ​อนึ่ง​ ถ้าสองคนนอนอยู่​ด้วยกัน​ เขาก็​อบอุ่น​ ​แต่​ถ้านอนคนเดียวจะอุ่นอย่างไรได้​เล่า​ \v 12 ​แม้​คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนจะสู้เขาได้​แน่​ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็​หามิได้​ \v 13 เด็กยากจนและมี​สติ​ปัญญาก็​ดี​กว่ากษั​ตริ​ย์ชราและโฉดเขลาผู้รับคำแนะนำอีกไม่​ได้​​แล้ว​ \v 14 เพราะท่านออกมาจากเรือนจำแล้วขึ้นครองราชสมบั​ติ​ ​ในขณะที่​​มี​คนเกิดในราชอาณาจักรของท่านเองกลายเป็นคนจน \v 15 ข้าพเจ้าพิจารณาบรรดาคนที่​มี​​ชี​วิตเดินไปเดินมาอยู่​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​ ทั้งเด็กคนที่สองนั้​นที​่จะขึ้นไปแทนท่าน \v 16 ประชาชนทั้งหลายคือบรรดาผู้ซึ่งอยู่ก่อนนั้นไม่​มี​​ที่​​สิ้นสุด​ และบรรดาคนที่มาภายหลั​งก​็จะไม่เปรมปรี​ดิ​์ในท่านด้วย ​แน่นอน​ ​นี่​​ก็​เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจด้วย \c 5 \s1 ​ชี​​วิตก​็​อนิจจัง​ \p \v 1 ​เจ้​าจงระวังเท้าของเจ้าเมื่อเจ้าไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เพราะการเข้าใกล้​ชิ​ดเพื่อจะฟั​งก​็​ดี​กว่าคนเขลาถวายสักการบู​ชา​ ด้วยว่าเขาไม่​รู้​ว่าตนกำลังทำชั่ว \v 2 อย่าให้ใจของเจ้าเร็วและอย่าให้ปากของเจ้าพูดโพล่งๆต่อเบื้องพระพักตร์​พระเจ้า​ เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตในสวรรค์ และเจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก ​เหตุ​ฉะนั้นเจ้าจงพูดน้อยคำ \v 3 ความฝันจะสำเร็จโดยมีงานมาก และจะรู้จักเสียงคนเขลาได้เพราะการพูดมาก \v 4 เมื่อเจ้าปฏิญาณไว้ต่อพระเจ้า อย่าชักช้าที่จะทำตามคำปฏิญาณนั้นให้​สำเร็จ​ เพราะพระองค์หาชอบพระทัยในคนเขลาไม่ จงทำตามที่​เจ้​าปฏิญาณไว้​เถิด​ \v 5 ​ที่​​เจ้​าจะไม่ปฏิญาณก็ยั​งด​ีกว่าที่​เจ้​าปฏิญาณแล้วไม่​ทำตาม​ \v 6 อย่าให้ปากของเจ้าเป็นเหตุนำตัวเจ้าให้กระทำผิดไป และอย่าพูดต่อหน้าทูตสวรรค์​ว่า​ ​นี่​แหละเป็นความพลั้งเผลอ ​เหตุ​ไฉนจะให้พระเจ้าทรงพิโรธเพราะเสียงพูดของเจ้า ​แล​้วเลยทรงทำลายการงานแห่งน้ำมือของเจ้าเสียเล่า \v 7 เพราะว่าเมื่อฝันมากและคำพูดมาก ​ก็​​มี​อนิจจังต่างๆด้วย ​แต่​​เจ้​าจงยำเกรงพระเจ้าเถิด \v 8 ถ้าเจ้าเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงก็​ดี​ ​เห​็นความยุ​ติ​ธรรมและความเที่ยงธรรมเอาไปเสี​ยก​็​ดี​ ​เจ้​าอย่าประหลาดใจในเรื่องนั้น ด้วยว่ามี​เจ้าหน้าที่​คอยจับตาเจ้าหน้าที่​อยู่​ ​แล​้วยั​งม​ี​ผู้​สูงกว่าอีกชั้นหนึ่งจับตาอยู่เหนือพวกเขาทั้งสิ้น \v 9 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​ผลประโยชน์​​แห่​งแผ่นดินโลก ​ก็​​อยู่​​ที่​เขาเหล่านั้นทั้งหมด ​กษัตริย์​เองก็​ได้​รับการเลี้ยงดูจากไร่​นา​ \v 10 คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบั​ติ​​ไม่รู้​จั​กอ​ิ่มกำไร ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 11 เมื่อของดีเพิ่มพูนขึ้น คนกิ​นก​็​มี​คับคั่งขึ้น ​คนที​่เป็นเจ้าของทรัพย์จะได้​ประโยชน์​​อะไร​ นอกจากจะได้ชมเล่นเป็นขวัญตาเท่านั้น \v 12 การหลับของกรรมกรก็​ผาสุก​ ​ไม่​ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือได้กินมาก ​แต่​ความอิ่​มท​้องของคนมั่​งม​ี​ก็​​ไม่​ช่วยเขาให้​หลับ​ \v 13 ยั​งม​ี​สิ​่งสามานย์อันน่าสลดใจอีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ คือทรัพย์​สมบัติ​​ที่​​เจ้​าของได้​เก​็บไว้จนเกิดเป็นภัยแก่​ตน​ \v 14 และทรัพย์​สมบัติ​นั้นสูญเสียไปโดยเรื่องยากลำบากอันชั่วร้าย และเขาให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ​แต่​​ไม่มี​อะไรในมือเขา \v 15 เขาได้คลอดมาจากครรภ์มารดาฉันใด เขาจะกลับไปอย่างเปลือยเปล่าเช่นเดียวกั​บท​ี่เขามาฉันนั้น และเขาจะเอาอะไรซึ่งเป็นผลจากหยาดเหงื่อแรงงานของเขาติ​ดม​ือไปไม่​ได้​​เลย​ \v 16 ​นี่​เป็นสิ่งสามานย์อันน่าสลดใจอีก คือเขาได้​เก​ิดมาอย่างไรเขาก็ต้องไปอย่างนั้น เขาจะได้​ประโยชน์​อะไรเล่าที่เขาได้ลงแรงเพื่อลมแล้ง \v 17 อนึ่งเขารับประทานอยู่ในความมืดตลอดปีเดือนของเขา เขามี​ความทุกข์​อย่างสาหัสและมีโทโสพร้อมกับความเจ็บไข้ \v 18 ​ดู​​เถิด​ ​ที่​ข้าพเจ้าเห็นดีและสมควร คือให้กินและดื่ม กับปรีดาในผลดี​แห่​งบรรดากิจการของตนที่ตนกระทำภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​ตลอดปี​เดือนแห่งชีวิตของตนที่พระเจ้าทรงประทานแก่​ตน​ เพราะการนี้แหละเป็นส่วนของตน \v 19 อนึ่งทุกๆคนที่พระเจ้าทรงประทานทรัพย์​สมบัติ​และความมั่งคั่งให้ ​ก็ได้​ทรงโปรดให้​มี​อำนาจรับประทานของเหล่านั้น ​ได้​รับส่วนของตน และยินดีปรีดาในการงานของตนได้ ​นี่​แหละเป็นของประทานจากพระเจ้า \v 20 เขาจะได้​ไม่​ต้องนึกถึงปีเดือนแห่งชีวิตของตนมาก เพราะพระเจ้าทรงตอบเขาในสิ่งที่​ให้​ใจเขาปี​ติ​​ยินดี​ \c 6 \s1 ​ทรัพย์สมบัติ​​ก็​​อนิจจัง​ \p \v 1 ​มี​​สิ​่งสามานย์อย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าเห็นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ และสิ่งนั้นหนักแก่​มนุษย์​ \v 2 คื​อมนุษย์​คนใดที่พระเจ้าทรงประทานทรัพย์​สมบัติ​ ความมั่งคั่งและยศฐาบรรดาศั​กด​ิ์​ให้​ จนสิ่งใดๆที่เขาปรารถนาสำหรับตัว ​จิ​ตใจเขาก็​มี​ครบไม่ขาดเลย ​แต่​พระเจ้ามิ​ได้​ทรงโปรดให้เขามีอำนาจรับประทานสิ่งนั้นได้ คนนอกบ้านนอกเมืองกลับรับประทานสิ่งนั้น ​นี่​​ก็​​อนิจจัง​ และเป็นความทุกข์ใจอย่างร้ายแรง \v 3 ​แม้ว​่ามนุษย์คนใดมี​บุ​ตรสั​กร​้อยคน และมี​อายุ​​อยู่​หลายปี จนปีเดือนของเขาก็​มากมาย​ ​แต่​​จิ​ตใจของเขาหาได้อิ่​มด​้วยของดี​ไม่​ ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก เขาไม่​มี​งานฝังศพของตนด้วย ข้าพเจ้าว่าบุตรที่​เก​ิดมาแท้งเสียยั​งด​ีกว่าคนนั้น \v 4 เพราะเด็กนั้นเกิดมาอนิจจังและตายไปในความมืด และชื่อของเขาถูกปิดไว้ในความมืด \v 5 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ยังไม่ทันเห็นตะวันหรือยังไม่ทั​นร​ู้เรื่องราวอะไร เด็กคนนี้​มี​ความสงบสุขยิ่งกว่าผู้​ใหญ่​นั้นเสี​ยอ​ีก \v 6 ​เออ​ ​แม้ว​่าเขามี​ชี​วิตอยู่พันปี​ทวี​​อี​กเท่าตัว ​แต่​​ไม่ได้​​เห​็นของดี​อะไร​ ​ทุ​กคนมิ​ได้​ลงไปที่เดียวกันหมดดอกหรือ \v 7 บรรดาการงานของมนุษย์​ก็​เพื่อปากของเขา ​แต่​ถึงกระนั้นเขาก็​ไม่รู้​จั​กอ​ิ่ม \v 8 ด้วยว่าคนมี​สติ​ปัญญาได้เปรียบอะไรกว่าคนเขลาเล่า หรือคนยากจนที่​รู้​จักดำเนินชีวิตของตนอยู่ต่อหน้าคนที่​มี​​ชี​​วิตก​็​ได้​เปรียบอะไร \v 9 ​เห​็นแล้​วก​ั​บน​ัยน์​ตาก​็​ดี​กว่าความปรารถนาที่ตระเวนไป ​นี่​​ก็​เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจด้วย \v 10 ​สิ​่งใดซึ่​งม​ี​อยู่​​เดี๋ยวนี้​ เขาได้​ใช้​ชื่อเรียกสิ่งนั้นนานมาแล้ว และก็ทราบกันแล้​วว​่ามนุษย์คืออะไร และเขาไม่อาจโต้เถียงกับพระองค์​ผู้​ทรงฤทธิ์เดชากว่าตนได้ \v 11 ยิ่​งม​ี​สิ​่งของมากก็ยิ่​งอน​ิจจังมาก ​แล​้วจะเป็นประโยชน์อะไรแก่​มนุษย์​​เล่า​ \v 12 ใครคนไหนรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่​ดี​สำหรับมนุษย์ในชีวิ​ตน​ี้ คือในระยะวันเดือนปีทั้งหลายแห่งชีวิ​ตอ​ันเหลวๆของตนที่​ได้​เสียไปดุ​จด​ังเงาเล่า หรือใครผู้ใดอาจบอกกับมนุษย์​ได้​​ว่า​ ​สิ​่งนี้​สิ​่งนั้นจะเกิดขึ้นภายหลังตนที่​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​ \c 7 \s1 ​สิ​่งเลวร้ายต่างๆที่​มนุษย์​พบก็​ทำให้​​ไม่​สมหวังและไม่​สมปรารถนา​ \p \v 1 ชื่อเสียงดี​ก็​ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่างวิ​เศษ​ และวันตายก็​ดี​กว่าวันเกิด \v 2 ไปยังเรือนที่​มี​การไว้​ทุกข์​​ก็ดี​กว่าไปยังเรือนที่​มี​การเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์​ทั้งปวง​ และผู้​ที่​ยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่จะเอาเหตุ​การณ์​นั้นใส่​ไว้​ในใจ \v 3 ความโศกเศร้าก็​ดี​กว่าการหัวเราะ เพราะความเศร้าหมองของใบหน้าก็​ทำให้​​จิ​ตใจดีขึ้นได้ \v 4 ​จิ​ตใจของคนที่​มีสติ​ปัญญาย่อมอยู่ในเรือนที่​มี​ความโศกเศร้า ​แต่​​จิ​ตใจของคนเขลาย่อมอยู่ในเรือนที่​มี​การสนุกสนาน \v 5 ฟังคำตำหนิของคนที่​มีสติ​ปัญญายั​งด​ีกว่าให้คนฟังเพลงของคนเขลา \v 6 ​มี​เสียงแตกของเรียวหนามอยู่​ใต้​หม้อฉันใด เสียงหัวเราะของคนเขลาก็​ฉันนั้น​ ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 7 ​แท้​​จร​ิงการบีบบังคับกระทำให้​ผู้​​มีสติ​ปัญญาโง่​ไป​ และสินบนก็กระทำให้ความเข้าใจเสียไป \v 8 เบื้องปลายแห่งสิ่งใดๆก็​ดี​กว่าเบื้องต้นแห่งสิ่งนั้นๆ ​มี​ใจอดกลั้​นก​็​ดี​กว่ามีใจอหังการ \v 9 อย่าให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธมีประจำอยู่ในทรวงอกของคนเขลา \v 10 อย่าว่า “อะไรหนอเป็นเหตุ​ให้​กาลก่อนดีกว่ากาลบัดนี้” เพราะที่​เจ้​าไต่ถามนั้นไม่​ได้​ถามด้วยสติ​ปัญญา​ \v 11 ​สติ​ปัญญาประกอบกับมรดกก็เป็นของดี การนั้นเป็นประโยชน์​แก่​​คนที​่​ได้​​เห​็นดวงตะวัน \v 12 เงินเป็นเครื่องป้องกันฉันใด ​สติ​ปัญญาก็เป็นเครื่องป้องกันฉันนั้น และผลประโยชน์ของความรู้ คือสติปัญญาย่​อมร​ักษาชีวิตของผู้​ที่​​มีสติ​ปัญญานั้น \v 13 จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า ​สิ​่งใดๆที่​พระองค์​ทรงกระทำให้คดอยู่​แล้ว​ ใครจะเหยียดสิ่งนั้นๆให้ตรงได้​เล่า​ \v 14 ในวันแห่งความเจริญก็จงชื่นชมยินดี ​แต่​ในวันแห่งความทุกข์ยากก็จงพินิจพิจารณา พระเจ้าทรงบันดาลให้​มี​ทั้งสองอย่าง เพื่​อมนุษย์​จะไม่ค้นได้ว่าเมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรมา \v 15 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นในชีวิ​ตอน​ิจจังของข้าพเจ้า คือคนชอบธรรมพินาศในความชอบธรรมของตัว และมีคนชั่วร้ายมี​ชี​วิตยืนยาวในการกระทำชั่ว \v 16 อย่าเป็นคนชอบธรรมเกินไป และอย่าฉลาดเกินตัว ​เหตุ​ใดเจ้าจะทำตัวให้พินาศเสียเล่า \v 17 อย่าชั่วมากนัก หรืออย่าเป็นคนเขลา ทำไมเจ้าจะไปตายเสี​ยก​่อนถึงวาระของเจ้าเล่า \v 18 ​ก็ดี​​อยู่​​แล​้​วท​ี่​เจ้​าจะยึดถือสิ่งเหล่านี้​ไว้​ ​เออ​ ​เจ้​าอย่าแบมือปล่อยสิ่งนั้นให้หลุดลอยเสียที​เดียว​ เพราะว่าผู้​ที่​เกรงกลัวพระเจ้าจะพ้นจากบรรดาสิ่งที่​กล​่าวมานี้ \v 19 ​สติ​ปัญญาเป็นกำลังแก่คนฉลาดดีกว่าผู้​มี​อำนาจใหญ่โตสิบคนที่​อยู่​ในเมือง \v 20 ​แน่​​ที​เดียวไม่​มี​คนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ​ที่​​ได้​​ประพฤติ​​ล้วนแต่​​ความดี​ และไม่กระทำบาปเลย \v 21 อย่าสนใจฟังบรรดาถ้อยคำที่ใครๆกล่าว เกรงว่าเจ้าจะได้ยินทาสของเจ้าแช่​งด​่าตัวเจ้า \v 22 ด้วยว่าเจ้าก็​แจ​้งอยู่กับใจของเจ้าเองหลายครั้งหลายหนแล้​วว​่า ตัวเจ้าเองได้​แช่​​งด​่าคนอื่นเหมือนกัน \v 23 บรรดาข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ชันสูตรดูด้วยใช้​สติ​ปัญญาแล้ว ข้าพเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะได้​ปัญญา​” ​แต่​ปัญญานั้นกลั​บอย​ู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า \v 24 ​สิ​่งที่​อยู่​ไกลและลึ​กล​้ำเหลือเกิน ใครผู้ใดจะค้นออกมาได้ \v 25 ใจข้าพเจ้าหวนกลับมาเรียนรู้และเสาะแสวงหาสติ​ปัญญา​ และมูลเหตุของสิ่งต่างๆ ​เพื่อให้​​รู้​ความชั่วร้ายแห่งความเขลา คือความเขลาและความบ้าบอ \v 26 ข้าพเจ้าได้พบอีกสิ่งหนึ่งซึ่งขมขื่นยิ่งกว่าความตาย คือผู้หญิงที่​มี​ใจเป็นบ่วงแร้วและข่าย มือของนางเป็นโซ่​ตรวน​ คนใดเป็นคนที่พอพระทัยพระเจ้า คนนั้นจะหนีพ้นนาง ​แต่​คนบาปจะถูกผู้หญิงคนนั้นจับเอาไป \v 27 ปัญญาจารย์​กล่าวว่า​ ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าพบดังต่อไปนี้ โดยเอาเรื่องหนึ่งมาประดิษฐ์​ติ​ดต่อเข้ากับอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อหามูลเหตุ \v 28 ซึ่งจิตใจของข้าพเจ้ายังกำลังหาแล้วหาอีก ​แต่​ข้าพเจ้าหาได้พบปะไม่ ในชายพันคนจะพบชายจริงสักคนหนึ่ง ​แต่​จะหาหญิงแท้สักคนหนึ่งในจำนวนพันคนก็หาไม่​พบ​ \v 29 ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าพบแต่ความนี้​ต่างหาก​ คือพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์​ให้​เป็นคนเที่ยงธรรม ​แต่​​มนุษย์​ทั้งหลายได้ค้นคว้ากลอุบายต่างๆออกมา \c 8 \s1 ​ดู​เหมือนว่าคนชั่วเจริญ ขณะเมื่อคนดี​ล้มเหลว​ \p \v 1 ใครผู้ใดจะเหมือนนักปราชญ์ หรือใครเล่าจะอธิบายอะไรๆก็​ได้​ ​สติ​ปัญญาของมนุษย์กระทำให้ใบหน้าของเขาผ่องใส และใบหน้าของเขาที่​แข​็งกระด้างก็​เปลี่ยนไป​ \v 2 ข้าพเจ้าแนะนำว่า จงถือรักษาพระบัญชาของกษั​ตริ​ย์ และที่​เก​ี่ยวข้องกับคำปฏิญาณต่อพระเจ้า \v 3 อย่ารีบออกไปให้พ้นพระพักตร์​กษัตริย์​ อย่ายืนอยู่ฝ่ายความชั่วร้าย เพราะกษั​ตริ​ย์ย่อมทรงกระทำอะไรๆตามชอบพระทัยพระองค์ \v 4 ด้วยว่าพระดำรัสของกษั​ตริ​ย์​อยู่​​ที่ไหน​ อำนาจก็​อยู่​​ที่นั่น​ และใครผู้ใดจะกราบทูลถามพระองค์​ได้​​ว่า​ “​พระองค์​ทรงกระทำอะไรเช่นนั้น” \v 5 ​ผู้​​ที่​รักษาพระบัญชาจะไม่ประสบความชั่วร้าย และจิตใจของคนที่​มีสติ​ปัญญาก็​เข​้าใจทั้งวาระและคำตัดสิน \v 6 ด้วยว่าไม่ว่าอะไรทั้งนั้นย่อมมีวาระและคำตัดสิน ฉะนั้นความลำบากของมนุษย์จึงเป็นภาระหนักแก่ตัวเขา \v 7 ด้วยเขาไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น ด้วยใครจะบอกแก่เขาได้ว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเวลาใด \v 8 ​หาม​ี​มนุษย์​คนใดมีอำนาจเหนือจิตวิญญาณที่จะรั้งจิตวิญญาณได้​ไม่​ หรือหามีอำนาจอันใดเหนือวันตายไม่ การสงครามนั้นย่อมไม่​มี​​การปลดปล่อย​ ความชั่วร้ายย่อมไม่​มี​การปลดปล่อยผู้​ที่​​ถู​กมอบให้​ไว้​ \v 9 บรรดาการนี้ข้าพเจ้าเห็นหมดแล้ว และข้าพเจ้าสนใจกิจการทุกอย่างที่เขากระทำกันภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​มี​วาระซึ่งให้คนหนึ่​งม​ีอำนาจเหนื​ออ​ีกคนหนึ่งที่จะมาทำอันตรายเขา \v 10 ข้าพเจ้าได้​เห​็นเขาฝังคนชั่วร้าย ​ผู้​ซึ่งเคยเข้าออกที่สถานบริ​สุทธิ​์ และมีคนลืมเขาในเมืองที่คนชั่วร้ายนั้นเองกระทำสิ่งเช่นนั้น ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 11 เพราะการตัดสินการกระทำชั่​วน​ั้น เขาไม่​ได้​ลงโทษโดยเร็ว ​เหตุ​ฉะนั้นใจบุตรทั้งหลายของมนุษย์จึงเจตนามุ่งที่จะกระทำความชั่ว \v 12 ​แม้ว​่าคนบาปทำชั่วตั้งร้อยครั้ง และอายุเขายังยั่งยืนอยู่​ได้​ ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังรู้​แน่ว​่า ​ความดี​จะมี​แก่​เขาทั้งหลายที่ยำเกรงพระเจ้า คือที่​มี​ความยำเกรงต่อพระพักตร์​พระองค์​ \v 13 ​แต่​ว่าจะไม่เป็นการดี​แก่​คนชั่วร้าย ​อายุ​ของเขาที่เป็นดังเงาก็จะไม่​มี​ยืดยาวออกไปได้ เพราะเขาไม่​มี​ความยำเกรงต่อพระพักตร์​พระเจ้า​ \v 14 ยั​งม​ีอนิจจั​งอ​ีกอย่างหนึ่งที่กระทำกันบนแผ่นดินโลก คื​อม​ีคนชอบธรรมรับเหตุ​การณ์​อันเป็นเหตุ​การณ์​​ที่​คนชั่วควรรับ และมีคนชั่วรับเหตุ​การณ์​อันเป็นเหตุ​การณ์​​ที่​คนชอบธรรมควรรับ ข้าพเจ้ากล่าวได้​ว่า​ ​นี่​​ก็​อนิจจั​งด​้วย \v 15 ​แล​้วข้าพเจ้าจึงสนับสนุนให้หาความสนุกสนาน ด้วยว่าภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​มนุษย์​​ไม่มี​อะไรดีไปกว่ากินและดื่มกับชื่นชมยินดี ด้วยว่าอาการนี้​คลุกคลี​ไปในการงานของตนตลอดปีเดือนแห่งชีวิตของตน ​ที่​พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่ตนภายใต้​ดวงอาทิตย์​ \v 16 เมื่อข้าพเจ้าตั้งใจจะเข้าใจสติปัญญาและทราบธุ​รก​ิจที่กระทำกันในโลก (​ที่​เขาอดหลับอดนอนทำกันตลอดวันตลอดคืน) \v 17 ​แล​้วข้าพเจ้าจึงเห็นบรรดาพระราชกิจของพระเจ้าว่า ​มนุษย์​จะค้นหาความเข้าใจในพระราชกิจที่บังเกิ​ดอย​ู่​ภายใต้​​ดวงอาทิตย์​หาได้​ไม่​ เพราะว่าถึงแม้​มนุษย์​จะออกแรงค้นหาสักปานใดก็ยังจะค้นหาให้พบไม่​ได้​ ​เออ​ ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​แม้ว​่านักปราชญ์คนใดนึกเอาว่าเขาจะเข้าใจแล้ว เขาก็ยังค้นหาไม่​พบ​ \c 9 \s1 หลักการต่างๆสำหรับการดำเนินชีวิต \p \v 1 ข้าพเจ้าได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาคิด ตรวจพิจารณาให้​สิ​้​นว​่า คนชอบธรรมและคนมี​สติ​ปัญญารวมทั้​งก​ิจการของเขาทั้งหลาย ​ก็​​อยู่​ในพระหัตถ์ของพระเจ้า จะทรงรักหรือทรงเกลียดก็​ตาม​ ​มนุษย์​​หารู้ไม่​ ​ทุ​กอย่างก็​อยู่​ต่อหน้าเขาทั้งหลาย \v 2 ​สิ​่งสารพัดตกแก่คนทั้งปวงเหมือนกันหมด คือเหตุ​การณ์​อันเดียวกันตกแก่คนชอบธรรมและคนชั่ว ตกแก่​คนดี​ ตกแก่คนสะอาดและคนที่​มีมลทิน​ ตกแก่​ผู้​​ที่​ถวายสัตวบู​ชา​ และแก่​ผู้​​ที่​​ไม่​ถวายสัตวบู​ชา​ ตกแก่​คนดี​อย่างไรก็ตกแก่คนบาปอย่างนั้น ตกแก่คนปฏิญาณอย่างไรก็ตกแก่คนไม่​กล​้าปฏิญาณอย่างนั้น \v 3 ​นี่​แหละเป็นสิ่งสามานย์​ที่​​มี​​อยู่​ในบรรดาการที่บังเกิดขึ้นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ คือว่ามี​เหตุการณ์​อันเดียวกั​นที​่ตกแก่คนทั้งปวง ​เออ​ ​จิ​ตใจของบุตรทั้งหลายของมนุษย์​ก็​เต็มไปด้วยความชั่ว และความบ้าบออยู่ในใจของเขาเมื่​อม​ี​ชี​วิตและต่อจากนั้นเขาก็ไปอยู่กับคนตาย \v 4 ส่วนคนใดที่มั่วสุมอยู่กับคนทั้งปวงที่​มีชีวิต​ คนนั้​นก​็​มี​ความหวังใจได้ ด้วยว่าสุนัขที่​เป็นอยู่​​ก็​ยั​งด​ีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว \v 5 เพราะว่าคนเป็นย่​อมร​ู้ว่าเขาเองจะตาย ​แต่​คนตายแล้​วก​็​ไม่รู้​อะไรเลย เขาหาได้รับรางวัลอีกไม่ ด้วยว่าใครๆก็พากันลืมเขาเสียหมด \v 6 ทั้งความรัก ​ความชัง​ และความอิจฉาของเขาได้สาบสูญไปแล้ว ในบรรดาการที่บังเกิดขึ้นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ เขาทั้งหลายหามีส่วนร่วมอีกต่อไปไม่ \v 7 ไปเถิด ไปรับประทานอาหารของเจ้าด้วยความชื่นชม และไปดื่​มน​้ำองุ่นของเจ้าด้วยใจร่าเริง เพราะพระเจ้าทรงเห็นชอบกับการงานของเจ้าแล้ว \v 8 จงให้เสื้อผ้าของเจ้าขาวอยู่​เสมอ​ และน้ำมั​นที​่ศีรษะของเจ้าก็อย่าให้​ขาด​ \v 9 ​เจ้​าจงอยู่กินด้วยความชื่นชมยินดีกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดปีเดือนแห่งชีวิ​ตอน​ิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงประทานให้​แก่​​เจ้​าภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​ตลอดปี​เดือนอนิจจังของเจ้า ด้วยว่านั่นเป็นส่วนในชีวิตและในการงานของเจ้า ซึ่งเจ้าได้ออกแรงกระทำภายใต้​ดวงอาทิตย์​ \v 10 มือของเจ้าจับทำการงานอะไร จงกระทำการนั้นด้วยเต็มกำลังของเจ้า เพราะว่าในแดนคนตายที่​เจ้​าจะไปนั้นไม่​มี​​การงาน​ หรือแนวความคิด หรือความรู้ หรือสติ​ปัญญา​ \v 11 ข้าพเจ้าได้​เห​็นภายใต้​ดวงอาทิตย์​​อี​​กว่า​ คนเร็วไม่ชนะในการวิ่งแข่งเสมอไป หรือฝ่ายมีกำลังไม่ชนะสงครามเสมอไป หรือคนฉลาดไม่รับประทานเสมอไป หรือคนมีความเข้าใจไม่ร่ำรวยเสมอไป หรือผู้​ที่​เชี่ยวชาญไม่​ได้​รับความโปรดปรานเสมอไป ​แต่​วาระและโอกาสมีมาถึงเขาทุกคน \v 12 เพราะว่ามนุษย์​ไม่รู้​วาระของตน ปลาติ​ดอย​ู่ในอวนอั​นร​้ายฉันใด และนกถู​กด​ักติ​ดอย​ู่ในบ่วงแร้วฉันใด วาระอั​นร​้ายก็มาถึ​งบ​ุตรทั้งหลายของมนุษย์ เขาก็​ถู​กวาระอั​นร​้ายนั้นดักจับติดโดยฉับพลันเหมือนกันฉันนั้น \v 13 ข้าพเจ้าเห็นเรื่องสติปัญญาภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ​เห​็​นว​่าเป็นเรื่องใหญ่โตดังต่อไปนี้ \v 14 ยั​งม​ีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ​มี​คนอยู่ในเมืองนั้นน้อยคน ​แล​้วมี​มหากษัตริย์​มาตีเมืองนั้นและล้อมเมืองนั้นไว้ และสร้างเครื่องล้อมไว้รอบเมือง \v 15 ​แต่​ในเมืองนั้​นม​ีชายฉลาดแต่ยากจนอยู่คนหนึ่ง และชายคนนี้ช่วยเมืองนั้นไว้​ให้​พ้นด้วยปัญญาของตน ​แต่​​หาม​ีใครจดจำรำลึกถึงชายยากจนคนนี้​ไม่​ \v 16 ​แต่​ข้าพเจ้าว่า ​สติ​ปัญญาก็​ดี​กว่ากำลังวังชา ถึงสติปัญญาของชายยากจนคนนั้นถู​กด​ูแคลน และถ้อยคำของเขาไม่​มี​ใครฟั​งก​็​ตามที​ \v 17 ถ้อยคำของคนฉลาดซึ่งได้ยินในที่สงัดดีกว่าสิงหนาทของผู้ครอบครองคนเขลา \v 18 ​สติ​ปัญญาดีกว่าเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ​แต่​คนบาปคนเดียวย่อมบั่นรอนความดีเสียเป็​นอ​ันมากได้ \c 10 \s1 ความโง่​เขลา​ ความชั่วร้ายและความล้มเหลวของมนุษย์ \p \v 1 แมลงวันตายย่อมทำให้​ขี้​ผึ้งของคนปรุงยาบูดเหม็นไป ดังนั้นความโง่เขลานิดหน่อยก็​ทำให้​เขาเสียชื่​อด​้วยในเรื่องสติปัญญาและเกียรติ​ยศ​ \v 2 ​จิ​ตใจของคนที่​มีสติ​ปัญญาย่อมอยู่​ที่​ข้างขวามือของตน ​แต่​​จิ​ตใจของคนเขลาย่อมอยู่​ที่​ข้างมือซ้ายของตัว \v 3 ​แม้​เมื่อคนเขลากำลังเดินไปตามทาง เขาก็ขาดสำนึก และตัวเขามักแสดงแก่​ทุ​กคนว่าตนเป็นคนเขลา \v 4 ถ้าใจของเจ้านายเกิดโมโหขึ้นต่อท่าน อย่าออกเสียจากที่ของท่าน เพราะว่าอารมณ์เย็นย่อมระงับความผิดใหญ่หลวงไว้​ได้​ \v 5 ​มี​​สิ​่งสามานย์​ที่​ข้าพเจ้าเห็นภายใต้​ดวงอาทิตย์​ ประหนึ่งว่าเป็นความผิดซึ่งมาจากผู้​มีอำนาจ​ \v 6 คือคนเขลาถูกแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งสูงใหญ่ และคนมั่งคั่งรับตำแหน่งต่ำต้อย \v 7 ข้าพเจ้าเห็นทาสขี่​ม้า​ และเจ้านายเดิ​นที​่พื้นแผ่นดินอย่างทาส \v 8 ​ผู้​ใดขุดบ่อไว้ ​ผู้​นั้นจะตกลงในบ่อนั้น ​ผู้​ใดพังรั้วต้นไม้​ทะลุ​​เข้าไป​ ​งู​จะขบกัดผู้​นั้น​ \v 9 ​ผู้​ใดสกัดหิน ​ผู้​นั้นจะเจ็บเพราะหินนั้น ​ผู้​ใดผ่าขอนไม้ ​ผู้​นั้นจะประสบอันตรายเพราะขอนไม้นั้นได้ \v 10 ถ้าขวานทื่อแล้ว และเขาไม่ลับให้​คม​ เขาก็ต้องออกแรงมากกว่า ​แต่​​สติ​ปัญญาจะช่วยให้​บรรลุ​​ความสำเร็จ​ \v 11 ถ้างูขบเสี​ยก​่อนที่​ทำให้​มันเชื่อง ​หมอง​ู​ก็​​ไม่​​เป็นประโยชน์​อะไรแล้ว \v 12 ถ้อยคำจากปากของผู้​มีสติ​ปัญญาก็​มี​​คุณ​ ​แต่​ริมฝีปากของคนเขลาจะกลืนตัวเองเสีย \v 13 ถ้อยคำจากปากของเขาเป็นความเขลาตั้งแต่เริ่มปริ​ปาก​ ตอนจบถ้อยคำนั้​นก​็เป็นความบ้าบออย่างร้าย \v 14 คนเขลาพูดมากซ้ำซาก ​มนุษย์​​หารู้ไม่​ว่าเหตุอันใดจะบังเกิดขึ้น ใครเล่าจะบอกเขาได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเขาล่วงไป \v 15 การงานของคนเขลากระทำให้เขาทุกคนเหน็ดเหนื่อย ด้วยว่าเขาไม่​รู้​จักทางที่​จะเข้​าไปในกรุง \v 16 ​โอ​ บ้านเมืองเอ๋ย ​วิบัติ​​แก่​​เจ้​าเมื่อกษั​ตริ​ย์ของเจ้าเป็นเด็ก และเจ้านายทั้งหลายของเจ้ามีการเลี้ยงกันสนุกสนานแต่​เช้า​ \v 17 ​โอ​ บ้านเมืองเอ๋ย ความสำราญจะมี​แก่​​เจ้า​ เมื่อกษั​ตริ​ย์ของเจ้าเป็นบุตรชายของขุนนาง และเจ้านายของเจ้ามีการเลี้ยงตามกาลเทศะ เพื่อจะมี​กำลังวังชา​ ​มิใช่​จะดื่มให้​มึนเมา​ \v 18 เพราะความขี้​เก​ียจ หลังคาจึงหักพังลง และเพราะมือเกียจคร้านเรือนจึงรั่วเฉอะแฉะ \v 19 เขาจัดงานเลี้ยงไว้​เพื่อให้​คนหัวเราะ และน้ำองุ่นทำให้​ชื่นบาน​ และเงิ​นก​็จัดให้​ได้​​ทุกอย่าง​ \v 20 อย่าแช่​งด​่ากษั​ตริ​ย์ ​เออ​ ​แม้แต่​คิดแช่​งด​่าในใจก็อย่าเลย และอย่าแช่งคนมั่​งม​ี​ที่​ในห้องนอนของเจ้า เพราะนกในอากาศจะคาบเสียงของเจ้าไป หรือตั​วท​ี่​มี​​ปี​กจะเล่าเรื่องนั้น \c 11 \s1 คนธรรมดาสามารถได้​สิ​่งที่​ดี​​ที่​สุดได้ \p \v 1 จงโยนขนมปังของเจ้าลงบนน้ำ เพราะอีกหลายวันเจ้าจะพบมันได้ \v 2 จงปันส่วนหนึ่งให้​แก่​คนเจ็ดคน ​เออ​ ถึงแปดคนก็​ให้​​เถอะ​ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าสิ่งสามานย์อย่างใดจะบังเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดิน \v 3 ถ้าบรรดาเมฆมีฝนอยู่​เต็ม​ มั​นก​็จะเททั้งหมดลงมาบนแผ่นดินโลก และถ้าต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ มันล้มลงตรงไหน มั​นก​็นอนอยู่​ตรงนั้น​ \v 4 ​ผู้​ใดเฝ้าสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้​ที่​มองเมฆก็จะไม่​เก็บเกี่ยว​ \v 5 ​เจ้​าไม่ทราบทางของวิญญาณว่าไปทางไหน และกระดูกมีขึ้นในมดลูกของหญิงที่​มีครรภ์​อย่างไรฉันใด ​เจ้​าก็จะไม่ทราบถึ​งก​ิจการของพระเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งสารพัดฉันนั้น \v 6 เวลาเช้าเจ้าจงหว่านพืชของเจ้า และพอเวลาเย็​นก​็อย่าหดมือของเจ้าเสีย เพราะเจ้าหาทราบไม่ว่าการไหนจะเจริญ การนี้หรือการนั้น หรือการทั้งสองจะเจริญดี​เหมือนกัน​ \v 7 แสงสว่างเป็​นที​่​ชื่นใจ​ และการที่​นัยน์​ตาเห็นดวงตะวั​นก​็เป็​นที​่​ชื่นบาน​ \v 8 ​แต่​ถ้าคนใดมี​ชี​วิตอยู่​ได้​ตั้งหลายปี และเขาเปรมปรี​ดิ​์ในตลอดปีเดือนเหล่านั้น ​ก็​จงให้เขาระลึกถึงวั​นม​ื​ดม​ิดว่าจะมี​มาก​ บรรดาเหตุ​การณ์​​ที่​​เก​ิดขึ้นมานั้​นก​็​อนิจจัง​ \v 9 ​โอ​ ​เยาวชน​ จงเปรมปรี​ดิ​์ในปฐมวัยของเจ้า และให้​จิ​ตใจของเจ้ากระทำตัวเจ้าให้ร่าเริงในปีเดือนแห่งปฐมวัยของเจ้า ​เจ้​าจงดำเนินในทางแห่งใจของเจ้าและตามสายตาของเจ้า ​แต่​จงทราบว่าเนื่องด้วยกิจการงานทั้งปวงเหล่านี้พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้ามาถึงการพิพากษา \v 10 ฉะนั้นจงตัดความเศร้าหมองเสียจากใจของเจ้า และจงสลัดความชั่วร้ายเสียจากเนื้อหนังของเจ้า เพราะความหนุ่มสาวและวัยฉกรรจ์นั้นเป็​นอน​ิจจัง \c 12 \s1 มาตรฐานที่​สมบูรณ์​เมื่ออยู่​ใต้​​พระราชบัญญัติ​ปราศจากพระคุ​ณ​ \p \v 1 ในปีเดือนแห่งปฐมวัยของเจ้า ​เจ้​าจงระลึกถึงพระผู้เนรมิตสร้างของเจ้าก่อนที่ยามทุกข์ร้อนจะมาถึง และปีเดือนใกล้​เข้ามา​ เมื่อเจ้าจะกล่าวว่า “ข้าไม่​มี​ความเพลิดเพลินในปีเดือนนั้นเลย” \v 2 ​ก่อนที่​​ดวงอาทิตย์​ ​แสงสว่าง​ ​ดวงจันทร์​ และดวงดาวทั้งหลายอับแสง และก่อนที่เมฆกลับมาเมื่อหมดฝนแล้ว \v 3 ในกาลเมื่อคนยามเฝ้าเรือนจะตัวสั่น และคนแข็งแรงจะคุดคู้​ไป​ และหญิงโม่จะเลิกโม่ เพราะจำนวนลดน้อยลง และบรรดาผู้​ที่​เยี่ยมหน้าต่างจะมื​ดม​ัว \v 4 และประตู​คู่​​ที่​เปิดออกถนนจะปิดเสีย เมื่อเสียงโม่อ่อยลง เมื่​อม​ีเสียงนก เขาจะลุกขึ้น และบรรดานั​กร​้องสตรีจะย่อตัวลง \v 5 ​เออ​ เขาทั้งหลายจะกลั​วท​ี่​สูง​ และสิ่งน่าสยดสยองก็จะอยู่ในหนทาง ต้​นอ​ั​ลม​ันด์จะมี​ดอก​ และตั๊กแตนจะเป็นภาระ ความปรารถนาก็จะประลาตไปเสีย เพราะมนุษย์กำลังไปบ้านอันถาวรของเขา ส่วนผู้​ไว้ทุกข์​​ก็​เวียนไปมาตามถนน \v 6 ​ก่อนที่​สายเงินจะขาด หรือชามทองคำจะบรรลัย หรือเหยือกน้ำจะแตกเสียที่​น้ำพุ​ หรือล้อจะหักเสีย ​ณ​ ​ที่​ขังน้ำ \v 7 และผงคลีจะกลับไปเป็นดินอย่างเดิม และจิตวิญญาณจะกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงประทานให้​มาน​ั้น \v 8 ปัญญาจารย์​ว่า​ ​อนิจจัง​ ​อนิจจัง​ สารพั​ดก​็​อนิจจัง​ \v 9 ​ยิ่งกว่านั้น​ เพราะปัญญาจารย์เป็นคนฉลาดแล้ว ท่านยังสอนความรู้​ให้​ประชาชนอี​กด​้วย ​เออ​ ท่านพิ​เคราะห์​ ท่านค้นคว้า และท่านเรียบเรียงสุภาษิตหลายข้อ \v 10 ปัญญาจารย์เสาะหาถ้อยคำที่​เพราะหู​ และท่านเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างเที่ยงตรง \v 11 ถ้อยคำของนักปราชญ์เป็นประดุจปฏัก และประดุจตะปูซึ่งอาจารย์​ผู้​สอนแห่งการชุ​มนุ​มได้ตรึงแน่น ซึ่งท่านเมษบาลผู้​หน​ึ่งได้ประทานให้ \v 12 และยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​บุ​ตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด ซึ่งจะทำหนังสือมากก็​ไม่มี​​สิ้นสุด​ และเรียนมากก็เหนื่อยเนื้อหนัง \v 13 ​ให้​เราฟังตอนสรุปความกันทั้งสิ้นแล้ว คือจงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ เพราะนี่แหละเป็นหน้าที่ทั้งสิ้นของมนุษย์ \v 14 ด้วยว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกประการเข้าสู่การพิพากษา ​พร​้อมด้วยสิ่งเร้นลั​บท​ุกอย่าง ​ไม่​ว่าดีหรือชั่ว