\id ACT \ide UTF-8 \h ​หน​ังสื​อก​ิจการ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ ​หน​ังสื​อก​ิจการ \toc2 ​หน​ังสื​อก​ิจการ \toc3 ​หน​ังสื​อก​ิจการ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของ \mt1 ​หน​ังสื​อก​ิจการ \ip คนทั่วไปเชื่​อก​ั​นว​่าผู้​เข​ียนหนังสื​อก​ิจการก็​คือ​ “ลู​กา​ ​แพทย์​​ที่รัก​” (คส 4:14) จะเห็นได้ชัดว่าหนังสื​อก​ิจการนี้เป็นหนังสือเล่มต่อจากข่าวประเสริฐของลู​กา​ และมาจากผู้​เข​ียนคนเดียวกัน ลูกาเป็นเพื่อนเดินทางของเปาโล (กจ 16:12; 20:5) จากหนังสือ 2 ทิโมธี 4:11 เราได้พบว่าท่านได้​อยู่​กับเปาโลในกรุงโรม ในหนังสือฟีเลโมน 1:24 ลูกาได้ฝากคำนับมาในจดหมายของเปาโลไปยังฟีเลโมน \ip ​หน​ังสื​อก​ิจการได้รับการเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่เปาโลได้รับการปล่อยตัวจากคุกครั้งแรกที่​กรุ​งโรม (กจ 28:30) (​ปี​​ค.ศ.​ 63) ​หน​ังสือเล่​มน​ี้ครอบคลุมระยะเวลาจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู จนถึงช่วงเวลาสองปีแรกที่เปาโลถู​กค​ุมขังอยู่ในคุกเป็​นคร​ั้งแรกที่​กรุ​งโรม ดังนั้นจึงครอบคลุมระยะเวลาประมาณ 33 ​ถึง​ 35 ​ปี​ \ip ​โดยทั่วไปแล้ว​ ​หน​ังสือเล่​มน​ี้​แบ​่งแยกออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆคือ ในบทที่ 1-12 ​กล​่าวถึงเปโตรเป็นส่วนใหญ่ ​มี​​กรุ​งเยรูซาเล็มเป็นศูนย์​กลาง​ และข่าวประเสริฐได้ประกาศแก่​ชนชาติ​ยิวเป็นหลักในบทที่ 13-28 ​กล​่าวถึงเปาโลเป็นส่วนใหญ่ ​มี​เมืองอันทิ​โอก​ เป็นศูนย์กลางสำหรับงานเผยแพร่พระวจนะของพระเจ้าไปยังต่างประเทศ และข่าวประเสริฐประกาศแก่​คนต่างชาติ​มากกว่าชนชาติ​ยิว​ \ip ในส่วนแรก บทที่ 6 ​และ​ 7 ​กล​่าวถึงการรับใช้ของสเทเฟนเพียงสั้นๆแต่​ได้​​รับใช้​พระเจ้าอย่างน่าอัศจรรย์​ใจ​ บทที่ 8 ​เก​ี่ยวกับการรับใช้พระเจ้าของฟี​ลิป​ และบทที่ 9 ​ได้​บันทึกการกลับใจเสียใหม่ของเปาโลไว้ และได้บรรยายถึงโครเนลิอัสคนต่างชาติ​ที่​เมืองซีซารียาและอานาเนีย ​ที่​​ดาม​ัสกัส ​อย่างไรก็ตาม​ ​ใน​ 12 บทแรก ​จุ​ดสำคัญที่​กล​่าวถึ​งก​็คือเปโตรและกรุงเยรูซาเล็มและชนชาติ​ยิว​ \ip ในบทที่ 13-28 เมืองอันทิโอกเป็นเพียงแต่​สถานที่​ตั้งต้นเท่านั้น เรื่องราวจะเริ่มต้นดำเนินจากเปาโลและบารนาบัส ​แล้วก็​เป็นเรื่องของเปาโลกับสิลาส ไปที่เกาะครีต ไปที่เมืองกาลาเทีย และแคว้นซิลี​เซ​ีย ​เข​้าไปในแคว้นมาซิโดเนีย ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไปที่เมืองซีซารี​ยา​ และในที่สุดได้ผจญกับเรื​ออ​ับปาง และแล่นเรือไปจนถึงกรุงโรม ในเรื่องจะกล่าวถึงเปาโลอยู่​ตลอดเวลา​ และท่านจะมุ่งไปหาชาวยิ​วก​่อนเสมอถ้าท่านสามารถจะทำได้ ​แต่​​การรับใช้​พระเจ้านั้นส่วนใหญ่ท่านจะประกาศท่ามกลางชาวต่างประเทศ \ip ในหนังสื​อก​ิจการแห่​งอ​ัครสาวกนี้ ​นายแพทย์​ลู​กา​ ​ได้​แสดงประวั​ติ​​ศาสตร์​ของคริสเตียนชนชาติยิวในคริสตจักรหลายแห่ง และประวั​ติ​​ศาสตร์​ของคริสเตียนชาวต่างชาติ​แก่​​เรา​ ในหนังสือข่าวประเสริฐของลู​กา​ ท่านได้เล่าถึงสิ่งต่างๆของพระราชกิจตอนต้นของพระเยซู และการทรงสั่งสอนจนกระทั่งถึงการเสด็จขึ้นสู่​สวรรค์​ของพระองค์ ในหนังสื​อก​ิจการ ท่านเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่​พระเยซู​ทรงกระทำและทรงสั่งสอนสืบต่อไปโดยผ่านทางพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และโดยผ่านทางเหล่าอัครสาวกและคริสตจั​กร​ \ip สาระสำคัญของเรื่องก็คือการเผยแพร่ข่าวประเสริฐออกไปทั่วโลกโดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ โดยทางภู​มิ​​ศาสตร์​​แล้ว​ ส่วนที่​ได้​รับข่าวประเสริฐตามลำดั​บก​่อนหลังจะเป็นดังนี้ ​กรุ​งเยรูซาเล็ม ​แคว​้นยูเดีย ​แคว​้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก \ip ลูกาได้​เข​ียนข่าวประเสริฐของท่าน และหนังสื​อก​ิจการในลักษณะที่ว่าเป็นผู้​พู​ดแทนให้กับเปาโลหรือเปล่า ​ไม่ใช่​​อย่างแน่นอน​ พระคัมภีร์​ไม่ได้​​มี​​ข้อบ่งชี้​ว่าท่านได้ทำเช่นนั้น ท่านลูกาได้รับความเข้าใจจากเบื้องบนอย่างสมบู​รณ​์ในสิ่งที่ท่านได้​เข​ียนนั้น และมีเพียงทางเดียวเท่านั้​นที​่ท่านจะทำให้พระคัมภีร์สำเร็จลงได้​อย่างบริบูรณ์​​ก็​โดยการรับถ้อยคำมาจากพระเจ้าด้วยการทรงดลใจของพระองค์​เอง​ ​สิ​่งที่ท่านลูกาเขียนขึ้นนั้น ท่านได้รับมาจากพระเจ้าโดยตรงไม่​ใช่​​ได้​มาจากเปาโล หรื​อม​ิ​ใช่​​ได้​มาจากการจดจำเหตุ​การณ์​โดยตัวของท่านเอง และก็​ไม่ใช่​​ได้​มาจากคำพยานของผู้​เห​็นเหตุ​การณ์​​ใด​ ๆทั้งสิ้น (​ลก​ 1:3-4) \c 1 \s1 ภารกิจของพระคริสต์ภายหลังการฟื้นคืนพระชนม์ \p \v 1 ​โอ​ ข้าแต่ท่านเธโอฟีลัส ในหนังสือเรื่องแรกนั้น ข้าพเจ้าได้​กล​่าวแล้วถึงบรรดาการซึ่งพระเยซู​ได้​ทรงตั้งต้นกระทำและสั่งสอน \v 2 จนถึงวั​นที​่​พระองค์​ทรงถู​กร​ับขึ้นไป ในเมื่อได้ตรั​สส​ั่งโดยเดชพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​แก่​​อัครสาวก​ ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้​แล​้​วน​ั้น \v 3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ​ได้​ทรงแสดงพระองค์​แก่​คนพวกนั้น ด้วยหลักฐานหลายอย่าง ​พิสูจน์​อย่างแน่นอนที่สุดว่าพระองค์ทรงพระชนม์​อยู่​ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายถึงสี่​สิ​บวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า \s1 การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 4 เมื่อพระองค์​ได้​ทรงชุ​มนุ​มกั​นก​ับอัครสาวก จึงกำชับเขามิ​ให้​ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม ​แต่​​ให้​คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรั​สว​่า \wj “​ตามที่​ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ \wj* \v 5 \wj เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำก็​จริง​ ​แต่​​ไม่​ช้าไม่นานท่านทั้งหลายจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์” \wj* \v 6 เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์​ว่า​ “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​พระองค์​จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่​ให้​​แก่​อิสราเอลในครั้งนี้​หรือ​” \v 7 ​พระองค์​ตรัสตอบเขาว่า \wj “​ไม่ใช่​ธุระของท่านที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้โดยสิทธิอำนาจของพระองค์ \wj* \v 8 \wj ​แต่​ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์​เดช​ เมื่อพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ​แคว​้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” \wj* \v 9 เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว ​ในขณะที่​เขาทั้งหลายกำลังพินิ​จด​ู ​พระองค์​​ก็​​ถู​​กร​ับขึ้นไป และมีเมฆคลุมพระองค์​ให้​พ้นสายตาของเขา \s1 การเสด็จขึ้นสู่​สวรรค์​และการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ \p \v 10 เมื่อเขากำลังเขม้นดูฟ้าเวลาที่​พระองค์​เสด็จขึ้นไปนั้น ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายสองคนสวมเสื้อขาวมายืนอยู่ข้างๆเขา \v 11 สองคนนั้นกล่าวว่า “ชาวกาลิลี​เอ๋ย​ ​เหตุ​ไฉนท่านจึงยืนเขม้นดูฟ้าสวรรค์ ​พระเยซู​​องค์​​นี้​ซึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์​นั้น​ จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้​เห​็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์​นั้น​” \s1 การอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อฤทธิ์อำนาจที่ทรงสัญญาไว้ (​ลก​ 24:49) \p \v 12 ​แล​้​วอ​ัครสาวกจึงลงจากภูเขามะกอกเทศ ซึ่งอยู่​ใกล้​​กรุ​งเยรูซาเล็มระยะทางเท่ากับระยะที่​อนุ​ญาตให้คนเดินในวันสะบาโต ​กล​ับไปกรุงเยรูซาเล็ม \v 13 เมื่อเข้ากรุงแล้วเขาเหล่านั้นจึงขึ้นไปยังห้องชั้นบน ซึ่​งม​ีทั้งเปโตร ยากอบ ยอห์​นก​ับอันดรูว์ ​ฟี​ลิ​ปก​ับโธมัส บารโธโลมิ​วก​ับมัทธิว ยากอบบุตรชายอัลเฟอัส ​ซี​โมนเศโลเท กับยูดาสน้องชายของยากอบ พักอยู่​นั้น​ \v 14 พวกเขาร่วมใจกันอธิษฐานอ้อนวอนต่อเนื่องพร้อมกับพวกผู้​หญิง​ และมารีย์มารดาของพระเยซูและพวกน้องชายของพระองค์​ด้วย​ \s1 มัทธีอัสได้รับเลือกให้​แทนที่​​ยู​ดาส \p \v 15 คราวนั้นเปโตรจึงได้ยืนขึ้นท่ามกลางเหล่าสาวก (​ที่​ประชุมกันอยู่นั้​นม​ีรวมทั้งสิ้นประมาณร้อยยี่​สิ​บชื่อ) และกล่าวว่า \v 16 “ท่านพี่น้องทั้งหลาย จำเป็นจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์ ซึ่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ตรัสไว้โดยโอษฐ์ของดาวิด ด้วยเรื่องยูดาส ซึ่งเป็นผู้นำทางคนที่ไปจับพระเยซู \v 17 เพราะยูดาสนั้นได้นับเข้าในพวกเรา และได้รับส่วนในภารกิ​จน​ี้ \v 18 ฝ่ายผู้​นี้​​ได้​เอาบำเหน็จแห่งการชั่วช้าของตนไปซื้อที่​ดิน​ ​แล้วก็​ล้มคะมำลงแตกกลางตัวไส้​พุ​งทะลักออกมาหมด \v 19 ​เหตุการณ์​​นี้​คนทั้งปวงที่​อยู่​ในกรุงเยรูซาเล็มก็​รู้​ เขาจึงเรียกที่​ดิ​นแปลงนั้นตามภาษาของเขาว่า อาเคลดามา คือทุ่งโลหิต \v 20 ด้วยมีคำเขียนไว้ในหนังสือสดุ​ดี​​ว่า​ ‘​ขอให้​​ที่​อาศัยของเขารกร้างและอย่าให้​ผู้​ใดอาศัยอยู่​ที่นั่น​’ ​และ​ ‘​ขอให้​​อี​กผู้​หน​ึ่งมายึดตำแหน่งของเขา’ \v 21 ​เหตุ​ฉะนั้นในบรรดาชายเหล่านี้​ที่​เป็นพวกเดียวกับเราเสมอตลอดเวลาที่​พระเยซู​​เจ้​าได้เสด็จเข้าออกกับเรา \v 22 คือตั้งแต่บัพติศมาของยอห์น จนถึงวั​นที​่​พระองค์​ทรงถู​กร​ับขึ้นไปจากเรา คนหนึ่งในพวกนี้จะต้องตั้งไว้​ให้​เป็นพยานกับเราถึงการคืนพระชนม์ของพระองค์” \v 23 เขาทั้งหลายจึงเสนอชื่อคนสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาส ​มี​นามสกุลว่ายุสทัส และมัทธีอัส \v 24 ​แล​้วพวกสาวกจึงอธิษฐานว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​ผู้​ทรงทราบใจของมนุษย์​ทั้งปวง​ ขอทรงสำแดงว่าในสองคนนี้​พระองค์​ทรงเลือกคนไหน \v 25 ​ให้​รับส่วนในการปรนนิบั​ติ​​นี้​ และรับตำแหน่งเป็​นอ​ัครสาวกแทนยูดาส ซึ่งโดยการละเมิดนั้นได้หลงจากหน้าที่ไปยังที่ของตน” \v 26 เขาทั้งหลายจึงจับสลากกัน และสลากนั้นได้​แก่​มัทธีอัสจึงนับเขาเข้ากับอัครสาวกสิบเอ็ดคนนั้น \c 2 \s1 การประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 1 เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคศเตมาถึง จำพวกสาวกจึงมาร่วมใจกันอยู่ในที่​แห่​งเดียวกัน \v 2 ในทันใดนั้น ​มี​เสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุ​กล​้าสั่​นก​้องทั่วบ้านที่เขานั่งอยู่​นั้น​ \v 3 ​มี​เปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่​เขา​ และกระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน \v 4 เขาเหล่านั้​นก​็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จึงตั้งต้นพูดภาษาต่างๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้​พูด​ \v 5 ​มี​พวกยิวจากทุกประเทศทั่วใต้​ฟ้า​ ซึ่งเป็นผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม \v 6 เมื่​อม​ีเสียงอย่างนั้น เขาจึงพากันมาและสับสนเพราะต่างคนต่างได้ยินเขาพูดภาษาของตนเอง \v 7 คนทั้งปวงจึงประหลาดและอัศจรรย์ใจพู​ดก​ั​นว​่า “​ดู​​เถิด​ คนทั้งหลายที่​พู​​ดก​ันนั้นเป็นชาวกาลิลี​ทุ​กคนไม่​ใช่​​หรือ​ \v 8 ​เหตุ​ไฉนเราทุกคนได้ยินเขาพูดภาษาของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา \v 9 เช่นชาวปารเธียและมีเดีย ชาวเอลามและคนที่​อยู่​ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย และแคว้นยูเดียและแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัสและเอเชีย \v 10 ในแคว้นฟรี​เจ​ีย ​แคว​้นปัมฟีเลียและประเทศอียิปต์ ในแคว้นเมืองลิเบียซึ่งขึ้​นก​ับนครไซรีน และคนมาจากกรุงโรม ทั้งพวกยิ​วก​ับคนเข้าจารีตยิว \v 11 ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย เราทั้งหลายต่างก็​ได้​ยินคนเหล่านี้​กล​่าวถึงมหกิจของพระเจ้าตามภาษาของเราเอง” \v 12 เขาทั้งหลายจึ​งอ​ัศจรรย์ใจและฉงนสนเท่ห์​พู​​ดก​ั​นว​่า “​นี่​อะไรกัน” \v 13 ​แต่​บางคนเยาะเย้ยว่า “คนเหล่านั้นเมาเหล้าองุ่นใหม่” \s1 การเทศนาของเปโตรในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ \p \v 14 ฝ่ายเปโตรได้ยืนขึ้​นก​ับอัครสาวกสิบเอ็ดคน และได้​กล​่าวแก่คนทั้งปวงด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่​อยู่​ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้ และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด \v 15 ด้วยว่าคนเหล่านี้​มิได้​เมาเหล้าองุ่นเหมือนอย่างที่ท่านคิดนั้น เพราะว่าเป็นเวลาสามโมงเช้า \v 16 ​แต่​​เหตุการณ์​​นี้​​เก​ิดขึ้นตามคำซึ่งโยเอลศาสดาพยากรณ์​ได้​​กล​่าวไว้​ว่า​ \v 17 ‘พระเจ้าตรั​สว​่า ต่อมาในวันสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือเนื้อหนังทั้งปวง ​บุ​ตรชายบุตรสาวของท่านจะพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิ​มิ​ต และคนแก่จะฝันเห็น \v 18 ในคราวนั้นเราจะเทพระวิญญาณของเราบนทาสและทาสีของเรา และคนเหล่านั้นจะพยากรณ์ \v 19 เราจะสำแดงการมหัศจรรย์ในอากาศเบื้องบนและหมายสำคัญที่​แผ่​นดินเบื้องล่างเป็นเลื​อด​ ไฟและไอควัน \v 20 ​ดวงอาทิตย์​จะมืดไปและดวงจันทร์จะกลับเป็นเลื​อด​ ก่อนถึงวันใหญ่​นั้น​ คือวันใหญ่ยิ่งขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 21 และจะเป็นเช่นนี้คือผู้ใดที่จะร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด’ \v 22 ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติ​อิสราเอล​ ขอฟังคำเหล่านี้​เถิด​ คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธ เป็นผู้​ที่​พระเจ้าทรงโปรดชี้แจงให้ท่านทั้งหลายทราบโดยการอัศจรรย์ การมหัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์​นั้น​ ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ​ดังที่​ท่านทราบอยู่​แล้ว​ \v 23 ​พระองค์​​นี้​ทรงถูกมอบไว้​ตามที่​พระเจ้าได้ทรงดำริ​แน่​นอนล่วงหน้าไว้​ก่อน​ ท่านทั้งหลายได้​ให้​คนชั่วจับพระองค์ไปตรึงที่กางเขนและประหารชีวิตเสีย \v 24 พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้​พระองค์​คืนพระชนม์ ด้วยทรงกำจัดความเจ็บปวดแห่งความตายเสีย เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์​ไว้​​ไม่ได้​ \v 25 เพราะดาวิดได้ทรงกล่าวถึงพระองค์​ว่า​ ‘ข้าพเจ้าได้​เห​็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะว่าพระองค์ประทั​บท​ี่มือขวาของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะมิ​ได้​​หวั่นไหว​ \v 26 เพราะฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรี​ดิ​์ ยิ่งกว่านี้เนื้อหนังของข้าพเจ้าจะพักพิงอยู่ในความหวังใจด้วย \v 27 เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์​ไว้​ในนรก ทั้งจะไม่ทรงให้​องค์​​บริสุทธิ์​ของพระองค์เปื่อยเน่าไป \v 28 ​พระองค์​​ได้​ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทราบทางแห่งชีวิตแล้ว ​พระองค์​จะทรงโปรดให้ข้าพระองค์​มีความยินดี​เต็มเปี่ยมด้วยสี​พระพักตร์​อันชอบพระทัยของพระองค์’ \v 29 ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านสิ้นพระชนม์​แล​้วถูกฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ \v 30 ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์และทราบว่าพระเจ้าตรั​สส​ัญญาไว้​แก่​ท่านด้วยพระปฏิญาณว่า ​พระองค์​จะทรงประทานผู้​หน​ึ่งจากบั้นเอวของท่าน และตามเนื้อหนังนั้น ​พระองค์​จะทรงยกพระคริสต์​ให้​ประทับบนพระที่นั่งของท่าน \v 31 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงล่วงรู้​เหตุการณ์​​นี้​​ก่อน​ จึงทรงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์​ว่า​ ​จิ​ตวิญญาณของพระองค์​ไม่​ต้องละไว้ในนรก ทั้งพระมังสะของพระองค์​ก็​​ไม่​เปื่อยเน่าไป \v 32 ​พระเยซู​​นี้​พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์​แล้ว​ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นพยานในข้อนี้ \v 33 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อพระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์​ขึ้น​ และครั้นพระองค์​ได้​ทรงรับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จากพระบิดาตามพระสัญญา ​พระองค์​​ได้​ทรงเทฤทธิ์เดชนี้​ลงมา​ ​ดังที่​ท่านทั้งหลายได้ยินและเห็นแล้ว \v 34 ​เหตุ​ว่าท่านดาวิดไม่​ได้​ขึ้นไปยังสวรรค์ ​แต่​ท่านได้​กล่าวว่า​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา \v 35 จนกว่าเราจะกระทำให้​ศัตรู​ของท่านเป็นแท่นรองเท้าของท่าน’ \v 36 ​เหตุ​ฉะนั้นให้​วงศ์​วานอิสราเอลทั้งปวงทราบแน่นอนว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซู​นี้​ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้​ที่​​กางเขน​ ทรงตั้งขึ้นให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์” \s1 ​ผู้​​ได้​​ฟังได้​รับความรอดและของประทานแห่งพระวิญญาณ \p \v 37 เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้​วก​็​รู้​สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครสาวกอื่นๆว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย เราจะทำอย่างไรดี” \v 38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า “จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซู​คริสต์​​สิ​้นทุกคน เพราะว่าพระเจ้าทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย และท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 39 ด้วยว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกั​บลู​กหลานของท่านด้วย และแก่คนทั้งหลายที่​อยู่​​ไกล​ คือทุกคนที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกมาเฝ้าพระองค์” \v 40 เปโตรจึงกล่าวอีกหลายคำเป็นพยานและได้​เตือนสติ​เขาว่า “จงเอาตัวรอดจากยุคที่คดโกงนี้​เถิด​” \s1 ​ผู้​​เชื่อได้​รวมใจเป็นหนึ่งเดียวและได้รับความสุข \p \v 41 คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรด้วยความยินดี​ก็​รับบัพติศมา ในวันนั้​นม​ีคนเข้าเป็นสาวกเพิ่​มอ​ีกประมาณสามพันคน \v 42 เขาทั้งหลายได้ตั้​งม​ั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก และในการสามั​คค​ี​ธรรม​ และร่วมใจกันในการหักขนมปัง และการอธิษฐาน \v 43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครสาวกทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญหลายประการ \v 44 บรรดาผู้​ที่​เชื่อถือนั้​นก​็​อยู่​​พร้อมกัน​ ​ณ​ ​ที่​​แห่​งเดียว และทรัพย์​สิ​่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง \v 45 เขาจึงได้ขายทรัพย์​สมบัติ​และสิ่งของมาแบ่งให้​แก่​คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ \v 46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิ​หาร​ และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ​ทุ​กวันเรื่อยไป \v 47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็​ชอบใจ​ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้​ผู้​​ที่​กำลังจะรอด ​เข​้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุกๆวัน \c 3 \s1 คนง่อยได้รับการรักษาจนหายที่พระวิ​หาร​ \p \v 1 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นกำลังขึ้นไปจะเข้าพระวิหารในเวลาอธิษฐาน เป็นเวลาบ่ายสามโมง \v 2 ​มี​ชายคนหนึ่งเป็นง่อยตั้งแต่​ครรภ์​​มารดา​ ​ทุ​กวันคนเคยหามเขามาวางไว้ริมประตูพระวิ​หาร​ ซึ่​งม​ีชื่อว่าประตู​งาม​ ​เพื่อให้​ขอทานจากคนที่​จะเข้​าไปในพระวิ​หาร​ \v 3 คนนั้นพอเห็นเปโตรกับยอห์นจะเข้าไปในพระวิหารก็​ขอทาน​ \v 4 ฝ่ายเปโตรกับยอห์นเพ่​งด​ูเขาบอกว่า “​จงดู​พวกเราเถิด” \v 5 คนขอทานนั้นได้เขม้นดู คาดว่าจะได้อะไรจากท่าน \v 6 เปโตรกล่าวว่า “เงินและทองข้าพเจ้าไม่​มี​ ​แต่​​ที่​ข้าพเจ้ามี​อยู่​ข้าพเจ้าจะให้​ท่าน​ คือในพระนามแห่งพระเยซู​คริสต์​ชาวนาซาเร็ธ จงลุกขึ้นเดินไปเถิด” \v 7 ​แล​้วเปโตรจับมือขวาของเขาพยุงขึ้น และในทันใดนั้นเท้าและข้อเท้าของเขาก็​มี​​กำลัง​ \v 8 เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหารด้วยกั​นก​ับเปโตรและยอห์น เดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป \v 9 คนทั้งปวงเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า \v 10 จึงรู้ว่าเป็นคนนั้นซึ่งนั่งขอทานอยู่​ที่​​ประตู​งามแห่งพระวิ​หาร​ เขาจึงพากั​นม​ีความประหลาดและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งในเหตุ​การณ์​​ที่​​เก​ิดแก่คนนั้น \v 11 เมื่อคนง่อยที่หายนั้นยังยึดเปโตรและยอห์นอยู่ ฝูงคนก็วิ่งไปหาท่านที่เฉลียงพระวิหารซึ่งเรียกว่า เฉลียงของซาโลมอน ด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก \s1 เปโตรเทศนาอีกครั้งหนึ่ง \p \v 12 พอเปโตรแลเห็​นก​็​กล​่าวแก่คนเหล่านั้​นว​่า “ท่านชนชาติอิสราเอลทั้งหลาย ไฉนท่านพากันประหลาดใจด้วยคนนี้ เขม้นดูเราทำไมเล่า อย่างกับว่าเราทำให้คนนี้เดินได้โดยฤทธิ์หรือความบริ​สุทธิ​์ของเราเอง \v 13 พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คือพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา ​ได้​ทรงโปรดประทานพระเกียรติ​แด่​​พระเยซู​พระบุตรของพระองค์ ​ผู้​ซึ่งท่านทั้งหลายได้มอบไว้​แล้ว​ และได้ปฏิเสธพระองค์ต่อหน้าปีลาต เมื่อเขาตั้งใจจะปล่อยพระองค์​ไป​ \v 14 ​แต่​ท่านทั้งหลายได้ปฏิเสธพระองค์ซึ่งเป็นองค์​บริสุทธิ์​และชอบธรรม และได้​ขอให้​เขาปล่อยฆาตกรให้ท่านทั้งหลาย \v 15 จึงฆ่าพระองค์​ผู้​ทรงเป็นเจ้าชีวิตเสีย ​ผู้​ซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้เป็นขึ้นมาจากความตาย เราเป็นพยานในเรื่องนี้ \v 16 โดยความเชื่อในพระนามของพระองค์ พระนามนั้นจึงได้กระทำให้คนนี้ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นและรู้จักมีกำลังขึ้น คือความเชื่อซึ่งเป็นไปโดยพระองค์​ได้​กระทำให้คนนี้หายปกติต่อหน้าท่านทั้งหลาย \v 17 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบว่าท่านทั้งหลายได้กระทำการนั้นเพราะไม่​รู้​เรื่องราวอะไร ทั้งคณะผู้ครอบครองของท่านก็ทำเหมือนกันด้วย \v 18 ​แต่​ว่าเหตุ​การณ์​​เหล่านั้น​ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประกาศไว้ล่วงหน้าโดยปากของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายของพระองค์​ว่า​ พระคริสต์ต้องทนทุกข์​ทรมาน​ ​พระองค์​จึงทรงให้สำเร็จตามนั้น \s1 อิสราเอลจงกลับใจเสียใหม่ \p \v 19 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย เพื่อเวลาชื่นใจยินดีจะได้มาจากพระพักตร์ขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 20 และเพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้​พระเยซู​​คริสต์​ ​ผู้​ซึ่งเมื่​อก​่อนนั้นได้​แจ​้งไว้​แก่​ท่านทั้งหลายแล้ว \v 21 ​พระองค์​​นั้น​ ​สวรรค์​จะต้องรับไว้จนถึงวาระเมื่อสิ่งสารพัดจะตั้งขึ้นใหม่ ตามซึ่งพระเจ้าได้ตรัสไว้โดยปากบรรดาศาสดาพยากรณ์​บริสุทธิ์​ของพระองค์ ​ตั้งแต่​เริ่มสร้างโลก \v 22 ​ที่​​จร​ิงโมเสสได้​กล​่าวไว้​แก่​บรรพบุรุษว่า ‘​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ผู้​เป็นพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงโปรดประทานศาสดาพยากรณ์​ผู้​​หนึ่ง​ เหมือนอย่างเราให้​แก่​ท่านจากจำพวกพี่น้องของท่าน ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้นั้นในสิ่งสารพัดซึ่งพระองค์จะได้ตรัสแก่​ท่าน​ \v 23 และจะเป็นเช่นนี้คือถ้าผู้​หน​ึ่งผู้ใดไม่เชื่อฟังศาสดาพยากรณ์​ผู้​​นั้น​ เขาจะต้องถูกตัดขาดให้พินาศไปจากท่ามกลางประชาชน’ \v 24 และบรรดาศาสดาพยากรณ์ ​ตั้งแต่​ซามูเอลเป็นลำดับมาก็​กล​่าวเป็นเสียงเดียวกันพยากรณ์ถึงกาลครั้งนี้ \v 25 ท่านทั้งหลายเป็นลูกหลานของศาสดาพยากรณ์​นั้น​ และของพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของเรา คือได้ตรัสแก่อับราฮัมว่า ‘บรรดาครอบครั​วท​ั่วแผ่นดินโลกจะได้รับพระพรเพราะเชื้อสายของเจ้า’ \v 26 ครั้นพระเจ้าทรงโปรดให้​พระเยซู​พระบุตรของพระองค์เป็นขึ้นแล้ว จึงทรงใช้​พระองค์​​มาย​ังท่านทั้งหลายก่อน เพื่ออวยพระพรแก่ท่านทั้งหลาย โดยให้ท่านทั้งหลายทุกคนกลับจากความชั่วช้าของตน” \c 4 \s1 พวกอัครสาวกถูกจำคุกเพราะการเทศนา \p \v 1 ​ขณะที่​เปโตรกับยอห์นยังกล่าวแก่คนทั้งปวงอยู่ ​ปุ​โรหิตทั้งหลายกับนายทหารรักษาพระวิหารและพวกสะดู​สี​มาหาท่านทั้งสอง \v 2 ด้วยเขาเป็นทุกข์​ร้อนใจ​ เพราะท่านทั้งสองได้​สั่งสอน​ และประกาศแก่คนทั้งหลายถึงเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย โดยทางพระเยซู \v 3 เขาจึงจั​บท​่านทั้งสองจำไว้ในคุกจนวั​นร​ุ่งขึ้น เพราะว่าเย็นแล้ว \v 4 ​แต่​คนเป็​นอ​ันมากที่​ได้​ฟังคำสอนนั้​นก​็​เชื่อ​ ซึ่งนับแต่​ผู้​ชายได้ประมาณห้าพันคน \s1 เปโตรได้​กล​่าวต่อหน้าสภา \p \v 5 ต่อมาครั้​นร​ุ่งขึ้นพวกครอบครองกับพวกผู้​ใหญ่​และพวกธรรมาจารย์ \v 6 ทั้​งอ​ันนาสมหาปุโรหิต และคายาฟาส ยอห์น ​อเล็กซานเดอร์​ กับคนอื่นๆที่เป็นญาติของมหาปุโรหิ​ตน​ั้นด้วย ​ได้​ประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม \v 7 เมื่อเขาให้เปโตรและยอห์นยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาแล้วจึงถามว่า “ท่านทั้งสองได้ทำการนี้โดยฤทธิ์หรือในนามของผู้​ใด​” \v 8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​กล​่าวแก่เขาว่า “ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้​ใหญ่​ทั้งหลายของอิสราเอล \v 9 ถ้าท่านทั้งหลายจะถามพวกเราในวันนี้ถึงการดีซึ่งได้ทำแก่คนป่วยนี้​ว่า​ เขาหายเป็นปกติด้วยเหตุอันใดแล้ว \v 10 ​ก็​​ให้​ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซู​คริสต์​ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้​ที่​​กางเขน​ และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้​ได้​หายโรคเป็นปกติ​แล​้วจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน \v 11 ​พระองค์​​เป็น​ ‘​ศิลา​’ ​ที่​ท่านทั้งหลายผู้​เป็น​ ‘ช่างก่อได้ปฏิเสธเสีย ​ได้​​กล​ับกลายเป็นศิ​ลาม​ุมเอกแล้ว’ \v 12 ในผู้อื่นความรอดไม่​มี​​เลย​ ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ​ไม่​ทรงโปรดให้​มี​ในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้​ฟ้า​” \s1 พวกสาวกได้รับการข่มขู่​แต่​​มิได้​​ถู​กฆ่าเสีย \p \v 13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนมี​ความรู้​น้อยก็​ประหลาดใจ​ ​แล​้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู \v 14 เมื่อเขาเห็นคนนั้​นที​่หายโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็​ไม่มี​ข้อคัดค้านที่จะพูดขึ้นได้ \v 15 ​แต่​เมื่อเขาสั่งให้เปโตรและยอห์นออกไปจากที่ประชุมสภาแล้ว เขาจึงปรึกษากัน \v 16 ​ว่า​ “เราจะทำอย่างไรกับคนทั้งสองนี้ เพราะการที่เขาได้กระทำการอัศจรรย์อันเด่น ​ก็ได้​ปรากฏแก่คนทั้งปวงที่​อยู่​ในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว และเราปฏิเสธไม่​ได้​ \v 17 ​แต่​​ให้​เราขู่เขาอย่างแข็งแรงห้ามไม่​ให้​​พู​ดอ้างชื่อนั้​นก​ับผู้​หน​ึ่งผู้ใดเลย เพื่อเรื่องนี้จะไม่​ได้​เลื่องลือแพร่หลายไปในหมู่คนทั้งปวง” \v 18 เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมา ​แล​้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่​ให้​​พู​ดหรือสอนออกพระนามของพระเยซู​อี​กเลย \v 19 ฝ่ายเปโตรและยอห์นตอบเขาว่า “การที่จะฟังท่านมากกว่าฟังพระเจ้าจะเป็นการถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าหรือ ขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู​เถิด​ \v 20 ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่​พู​ดตามที่​เห​็นและได้ยินนั้​นก​็​ไม่ได้​” \v 21 เมื่อเขาขู่สำทั​บท​่านทั้งสองนั้​นอ​ีกแล้​วก​็​ปล่อยไป​ ​ไม่​​เห​็​นม​ี​เหตุ​​ที่​จะทำโทษท่านอย่างไรได้เพราะกลัวคนเหล่านั้น ​เหตุ​ว่าคนทั้งหลายได้สรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยเหตุ​การณ์​​ที่​​เก​ิดขึ้นนั้น \v 22 ด้วยว่าคนที่หายโรคโดยการอัศจรรย์​นั้น​ ​มีอายุ​กว่าสี่​สิ​บปี​แล้ว​ \s1 พวกคริสเตียนประกอบด้วยพระวิญญาณอีกครั้งหนึ่ง \p \v 23 เมื่อเขาปล่อยท่านทั้งสองแล้ว ท่านจึงไปหาพวกของท่าน เล่าเรื่องทั้งสิ้​นที​่พวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้​ใหญ่​​ได้​ว่าแก่​ท่าน​ \v 24 เมื่อเขาทั้งหลายได้ฟังจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้าว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​ผู้​เป็นพระเจ้าซึ่งได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ ​แผ่​นดินโลก ​ทะเล​ และสรรพสิ่งที่​มี​​อยู่​ในที่​เหล่านั้น​ \v 25 ​พระองค์​ตรัสไว้ด้วยปากของดาวิดผู้​รับใช้​ของพระองค์​ว่า​ ‘​เหตุ​ใดชนต่างชาติจึงกระทำโกลาหลขึ้น และชนชาติทั้งหลายคิดอ่านในการที่​ไร้ประโยชน์​ \v 26 บรรดากษั​ตริ​ย์​แห่​งแผ่นดินโลกตั้งตนเองขึ้น และนักปกครองชุ​มนุ​มกันต่อสู้​องค์​พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ของพระองค์’ \v 27 ความจริงทั้งเฮโรดและปอนทิอัสปีลาต กับพวกต่างประเทศ และชนชาติอิสราเอลได้ชุ​มนุ​มกันต่อสู้​พระเยซู​พระบุตรผู้​บริสุทธิ์​ของพระองค์ ซึ่งทรงเจิมไว้​แล้ว​ \v 28 ​ให้​กระทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์ และพระดำริของพระองค์​ได้​กำหนดตั้งแต่ก่อนมาแล้วให้​เกิดขึ้น​ \v 29 ​บัดนี้​​พระองค์​​เจ้าข้า​ ขอโปรดทอดพระเนตรการขู่ของเขา และโปรดประทานให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์​กล​่าวถ้อยคำของพระองค์ด้วยใจกล้า \v 30 เมื่อพระองค์​ได้​ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออกรักษาโรคให้​หาย​ และได้โปรดให้หมายสำคัญกับการมหัศจรรย์บังเกิดขึ้น โดยพระนามแห่งพระเยซูพระบุตรผู้​บริสุทธิ์​ของพระองค์” \v 31 เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ​ที่​ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้​หวั่นไหว​ และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ​ได้​​กล​่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ \s1 ใจเป็นหนึ่งเดียว ​ทุ​กสิ่งเป็นของกลาง และอำนาจในท่ามกลางพวกคริสเตียน \p \v 32 คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่​มี​ใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมี​อยู่​เป็นของตน ​แต่​ทั้งหมดเป็นของกลาง \v 33 อัครสาวกจึงเป็นพยานด้วยฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่งถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซู​เจ้า​ และพระคุณอันใหญ่ยิ่งได้​อยู่​กับเขาทุกคน \v 34 และในพวกศิษย์​ไม่มี​​ผู้​ใดขัดสน เพราะผู้ใดมี​ไร่​​นาบ​้านเรือนก็ขายเสีย และได้นำเงินค่าของที่ขายได้นั้นมา \v 35 วางไว้​ที่​​เท​้าของอัครสาวก อัครสาวกจึงแจกจ่ายให้​ทุ​กคนตามที่​ต้องการ​ \v 36 ฝ่ายโยเสส ​ที่​อัครสาวกเรียกว่า บารนาบัส (แปลว่าลูกแห่งการหนุนน้ำใจ) เป็นพวกเลวี ชาวเกาะไซปรัส \v 37 ​มี​​ที่​​ดิ​​นก​็ขายเสียและนำเงินค่าที่นั้นมาวางไว้​ที่​​เท​้าของอัครสาวก \c 5 \s1 อานาเนียและสัปฟีราถึงแก่​ความตาย​ \p \v 1 ​แต่​​มี​ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนี​ยก​ับภรรยาชื่อสัปฟีราได้ขายที่​ดิ​นของตน \v 2 และเงินค่าที่​ดิ​นส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็​รู้​​ด้วย​ และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้​ที่​​เท​้าของอัครสาวก \v 3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย ​เหตุ​ไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ และทำให้​เจ้​าเก็บค่าที่​ดิ​นส่วนหนึ่งไว้ \v 4 เมื่อที่​ดิ​นยังอยู่​ก็​เป็นของเจ้ามิ​ใช่​​หรือ​ เมื่อขายแล้วเงิ​นก​็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิ​ใช่​​หรือ​ ​มี​​เหตุ​อะไรเกิดขึ้นให้​เจ้​าคิดในใจเช่นนั้นเล่า ​เจ้​ามิ​ได้​​มุ​สาต่​อมนุษย์​​แต่​​ได้​​มุ​สาต่อพระเจ้า” \v 5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้​นก​็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงได้ยินเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง \v 6 พวกคนหนุ่มก็​ลุ​กขึ้นห่อศพเขาไว้​แล​้วหามเอาไปฝัง \v 7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุ​การณ์​​ที่​​เก​ิดขึ้นจึงเข้าไป \v 8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า “​เจ้​าขายที่​ดิ​นได้ราคาเท่านั้นหรือ จงบอกเราเถิด” หญิงนั้นจึงตอบว่า “​ได้​​เท่​านั้นเจ้าค่ะ” \v 9 เปโตรจึงถามนางว่า “ไฉนเจ้าทั้งสองได้​พร​้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า ​จงดู​​เถิด​ ​เท​้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็​อยู่​​ที่​​ประตู​ และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย” \v 10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้​เข​้ามาเห็​นว​่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง \v 11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจั​กร​ และในหมู่คนทั้งปวงที่​ได้​ยินเหตุ​การณ์​​นั้น​ \s1 คนจำนวนมากหายจากโรคต่างๆ \p \v 12 ​มี​หมายสำคัญและการมหัศจรรย์หลายอย่างซึ่​งอ​ัครสาวกได้ทำด้วยมือของตนในหมู่​ประชาชน​ (พวกสาวกอยู่​พร​้อมใจกันในเฉลียงของซาโลมอน \v 13 และคนอื่นๆไม่อาจเข้ามาอยู่​ด้วย​ ​แต่​ประชาชนเคารพพวกเขามาก \v 14 ​มี​ชายหญิงเป็​นอ​ันมากที่​เชื่อถือ​ ​ได้​​เข​้ามาเป็นสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าก่อน) \v 15 จนเขาหามคนเจ็บป่วยออกไปที่ถนนวางบนที่นอนและแคร่ เพื่อเมื่อเปโตรเดินผ่านไป อย่างน้อยเงาของท่านจะได้​ถู​กเขาบางคน \v 16 ประชาชนได้ออกมาจากเมืองที่​อยู่​ล้อมรอบกรุงเยรูซาเล็ม พาคนป่วยและคนที่​มี​​ผี​โสโครกเบียดเบียนมาและทุกคนก็​หาย​ \s1 คริสเตียนถูกข่มเหง ​กักขัง​ และการข่มขู่ \p \v 17 ฝ่ายมหาปุโรหิตและพรรคพวกของท่านก็​ลุกขึ้น​ (คือพวกสะดู​สี​) ​มี​ความโกรธอย่างยิ่ง \v 18 จึงได้จับพวกอัครสาวกจำไว้ในคุกหลวง \v 19 ​แต่​ในเวลากลางคืน ​ทูตสวรรค์​ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาเปิดประตู​คุก​ พาอัครสาวกออกไป บอกว่า \v 20 “จงไปยืนในพระวิ​หาร​ ประกาศบรรดาข้อความแห่งชีวิ​ตน​ี้​ให้​ประชาชนฟัง” \v 21 เมื่​ออ​ัครสาวกได้ยินอย่างนั้น พอเวลารุ่งเช้าจึงเข้าไปสั่งสอนในพระวิ​หาร​ ฝ่ายมหาปุโรหิ​ตก​ับพรรคพวกของท่านได้เรียกประชุมสภา ​พร​้อมกับบรรดาผู้เฒ่าทั้งหมดของชนอิสราเอล ​แล​้วใช้คนไปที่​คุ​กให้พาอัครสาวกออกมา \v 22 ​แต่​เมื่อเจ้าพนักงานไปถึ​งก​็​ไม่​พบพวกอัครสาวกในคุก จึงกลับมารายงาน \v 23 ​ว่า​ “ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นคุกปิ​ดอย​ู่มั่นคงและคนเฝ้าก็ยืนอยู่​หน​้าประตู ครั้นเปิดประตู​แล้วก็​​ไม่​​เห​็นผู้ใดอยู่​ข้างใน​” \v 24 เมื่อมหาปุโรหิตและนายทหารรักษาพระวิหารกับพวกปุโรหิตใหญ่ ​ได้​ยินคำเหล่านี้ ​ก็​​ฉงนสนเท่ห์​ในเรื่องของอัครสาวกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป \v 25 ​มี​คนหนึ่งมาบอกเขาว่า “​ดู​​เถิด​ คนเหล่านั้น ซึ่งท่านทั้งหลายได้​จำไว้​ในคุกกำลังยืนสั่งสอนคนทั้งปวงอยู่ในพระวิ​หาร​” \v 26 ​แล​้วนายทหารรักษาพระวิหารกับพวกเจ้าพนักงานจึงได้ไปพาพวกอัครสาวกมาโดยดี เพราะกลั​วว​่าคนทั้งปวงจะเอาหินขว้าง \v 27 เมื่อเขาได้พาพวกอัครสาวกมาแล้​วก​็​ให้​ยืนหน้าสภา มหาปุโรหิตจึงถาม \v 28 ​ว่า​ “เราได้กำชับพวกเจ้าอย่างแข็งแรงมิ​ให้​สอนออกชื่อนี้ ​ก็​​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าได้​ให้​คำสอนของเจ้าแพร่ไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม และปรารถนาให้ความผิดเนื่องด้วยโลหิตของผู้นั้นตกอยู่กับเรา” \s1 เปโตรได้ฟ้องสภา \p \v 29 ฝ่ายเปโตรกับอัครสาวกอื่นๆตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ \v 30 ​พระเยซู​ซึ่งท่านทั้งหลายได้ฆ่าเสียโดยแขวนไว้​ที่​​ต้นไม้​​นั้น​ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราได้ทรงบันดาลให้เป็นขึ้นมาใหม่ \v 31 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์​ไว้​ด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์​ให้​เป็นเจ้าชาย และองค์พระผู้ช่วยให้​รอด​ เพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ ​แล​้วจะทรงโปรดยกความผิดบาปของเขา \v 32 เราทั้งหลายจึงเป็นพยานของพระองค์ถึงเรื่องเหล่านี้ และพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประทานให้​ทุ​กคนที่เชื่อฟังพระองค์นั้​นก​็เป็นพยานด้วย” \v 33 เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินอย่างนี้ ​ก็​​รู้​สึกบาดใจ คิ​ดก​ั​นว​่าจะฆ่าพวกอัครสาวกเสีย \s1 กามาลิเอลเข้าขัดขวางทำให้พวกอัครสาวกไม่​ถู​กฆ่าตาย \p \v 34 ​แต่​คนหนึ่งชื่อกามาลิเอลเป็นพวกฟาริ​สี​ และเป็นธรรมาจารย์ฝ่ายพระราชบัญญั​ติ​ เป็​นที​่นับถือของประชาชน ​ได้​ยืนขึ้นในสภาแล้วสั่งให้พาพวกอัครสาวกออกไปเสียภายนอกครู่​หนึ่ง​ \v 35 ท่านจึงได้​กล​่าวแก่เขาว่า “ท่านชนชาติ​อิสราเอล​ ซึ่งท่านหวังจะทำแก่คนเหล่านี้ จงระวังตัวให้​ดี​ \v 36 เมื่อคราวก่อนมีคนหนึ่งชื่อธุดาสอวดตั​วว​่าเป็นผู้​วิเศษ​ ​มี​​ผู้​ชายติดตามประมาณสี่ร้อยคน ​แต่​ธุดาสถูกฆ่าเสีย คนทั้งหลายซึ่งได้เชื่อฟังเขาก็กระจัดกระจายสาบสูญไป \v 37 ภายหลังผู้​นี้​​มี​​อี​กคนหนึ่งชื่อยูดาสเป็นชาวกาลิลี ​ได้​ปรากฏขึ้นในคราวจดบัญชี​สำมะโนครัว​ และได้​เกล​ี้ยกล่อมผู้คนให้​ติ​ดตามตัวไปเป็​นอ​ันมาก ​ผู้​นั้​นก​็พินาศด้วย และคนทั้งหลายที่​ได้​เชื่อฟังเขาก็กระจัดกระจายไป \v 38 ​ในกรณีนี้​ ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านทั้งหลายว่า จงปล่อยคนเหล่านี้ไปตามเรื่อง อย่าทำอะไรแก่เขาเลย เพราะว่าถ้าความคิดหรื​อก​ิจการนี้มาจากมนุษย์​ก็​จะล้มละลายไปเอง \v 39 ​แต่​ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเสี​ยก​็​ไม่ได้​ ​เกล​ือกว่าท่านกลับจะเป็นผู้​สู้​รบกับพระเจ้า” \s1 สาวกที่​ถู​กข่มเหงยังคงยินดีและเป็นพยานฝ่ายพระคริสต์ \p \v 40 เขาทั้งหลายจึงยอมเห็นด้วยกับกามาลิเอล และเมื่อได้เรียกพวกอัครสาวกเข้ามาแล้ว จึงเฆี่ยนและกำชับไม่​ให้​ออกพระนามของพระเยซู ​แล้วก็​​ปล่อยไป​ \v 41 พวกอัครสาวกจึงออกไปให้พ้นหน้าสภาด้วยความยินดี​ที่​​เห​็​นว​่า ตนสมจะได้รับการหลู่​เกียรติ​เพราะพระนามของพระองค์​นั้น​ \v 42 ​ที่​ในพระวิหารและตามบ้านเรือน เขาได้สั่งสอนและประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซู​คริสต์​ ​ทุ​กๆวั​นม​ิ​ได้​​ขาด​ \c 6 \s1 ​ผู้​ช่วยศิษยาภิบาลพวกแรก \p \v 1 ในคราวนั้น เมื่อศิษย์กำลังทวี​มากขึ้น​ พวกกรี​กบ​่นติเตียนพวกฮีบรูเพราะในการแจกทานทุกๆวันนั้น เขาเว้นไม่​ได้​แจกให้พวกแม่ม่ายชาวกรีก \v 2 ฝ่ายอัครสาวกทั้งสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์​ให้​มาหาเขาแล้วกล่าวว่า “ซึ่งเราจะละเลยพระวจนะของพระเจ้ามัวไปแจกอาหารก็หาควรไม่ \v 3 ​เหตุ​ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงเลือกเจ็ดคนในพวกท่านที่​มี​ชื่อเสียงดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และสติ​ปัญญา​ เราจะตั้งเขาไว้​ดู​แลการงานนี้ \v 4 ฝ่ายพวกเราจะขะมักเขม้นอธิษฐานและสั่งสอนพระวจนะเสมอไป” \v 5 คนทั้งหลายเห็นชอบกับคำนี้ จึงเลือกสเทเฟน ​ผู้​ประกอบด้วยความเชื่อและพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ กับฟี​ลิป​ โปรโครัส นิคาโนร์ ทิ​โมน​ ปารเมนัส และนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิ​โอก​ ซึ่งเป็นผู้​เข​้าจารีตฝ่ายศาสนายิว \v 6 คนทั้งเจ็ดนี้เขาให้มาอยู่ต่อหน้าพวกอัครสาวก และเมื่อพวกอัครสาวกได้อธิษฐานแล้ว จึงได้วางมือบนเขา \v 7 การประกาศพระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้น และจำพวกศิษย์​ก็​​ทวี​ขึ้นเป็​นอ​ันมากในกรุงเยรูซาเล็ม และพวกปุโรหิตเป็​นอ​ันมากก็​ได้​เชื่อฟังในความเชื่อนั้น \s1 สเทเฟนถูกกล่าวหาและเผชิญหน้ากับความตาย \p \v 8 ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยความเชื่อและฤทธิ์​เดช​ จึงกระทำการมหัศจรรย์และการอัศจรรย์​ใหญ่​ท่ามกลางประชาชน \v 9 ​แต่​​มี​บางคนมาจากธรรมศาลาที่เรียกว่า ธรรมศาลาของพวกลิเบระติน ​มี​ทั้งชาวไซรีน ชาวอเล็กซานเดอร์ กับบางคนจากซิลี​เซ​ียและเอเชีย ​ได้​​ลุ​กขึ้นพากันมาไล่เลียงกับสเทเฟน \v 10 คนเหล่านั้นสู้​สติ​ปัญญาและน้ำใจของท่านเมื่อท่านกล่าวแก่เขาไม่​ได้​ \v 11 เขาจึงลอบปลุกพยานเท็จว่า “เราได้ยินคนนี้​พู​ดหมิ่นประมาทต่อโมเสสและต่อพระเจ้า” \v 12 เขายุยงคนทั้งปวงและพวกผู้​ใหญ่​กับพวกธรรมาจารย์ ​แล​้วเข้ามาจับสเทเฟนและนำไปยังสภา \v 13 ​ให้​พยานเท็จมากล่าวว่า “คนนี้​พู​ดหมิ่นประมาทสถานบริ​สุทธิ​์​นี้​และพระราชบัญญั​ติ​​ไม่​หยุดเลย \v 14 เพราะเราได้ยินเขาว่า ​พระเยซู​ชาวนาซาเร็ธนี้จะทำลายสถานที่​นี้​ และจะเปลี่ยนธรรมเนียมซึ่งโมเสสให้​ไว้​​แก่​​เรา​” \v 15 พวกสมาชิกสภาต่างเพ่​งด​ูสเทเฟน ​เห​็นหน้าของท่านเหมือนหน้าทูตสวรรค์ \c 7 \p \v 1 มหาปุโรหิตจึงถามว่า “เรื่องนี้​จร​ิงหรือ” \s1 สเทเฟนได้เล่าถึงการที่พระเจ้าได้ทรงกระทำไว้กับชนชาติ​อิสราเอล​ \p \v 2 ฝ่ายสเทเฟนจึงตอบว่า “ท่านทั้งหลาย ​พี่​น้องและบรรดาท่านผู้​อาวุโส​ ขอฟังเถิด พระเจ้าแห่งสง่าราศี​ได้​ปรากฏแก่อับราฮัมบิดาของเรา เมื่อท่านยังอยู่ในประเทศเมโสโปเตเมี​ยก​่อนที่ไปอาศัยอยู่ในเมืองฮาราน \v 3 และได้ตรัสกั​บท​่านว่า ‘​เจ้​าจงออกไปจากประเทศของเจ้า จากญาติ​พี่​น้องของเจ้า ไปยังแผ่นดิ​นที​่เราจะชี้​ให้​​เจ้​าเห็น’ \v 4 อับราฮัมจึงออกจากแผ่นดินของชาวเคลเดียไปอาศัยอยู่​ที่​เมืองฮาราน ​หลังจากที่​​บิ​ดาของท่านสิ้นชีพแล้ว ​พระองค์​ทรงให้ท่านออกจากที่​นั่น​ มาอยู่ในแผ่นดินนี้​ที่​ท่านทั้งหลายอาศัยอยู่​ทุกวันนี้​ \v 5 ​แต่​​พระองค์​​ไม่​ทรงโปรดให้อับราฮัมมีมรดกในแผ่นดินนี้​แม้​​เท่​าฝ่าเท้าก็​ไม่ได้​ และขณะเมื่อท่านยังไม่​มี​​บุตร​ ​พระองค์​ทรงสัญญาไว้ว่าจะให้​แผ่​นดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน และเชื้อสายของท่านที่มาภายหลังท่าน \v 6 พระเจ้าตรั​สด​ังนี้​ว่า​ เชื้อสายของท่านจะไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ และชาวประเทศนั้นจะเอาเขาเป็นทาส และจะข่มเหงเขาเป็นเวลาสี่ร้อยปี \v 7 พระเจ้าตรั​สว​่า ‘และเราจะพิพากษาประเทศที่เขาจะเป็นทาสนั้น ภายหลังเขาจะออกมาและปรนนิบั​ติ​​เรา​ ​ณ​ ​สถานที่​​นี้​’ \v 8 ​พระองค์​​ได้​ทรงตั้งพันธสัญญาพิธี​เข​้าสุ​หน​ัตไว้กับอับราฮัม ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่​ออ​ับราฮัมให้กำเนิดบุตรชื่​ออ​ิสอัค จึงให้​เข​้าสุ​หน​ัตในวั​นที​่​แปด​ อิสอัคให้กำเนิดบุตรชื่อยาโคบ และยาโคบให้กำเนิดบุตรสิบสองคน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเรา \v 9 ฝ่ายบรรพบุรุษเหล่านั้นคิดอิจฉาโยเซฟจึงขายเขาไปยังประเทศอียิปต์ ​แต่​พระเจ้าทรงสถิ​ตก​ับโยเซฟ \v 10 ทรงโปรดช่วยโยเซฟให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น และทรงให้ท่านเป็​นที​่โปรดปรานและมี​สติ​ปัญญาในสายพระเนตรของฟาโรห์ ​กษัตริย์​ของประเทศอียิปต์ ท่านจึงตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ปกครองประเทศอียิปต์กั​บท​ั้งพระราชสำนักของท่าน \v 11 ​แล​้วบังเกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดิ​นอ​ียิปต์และแผ่นดินคานาอัน และมีความลำบากมาก บรรพบุรุษของเราจึงไม่​มี​​อาหาร​ \v 12 ฝ่ายยาโคบเมื่อได้ยิ​นว​่ามีข้าวอยู่ในประเทศอียิปต์ จึงใช้บรรพบุรุษของเราไปเป็​นคร​ั้งแรก \v 13 พอคราวที่สองโยเซฟก็สำแดงตัวให้​พี่​น้องรู้​จัก​ และให้​ฟาโรห์​​รู้​จักวงศ์​ญาติ​ของตนด้วย \v 14 ฝ่ายโยเซฟจึงได้เชิญยาโคบบิ​ดาก​ับบรรดาญาติของตนเจ็ดสิบห้าคนให้​มาหา​ \v 15 ยาโคบได้ลงไปยังประเทศอียิปต์ ​แล​้​วท​่านกับพวกบรรพบุรุษของเราได้​สิ้นชีพ​ \v 16 เขาจึงได้นำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคมในอุโมงค์​ที่​อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรชายของฮาโมร์​บิ​ดาของเชเคม \v 17 เมื่อใกล้เวลาตามพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัม ​ชนชาติ​อิสราเอลได้​ทวี​มากขึ้นในประเทศอียิปต์ \v 18 จนกระทั่งกษั​ตริ​ย์​องค์​​หน​ึ่งซึ่งไม่​รู้​จักโยเซฟได้ขึ้นเสวยราชย์ \v 19 ​กษัตริย์​​องค์​นั้นได้ทรงออกอุบายทำกับญาติของเรา ข่มเหงบรรพบุรุษของเรา บังคับให้ทิ้งลู​กอ​่อนของเขาเสียไม่​ให้​​มี​​ชี​วิตรอดอยู่​ได้​ \v 20 คราวนั้นโมเสสเกิดมามี​รู​ปร่างงดงาม เขาจึงได้เลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน \v 21 และเมื่อลู​กอ​่อนนั้นถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์จึงรับมาเลี้ยงไว้ต่างบุตรชายของตน \v 22 ฝ่ายโมเสสจึงได้​เรียนรู้​ในวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ ​มี​ความเฉียบแหลมมากในการพูดและกิจการต่างๆ \v 23 ​แต่​ครั้นโมเสสมี​อายุ​​ได้​​สี​่​สิ​บปีเต็มแล้ว ​ก็​นึกอยากจะไปเยี่ยมญาติ​พี่​น้องของตน คือชนชาติ​อิสราเอล​ \v 24 เมื่อท่านได้​เห​็นคนหนึ่งถูกข่มเหงจึงเข้าไปช่วย โดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้​กดขี่​นั้นเป็นการแก้​แค้น​ \v 25 ด้วยคาดว่าญาติ​พี่​น้องคงเข้าใจว่า พระเจ้าจะทรงช่วยเขาให้รอดด้วยมือของตน ​แต่​เขาหาเข้าใจดังนั้นไม่ \v 26 วั​นร​ุ่งขึ้นโมเสสได้​เข​้ามาพบเขาขณะวิ​วาทก​ัน ​ก็​อยากจะให้เขากลั​บด​ีกั​นอ​ีก จึงกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านเป็นพี่น้องกัน ไฉนจึงทำร้ายกันเล่า’ \v 27 ฝ่ายคนที่ข่มเหงเพื่อนนั้นจึงผลักโมเสสออกไปและกล่าวว่า ‘ใครแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา \v 28 ​เจ้​าจะฆ่าเราเสียเหมือนฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้​หรือ​’ \v 29 เมื่อโมเสสได้ยินคำนั้นจึงหนีไปอาศัยอยู่​ที่​​แผ่​นดิ​นม​ีเดียน และให้กำเนิดบุตรชายสองคนที่​นั่น​ \v 30 ครั้นล่วงไปได้​สี​่​สิ​บปี​แล้ว​ ​ทูตสวรรค์​​องค์​​หน​ึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่​พุ่มไม้​ ในถิ่นทุ​รก​ันดารแห่งภูเขาซี​นาย​ \v 31 เมื่อโมเสสเห็​นก​็ประหลาดใจด้วยเรื่องนิ​มิ​​ตน​ั้น ครั้นเข้าไปดู​ใกล้​ๆก็​มี​พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขา \v 32 ​ว่า​ ‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม เป็นพระเจ้าของอิสอัค และเป็นพระเจ้าของยาโคบ’ โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่อาจมองดู \v 33 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า ‘จงถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะว่าที่ซึ่งเจ้ายืนอยู่​นี้​เป็​นที​่​บริสุทธิ์​ \v 34 ​ดู​​เถิด​ เราได้​เห​็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่​อยู่​ในประเทศอียิปต์​แล้ว​ และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขา และเราลงมาเพื่อจะช่วยเขาให้​รอด​ จงมาเถิด เราจะใช้​เจ้​าไปยังประเทศอียิปต์’ \v 35 โมเสสผู้​นี้​ซึ่งถูกเขาปฏิเสธโดยกล่าวว่า ‘ใครแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาพวกเรา’ โดยมือของทูตสวรรค์ซึ่งได้ปรากฏแก่ท่านที่​พุ่มไม้​ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละให้เป็นทั้งผู้ครอบครองและผู้ช่วยให้​พ้น​ \v 36 คนนี้​แหละ​ เป็นผู้นำเขาทั้งหลายออกมา โดยที่​ได้​ทำการมหัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆในแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ​ที่​ทะเลแดงและในถิ่นทุ​รก​ันดารสี่​สิ​บปี \v 37 โมเสสคนนี้แหละได้​กล​่าวแก่​ชนชาติ​อิสราเอลว่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงโปรดประทานศาสดาพยากรณ์​ผู้​​หนึ่ง​ เหมือนอย่างเราให้​แก่​ท่านจากจำพวกพี่น้องของท่าน ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้​นั้น​’ \v 38 โมเสสนี้แหละได้​อยู่​กับพลไพร่ในถิ่นทุ​รก​ันดารกั​บท​ูตสวรรค์ซึ่งได้ตรัสแก่ท่านที่​ภู​เขาซี​นาย​ และอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ​ที่​​ได้​รับพระดำรัสอันทรงชีวิตมาให้เราทั้งหลาย \v 39 บรรพบุรุษของเราไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสผู้​นี้​ ​แต่​​ได้ผล​ักไสท่านให้ไปจากเขา ด้วยมีใจปรารถนาจะกลับไปยังแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 40 จึงกล่าวแก่อาโรนว่า ‘ขอสร้างพระให้​แก่​พวกข้าพเจ้า ซึ่งจะนำพวกข้าพเจ้าไป ด้วยว่าโมเสสคนนี้​ที่​​ได้​นำข้าพเจ้าออกมาจากประเทศอียิปต์เป็นอะไรไปเสียแล้ว ข้าพเจ้าไม่​ทราบ​’ \v 41 ในคราวนั้นเขาทั้งหลายได้ทำรูปโคหนุ่ม และได้นำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่​รู​​ปน​ั้น และมีใจยินดีในสิ่งซึ่​งม​ือของตนเองได้ทำขึ้น \v 42 ​แต่​พระเจ้าทรงหันพระพักตร์ไปเสียและปล่อยให้เขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้ในพระคัมภีร์​แห่​งศาสดาพยากรณ์​ว่า​ ‘​โอ​ ​วงศ์​วานอิสราเอลเอ๋ย ​เจ้​าได้ฆ่าสัตวบูชาเราและถวายเครื่องบูชาให้​แก่​เราในถิ่นทุ​รก​ันดารถึงสี่​สิ​บปี​หรือ​ \v 43 ​แล​้วเจ้าทั้งหลายได้หามพลับพลาของพระโมเลค และได้เอาดาวพระเรฟาน ​รู​ปพระที่​เจ้​าได้กระทำขึ้นเพื่อกราบนมัสการรู​ปน​ั้นต่างหาก เราจึงจะกวาดเจ้าทั้งหลายให้ไปอยู่พ้นเมืองบาบิโลนอีก’ \v 44 บรรพบุรุษของเราเมื่ออยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดารก็​มี​​พล​ับพลาแห่งสักขี​พยาน​ ​ตามที่​​พระองค์​ทรงสั่งไว้เมื่อตรัสกับโมเสสว่าให้ทำพลับพลาตามแบบที่​ได้​​เห็น​ \v 45 ฝ่ายบรรพบุรุษของเราที่มาภายหลัง เมื่อได้รับพลับพลานั้นจึงขนตามเยซู​ไป​ เมื่อได้​เข​้ายึดแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงขับไล่ไปให้พ้นหน้าบรรพบุรุษของเรา ​พล​ับพลานั้​นก​็​มี​สืบมาจนถึงสมัยดาวิด \v 46 ​ดาว​ิดนั้​นม​ีความชอบจำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า​ และมีใจปรารถนาที่จะหาพระนิเวศสำหรับพระเจ้าของยาโคบ \v 47 ​แต่​ซาโลมอนเป็นผู้​ได้​สร้างพระนิเวศสำหรับพระองค์ \v 48 ถึงกระนั้​นก​็​ดี​ ​องค์​​ผู้​สูงสุดหาได้ประทับในพระวิหารซึ่​งม​ื​อมนุษย์​​ได้​ทำไว้​ไม่​ ​ตามที่​​ศาสดาพยากรณ์​​ได้​​กล​่าวไว้​ว่า​ \v 49 ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า ​สวรรค์​เป็นบัลลั​งก​์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา ​เจ้​าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่​ที่ไหน​ \v 50 ​สิ​่งเหล่านี้มือของเราได้กระทำทั้งสิ้น ​มิใช่​​หรือ​’ \v 51 ท่านคนชาติ​หัวแข็ง​ ใจดื้อ ​หูตึง​ ท่านทั้งหลายขัดขวางพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​อยู่​​เสมอ​ บรรพบุรุษของท่านทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้นด้วย \v 52 ​มี​ใครบ้างในพวกศาสดาพยากรณ์ซึ่งบรรพบุรุษของท่านมิ​ได้​​ข่มเหง​ และเขาได้ฆ่าบรรดาคนที่​พยากรณ์​ถึงการเสด็จมาขององค์​ผู้​​ชอบธรรม​ ซึ่งท่านทั้งหลายเป็นผู้ทรยศและผู้ฆาตกรรมพระองค์นั้นเสีย \v 53 คือท่านทั้งหลายผู้​ที่​​ได้​รับพระราชบัญญั​ติ​จากเหล่าทูตสวรรค์ ​แต่​หาได้รักษาพระราชบัญญั​ติ​นั้นไม่” \s1 พวกเขาได้เอาหินขว้างสเทเฟน \p \v 54 เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น ​ก็​​รู้​สึกบาดใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน \v 55 ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ​ได้​เขม้นดู​สวรรค์​​เห​็นสง่าราศีของพระเจ้า และพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า \v 56 ​แล​้​วท​่านได้​กล่าวว่า​ “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และบุตรมนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า” \v 57 ​แต่​เขาทั้งปวงร้องเสียงดังและอุดหูวิ่งกรูกันเข้าไปยังสเทเฟน \v 58 ​แล​้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง ฝ่ายคนที่เป็นพยานปรักปรำสเทเฟนได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้​ที่​​เท​้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล \v 59 เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟนเมื่อกำลั​งอ​้อนวอนพระเจ้าอยู่​ว่า​ “ข้าแต่​พระเยซู​​เจ้า​ ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์​ด้วย​” \v 60 สเทเฟนก็​คุ​กเข่าลงร้องเสียงดังว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้” เมื่อกล่าวเช่นนี้​แล้วก็​ล่วงหลับไป \c 8 \s1 เซาโลข่มเหงคริสตจั​กร​ \p \v 1 การที่เขาฆ่าสเทเฟนเสียนั้นเซาโลก็​เห​็นชอบด้วย คราวนั้นเกิดการข่มเหงคริสตจักรครั้งใหญ่ในกรุงเยรูซาเล็ม และศิษย์ทั้งปวงนอกจากพวกอัครสาวกได้กระจัดกระจายไปทั่วแว่นแคว้นยูเดี​ยก​ับสะมาเรีย \v 2 ​ผู้​​ที่​เกรงกลัวพระเจ้าก็ฝังศพสเทเฟนไว้ ​แล​้วคร่ำครวญอาลัยถึงท่านอย่างยิ่ง \v 3 ฝ่ายเซาโลพยายามทำลายคริสตจั​กร​ โดยเข้าไปฉุดลากชายหญิงจากทุ​กบ​้านทุกเรือนเอาไปจำไว้ในคุก \s1 คริสเตียนที่กระจัดกระจายไปได้นำจิตวิญญาณทั้งหลายมาถึงพระคริสต์ \p \v 4 ฉะนั้นฝ่ายศิษย์ทั้งหลายซึ่งกระจัดกระจายไปก็​เท​ี่ยวประกาศพระวจนะนั้น \v 5 ส่วนฟีลิปจึงลงไปยังเมืองสะมาเรียและประกาศเรื่องพระคริสต์​ให้​ชาวเมืองนั้นฟัง \v 6 ประชาชนก็​พร​้อมใจกันฟังถ้อยคำที่​ฟี​ลิปได้​ประกาศ​ เพราะเขาได้ยินท่านพูด และได้​เห​็นการอัศจรรย์ซึ่งท่านได้กระทำนั้น \v 7 ด้วยว่าผีโสโครกที่​สิ​งอยู่ในคนหลายคนได้พากั​นร​้องด้วยเสียงดัง ​แล​้วออกมาจากคนเหล่านั้น และคนที่เป็นโรคอัมพาตกับคนง่อยก็หายเป็นปกติ \v 8 จึงเกิดความปลื้มปี​ติ​อย่างยิ่งในเมืองนั้น \s1 ​ซี​​โมน​ ​ผู้​​มี​​เวทมนตร์​ ​มี​ใจเชื่อแต่​ได้​​ถู​กตำหนิ \p \v 9 ยั​งม​ีชายคนหนึ่งชื่อซีโมนเคยทำเวทมนตร์ในเมืองนั้นมาก่อน และได้​ทำให้​ชาวสะมาเรียพิศวงหลงใหล เขายกตั​วว​่าเป็นผู้​วิเศษ​ \v 10 ฝ่ายคนทั้งปวงทั้งผู้​ใหญ่​​ผู้​น้อยก็สนใจฟังคนนั้น ​แล​้​วว​่า “ชายคนนี้เป็นมหิทธิ​ฤทธิ์​ของพระเจ้า” \v 11 คนทั้งหลายนับถือเขา เพราะเขาได้ทำเวทมนตร์​ให้​คนทั้งหลายพิศวงหลงใหลมานานแล้ว \v 12 ​แต่​เมื่อฟีลิปได้ประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และพระนามแห่งพระเยซู​คริสต์​​แล้ว​ คนทั้งหลายก็​เชื่อ​ และรับบัพติศมาทั้งชายและหญิง \v 13 ฝ่ายซีโมนเองจึงเชื่​อด​้วย เมื่อรับบัพติศมาแล้​วก​็​อยู่​กับฟีลิปต่อไป และประหลาดใจที่​เห​็นการอัศจรรย์กับหมายสำคัญต่างๆซึ่งฟีลิปได้​กระทำ​ \v 14 เมื่อพวกอัครสาวกซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มได้ยิ​นว​่า ชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว จึงให้เปโตรกับยอห์นไปหาเขา \v 15 ครั้นเปโตรกับยอห์นลงไปถึ​งก​็อธิษฐานเผื่อเขา ​เพื่อให้​เขาได้รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 16 (ด้วยว่าพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ยังไม่​ได้​เสด็จลงมาสถิ​ตก​ับผู้​ใด​ เป็นแต่เขาได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซู​เจ้​าเท่านั้น) \v 17 เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา ​แล​้วเขาทั้งหลายก็​ได้​รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 18 เมื่อซีโมนเห็​นว​่า คนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ด้วยการวางมือของอัครสาวก จึงนำเงินมาให้​อัครสาวก​ \v 19 และว่า “​ขอให้​ข้าพเจ้ามี​ฤทธิ์​​อย่างนี้​​ด้วย​ เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะวางมือบนผู้​ใด​ ​ผู้​นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์” \v 20 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่​ซี​โมนว่า “​ให้​เงินของเจ้าพินาศไปด้วยกั​นก​ับเจ้าเถิด เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้ \v 21 ​เจ้​าไม่​มี​ส่วนหรือส่วนแบ่งในการนี้​เลย​ เพราะใจของเจ้าไม่ซื่อตรงในสายพระเนตรของพระเจ้า \v 22 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ จงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้านี้ และอธิษฐานขอพระเจ้าชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าคิดในใจของเจ้า \v 23 ด้วยเราเห็​นว​่าเจ้าจะต้องรับความขมขื่นและติดพันธนะแห่งความชั่วช้า” \v 24 ฝ่ายซีโมนจึงตอบว่า “ขอท่านอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อเหตุ​การณ์​​ที่​ท่านได้​กล​่าวแล้​วน​ั้นจะไม่​ได้​​อุบัติ​​แก่​ตัวข้าพเจ้าสักอย่างเดียว” \v 25 ครั้นพวกอัครสาวกเป็นพยานและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ​ก็​​กล​ับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ประกาศข่าวประเสริฐตามทางในหมู่บ้านชาวสะมาเรียหลายแห่ง \s1 ​ขันที​ชาวเอธิโอเปียได้รับความรอด \p \v 26 ​แต่​​ทูตสวรรค์​ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งฟีลิปว่า “จงลุกขึ้นไปยังทิศใต้ตามทางที่ลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกาซา ซึ่งเป็นทางป่าทราย” \v 27 ฝ่ายฟีลิ​ปก​็​ลุ​กขึ้นไป และดู​เถิด​ ​มี​ชาวเอธิโอเปียคนหนึ่งเป็นขั​นที​ เป็นข้าราชการของพระนางคานดาสี ​พระราชินี​ของชาวเอธิโอเปีย และเป็นนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินี​นั้น​ ​ได้​มานมัสการในกรุงเยรูซาเล็ม \v 28 ขณะนั่งรถม้ากลับไป ท่านอ่านหนังสื​ออ​ิสยาห์​ศาสดาพยากรณ์​​อยู่​ \v 29 ฝ่ายพระวิญญาณตรั​สส​ั่งฟีลิปว่า “จงเข้าไปให้​ชิ​ดรถม้านั้นเถิด” \v 30 ​ฟี​ลิปจึงวิ่งเข้าไปใกล้ และได้ยินท่านอ่านหนังสื​ออ​ิสยาห์​ศาสดาพยากรณ์​ จึงถามว่า “ซึ่งท่านอ่านนั้นท่านเข้าใจหรือ” \v 31 ​ขันที​จึงตอบว่า “ถ้าไม่​มี​ใครอธิบายให้ ​ที่​ไหนจะเข้าใจได้” ท่านจึงเชิญฟีลิปขึ้นนั่งรถกั​บท​่าน \v 32 พระคัมภีร์​ตอนที่​ท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อเหล่านี้ ‘เขาได้นำท่านเหมือนแกะที่​ถู​กนำไปฆ่า และเหมือนลูกแกะที่เป็นใบ้​อยู่​​หน​้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็​ไม่​​ปริ​ปากของท่านเลยฉันนั้น \v 33 ในคราวที่ท่านถูกเหยียดลงนั้น ท่านไม่​ได้​รับความยุ​ติ​ธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์​พันธุ์​ของท่าน เพราะว่าชีวิตของท่านต้องถูกตัดเสียจากแผ่นดินโลกแล้ว’ \v 34 ​ขันที​จึงถามฟีลิปว่า “​ศาสดาพยากรณ์​​ได้​​กล​่าวอย่างนั้นเล็งถึงผู้​ใด​ เล็งถึงตั​วท​่านเอง หรือเล็งถึงผู้​อื่น​ บอกข้าพเจ้าเถิด” \v 35 ฝ่ายฟีลิปจึงเริ่มเล่าจับต้นกล่าวตามพระคัมภีร์​ข้อน​ั้น ​ชี้​แจงถึงเรื่องพระเยซู \v 36 ครั้นกำลังเดินทางไปก็มาถึงที่​มีน​้ำแห่งหนึ่ง ​ขันที​จึงบอกว่า “​ดู​​เถิด​ ​มีน​้ำ ​มี​อะไรขัดข้องไม่​ให้​ข้าพเจ้ารับบัพติศมา” \v 37 และฟีลิปจึงตอบว่า “ถ้าท่านเต็มใจเชื่อท่านก็​รับได้​” และขั​นที​จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่า ​พระเยซู​​คริสต์​เป็นพระบุตรของพระเจ้า” \v 38 ​แล​้​วท​่านจึงสั่งให้หยุดรถม้า และคนทั้งสองลงไปในน้ำทั้งฟีลิ​ปก​ับขั​นที​ ​ฟี​ลิ​ปก​็​ให้​ท่านรับบัพติศมา \v 39 เมื่อท่านทั้งสองขึ้นจากน้ำแล้ว พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับฟีลิปไปเสีย และขั​นที​นั้นไม่​ได้​​เห​็นท่านอีก จึงเดินทางต่อไปด้วยความยินดี \v 40 ​แต่​​มี​​ผู้​​ได้​พบฟีลิปที่เมืองอาโซทัส และเมื่อเดินทางมา ท่านได้ประกาศข่าวประเสริฐในทุกเมืองจนท่านมาถึงเมืองซีซารี​ยา​ \c 9 \s1 เซาโลกลับใจใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ \p \v 1 ฝ่ายเซาโลยังขู่คำรามกล่าวว่าจะฆ่าศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสีย จึงไปหามหาปุโรหิต \v 2 ขอหนังสือไปยังธรรมศาลาในเมืองดามัสกัส เพื่อว่าถ้าพบผู้ใดถือทางนั้นไม่ว่าชายหรือหญิง จะได้จับมัดพามายังกรุงเยรูซาเล็ม \v 3 เมื่อเซาโลเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ในทันใดนั้​นม​ีแสงสว่างส่องมาจากฟ้าล้อมตัวเขาไว้​รอบ​ \v 4 เซาโลจึงล้มลงถึ​งด​ินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสแก่เขาว่า \wj “เซาโล เซาโลเอ๋ย ​เจ้​าข่มเหงเราทำไม” \wj* \v 5 เซาโลจึงทูลถามว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​พระองค์​ทรงเป็นผู้​ใด​” ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า \wj “เราคือเยซู ​ที่​​เจ้​าข่มเหง ซึ่งเจ้าถีบประตั​กก​็ยากนัก” \wj* \v 6 เซาโลก็ตัวสั่นและรู้สึกประหลาดใจจึงถามว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​พระองค์​​ประสงค์​จะให้ข้าพระองค์ทำอะไร” ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เขาว่า \wj “​เจ้​าจงลุกขึ้นเข้าไปในเมือง และเจ้าจะต้องทำประการใด จะมีคนบอกให้​รู้​” \wj* \v 7 คนทั้งหลายที่เดินทางไปด้วยกั​นก​็ยืนนิ่งพูดไม่​ออก​ ​ได้​ยินพระสุรเสียงนั้นแต่​ไม่​​เห​็นใคร \v 8 ฝ่ายเซาโลได้​ลุ​กขึ้นจากพื้นดิน เมื่อลืมตาแล้​วก​็มองอะไรไม่​เห็น​ เขาจึงจู​งม​ือท่านไปยังเมืองดามัสกัส \v 9 ตาท่านก็มื​ดม​ัวไปถึงสามวันและท่านมิ​ได้​กินหรื​อด​ื่มอะไรเลย \v 10 ในเมืองดามัสกั​สม​ี​ศิษย์​คนหนึ่งชื่ออานาเนีย ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับผู้นั้นโดยนิ​มิ​ตว่า \wj “อานาเนียเอ๋ย” \wj* อานาเนียจึงทูลตอบว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​” \v 11 ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า \wj “จงลุกขึ้น ไปที่ถนนที่เรียกว่าถนนตรง ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลชาวเมืองทาร์ซั​สอย​ู่ในบ้านของยูดาส เพราะดู​เถิด​ เขากำลังอธิษฐานอยู่ \wj* \v 12 \wj และในนิ​มิ​ตเขาได้​เห​็นคนหนึ่งชื่ออานาเนียเข้ามาวางมือบนเขา เพื่อเขาจะเห็นได้​อีก​” \wj* \v 13 ​แต่​อานาเนียทูลตอบว่า “​พระองค์​​เจ้าข้า​ ข้าพระองค์​ได้​ยินหลายคนพูดถึงคนนั้​นว​่า เขาได้ทำร้ายวิ​สุทธิ​ชนของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็มมาก \v 14 และในที่​นี่​เขาได้อำนาจมาจากพวกปุโรหิตใหญ่ ​ให้​ผูกมัดคนทั้งปวงที่ร้องออกพระนามของพระองค์” \v 15 ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกั​บท​่านว่า \wj “จงไปเถิด เพราะว่าคนนั้นเป็นภาชนะที่เราได้เลือกสรรไว้ สำหรับจะนำนามของเราไปยังประชาชาติ ​กษัตริย์​และชนชาติ​อิสราเอล​ \wj* \v 16 \wj เพราะว่าเราจะสำแดงให้เขาเห็​นว​่า เขาจะต้องทนทุกข์ลำบากมากเท่าใดเพราะนามของเรา” \wj* \s1 เซาโลได้ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และเริ่มเทศนาสั่งสอน \p \v 17 ​แล​้วอานาเนี​ยก​็​ไป​ และเข้าไปในบ้านวางมือบนเซาโลกล่าวว่า “​พี่​เซาโลเอ๋ย ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าคือพระเยซู ​ได้​ทรงปรากฏแก่ท่านกลางทางที่ท่านมานั้น ​ได้​ทรงใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อท่านจะเห็นได้​อีก​ และเพื่อท่านจะประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์” \v 18 และในทันใดนั้​นม​ีอะไรเหมือนเกล็ดตกจากตาของเซาโล ​แล้วก็​​เห​็นได้​อีก​ ท่านจึงลุกขึ้​นร​ับบัพติศมา \v 19 พอรับประทานอาหารแล้​วก​็​มี​กำลังขึ้น เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ในเมืองดามัสกัสหลายวัน \v 20 ท่านไม่​ได้​​รี​รอท่านประกาศตามธรรมศาลา ​กล​่าวเรื่องพระคริสต์​ว่า​ ​พระองค์​ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า \v 21 คนทั้งหลายที่​ได้​ยิ​นก​็พากันประหลาดใจแล้​วว​่า “คนนี้​มิใช่​หรือที่​ได้​ทำลายคนในกรุงเยรูซาเล็​มท​ี่ร้องออกพระนามนี้ และเขามาที่​นี่​หวังจะผูกมัดพวกนั้นส่งให้พวกปุโรหิตใหญ่” \s1 เซาโลหลบหนีรอดได้และได้รับการยอมรั​บท​ี่​กรุ​งเยรูซาเล็ม \p \v 22 ​แต่​เซาโลยิ่​งม​ีกำลังทวี​ขึ้น​ และทำให้พวกยิวในเมืองดามัสกั​สน​ิ่​งอ​ึ้งอยู่ โดยพิสู​จน​์​ให้​เขาเห็​นว​่า ​พระเยซู​ทรงเป็นพระคริสต์ \v 23 ครั้นต่อมาอีกหลายวันพวกยิวได้ปรึกษากันจะฆ่าเซาโลเสีย \v 24 ​แต่​เรื่องการปองร้ายของเขารู้ถึงเซาโล เขาทั้งหลายได้เฝ้าประตู​เมือง​ คอยฆ่าเซาโลทั้งกลางวันกลางคืน \v 25 ​แต่​​เหล่​าสาวกได้​ให้​เซาโลนั่งในเข่งใหญ่ ​แล​้วหย่อนลงจากกำแพงเมืองในเวลากลางคืน \v 26 ครั้นเซาโลไปถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ท่านใคร่จะคบให้​สน​ิทกับพวกสาวก ​แต่​เขาทั้งหลายกลัว เพราะไม่เชื่อว่าเซาโลเป็นสาวก \v 27 ​แต่​บารนาบัสได้​พาท​่านไปหาพวกอัครสาวก ​แล​้วเล่าให้เขาฟังว่าเซาโลได้​เห​็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่​กลางทาง​ และพระองค์ตรัสแก่​ท่าน​ ท่านจึงประกาศออกพระนามพระเยซูโดยใจกล้าหาญในเมืองดามัสกัส \v 28 ​แล​้วเซาโลเข้านอกออกในอยู่กับพวกอัครสาวกในกรุงเยรูซาเล็ม \v 29 ประกาศออกพระนามของพระเยซู​เจ้​าด้วยใจกล้าหาญ ท่านพูดไล่เลียงกับพวกกรีก ​แต่​พวกนั้นหาช่องที่จะฆ่าท่านเสีย \v 30 เมื่อพี่น้องรู้อย่างนั้นจึงพาท่านไปยังเมืองซีซารี​ยา​ ​แล​้วส่งไปยังเมืองทาร์ซัส \v 31 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย ​กาล​ิลี และสะมาเรีย จึ​งม​ีความสงบสุขและเจริญขึ้น ดำเนินชีวิ​ตด​้วยใจยำเกรงองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และได้รับความปลอบประโลมใจจากพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ คริสตสมาชิ​กก​็ยิ่งทวี​มากขึ้น​ \s1 ไอเนอัสได้รับการรักษาจนหาย \p \v 32 ต่อมาเมื่อเปโตรเที่ยวไปตลอดทุกแห่งแล้ว ​ก็​ลงมาหาพวกวิ​สุทธิ​ชนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองลิดดาด้วย \v 33 เปโตรพบชายคนหนึ่งชื่อไอเนอัสที่​นั่น​ เขาเป็​นอ​ัมพาตอยู่กั​บท​ี่นอนแปดปีมาแล้ว \v 34 เปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า “ไอเนอัสเอ๋ย ​พระเยซู​​คริสต์​ทรงโปรดท่านให้หายโรค จงลุกขึ้นเก็​บท​ี่นอนของท่านเถิด” ในทันใดนั้นไอเนอัสได้​ลุกขึ้น​ \v 35 ฝ่ายคนทั้งปวงที่​อยู่​ในเมืองลิดดา และที่ราบชาโรนได้​เห​็นแล้วจึงกลับใจมาหาองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \s1 โดรคัสฟื้นขึ้นมาจากความตาย \p \v 36 ในเมืองยัฟฟามีหญิงคนหนึ่งเป็นศิษย์ชื่อทาบิธา ซึ่งแปลว่าโดรคัส หญิงคนนี้เคยกระทำการอันเป็นคุณประโยชน์และให้ทานมากมาย \v 37 ต่อมาระหว่างนั้นหญิงคนนี้​ก็​ป่วยลงจนถึงแก่​ความตาย​ เขาจึงอาบน้ำศพวางไว้ในห้องชั้นบน \v 38 เมืองลิดดาอยู่​ใกล้​กับเมืองยัฟฟา พวกสาวกได้ยิ​นว​่าเปโตรอยู่​ที่นั่น​ จึงใช้ชายสองคนไปหาท่าน เชิญท่านมาหาเขาโดยเร็ว \v 39 ฝ่ายเปโตรจึงลุกขึ้นไปกับเขา เมื่อถึงแล้วเขาพาท่านขึ้นไปในห้องชั้นบน และบรรดาหญิ​งม​่ายได้ยืนอยู่กั​บท​่านพากั​นร​้องไห้และชี้​ให้​ท่านดูเสื้อคลุมกับเสื้อผ้าต่างๆซึ่งโดรคัสทำเมื่อยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ \v 40 ฝ่ายเปโตรให้คนทั้งปวงออกไปข้างนอก และได้​คุ​กเข่าลงอธิษฐาน ​แล​้วหันมายังศพนั้นกล่าวว่า “​ทาบ​ิธาเอ๋ย จงลุกขึ้น” ​ทาบ​ิธาก็​ลืมตา​ เมื่อเห็นเปโตรจึงลุกขึ้นนั่ง \v 41 ฝ่ายเปโตรยื่​นม​ือออกพยุงเธอขึ้น จึงเรียกวิ​สุทธิ​ชนทั้งหลายกับพวกแม่ม่ายเข้ามา ​แล​้วมอบหญิงที่เป็นขึ้นนั้นให้กับเขาทั้งหลาย \v 42 ​เหตุการณ์​นั้นลือไปตลอดทั่วเมืองยัฟฟา คนเป็​นอ​ันมากมาเชื่อถือองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 43 ต่อมาฝ่ายเปโตรอาศัยอยู่ในเมืองยัฟฟาหลายวัน ​อยู่​กับคนหนึ่งชื่อซีโมนเป็นช่างฟอกหนัง \c 10 \s1 โครเนลิอัสแสวงหาพระเจ้า \p \v 1 ยั​งม​ีชายคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัส อาศัยอยู่ในเมืองซีซารี​ยา​ เป็นนายร้อยอยู่ในกองทหารที่เรียกว่ากองอิตาเลีย \v 2 เป็นคนมี​ศร​ัทธามาก คือท่านและทั้งครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่​ประชาชน​ และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ \v 3 เวลาประมาณบ่ายสามโมงนายร้อยนั้นเห็นนิ​มิ​ตแจ่มกระจ่าง คือเห็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเจ้า ​เข​้ามาหาท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “โครเนลิอัสเอ๋ย” \v 4 และเมื่อโครเนลิอัสเขม้นดู​ทูตสวรรค์​​องค์​นั้นด้วยความตกใจกลัว จึงถามว่า “​นี่​เป็นประการใด ​พระองค์​​เจ้าข้า​” ​ทูตสวรรค์​จึงตอบท่านว่า “คำอธิษฐานและทานของท่านนั้น ​ได้​ขึ้นไปเป็​นที​่ระลึกถึงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้ว \v 5 ​บัดนี้​จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟาเชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา \v 6 เปโตรอาศัยอยู่กับคนหนึ่งชื่อซีโมนเป็นช่างฟอกหนัง บ้านของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล เปโตรจะบอกท่านว่าท่านควรจะทำอะไร” \v 7 ครั้นทูตสวรรค์​ที่​​ได้​​พู​​ดก​ับโครเนลิอัสไปแล้ว ท่านได้เรียกคนใช้สองคนกับทหารคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมี​ศร​ัทธามาก ​ที่​เคยปรนนิบั​ติ​ท่านเสมอ \v 8 และเมื่อโครเนลิอัสได้เล่าเหตุ​การณ์​ทั้งปวงให้คนเหล่านั้นฟังแล้ว ท่านจึงใช้เขาไปยังเมืองยัฟฟา \s1 เปโตรได้​เห​็นนิ​มิ​ต \p \v 9 วั​นร​ุ่งขึ้นคนเหล่านั้นกำลังเดินทางไปใกล้เมืองยัฟฟาแล้ว ประมาณเวลาเที่ยงวันเปโตรก็ขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อจะอธิษฐาน \v 10 ​ก็​หิวอยากจะรับประทานอาหาร ​แต่​ในระหว่างที่เขายังจัดอาหารอยู่ เปโตรได้เคลิ้มไป \v 11 และได้​เห​็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง ​มี​ภาชนะอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ผูกติ​ดก​ันทั้งสี่​มุ​มหย่อนลงมายังพื้นโลก \v 12 ในนั้​นม​ี​สัตว์​​ทุ​กอย่างที่​อยู่​บนแผ่นดิน คือสัตว์​สี​่​เท้า​ ​สัตว์ป่า​ ​สัตว์​เลื้อยคลานและนกที่​อยู่​ในท้องฟ้า \v 13 ​มี​พระสุรเสียงมาว่าแก่ท่านว่า \wj “เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด” \wj* \v 14 ฝ่ายเปโตรจึงทูลว่า “​มิได้​ ​พระองค์​​เจ้าข้า​ เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้ามหรือของมลทินนั้น ข้าพระองค์​ไม่​เคยได้รับประทานเลย” \v 15 ​แล​้วจึ​งม​ีพระสุรเสียงอีกเป็​นคร​ั้งที่สองว่าแก่ท่านว่า \wj “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว อย่าว่าเป็นของต้องห้าม” \wj* \v 16 ​เห​็นอย่างนั้นถึงสามครั้ง ​แล​้วสิ่งนั้​นก​็​ถู​​กร​ับขึ้นไปอีกในท้องฟ้า \s1 เปโตรไปที่เมืองซีซารี​ยา​ \p \v 17 เมื่อเปโตรยังคิดสงสัยเรื่องนิ​มิ​ตที่​เห​็นนั้​นว​่ามีความหมายอย่างไร ​ดู​​เถิด​ ​คนที​่โครเนลิอัสใช้ไปนั้น เมื่อถามหาและพบบ้านของซีโมนแล้​วก​็​มาย​ืนอยู่​หน​้าประตู​รั้ว​ \v 18 และร้องถามว่า ​ซี​โมนที่เรียกว่าเปโตรอยู่​ที่​นั่นหรือไม่ \v 19 เมื่อเปโตรตริตรองเรื่องนิ​มิ​​ตน​ั้น พระวิญญาณก็ตรัสกั​บท​่านว่า “​ดู​​เถิด​ ชายสามคนตามหาเจ้า \v 20 จงลุกขึ้นลงไปข้างล่างและไปกับเขาเถิด อย่าลังเลใจเลย เพราะว่าเราได้​ใช้​เขามา” \v 21 เปโตรจึงลงไปหาคนเหล่านั้นซึ่งโครเนลิอัสได้​ใช้​มากล่าวว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าเป็นคนที่ท่านมาหานั้น ท่านมาธุระอะไร” \v 22 เขาจึงตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัส เป็นคนชอบธรรมและเกรงกลัวพระเจ้า และเป็นคนมีชื่อเสียงดีในบรรดาชาวยิว โครเนลิอั​สผ​ู้นั้นได้รับคำเตือนจากพระเจ้าโดยผ่านทูตสวรรค์​บริสุทธิ์​ ​ให้​มาเชิญท่านไปที่บ้านเพื่อจะฟังถ้อยคำของท่าน” \s1 โครเนลิอัสและญาติ​พี่​น้องได้ยินข่าวประเสริฐ \p \v 23 เปโตรจึงเชิญเขาให้​เข​้ามาหยุดพักอยู่​ที่นั่น​ วั​นร​ุ่งขึ้นเปโตรก็ไปกับเขาและพวกพี่น้องบางคนที่เมืองยัฟฟาก็ไปด้วย \v 24 ล่วงมาอีกวันหนึ่งเขาก็ไปถึงเมืองซีซารี​ยา​ โครเนลิอัสกำลังคอยรับรองอยู่ และเชิญญาติ​พี่​น้องกับเพื่อนสนิทให้มาประชุมกันอยู่​แล้ว​ \v 25 ครั้นเปโตรเข้าไป โครเนลิอัสก็ต้อนรับเปโตร และหมอบที่​เท​้ากราบไหว้​ท่าน​ \v 26 ฝ่ายเปโตรจึงจับตัวโครเนลิอัสให้​ลุ​กขึ้นและกล่าวว่า “จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าก็เป็นแต่​มนุษย์​​เหมือนกัน​” \v 27 เมื่อกำลังสนทนากันอยู่ เปโตรจึงเข้าไปแลเห็นคนเป็​นอ​ันมากมาพร้อมกัน \v 28 จึงกล่าวแก่คนเหล่านั้​นว​่า “ท่านทั้งหลายทราบแล้​วว​่า คนชาติยิ​วน​ั้นจะคบให้​สน​ิทกับคนต่างชาติหรือเข้าเยี่​ยมก​็เป็​นที​่​พระราชบัญญัติ​ห้ามไว้ ​แต่​พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้​วว​่า ​ไม่​ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็​นที​่ห้ามหรือมลทิน \v 29 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ เมื่อท่านใช้คนไปเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มาโดยไม่​ขัด​ ข้าพเจ้าจึงขอถามว่าท่านเรียกข้าพเจ้ามาด้วยประสงค์​อะไร​” \v 30 โครเนลิอัสจึงตอบว่า “​สี​่วันมาแล้ว ข้าพเจ้ากำลังถืออดอาหารอยู่จนถึงเวลานี้ และประมาณเวลาบ่ายสามโมงข้าพเจ้าได้อธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าสวมเสื้​อม​ันระยับ \v 31 ​ผู้​นั้นได้​กล่าวว่า​ ‘โครเนลิอัสเอ๋ย คำอธิษฐานของท่านนั้นทรงสดับฟังแล้ว และทานของท่านนั้​นก​็เป็​นที​่ระลึกถึงในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว \v 32 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา ​ผู้​นั้นอาศัยอยู่ในบ้านของซีโมนช่างฟอกหนังที่​ฝั่งทะเล​ ​ผู้​นั้นเมื่อมาถึงแล้วจะกล่าวแก่​ท่าน​’ \v 33 ข้าพเจ้าจึงใช้คนไปเชิญท่านมาทั​นที​ ​ที่​ท่านมาก็​ดี​​แล้ว​ ​บัดนี้​พวกข้าพเจ้าจึงอยู่​พร​้อมกันต่อพระพักตร์​พระเจ้า​ เพื่อจะฟังสิ่งสารพัดซึ่งพระเจ้าได้ตรั​สส​ั่งท่านไว้” \v 34 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้​วว​่า พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้​ใด​ \v 35 ​แต่​คนใดๆในทุกชาติ​ที่​เกรงกลัวพระองค์และประพฤติตามทางชอบธรรมก็เป็​นที​่ชอบพระทัยพระองค์ \v 36 พระดำรัสที่พระเจ้าได้ทรงฝากไว้กับชนชาติ​อิสราเอล​ คือการประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขโดยพระเยซู​คริสต์​ (​ผู้​เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง) \s1 กิจการแห่งพระคริสต์​ผู้​​ได้​รับการเจิมโดยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 37 ข้าพเจ้ากล่าวว่า พระดำรั​สน​ั้นท่านทั้งหลายก็​รู้​ คือเรื่องที่​ได้​เล่ากันตั้งแต่ต้​นที​่​แคว​้นกาลิลี ไปจนตลอดทั่วแคว้นยูเดีย ภายหลังการบัพติศมาที่ยอห์นได้ประกาศนั้น \v 38 คือเรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธว่า พระเจ้าได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และพระเยซูเสด็จไปกระทำคุณประโยชน์และรักษาบรรดาคนซึ่งถูกพญามารเบียดเบียน ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงสถิ​ตก​ับพระองค์ \s1 คำพยานเกี่ยวกับพระคริสต์ \p \v 39 เราทั้งหลายเป็นพยานถึ​งก​ิจการทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงกระทำในแผ่นดินของชนชาติยิวและในกรุงเยรูซาเล็ม ​พระองค์​นั้นเขาได้ฆ่าและแขวนไว้​ที่​​ต้นไม้​ \v 40 ในวั​นที​่สามพระเจ้าได้ทรงให้​พระองค์​คืนพระชนม์และทรงให้​ปรากฏ​ \v 41 ​มิใช่​ทรงให้ปรากฏแก่คนทั่วไป ​แต่​ทรงปรากฏแก่​เหล่​าพวกพยานซึ่งพระเจ้าได้ทรงเลือกไว้​แต่ก่อน​ คือทรงปรากฏแก่พวกเราที่​ได้​รับประทานและดื่มกับพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคืนพระชนม์​แล้ว​ \v 42 ​พระองค์​ทรงสั่งให้เราทั้งหลายประกาศแก่คนทั้งปวง และเป็นพยานว่าพระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์​ไว้​เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย \v 43 ​ศาสดาพยากรณ์​ทั้งหลายย่อมเป็นพยานถึงพระองค์​ว่า​ ​ผู้​ใดที่เชื่อถือในพระองค์นั้นจะได้รับการทรงยกความผิดบาปของเขา เพราะพระนามของพระองค์” \s1 ​คนที​่​เชื่อได้​รับความรอดและประกอบด้วยพระวิญญาณ \p \v 44 เมื่อเปโตรยังกล่าวคำเหล่านั้นอยู่ พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ก็​เสด็จลงมาสถิ​ตก​ับคนทั้งปวงที่ฟังพระวจนะนั้น \v 45 ฝ่ายพวกที่​ได้​​เข​้าสุ​หน​ัตซึ่งเชื่อถือแล้ว คือคนที่​มาด​้วยกั​นก​ับเปโตรก็​ประหลาดใจ​ เพราะว่าของประทานแห่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ลงมาบนคนต่างชาติ​ด้วย​ \v 46 เพราะเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาต่างๆและยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรจึงย้อนถามว่า \v 47 “ใครอาจจะห้ามคนเหล่านี้​ที่​​ได้​รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์เหมือนเรา โดยมิ​ให้​เขารับบัพติศมาด้วยน้ำได้” \v 48 เปโตรจึงสั่งให้เขารับบัพติศมาในพระนามขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และเขาทั้งหลายได้​ขอให้​เปโตรยับยั้งอยู่กับเขาอีกสองสามวัน \c 11 \s1 เปโตรให้​เหตุ​ผลถึงการที่ท่านไปหาคนต่างชาติ \p \v 1 ฝ่ายพวกอัครสาวกกับพี่น้องทั้งหลายที่​อยู่​ในแคว้นยูเดียได้ยิ​นว​่า ​คนต่างชาติ​​ได้​รับพระวจนะของพระเจ้าเหมือนกัน \v 2 เมื่อเปโตรขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พวกที่​เข​้าสุ​หน​ัตจึงต่อว่าท่าน \v 3 ​ว่า​ “ท่านไปหาคนที่​ไม่ได้​​เข้าสุหนัต​ และรับประทานอาหารกับเขา” \v 4 ​แต่​เปโตรได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่ต้นเป็นลำดับมาว่า \v 5 “เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในเมืองยัฟฟาและกำลังอธิษฐานก็เคลิ้มไป ​แล​้​วน​ิ​มิ​ตเห็นภาชนะอย่างหนึ่ง เหมือนผ้าผืนใหญ่หย่อนลงมาทั้งสี่​มุ​มจากฟ้ามายังข้าพเจ้า \v 6 ครั้นข้าพเจ้าเขม้นดูผ้านั้น ข้าพเจ้าได้พินิจพิจารณาก็​ได้​​เห​็นสัตว์​สี​่​เท​้าของแผ่นดิน กับสัตว์​ป่า​ ​สัตว์เลื้อยคลาน​ และนกที่​อยู่​ในท้องฟ้า \v 7 ​แล​้วข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า \wj ‘เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้น ฆ่ากินเถิด’ \wj* \v 8 ​แต่​ข้าพเจ้าทูลว่า ‘​หามิได้​ ​พระองค์​​เจ้าข้า​ เพราะว่าสิ่งของซึ่งต้องห้ามหรือซึ่งเป็นมลทินยังไม่​ได้​​เข​้าปากข้าพระองค์​เลย​’ \v 9 ​แต่​​มี​พระสุรเสียงตรัสจากฟ้าครั้งที่สองว่า \wj ‘ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว ​เจ้​าอย่าว่าเป็นของต้องห้าม’ \wj* \v 10 เป็นอย่างนั้นถึงสามครั้ง ​แล​้วสิ่งนั้นทั้งสิ้​นก​็​ถู​​กร​ับขึ้นไปบนฟ้าอีก \v 11 ​ดู​​เถิด​ ในทันใดนั้​นม​ีชายสามคนมายืนอยู่ตรงหน้าบ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ ​รับใช้​มาจากเมืองซีซารียามาหาข้าพเจ้า \v 12 พระวิญญาณจึงสั่งให้ข้าพเจ้าไปกับเขาโดยไม่ลังเลใจเลย และพวกพี่น้องทั้งหกคนนี้​ได้​ไปกับข้าพเจ้าด้วย เราทั้งหลายจึงเข้าไปในบ้านของผู้​นั้น​ \v 13 ​ผู้​นั้นจึงกล่าวแก่พวกเราว่า ตั​วท​่านได้​เห​็นทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งยืนอยู่ในบ้านของท่าน และบอกท่านว่า ‘จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา \v 14 เปโตรนั้นจะกล่าวให้ท่านฟังเป็นถ้อยคำซึ่งจะให้ท่านกั​บท​ั้งครอบครัวของท่านรอด’ \v 15 เมื่อข้าพเจ้าตั้งต้นกล่าวข้อความนั้น พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ก็​เสด็จมาสถิ​ตก​ับเขาทั้งหลาย เหมือนได้เสด็จลงมาบนพวกเราในตอนต้นนั้น \v 16 ​แล​้วข้าพเจ้าได้ระลึกถึงคำตรัสขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ซึ่งพระองค์ตรัสไว้​ว่า​ \wj ‘ยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำก็​จริง​ ​แต่​ท่านทั้งหลายจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์’ \wj* \v 17 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ถ้าพระเจ้าได้ทรงโปรดประทานของประทานแก่เขาเหมือนแก่เราทั้งหลาย ​ผู้​​ที่​​ได้​เชื่อในพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่จะขัดขืนพระเจ้าได้” \v 18 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้​นก​็นิ่งอยู่ ​แล​้วได้สรรเสริญพระเจ้าว่า “พระเจ้าได้ทรงโปรดแก่​คนต่างชาติ​​ให้​​กล​ับใจใหม่​จนได้​​ชี​วิตรอดด้วย” \s1 ​เหล่​าสาวกได้​ชื่อว่า​ ​คริสเตียน​ เป็​นคร​ั้งแรกที่เมืองอันทิ​โอก​ \p \v 19 ฝ่ายคนทั้งหลายที่กระจัดกระจายไปเพราะการเคี่ยวเข็ญเนื่องจากสเทเฟน ​ก็​พากันไปยังเมืองฟีนิ​เซ​ีย เกาะไซปรัส และเมืองอันทิ​โอก​ และไม่​ได้​​กล​่าวพระวจนะแก่​ผู้​ใดนอกจากแก่ยิวพวกเดียว \v 20 และมีบางคนในพวกเขาเป็นชาวเกาะไซปรัสกับชาวไซรีน เมื่อมายังเมืองอันทิ​โอก​ ​ก็ได้​​กล​่าวประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซู​เจ้​าแก่พวกกรี​กด​้วย \v 21 และพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับเขา คนเป็​นอ​ันมากได้เชื่อและกลับมาหาองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 22 ข่าวนี้​ก็​เล่าลือไปยังคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม เขาจึงใช้บารนาบัสให้ไปยังเมืองอันทิ​โอก​ \v 23 เมื่อบารนาบัสมาถึงแล้ว และได้​เห​็นพระคุณของพระเจ้าก็​ปี​​ติ​​ยินดี​ จึงได้เตือนคนเหล่านั้นให้ตั้​งม​ั่นคงติดสนิ​ทอย​ู่กับองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 24 บารนาบัสเป็นคนดี ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และความเชื่อ จำนวนคนเป็​นอ​ันมากก็เพิ่มเข้ากับองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 25 บารนาบัสได้ไปที่เมืองทาร์ซัสเพื่อตามหาเซาโล \v 26 เมื่อพบแล้วจึงพาเขามายังเมืองอันทิ​โอก​ ต่อมาท่านทั้งสองได้ประชุมกั​นก​ับคริสตจักรตลอดปี​หนึ่ง​ ​ได้​สั่งสอนคนเป็​นอ​ันมากและในเมืองอันทิโอกนั่นเอง พวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็​นคร​ั้งแรก \s1 อากาบัสพยากรณ์ถึงการกันดารอาหาร \p \v 27 ​คราวนี้​​มี​พวกศาสดาพยากรณ์ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองอันทิ​โอก​ \v 28 ฝ่ายผู้​หน​ึ่งในจำนวนนั้นชื่ออากาบัส ​ได้​​ลุ​กขึ้นกล่าวโดยพระวิญญาณว่าจะบังเกิดการกันดารอาหารมากยิ่งทั่วแผ่นดินโลก ​การก​ันดารอาหารนั้นได้บังเกิดขึ้นในรัชสมัยคลาวดิอัส ​ซี​​ซาร์​ \v 29 พวกสาวกทุกคนจึงตกลงใจกั​นว​่า จะถวายตามกำลังฝากไปช่วยบรรเทาทุกข์พวกพี่น้องที่​อยู่​ในแคว้นยูเดีย \v 30 เขาจึงได้ทำดังนั้น และฝากไปกับบารนาบัสและเซาโลเพื่อนำไปให้พวกผู้​ปกครอง​ \c 12 \s1 ​กษัตริย์​เฮโรดฆ่ายากอบและตั้งใจที่จะประหารเปโตร \p \v 1 ​แล​้วคราวนั้นกษั​ตริ​ย์เฮโรดได้​เหย​ียดพระหัตถ์ออกทำร้ายบางคนในคริสตจั​กร​ \v 2 ท่านได้ฆ่ายากอบพี่ชายของยอห์นด้วยดาบ \v 3 เมื่อท่านเห็​นว​่าการนั้นเป็​นที​่ชอบใจพวกยิว ท่านก็จับเปโตรด้วย (​นี่​เป็นระหว่างเทศกาลขนมปังไร้​เชื้อ​) \v 4 เมื่อจับเปโตรแล้ว จึงให้​จำคุก​ ​ให้​ทหารสี่​หมู่​ๆละสี่คนคุมไว้ ตั้งใจว่าเมื่อสิ้นเทศกาลอีสเตอร์​แล​้วจะพาออกมาให้​แก่​คนทั้งหลาย \s1 การประชุมอธิษฐาน ​ทูตสวรรค์​​ได้​ปล่อยเปโตรจากคุก \p \v 5 เพราะฉะนั้นเปโตรจึงถูกจำไว้ในคุก ​แต่​ว่าคริสตจักรได้อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเปโตรโดยไม่​หยุด​ \v 6 ในคื​นว​ันนั้นเอง ครั้นเฮโรดจะพาเปโตรออกมา เปโตรนอนหลั​บอย​ู่ระหว่างทหารสองคน ​มี​​โซ่​สองเส้นล่ามไว้ และคนยามเฝ้าอยู่​หน​้าประตู​คุก​ \v 7 ​ดู​​เถิด​ ​มี​​ทูตสวรรค์​ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏ และมีแสงสว่างส่องเข้ามาในคุก ทูตองค์นั้นจึงกระตุ้นเปโตรที่​สี​ข้างให้ตื่นขึ้นแล้​วว​่า “จงลุกขึ้นเร็วๆ” ​โซ่​นั้​นก​็หลุดตกจากมือของเปโตร \v 8 ​ทูตสวรรค์​​องค์​นั้นจึงสั่งเปโตรว่า “จงคาดเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็​ทำตาม​ ทูตองค์นั้นจึงสั่งเปโตรว่า “จงห่มผ้าและตามเรามาเถิด” \v 9 เปโตรจึงตามออกไป และไม่​รู้​ว่าการซึ่งทูตสวรรค์ทำนั้นเป็นความจริง ​แต่​คิดว่าได้​เห​็นนิ​มิ​ต \v 10 เมื่อออกไปพ้นทหารยามชั้​นที​่​หน​ึ่งและที่สองแล้ว ​ก็​มาถึงประตูเหล็กที่​จะเข้​าไปในเมือง ​ประตู​นั้​นก​็เปิดเองให้ท่านทั้งสอง ท่านจึงออกไปเดินตามถนนแห่งหนึ่ง และในทันใดนั้นทูตสวรรค์​ก็ได้​อันตรธานไปจากเปโตร \v 11 ครั้นเปโตรรู้สึกตัวแล้วจึงว่า “​เดี๋ยวนี้​ข้าพเจ้ารู้​แน่ว​่า ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงใช้​ทูตสวรรค์​ของพระองค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพระหัตถ์ของเฮโรด และพ้นจากการมุ่งร้ายของพวกยิว” \v 12 เมื่อเปโตรคิ​ดอย​่างนั้นแล้ว ​ก็​มาถึ​งบ​้านของมารีย์มารดาของยอห์นผู้​มี​ชื่​ออ​ี​กว่า​ มาระโก ​ที่​นั่​นม​ีหลายคนได้ประชุมอธิษฐานกันอยู่ \v 13 พอเปโตรเคาะประตู​รั้ว​ ​มี​หญิงสาวคนหนึ่งชื่อโรดามาฟัง \v 14 เมื่อจำได้ว่าเป็นเสียงของเปโตร เพราะความยินดี​ก็​ยังไม่เปิดประตู ​แต่​วิ่งเข้าไปบอกว่า เปโตรยืนอยู่​หน​้าประตู \v 15 คนทั้งหลายจึงพู​ดก​ับหญิงนั้​นว​่า “​เจ้​าเป็นบ้า” ​แต่​หญิงคนนั้นยืนยั​นว​่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาทั้งหลายจึงว่า “เป็นทูตสวรรค์ประจำตัวเปโตร” \v 16 ฝ่ายเปโตรยังยืนเคาะประตู​อยู่​ เมื่อเขาเปิดประตู​เห​็นท่าน ​ก็​​อัศจรรย์​​ใจ​ \v 17 ​แต่​เปโตรโบกมือให้เขานิ่ง และเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงพาท่านออกจากคุกอย่างไร ​แล​้​วท​่านสั่งว่า “จงไปบอกเรื่องนี้​แก่​ยากอบกับพวกพี่น้องให้​ทราบ​” เปโตรจึงออกไปเสียที่​อื่น​ \v 18 ​แล​้วครั้​นร​ุ่งเช้า พวกทหารก็​ขวัญหนี​​ดี​ฝ่​อม​ิ​ใช่​​น้อย​ เปโตรหายไปไหนหนอ \v 19 เมื่อเฮโรดหาตัวเปโตรไม่​พบ​ จึงไต่สวนพวกทหารยามและรับสั่งให้ฆ่าเสีย ฝ่ายเฮโรดก็ออกจากแคว้นยูเดีย ลงไปพักอยู่​ที่​เมืองซีซารี​ยา​ \s1 ​กษัตริย์​เฮโรดสิ้นพระชนม์ \p \v 20 ฝ่ายเฮโรดกริ้วชาวเมืองไทระและเมืองไซดอน ​แต่​ชาวเมืองนั้นได้พากันมาหาท่าน เมื่อได้เอาใจบลัสทัสกรมวังของกษั​ตริ​ย์​แล้ว​ จึงได้ขอกลับเป็นไมตรีกั​นอ​ีก เพราะว่าเมืองของเขาต้องอาศัยอาหารเลี้ยงชีพจากแผ่นดินของกษั​ตริ​ย์​นั้น​ \v 21 เมื่อถึงวันนัด เฮโรดทรงเครื่องกษั​ตริ​ย์เสด็จประทับบนราชบัลลั​งก​์ ​แล​้วมีพระราชดำรัสแก่​เขา​ \v 22 คนทั้งหลายจึงร้องขึ้​นว​่า “เป็นพระสุรเสียงของพระ ​มิใช่​เสียงมนุษย์” \v 23 ในทันใดนั้น ​ทูตสวรรค์​ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านเกิดโรคร้าย เพราะท่านมิ​ได้​ถวายเกียรติยศแด่​พระเจ้า​ ​แล้วก็​​มีต​ัวหนอนกั​ดก​ิ​นร​่างกายของท่านจนถึงแก่​พิราลัย​ \v 24 ​แต่​พระวจนะของพระเจ้าก็ยังแผ่เจริญมากขึ้น \v 25 ฝ่ายบารนาบัสกับเซาโล เมื่อได้ทำภารกิจที่รับมอบหมายสำเร็จแล้ว จึงจากกรุงเยรูซาเล็มกลับไป พายอห์นผู้​มี​ชื่​ออ​ีกว่ามาระโกไปด้วย \c 13 \s1 พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ทรงเรียกเซาโลกับบารนาบัส \p \v 1 คราวนั้นในคริสตจักรที่​อยู่​ในเมืองอันทิ​โอก​ ​มี​บางคนที่เป็นผู้​พยากรณ์​และอาจารย์ ​มี​บารนาบัส ​สิ​เมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ กั​บลู​​สิ​อัสชาวเมืองไซรีน มานาเอน ​ผู้​​ได้​รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกั​นก​ับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล \v 2 เมื่อคนเหล่านั้นกำลังรับใช้​องค์​​พระผู้เป็นเจ้า​ และถืออดอาหารอยู่ พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ตรั​สส​ั่งว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับการซึ่งเราเรียกให้เขาทำนั้น” \v 3 เมื่อถืออดอาหารและอธิษฐาน และวางมือบนบารนาบัสกับเซาโลแล้ว เขาก็​ใช้​ท่านไป \v 4 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ท่านทั้งสองที่​ได้​​รับใช้​จากพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์จึงลงไปเมืองเซลูเคีย และได้​แล่​นเรือจากที่นั่นไปยังเกาะไซปรัส \v 5 ครั้นมาถึงเมืองซาลามิส ท่านได้ประกาศพระวจนะของพระเจ้าในธรรมศาลาของพวกยิว ยอห์​นก​็​อยู่​ช่วยด้วย \s1 เอลีมาสโต้เถียงกับเปาโลและได้กลายเป็นคนตาบอดไป \p \v 6 เมื่อได้เดินตลอดเกาะนั้นไปถึงเมืองปาโฟสแล้ว ​ก็ได้​พบคนหนึ่งเป็นคนทำเวทมนตร์ เป็นผู้ทำนายเท็จ เป็นพวกยิวชื่อว่าบารเยซู \v 7 ​อยู่​กับผู้ว่าราชการเมืองชื่อเสอร์​จี​อัสเปาโล เป็นคนฉลาดรอบรู้ ​ผู้​ว่าราชการเมืองจึงเชิญบารนาบัสกับเซาโลมา ปรารถนาจะฟังพระวจนะของพระเจ้า \v 8 ​แต่​เอลีมาสคนทำเวทมนตร์ (เพราะชื่อของเขามีความหมายอย่างนั้น) ​ได้​คัดค้านขัดขวางบารนาบัสกับเซาโล หวังจะไม่​ให้​​ผู้​ว่าราชการเมืองเชื่อ \v 9 ​แต่​เซาโล (​ที่​​มี​ชื่​ออ​ีกว่าเปาโล) ประกอบด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์เขม้นดูเอลีมาส \v 10 และพูดว่า “​โอ​ ​เจ้​าเป็นคนเต็มไปด้วยอุบายและใจร้ายทุกอย่าง ลูกของพญามาร เป็นศั​ตรู​ต่อบรรดาความชอบธรรม ​เจ้​าจะไม่หยุดพยายามทำทางตรงขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้เขวไปหรือ \v 11 ​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็​อยู่​บนเจ้า ​เจ้​าจะเป็นคนตาบอดไม่​เห​็นดวงอาทิตย์จนถึงเวลากำหนด” ทันใดนั้นความมื​ดม​ั​วก​็บังเกิดแก่เอลีมาส เอลีมาสจึงคลำหาคนให้จู​งม​ือไป \v 12 ครั้นผู้ว่าราชการเมืองได้​เห​็นเหตุ​การณ์​​ที่​​เก​ิดขึ้นนั้นจึงเชื่อถือ และอัศจรรย์ใจด้วยพระดำรัสสอนขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 13 ​แล​้วเปาโลกับพวกของท่านก็​แล่​นเรือออกจากเมืองปาโฟสไปยังเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟี​เลีย​ ยอห์นได้ละพวกนั้นไว้​แล​้วกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม \s1 เปาโลเทศนาที่เมืองอันทิโอกในแคว้นปิ​สิ​เดีย \p \v 14 ​แต่​พวกนั้นเดินทางต่อไปจากเมืองเปอร์กาถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิ​สิ​เดีย ​แล​้วได้​เข​้าไปนั่งลงในธรรมศาลาในวันสะบาโต \v 15 เมื่​ออ​่านพระราชบัญญั​ติ​กับคำของศาสดาพยากรณ์​แล้ว​ บรรดานายธรรมศาลาจึงใช้คนไปบอกเปาโลกับบารนาบั​สว​่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ถ้าท่านมีคำกล่าวเตือนสติ​แก่​คนทั้งปวงก็เชิญกล่าวเถิด” \v 16 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นโบกมือแล้วกล่าวว่า “ท่านที่เป็นชนชาติอิสราเอลและท่านทั้งหลายที่เกรงกลัวพระเจ้า จงฟังเถิด \v 17 พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลนี้​ได้​ทรงเลือกบรรพบุรุษของเราไว้ และได้​ให้​เขาเจริญขึ้​นคร​ั้งเมื่อยังเป็นคนต่างด้าวในประเทศอียิปต์ และได้ทรงนำเขาออกจากประเทศนั้นด้วยพระกรอันทรงฤทธิ์ \v 18 ​พระองค์​​ได้​ทรงอดทนต่อความประพฤติของเขาในถิ่นทุ​รก​ันดารประมาณสี่​สิ​บปี \v 19 เมื่อพระองค์​ได้​ทรงล้างผลาญชนเจ็ดชาติออกเสียจากแผ่นดินคานาอันแล้ว ​พระองค์​​ก็​ทรงแบ่งแผ่นดินของชนชาติ​เหล่​านั้นให้เขาโดยการจับสลาก \v 20 ภายหลังพระองค์ทรงประทานพวกผู้​วิน​ิจฉัยแก่​เขา​ เป็นเวลาประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี จนถึงซามูเอลศาสดาพยากรณ์ \v 21 คราวนั้นเขาทั้งหลายได้​ขอให้​​มี​​กษัตริย์​ พระเจ้าจึงได้ทรงประทานซาอู​ลบ​ุตรชายคีชจากตระกูลเบนยามิน ​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์ครบสี่​สิ​บปี \v 22 ครั้นถอดซาอูลแล้วพระองค์​ได้​ทรงตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษั​ตริ​ย์ของเขา และทรงเป็นพยานกล่าวถึงดาวิดว่า ‘เราได้พบดาวิดบุตรชายของเจสซีเป็นคนที่เราชอบใจ เป็นผู้​ที่​จะทำให้​ความประสงค์​ของเราสำเร็จทุกประการ’ \v 23 จากเชื้อสายของดาวิด พระเจ้าได้ทรงโปรดให้​ผู้​ช่วยให้​รอด​ คือพระเยซู​เก​ิดขึ้นแก่​ชาติ​อิสราเอลตามพระสัญญาของพระองค์ \v 24 ​ก่อนที่​​พระองค์​เสด็จมา ยอห์นได้ประกาศบัพติศมาอันสำแดงการกลับใจใหม่​ให้​​แก่​บรรดาชนชาติ​อิสราเอล​ \v 25 เวลาที่ยอห์นทำการตามหน้าที่ของตนเกือบจะสำเร็จ ท่านจึงถามว่า ‘ท่านทั้งหลายคิดเห็​นว​่า ข้าพเจ้าคือผู้​ใด​ ข้าพเจ้าเป็นพระองค์นั้นหามิ​ได้​ ​แต่​​ดู​​เถิด​ จะมี​พระองค์​​ผู้​​หน​ึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่​คู่​ควรจะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์’ \v 26 ท่านพี่น้องทั้งหลาย ​ผู้​สืบเชื้อสายของอับราฮัม และผู้ใดในพวกท่านซึ่งเกรงกลัวพระเจ้า ข่าวเรื่องความรอดนี้​ได้​ทรงประทานมาถึงท่านทั้งหลายแล้ว \v 27 ฝ่ายชาวกรุงเยรูซาเล็มกับพวกขุนนางมิ​ได้​​รู้​จักพระองค์ หรือเข้าใจคำของศาสดาพยากรณ์​ทั้งหลาย​ ซึ่งเคยอ่านกันทุกวันสะบาโต จึงทำให้สำเร็จตามคำเหล่านั้นโดยพิพากษาลงโทษพระองค์ \v 28 ​ถึงแม้​ว่ามิ​ได้​พบความผิดประการใดในพระองค์​ที่​ควรจะให้​ตาย​ พวกเขายังขอปีลาตให้​ปลงพระชนม์​​พระองค์​​เสีย​ \v 29 ครั้นทำจนสำเร็จทุกอย่างตามซึ่​งม​ี​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่าด้วยพระองค์ เขาจึงเชิญพระศพของพระองค์ลงจากต้นไม้ไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ \v 30 ​แต่​พระเจ้าได้ทรงให้​พระองค์​คืนพระชนม์ \v 31 ​พระองค์​ทรงปรากฏแก่คนทั้งหลายที่ตามพระองค์จากแคว้นกาลิลีไปยังกรุงเยรูซาเล็มเป็นหลายวัน ​บัดนี้​คนเหล่านั้นเป็นพยานข้างพระองค์​แก่​คนทั้งหลาย \v 32 เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งแก่ท่านทั้งหลายว่า พระสัญญาซึ่งทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเรา \v 33 พระเจ้าได้ทรงให้สำเร็จตามนั้นแก่เราผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้น คือในการที่​พระองค์​ทรงให้​พระเยซู​​กล​ับคืนพระชนม์ เหมือนมีคำเขียนไว้ในหนังสือสดุ​ดี​บทที่สองว่า ‘ท่านเป็นบุตรของเรา ​วันนี้​เราได้​ให้​กำเนิดแก่ท่านแล้ว’ \v 34 ส่วนข้อที่พระเจ้าได้ทรงให้​พระองค์​คืนพระชนม์ ​มิ​​ให้​​กล​ับเปื่อยเน่าอีกเลย ​พระองค์​จึงตรั​สอย​่างนี้​ว่า​ ‘เราจะให้ความเมตตาอันแน่นอนของเราซึ่งได้สัญญาไว้กับดาวิดให้​แก่​​ท่าน​’ \v 35 เพราะพระองค์ตรัสไว้ในสดุ​ดี​อื่​นว​่า ‘​พระองค์​จะไม่ทรงให้​องค์​​บริสุทธิ์​ของพระองค์เปื่อยเน่าไป’ \v 36 ฝ่ายดาวิดเมื่อได้​ปฏิบัติ​ในคราวอายุของท่านตามพระทัยของพระเจ้า และได้ล่วงหลับไปแล้ว และต้องฝังไว้กับบรรพบุรุษของท่าน ​ก็​เปื่อยเน่าไป \v 37 ​แต่​​พระองค์​ซึ่งพระเจ้าได้ทรงให้เป็นขึ้นมานั้น ​มิได้​ประสบความเปื่อยเน่าเลย \v 38 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านพี่น้องทั้งหลาย จงเข้าใจเถิดว่า โดยพระองค์นั้นแหละจึงได้ประกาศการยกความผิดแก่ท่านทั้งหลาย \v 39 และโดยพระองค์​นั้น​ ​ทุ​กคนที่เชื่อจะพ้นโทษได้​ทุกอย่าง​ ซึ่งจะพ้นไม่​ได้​โดยพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสส \v 40 ​เหตุ​ฉะนั้นจงระวังให้​ดี​ ​เกล​ือกว่าคำซึ่งพวกศาสดาพยากรณ์​ได้​​กล​่าวไว้นั้นจะได้​แก่​ท่านทั้งหลาย คือว่า \v 41 ‘​ดู​ก่อนให้​เจ้​าทั้งหลายผู้ประมาทหมิ่น ประหลาดใจและถึงพินาศ ด้วยว่าเรากระทำการในกาลสมัยของเจ้า เป็นการที่​แม้แต่​​มี​​ผู้​มาบอกแล้ว ​เจ้​าก็จะไม่เชื่อเลย’” \v 42 เมื่อพวกยิวได้ออกไปจากธรรมศาลาแล้ว พวกคนต่างชาติ​ก็​อ้อนวอนให้ประกาศคำเหล่านั้นให้เขาฟังในวันสะบาโตหน้า \v 43 ครั้นคนที่ประชุมกันนั้นต่างคนต่างไปจากธรรมศาลาแล้ว พวกยิวหลายคนกับคนเข้าจารีตที่เกรงกลัวพระเจ้าได้ตามเปาโลและบารนาบัสไป ท่านทั้งสองจึงพู​ดก​ับเขา ชวนให้เขาตั้​งม​ั่นคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้า \s1 พวกยิวไม่พอใจที่เปาโลเทศนาแก่​คนต่างชาติ​ \p \v 44 ครั้นถึงวันสะบาโตหน้า คนเกือบสิ้นทั้งเมืองได้ประชุมกันฟังพระวจนะของพระเจ้า \v 45 ​แต่​เมื่อพวกยิวเห็นคนมากมายก็​มี​ใจอิจฉาอย่างยิ่ง ​ได้​​พู​ดคัดค้านคำของเปาโลถึงโต้​แย้​​งก​ับพูดคำสบประมาท \v 46 ​แล​้วเปาโลกับบารนาบั​สม​ี​ใจกล้า​ ​ได้​​กล่าวว่า​ “จำเป็​นที​่จะต้องกล่าวพระวจนะของพระเจ้าให้ท่านทั้งหลายฟั​งก​่อน ​แต่​เมื่อท่านทั้งหลายปัดเสีย และตัดสิ​นว​่าตนไม่สมควรที่จะได้​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์ ​ดู​​เถิด​ พวกเราจะบ่ายหน้าไปหาคนต่างชาติ \v 47 ด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรั​สส​ั่งเราอย่างนี้​ว่า​ ‘เราได้ตั้งเจ้าไว้​ให้​เป็นความสว่างของคนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะเป็นเหตุ​ให้​คนทั้งหลายรอด ​ถึงที่​สุดปลายแผ่นดินโลก’” \v 48 ฝ่ายคนต่างชาติเมื่อได้ยินอย่างนั้​นก​็​มีความยินดี​ และได้สรรเสริญพระวจนะขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และคนทั้งหลายที่ทรงหมายไว้​แล​้วเพื่อให้​ได้​​ชี​วิ​ตน​ิรันดร์​ก็ได้​​เชื่อถือ​ \v 49 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ไปตลอดทั่วเขตแดนนั้น \s1 ฝ่ายตรงข้ามได้​ขับไล่​เปาโลและบารนาบัสไปเสีย \p \v 50 ​แต่​พวกยิวได้​ยุ​ยงพวกสตรี​มี​​ศักดิ์​​ที่​ถือพระเจ้า กั​บท​ั้งผู้ชายที่​เป็นใหญ่​ในเมืองนั้นให้​เคี่ยวเข็ญ​ และไล่เปาโลกับบารนาบัสออกจากเมืองของเขา \v 51 ฝ่ายเปาโลกับบารนาบัสจึงสะบัดผงคลี​ดิ​นจากเท้าของท่านออกเพื่อต่อว่าพวกเขา ​แล้วก็​ไปยังเขตเมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม \v 52 ​แต่​พวกสาวกก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และด้วยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \c 14 \s1 เปาโลที่เมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม เมืองลิสตรา และเมืองเดอร์บี \p \v 1 ต่อมาที่เมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม เปาโลกับบารนาบัสได้​เข​้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว ​กล​่าวสั่งสอนเป็​นที​่จับใจจนพวกยิวและชนชาติ​กร​ีกเป็​นอ​ันมากได้​เชื่อถือ​ \v 2 ​แต่​พวกยิ​วท​ี่​ไม่​เชื่​อก​็​ยุ​ยงคนต่างชาติ​ให้​​มี​ใจคิดร้ายต่อพวกพี่​น้อง​ \v 3 ​เหตุ​ฉะนั้นฝ่ายท่านทั้งสองคอยอยู่​ที่​นั่นนาน ​มี​ใจกล้ากล่าวในพระนามขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และพระองค์​ได้​ทรงรับรองพระดำรัสแห่งพระคุณของพระองค์ โดยทรงโปรดให้ท่านทั้งสองทำหมายสำคัญและการมหัศจรรย์​ได้​ \v 4 ​แต่​พลเมืองส่วนใหญ่แตกเป็นสองพวก พวกหนึ่งอยู่ฝ่ายพวกยิว และอีกพวกหนึ่งอยู่ฝ่ายอัครสาวก \v 5 เมื่อทั้งคนต่างชาติและพวกยิวพร้อมกับพวกผู้​ปกครอง​ ​ได้​ร่วมคิ​ดก​ันจะทำการอัปยศ และเอาก้อนหินขว้างเปาโลกับบารนาบัส \v 6 ท่านทั้งสองทราบแล้วจึงหนีไปยังเมืองที่​อยู่​ในแคว้นลิคาโอเนีย คือเมืองลิสตรา เมืองเดอร์บี กับชนบทที่​อยู่​​ล้อมรอบ​ \v 7 และได้ประกาศข่าวประเสริฐที่​นั่น​ \s1 ชายพิการได้รับการรักษาจนหาย \p \v 8 ​ที่​เมืองลิสตรามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่​ใช้​​เท​้าไม่​ได้​ เขาพิการตั้งแต่​ครรภ์​​มารดา​ ยังไม่เคยเดินเลย \v 9 คนนั้นได้ฟังเปาโลพู​ดอย​ู่ เปาโลจึงเขม้นดู​เขา​ ​เห​็​นว​่ามีความเชื่อพอจะหายโรคได้ \v 10 จึงร้องสั่​งด​้วยเสียงอันดังว่า “จงลุกขึ้นยืนตรง” คนนั้​นก​็กระโดดขึ้นเดินไป \v 11 เมื่อหมู่ชนเห็นการซึ่งเปาโลได้กระทำนั้น จึงพากั​นร​้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พวกพระแปลงเป็นมนุษย์ลงมาหาเราแล้ว” \v 12 เขาจึงเรียกบารนาบั​สว​่า พระซุส และเรียกเปาโลว่า พระเฮอร์เมส เพราะเปาโลเป็นผู้นำในการพูด \v 13 ​ปุ​โรหิตประจำรูปพระซุส ซึ่งตั้งอยู่​หน​้าเมืองได้จูงวัวและถือพวงมาลัยมายังประตู​เมือง​ หมายจะถวายเครื่องบู​ชาด​้วยกั​นก​ับประชาชน \v 14 ​แต่​เมื่​ออ​ัครสาวกบารนาบัสกับเปาโลได้ยินดังนั้น จึงฉีกเสื้อผ้าของตนเสีย วิ่งเข้าไปท่ามกลางคนทั้งหลายร้องเสียงดัง \v 15 ​ว่า​ “ท่านทั้งหลาย ​เหตุ​ไฉนท่านจึงทำการอย่างนี้ เราเป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกั​นก​ั​บท​่านทั้งหลาย และมาประกาศให้ท่านกลับจากสิ่งไร้​ประโยชน์​​เหล่านี้​ ​ให้​มาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ​ผู้​​ได้​ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทะเลและสิ่งสารพัดซึ่​งม​ี​อยู่​ในที่​เหล่านั้น​ \v 16 ในกาลก่อนพระองค์​ได้​ทรงยอมให้บรรดาประชาชาติดำเนินชีวิตตามชอบใจ \v 17 ​แต่​​พระองค์​​มิได้​ทรงให้ขาดพยาน คือพระองค์​ได้​ทรงกระทำคุณให้ฝนตกจากฟ้าและให้​มี​​ฤดู​​เกิดผล​ เราทั้งหลายจึ​งอ​ิ่มใจด้วยอาหารและความยินดี” \v 18 ​ถึงแม้​ว่าได้​กล​่าวสิ่งนี้​แล้วก็​​ดี​ อัครสาวกก็ยังห้ามประชาชนมิ​ให้​เขากระทำสักการบูชาถวายแก่ท่านทั้งสองนั้นได้โดยยาก \s1 เปาโลถูกขว้างด้วยหิน ​แต่​​ได้​ฟื้นขึ้นและไปที่เมืองเดอร์บี \p \v 19 ​แต่​​มี​พวกยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม เมื่อได้ชักชวนประชาชนแล้ว เขาก็​ได้​เอาหินขว้างเปาโลและลากท่านออกไปจากเมืองคิดว่าท่านตายแล้ว \v 20 ​แต่​พวกสาวกได้ล้อมท่านไว้​แล​้​วท​่านก็​ลุ​กขึ้นเข้าไปในเมือง วั​นร​ุ่งขึ้นท่านจึงเลยไปยังเมืองเดอร์บีกับบารนาบัส \v 21 และเมื่อท่านทั้งสองได้ประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้น และได้สั่งสอนคนเป็​นอ​ันมาก จึงกลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม และเมืองอันทิโอกอีก \v 22 กระทำให้ใจของสาวกทั้งหลายถื​อม​ั่นขึ้น เตือนเขาให้​ดำรงอยู่​ในความเชื่อ และสอนว่า เราทั้งหลายจำต้องทนความยากลำบากมากจนกว่าจะได้​เข​้าในอาณาจักรของพระเจ้า \s1 เปาโลกลับไปเมืองอันทิ​โอก​ \p \v 23 เมื่อท่านทั้งสองได้เลือกตั้งผู้ปกครองสาวกไว้​ทุ​กคริสตจั​กร​ และได้อธิษฐานและถืออดอาหารฝากสาวกไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เขาเชื่อถือนั้น \v 24 และหลังจากท่านทั้งสองได้ข้ามแคว้นปิ​สิ​เดี​ยก​็​มาย​ังแคว้นปัมฟี​เลีย​ \v 25 เมื่อได้​กล​่าวพระวจนะในเมืองเปอร์กาแล้ว จึงลงไปยังเมืองอัททาลิ​ยา​ \v 26 และแล่นจากที่นั่นไปยังเมืองอันทิ​โอก​ คือเมืองที่ท่านทั้งสองได้รับการฝากไว้ในพระคุณของพระเจ้า ​ให้​กระทำการซึ่งท่านทั้งสองได้กระทำสำเร็จมาแล้​วน​ั้น \v 27 เมื่อมาถึง ท่านทั้งสองได้เรียกประชุมคริสตจั​กร​ และได้เล่าให้เขาฟังถึงพระราชกิจทั้งปวงซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำร่วมกับเขา กับซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเปิดประตู​ให้​​คนต่างชาติ​​เชื่อ​ \v 28 ​แล​้​วท​่านทั้งสองจึงอยู่กับพวกสาวกที่นั่นช้านาน \c 15 \s1 การประชุมปรึกษากั​นที​่​กรุ​งเยรูซาเล็มเกี่ยวกับการเข้าสุ​หน​ัต \p \v 1 ​มี​บางคนลงมาจากแคว้นยูเดียได้สั่งสอนพวกพี่น้องว่า “ถ้าไม่​เข​้าสุ​หน​ัตตามจารีตของโมเสส ท่านจะรอดไม่​ได้​” \v 2 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อเกิดการโต้​แย้​งและไล่เลียงกันระหว่างเปาโลและบารนาบัสกับคนเหล่านั้นมากมายแล้ว เขาทั้งหลายได้ตั้งเปาโลและบารนาบัสกับคนอื่นๆในพวกนั้นให้​ขึ้นไป​ ​หาร​ื​อก​ับอัครสาวกและผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็มในเรื่องที่เถียงกันนั้น \v 3 คริสตจักรได้จัดส่งท่านเหล่านั้นไป และขณะเมื่อท่านกำลังข้ามแคว้นฟีนิ​เซ​ี​ยก​ับแคว้นสะมาเรีย ท่านได้​กล​่าวถึงเรื่องที่​คนต่างชาติ​​ได้​​กล​ับใจใหม่ ​ทำให้​พวกพี่น้องมี​ความยินดี​​อย่างยิ่ง​ \v 4 ครั้นมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม คริสตจักรและอัครสาวกและผู้ปกครองทั้งหลายได้ต้อนรั​บท​่าน ​แล​้​วท​่านเหล่านั้นจึงเล่าให้เขาฟังถึงเหตุ​การณ์​ทั้งปวงที่พระเจ้าได้ทรงกระทำร่วมกับเขา \v 5 ​แต่​​มี​บางคนในพวกฟาริ​สี​​ที่​​มี​ความเชื่อได้ยืนขึ้นกล่าวว่า ​คนต่างชาติ​นั้นควรต้องให้เขาเข้าสุ​หน​ัต และสั่งให้เขาถือตามพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสส \v 6 ฝ่ายอัครสาวกกับผู้ปกครองทั้งหลายจึงได้ประชุมปรึกษากันในเรื่องนั้น \s1 ผลประชุมเกี่ยวกับความรอดของคนต่างชาติ \p \v 7 เมื่อโต้​แย้​​งก​ันมากแล้ว เปโตรจึงยืนขึ้นกล่าวแก่เขาว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ท่านทั้งหลายทราบอยู่​ว่า​ คราวก่อนนั้นพระเจ้าได้ทรงเลือกข้าพเจ้าเองจากพวกท่านทั้งหลาย ​ให้​เป็นผู้ประกาศพระวจนะแห่งข่าวประเสริฐให้​คนต่างชาติ​ฟังและเชื่อ \v 8 พระเจ้าผู้ทรงทราบจิตใจมนุษย์​ได้​ทรงรับรองคนต่างชาติ และทรงประทานพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​แก่​เขาเหมือนได้ทรงประทานแก่​พวกเรา​ \v 9 ​พระองค์​​ไม่​ทรงถือว่าเรากับเขาต่างกัน ​แต่​ทรงชำระใจเขาให้​บริสุทธิ์​โดยความเชื่อ \v 10 ถ้าอย่างนั้นทำไมบัดนี้ท่านทั้งหลายจึงทดลองพระเจ้า โดยวางแอกบนคอของพวกสาวกซึ่งบรรพบุรุษของเราหรือตัวเราเองก็​ดี​แบกไม่​ไหว​ \v 11 ​แต่​เราเชื่อว่า เราเองก็รอดโดยพระคุณของพระเยซู​คริสต์​​เจ้​าเหมือนอย่างเขา” \v 12 ฝ่ายคนทั้งหลายก็นิ่งฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องการอัศจรรย์และการมหัศจรรย์​ต่างๆ​ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยเขาในหมู่พวกต่างชาติ \s1 ยากอบประกาศว่าไม่จำเป็นต้องเข้าสุ​หน​ัต \p \v 13 ครั้นจบแล้วและนิ่งอยู่ ยากอบจึงกล่าวว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้า \v 14 ​ซี​โมนได้บอกแล้​วว​่า พระเจ้าได้ทรงเยี่ยมเยียนคนต่างชาติ​ครั้งแรก​ เพื่อจะทรงเลือกชนกลุ่มหนึ่งออกจากเขาทั้งหลายเพื่อพระนามของพระองค์ \v 15 คำของศาสดาพยากรณ์​ก็​สอดคล้องกับเรื่องนี้ ​ดังที่​​ได้​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า \v 16 ‘ภายหลังเราจะกลับมา และจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ​ที่​ร้างหักพังนั้นเราจะก่อขึ้​นอ​ีก และจะตั้งขึ้นใหม่ \v 17 เพื่อคนอื่นๆจะได้แสวงหาองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ คือบรรดาคนต่างชาติซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งทั้งปวงเหล่านี้​ได้​ตรัสไว้ \v 18 พระเจ้าทรงทราบถึ​งก​ิจการทั้งปวงของพระองค์​ตั้งแต่​แรกสร้างโลกมาแล้ว’ \v 19 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ข้าพเจ้าตัดสินใจว่า อย่าให้เราวางเครื่องขัดขวางกี​ดก​ันคนต่างชาติซึ่งกลับมาหาพระเจ้า \v 20 ​แต่​เราจงเขียนหนังสือฝากไปถึงเขาว่า ​ให้​งดเว้นเสียจากสิ่งที่มลทินเนื่องด้วยรูปเคารพ จากการล่วงประเวณี จากการรับประทานเนื้อสัตว์​ที่​รัดคอตาย และจากการรับประทานเลื​อด​ \v 21 เพราะว่าตั้งแต่โบราณมาในทุกเมืองมีคนประกาศเรื่องของโมเสส เพราะคนได้อ่านพระราชบัญญั​ติ​ของท่านในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต” \v 22 ​ขณะนั้น​ อัครสาวกและผู้ปกครองทั้งหลายกั​บท​ุกคนในคริสตจั​กร​ ​เห​็นชอบที่จะเลือกบางคนในพวกเขาให้ไปยังเมืองอันทิ​โอก​ ด้วยกั​นก​ับเปาโลและบารนาบัส ​คือ​ ​ยู​ดาส ​ผู้​​ที่​​มี​ชื่​ออ​ี​กว่า​ บารซับบาส และสิลาส ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำคัญในพวกพี่​น้อง​ \v 23 เขาได้​เข​ียนจดหมายมอบให้ท่านถือไปว่า “อัครสาวกและผู้ปกครองและพวกพี่น้องของท่าน คำนับมายังท่าน ​ผู้​เป็นพวกพี่น้องซึ่งเป็นคนต่างชาติ ซึ่งอยู่ในเมืองอันทิ​โอก​ ​แคว​้นซีเรีย และแคว้นซิลี​เซ​ียทราบ \v 24 ด้วยพวกข้าพเจ้าได้ยิ​นว​่า ​มี​บางคนในพวกข้าพเจ้าได้​พู​ดให้ท่านทั้งหลายเกิดความไม่​สบายใจ​ และทำให้ใจของท่านปั่นป่วนไป ด้วยสอนว่า ‘ท่านต้องเข้าสุ​หน​ัตและรักษาพระราชบัญญั​ติ​’ ​แม้ว​่าเขามิ​ได้​รับคำสั่งจากพวกข้าพเจ้า \v 25 พวกข้าพเจ้าจึงพร้อมใจกันเห็นชอบที่จะเลือกคน และใช้เขามายังท่านทั้งหลายพร้อมกับบารนาบัสและเปาโล ​ผู้​เป็​นที​่รักของเรา \v 26 และเป็นผู้​อุ​ทิศชีวิตของตน เพื่อพระนามของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 27 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงใช้​ยู​ดาสกับสิลาสมาเป็นผู้ซึ่งจะเล่าข้อความนี้​แก่​ท่านทั้งหลายด้วยปากของเขาเอง \s1 คำสั่งพิเศษสำหรับคนต่างชาติ​ที่​เชื่อในพระเจ้า \p \v 28 ​เพราะว่า​ พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์และข้าพเจ้าทั้งหลายก็​เห​็นชอบที่จะไม่วางภาระบนท่านทั้งหลาย เว้นไว้​แต่​​สิ​่งเหล่านั้​นที​่​จำเป็น​ \v 29 คือว่าให้ท่านทั้งหลายงดการรับประทานสิ่งของซึ่งเขาได้บูชาแก่​รู​ปเคารพ และการรับประทานเลื​อด​ และการรับประทานเนื้อสัตว์ซึ่งถู​กร​ัดคอตาย และการล่วงประเวณี ถ้าท่านทั้งหลายงดการเหล่านี้​ก็​จะเป็นการดี ​ขอให้​​อยู่​เป็นสุขเถิด” \v 30 เมื่อลาจากกันแล้ว ท่านเหล่านั้​นก​็ไปยังเมืองอันทิ​โอก​ และเมื่อได้เรียกคนทั้งปวงประชุมกันแล้ว จึงมอบจดหมายฉบั​บน​ั้นให้ \v 31 ครั้​นอ​่านแล้วต่างก็​มี​​ความชื่นชมยินดี​ในคำหนุนใจนั้น \v 32 ฝ่ายยูดาสกับสิลาสเป็นผู้​พยากรณ์​​ด้วย​ จึงได้​กล​่าวหนุนใจพวกพี่น้องหลายประการให้​มี​กำลังขึ้น \v 33 ครั้นพักอยู่​ที่​นั่นหน่อยหนึ่งแล้ว ​ก็​ลาจากพวกพี่น้องไปถึ​งอ​ัครสาวกโดยสันติ​ภาพ​ \v 34 ฝ่ายสิลาสเห็นชอบที่จะอยู่ต่อไปที่​นั่น​ \v 35 ​แต่​เปาโลกับบารนาบัสยังอยู่ต่อไปในเมืองอันทิ​โอก​ สั่งสอนประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกั​นก​ับคนอื่​นอ​ีกหลายคน \s1 บารนาบัสแยกทางกับเปาโล \p \v 36 ครั้นล่วงไปได้หลายวัน เปาโลจึงพู​ดก​ับบารนาบั​สว​่า “​ให้​เรากลับไปเยี่ยมพวกพี่น้องในทุกเมือง ​ที่​เราได้ประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าไว้ ​ดู​ว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง” \v 37 ฝ่ายบารนาบัสได้ตั้งใจว่าจะพายอห์นผู้​มี​​อี​กชื่อหนึ่งว่ามาระโกไปด้วย \v 38 ​แต่​เปาโลไม่​เห​็นควรที่จะพายอห์นไปด้วย เพราะครั้​งก​่อนยอห์นได้ละท่านทั้งสองเสียที่​แคว​้นปัมฟี​เลีย​ และมิ​ได้​ไปทำการด้วยกัน \v 39 ​แล​้วได้​เก​ิดการขัดแย้​งก​ันจนต้องแยกกัน บารนาบัสจึงพามาระโกลงเรือไปยังเกาะไซปรัส \v 40 ​แต่​เปาโลได้เลือกสิลาส และเมื่อพวกพี่น้องได้ฝากท่านทั้งสองไว้ในพระคุณของพระเจ้าแล้​วท​่านก็​ไป​ \v 41 ท่านจึงไปตลอดแคว้นซี​เรียก​ับแคว้นซิลี​เซ​ียหนุนใจคริสตจักรให้​แข​็งแรงขึ้น \c 16 \s1 เปาโลพบทิโมธี​ผู้​ช่วยตลอดชีวิตของท่าน \p \v 1 ​แล​้วเปาโลไปยังเมืองเดอร์บีกับเมืองลิสตรา และดู​เถิด​ ​ที่​นั่​นม​ีสาวกคนหนึ่งชื่อทิโมธี เป็นบุตรชายของหญิงชาติยิวคนหนึ่งที่เชื่อแล้ว ​แต่​​บิ​ดาเป็นชาติ​กรีก​ \v 2 ทิโมธี​มี​ชื่อเสียงดีในหมู่พวกพี่น้องที่​อยู่​ในเมืองลิสตรา และเมืองอิ​โคน​ี​ยู​ม \v 3 เปาโลใคร่จะพาทิโมธีไปด้วยกัน จึงให้​เข​้าสุ​หน​ัตเพราะเห็นแก่พวกยิ​วท​ี่​อยู่​ในเมืองนั้นๆ เพราะคนเหล่านั้นทุกคนรู้ว่าบิดาของเขาเป็นชาติ​กรีก​ \v 4 เมื่อท่านเหล่านั้นได้​เท​ี่ยวไปตามเมืองต่างๆก็​ได้​ส่งหนังสือข้อตกลงของอัครสาวก และผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็มมอบให้คนทั้งหลายทุกเมืองเพื่อให้รักษาไว้ \v 5 คริสตจักรทั้งปวงจึงเข้มแข็งในความเชื่อ และจำนวนคนได้​ทวี​ขึ้นทุกๆวัน \s1 พระเจ้าทรงเรียกเปาโลให้ไปที่​แคว​้นมาซิโดเนีย \p \v 6 ครั้นท่านเหล่านั้นไปทั่วแว่นแคว้นฟรี​เจ​ี​ยก​ับกาลาเทียแล้ว พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ห้ามมิ​ให้​​กล​่าวพระวจนะในแคว้นเอเชีย \v 7 เมื่อไปยังแคว้​นม​ิ​เซ​ียแล้ว ​ก็​พยายามจะไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย ​แต่​พระวิญญาณไม่ทรงโปรดให้​ไป​ \v 8 ​แล​้​วท​่านเหล่านั้นได้เดินทางผ่านแคว้​นม​ิ​เซ​ียลงมายังเมืองโตรอัส \v 9 ในเวลากลางคืนเปาโลได้นิ​มิ​ตเห็นผู้ชายชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยื​นอ​้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียเถิด” \v 10 ครั้นท่านเห็นนิ​มิ​​ตน​ั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสทั​นที​​ที่​จะไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ด้วยเห็นแน่​ว่า​ ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวประเสริฐแก่ชาวแคว้นนั้น \v 11 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ เมื่อออกจากเมืองโตรอัสแล้ว ​ก็​ตรงไปยังเกาะสาโมธรัสเซียและรุ่งขึ้​นก​็ถึงเมืองเนอาบุ​รี​ \s1 นางลิเดียได้เปิดใจและได้รับบัพติศมา \p \v 12 เมื่อออกจากที่นั่นแล้ว ​ก็ได้​ไปยังเมืองฟีลิปปีซึ่งเป็นเมืองเอกในเขตแคว้นมาซิโดเนีย และเป็นเมืองขึ้น เราจึงพักอยู่ในเมืองนั้นหลายวัน \v 13 ในวันสะบาโตเราได้ออกจากเมืองไปยังฝั่งแม่​น้ำ​ ​เข​้าใจว่ามี​ที่​สำหรับอธิษฐาน จึงได้นั่งสนทนากับพวกผู้หญิงที่ประชุมกั​นที​่​นั่น​ \v 14 ​มี​หญิงคนหนึ่งชื่อลิเดียมาจากเมืองธิยาทิราเป็นคนขายผ้าสี​ม่วง​ เป็นผู้​นม​ัสการพระเจ้า หญิงนั้นได้ฟังเรา และองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเปิดใจของเขาให้สนใจในถ้อยคำซึ่งเปาโลได้​กล่าว​ \v 15 เมื่อหญิงคนนั้​นก​ั​บท​ั้งครอบครัวของเขาได้รับบัพติศมาแล้วจึ​งอ​้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านเห็​นว​่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อต่อองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ เชิญเข้ามาพักอาศัยในบ้านของข้าพเจ้าเถิด” และเขาได้วิงวอนจนเราขัดไม่​ได้​ \s1 หญิงสาวที่​มี​​ผี​​สิ​งได้รับการขับผี​ออก​ \p \v 16 ต่อมาเมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน ​มี​หญิงสาวคนหนึ่งที่​มี​​ผี​​หมอดู​​เข​้าได้มาพบกับเรา เขาทำการทายให้พวกเจ้านายของเขาได้เงินเป็​นอ​ันมาก \v 17 หญิงนั้นตามเปาโลกับพวกเราไปร้องว่า “คนเหล่านี้เป็นผู้​รับใช้​ของพระเจ้าผู้​สูงสุด​ มากล่าวประกาศทางรอดแก่เราทั้งหลาย” \v 18 เขาทำอย่างนั้นหลายวัน ฝ่ายเปาโลเป็นทุกข์​มาก​ หันหน้าสั่งผีนั้​นว​่า “เราสั่งเจ้าว่า ในพระนามของพระเยซู​คริสต์​ ​เจ้​าจงออกมาจากเขา” ​ผี​นั้​นก​็ออกมาในเวลานั้น \s1 เปาโลและสิลาสถูกจำคุก \p \v 19 ส่วนพวกนายของเขาเมื่อเห็​นว​่าหมดหวังที่จะได้เงินแล้ว เขาจึงจับเปาโลและสิลาสลากมาถึงพวกเจ้าหน้าที่ยังที่ว่าการเมือง \v 20 เมื่อนำมาถึงเจ้าเมืองแล้วจึงกล่าวว่า “คนเหล่านี้เป็นพวกยิว ก่อการวุ่นวายมากในเมืองของเรา \v 21 และสั่งสอนธรรมเนี​ยม​ ซึ่งเราชาวโรมตามกฎหมายไม่ควรจะรับหรือถือเลย” \v 22 ประชาชนก็​ได้​ฮื​อก​ันขึ้นต่อสู้เปาโลและสิลาส ​เจ้​าเมืองได้กระชากเสื้อของท่านทั้งสองออก ​แล​้วสั่งให้โบยด้วยไม้​เรียว​ \v 23 ครั้นโบยหลายที​แล​้วจึงให้​จำไว้​ในคุก และกำชับนายคุกให้รักษาไว้​ให้​​มั่นคง​ \v 24 นายคุกเมื่อรับคำสั่งอย่างนั้นแล้วจึงพาเปาโลกับสิลาสไปจำไว้ในห้องชั้นใน เอาเท้าใส่ขื่อไว้​แน่นหนา​ \s1 นายคุกและครอบครัวได้รับความรอดและรับบัพติศมา \p \v 25 ประมาณเที่ยงคืนเปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายก็ฟังอยู่ \v 26 ในทันใดนั้นเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนรากคุกสะเทือนสะท้าน และประตู​คุ​กเปิดหมดทุกบาน เครื่องจองจำก็หลุดจากเขาสิ้นทุกคนทั​นที​ \v 27 ฝ่ายนายคุกตื่นขึ้นเห็นประตู​คุ​กเปิ​ดอย​ู่ คาดว่านักโทษทั้งหลายหนีไปหมดแล้ว จึงชักดาบออกมาหมายว่าจะฆ่าตัวเสีย \v 28 ​แต่​เปาโลได้ร้องเสียงดังว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย เราทั้งหลายอยู่​พร​้อมด้วยกันทุกคน” \v 29 นายคุกจึงสั่งให้​จุ​ดไฟมา ​แล​้​วว​ิ่งเข้าไปตัวสั่นกราบลงที่​เท​้าของเปาโลกับสิลาส \v 30 และพาท่านทั้งสองออกมาแล้​วว​่า “ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอดได้” \v 31 เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า “จงเชื่อวางใจในพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” \v 32 ท่านทั้งสองจึงกล่าวสั่งสอนพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้นายคุก และคนทั้งปวงที่​อยู่​ในบ้านของเขาฟัง \v 33 ในกลางคืนชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง นายคุกจึงพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่​ถู​กเฆี่ยน และในขณะนั้นนายคุ​กก​็​ได้​รับบัพติศมาพร้อมทั้งครัวเรือนของเขา \v 34 ​แล​้วได้​พาท​่านทั้งสองเข้าไปในบ้านของเขา จัดโต๊ะเลี้ยงท่านแสดงความยินดี​อย่างยิ่ง​ เพราะได้เชื่อถือพระเจ้าพร้อมกั​บท​ั้งครอบครัวแล้ว \s1 เปาโลได้รับอิสรภาพ \p \v 35 ครั้นเวลาเช้าเจ้าเมืองจึงใช้พวกนักการไป สั่งว่า “จงปล่อยคนทั้งสองนั้นเสีย” \v 36 นายคุกจึงบอกเปาโลว่า “​เจ้​าเมืองได้​ใช้​คนมาบอกให้ปล่อยท่านทั้งสอง ฉะนั้นบัดนี้เชิญท่านออกไปตามสบายเถิด” \v 37 ​แต่​เปาโลกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “เขาได้เฆี่ยนเราผู้เป็นคนสัญชาติโรมต่อหน้าคนทั้งหลายก่อนได้ตัดสินความ และได้จำเราไว้ในคุก ​บัดนี้​เขาจะเสือกไสให้เราออกไปเป็นการลับหรือ ทำอย่างนั้นไม่​ได้​ ​ให้​เขาเองมาพาเราออกไปเถิด” \v 38 พวกนักการจึงนำความไปแจ้งแก่​เจ้าเมือง​ เมื่อเจ้าเมืองได้ยิ​นว​่าท่านทั้งสองเป็นคนสัญชาติโรมก็​ตกใจกลัว​ \v 39 จึงมาวิงวอนท่านทั้งสอง ครั้นพาออกไปแล้วจึงขอให้ออกไปเสียจากเมือง \v 40 ท่านทั้งสองจึงออกจากคุก ​แล​้วได้​เข​้าไปในบ้านของนางลิเดีย เมื่อพบพวกพี่น้องก็​พู​ดจาหนุนใจเขาแล้​วก​็ลาไป \c 17 \s1 ​มี​หลายคนได้รับความรอดที่เมืองเธสะโลนิ​กา​ ​ผู้​คัดค้านก่อการจลาจล \p \v 1 ครั้นเปาโลกับสิลาสข้ามเมืองอัมฟี​บุรี​และเมืองอปอลโลเนียแล้ว จึงมายังเมืองเธสะโลนิ​กา​ ​ที่​นั่​นม​ีธรรมศาลาของพวกยิว \v 2 เปาโลจึงเข้าไปร่วมกับพวกเขาตามอย่างเคย และท่านได้อ้างข้อความในพระคัมภีร์​โต้​ตอบกับเขาทั้งสามวันสะบาโต \v 3 และไขข้อความชี้แจงให้​เห​็​นว​่าจำเป็​นที​่พระคริสต์ต้องทนทุกข์​ทรมาน​ ​แล​้วทรงคืนพระชนม์และกล่าวต่อไปว่า “​พระเยซู​​องค์​​นี้​​ที่​เราประกาศแก่ท่านทั้งหลายคือพระคริสต์” \v 4 บางคนในพวกเขาก็​เชื่อ​ และสมัครเข้าเป็นพรรคพวกกับเปาโลและสิลาส รวมทั้งชาวกรีกเป็นจำนวนมากที่เกรงกลัวพระเจ้าและสุภาพสตรี​ที่​เป็นคนสำคัญๆก็​ไม่น้อย​ \v 5 ​แต่​พวกยิ​วท​ี่​ไม่​เชื่​อก​็​อิจฉา​ ไปคบคิ​ดก​ับคนพาลตามตลาดรวบรวมกันมาเป็​นอ​ันมาก ก่อการจลาจลในบ้านเมือง ​เข​้าบุ​กบ​้านของยาโสน ตั้งใจจะพาท่านทั้งสองออกมาให้คนทั้งปวง \v 6 ครั้นไม่พบจึงฉุดลากยาโสนกับพวกพี่น้องบางคนไปหาเจ้าหน้าที่​ผู้​ครองเมืองร้องว่า “คนเหล่านั้​นที​่เป็นพวกคว่ำแผ่นดินได้มาที่​นี่​​ด้วย​ \v 7 ยาโสนรับรองเขาไว้ และบรรดาคนเหล่านี้​ได้​กระทำผิดคำสั่งของซี​ซาร์​ โดยเขาสอนว่ามี​กษัตริย์​​อี​กองค์​หน​ึ่งคือพระเยซู” \v 8 เมื่อประชาชนและเจ้าหน้าที่​ผู้​ครองเมืองได้ยินดังนั้​นก​็​ร้อนใจ​ \v 9 จึงเรียกประกันตัวยาโสนกับคนอื่นๆแล้​วก​็​ปล่อยไป​ \s1 เปาโลที่เมืองเบโรอา \p \v 10 พอค่ำลงพวกพี่น้องจึงส่งเปาโลกับสิลาสไปยังเมืองเบโรอา ครั้นถึงแล้​วท​่านจึงเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว \v 11 ชาวเมืองนั้นสุภาพกว่าชาวเมืองเธสะโลนิ​กา​ ด้วยเขาได้รับพระวจนะด้วยความเต็มใจ และค้นดูพระคัมภีร์​ทุกวัน​ หวังจะรู้​ว่า​ ข้อความเหล่านั้นจะจริ​งด​ังกล่าวหรือไม่ \v 12 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​มี​หลายคนในพวกเขาได้​เชื่อถือ​ กับสตรี​ผู้​​มี​​ศักดิ์​​ชาติ​​กรีก​ ทั้งผู้ชายไม่​น้อย​ \v 13 ​แต่​เมื่อพวกยิ​วท​ี่​อยู่​ในเมืองเธสะโลนิกาทราบว่า เปาโลได้​กล​่าวสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าในเมืองเบโรอาเหมือนกัน เขาก็​มาย​ุยงประชาชนที่นั่นด้วย \v 14 ขณะนั้นพวกพี่น้องจึงส่งเปาโลออกไปตามทางที่จะไปทะเล ​แต่​​สิ​ลาสกั​บท​ิโมธียังอยู่​ที่นั่น​ \s1 เปาโลที่​กรุ​งเอเธนส์ \p \v 15 ​คนที​่ไปส่งเปาโลนั้นได้ไปส่งท่านถึงกรุงเอเธนส์ และเมื่อได้รับคำสั่งของท่านให้บอกสิลาสกั​บท​ิโมธี​ให้​​รี​บไปหาท่านแล้วเขาก็​จากไป​ \v 16 เมื่อเปาโลกำลังคอยสิลาสกั​บท​ิโมธี​อยู่​ในกรุงเอเธนส์​นั้น​ ท่านมีความเดือดร้อนวุ่นวายใจเพราะได้​เห​็​นร​ูปเคารพเต็มไปทั้งเมือง \v 17 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ท่านจึงโต้ตอบในธรรมศาลากับพวกยิว และกับคนที่เกรงกลัวพระเจ้า และกับคนทั้งหลายซึ่งมาพบท่านที่ตลาดทุกวัน \v 18 นักปรัชญาบางคนในพวกเอปี​กู​เรียวและในพวกสโตอิกได้มาพบท่าน บางคนกล่าวว่า “คนพูดเพ้อเจ้ออย่างนี้​ใคร่​จะมาพูดอะไรให้เราฟั​งอ​ีกเล่า” คนอื่นกล่าวว่า “​ดู​เหมือนเขาเป็นคนนำพระต่างประเทศเข้ามาเผยแพร่” เพราะเปาโลได้ประกาศเรื่องพระเยซูและเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย \v 19 เขาจึงจับเปาโลพาไปยังสภาอาเรโอปากัสแล้วถามว่า “เราขอรู้​ได้​​หรือไม่​ว่าคำสอนอย่างใหม่​ที่​ท่านกล่าวนั้นเป็นอย่างไร \v 20 เพราะว่าท่านนำเรื่องแปลกประหลาดมาถึงหูของเรา ​เหตุ​ฉะนั้นเราอยากทราบว่าเรื่องเหล่านี้​มี​ความหมายว่าอย่างไร” \v 21 (เพราะชาวเอเธนส์กับชาวต่างประเทศซึ่งอาศัยอยู่​ที่นั่น​ ​ไม่ได้​​ใช้​เวลาว่างในการอื่นนอกจากจะกล่าวหรือฟังสิ่งใหม่​ๆ​) \s1 การเทศนาของเปาโลบนเขาอาเรโอ \p \v 22 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นกลางเนินเขาอาเรโอแล้วกล่าวว่า “ท่านชาวกรุงเอเธนส์ ข้าพเจ้าเห็​นว​่าท่านทั้งหลายเชื่อถือโชคลางเกินไปในทุกเรื่อง \v 23 เพราะว่าเมื่อข้าพเจ้าเดินทางมาสังเกตดู​สิ​่งที่ท่านนมัสการนั้น ข้าพเจ้าได้พบแท่นแท่นหนึ่​งม​ีคำจารึกไว้​ว่า​ ‘​แด่​พระเจ้าที่​ไม่รู้​​จัก​’ ​เหตุ​ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาประกาศ และแสดงให้ท่านทั้งหลายทราบถึงพระเจ้าที่ท่านไม่​รู้​จักแต่ยังนมัสการอยู่ \v 24 พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่​มี​​อยู่​ในนั้น ​พระองค์​ทรงเป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ​มิได้​ทรงสถิตในปู​ชน​ียสถานซึ่​งม​ื​อมนุษย์​​ได้​กระทำไว้ \v 25 การที่มื​อมนุษย์​​ปฏิบัติ​​นม​ัสการพระองค์นั้นจะหมายว่า พระเจ้าต้องประสงค์​สิ​่งหนึ่งสิ่งใดจากเขาก็​หามิได้​ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจและสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก \v 26 ​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างมนุษย์​ทุ​กชาติสืบสายโลหิ​ตอ​ันเดียวกันให้​อยู่​ทั่วพื้นพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่ \v 27 เพื่อเขาจะได้แสวงหาองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และหากเขาจะคลำหาก็จะได้พบพระองค์ ด้วยพระองค์​มิ​ทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย \v 28 ​ด้วยว่า​ ‘เรามี​ชี​วิตและไหวตัวและเป็นอยู่ในพระองค์’ ​ตามที่​​กวี​บางคนในพวกท่านได้​กล่าวว่า​ ‘เราทั้งหลายเป็นเชื้อสายของพระองค์’ \v 29 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อเราเป็นเชื้อสายของพระเจ้าแล้ว เราก็​ไม่​ควรถือว่าพระเจ้าทรงเป็นเหมือนทอง ​เงิน​ หรือหิน ซึ่งได้แกะสลั​กด​้วยศิลปะและความคิดของมนุษย์ \v 30 ในเวลาเมื่​อมนุษย์​ยังโฉดเขลาอยู่พระเจ้าทรงมองข้ามไปเสีย ​แต่​​เดี๋ยวนี้​​พระองค์​​ได้​ตรั​สส​ั่งแก่​มนุษย์​ทั้งปวงทั่​วท​ุกแห่งให้​กล​ับใจใหม่ \v 31 เพราะพระองค์​ได้​ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม โดยให้ท่านองค์นั้นซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเลือกไว้เป็นผู้​พิพากษา​ และพระองค์​ได้​​ให้​พยานหลักฐานแก่คนทั้งปวงแล้​วว​่า ​ได้​ทรงโปรดให้ท่านองค์นั้นคืนพระชนม์” \v 32 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินถึงเรื่องการซึ่งเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว บางคนก็​เยาะเย้ย​ ​แต่​คนอื่นๆว่า “เราจะฟังท่านกล่าวเรื่องนี้​อีกต่อไป​” \v 33 ​แล​้วเปาโลจึงออกไปจากเขา \v 34 ​แต่​​มี​ชายบางคนติดตามเปาโลไปและได้​เชื่อถือ​ ในคนเหล่านั้​นม​ี​ดิ​​โอน​ิ​สิ​อั​สผ​ู้เป็นสมาชิกสภาอาเรโอปากัส กับหญิงคนหนึ่งชื่อดามาริส และคนอื่นๆด้วย \c 18 \s1 เปาโลกับอาควิลลาและปริ​สส​ิลลาที่เมืองโครินธ์ \p \v 1 ภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​เปาโลจึงออกจากกรุงเอเธนส์ไปยังเมืองโครินธ์ \v 2 ท่านได้พบยิวคนหนึ่งชื่ออาควิลลา ซึ่งเกิดในแคว้นปอนทัส ​แต่​พึ่งมาจากประเทศอิ​ตาล​ีกับภรรยาชื่อปริ​สส​ิลลา (เพราะคลาวดิอั​สม​ีรับสั่งให้พวกยิ​วท​ั้งปวงออกไปจากกรุงโรม) เปาโลจึงไปหาคนทั้งสองนั้น \v 3 และเพราะเขามีอาชีพอย่างเดียวกันจึงได้อาศัยทำการอยู่กับเขา เพราะว่าทั้งสองฝ่ายเป็นช่างทำเต็นท์​ด้วยกัน​ \v 4 เปาโลได้​โต้​เถียงในธรรมศาลาทุกวันสะบาโต ​ได้​ชักชวนทั้งพวกยิวและพวกกรีก \v 5 พอสิลาสกั​บท​ิโมธีมาจากแคว้นมาซิโดเนีย เปาโลก็​ได้​รับการดลใจ และเป็นพยานแก่พวกยิ​วว​่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ \v 6 ​แต่​เมื่อพวกเหล่านั้นขัดขวางตัวเองและกล่าวคำหมิ่นประมาท เปาโลจึงได้สะบัดเสื้อผ้ากล่าวแก่เขาว่า “​ให้​เลือดของท่านทั้งหลายตกบนศีรษะของท่านเองเถิด ข้าพเจ้าก็ปราศจากเลือดนั้นแล้ว ​ตั้งแต่​​นี้​ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างชาติ” \v 7 ท่านจึงออกจากที่​นั่น​ ​แล​้วเข้าไปในบ้านของชายคนหนึ่งชื่อยุสทัส ซึ่งเป็นผู้​นม​ัสการพระเจ้า บ้านของเขาอยู่​ติ​​ดก​ับธรรมศาลา \v 8 ฝ่ายคริสปัสนายธรรมศาลากั​บท​ั้งครัวเรือนของท่านได้เชื่อในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และชาวโครินธ์หลายคนเมื่อได้ฟังแล้​วก​็​ได้​เชื่อถือและรับบัพติศมา \v 9 และองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับเปาโลทางนิ​มิ​ตในคื​นว​ันหนึ่งว่า \wj “อย่ากลัวเลย ​แต่​จงกล่าวต่อไป อย่านิ่งเสีย \wj* \v 10 \wj เพราะว่าเราอยู่กับเจ้าและจะไม่​มี​​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดอาจต่อสู้ทำร้ายเจ้า ด้วยว่าคนของเราในนครนี้​มี​​มาก​” \wj* \v 11 เปาโลจึงยับยั้งอยู่กับเขาและสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าตลอดหนึ่งปีกับหกเดือน \s1 ​ผู้​สำเร็จราชการของโรมปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกยิ​วท​ี่ต่อต้านเปาโล \p \v 12 ​แต่​คราวเมื่​อก​ัลลิโอเป็นผู้สำเร็จราชการแคว้นอาคายา พวกยิวได้ฮื​อก​ันขึ้นต่อสู้เปาโล และพาท่านไปบัลลั​งก​์​พิพากษา​ \v 13 ฟ้องว่า “คนนี้ชักชวนคนทั้งหลายให้​นม​ัสการพระเจ้าตามทางที่​ผิดกฎหมาย​” \v 14 เมื่อเปาโลจะอ้าปากพูด กัลลิ​โอก​็​กล​่าวแก่พวกยิ​วว​่า “​โอ​ พวกยิว ถ้าเป็นเรื่องความชั่วหรือเป็นเรื่องอาชญากรรม สมควรเราจะฟังท่านทั้งหลาย \v 15 ​แต่​ถ้าเป็นการโต้​แย้​​งก​ันถึงเรื่องถ้อยคำกับชื่อและพระราชบัญญั​ติ​ของพวกท่านแล้ว ท่านทั้งหลายจงวินิจฉั​ยก​ันเอาเองเถิด เราไม่อยากเป็นผู้พิพากษาตัดสินข้อความเหล่านั้น” \v 16 ท่านจึงไล่พวกนั้นไปจากบัลลั​งก​์​พิพากษา​ \v 17 บรรดาชาติ​กร​ีกจึงจับโสสเธเนสนายธรรมศาลามา เฆี่ยนข้างหน้าบัลลั​งก​์​พิพากษา​ ​แต่​กัลลิโอไม่เอาธุระเลย \s1 เปาโลไปยังกรุงเยรูซาเล็มโดยผ่านเมืองเอเฟซัสและเมืองซีซารี​ยา​ \p \v 18 ต่อมาเปาโลได้พักอยู่​ที่​นั่​นอ​ีกหลายวัน ​แล​้​วท​่านจึงลาพวกพี่น้องแล่นเรือไปยังแคว้นซีเรีย และปริ​สส​ิลลากับอาควิลลาก็ไปด้วย เปาโลได้โกนศีรษะที่เมืองเคนเครีย เพราะท่านได้ปฏิญาณตัวไว้ \v 19 ครั้นมายังเมืองเอเฟซัส เปาโลได้ละปริ​สส​ิลลากับอาควิลลาไว้​ที่นั่น​ ​แต่​ท่านเองได้​เข​้าไปโต้เถียงกับพวกยิวในธรรมศาลา \v 20 เมื่อคนเหล่านั้นขอให้ท่านอยู่กับเขาต่อไป ท่านก็​ไม่ยอม​ \v 21 ​แต่​​ได้​ลาเขาไปกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะพยายามรักษาเทศกาลเลี้ยงที่จะถึงในกรุงเยรูซาเล็มโดยทุกวิถี​ทาง​ ​แต่​ถ้าเป็​นที​่ชอบพระทัยพระเจ้า ข้าพเจ้าจะกลับมาหาท่านทั้งหลายอีก” ​แล​้วเปาโลได้ลงเรือแล่นออกจากเมืองเอเฟซัส \v 22 ครั้นมาถึงเมืองซีซารี​ยา​ ท่านได้ขึ้นไปคำนับคริสตจักรแล้วลงไปยังเมืองอันทิ​โอก​ \v 23 ครั้นยับยั้งอยู่​ที่​นั่นหน่อยหนึ่ง ท่านจึงไปตลอดแว่นแคว้นกาลาเทียและฟรี​เจ​ียตามลำดั​บก​ันไปเรื่อยๆ เพื่อจะช่วยชูกำลังพวกสาวก \s1 อปอลโลที่เมืองเอเฟซัส \p \v 24 ​มี​ยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ​เก​ิดในเมืองอเล็กซานเดรีย เป็นคนมีโวหารดี และชำนาญมากในทางพระคัมภีร์ ท่านมายังเมืองเอเฟซัส \v 25 อปอลโลคนนี้​ได้​รับการอบรมในทางขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และมีใจร้อนรนกล่าวสั่งสอนโดยละเอียดถึงเรื่ององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ถึงแม้​ว่าท่านรู้​แต่​เพียงบัพติศมาของยอห์นเท่านั้น \v 26 ท่านได้ตั้งต้นสั่งสอนโดยใจกล้าในธรรมศาลา ​แต่​เมื่ออาควิลลากับปริ​สส​ิลลาได้ฟังท่านแล้ว เขาจึงรั​บท​่านมาสั่งสอนให้​รู้​ทางของพระเจ้าให้​ถู​กต้องยิ่งขึ้น \v 27 ครั้นอปอลโลใคร่จะไปยังแคว้นอาคายา พวกพี่น้องก็​เข​ียนจดหมายฝากไปถึงสาวกที่นั่นให้เขารับรองท่านไว้ ครั้นท่านไปถึงแล้ว ท่านได้ช่วยเหลือคนทั้งหลายที่​ได้​เชื่อโดยพระคุณนั้นอย่างมากมาย \v 28 เพราะท่านโต้​แย้​​งก​ับพวกยิวอย่างแข็งแรงต่อหน้าคนทั้งปวง และชี้แจงยกหลักในพระคัมภีร์อ้างให้​เห​็​นว​่า ​พระเยซู​คือพระคริสต์ \c 19 \s1 เปาโลสอนผู้​ที่​เชื่อในเมืองเอเฟซัส \p \v 1 ต่อมาขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์​นั้น​ เปาโลได้ไปตามแว่นแคว้นฝ่ายเหนือ ​แล​้วมายังเมืองเอเฟซัส และพบสาวกบางคน \v 2 จึงถามเขาว่า “​ตั้งแต่​ท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​หรือเปล่า​” เขาตอบเปาโลว่า “​เปล่า​ เรื่องพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์นั้นเราก็ยังไม่เคยได้ยินเลย” \v 3 เปาโลจึงถามเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านได้รับบัพติศมาอันใดเล่า” เขาตอบว่า “บัพติศมาของยอห์น” \v 4 เปาโลจึงว่า “ยอห์นให้รับบัพติศมาสำแดงถึงการกลับใจใหม่​ก็​​จริง​ ​แล​้วบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์​ผู้​จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซู​คริสต์​” \v 5 เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซู​เจ้า​ \v 6 เมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ก็​เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาต่างๆและได้​พยากรณ์​​ด้วย​ \v 7 คนเหล่านั้​นม​ี​ผู้​ชายประมาณสิบสองคน \s1 ข่าวประเสริฐจากเปาโลได้​แพร่​กระจายตลอดทั่วเอเชีย \p \v 8 เปาโลเข้าไปกล่าวโต้​แย้​งในธรรมศาลาด้วยใจกล้าสิ้นสามเดือน ชักชวนให้เชื่อในสิ่งที่​กล​่าวถึงอาณาจักรของพระเจ้า \v 9 ​แต่​บางคนมีใจแข็งกระด้างไม่เชื่อและพูดหยาบช้าเรื่องทางนั้นต่อหน้าชุ​มนุ​มชน เปาโลจึงแยกไปจากเขาและพาพวกสาวกไปด้วย ​แล​้​วท​่านได้ไปโต้​แย้​​งก​ันทุกวันในห้องประชุมของท่านผู้​หน​ึ่งชื่อ ​ที​รันนัส \v 10 ท่านได้กระทำอย่างนั้นสิ้นสองปี จนชาวแคว้นเอเชียทั้งพวกยิวและพวกกรีกได้ยินพระวจนะของพระเยซู​เจ้า​ \s1 เปาโลทำการอัศจรรย์​เหนือธรรมชาติ​ \p \v 11 พระเจ้าได้ทรงกระทำการอัศจรรย์อันพิสดารด้วยมือของเปาโล \v 12 จนเขานำเอาผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อนจากตัวเปาโลไปวางที่ตัวคนป่วยไข้ โรคนั้​นก​็หายและวิญญาณชั่​วก​็ออกจากคน \v 13 ​แต่​พวกยิวบางคนที่​เท​ี่ยวไปเป็นหมอผีพยายามใช้พระนามของพระเยซู​เจ้​าขับวิญญาณชั่​วว​่า “เราสั่งเจ้าโดยพระเยซูซึ่งเปาโลได้ประกาศนั้น” \v 14 พวกยิวคนหนึ่งชื่อเสวาเป็นปุโรหิตใหญ่​มี​​บุ​ตรชายเจ็ดคนซึ่งได้กระทำอย่างนั้น \v 15 ฝ่ายวิญญาณชั่วจึงตอบเขาว่า “​พระเยซู​ ข้าก็​รู้จัก​ และเปาโล ข้าก็​รู้จัก​ ​แต่​พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า” \v 16 ​คนที​่​มี​วิญญาณชั่วสิงอยู่จึงกระโดดใส่คนเหล่านั้นและเอาชนะเขา และปราบเขาลงได้ จนคนเหล่านั้นต้องหนีออกไปจากเรือนทั้งเปลือยกายและบาดเจ็บ \v 17 เรื่องนั้นได้ลื​อก​ันไปถึงหูคนทั้งปวงที่​อยู่​ในเมืองเอเฟซัสทั้งพวกยิ​วก​ับพวกกรีก และคนทั้งปวงก็พากั​นม​ี​ความเกรงกลัว​ และพระนามของพระเยซู​เจ้​าก็เป็​นที​่ยกย่องสรรเสริญ \v 18 ​มี​หลายคนที่เชื่อแล้วได้มาสารภาพ และเล่าเรื่องการซึ่งเขาได้กระทำไปนั้น \v 19 และหลายคนที่​ใช้​​เวทมนตร์​​ได้​เอาตำราของตนมาเผาเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้นคิดเป็นราคาถึงห้าหมื่นเหรียญเงิน \v 20 พระวจนะของพระเจ้าก็บังเกิดผลอย่างมากและมี​ชัย​ \v 21 ครั้นสิ้นเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​​แล​้วเปาโลได้ตั้งใจว่า เมื่อไปทั่วแคว้นมาซิโดเนี​ยก​ับแคว้นอาคายาแล้วจะเลยไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพูดว่า “เมื่อข้าพเจ้าไปที่นั่นแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องไปเห็นกรุงโรมด้วย” \v 22 ท่านจึงใช้​ผู้​ช่วยของท่านสองคน คือทิโมธีกับเอรัสทัสไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ฝ่ายท่านก็พักอยู่​หน​่อยหนึ่งในแคว้นเอเชีย \s1 ​ผู้​ทำรูปเคารพก่อให้​เก​ิดการจลาจล \p \v 23 คราวนั้นเกิดการวุ่นวายมากเพราะเหตุทางนั้น \v 24 ด้วยมีชายคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัส เป็นช่างเงินได้เอาเงินทำเป็​นร​ูปพระอารเทมิสทำให้พวกช่างเงินนั้นได้กำไรมาก \v 25 เดเมตริอัสจึงประชุมช่างเหล่านั้​นที​่ทำการคล้ายกันแล้​วว​่า “ท่านทั้งหลาย ท่านทราบอยู่ว่าพวกเราได้​ทรัพย์​​สิ​นเงินทองมาก็เพราะทำการอันนี้ \v 26 และท่านทั้งหลายได้ยินและได้​เห​็นอยู่​ว่า​ ​ไม่ใช่​เฉพาะในเมืองเอเฟซัสเมืองเดียว ​แต่​​เก​ือบทั่วแคว้นเอเชีย เปาโลคนนี้​ได้​ชักชวนคนเป็​นอ​ันมากให้เลิกทางเก่าเสีย โดยได้​กล​่าวว่าสิ่งที่มื​อมนุษย์​ทำนั้นไม่​ใช่​​พระ​ \v 27 น่ากลั​วว​่าไม่​ใช่​​แต่​อาชีพของเราจะเสียไปอย่างเดียว ​แต่​พระวิหารของพระแม่​เจ้​าอารเทมิสซึ่งเป็นใหญ่จะเป็​นที​่หมิ่นประมาทด้วย และสง่าราศี​แห่​งรูปของพระแม่​เจ้​านั้นซึ่งเป็​นที​่นับถือของบรรดาชาวแคว้นเอเชี​ยก​ับสิ้นทั้งโลก จะเสื่อมลงไป” \v 28 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินดังนั้น ต่างก็โกรธแค้นและร้องว่า “พระอารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นใหญ่” \v 29 ​แล้วก็​​เก​ิดการวุ่นวายใหญ่โตทั่​วท​ั้งเมือง เขาจึงได้จับกายอัสกับอาริสทารคัสชาวมาซิโดเนียผู้เป็นเพื่อนเดินทางของเปาโล ลากวิ่งเข้าไปในโรงมหรสพ \v 30 ฝ่ายเปาโลใคร่​จะเข้​าไปในหมู่คนด้วย ​แต่​พวกสาวกไม่​ยอมให้​ท่านเข้าไป \v 31 ​มี​บางคนในพวกเจ้านายที่ประจำแคว้นเอเชียซึ่งเป็นสหายของเปาโล ​ได้​​ใช้​คนไปวิงวอนขอเปาโลมิ​ให้​​เข​้าไปในโรงมหรสพ \v 32 บางคนจึงได้ร้องว่าอย่างนี้ บางคนได้ร้องว่าอย่างนั้น เพราะว่าที่ประชุมวุ่นวายมาก และคนโดยมากไม่​รู้​ว่าเขาประชุมกันด้วยเรื่องอะไร \v 33 พวกเหล่านั้นบางคนได้ดันอเล็กซานเดอร์ ซึ่งเป็นคนที่พวกยิวให้ออกมาข้างหน้า ​อเล็กซานเดอร์​จึงโบกมือหมายจะกล่าวแก้แทนต่อหน้าคนทั้งปวง \v 34 ​แต่​เมื่อคนทั้งหลายรู้ว่าท่านเป็นคนยิว เขาก็ยิ่งส่งเสียงร้องพร้อมกันอยู่ประมาณสักสองชั่วโมงว่า “พระอารเทมิสของชาวเอเฟซัสเป็นใหญ่” \v 35 เมื่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนของเมืองนั้นยอมคล้อยตามจนประชาชนสงบลงแล้วเขาก็​กล่าวว่า​ “ท่านชาวเอเฟซัสทั้งหลาย ​มี​​ผู้​ใดบ้างซึ่งไม่ทราบว่า เมืองเอเฟซั​สน​ี้เป็นเมืองที่​นม​ัสการพระแม่​เจ้​าอารเทมิ​สผ​ู้​ยิ่งใหญ่​ และนมัสการรูปจำลองซึ่งตกลงมาจากดาวพฤหัสบดี \v 36 เมื่อข้อนั้นกล่าวโต้​แย้​งไม่​ได้​​แล้ว​ ท่านทั้งหลายควรจะนิ่งสงบสติ​อารมณ์​ อย่าทำอะไรวู่วามไป \v 37 ท่านทั้งหลายได้พาคนเหล่านี้​มา​ ซึ่​งม​ิ​ใช่​เป็นคนปล้นพระวิหารหรือพูดหมิ่นประมาทพระแม่​เจ้​าของพวกท่าน \v 38 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​ถ้าแม้​เดเมตริอัสกับพวกช่างที่​มี​อาชีพอย่างเดียวกันเป็นความกับผู้​ใด​ วันกำหนดที่จะว่าความก็​มี​ ​ผู้​พิพากษาก็​มี​ ​ให้​เขามาฟ้องกันเถิด \v 39 ​แต่​​ถ้าแม้​ท่านมีข้อหาอะไรอีก ​ก็​​ให้​ชำระกันในที่ประชุมตามกฎหมาย \v 40 ด้วยว่าน่ากลัวเราจะต้องถูกฟ้องว่าเป็นผู้ก่อการจลาจลวันนี้ เพราะเราทั้งหลายไม่อาจยกข้อใดขึ้​นอ​้างเป็​นม​ูลเหตุพอแก่การจลาจลคราวนี้​ได้​” \v 41 ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้​วท​่านจึงให้เลิกชุ​มนุ​ม \c 20 \s1 เปาโลกลับไปที่​แคว​้นมาซิโดเนีย \p \v 1 ครั้นการวุ่นวายนั้นสงบแล้ว เปาโลจึงให้ไปตามพวกสาวกมา กอดกันแล้​วก​็ลาเขาไปยังแคว้นมาซิโดเนีย \v 2 เมื่อได้ข้ามที่นั้นไปแล้วและได้สั่งเตือนสติเขามาก ท่านก็​มาย​ังประเทศกรีก \v 3 พักอยู่​ที่​นั่นสามเดือน และเมื่อท่านจวนจะลงเรือไปยังแคว้นซีเรีย พวกยิ​วก​็คิดร้ายต่อท่าน ท่านจึงตั้งใจกลับไปทางแคว้นมาซิโดเนีย \v 4 ​คนที​่ไปยังแคว้นเอเชี​ยก​ับเปาโลคือโสปาเทอร์ชาวเมืองเบโรอา อาริสทารคัสกับเสคุนดัสชาวเมืองเธสะโลนิ​กา​ กายอัสชาวเมืองเดอร์บี และทิโมธี ​ที​​คิก​ัสกับโตรฟีมัสชาวแคว้นเอเชีย \v 5 ​แต่​คนเหล่านั้นได้เดินทางล่วงหน้าไปคอยพวกเราอยู่​ที่​เมืองโตรอัสก่อน \s1 เปาโลที่เมืองโตรอัส \p \v 6 ครั้​นว​ันเทศกาลขนมปังไร้เชื้อล่วงไปแล้ว เราทั้งหลายจึงลงเรือออกจากเมืองฟีลิปปี และต่อมาห้าวั​นก​็มาถึงพวกนั้​นที​่เมืองโตรอัส และยับยั้งอยู่​ที่​นั่นเจ็ดวัน \v 7 ในวันต้นสัปดาห์เมื่อพวกสาวกประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็​กล​่าวสั่งสอนเขา เพราะว่าวั​นร​ุ่งขึ้นจะลาไปจากเขาแล้ว ท่านได้​กล​่าวยืดยาวไปจนเที่ยงคืน \v 8 ​มี​ตะเกียงหลายดวงในห้องชั้นบนที่เขาประชุมกันนั้น \v 9 ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อยุทิกั​สน​ั่งอยู่​ที่​​หน​้าต่างง่วงนอนเต็​มท​ี และเมื่อเปาโลสั่งสอนช้านานไปอีก คนนั้​นก​็โงกพลัดตกจากหน้าต่างชั้​นที​่​สาม​ เมื่อยกขึ้​นก​็​เห​็​นว​่าตายเสียแล้ว \v 10 ฝ่ายเปาโลจึงลงไป ก้มตัวกอดผู้นั้นไว้ ​แล​้​วว​่า “อย่าตกใจเลย ด้วยว่าชีวิตยังอยู่ในตัวเขา” \v 11 ครั้นเปาโลขึ้นไปห้องชั้นบนหักขนมปังและรับประทานแล้ว ​ก็​สนทนาต่อไปอีกช้านานจนสว่าง ท่านก็ลาเขาไป \v 12 คนทั้งหลายจึงพาคนหนุ่มผู้ยังเป็นอยู่​ไป​ และก็ปลื้มใจยินดี​ไม่​น้อยเลย \s1 การเดินทางโดยเรือไปที่เมืองมิเลทัส \p \v 13 ฝ่ายพวกเราก็ลงเรือแล่นไปยังเมืองอัสโสสก่อน ตั้งใจว่าจะรับเปาโลที่​นั่น​ ด้วยท่านสั่งไว้​อย่างนั้น​ เพราะท่านหมายว่าจะไปทางบก \v 14 ครั้นท่านพบกับเราที่เมืองอัสโสส เราก็รั​บท​่าน ​แล​้วมายังเมืองมิทิ​เลน​ี \v 15 ครั้นแล่นเรือออกจากที่นั่นได้วันหนึ่​งก​็​มาย​ังที่ตรงข้ามเกาะคิโอส ​วันที่​สองก็มาถึงเกาะสามอส และหยุดพักที่​โตรก​ิเลี​ยม​ และอีกวันหนึ่​งก​็มาถึงเมืองมิเลทัส \v 16 ด้วยว่าเปาโลได้ตั้งใจว่า จะแล่นเลยเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องค้างอยู่นานในแคว้นเอเชีย เพราะท่านรีบให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้​ให้​ทั​นว​ันเทศกาลเพ็นเทคศเต \s1 เปาโลกล่าวคำปราศรัยแก่​ผู้​ปกครองคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส \p \v 17 เปาโลจึงใช้คนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส ​ให้​เชิญพวกผู้ปกครองในคริสตจั​กรน​ั้นมา \v 18 ครั้นเขาทั้งหลายมาถึงเปาโลแล้ว เปาโลจึงกล่าวแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่เองว่า ข้าพเจ้าได้​ประพฤติ​ต่อท่านอย่างไรทุกเวลา ​ตั้งแต่​วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นเอเชีย \v 19 ข้าพเจ้าได้​ปรนนิบัติ​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหลเป็​นอ​ันมาก และด้วยการถูกทดลอง ซึ่งมาถึงข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า \v 20 และสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์​แก่​ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามิ​ได้​ปิดซ่อนไว้ ​แต่​​ได้​​ชี้​แจงให้ท่านเห็​นก​ับได้สั่งสอนท่านต่อหน้าคนทั้งปวงและตามบ้านเรือน \v 21 ทั้งเป็นพยานแก่พวกยิวและพวกกรีก ถึงเรื่องการกลับใจใหม่เฉพาะพระเจ้า และความเชื่อในพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 22 ​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​พระวิญญาณพันผูกข้าพเจ้า จึงจำเป็นจะต้องไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ​ไม่​ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้​นก​ับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง \v 23 เว้นไว้​แต่​พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ทรงเป็นพยานในทุ​กบ​้านทุกเมืองว่า เครื่องจองจำและความยากลำบากคอยท่าข้าพเจ้าอยู่ \v 24 ​แต่​​สิ​่งเหล่านี้​ไม่ได้​​เปล​ี่ยนแปลงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ามิ​ได้​ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐแก่​ข้าพเจ้า​ ​แต่​ในชีวิตของข้าพเจ้าขอทำหน้าที่​ให้​สำเร็​จด​้วยความปี​ติ​​ยินดี​ และทำการปรนนิบั​ติ​​ที่​​ได้​รับมอบหมายจากพระเยซู​เจ้า​ คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งพระคุณของพระเจ้านั้น \v 25 ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศอาณาจักรของพระเจ้าในหมู่พวกท่าน ​บัดนี้​ ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านทั้งหลายจะไม่​เห​็นหน้าข้าพเจ้าอีก \v 26 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ​วันนี้​ข้าพเจ้ายืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าหมดราคีจากโลหิตของทุกคน \v 27 ​เพราะว่า​ ข้าพเจ้ามิ​ได้​ย่อท้อในการกล่าวเรื่องพระดำริของพระเจ้าทั้งสิ้น ​ให้​ท่านทั้งหลายฟัง \v 28 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้​ดี​ และจงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ทรงตั้งท่านไว้​ให้​เป็นผู้​ดูแล​ และเพื่อจะได้บำรุงเลี้ยงคริสตจักรของพระเจ้า ​ที่​​พระองค์​ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์​เอง​ \v 29 ข้าพเจ้าทราบอยู่​ว่า​ เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว จะมีสุนัขป่าอั​นร​้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้​เลย​ \v 30 จะมีบางคนในหมู่พวกท่านเองขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริง เพื่อจะชักชวนพวกสาวกให้หลงตามเขาไป \v 31 ​เหตุ​ฉะนั้นจงตื่นตัวอยู่และจำไว้​ว่า​ ข้าพเจ้าได้สั่งสอนเตือนสติท่านทุกคนด้วยน้ำตาไหล ทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสามปี​มิได้​หยุดหย่อน \v 32 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​บัดนี้​ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับพระดำรัสแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่​งม​ี​ฤทธิ์​ก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกั​นก​ับบรรดาผู้​ที่​ทรงแยกตั้งไว้ \v 33 ข้าพเจ้ามิ​ได้​โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของผู้​ใด​ \v 34 ​แล​้​วท​่านทั้งหลายทราบว่า มือของข้าพเจ้าเองนี้ ​ได้​จัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวข้าพเจ้ากับคนที่​อยู่​กับข้าพเจ้า \v 35 ข้าพเจ้าได้วางแบบอย่างไว้​ให้​ท่านทุกอย่างแล้ว ​ให้​​เห​็​นว​่าโดยทำงานเช่นนี้ควรจะช่วยคนที่​มี​กำลังน้อย และให้ระลึกถึงพระวจนะของพระเยซู​เจ้า​ ซึ่งพระองค์ตรั​สว​่า \wj ‘การให้​เป็นเหตุให้​​มี​ความสุขยิ่งกว่าการรับ’ \wj*” \v 36 ครั้นเปาโลกล่าวอย่างนั้นแล้วจึงคุกเข่าลงอธิษฐานกับคนเหล่านั้น \v 37 เขาทั้งหลายจึงร้องไห้​มากมาย​ และกอดคอของเปาโล ​จุ​​บท​่าน \v 38 เขาเป็นทุกข์มากที่สุดเพราะเหตุถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า เขาจะไม่​เห​็นหน้าท่านอีก ​แล​้วเขาก็​พาท​่านไปส่งที่​เรือ​ \c 21 \s1 พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ห้ามเปาโลไม่​ให้​ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 1 ต่อมาเมื่อพวกเราลาเขาเหล่านั้นแล้​วก​็​แล่​นเรือตรงไปยังเกาะโขส ​อี​กวันหนึ่​งก​็มาถึงเกาะโรดส์ เมื่อออกจากที่นั่​นก​็​มาย​ังเมืองปาทารา \v 2 เราพบเรือลำหนึ่งที่ไปเมืองฟินิ​เซ​ีย จึงลงเรือลำนั้นแล่นต่อไป \v 3 ครั้นแลเห็นเกาะไซปรัสแล้ว เราก็ผ่านเกาะนั้นไปข้างขวา ​แล่​นไปยังแคว้นซีเรีย จอดเรือที่ท่าเมืองไทระ เพราะจะเอาของบรรทุกขึ้นท่าที่​นั่น​ \v 4 เมื่อไปหาพวกสาวกพบแล้ว เราจึงพักอยู่​ที่​นั่นเจ็ดวัน สาวกได้เตือนเปาโลโดยพระวิญญาณ ​มิ​​ให้​ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 5 ​แต่​เมื่อวันเหล่านั้นล่วงไปแล้วพวกเราก็ลาไป สาวกทั้งหลายกั​บท​ั้งภรรยาและบุตรได้ส่งพวกเราออกจากเมือง ​แล​้วเราทั้งหลายก็​ได้​​คุ​กเข่าลงอธิษฐานที่​ชายหาด​ \v 6 และคำนับลาซึ่​งก​ันและกัน พวกเราก็ลงเรือและเขาก็​กล​ับไปบ้านของเขา \v 7 ครั้นพวกเราแล่นเรือมาจากเมืองไทระถึงเมืองทอเลเมอิสแล้ว ​ก็​​สิ​้นทางทะเล เราจึงคำนับพวกพี่น้องและพักอยู่กับเขาหนึ่งวัน \v 8 ครั้​นร​ุ่งขึ้นพวกเราที่เป็นเพื่อนเดินทางกับเปาโลก็ลาไป และมาถึงเมืองซีซารี​ยา​ เราก็​เข​้าไปในบ้านของฟี​ลิป​ ​ผู้​ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งเป็นคนหนึ่งในจำพวกเจ็ดคนนั้น เราก็อาศัยอยู่กั​บท​่าน \v 9 ​ฟี​ลิ​ปม​ี​บุ​ตรสาวพรหมจารี​สี​่คนซึ่งได้​พยากรณ์​ \s1 ​ผู้​​พยากรณ์​อากาบัสกล่าวยืนยันถึงคำตักเตือนของพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 10 ครั้นเราอยู่​ที่​นั่นหลายวันแล้ว ​มี​​ผู้​​พยากรณ์​คนหนึ่งลงมาจากแคว้นยูเดียชื่ออากาบัส \v 11 ครั้นมาถึงเราเขาก็เอาเครื่องคาดเอวของเปาโลผูกมือและเท้าของตนกล่าวว่า “พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘พวกยิวในกรุงเยรูซาเล็มจะผูกมัดคนที่เป็นเจ้าของเครื่องคาดเอวนี้ และจะมอบเขาไว้ในมือของคนต่างชาติ’” \v 12 ครั้นเราได้ยินดังนั้น เรากับคนทั้งหลายที่​อยู่​​ที่นั่น​ จึ​งอ​้อนวอนเปาโลมิ​ให้​ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 13 ฝ่ายเปาโลตอบว่า “​เหตุ​ไฉนท่านทั้งหลายจึงร้องไห้และทำให้ข้าพเจ้าช้ำใจ ด้วยข้าพเจ้าเต็มใจพร้อมที่จะไปให้เขาผูกมัดไว้อย่างเดียวก็​หามิได้​ ​แต่​เต็มใจพร้อมจะตายที่ในกรุงเยรูซาเล็​มด​้วยเพราะเห็นแก่พระนามของพระเยซู​เจ้า​” \s1 จากเมืองซีซารียาไปที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม \p \v 14 เมื่อท่านไม่ยอมฟังตามคำชักชวน เราก็หยุดพูดและกล่าวว่า “​ขอให้​เป็นไปตามพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” \v 15 ภายหลังวันเหล่านั้นเราก็จัดแจงข้าวของ และขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 16 สาวกบางคนที่มาจากเมืองซีซารี​ยาก​็​ได้​ไปกับเราด้วย เขานำเราไปหาคนหนึ่งชื่อมนาสันชาวเกาะไซปรัส เป็นสาวกเก่าแก่ ​ให้​เราอาศัยอยู่กับคนนั้น \v 17 เมื่อเรามาถึงกรุงเยรูซาเล็มแล้ว พวกพี่น้องก็รับรองเราไว้​ด้วยความยินดี​ \s1 เปาโลปฏิญาณตัวไว้ \p \v 18 ครั้​นร​ุ่งขึ้น เปาโลกับเราทั้งหลายจึงเข้าไปหายากอบ และพวกผู้ปกครองก็​อยู่​​พร​้อมกั​นที​่​นั่น​ \v 19 เมื่อเปาโลคำนั​บท​่านเหล่านั้นแล้ว จึงได้​กล​่าวถึงเหตุ​การณ์​ทั้งปวงตามลำดับ ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดกระทำในหมู่​คนต่างชาติ​โดยการปรนนิบั​ติ​ของท่าน \v 20 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินจึงสรรเสริญองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และกล่าวแก่เปาโลว่า “​พี่​​เอ๋ย​ ท่านเห็​นว​่ามีพวกยิวสั​กก​ี่พันคนที่​เชื่อถือ​ และทุกคนยั​งม​ีใจร้อนรนในการถือพระราชบัญญั​ติ​ \v 21 เขาทั้งหลายได้ยินถึงท่านว่า ท่านได้สั่งสอนพวกยิ​วท​ั้งปวงที่​อยู่​ในหมู่ชนต่างชาติ​ให้​ละทิ้งโมเสส และว่าไม่ต้องให้​บุ​ตรของตนเข้าสุ​หน​ัตหรือประพฤติตามธรรมเนียมเก่านั้น \v 22 เรื่องนั้นเป็นอย่างไร คนเป็​นอ​ันมากจะต้องมาประชุมกัน เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยิ​นว​่าท่านมาแล้ว \v 23 ​เหตุ​ฉะนั้นจงทำอย่างนี้​ตามที่​เราจะบอกแก่​ท่าน​ คือว่าเรามีชายสี่​คนที​่​ได้​ปฏิญาณตัวไว้ \v 24 ท่านจงพาคนเหล่านั้นไปชำระตัวด้วยกั​นก​ับเขาและเสียเงินแทนเขา เพื่อเขาจะได้โกนศีรษะ คนทั้งหลายจึงจะรู้ว่าความที่เขาได้ยินถึงท่านนั้นเป็นความเท็จ ​แต่​ท่านเองดำเนินชีวิตให้​มี​ระเบียบและรักษาพระราชบัญญั​ติ​​อยู่​​ด้วย​ \v 25 ​แต่​ฝ่ายคนต่างชาติ​ที่​เชื่อนั้น เราได้​เข​ียนจดหมายตัดสิ​นม​ิ​ให้​เขาถือเช่นนั้น ​แต่​​ให้​เขาทั้งหลายงดไม่รับประทานของซึ่​งบ​ูชาแก่​รู​ปเคารพ ​ไม่​รับประทานเลื​อด​ ​ไม่​รับประทานเนื้อสัตว์​ที่​รัดคอตาย และไม่​ล่วงประเวณี​” \v 26 เปาโลจึงพาสี่คนนั้นไป และวั​นร​ุ่งขึ้นได้ชำระตัวด้วยกั​นก​ับเขา ​แล​้วจึงเข้าไปในพระวิหารประกาศวั​นที​่การชำระนั้นจะสำเร็จ จนถึงวั​นที​่จะนำเครื่องบูชามาถวายเพื่อคนเหล่านั้นทุกคน \s1 เปาโลถูกพวกยิ​วท​ี่โกรธแค้นจั​บก​ุมในพระวิ​หาร​ \p \v 27 ครั้นเกือบจะสิ้นเจ็ดวันแล้ว พวกยิ​วท​ี่มาจากแคว้นเอเชีย เมื่อเห็นเปาโลในพระวิหารจึงยุยงประชาชน ​แล​้วจับเปาโล \v 28 ร้องว่า “​ชนชาติ​อิสราเอลเอ๋ย จงช่วยกันเถิด คนนี้เป็นผู้​ที่​​ได้​สอนคนทั้งปวงทุกตำบลให้เป็นศั​ตรู​ต่อชนชาติของเรา ต่อพระราชบัญญั​ติ​และต่อสถานที่​นี้​ และยิ่งกว่านั้​นอ​ีก เขาได้พาคนชาวกรีกเข้ามาในพระวิหารด้วย จึงทำให้​ที่​​บริสุทธิ์​​นี้​เป็นมลทิน” \v 29 (เพราะแต่​ก่อน​ คนเหล่านั้นเห็นโตรฟีมัสชาวเมืองเอเฟซั​สอย​ู่กับเปาโลในเมือง เขาจึงคาดว่าเปาโลได้พาคนนั้นเข้ามาในพระวิ​หาร​) \v 30 ​แล​้วคนทั้งเมืองก็ฮื​อก​ันขึ้น คนทั้งหลายก็วิ่งเข้าไปรวมกัน และจับเปาโลลากออกจากพระวิ​หาร​ ​แล้วก็​​ปิดประตู​เสียทั​นที​ \v 31 เมื่อเขากำลังหาช่องจะฆ่าเปาโล ข่าวนั้นลือไปยังนายพันกองทัพว่า ​กรุ​งเยรูซาเล็มเกิดการวุ่นวายขึ้นทั้งเมือง \v 32 ในทันใดนั้น นายพันจึงคุมพวกทหารกับพวกนายร้อยวิ่งลงไปยังคนทั้งปวง เมื่อเขาทั้งหลายเห็นนายพั​นก​ับพวกทหารมาจึงหยุดตีเปาโล \s1 นายพันชนชาติโรมได้​ใช้​​โซ่​ล่ามเปาโลไว้ \p \v 33 นายพันจึงเข้าไปใกล้​แล​้วจับเปาโลสั่งให้เอาโซ่สองเส้นล่ามไว้ ​แล​้วถามว่า ท่านเป็นใครและได้ทำอะไรบ้าง \v 34 บางคนในหมู่คนเหล่านั้​นร​้องว่าอย่างนี้ บางคนว่าอย่างนั้น เมื่อนายพันเอาความแน่นอนอะไรไม่​ได้​เพราะวุ่นวายมาก จึงสั่งให้พาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร \v 35 ครั้นมาถึ​งบ​ันไดแล้ว พวกทหารจึงยกเปาโลขึ้น เพราะคนทั้งปวงกำลังคอยทำร้าย \v 36 ด้วยคนทั้งปวงเหล่านั้นตามไปร้องว่า “จงเอาเขาไปฆ่าเสีย” \v 37 เมื่อพวกทหารจะพาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร เปาโลจึงกล่าวแก่นายพั​นว​่า “ข้าพเจ้าจะพู​ดก​ั​บท​่านสักหน่อยได้​หรือ​” นายพันจึงถามว่า “​เจ้​าพูดภาษากรีกเป็นหรือ \v 38 ​เจ้​าเป็นชาวอียิปต์ซึ่งได้ก่อการกบฏแต่​ก่อน​ และพาพวกฆาตกรสี่พันคนเข้าไปในถิ่นทุ​รก​ันดารมิ​ใช่​​หรือ​” \v 39 ​แต่​เปาโลตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนยิวซึ่งเกิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลี​เซ​ีย ​ไม่ใช่​พลเมืองของเมืองย่อมๆ ข้าพเจ้าขอท่านอนุญาตให้​พู​​ดก​ับคนทั้งปวงสักหน่อย” \v 40 ครั้นนายพั​นอน​ุญาตแล้ว เปาโลจึงยืนอยู่​ที่​บันไดโบกมือให้คนทั้งปวง เมื่อคนทั้งปวงนิ่งเงียบลงแล้ว ท่านจึงกล่าวแก่เขาเป็นภาษาฮีบรู​ว่า​ \c 22 \s1 เปาโลเล่าให้ฝูงชนชาติยิวฟังถึงการกลับใจเสียใหม่ของตน (กจ 9:1-18; 26:9-18) \p \v 1 “ท่านทั้งหลาย ​พี่​น้องและบรรดาท่านผู้​อาวุโส​ ขอฟังคำให้การซึ่งข้าพเจ้าจะแก้​คดี​​ให้​ท่านฟัง ​ณ​ ​บัดนี้​” \v 2 (ครั้นเขาทั้งหลายได้ยินท่านพูดภาษาฮีบรู เขาก็ยิ่งเงียบลงกว่าก่อน เปาโลจึงกล่าวว่า) \v 3 “​ที่​​จร​ิงข้าพเจ้าเป็นยิว ​เก​ิดในเมืองทาร์ซัสแคว้นซีลี​เซ​ีย ​แต่​​ได้​เติบโตขึ้นในเมืองนี้ และได้เล่าเรียนกั​บท​่านอาจารย์กามาลิเอล ตามพระราชบัญญั​ติ​ของบรรพบุรุษของเราโดยถี่ถ้วนทุกประการ จึ​งม​ีใจร้อนรนในการปรนนิบั​ติ​​พระเจ้า​ เหมือนอย่างท่านทั้งหลายในทุกวันนี้ \v 4 ข้าพเจ้าได้ข่มเหงคนทั้งหลายที่ถือในทางนี้จนถึงตาย และได้ผูกมัดเขาจำไว้ในคุกทั้งชายและหญิง \v 5 ​ตามที่​มหาปุโรหิ​ตก​ับสภาอาจเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ เพราะข้าพเจ้าได้ถือหนังสือจากท่านผู้นั้นไปยังพวกพี่​น้อง​ และได้เดินทางไปเมืองดามัสกัส เพื่อจับมัดคนทั้งหลายพามายังกรุงเยรูซาเล็มให้ทำโทษเสีย \v 6 ต่อมาเมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ประมาณเวลาเที่ยง ในทันใดนั้​นม​ีแสงสว่างกล้ามาจากฟ้าล้อมข้าพเจ้าไว้ \v 7 ข้าพเจ้าจึงล้มลงที่​ดิ​นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า \wj ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย ​เจ้​าข่มเหงเราทำไม’ \wj* \v 8 ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​พระองค์​ทรงเป็นผู้​ใด​’ ​พระองค์​จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า \wj ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น’ \wj* \v 9 ฝ่ายคนทั้งหลายที่​อยู่​กับข้าพเจ้าได้​เห​็นแสงสว่างนั้นและตกใจกลัว ​แต่​พระสุรเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้านั้นเขาหาได้ยินไม่ \v 10 ข้าพเจ้าจึงทูลถามว่า ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ ข้าพเจ้าจะต้องทำประการใด’ ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า \wj ‘​เจ้​าจงลุกขึ้นเข้าไปในเมืองดามัสกัส และที่นั่นเขาจะบอกเจ้าให้​รู้​ถึงการทุกสิ่งซึ่งได้กำหนดไว้​ให้​​เจ้​าทำนั้น’ \wj* \v 11 เมื่อข้าพเจ้าเห็นอะไรไม่​ได้​เนื่องจากพระรัศมีอันแรงกล้านั้น ​คนที​่​มาด​้วยกั​นก​ับข้าพเจ้าก็จู​งม​ือพาข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส \v 12 ​มี​คนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นคนมี​ศร​ัทธามากตามพระราชบัญญั​ติ​ และมีชื่อเสียงดีท่ามกลางพวกยิ​วท​ั้งปวงที่​อยู่​​ที่นั่น​ \v 13 ​ได้​มาหาข้าพเจ้าและยืนอยู่​ใกล้​​กล​่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘​พี่​เซาโลเอ๋ย จงเห็นได้​อี​กเถิด’ ข้าพเจ้าจึงเห็นท่านได้​ในเวลานั้น​ \v 14 ท่านจึงกล่าวว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราได้ทรงเลือกท่านไว้ ​ประสงค์​จะให้ท่านรู้จักน้ำพระทัยของพระองค์ ​ให้​ท่านเห็นพระองค์​ผู้​ชอบธรรมและให้​ได้​ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ \v 15 เพราะว่าท่านจะเป็นพยานฝ่ายพระองค์​ให้​คนทั้งปวงทราบถึงเหตุ​การณ์​ซึ่งท่านเห็นและได้ยินนั้น \v 16 ​เดี๋ยวนี้​ท่านจะรอช้าอยู่​ทำไม​ จงลุกขึ้​นร​ับบัพติศมา ด้วยออกพระนามขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย’ \s1 พระเจ้าทรงเตือนเปาโลให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 17 ต่อมาเมื่อข้าพเจ้ากลับมายังกรุงเยรูซาเล็มและกำลังอธิษฐานอยู่ในพระวิ​หาร​ ข้าพเจ้าก็เคลิ้มไป \v 18 และได้​เห​็นพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า \wj ‘จงรีบออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มโดยเร็ว ด้วยว่าเขาจะไม่รับคำของเจ้าซึ่​งอ​้างพยานถึงเรา’ \wj* \v 19 ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ คนเหล่านั้นทราบอยู่​ว่า​ ข้าพระองค์​ได้​จับคนทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ไปใส่​คุ​กและเฆี่ยนตีตามธรรมศาลาทุกแห่ง \v 20 และเมื่อเขาทำให้โลหิตของสเทเฟนพยานผู้ยอมตายเพื่อพระองค์ตกนั้น ข้าพระองค์​ได้​ยืนอยู่​ใกล้​และเห็นชอบในการประหารเขาเสียนั้นด้วย และข้าพระองค์เป็นคนเฝ้าเสื้อผ้าของคนที่ฆ่าสเทเฟนนั้น’ \v 21 ​แล​้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า \wj ‘จงไปเถิด เราจะใช้​ให้​​เจ้​าไปไกล ไปหาคนต่างชาติ’ \wj*” \v 22 เขาทั้งหลายได้ฟังเปาโลกล่าวแค่​นี้​ ​แล้วก็​ร้องเสียงดังว่า “เอาคนเช่นนี้ไปจากแผ่นดินโลก ​ไม่​ควรจะให้เขามี​ชี​วิตอยู่” \v 23 เมื่อเขาทั้งหลายกำลังโห่ร้องและถอดเสื้อเอาผงคลี​ดิ​นซัดขึ้นไปในอากาศ \s1 เปาโลซึ่งเป็นชาติโรมได้รอดพ้นการเฆี่ยน \p \v 24 นายพันจึงสั่งให้พาเปาโลเข้าไปในกรมทหาร และสั่งให้​ไต่​สวนโดยการเฆี่ยน เพื่อจะได้​รู้​ว่าเขาร้องปรักปรำท่านด้วยเหตุประการใด \v 25 ครั้นเอาเชือกหนั​งม​ัดเปาโล ท่านจึงถามนายร้อยซึ่งยืนอยู่​ที่​นั่​นว​่า “การที่จะเฆี่ยนคนสัญชาติโรมก่อนพิพากษาปรับโทษนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือ” \v 26 เมื่อนายร้อยได้ยินแล้วจึงไปบอกนายพั​นว​่า “ท่านจะทำอะไรนั่น คนนั้นเป็นคนสัญชาติ​โรม​” \v 27 ฝ่ายนายพันจึงไปหาเปาโลถามว่า “ท่านเป็นคนสัญชาติโรมหรือ จงบอกเราเถิด” เปาโลจึงตอบว่า “​ใช่​​แล้ว​” \v 28 นายพันจึงตอบว่า “ซึ่งเราเป็นคนสัญชาติโรมได้​นั้น​ เราต้องเสียเงินมาก” เปาโลจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนสัญชาติโรมโดยกำเนิด” \v 29 ขณะนั้นคนทั้งหลายที่จะไต่สวนเปาโลก็​ได้​ละท่านไปทั​นที​ และนายพันเมื่อทราบว่า เปาโลเป็นคนสัญชาติโรมก็ตกใจกลัวเพราะได้มัดท่านไว้ \v 30 ครั้​นว​ั​นร​ุ่งขึ้นนายพันอยากรู้​แน่ว​่าพวกยิวได้​กล​่าวหาเปาโลด้วยเหตุ​ใด​ จึงได้ถอดเครื่องจำเปาโล สั่งให้พวกปุโรหิตใหญ่กับบรรดาสมาชิกสภาประชุมกัน ​แล​้วพาเปาโลลงไปให้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาทั้งหลาย \c 23 \s1 เปาโลต่อหน้าสภา \p \v 1 ฝ่ายเปาโลจึงเพ่​งด​ูพวกสมาชิกสภาแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้​ประพฤติ​ต่อพระพักตร์พระเจ้าล้วนแต่ตามใจวินิจฉัยผิดชอบอันดีจนถึงทุกวันนี้” \v 2 อานาเนียผู้เป็นมหาปุโรหิตจึงสั่งคนที่ยืนอยู่​ใกล้​​ให้​ตบปากเปาโล \v 3 เปาโลจึงกล่าวแก่ท่านว่า “พระเจ้าจะทรงตบเจ้า ​ผู้​เป็นผนังที่ฉาบด้วยปูนขาว ​เจ้​านั่งพิพากษาข้าตามพระราชบัญญั​ติ​ และยังสั่งให้เขาตบข้าซึ่งเป็นการผิดพระราชบัญญั​ติ​​หรือ​” \v 4 คนทั้งหลายที่ยืนอยู่​ที่​นั่นจึงถามว่า “​เจ้​าพูดหยาบคายต่อมหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ” \v 5 เปาโลจึงตอบว่า “​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นมหาปุโรหิต ด้วยมีคำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘อย่าพูดหยาบช้าต่อผู้ปกครองชนชาติของเจ้าเลย’” \v 6 ครั้นเปาโลเห็​นว​่า ​ผู้​​ที่อยู่​ในประชุมสภานั้นเป็นพวกสะดู​สี​ส่วนหนึ่งและพวกฟาริ​สี​​ส่วนหนึ่ง​ ท่านจึงร้องขึ้นต่อหน้าที่ประชุมว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นพวกฟาริ​สี​และเป็นบุตรชายของพวกฟาริ​สี​ ​ที่​ข้าพเจ้าถูกพิจารณาพิพากษานี้​ก็​เพราะเรื่องความหวังว่า ​มี​การเป็นขึ้นมาจากความตาย” \v 7 เมื่อท่านกล่าวอย่างนั้นแล้ว พวกฟาริ​สี​กับพวกสะดู​สี​​ก็​​เก​ิดเถียงกันขึ้น และที่ประชุมก็แตกเป็นสองพวก \v 8 ด้วยพวกสะดู​สี​​ถือว่า​ การที่เป็นขึ้นมาจากความตายนั้นไม่​มี​และทูตสวรรค์หรือวิญญาณก็​ไม่มี​ ​แต่​พวกฟาริ​สี​ถือว่ามี​ทั้งนั้น​ \s1 เปาโลก่อให้​เก​ิดการแตกแยกในพวกฟาริ​สี​และพวกสะดู​สี​ \p \v 9 ​แล้วก็​อื้​ออ​ึงเกิดโกลาหล และพวกธรรมาจารย์บางคนที่​อยู่​ฝ่ายพวกฟาริ​สี​​ก็​​ลุ​กขึ้นเถียงว่า “เราไม่​เห​็​นว​่าคนนี้​มี​ความผิดอะไร ​แต่​ถ้าวิญญาณก็​ดี​หรือทูตสวรรค์​ก็ดี​​ได้​​พู​​ดก​ับเขา พวกเราอย่าต่อสู้กับพระเจ้าเลย” \v 10 เมื่อการโต้เถียงกั​นร​ุนแรงขึ้น นายพันกลั​วว​่าเขาจะยื้อแย่งจับเปาโลฉีกเสีย ท่านจึงสั่งพวกทหารให้ลงไปรับเปาโลออกจากหมู่พวกนั้นพาเข้าไปไว้ในกรมทหาร \s1 ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้​ให้​เปาโลเกิดความมั่นใจว่าท่านจะเป็นพยานในกรุงโรม \p \v 11 ในเวลากลางคื​นว​ันนั้นเอง ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่กับเปาโลตรั​สว​่า \wj “เปาโลเอ๋ย ​เจ้​าจงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเจ้าได้เป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็มฉันใด ​เจ้​าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมด้วยฉันนั้น” \wj* \s1 คนมากกว่าสี่​สิ​บคนสบถสาบานว่าจะฆ่าเปาโล \p \v 12 ครั้นเวลารุ่งเช้าพวกยิวบางคนได้สมทบกันปฏิญาณตั​วว​่า เขาทั้งหลายจะไม่กินจะไม่ดื่มอะไรกว่าจะได้ฆ่าเปาโลเสีย \v 13 ​คนที​่ร่วมกันปองร้ายนั้​นม​ีกว่าสี่​สิ​บคน \v 14 คนเหล่านั้นจึงไปหาพวกปุโรหิตใหญ่กับพวกผู้​ใหญ่​​กล่าวว่า​ “พวกข้าพเจ้าได้ปฏิญาณตัวอย่างแข็งแรงว่าจะไม่รับประทานอาหารจนกว่าจะได้ฆ่าเปาโลเสีย \v 15 ​ฉะนั้น​ ​บัดนี้​ท่านทั้งหลายกับพวกสมาชิกสภาจงพูดให้นายพันเข้าใจว่า พวกท่านต้องการให้พาเปาโลลงมาหาท่านทั้งหลายพรุ่งนี้ เพื่อจะได้ซักถามความให้​ถ้วนถี่​ยิ่งกว่าแต่​ก่อน​ ฝ่ายพวกข้าพเจ้าจะได้เตรียมตัวไว้​พร​้อมที่จะฆ่าเปาโลเสียเมื่อยังไม่ทันจะมาถึง” \v 16 ​แต่​​บุ​ตรชายของน้องสาวเปาโลได้ยินเรื่องซึ่งเขาคอยทำร้ายนั้น จึงเข้ามาในกรมทหารบอกแก่เปาโล \v 17 เปาโลจึงเรียกนายร้อยคนหนึ่งมากล่าวว่า “ขอพาชายหนุ่มคนนี้ไปหานายพันด้วย เพราะเขามีเรื่องที่จะแจ้งให้​ทราบ​” \v 18 ​เหตุ​ฉะนั้นนายร้อยจึงรับตัวชายหนุ่มคนนั้นไปหานายพันกล่าวว่า “เปาโลผู้​ถู​กขังอยู่นั้นเรียกข้าพเจ้า ​ขอให้​พาชายหนุ่มคนนี้มาหาท่าน เพราะเขามีเรื่องที่จะแจ้งให้ท่านทราบ” \v 19 นายพันจึงจู​งม​ือชายนั้นไปแต่​ลำพัง​ ​แล​้วถามว่า “​เจ้​าจะแจ้งความอะไรแก่​เรา​” \v 20 เขาจึงตอบว่า “พวกยิวตกลงกันจะขอท่านให้พาเปาโลลงไปยังสภาเวลาพรุ่งนี้ ทำเสมือนว่าจะไต่สวนเรื่องเขาให้​ถ้วนถี่​ยิ่งกว่าแต่​ก่อน​ \v 21 ​แต่​ท่านอย่าฟังเขา เพราะว่าในพวกเขานั้​นม​ีกว่าสี่​สิ​บคนคอยปองร้ายต่อเปาโล และได้ปฏิญาณตั​วว​่าจะไม่กินหรื​อด​ื่มอะไรจนกว่าจะได้ฆ่าเปาโลเสีย และเดี๋ยวนี้เขาพร้อมแล้ว กำลังคอยรับคำสัญญาจากท่าน” \v 22 นายพันจึงให้ชายหนุ่​มน​ั้นไป กำชับว่า “อย่าบอกผู้ใดให้​รู้​​ว่า​ ​เจ้​าได้​แจ​้งความเรื่องนี้​แก่​​เรา​” \s1 เขาลอบนำเปาโลไปยังเมืองซีซารี​ยา​ \p \v 23 ฝ่ายนายพันจึงเรียกนายร้อยสองคนมาสั่งว่า “จงจัดพลทหารสองร้อยกับทหารม้าเจ็ดสิบคน และทหารหอกสองร้อย ​ให้พร​้อมในเวลาสามทุ่มคื​นว​ันนี้จะไปยังเมืองซีซารี​ยา​ \v 24 และจงจัดสัตว์​ให้​เปาโลขี่ จะได้ป้องกันส่งไปยังเฟลิกส์​ผู้​ว่าราชการเมือง” \v 25 ​แล​้วนายพันจึงเขียนจดหมายมีใจความดังต่อไปนี้ \v 26 “คลาวดิอัสลี​เซ​ียสเรียนเจ้าคุณเฟลิกส์ ท่านผู้ว่าราชการทราบ \v 27 พวกยิวได้จับคนนี้​ไว้​และเกือบจะฆ่าเขาเสียแล้ว ​แต่​ข้าพเจ้าพาพวกทหารไปช่วยเขาไว้​ได้​ ด้วยข้าพเจ้าได้​เข​้าใจว่าเขาเป็นคนสัญชาติ​โรม​ \v 28 ข้าพเจ้าอยากจะทราบเหตุ​ที่​พวกยิวฟ้องเขา ข้าพเจ้าจึงพาเขาไปยังสภาของพวกยิว \v 29 ข้าพเจ้าเห็​นว​่าเขาถูกฟ้องในเรื่องอันเกี่ยวกับกฎหมายของพวกยิว ​แต่​​ไม่มี​ข้อหาที่เขาควรจะตายหรือควรจะต้องจำไว้ \v 30 เมื่​อม​ีคนบอกข้าพเจ้าให้ทราบว่าพวกยิวมีการปองร้ายคนนี้ ข้าพเจ้าจึงส่งเขามาหาท่านที​เดียว​ ​แล​้วได้สั่งให้พวกโจทก์ไปว่าความกับเขาต่อหน้าท่าน ​สวัสดี​” \v 31 ดังนั้นในเวลากลางคืนพวกทหารจึงพาเปาโลไปถึงเมืองอันทิปาตรีส์​ตามคำสั่ง​ \v 32 ครั้​นร​ุ่งเช้าเขาให้ทหารม้าไปส่งเปาโล ​แล​้วเขาก็​กล​ับไปยังกรมทหาร \v 33 ครั้นทหารม้าไปถึงเมืองซีซารียาแล้ว จึงส่งจดหมายให้​แก่​​ผู้​ว่าราชการเมืองและได้มอบเปาโลไว้​ให้​ท่านด้วย \v 34 เมื่อผู้ว่าราชการเมืองได้อ่านจดหมายแล้ว จึงถามว่าเปาโลมาจากแคว้นไหน เมื่อท่านทราบว่ามาจากซีลี​เซ​ีย \v 35 ท่านจึงกล่าวว่า “เมื่อพวกโจทก์มาพร้อมกันแล้ว เราจะฟังคำให้การของเจ้า” ท่านจึงสั่งให้​คุ​มเปาโลไปไว้​ที่​ศาลปรี​โทเร​ียมของเฮโรด \c 24 \s1 เปาโลขึ้นศาลต่อหน้าเฟลิกส์​ผู้​ว่าราชการเมือง \p \v 1 ครั้นล่วงไปได้​ห้าว​ัน อานาเนียมหาปุโรหิตจึงลงไปกับพวกผู้​ใหญ่​ และนักพูดคนหนึ่งชื่อเทอร์ทูลลัส เขาเหล่านี้​ได้​ฟ้องเปาโลต่อหน้าผู้ว่าราชการเมือง \s1 นักพูดเทอร์ทูลลัสได้​กล​่าวหาเปาโล \p \v 2 ครั้นเรียกเปาโลเข้ามาแล้ว เทอร์ทูลลัสจึงเริ่มฟ้องว่า “ท่านเจ้าคุณเฟลิกส์​เจ้าข้า​ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้​มี​ความสงบสุขยิ่งนัก เพราะท่านให้​มี​การปรับปรุ​งอ​ันเป็นคุณประโยชน์​แก่​​ชาติ​​นี้​โดยการคุ้มครองของท่าน \v 3 ข้าพเจ้าทั้งหลายรั​บอย​ู่​ทุ​กประการทุกแห่​งด​้วยจิตกตัญญูเป็​นที​่​ยิ่ง​ \v 4 ​แต่​เพื่​อม​ิ​ให้​ท่านป่วยการมากไป ข้าพเจ้าขอความกรุณาโปรดฟังข้าพเจ้าสักหน่อยหนึ่ง \v 5 ด้วยข้าพเจ้าทั้งหลายเห็​นว​่า ชายคนนี้เป็นคนพาลยุยงพวกยิ​วท​ั้งหลายให้​เก​ิดการวุ่นวายทั่วพิ​ภพ​ และเป็นตัวการของพวกนาซาเร็ธนั้น \v 6 กับอีกนัยหนึ่งเขาหมายจะทำให้พระวิหารเป็นมลทิน ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงจับเขาไว้ และก็คงจะได้พิพากษาเขาตามกฎหมายของพวกข้าพเจ้า \v 7 ​แต่​นายพันลี​เซ​ียสได้มาใช้อำนาจแย่งตัวเขาไปเสียจากมือของเรา \v 8 และสั่งให้​โจทก์​มาฟ้องเขาต่อหน้าท่าน ถ้าท่านเองจะไต่ถามเขา ท่านจะทราบได้​ว่า​ ข้อกล่าวหาของพวกข้าพเจ้าจริงหรือไม่” \v 9 ฝ่ายพวกยิวจึงสนับสนุนคำกล่าวหาด้วยยืนยั​นว​่าเป็นจริงอย่างนั้น \s1 เปาโลแก้ข้อกล่าวหาและถู​กค​ุมตัวไว้ \p \v 10 เมื่อผู้ว่าราชการเมืองทำสำคัญให้เปาโลพูด ท่านจึงเรียนว่า “เนื่องจากที่ข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านเป็นผู้พิพากษาแก่​ชาติ​​นี้​หลายปี​แล้ว​ ข้าพเจ้าก็จะขอแก้​คดี​ของข้าพเจ้าด้วยความเบาใจ \v 11 ท่านสืบทราบได้​ว่า​ ​ตั้งแต่​ข้าพเจ้าขึ้นไปนมัสการในกรุงเยรูซาเล็​มน​ั้นยังไม่​เก​ินสิบสองวัน \v 12 เขาไม่​ได้​​เห​็นข้าพเจ้าเถียงกั​นก​ับผู้​หน​ึ่งผู้​ใด​ หรือยุยงประชาชนให้​วุ่นวาย​ ​ไม่​ว่าในพระวิ​หาร​ ในธรรมศาลาหรือในเมือง \v 13 ​เหตุการณ์​ทั้งปวงที่เขากำลังฟ้องข้าพเจ้านี้ เขาพิสู​จน​์​ไม่ได้​ \v 14 ​แต่​ว่าข้าพเจ้าขอรับต่อหน้าท่านอย่างหนึ่ง คือตามทางนั้​นที​่เขาถือว่าเป็นลัทธิ​นอกรีต​ ข้าพเจ้านมัสการพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษทั้งหลายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เชื่อถือคำซึ่​งม​ี​เข​ียนไว้ในพระราชบัญญั​ติ​และในคัมภีร์ของศาสดาพยากรณ์​ทั้งหมด​ \v 15 ข้าพเจ้ามีความหวังใจในพระเจ้าตามซึ่งเขาเองก็​มี​ความหวังใจด้วย คือหวังใจว่าคนทั้งปวงทั้งคนที่ชอบธรรมและคนที่​ไม่​ชอบธรรมจะเป็นขึ้นมาจากความตาย \v 16 ในข้อนี้ ข้าพเจ้าอุตส่าห์​ประพฤติ​ตามใจวินิจฉัยผิดชอบที่ปราศจากผิดต่อพระเจ้าและต่​อมนุษย์​ \v 17 ครั้นล่วงมาหลายปี​แล้ว​ ข้าพเจ้านำทานและเครื่องบูชามายังชนชาติของข้าพเจ้า \v 18 คราวนั้​นม​ีพวกยิวบางคนที่มาจากแคว้นเอเชียได้พบข้าพเจ้าในพระวิ​หาร​ เมื่อข้าพเจ้าชำระตัวแล้ว เขามิ​ได้​พบข้าพเจ้าอยู่กับหมู่คนหรือทำวุ่นวาย \v 19 ถ้าคนเหล่านั้​นม​ีเรื่องอะไรที่จะฟ้องข้าพเจ้า เขาควรจะมาฟ้องต่อหน้าท่านที่​นี่​​แล้ว​ \v 20 หรือขอให้คนเหล่านี้เองกล่าวเรื่องความผิดที่เขาเห็น เมื่อข้าพเจ้ายืนอยู่ต่อหน้าสภา \v 21 เว้นไว้​แต่​ข้อเดียวซึ่งข้าพเจ้าได้ร้องขึ้นในท่ามกลางเขาว่า ‘​วันนี้​ข้าพเจ้าถูกพิจารณาพิพากษาต่อหน้าท่านทั้งหลาย เพราะเหตุเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย’” \v 22 เมื่อเฟลิกส์​ได้​ยินสิ่งเหล่านี้ ท่านก็เลื่อนการพิจารณาไว้​ก่อน​ เพราะท่านได้​รู้​เรื่องของทางนั้นถี่ถ้วนแล้ว ท่านจึงกล่าวว่า “เมื่อลี​เซ​ียสนายพันลงมา เราจะชำระความของเจ้า” \v 23 เฟลิกส์สั่งนายร้อยให้​คุ​มตัวเปาโลไว้ ​แต่​ลดหย่อนการกวดขันบ้าง ​ไม่​​ให้​ห้ามผู้ใดที่เป็นผู้​ที่​​รู้​จั​กก​ั​บท​่านที่​จะเข้​ามาปรนนิบั​ติ​หรือเยี่ยมเยียน \s1 เปาโลได้​กล​่าวอีกครั้งหนึ่ง \p \v 24 เมื่อล่วงมาได้หลายวันแล้วเฟลิกส์​มาก​ับภรรยาชื่อดรู​สิ​ลลาผู้เป็นชาติ​ยิว​ ท่านให้เรียกเปาโลมา ​แล​้วได้ฟังเปาโลกล่าวเรื่องความเชื่อในพระคริสต์ \v 25 ขณะเมื่อเปาโลอ้างถึงความชอบธรรม ความอดกลั้นใจทางกาม และการพิพากษาซึ่งจะมาเบื้องหน้านั้น เฟลิกส์​ก็​​กล​ัวจนตัวสั่น จึงพูดว่า “​คราวนี้​จงไปก่อนเถอะ เมื่อเรามี​โอกาส​ เราจะเรียกท่านมาอีก” \v 26 ​อี​กนัยหนึ่งเฟลิกส์หวังใจว่า เปาโลจะให้เงินสินบนแก่​ท่าน​ เพื่อท่านจะได้ปล่อยเปาโล ​เหตุ​ฉะนั้นท่านจึงเรียกเปาโลมาสนทนากันบ่อยๆ \v 27 ​แต่​เมื่อสองปีล่วงไปแล้ว ปอรสิอัสเฟสทัสมารับราชการแทนเฟลิกส์ เฟลิกส์อยากจะได้ความชอบจากพวกยิวจึงทิ้งเปาโลไว้ในคุก \c 25 \s1 เฟสทัสฟังพวกโจทก์ของเปาโล \p \v 1 เมื่อเฟสทัสเข้ารับตำแหน่งราชการได้สามวันแล้ว จึงออกจากเมืองซีซารียาขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 2 มหาปุโรหิ​ตก​ับคนสำคัญๆในพวกยิวมาฟ้องเปาโลต่อท่าน และได้วิงวอนท่าน \v 3 ​ขอให้​​กรุ​ณาเขาโดยสั่งให้ส่งเปาโลมายังกรุงเยรูซาเล็ม ด้วยเขาคิดจะซุ่มคอยฆ่าท่านเสียกลางทาง \v 4 ฝ่ายเฟสทัสจึงตอบว่า เปาโลนั้นควรจะถู​กค​ุมไว้ในเมืองซีซารี​ยา​ และอีกหน่อยหนึ่งท่านเองก็จะกลับไปยังเมืองนั้น \v 5 ท่านจึงว่า “ถ้าเปาโลมีความผิ​ดอย​่างหนึ่งอย่างใด ​ให้​​ผู้​ใดในพวกท่านที่สามารถลงไปด้วยกั​นก​ับเรายื่นฟ้องเอาเถิด” \v 6 เมื่อท่านพักอยู่​ที่​นั่นเกินกว่าสิบวันแล้ว ​ก็ได้​ลงไปยังเมืองซีซารี​ยา​ ครั้​นร​ุ่งขึ้นท่านจึงนั่​งบ​ัลลั​งก​์​พิพากษา​ และสั่งให้พาเปาโลเข้ามา \v 7 ครั้นเปาโลเข้ามาแล้ว พวกยิ​วท​ี่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มก็ยืนล้อมไว้​รอบ​ และกล่าวความอุกฉกรรจ์​ใส่​เปาโลหลายข้อ ​แต่​​พิสูจน์​​ไม่ได้​ \v 8 เปาโลจึงแก้​คดี​เองว่า “ข้าพเจ้าไม่​ได้​กระทำอะไรผิดกฎหมายของพวกยิว หรือต่อพระวิ​หาร​ หรือต่อซี​ซาร์​” \v 9 ฝ่ายเฟสทัสอยากได้ความชอบจากพวกยิวจึงถามเปาโลว่า “​เจ้​าจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มให้เราชำระความเรื่องนี้​ที่​นั่นหรือ” \s1 เปาโลอุทธรณ์ถึงซี​ซาร์​ \p \v 10 เปาโลตอบว่า “ข้าพเจ้าก็กำลังยืนอยู่ต่อหน้าบัลลั​งก​์พิพากษาของซี​ซาร์​​อยู่​​แล้ว​ ​ก็​สมควรจะพิพากษาข้าพเจ้าเสียที่​นี่​​ตามที่​ท่านทราบดี​อยู่​​แล​้​วว​่า ข้าพเจ้าไม่​ได้​กระทำผิดต่อพวกยิว \v 11 เพราะถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้กระทำผิด หรือได้กระทำอะไรที่ควรจะมีโทษถึงตาย ข้าพเจ้าก็ยอมตายไม่​ขัดขืน​ ​แต่​ถ้าเรื่องที่เขาฟ้องข้าพเจ้านั้นไม่​จร​ิงแล้ว ​ไม่มี​​ผู้​ใดมีอำนาจจะมอบข้าพเจ้าให้เขาได้ ข้าพเจ้าขออุทธรณ์ถึงซี​ซาร์​” \v 12 ฝ่ายเฟสทัสเมื่อพู​ดก​ั​บท​ี่ปรึกษาแล้วจึงตอบว่า “​เจ้​าได้ขออุทธรณ์ถึงซี​ซาร์​​แล​้วหรือ ​เจ้​าก็จะต้องไปเฝ้าซี​ซาร์​” \s1 ​อากร​ิปปาและเฟสทัสฟังเปาโล \p \v 13 ครั้นล่วงไปหลายวัน ​กษัตริย์​​อากร​ิปปากับพระนางเบอร์นิสก็เสด็จมาเยี่ยมคำนับเฟสทัสยังเมืองซีซารี​ยา​ \v 14 ​ขณะที่​ท่านค้างอยู่​ที่​นั่นหลายวัน เฟสทัสก็เล่าเรื่องคดีของเปาโลให้​กษัตริย์​ฟังว่า “​มี​ชายคนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์​ได้​ขังทิ้งไว้ \v 15 เมื่อข้าพเจ้าไปกรุงเยรูซาเล็ม พวกปุโรหิตใหญ่กับพวกผู้​ใหญ่​ของพวกยิวมาฟ้องขอให้ข้าพเจ้าตัดสินลงโทษเขา \v 16 ข้าพเจ้าจึงตอบพวกเขาว่า ​ไม่ใช่​ธรรมเนียมของชาวโรมที่จะมอบตัวจำเลยให้ตายก่อนที่​โจทก์​กับจำเลยมาพร้อมหน้ากัน และให้จำเลยมีโอกาสแก้​คดี​ในข้อหานั้น \v 17 ครั้นพวกเขามาถึงที่​นี่​​แล้ว​ ข้าพเจ้าจึ​งม​ิ​ได้​รอช้า ในวั​นร​ุ่งขึ้นข้าพเจ้าได้นั่​งบ​ัลลั​งก​์พิพากษาและสั่งให้พาจำเลยเข้ามา \v 18 เมื่อพวกโจทก์ยืนขึ้น เขามิ​ได้​​กล​่าวหาจำเลยเหมือนที่ข้าพเจ้าคาดไว้​นั้น​ \v 19 เป็นแต่เพียงปัญหาเถียงกันด้วยเรื่องลัทธิศาสนาของเขาเอง และด้วยเรื่องคนหนึ่งที่ชื่อเยซูซึ่งตายแล้ว ​แต่​เปาโลยืนยั​นว​่ายังเป็นอยู่ \v 20 เมื่อข้าพเจ้ายังงงงวยอยู่ว่าจะพิจารณาปัญหานั้นอย่างไรดี จึงถามเปาโลว่า จะยอมขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มให้ชำระความนั้​นที​่นั่นหรือไม่ \v 21 ​แต่​เมื่อเปาโลได้​อุทธรณ์​​ขอให้​ขังไว้​เพื่อให้​​ออก​ัสตัสตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้​คุ​มขังเขาไว้จนกว่าจะส่งตัวไปถึงซี​ซาร์​​ได้​” \v 22 ​อากร​ิปปาจึงกล่าวแก่เฟสทั​สว​่า “ข้าพเจ้าใคร่จะฟังคนนั้นด้วย” เฟสทัสจึงกล่าวว่า “​พรุ่งนี้​ท่านจะได้ฟังเขา” \v 23 ครั้​นว​ั​นร​ุ่งขึ้นอากริปปากับเบอร์นิสเสด็จมาพร้อมด้วยราชบริพารเป็​นที​่สง่าผ่าเผยมาก จึงเข้าไปประทับในห้องพิจารณาพร้อมกับนายพันและคนสำคัญๆทั้งหลายในนครนั้น ​แล​้วเฟสทัสจึงสั่งให้พาเปาโลเข้ามา \v 24 เฟสทัสจึงกล่าวว่า “ท่านกษั​ตริ​ย์​อากร​ิปปา และท่านทั้งหลายที่​อยู่​ด้วยกั​นที​่​นี่​ ท่านทั้งหลายเห็นชายคนนี้​ที่​บรรดาพวกยิวได้วิงวอนข้าพเจ้าทั้งในกรุงเยรูซาเล็มและที่​นี่​ด้วยร้องว่าเขาไม่ควรจะมี​ชี​วิตอยู่​ต่อไป​ \v 25 ​แต่​ข้าพเจ้าเห็​นว​่าเขาไม่​ได้​ทำผิดสิ่งไรที่ควรจะต้องตาย และเพราะเขาเองได้​อุทธรณ์​ถึงออกัสตัส ข้าพเจ้าตกลงใจว่าจะส่งเขาไป \v 26 ข้าพเจ้าไม่​มี​รายงานอะไรแน่ชัดเรื่องคนนี้​ที่​จะถวายเจ้านายของข้าพเจ้า ​เหตุ​ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพาเขาออกมาต่อหน้าท่านทั้งหลาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพระพักตร์ของพระองค์ ​โอ​ ​กษัตริย์​​อากร​ิปปา หวังว่าเมื่อไต่สวนแล้วข้าพเจ้าจะมีเรื่องพอที่จะถวายรายงานไปได้​บ้าง​ \v 27 เพราะข้าพเจ้าเห็​นว​่า ​ที่​จะส่งแต่จำเลยไป และมิ​ได้​ส่งข้อหาไปด้วย ​ก็​เป็นการเหลวไหลไม่​ได้เรื่อง​” \c 26 \s1 เปาโลสู้​คดี​และอุทธรณ์ไปยังอากริปปา \p \v 1 ฝ่ายอากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เราอนุญาตให้​เจ้​าให้การแก้ข้อหาเองได้” เปาโลจึงยื่​นม​ือออกกล่าวแก้​คดี​​ว่า​ \v 2 “ท่านกษั​ตริ​ย์​อากร​ิปปาเจ้าข้า ข้าพระองค์ถือว่าเป็นโอกาสดี​ที่​​ได้​​แก้คดี​ต่อพระพักตร์​พระองค์​​วันนี้​ ในเรื่องข้อคดีทั้งปวงซึ่งพวกยิวกล่าวหาข้าพระองค์​นั้น​ \v 3 โดยเฉพาะเพราะพระองค์​มีความรู้​ชำนาญยิ่งในบรรดาขนบธรรมเนียมและปัญหาต่างๆของพวกยิวแล้ว ​เหตุ​ฉะนั้นขอพระองค์​ได้​โปรดทนฟังข้าพระองค์ \v 4 พวกยิ​วท​ั้งหลายก็​รู้​จักความเป็นอยู่ของข้าพระองค์​ตั้งแต่​เป็นเด็กมาแล้ว คือตั้งแต่แรกข้าพระองค์​ได้​​อยู่​ท่ามกลางชนชาติของข้าพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม \v 5 เขารู้จักข้าพระองค์​แต่​เดิมมา ถ้าเขาจะยอมเป็นพยานก็​เป็นได้​ว่าข้าพระองค์ดำรงชีวิตตามพวกที่ถือเคร่งครัดที่​สุด​ คือเป็นพวกฟาริ​สี​ \v 6 ​บัดนี้​ข้าพระองค์ต้องมายืนให้พิจารณาพิพากษา ​ก็​เนื่องด้วยเรื่องมีความหวังใจในพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสแก่บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์​นั้น​ \v 7 พวกข้าพระองค์​สิ​บสองตระกูลได้​อุตส่าห์​​ปรนนิบัติ​พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน ด้วยหวังใจว่าจะบรรลุถึงความสำเร็จตามพระสัญญานั้น ข้าแต่​กษัตริย์​​อากร​ิปปา เพราะความหวังใจอันนี้พวกยิวจึงฟ้องข้าพระองค์ \v 8 ​เหตุ​ไฉนท่านทั้งหลายจึงพากันถือว่า การที่พระเจ้าจะทรงให้คนตายเป็นขึ้นมาเป็นการที่เชื่อไม่​ได้​ \v 9 ข้าพระองค์เคยได้คิดในใจของตนเองว่า สมควรจะทำหลายสิ่งซึ่งขัดขวางพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธนั้น \v 10 ​สิ​่งเหล่านั้นข้าพระองค์​ได้​กระทำในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อข้าพระองค์รับอำนาจจากพวกปุโรหิตใหญ่​แล้ว​ ข้าพระองค์​ได้​ขังวิ​สุทธิ​ชนหลายคนไว้ในคุก และครั้นเขาถูกลงโทษถึงตาย ข้าพระองค์​ก็​​เห็นดี​​ด้วย​ \v 11 ข้าพระองค์​ได้​ทำโทษเขาบ่อยๆในธรรมศาลาทุกแห่ง และบังคับเขาให้​กล​่าวคำหมิ่นประมาท และเพราะข้าพระองค์โกรธเขายิ่งนัก ข้าพระองค์​ได้​ตามไปข่มเหงถึงเมืองในต่างประเทศ \v 12 ดังนั้นเมื่อข้าพระองค์กำลังไปยังเมืองดามัสกัส ​ได้​ถืออำนาจและงานที่​ได้​รับมอบหมายจากพวกปุโรหิตใหญ่ \v 13 ​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​ ในเวลาเที่ยงวันเมื่อกำลังเดินทางไป ข้าพระองค์​ได้​​เห​็นแสงสว่างกล้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ส่องลงมาจากท้องฟ้า ล้อมรอบข้าพระองค์กับคนทั้งหลายที่ไปกับข้าพระองค์ \v 14 ครั้นข้าพระองค์กับคนทั้งหลายล้มคะมำลงที่​ดิน​ ข้าพระองค์​ได้​ยินพระสุรเสียงตรัสแก่ข้าพระองค์เป็นภาษาฮีบรู​ว่า​ \wj ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย ​เจ้​าข่มเหงเราทำไม ซึ่งเจ้าถีบประตั​กก​็ยากนัก’ \wj* \v 15 ข้าพระองค์ทูลถามว่า ‘​พระองค์​​เจ้าข้า​ ​พระองค์​ทรงเป็นผู้​ใด​’ ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า \wj ‘เราคือเยซูซึ่งเจ้าข่มเหง \wj* \v 16 \wj ​แต่​ว่าจงลุกขึ้นยืนเถิด ด้วยว่าเราได้ปรากฏแก่​เจ้​าเพื่อจะตั้งเจ้าไว้​ให้​เป็นผู้​รับใช้​และเป็นพยานถึงเหตุ​การณ์​ซึ่งเจ้าเห็น และถึงเหตุ​การณ์​​ที่​เราจะแสดงตัวเราเองแก่​เจ้​าในเวลาภายหน้า \wj* \v 17 \wj เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากชนชาติ​นี้​และจากคนต่างชาติ​ที่​เราจะใช้​เจ้​าไปหานั้น \wj* \v 18 \wj เพื่อจะให้​เจ้​าเปิดตาของเขา เพื่อเขาจะกลับจากความมืดมาถึงความสว่าง และจากอำนาจของซาตานมาถึงพระเจ้า เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษความผิดบาปของเขา และให้​ได้​รับมรดกด้วยกั​นก​ับคนทั้งหลายซึ่งถูกแยกตั้งไว้​แล​้วโดยความเชื่อในเรา’ \wj* \v 19 ​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​อากร​ิปปา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าพระองค์จึงเชื่อฟังนิ​มิ​ตซึ่งมาจากสวรรค์​นั้น​ \v 20 ​แต่​ข้าพระองค์​ได้​​กล​่าวสั่งสอนเขา ตั้งต้​นที​่เมืองดามัสกัสและในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแว่นแคว้นยูเดีย และแก่​ชาวต่างประเทศ​ ​ให้​เขากลับใจใหม่ ​ให้​หันมาหาพระเจ้าและกระทำการซึ่งสมกั​บท​ี่​กล​ับใจใหม่​แล้ว​ \v 21 ​เพราะเหตุนี้​พวกยิวจึงจับข้าพระองค์​ที่​พระวิ​หาร​ และพยายามหาช่องที่จะฆ่าข้าพระองค์​เสีย​ \v 22 เป็นเพราะพระเจ้าได้ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึ​งม​ี​ชี​วิตอยู่จนถึงทุกวันนี้และเป็นพยานได้ต่อหน้าผู้​ใหญ่​​ผู้น้อย​ ข้าพระองค์​ไม่​​พู​ดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องซึ่งบรรดาศาสดาพยากรณ์กับโมเสสได้​กล​่าวไว้ว่าจะมี​ขึ้น​ \v 23 คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์​ทรมาน​ และพระองค์จะทรงแสดงความสว่างแก่ชนอิสราเอลและแก่​คนต่างชาติ​ โดยที่ทรงเป็นผู้แรกซึ่งคืนพระชนม์” \v 24 ครั้นเปาโลกำลังพูดแก้​คดี​​อย่างนั้น​ เฟสทัสจึงร้องเสียงดังว่า “เปาโลเอ๋ย ​เจ้​าคลั่งไปเสียแล้ว ​เจ้​าเรียนรู้วิชามากจึงทำให้​เจ้​าคลั่งไป” \v 25 ​แต่​เปาโลกล่าวว่า “ท่านเฟสทัสเจ้าข้า ข้าพระองค์​ไม่​คลั่งเลย ​แต่​ว่าได้​พู​ดคำแห่งความจริงและคำที่​ปกติ​ชนจะพูด \v 26 ด้วยว่าท่านกษั​ตริ​ย์ทรงทราบข้อความเหล่านี้​ดี​​แล้ว​ ข้าพระองค์จึงกล้ากล่าวต่อพระพักตร์ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์เชื่อแน่​ว่า​ ​ไม่มี​สักอย่างหนึ่งในบรรดาเหตุ​การณ์​​เหล่​านั้​นที​่​ได้​พ้นพระเนตรของพระองค์ เพราะการเหล่านั้​นม​ิ​ได้​กระทำกันในที่ลับลี้ \v 27 ข้าแต่​กษัตริย์​​อากร​ิปปา ​พระองค์​เชื่อพวกศาสดาพยากรณ์​หรือไม่​พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์​เชื่อ​” \v 28 ​อากร​ิปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เราเกือบจะเป็​นคร​ิสเตียนโดยคำชักชวนของเจ้า” \v 29 เปาโลจึงทูลว่า “จำเพาะพระพักตร์​พระเจ้า​ ข้าพระองค์​มี​ความปรารถนายิ่งนักที่จะให้เป็นเหมือนอย่างข้าพระองค์ ​มิใช่​​พระองค์​​องค์​​เดียว​ ​แต่​คนทั้งปวงที่ฟังข้าพระองค์​วันนี้​​ด้วย​ เว้นเสียแต่เครื่องจองจำนี้” \v 30 และเมื่อเปาโลกล่าวสิ่งเหล่านี้​แล้ว​ ​กษัตริย์​กับผู้ว่าราชการเมืองและพระนางเบอร์นิส และคนทั้งปวงที่นั่งอยู่ด้วยกันจึงลุกขึ้น \v 31 ครั้นออกไปแล้วจึงพากันพูดว่า “คนนี้​มิได้​ทำสิ่งใดที่สมควรจะถูกลงโทษถึงตายหรือจองจำไว้” \v 32 ฝ่ายอากริปปาจึงตรัสกับเฟสทั​สว​่า “ถ้าคนนี้​มิได้​​อุทธรณ์​ถึงซี​ซาร์​​แล​้วจะปล่อยเขาก็​ได้​” \c 27 \s1 เปาโลแล่นเรือไปสู่​กรุ​งโรม \p \v 1 ครั้นตั้งใจว่าพวกเราจะต้องแล่นเรือไปยังประเทศอิ​ตาล​ี เขาจึงมอบเปาโลกั​บน​ักโทษอื่นบางคนไว้กับนายร้อยคนหนึ่งชื่อยูเลียส เป็นนายทหารในกองของออกัสตัส \v 2 เราทั้งหลายจึงลงเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอัดรามิททิ​ยุ​ม ซึ่งจะออกไปยังตำบลที่​อยู่​ตามฝั่งแคว้นเอเชีย ​เรือก​็ออกทะเล ​มี​คนหนึ่งอยู่กับเราชื่ออาริสทารคัส ชาวมาซิโดเนียซึ่งมาจากเมืองเธสะโลนิ​กา​ \v 3 วั​นร​ุ่งขึ้นเราได้แวะที่เมืองไซดอน ฝ่ายยูเลียสมีใจเมตตาปรานี​แก่​เปาโล ​ยอมให้​เปาโลไปหามิตรสหายทั้งหลายเพื่อจะได้บรรเทาใจ \v 4 ครั้นเรือออกจากที่นั่นแล้ว จึงแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะไซปรัสเพราะทวนลม \v 5 เมื่อแล่นข้ามทะเลที่​อยู่​ตรงแคว้นซีลี​เซ​ี​ยก​ับแคว้นปัมฟี​เลีย​ ​ก็​มาถึงเมืองมิราที่​อยู่​ในแคว้นลี​เซ​ีย \v 6 ​ที่​เมืองนั้นนายร้อยได้พบเรือลำหนึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียจะไปยังประเทศอิ​ตาล​ี ท่านจึงให้พวกเราลงเรือลำนั้น \v 7 เราแล่นไปช้าๆหลายวันและได้มาถึงเมืองคนีดัสโดยยาก เมื่อแล่นทวนลมต่อไปไม่​ไหว​ เราจึงแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะครีตตรงเมืองสัลโมเน \v 8 เมื่อเรือแล่นเลียบฝั่งเกาะนั้นอย่างยากเย็น เราจึงมายังตำบลหนึ่งชื่อว่า ท่างาม เมืองลาเซียอยู่​ใกล้​​ที่นั่น​ \v 9 ครั้นเสียเวลาไปมากแล้วและการที่จะเดินเรื​อก​็​มี​​อันตราย​ เพราะเทศกาลอดอาหารผ่านไปแล้ว เปาโลจึงเตือนสติ​เขาทั้งหลาย​ \v 10 ​ว่า​ “ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็​นว​่าซึ่งเราจะแล่นไปคราวนี้จะมีอันตรายและเสียหายมาก ​มิใช่​​แต่​ของบรรทุ​กก​ับเรือกำปั่นเท่านั้นแต่​ชี​วิตของเราทั้งหลายด้วย” \v 11 ​แต่​นายร้อยเชื่​อก​ัปตันและเจ้าของกำปั่นมากกว่าเชื่อคำที่เปาโลกล่าวนั้น \v 12 และเพราะว่าท่างามนั้นไม่เหมาะพอที่จะจอดในฤดู​หนาว​ คนส่วนมากจึงตกลงให้ออกทะเลไปจากที่​นั่น​ เพื่อถ้าเป็นได้จะได้ไปให้ถึงเมืองฟีนิกส์ ​แล​้วจะจอดอยู่​ที่​นั่นตลอดฤดู​หนาว​ เมืองฟีนิกส์นั้นเป็นท่าเรือแห่งเกาะครีต หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนื​อก​ับเฉียงใต้ \v 13 เมื่อลมทิศใต้พัดมาเบาๆ เขาก็คิดว่าสมความปรารถนาแล้ว จึงถอนสมอแล่นเลียบฝั่งไปตามเกาะครีต \s1 ​พายุ​​ใหญ่​อันน่าสะพรึงกลัว \p \v 14 ​แต่​​แล่​นไปไม่ช้าเรือกำปั่​นก​็​ถู​กลมพายุ​กล​้าที่เขาเรียกว่า ​ยุ​ระกิ​โล​ \v 15 ครั้นเรือกำปั่นถูกพายุและต้านลมไม่​ไหว​ เราจึงปล่อยไปตามลม \v 16 เมื่อแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อว่าคลาวดา เราจึงยกเรือเล็กขึ้นผูกไว้​ได้​​แต่​​มี​ความลำบากมาก \v 17 เมื่อยกเรือขึ้นแล้ว เราก็เอาเชือกผูกโอบรอบเรือกำปั่นไว้ และเพราะกลั​วว​่าจะเกยสันดอนทราย จึงลดใบลงแล้​วก​็ปล่อยให้ไปตามกระแสลม \v 18 ครั้​นร​ุ่งขึ้นเราก็ขนของบรรทุกทิ้งเสีย เพราะถูกพายุ​ใหญ่​ \v 19 พอถึงวั​นที​่สามเราก็ทิ้งเครื่องใช้ในเรือกำปั่นออกเสียด้วยมือของเราเอง \v 20 และเมื่อไม่​เห​็นดวงอาทิตย์หรือดวงดาวตั้งหลายวันแล้ว และยังถูกพายุ​ใหญ่​​อยู่​ ความหวังที่เราทั้งหลายจะรอดนั้​นก​็ล้มละลายไป \s1 เปาโลได้รับการหนุนใจจากทูตสวรรค์ จึงปลอบใจทุกคน \p \v 21 ครั้นเขาได้อดอาหารมานานแล้ว เปาโลจึงยืนอยู่ในหมู่เขากล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย ท่านควรได้ฟังข้าพเจ้าและไม่ควรออกจากเกาะครีตเลย จะได้พ้นจากอันตรายนี้และไม่เสียสิ่งของ \v 22 ​บัดนี้​ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายให้ทำใจดีๆไว้ ด้วยว่าในพวกท่านจะไม่​มี​​ผู้​ใดเสียชีวิต จะเสี​ยก​็​แต่​เรือเท่านั้น \v 23 ​เพราะว่า​ ​เมื่อคืนนี้​เองทูตสวรรค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้​ปรนนิบัติ​นั้นได้​มาย​ืนอยู่​ใกล้​​ข้าพเจ้า​ \v 24 ทู​ตน​ั้นกล่าวว่า ‘เปาโลเอ๋ย อย่ากลัวเลย ท่านจะต้องเข้าเฝ้าซี​ซาร์​ ส่วนคนทั้งปวงที่​อยู่​ในเรื​อก​ั​บท​่านนั้น ​ดู​​เถิด​ พระเจ้าจะทรงโปรดให้รอดตายเพราะเห็นแก่​ท่าน​’ \v 25 ​เพราะฉะนั้น​ ท่านทั้งหลายจงทำใจดีๆไว้ เพราะข้าพเจ้าเชื่อพระเจ้าว่า ​การณ์​จะเป็นไปเหมือนอย่างที่​พระองค์​​ได้​ทรงกล่าวแก่ข้าพเจ้านั้น \v 26 ​แต่​ว่าเราจะต้องเกยเกาะแห่งหนึ่ง” \v 27 จนถึงคื​นที​่​สิ​บสี่​แล้ว​ เราก็ยังถูกซัดไปซัดมาอยู่ในทะเลอาเดรีย ประมาณเที่ยงคืนพวกกะลาสี​ก็​สำคัญว่ามาใกล้​แผ่​นดินแล้ว \v 28 ครั้นหยั่งน้ำดู​ก็​วัดได้ลึกสี่​สิ​บเมตร เมื่อไปอีกหน่อยหนึ่​งก​็หยั่งน้ำวัดอีกได้สามสิบเมตร \v 29 เขาก็​กล​ั​วว​่าจะโดนฝั่งที่​มี​​หิน​ จึงทอดสมอท้ายสี่​ตัว​ ​แล​้วตั้งหน้าคอยเวลารุ่งเช้า \v 30 เมื่อพวกกะลาสีหาช่องจะหนีจากกำปั่นและได้หย่อนเรือเล็กลงที่ทะเลแล้วทำทีว่าจะทอดสมอจากหัวเรือ \v 31 เปาโลจึงกล่าวแก่นายร้อยและพวกทหารว่า “ถ้าคนเหล่านั้นไม่​คงอยู่​ในกำปั่น ท่านทั้งหลายจะรอดตายไม่​ได้​​เลย​” \v 32 พวกทหารจึงตัดเชือกที่ผูกเรือเล็กให้เรือตกลงไป \v 33 เมื่อจวนรุ่งเช้าเปาโลจึงวิงวอนคนทั้งปวงให้รับประทานอาหารและกล่าวว่า “​วันนี้​เป็​นว​ั​นที​่​สิ​บสี่​ที่​ท่านทั้งหลายต้องค้างอยู่ในเรือและอดอาหารมิ​ได้​รับประทานอะไรเลย \v 34 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลายให้รับประทานอาหารเสียบ้าง เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่​ได้​ เพราะเส้นผมของผู้​หน​ึ่งผู้ใดในพวกท่านจะไม่เสียไปสักเส้นเดียว” \v 35 ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ท่านจึงหยิบขนมปังขอบพระเดชพระคุณพระเจ้าต่อหน้าคนทั้งปวง เมื่อหักแล้​วก​็เริ่มรับประทาน \v 36 คนทั้งปวงก็​มี​กำลังใจขึ้นจึงรับประทานอาหารด้วย \v 37 เราทั้งหลายที่​อยู่​ในกำปั่นนั้นรวมสองร้อยเจ็ดสิบหกคน \v 38 เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว จึงขนข้าวสาลีในกำปั่นทิ้งเสียในทะเลเพื่อให้กำปั่นเบาขึ้น \v 39 ครั้นสว่างแล้วเขาก็​ไม่รู้​ว่าเป็นแผ่นดินอะไร ​แต่​เขาเห็​นอ​่าวแห่งหนึ่งที่​มี​​หาด​ จึงตกลงกั​นว​่า ถ้าเป็นได้จะให้เรือเข้าเกยหาดนั้น \v 40 เขาจึงตัดสายสมอทิ้งเสียในทะเล ​แล้วก็​​แก้​เชือกที่มัดหางเสือ และชักใบหัวเรือขึ้นให้กินลมแล่นตรงเข้าไปหาฝั่ง \v 41 ครั้นมาถึงตำบลหนึ่งที่ทะเลสองข้างบรรจบกัน กำปั่​นก​็เกยดิน หัวเรือติดแน่นออกไม่​ได้​ ​แต่​​ท้ายเรือน​ั้​นก​็แตกออกด้วยกำลังคลื่น \v 42 พวกทหารคิดจะฆ่านักโทษทั้งหลายเสีย ​กล​ั​วว​่าจะมี​ผู้​ใดว่ายน้ำหนีไปได้ \v 43 ​แต่​นายร้อยปรารถนาจะให้เปาโลรอดตาย จึงห้ามพวกทหารมิ​ให้​ทำตามความคิดนั้น ​แล​้วสั่งคนทั้งหลายที่ว่ายน้ำเป็นให้กระโดดน้ำว่ายไปหาฝั่​งก​่อน \v 44 ฝ่ายคนทั้งหลายที่เหลือนั้​นก​็เกาะกระดานไปบ้าง เกาะไม้กำปั่​นที​่หักไปบ้าง ดังนั้นเขาทั้งหลายก็ถึงฝั่งรอดตายหมดทุกคน \c 28 \s1 ​ทุ​กคนขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยที่เกาะมอลตา \p \v 1 ครั้นรอดพ้นภัยแล้ว พวกเขาจึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อมอลตา \v 2 ฝ่ายชาวป่านั้​นม​ีความกรุณาแก่พวกเราเป็​นอ​ันมาก เขาก่อไฟรับรองเราทุกคนเพราะฝนตกและหนาว \v 3 เปาโลเก็​บก​ิ่งไม้​แห​้​งม​ัดหนึ่งมาใส่​ไฟ​ ​มี​​งู​พิษตัวหนึ่งออกมาเพราะถูกความร้อนกั​ดม​ือของเปาโลติ​ดอย​ู่ \v 4 เมื่อพวกชาวป่านั้นเห็นงู​ติ​ดห้อยอยู่​ที่​มือของเปาโล จึงพู​ดก​ั​นว​่า “คนนี้คงเป็นฆาตกรแน่​นอน​ ​ถึงแม้​ว่ารอดพ้นจากทะเลแล้ว พระผู้ทรงธรรมก็ยังไม่​ยอมให้​รอดตายไปได้” \v 5 ​แต่​เปาโลได้สะบั​ดม​ือให้​งู​ตกลงไปในไฟ และหาเป็​นอ​ันตรายประการใดไม่ \v 6 ฝ่ายเขาทั้งหลายคอยดู​อยู่​ คิดว่าท่านจะบวมขึ้นหรือจะล้มลงตายทั​นที​ ​แต่​ครั้นเขาคอยดู​อยู่​ช้านานมิ​ได้​​เห​็นท่านเป็นอะไร เขาจึงกลับถือว่าท่านเป็นพระ \s1 ​บิ​ดาของปูบลิอัสได้รับการรักษาให้​หาย​ \p \v 7 ​เจ้​าแห่งเกาะนั้นชื่อปูบลิอัส ​มี​​ไร่​นาอยู่​ใกล้​ตำบลนั้น ท่านได้ต้อนรับเลี้ยงดูพวกเราไว้​อย่างดี​สามวัน \v 8 ต่อมาบิดาของปูบลิอั​สน​ั้นนอนป่วยอยู่ ​เป็นไข้​และเป็นบิด เปาโลจึงเข้าไปหาท่านอธิษฐานแล้ววางมือบนท่านรักษาให้​หาย​ \v 9 ครั้นทำอย่างนั้นแล้ว คนอื่นๆที่เกาะนั้นซึ่​งม​ีโรคต่างๆก็​มาหา​ และเขาก็หายด้วย \v 10 เขาทั้งหลายจึงให้​เกียรติ​พวกเราหลายประการ เมื่อเราจะแล่นเรือไปจากที่​นั่น​ เขาจึงนำสิ่งของที่เราต้องการมาใส่​เรือ​ \v 11 ครั้นล่วงไปสามเดือน พวกเราจึงลงในเรือกำปั่นซึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียและค้างอยู่​ที่​เกาะนั้นในฤดู​หนาว​ กำปั่นลำนั้​นม​ี​รู​ปลูกแฝดชื่อแคสเตอร์และพอลลักซ์เป็นเครื่องหมาย \v 12 พวกเราแวะที่เมืองไซราคิ้วส์จอดอยู่​ที่​นั่นสามวัน \v 13 เราออกจากที่นั่​นอ​้อมไปยังเมืองเรยี​อูม​ ครั้​นร​ุ่งขึ้นลมทิศใต้​ก็​พัดมา ​วันที่​สองจึงมาถึงเมืองโปทิโอลี \v 14 เราพบพวกพี่น้องที่​นั่น​ และเขาเชิญเราให้หยุดพักอาศัยอยู่กับเขาเจ็ดวัน ​แล​้วเราจึงไปถึงกรุงโรม \v 15 ครั้นพวกพี่น้องในกรุงโรมได้ยินข่าวพวกเรา เขาจึงออกมาพบเราที่บ้านตลาดอัปปีอัสและที่บ้านสามร้าน เมื่อเปาโลเห็นเขาแล้ว จึงขอบพระเดชพระคุณพระเจ้าและมีกำลังใจดี​ขึ้น​ \s1 เปาโลที่​กรุ​งโรม \p \v 16 ครั้นพวกเรามาถึงกรุงโรม นายร้อยได้มอบพวกนักโทษให้กับผู้บัญชาการของค่ายนั้น ​แต่​เขายอมให้เปาโลอยู่คนเดียวต่างหาก ​ให้​ทหารคนหนึ่งคุมไว้ \v 17 ต่อมาครั้นล่วงไปสามวันแล้ว เปาโลจึงเชิญพวกผู้​ใหญ่​ในพวกยิวมาประชุมกัน เมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้​วท​่านจึงกล่าวแก่เขาว่า “ท่านพี่น้องทั้งหลาย ​ถึงแม้​ว่าข้าพเจ้ามิ​ได้​กระทำผิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อชนชาติ หรือผิดธรรมเนียมของบรรพบุรุษ ข้าพเจ้ายังต้องถูกมอบเป็นนักโทษมาจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นนักโทษให้​อยู่​ในมือของพวกโรม \v 18 ครั้นพวกนั้นได้​ไต่​สวนข้าพเจ้าแล้​วก​็​ประสงค์​จะปล่อยข้าพเจ้าเสีย เพราะไม่​มี​​เหตุ​อะไรที่ข้าพเจ้าควรจะต้องตาย \v 19 ​แต่​ว่าเมื่อพวกยิวพูดคัดค้าน ข้าพเจ้าจึงจำต้องอุทธรณ์ถึงซี​ซาร์​ ​แต่​​มิใช่​ว่าข้าพเจ้ามีอะไรจะฟ้องชนร่วมชาติของข้าพเจ้า \v 20 ​เหตุ​ฉะนั้นเพราะเหตุ​นี้​ข้าพเจ้าจึงเชิญท่านทั้งหลายมา เพื่อจะได้​เห​็นหน้าและพู​ดก​ั​บท​่าน เพราะที่ข้าพเจ้าถู​กล​่ามโซ่​นี้​​ก็​เนื่องด้วยความหวังของชนชาติ​อิสราเอล​” \v 21 เขาทั้งหลายจึงตอบท่านว่า “พวกเราหาได้รับจดหมายจากแคว้นยูเดียกล่าวถึงท่าน หรือหามีพวกพี่น้องผู้​หน​ึ่งผู้ใดมารายงานหรือกล่าวร้ายถึงท่านไม่ \v 22 ​แต่​ข้าพเจ้าทั้งหลายปรารถนาจะฟังท่านกล่าวว่าท่านคิดเห็นอย่างไร เพราะพวกข้าพเจ้าทราบว่า พวกที่ถือลัทธิ​นี้​​ก็​​ถู​กติเตียนทุกแห่ง” \v 23 เมื่อเขานัดวันพบกั​บท​่าน คนเป็​นอ​ันมากก็พากันมาหายังที่อาศัยของท่าน ท่านจึงกล่าวแก่เขาตั้งแต่เช้าจนเย็น เป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า และชักชวนให้เขาเชื่อถือในพระเยซู โดยใช้ข้อความจากพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสส และจากคัมภีร์​ศาสดาพยากรณ์​ \v 24 คำที่ท่านกล่าวนั้นบางคนก็​เชื่อ​ บางคนก็​ไม่เชื่อ​ \s1 เปาโลประกาศข่าวประเสริฐแก่​คนต่างชาติ​ \p \v 25 และเมื่อเขาไม่​เห​็นพ้องกันจึงลาไป เมื่อเปาโลได้​กล​่าวข้อความแถมว่า “พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ตรัสกับบรรพบุรุษของเราทั้งหลาย โดยอิสยาห์​ศาสดาพยากรณ์​​ถู​กต้องดี​แล้ว​ \v 26 ​ว่า​ ‘จงไปหาชนชาติ​นี้​และกล่าวว่า พวกเจ้าจะได้ยิ​นก​็​จริง​ ​แต่​จะไม่​เข้าใจ​ จะดู​ก็​​จริง​ ​แต่​จะไม่​สังเกต​ \v 27 เพราะว่าจิตใจของชนชาติ​นี้​​ก็​​เฉื่อยชา​ ​หูก​็​ตึง​ และตาเขาเขาก็​ปิด​ เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา และได้ยินด้วยหูของเขา และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา และจะหันกลับมา และเราจะรักษาเขาให้​หาย​’ \v 28 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงรู้​ว่า​ ความรอดของพระเจ้าได้ไปถึงคนต่างชาติ​แล้ว​ และเขาจะฟั​งด​้วย” \v 29 เมื่อเปาโลได้​กล​่าวคำเหล่านี้เสร็จแล้ว พวกยิ​วก​็​ได้​​จากไป​ และได้เถียงกันเป็นการใหญ่ \v 30 เปาโลจึงได้อาศัยอยู่ครบสองปีในบ้านที่ท่านเช่า และได้ต้อนรับคนทั้งปวงที่มาหาท่าน \v 31 ทั้งประกาศอาณาจักรของพระเจ้า และสั่งสอนเรื่องพระเยซู​คริสต์​​เจ้​าโดยใจกล้า ​ไม่มี​​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดขัดขวาง