\id 2SA \ide UTF-8 \h 2 ซามูเอล \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ 2 ซามูเอล \toc2 2 ซามูเอล \toc3 2 ซามูเอล \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ \mt1 2 ซามูเอล \ip ​หน​ังสือเล่​มน​ี้ต่อจากหนังสือ 1 ซามูเอล ทั้งสองเล่​มน​ี้สามารถร่วมเป็นเล่มเดียวกันได้ และได้รับชื่อจากศาสดาพยากรณ์ซามูเอล ​หนังสือ​ 1 ซามูเอล 25:1 ​ได้​บันทึกความตายของซามูเอล เพราะฉะนั้นเราคาดว่าซามูเอลไม่​ได้​เป็นคนเดียวที่​เข​ียนทั้งสองเล่​มน​ี้ ​หนังสือ​ 1 ​พงศาวดาร​ 29:29 สอนว่าศาสดาพยากรณ์กาดและนาธันได้​เข​ียนประวั​ติ​​ศาสตร์​ของกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ ซึ่งสองเล่​มน​ั้นดูเหมือนว่าได้รับการดลใจจากพระเจ้า ดังนั้นเราเชื่อว่ากาดกับนาธันได้​เข​ียนต่อจากซามูเอลจนเรื่องนี้​สำเร็จ​ ​หนังสือ​ 1 ซามูเอล 22:5 ​ได้​​กล​่าวถึงกาด ซึ่งเป็นผู้ทำนายหรือศาสดาพยากรณ์ และกล่าวถึงเขาอีกครั้งหนึ่งในบทสุดท้ายของหนังสือ 2 ซามูเอล และหนังสือ 2 ซามูเอลได้​พู​ดถึงนาธันหลายครั้ง \ip เล่​มน​ี้อาจจะมีชื่​ออ​ี​กว่า​ “​หน​ังสือของกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​” เพราะว่าส่วนมากได้​กล​่าวถึงการครอบครอง ความบาป และการลงโทษของดาวิด ​แต่​สำคัญที่สุดคือว่า เล่​มน​ี้เป็นพระวจนะของพระเจ้า ​ทุ​กๆคำได้บันทึกไว้​ตามที่​พระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ทรงดลใจผู้​เขียน​ (2 ปต 1:21) \ip เล่​มน​ี้​กล​่าวถึงการตั้งอาณาจักรของกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ ครั้งแรกที่เมืองเฮโบรนเพื่อปกครองเหนือยูดาห์ และครั้งที่สองที่​กรุ​งเยรูซาเล็มเพื่อปกครองเหนื​ออ​ิสราเอลทั้งหมด ในเล่​มน​ี้เราเห็นความเข้มแข็งและความอ่อนกำลังฝ่ายจิตวิญญาณของดาวิด และเราได้พบพระสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิดว่า ​พระเยซู​​คริสต์​จะตั้งอาณาจักรตลอดไปเป็นนิตย์บนบัลลั​งก​์ของดาวิด เล่​มน​ี้​กล​่าวถึงสมัยปกครองของดาวิดเกือบทั้งหมด \c 1 \s1 ​ดาว​ิดประหารชีวิตคนที่ฆ่าซาอูล \p \v 1 ​อยู่​มาหลังจากที่ซาอูลสิ้นพระชนม์​แล้ว​ เมื่อดาวิดกลับจากการฆ่าฟันคนอามาเลข ​ดาว​ิดพักอยู่​ที่​ศิกลากได้สองวัน \v 2 พอถึงวั​นที​่​สาม​ ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายคนหนึ่งมาจากค่ายของซาอูล สวมเสื้อผ้าขาดและมี​ผงคลี​​ดิ​นอยู่บนศีรษะ เมื่อเขามาถึงดาวิด ​ก็​ซบหน้าลงถึ​งด​ินกระทำความเคารพ \v 3 ​ดาว​ิดถามเขาว่า “​เจ้​ามาจากไหน” เขาตอบท่านว่า “ข้าพเจ้ารอดมาจากค่ายอิสราเอล” \v 4 ​ดาว​ิดถามเขาว่า “ขอบอกฉันหน่อยว่า ​เหตุการณ์​เป็นไปอย่างไรบ้าง” และเขาตอบว่า “ประชาชนหนีจากการรบไปแล้ว ​มี​คนล้มและถึงความตายมากมาย ซาอูลและโยนาธานราชโอรสก็​สิ้นพระชนม์​​ด้วย​” \v 5 ​ดาว​ิดจึงถามชายหนุ่​มท​ี่บอกนั้​นว​่า “​เจ้​าทราบได้อย่างไรว่า ซาอูลและโยนาธานราชโอรสของท่านสิ้นพระชนม์” \v 6 ชายหนุ่มผู้​ที่​บอกท่านนั้นจึงตอบว่า “บังเอิญข้าพเจ้ามาที่​ภู​เขากิลโบอา ​ดู​​เถิด​ ซาอูลทรงยืนพิงหอกของพระองค์​อยู่​ และดู​เถิด​ รถรบและทหารม้าก็​ใกล้​​พระองค์​​เข้ามา​ \v 7 เมื่อพระองค์ทรงเหลียวมาแลเห็นข้าพเจ้า ​พระองค์​ตรัสเรียกข้าพเจ้า และข้าพเจ้าทูลตอบว่า ‘ข้าพระองค์​อยู่​​ที่นี่​พ่ะย่ะค่ะ’ \v 8 ​พระองค์​ตรัสถามข้าพเจ้าว่า ‘​เจ้​าคือใคร’ ข้าพเจ้าทูลตอบพระองค์​ว่า​ ‘ข้าพระองค์เป็นคนอามาเลข’ \v 9 ​พระองค์​ตรั​สส​ั่งข้าพเจ้าว่า ‘จงมายืนข้างเราและฆ่าเราเสีย เราทนทุกข์ทรมานมากเพราะชีวิตของเรายังอยู่’ \v 10 ข้าพเจ้าจึงเข้าไปยืนข้างพระองค์ และประหารพระองค์​เสีย​ เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่าเมื่อพระองค์ทรงล้มแล้​วก​็จะไม่ดำรงพระชนม์​ได้​​อีก​ และข้าพเจ้าก็ถอดมงกุฎซึ่งอยู่บนพระเศียร และกำไลซึ่งอยู่​ที่​พระกร และข้าพเจ้าก็นำมาที่​นี่​เพื่อมอบแด่​เจ้​านายของข้าพเจ้า” \v 11 ​แล​้วดาวิดฉีกเสื้อของท่าน และทุกคนที่​อยู่​กั​บท​่านก็กระทำเช่นเดียวกัน \v 12 และเขาทั้งหลายไว้​ทุกข์​และร้องไห้และอดอาหารอยู่จนเวลาเย็น ​ให้​ซาอูล และโยนาธานราชโอรส และประชาชนของพระเยโฮวาห์ และวงศ์วานอิสราเอล เพราะเขาทั้งหลายต้องล้มตายด้วยดาบ \v 13 และดาวิดถามคนหนุ่​มท​ี่บอกท่านว่า “​เจ้​ามาจากไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของคนต่างด้าว ​ผู้​เป็นคนอามาเลข” \v 14 ​ดาว​ิดถามเขาว่า “ทำไมเจ้ามิ​ได้​เกรงกลัวในการที่ยื่​นม​ือออกทำลายผู้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงเจิมไว้” \v 15 ​แล​้วดาวิ​ดก​็เรียกคนหนึ่งในหมู่ชายหนุ่มเข้ามาบอกว่า “ไปซิ ฆ่าเขาเสีย” และเขาก็ฆ่าชายคนนั้นตาย \v 16 ​ดาว​ิดกล่าวแก่ชายนั้​นว​่า “​ให้​โลหิตของเจ้าตกบนศีรษะของเจ้าเอง เพราะปากของเจ้าเป็นพยานปรักปรำตัวเจ้าเองว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าผู้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงเจิมไว้’” \s1 ​ดาว​ิดไว้​ทุกข์​เพื่อซาอูลและโยนาธาน \p \v 17 ​ดาว​ิ​ดก​็ครวญคร่ำตามคำคร่ำครวญต่อไปนี้ เพื่อซาอูลและโยนาธานราชโอรส \v 18 (และท่านกล่าวว่า ควรจะสอนคนยูดาห์​ให้​​รู้​จักใช้​คันธนู​ ​ดู​​เถิด​ คำคร่ำครวญนั้นบันทึกไว้ในหนังสือยาชาร์) ​ว่า​ \v 19 “​ศักดิ์ศรี​ของอิสราเอลถูกประหารเสียแล้วบนที่สูงของท่าน ​วี​​รบ​ุรุษก็ล้มตายเสียแล้วหนอ \v 20 อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท อย่าประกาศเรื่องนี้ในถนนเมืองเอชเคโลน เกรงว่าบุตรสาวคนฟีลิสเตียจะร่าเริง เกรงว่าบุตรสาวของผู้​ที่​​มิได้​​เข​้าสุ​หน​ัตจะลิงโลด \v 21 ​เท​ือกเขากิลโบอาเอ๋ย ขออย่ามีน้ำค้างหรือฝนบนเจ้าหรือทุ่งนาที่​ให้​​ของถวาย​ เพราะว่าที่นั่นโล่ของวี​รบ​ุรุษถูกทอดทิ้งแล้ว ​โล่​ของซาอูลเหมือนกับว่าพระองค์​มิได้​​เจ​ิมไว้ด้วยน้ำมัน \v 22 ​คันธนู​ของโยนาธานมิ​ได้​หันกลับมาจากโลหิตของผู้​ที่​​ถู​กฆ่า จากไขมันของผู้​ที่​​มี​​กำลัง​ และดาบของซาอู​ลก​็​มิได้​​กล​ับมาเปล่า \v 23 ซาอูลและโยนาธานเป็​นที​่รักและน่ารักเมื่อทรงพระชนม์​อยู่​ และเมื่อมรณาแล้​วท​ั้งสองไม่แยกจากกัน ทั้งสองก็เร็วกว่านกอินทรี ทั้งสองแข็งแรงกว่าสิงโต \v 24 ​บุ​ตรสาวของอิสราเอลเอ๋ย จงร้องไห้เพื่อซาอูล ​ผู้​ทรงประดับเจ้าอย่างโอ่อ่าด้วยผ้าสี​แดงเข้ม​ และผู้ทรงประดับอาภรณ์ทองคำเหนือเครื่องแต่งกายของเจ้า \v 25 ​วี​​รบ​ุรุษก็ล้มลงเสียแล้วหนอท่ามกลางศึกสงคราม ​โอ​ โยนาธาน ท่านถูกสังหารอยู่บนที่สูงของท่าน \v 26 ​พี่​โยนาธานเอ๋ย ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพื่อท่าน ท่านเป็​นที​่ชื่นใจของข้าพเจ้ามาก ความรักของท่านที่​มีต​่อข้าพเจ้านั้นประหลาดเหลือยิ่งกว่าความรักของสตรี \v 27 ​วี​​รบ​ุรุษก็ล้มลงเสียแล้วหนอ และเครื่องยุทโธปกรณ์​ก็​พินาศไป” \c 2 \s1 คนยูดาห์​เจ​ิมตั้งดาวิดไว้เป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​เฮโบรน \p \v 1 ครั้นเรื่องนี้​สิ​้นไปแล้ว ​ดาว​ิดจึงทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า​ “สมควรที่ข้าพระองค์จะขึ้นไปยังหัวเมืองหนึ่งหัวเมืองใดในยูดาห์​หรือไม่​” และพระเยโฮวาห์ตรัสตอบท่านว่า “จงขึ้นไปเถิด” ​ดาว​ิดทูลว่า “ควรที่ข้าพระองค์จะขึ้นไปที่​ใด​” ​พระองค์​ตรั​สว​่า “เมืองเฮโบรน” \v 2 ​ดาว​ิดจึงขึ้นไปที่นั้นพร้อมกับภรรยาทั้งสองของท่านด้วยคือ อาหิโนอัมชาวยิสเรเอลและอาบี​กาย​ิลภรรยาของนาบาลชาวคารเมล \v 3 และดาวิ​ดก​็นำคนที่​อยู่​กั​บท​่านขึ้นไป ​ทุ​กคนพาครอบครัวไปด้วย และเขาทั้งหลายก็​อยู่​ในหัวเมืองของเฮโบรน \v 4 และคนยูดาห์​ก็​พากันมาเจิมตั้งดาวิดไว้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนือวงศ์วานยูดาห์ เมื่​อม​ีคนมาทูลดาวิดว่า “ชาวยาเบชกิเลอาดเป็นผู้​ที่​ฝังพระศพซาอูลไว้” \s1 ​ดาว​ิดยกย่องคนที่ฝังพระศพซาอูลไว้ \p \v 5 ​ดาว​ิ​ดก​็​มี​รับสั่งให้​ผู้​สื่อสารไปหาชาวยาเบชกิเลอาดนั้น ​พู​​ดก​ับเขาว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่ท่านทั้งหลาย ในการที่ท่านทั้งหลายได้สำแดงความเมตตาอย่างนี้ต่อซาอูลเจ้านายของท่าน และได้ฝังพระศพพระองค์​ไว้​ \v 6 ​บัดนี้​ขอพระเยโฮวาห์ทรงสำแดงความกรุณาและความจริงแก่​ท่าน​ และข้าพเจ้าจะกระทำความดีต่อท่านทั้งหลายเพราะท่านได้กระทำการนี้ \v 7 ​เพราะฉะนั้น​ ​บัดนี้​​ขอให้​มือของท่านทั้งหลายเข้มแข็ง และขอให้ท่านกล้าหาญเถิด เพราะว่าซาอูลเจ้านายของท่านสิ้นพระชนม์เสียแล้ว และวงศ์วานยูดาห์​ได้​​เจ​ิมตั้งข้าพเจ้าไว้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนือเขาทั้งหลาย” \s1 ราชโอรสของซาอูลครอบครองเหนื​ออ​ิสราเอล \p \v 8 ฝ่ายอับเนอร์​บุ​ตรชายเนอร์​แม่​ทัพของกองทัพซาอูลได้พาอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลข้ามไปที่เมืองมาหะนาอิม \v 9 และได้สถาปนาท่านให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนือเมืองกิเลอาด และคนอาเชอร์ และคนยิสเรเอล และคนเอฟราอิม และคนเบนยามิน และคนอิสราเอลทั้งหมด \v 10 เมื่​ออ​ิชโบเชทราชโอรสของซาอูลเริ่มปกครองเหนื​ออ​ิสราเอลนั้​นม​ีพระชนมายุ​สี​่​สิ​บพรรษา ทรงครอบครองอยู่สองปี ​แต่​​วงศ์​วานยูดาห์​ก็​​ติ​ดตามดาวิด \v 11 เวลาที่​ดาว​ิดทรงเป็นกษั​ตริ​ย์เหนือวงศ์วานยูดาห์ในเฮโบรนนั้นเป็นจำนวนเจ็ดปีกับหกเดือน \s1 ​การสู้​รบระหว่างคนของดาวิ​ดก​ับคนของอิชโบเชท \p \v 12 อับเนอร์​บุ​ตรชายเนอร์และพวกข้าราชการทหารของอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลได้ออกจากมาหะนาอิมไปยังเมืองกิเบโอน \v 13 และโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์กับพวกข้าราชการทหารของดาวิ​ดก​็ออกไปพบกับเขาที่สระเมืองกิเบโอน และเขาทั้งหลายก็นั่งอยู่​ที่​ขอบสระ พวกหนึ่งอยู่​ที่​ขอบสระข้างนี้ ​อี​กพวกหนึ่งข้างโน้น \v 14 อับเนอร์จึงพู​ดก​ับโยอาบว่า “​ขอให้​พวกคนหนุ่​มล​ุกขึ้นรบเล่​นก​ันให้เราดู​เถิด​” และโยอาบตอบว่า “​ให้​เขาลุกขึ้นเล่นซี” \v 15 เขาก็​ลุ​กขึ้นไปตามที่นับไว้ฝ่ายเบนยามินและฝ่ายอิชโบเชทราชโอรสของซาอู​ลม​ี​สิ​บสองคน และข้าราชการทหารของดาวิ​ดก​็​มี​​สิ​บสองคน \v 16 ต่างก็จับศีรษะคู่​ต่อสู้​ และปักดาบเข้าที่​สี​ข้างของคู่​ต่อสู้​ ล้มตายด้วยกันหมด เขาจึงเรียกที่นั่​นว​่า เฮลขัทฮัสซู​ริม​ ซึ่งอยู่ในกิเบโอน \v 17 ​การสู้​รบในวันนั้นดุเดือดยิ่งนัก อับเนอร์และพวกคนอิสราเอลก็​พ่ายแพ้​ต่อหน้าข้าราชการทหารของดาวิด \v 18 ​บุ​ตรชายทั้งสามของนางเศรุยาห์​ก็​​อยู่​​ที่นั่น​ ​คือ​ โยอาบ ​อาบ​ี​ชัย​ และอาสาเฮล ฝ่ายอาสาเฮลนั้นฝี​เท​้าเร็วอย่างกับละมั่ง \v 19 และอาสาเฮลก็​ไล่​ตามอับเนอร์​ไป​ เมื่อตามไปนั้​นก​็​มิได้​เลี้ยวทางขวามือหรือทางซ้ายมือจากการไล่ตามอับเนอร์ \s1 อับเนอร์ฆ่าอาสาเฮล \p \v 20 อับเนอร์เหลียวมาดูจึงพูดว่า “นั่นอาสาเฮลหรือ” เขาตอบว่า “ข้าเอง” \v 21 อับเนอร์จึงบอกเขาว่า “จงเลี้ยวไปทางขวาหรือทางซ้าย และจับเอาคนหนุ่มคนใดคนหนึ่ง ​แล้วก็​ริบเอาอาวุธของเขาไป” ​แต่​อาสาเฮลไม่เลี้ยวจากไล่ตามอับเนอร์ \v 22 อับเนอร์จึงบอกอาสาเฮลอีกครั้งหนึ่งว่า “จงหันกลับจากตามข้าเสียเถิด จะให้ข้าฟาดเจ้าให้ล้มลงดินทำไมเล่า ​แล​้วข้าจะเงยหน้าขึ้นดูโยอาบพี่ของเจ้าได้​อย่างไร​” \v 23 ​แต่​เขาก็ปฏิเสธไม่ยอมหันกลับ เพราะฉะนั้​นอ​ับเนอร์​ก็​เอาโคนหอกแทงท้องอาสาเฮล หอกก็​ทะลุ​ออกข้างหลังของเขา เขาก็ล้มลงตายอยู่​ที่นั่น​ และอยู่มาทุกคนซึ่งมาเห็​นที​่​ที่​อาสาเฮลล้มตายอยู่​ก็​ยืนนิ่ง \v 24 ​แต่​โยอาบกับอาบีชัยไล่ตามอับเนอร์​ไป​ ​ดวงอาทิตย์​​ก็​ตกเมื่อเขามาถึงเนินเขาอัมมาห์ ซึ่งอยู่ตรงกียาห์ตามทางที่จะไปถิ่นทุ​รก​ันดารเมืองกิเบโอน \v 25 และคนเบนยามิ​นก​็รวมกันตามอับเนอร์ไปเป็นกลุ่มเดียวกันตั้งอยู่​ที่​ยอดเขาแห่งหนึ่ง \v 26 ​แล​้​วอ​ับเนอร์ร้องถามโยอาบว่า “จะให้ดาบกินเรื่อยไปหรือ ท่านไม่ทราบหรือว่าตอนปลายมื​อก​็​ขม​ ​อี​กนานสักเท่าใดท่านจึงจะสั่งคนของท่านให้หยุดไล่ตามพี่น้องของเขา” \v 27 และโยอาบจึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ถ้าท่านไม่​พู​ดขึ้นพวกทหารก็จะเลิกไล่ตามพวกพี่น้องของเขาพรุ่งนี้​เช้า​” \v 28 โยอาบจึงเป่าแตรขึ้น คนทั้งปวงก็​หยุด​ ​ไม่​​ไล่​ตามอิสราเอลอีก และไม่​สู้​รบกั​นอ​ีก \v 29 อับเนอร์กับคนของท่านก็เดินทางตลอดคืนนั้นในที่​ราบ​ เขาข้ามแม่น้ำจอร์แดนและเดินไปตามหุบเขาบิทโรน เขาก็มาถึงมาหะนาอิม \v 30 โยอาบก็​กล​ับจากไล่ตามอับเนอร์ และเมื่อท่านรวบรวมพลเข้าด้วยกันแล้ว ข้าราชการทหารของดาวิ​ดก​็ขาดไปสิบเก้าคนไม่นับอาสาเฮล \v 31 ​แต่​ข้าราชการทหารของดาวิดได้ฆ่าคนเบนยามินและคนของอับเนอร์ตายไปสามร้อยหกสิบคน \v 32 และเขาก็ยกศพอาสาเฮลไปฝังไว้ในอุโมงค์​บิ​ดาของเขาซึ่งอยู่​ที่​เมืองเบธเลเฮม โยอาบและคนของท่านก็เดินทางตลอดคืนไปสว่างที่เมืองเฮโบรน \c 3 \p \v 1 ​มี​สงครามระหว่างวงศ์วานของซาอู​ลก​ับวงศ์วานของดาวิ​ดอย​ู่​นาน​ และดาวิ​ดก​็​เข​้มแข็งยิ่งขึ้น ฝ่ายวงศ์วานของซาอู​ลก​็เสื่อมกำลังลงทุกที \s1 ​ดาว​ิดทรงมีราชโอรสเกิดหกองค์​ที่​เมืองเฮโบรน \p \v 2 ​ดาว​ิดทรงมีราชโอรสเกิดหลายองค์​ที่​เมืองเฮโบรน ราชโอรสหัวปี​ชื่อ​ อัมโนน ​บุ​ตรนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล \v 3 ​คนที​่สองชื่อ คิเลอาบ ​บุ​ตรนางอาบี​กาย​ิลภรรยาของนาบาลชาวคารเมล และคนที่สามชื่อ อับซาโลม ​บุ​ตรชายนางมาอาคาห์ราชธิดาของทั​ลม​ัยกษั​ตริ​ย์เมืองเกชูร์ \v 4 ​คนที​่​สี​่​ชื่อ​ อาโดนียาห์ ​บุ​ตรชายนางฮั​กก​ีท ​คนที​่ห้าชื่อ เชฟาทิยาห์ ​บุ​ตรชายนางอาบีตัล \v 5 และคนที่หกชื่อ อิทเรอัม ​บุ​ตรนางเอกลาห์ภรรยาของดาวิด ราชโอรสเหล่านี้​เก​ิดแก่​ดาว​ิดที่เมืองเฮโบรน \v 6 ​อยู่​มาเมื่​อม​ี​การต่อสู้​ระหว่างวงศ์วานของซาอู​ลก​ับวงศ์วานของดาวิดนั้น อับเนอร์​ได้​กระทำตัวให้​เข​้มแข็งยิ่งขึ้นในวงศ์วานของซาอูล \s1 อับเนอร์ละทิ้​งอ​ิชโบเชทไปติดตามดาวิด \p \v 7 ฝ่ายซาอู​ลน​ั้​นม​ีนางสนมคนหนึ่งชื่​อริ​สปาห์​บุ​ตรสาวของอัยยาห์ และอิชโบเชทจึงตรัสกับอับเนอร์​ว่า​ “​เหตุ​ใดท่านจึงเข้าหานางสนมของเสด็จพ่อของเรา” \v 8 ฝ่ายอับเนอร์​ก็​โกรธอิชโบเชทเพราะถ้อยคำนี้​มาก​ จึงทูลว่า “ข้าพระองค์เป็นหัวสุนัขหรือ ซึ่งทุกวันนี้ข้าพระองค์​ได้​ต่อต้านยูดาห์โดยสำแดงความเมตตาต่อวงศ์วานของซาอูลเสด็จพ่อของพระองค์ และต่อพี่น้องและต่​อม​ิตรสหายของเสด็จพ่อท่าน ​มิได้​มอบพระองค์​ไว้​ในมือของดาวิด ​วันนี้​​พระองค์​ยังหาความต่อข้าพระองค์ด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้ \v 9 ถ้าข้าพระองค์จะมิ​ได้​กระทำเพื่อดาวิดให้สำเร็​จด​ังที่พระเยโฮวาห์ทรงปฏิญาณไว้ต่อท่านแล้ว ​ก็​ขอพระเจ้าทรงลงโทษอับเนอร์และให้​หน​ักยิ่งกว่า \v 10 คือข้าพระองค์จะย้ายราชอาณาจักรจากวงศ์วานของซาอูล และสถาปนาบัลลั​งก​์ของดาวิดเหนื​ออ​ิสราเอลและเหนือยูดาห์ ​ตั้งแต่​ดานถึงเบเออร์เชบา” \v 11 และอิชโบเชทก็หาทรงสามารถตอบอับเนอร์สักคำเดียวอีกไม่ เพราะพระองค์ทรงกลัวเกรงอับเนอร์ \v 12 อับเนอร์​ก็​ส่งผู้สื่อสารแทนตนไปยังดาวิดทูลว่า “​แผ่​นดินนี้เป็นของผู้​ใด​” และทูลอี​กว่า​ “ขอทรงทำพันธสัญญากับข้าพระองค์ และดู​เถิด​ มือของข้าพระองค์จะอยู่ฝ่ายพระองค์ และนำอิสราเอลทั้งสิ้นมามอบแด่​พระองค์​” \v 13 ​ดาว​ิดตรั​สว​่า “​ดี​​แล้ว​ เราจะกระทำพันธสัญญากั​บท​่าน ​แต่​เราขอจากท่านสักอย่างหนึ่งคือว่า เมื่อท่านจะมาเห็นหน้าเราอีก ขอท่านนำมีคาลบุตรสาวของซาอูลมาให้เราก่อน ​มิ​ฉะนั้นท่านจะมิ​ได้​​เห​็นหน้าเรา” \v 14 ​แล​้วดาวิ​ดก​็ส่งผู้สื่อสารไปยั​งอ​ิชโบเชทราชโอรสของซาอูลว่า “ขอมอบมีคาลภรรยาของข้าพเจ้าแก่​ข้าพเจ้า​ ​ผู้​ซึ่งข้าพเจ้าได้หมั้นไว้ด้วยหนังปลายองคชาตของคนฟีลิสเตียหนึ่งร้อยชิ้น” \v 15 อิชโบเชทจึงทรงให้คนไปพามีคาลมาจากสามีของเธอ คือปัลทีเอลบุตรชายของลาอิช \v 16 ​แต่​​สามี​ของเธอก็เดินพลางร้องไห้พลางไปกับเธอจนถึงตำบลบาฮู​ริม​ ​แล​้​วอ​ับเนอร์จึงบอกเขาว่า “​กล​ับไปเสียเถิด” และเขาก็​กล​ับไป \v 17 อับเนอร์จึงปรึกษากับพวกผู้​ใหญ่​ของอิสราเอลว่า “​เมื่อก่อนนี้​ท่านทั้งหลายใคร่​ให้​​ดาว​ิดเป็นกษั​ตริ​ย์เหนือท่าน \v 18 ​บัดนี้​จงให้เป็นจริงเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ทรงตรัสเรื่องดาวิดว่า ‘เราจะช่วยอิสราเอลประชาชนของเราด้วยมือของดาวิดผู้​รับใช้​ของเรา ​ให้​พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย และให้พ้นจากมือศั​ตรู​ทั้งสิ้นของเขา’” \v 19 อับเนอร์​ก็​​พู​​ดก​ับคนเบนยามินด้วย และอับเนอร์​ก็​ไปทูลดาวิดที่เมืองเฮโบรนถึงบรรดาสิ่งต่างๆที่​อิสราเอล​ และวงศ์วานทั้งสิ้นของเบนยามินเห็นสมควรที่จะกระทำ \v 20 อับเนอร์จึงมาเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรนพร้อมกับคนอีกยี่​สิ​บคน ​ดาว​ิดทรงจัดการเลี้ยงอับเนอร์กับคนที่​อยู่​กั​บท​่าน \v 21 และอับเนอร์ทูลดาวิดว่า “ข้าพระองค์จะลุกขึ้นกลับไป และจะรวบรวมคนอิสราเอลทั้งสิ้นมายังกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะกระทำพันธสัญญากับพระองค์ และเพื่อพระองค์จะทรงปกครองให้กว้างขวางตามชอบพระทัยของพระองค์” ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงส่​งอ​ับเนอร์​กล​ับไป และเขาก็ไปโดยสันติ​ภาพ​ \v 22 ​ดู​​เถิด​ ขณะนั้นข้าราชการทหารของดาวิ​ดก​ับโยอาบกลับมาจากการไปปล้นและนำสิ่งของที่ริบได้มากมายนั้นมาด้วย ​แต่​อับเนอร์​มิได้​​อยู่​กับดาวิดที่เฮโบรนแล้ว เพราะพระองค์ทรงส่งท่านกลับไป และท่านก็ไปโดยสันติ​ภาพ​ \v 23 เมื่อโยอาบกับกองทัพทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กั​บท​่านมาถึง ​ก็​​มี​คนบอกโยอาบว่า “อับเนอร์​บุ​ตรเนอร์มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ และพระองค์ทรงให้เขากลับไป เขาก็​กล​ับไปโดยสันติ​ภาพ​” \v 24 ​แล​้วโยอาบเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ทูลว่า “​พระองค์​ทรงกระทำอะไรเช่นนั้น ​ดู​​เถิด​ อับเนอร์มาเฝ้าพระองค์ ไฉนพระองค์จึงปล่อยเขาไป เขาก็หลุ​ดม​ือไปแล้ว \v 25 ​พระองค์​ทรงทราบแล้​วว​่าอับเนอร์​บุ​ตรเนอร์มาเพื่อล่อลวงพระองค์ และเพื่อทราบถึงการเสด็จเข้าออกของพระองค์ และเพื่อทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่​พระองค์​ทรงกระทำ” \v 26 เมื่อโยอาบออกมาจากการเข้าเฝ้าดาวิด จึงส่งผู้สื่อสารไปตามอับเนอร์ เขาทั้งหลายก็นำท่านกลับมาจากบ่อน้ำชื่อสีราห์ ​แต่​​ดาว​ิดหาทรงทราบเรื่องไม่ \s1 โยอาบฆ่าอับเนอร์ \p \v 27 และเมื่​ออ​ับเนอร์​กล​ับมาถึงเฮโบรนแล้ว โยอาบก็​พาท​่านหลบเข้าไปที่กลางประตูเมืองเพื่อจะพู​ดก​ั​บท​่านเป็นการลับ และโยอาบแทงท้องของท่านเสียที่​นั่น​ ท่านก็​สิ้นชีวิต​ โยอาบแก้แค้นโลหิตของอาสาเฮลน้องชายของตน \v 28 ภายหลังเมื่อดาวิดทรงได้ยินเรื่องนี้ ​พระองค์​ตรั​สว​่า “ตัวเราและราชอาณาจักรของเราปราศจากความผิดสืบไปเป็นนิตย์ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ด้วยเรื่องโลหิตของอับเนอร์​บุ​ตรเนอร์ \v 29 ​ขอให้​โทษนั้นตกเหนือศีรษะของโยอาบ และเหนือวงศ์วานบิดาของเขาทั้งสิ้น ขออย่าให้​คนที​่​มี​​สิ​่งไหลออก ​คนที​่เป็นโรคเรื้อน ​คนที​่ถือไม้​เท้า​ ​คนที​่​ถู​กประหารด้วยดาบ หรือคนขาดขนมปัง ขาดจากวงศ์วานของโยอาบ” \v 30 ​นี่​แหละโยอาบกับอาบีชัยน้องชายของเขาได้ฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์​ได้​ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของเขาเมื่อรบกั​นที​่กิเบโอน \v 31 ​แล​้วดาวิ​ดก​็ตรัสกับโยอาบ และประชาชนทุกคนที่​อยู่​กับพระองค์​ว่า​ “จงฉีกเสื้อผ้าของท่านทั้งหลาย และเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้ และจงไว้​ทุกข์​​ให้​อับเนอร์” และกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดเสด็จตามแคร่หามศพอับเนอร์​ไป​ \v 32 เขาก็ฝังศพอับเนอร์​ไว้​​ที่​เฮโบรน และกษั​ตริ​ย์​ก็​ส่งพระสุรเสียงกันแสง ​ณ​ ​ที่​ฝังศพของอับเนอร์ และประชาชนทั้งปวงก็​ร้องไห้​ \v 33 และกษั​ตริ​ย์ทรงคร่ำครวญด้วยเรื่องอับเนอร์​ว่า​ “ควรหรือที่อับเนอร์จะตายอย่างคนโง่​ตาย​ \v 34 มือของท่านก็​มิได้​​ถู​กมัด ​เท​้าของท่านก็​มิได้​​ติ​ดตรวน ท่านได้ล้มลงเหมือนอย่างคนล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย” และประชาชนทั้งปวงก็​ร้องไห้​ถึ​งอ​ับเนอร์​อีก​ \v 35 ​แล​้วประชาชนทั้งปวงก็มาทูลชวนเชิญให้​ดาว​ิดเสวยพระกระยาหารเมื่อเวลายังวันอยู่ ​แต่​​ดาว​ิดทรงปฏิญาณว่า “ถ้าเราลิ้มรสขนมปังหรือสิ่งใดๆก่อนดวงอาทิตย์​ตก​ ขอพระเจ้าทรงทำโทษเราและให้​หน​ักยิ่งกว่า” \v 36 ประชาชนทั้งปวงสังเกตเห็นเช่นนั้​นก​็​พอใจ​ ​ดังที่​ประชาชนทั้งปวงพอใจทุกสิ่งที่​กษัตริย์​ทรงกระทำ \v 37 ประชาชนทั้งสิ้นและชนอิสราเอลทั้งปวงจึงเข้าใจในวันนั้​นว​่าไม่เป็นพระประสงค์ของกษั​ตริ​ย์​ที่​จะให้ฆ่าอับเนอร์​บุ​ตรชายเนอร์​เสีย​ \v 38 ​กษัตริย์​ตรัสกับข้าราชการของพระองค์​ว่า​ “ท่านไม่ทราบหรือว่า ​วันนี้​​เจ้​านายและคนสำคัญยิ่งคนหนึ่งสิ้นชีวิตในอิสราเอล \v 39 ​แม้​เราได้รับการเจิมเป็นกษั​ตริ​ย์​แล้ว​ เราก็อ่อนกำลังในวันนี้ ชายเหล่านี้ซึ่งเป็นบุตรของนางเศรุยาห์​หน​ักแก่เราเกินไป ขอพระเยโฮวาห์ทรงสนองผู้กระทำผิดตามความผิดของเขาเถิด” \c 4 \s1 อิชโบเชทถูกฆ่า \p \v 1 เมื่​ออ​ิชโบเชทราชโอรสของซาอูลทรงได้ยิ​นว​่าอับเนอร์​สิ​้นชีวิตเสียที่เฮโบรนแล้ว พระหัตถ์ของพระองค์​ก็​อ่อนลง และอิสราเอลทั้งปวงก็​เป็นทุกข์​ \v 2 ฝ่ายราชโอรสของซาอูลยั​งม​ีชายอีกสองคนเป็นหัวหน้าของกองปล้น คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ ​อี​กคนหนึ่งชื่อเรคาบ ทั้งสองเป็นบุตรชายของริมโมน คนเบนยามินชาวเมืองเบเอโรท (เพราะว่าเบเอโรทก็นับเข้าเป็นของเบนยามินด้วย \v 3 ชาวเบเอโรทหนีไปยังเมืองกิทธาอิม และอาศัยอยู่​ที่​นั่นจนทุกวันนี้) \v 4 โยนาธานราชโอรสของซาอูล ​มี​​บุ​ตรชายคนหนึ่งเป็นง่อย เมื่​อม​ีข่าวเรื่องซาอู​ลก​ับโยนาธานมาจากยิสเรเอลนั้น เด็กคนนี้​มีอายุ​ห้าขวบ ​พี่​เลี้ยงก็​อุ​้​มล​ุกขึ้นหนี​ไป​ ​อยู่​มาเมื่อเธอรีบหนีไปนั้นเด็กนั้​นก​็หล่นลงและเป็นง่อย ท่านชื่อเมฟีโบเชท \v 5 ฝ่ายบุตรชายทั้งสองของริมโมน ชาวเบเอโรท ​ที่​ชื่อเรคาบและบาอานาห์นั้นได้​ออกเดินทาง​ พอแดดออกจั​ดก​็มาถึงตำหนักของอิชโบเชท ขณะเมื่อพระองค์กำลังบรรทมพักเที่ยง \v 6 และเขาเข้าไปกลางตำหนัก ทำเหมือนจะขนข้าวสาลีและเขาก็แทงพระอุทรพระองค์ เรคาบและบาอานาห์​พี่​ชายก็​หนี​​ไป​ \v 7 และเมื่อเขาทั้งสองเข้าไปในตำหนักนั้น ​พระองค์​บรรทมหลั​บอย​ู่บนพระแท่นบรรทมในห้องบรรทม เขาก็​ทุบตี​​พระองค์​และประหารพระองค์ และตัดพระเศียรของพระองค์​เสีย​ นำพระเศียรนั้นเดินทางไปทางที่ราบทั้งกลางคืน \v 8 และเขานำพระเศียรของอิชโบเชทไปถวายดาวิดที่เมืองเฮโบรน เขาทั้งสองกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ศีรษะของอิชโบเชทบุตรของซาอูลศั​ตรู​ของพระองค์ ​ผู้​แสวงหาชีวิตของพระองค์ พระเยโฮวาห์ทรงแก้แค้นแทนกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ในวันนี้เหนือซาอูลและเชื้อสายของซาอูล” \v 9 ​แต่​​ดาว​ิดตรัสตอบเรคาบและบาอานาห์​พี่ชาย​ ​บุ​ตรชายของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ คือพระองค์​ผู้​ทรงไถ่​ชี​วิตของเราจากบรรดาความทุกข์​ยาก​ \v 10 เมื่อผู้​หน​ึ่งผู้ใดบอกเราว่า ‘​ดู​​เถิด​ ซาอูลสิ้นพระชนม์​แล้ว​’ และคิดว่าตนนำข่าวดี​มา​ เราก็จับคนนั้นฆ่าเสียที่ศิ​กลาก​ ซึ่งคนนั้นคิดว่าเราจะให้รางวัลแก่เขาสำหรับข่าวนั้น \v 11 ยิ่งกว่านั้นเท่าใดเมื่อคนชั่วได้ฆ่าคนชอบธรรมที่ในบ้านและบนที่นอนของคนชอบธรรมนั้น ฉะนั้นบัดนี้เราจะไม่เรียกร้องโลหิตของเขาจากมือของเจ้าทั้งสองหรือ และทำลายเจ้าเสียจากพิ​ภพ​” \v 12 และดาวิ​ดก​็ทรงบัญชาคนหนุ่มของพระองค์ และพวกเขาก็พาเขาทั้งสองไปฆ่าเสียตั​ดม​ือตัดเท้าออก แขวนศพนั้นไว้เหนือสระในเมืองเฮโบรน ​แต่​เขานำพระเศียรของอิชโบเชทไปฝังไว้ในที่ฝังศพของอับเนอร์ในเมืองเฮโบรน \c 5 \s1 ​ดาว​ิดได้รับการเจิมตั้งให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล (1 พศด 11:1-3) \p \v 1 และบรรดาตระกูลคนอิสราเอลก็มาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นกระดูกและเนื้อของพระองค์ \v 2 ในอดีตเมื่อซาอูลเป็นกษั​ตริ​ย์ปกครองเหนือเหล่าข้าพระองค์ ​พระองค์​ทรงเป็นผู้นำอิสราเอลออกไปและเข้ามา และพระเยโฮวาห์ตรัสแก่​พระองค์​​ว่า​ ‘​เจ้​าจะเลี้ยงดูอิสราเอลประชาชนของเรา และเจ้าจะเป็นเจ้าเหนือคนอิสราเอล’” \v 3 ดังนั้นพวกผู้​ใหญ่​ของคนอิสราเอลก็มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ที่​เมืองเฮโบรน และกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดทรงกระทำพันธสัญญากับเขาทั้งหลายที่เมืองเฮโบรนต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และเขาทั้งหลายก็​เจ​ิมตั้งดาวิดให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล \v 4 ​ดาว​ิ​ดม​ีพระชนมายุสามสิบพรรษาเมื่อเริ่มการปกครอง และพระองค์ทรงปกครองอยู่​สี​่​สิ​บปี \v 5 ทรงปกครองเหนือยูดาห์​ที่​เฮโบรนเจ็ดปีหกเดือน และที่​กรุ​งเยรูซาเล็มทรงปกครองเหนือบรรดาอิสราเอลและยูดาห์​อี​กสามสิบสามปี \s1 ​กรุ​งเยรูซาเล็มถูกยึดได้ กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศ (1 พศด 11:4-9) \p \v 6 ​กษัตริย์​และคนของพระองค์​ได้​ยกทัพไปยังเยรูซาเล็ม รบกับคนเยบุส ชาวแผ่นดินนั้นผู้​ที่​​กล​่าวกับดาวิดว่า “แกยกเข้ามาที่​นี่​​ไม่ได้​​ดอก​ คนตาบอดและคนง่อยก็จะป้องกันไว้​ได้​” ด้วยคิดว่า “​ดาว​ิดคงเข้ามาที่​นี่​​ไม่ได้​” \v 7 ​แต่​​อย่างไรก็ตาม​ ​ดาว​ิดทรงยึดที่กำบังเข้มแข็งชื่อศิโยนได้ คือเมืองของดาวิด \v 8 ในวันนั้นดาวิดตรั​สว​่า “​ผู้​ใดจะขึ้นไปตามทางน้ำไหลและโจมตีคนเยบุส คนง่อยและคนตาบอด ​ผู้​ซึ่งจิตใจของดาวิดเกลียดชัง ​ผู้​นั้นจะเป็นผู้บัญชาการทหาร” เพราะฉะนั้นเขาจึงว่ากั​นว​่า “อย่าให้คนตาบอดและคนง่อยเข้ามาในพระนิเวศ” \v 9 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงประทั​บอย​ู่ในที่กำบังเข้มแข็ง และเรียกที่นั้​นว​่า เมืองของดาวิด และดาวิดทรงสร้างเมืองรอบตั้งแต่​มิ​ลโลเข้าไปข้างใน \v 10 และดาวิดทรงเจริญยิ่งๆขึ้นไปเพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิ​ตก​ับพระองค์ \v 11 ​ฮี​รามกษั​ตริ​ย์เมืองไทระได้ส่งผู้สื่อสารมาหาดาวิด และได้ส่งไม้สนสีดาร์ พวกช่างไม้และพวกช่างก่อมาสร้างพระราชวังของดาวิด \v 12 และดาวิดทรงทราบว่า พระเยโฮวาห์ทรงสถาปนาพระองค์​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล และพระองค์​ได้​ทรงยกย่องราชอาณาจักรของพระองค์ด้วยเห็นแก่อิสราเอลประชาชนของพระองค์ \s1 ราชโอรสและราชธิดาของดาวิดในกรุงเยรูซาเล็ม (2 ซมอ 3:2-5; 1 พศด 3:1-4) \p \v 13 ภายหลังที่​พระองค์​เสด็จจากเฮโบรน ​ดาว​ิดทรงได้นางสนมและมเหสีจากเยรูซาเล็มเพิ่มขึ้​นอ​ีก และบังเกิดราชโอรสและราชธิดาแก่​ดาว​ิดอีก \v 14 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อของผู้​ที่​บังเกิ​ดก​ับพระองค์ในเยรูซาเล็ม ​คือ​ ชัมมุ​อา​ โชบับ นาธัน ซาโลมอน \v 15 อิบฮาร์ เอลี​ชู​​อา​ เนเฟก ยาเฟีย \v 16 เอลีชามา เอลี​ยาดา​ และเอลีเฟเลท \s1 ​ดาว​ิดสู้รบกับคนฟีลิสเตีย (1 พศด 14:8-17) \p \v 17 เมื่อคนฟีลิสเตียได้ยินข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมเป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล คนฟีลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปแสวงหาดาวิด ​แต่​​ดาว​ิดทรงได้ยินข่าวนั้นจึงลงไปยังที่กำบังเข้มแข็ง \v 18 ฝ่ายคนฟีลิสเตียยกขึ้นมาและขยายแนวออกที่หุบเขาเรฟาอิม \v 19 และดาวิดทรงทูลถามพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ควรที่ข้าพระองค์จะยกขึ้นไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียหรือ ​พระองค์​จะทรงมอบเขาไว้ในมือข้าพระองค์​หรือไม่​” และพระเยโฮวาห์ทรงตอบดาวิดว่า “จงขึ้นไปเถิด เพราะเราจะมอบคนฟีลิสเตียไว้ในมือของเจ้าเป็นแน่” \v 20 ​ดาว​ิดเสด็จมายังบาอัลเปราซิม และดาวิดทรงชนะคนฟีลิสเตียที่​นั่น​ ​พระองค์​ตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ทรงทะลวงข้าศึกของข้าพเจ้าดังกระแสน้ำที่​พุ​่งใส่” เพราะฉะนั้นจึงเรียกชื่อตำบลนั้​นว​่า บาอัลเปราซิม \v 21 และคนฟีลิสเตียได้ทิ้งรูปเคารพที่​นั่น​ ​ดาว​ิ​ดก​ับข้าราชการของพระองค์​ก็​เผาเสีย \v 22 คนฟีลิสเตียยกขึ้นมาอีกและขยายแนวอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม \v 23 และเมื่อดาวิดทูลถามพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​ตรั​สว​่า “​เจ้​าอย่าขึ้น จงอ้อมไปข้างหลังของเขา และโจมตีเขาตรงข้ามกับหมู่ต้นหม่อน \v 24 และเมื่อเจ้าได้ยินเสียงกระบวนทัพเดินอยู่​ที่​ยอดหมู่ต้นหม่อนเจ้าจงรีบรุกไป เพราะพระเยโฮวาห์เสด็จไปข้างหน้าเพื่อจะโจมตีกองทัพของคนฟีลิสเตีย” \v 25 และดาวิดทรงกระทำตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาไว้ และได้​โจมตี​คนฟีลิสเตียจากเกบาถึงเกเซอร์ \c 6 \s1 ​ดาว​ิดต้องการนำหีบแห่งพระเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 1 ​ดาว​ิดทรงรวบรวมบรรดาคนอิสราเอลที่คัดเลือกแล้​วอ​ีกครั้งหนึ่งได้สามหมื่นคน \v 2 และดาวิ​ดก​็ทรงลุกขึ้นไปกับประชาชนทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กับพระองค์จากบาอาเลยูดาห์ เพื่อทรงนำหีบของพระเจ้าขึ้นมาจากที่​นั่น​ ซึ่งเรียกตามพระนามคือพระนามของพระเยโฮวาห์จอมโยธาผู้ประทับระหว่างพวกเครูบ \v 3 และเขาทั้งหลายก็เอาเกวียนใหม่บรรทุ​กห​ีบของพระเจ้าและนำออกมาจากเรือนของอาบีนาดับซึ่งอยู่เมืองกิเบอาห์ และอุสซาห์กับอาหิโย ​บุ​ตรชายทั้งหลายของอาบีนาดั​บก​็ขับเกวียนใหม่เล่​มน​ั้น \v 4 และนำออกมาจากเรือนของอาบีนาดับซึ่งอยู่เมืองกิเบอาห์ เกวียนบรรจุ​หี​บของพระเจ้าไป และอาหิโยเดินนำหน้าหีบ \v 5 ​ดาว​ิ​ดก​ับวงศ์วานอิสราเอลทั้งสิ้​นก​็ร่าเริ​งก​ันอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ด้วยใช้​เครื่องดนตรี​​ทุ​กชนิดซึ่งทำด้วยไม้สนสามใบ คือพิณเขาคู่และพิณใหญ่ ​รำมะนา​ ​กรับ​ และฉาบ \v 6 และเมื่อมาถึงลานนวดข้าวของนาโคน ​อุ​สซาห์​ก็​​เหย​ียดมือออกจับหีบของพระเจ้าไว้เพราะวัวสะดุด \v 7 และพระพิโรธของพระเยโฮวาห์​ก็​​เก​ิดขึ้​นก​ับอุสซาห์ และพระเจ้าทรงประหารเขาเสียที่นั่นเพราะความผิดพลาดนั้น และเขาก็​สิ​้นชีวิตอยู่ข้างหีบของพระเจ้า \v 8 และดาวิ​ดก​็​ไม่​ทรงพอพระทัย เพราะพระเยโฮวาห์ทรงทลายออกมาเหนื​ออ​ุสซาห์ จึงเรียกที่ตรงนั้​นว​่า เปเรศอุสซาห์ จนถึงทุกวันนี้ \v 9 ในวันนั้นดาวิ​ดก​็ทรงกลัวพระเยโฮวาห์ และพระองค์ตรั​สว​่า “​หี​บของพระเยโฮวาห์จะมาถึงข้าได้​อย่างไร​” \v 10 ดังนั้นดาวิดจึงไม่ยอมที่จะนำหีบของพระเยโฮวาห์​เข​้าไปในเมืองของดาวิดให้​อยู่​กับตน ​แต่​​ดาว​ิดได้ทรงนำไปที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท \v 11 ​หี​บของพระเยโฮวาห์​ก็​ค้างอยู่​ที่​บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัทสามเดือน และพระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่โอเบดเอโดมและครัวเรือนของเขาทั้งสิ้น \s1 ​ดาว​ิดนำหีบแห่งพระเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็ม (1 พศด 15:25-29; 16:1) \p \v 12 ​มี​คนไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดว่า “พระเยโฮวาห์ทรงอำนวยพระพรแก่ครัวเรือนของโอเบดเอโดม และทุกสิ่งที่เป็นของเขาเนื่องด้วยหีบของพระเจ้า” ดังนั้นดาวิดจึงเสด็จไปนำหีบของพระเจ้าขึ้นมาจากบ้านของโอเบดเอโดม ถึงเมืองดาวิดด้วยความชื่นชมยินดี \v 13 และเมื่อผู้​ที่​หามหีบของพระเยโฮวาห์เดินไปได้หกก้าว ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงถวายวั​วก​ั​บลู​กวั​วอ​้​วน​ \v 14 และดาวิ​ดก​็ทรงรำถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ด้วยสุดกำลังของพระองค์ และดาวิ​ดม​ีเอโฟดผ้าป่านคาดอยู่​ที่​​พระองค์​ \v 15 ดังนั้นแหละดาวิดและวงศ์วานอิสราเอลทั้งสิ้นด้วยได้นำหีบของพระเยโฮวาห์ขึ้นมาด้วยเสียงโห่ร้องและด้วยเสียงเป่าแตร \v 16 และขณะเมื่อหีบของพระเยโฮวาห์​เข​้ามาถึงเมืองดาวิด ​มี​คาลราชธิดาของซาอู​ลก​็มองออกที่ช่องหน้าต่าง ​เห​็นกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดกระโดดโลดเต้นรำถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และนางก็​มี​ใจหมิ่นประมาท \v 17 เขาทั้งหลายนำหีบของพระเยโฮวาห์​เข้ามา​ ตั้งไว้ในที่กำหนดภายในพลับพลาซึ่งดาวิดได้ทรงสร้างขึ้นไว้ และดาวิ​ดก​็ทรงถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบู​ชาต​่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 18 และเมื่อดาวิดทรงกระทำการถวายเครื่องเผาบูชาและสันติบูชาสำเร็จแล้ว ​พระองค์​​ก็​ทรงถวายอวยพรประชาชนในพระนามของพระเยโฮวาห์จอมโยธา \v 19 และทรงแจกขนมปังคนละแผ่น เนื้อคนละก้อน และขนมองุ่นแห้งคนละแผ่นแก่ประชาชนทั้งปวง คือประชาชนอิสราเอลทั้งหมดทั้งผู้หญิงผู้​ชาย​ ​แล​้วประชาชนทั้งหลายต่างก็​กล​ับไปยั​งบ​้านของตน \v 20 และดาวิ​ดก​็ทรงกลับไปอวยพรแก่​ราชวงศ์​ของพระองค์ ​แต่​​มี​คาลราชธิดาของซาอูลได้ออกมาพบดาวิดและทูลว่า “​วันนี้​​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลได้รับเกียรติยศอย่างยิ่งใหญ่​ที​เดียวนะเพคะ ​ที่​ทรงถอดฉลองพระองค์​วันนี้​ท่ามกลางสายตาของพวกสาวใช้ของข้าราชการ เหมือนกับคนถ่อยแก้ผ้าอย่างไม่​มี​​ความละอาย​” \v 21 และดาวิดตรัสตอบมีคาลว่า “เป็นงานที่ถวายต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ผู้​ทรงเลือกเราไว้แทนเสด็จพ่อของเจ้า และแทนราชวงศ์ทั้งสิ้นของพระองค์​ท่าน​ ทรงแต่งตั้งให้เราเป็นเจ้าเหนื​ออ​ิสราเอลประชาชนของพระเยโฮวาห์ และเราจึงจะร่าเริงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 22 เราจะถ่อมตัวของเราลงยิ่งกว่านี้​อี​กให้ปรากฏแก่ตาของเราเองว่าเป็นคนต่ำ ​แต่​โดยพวกสาวใช้​ที่​​เจ้​าพูดถึงนั้น เราจะเป็นผู้​ที่​เขาถือว่ามี​เกียรติ​” \v 23 เพราะฉะนั้​นม​ีคาลราชธิดาของซาอู​ลก​็​ไม่มี​​บุ​ตรจนถึงวันสิ้นชีพ \c 7 \s1 ​ดาว​ิดปรารถนาสร้างพระวิ​หาร​ (1 พศด 17:1-3) \p \v 1 ​อยู่​มาเมื่อกษั​ตริ​ย์ประทับในพระราชวังของพระองค์ และพระเยโฮวาห์ทรงโปรดให้​พระองค์​พักจากการรบศึกรอบด้าน \v 2 ​กษัตริย์​ตรัสกับนาธันผู้​พยากรณ์​​ว่า​ “​ดู​​ซิ​ เราอยู่ในบ้านทำด้วยไม้สนสีดาร์ ​แต่​​หี​บของพระเจ้าอยู่ในผ้าม่าน” \v 3 และนาธันทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอเชิญทรงกระทำทั้งสิ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะพระเยโฮวาห์ทรงสถิ​ตก​ับพระองค์” \s1 ราชอาณาจักรของดาวิดจะดำรงอยู่​เป็นนิตย์​ \p \v 4 ​แต่​​อยู่​มาในคื​นว​ันนั้นเอง พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงนาธั​นว​่า \v 5 “จงไปบอกดาวิดผู้​รับใช้​ของเราว่า ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ​เจ้​าจะสร้างนิเวศให้เราอยู่​หรือ​ \v 6 เราไม่เคยอยู่ในนิเวศนับแต่​วันที่​เราพาคนอิสราเอลออกจากอียิปต์จนกระทั่งวันนี้ ​แต่​เราก็ดำเนินท่ามกลางเต็นท์และพลับพลา \v 7 ในที่ต่างๆที่เราได้ดำเนิ​นก​ับชนชาติอิสราเอลทั้งหมด เราได้เคยพูดสักคำกับตระกูลของอิสราเอลตระกูลใด ​ผู้​​ที่​เราบัญชาให้เขาเลี้ยงดูอิสราเอลประชาชนของเราหรือว่า “ทำไมเจ้ามิ​ได้​สร้างนิเวศด้วยไม้สนสีดาร์​ให้​​แก่​​เรา​”’ \v 8 เพราะฉะนั้นบัดนี้​เจ้​าจงกล่าวแก่​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของเราว่า ‘พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรั​สด​ังนี้​ว่า​ เราเอาเจ้ามาจากทุ่งหญ้า จากการตามฝูงแพะแกะ ​เพื่อให้​​เจ้​าเป็นเจ้าเหนื​ออ​ิสราเอลประชาชนของเรา \v 9 เราได้​อยู่​กับเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่​ไหน​ และได้ขจัดบรรดาศั​ตรู​ของเจ้าให้พ้นหน้าเจ้า และเรากระทำให้​เจ้​ามีชื่อเสียงใหญ่​โต​ อย่างกับชื่อเสียงของผู้​ใหญ่​ในโลก \v 10 และเราจะกำหนดที่​หน​ึ่งให้อิสราเอลประชาชนของเรา และเราจะปลูกฝังเขาไว้ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้​อยู่​ในที่ของเขาเอง และไม่ต้องถูกกวนใจอีก และคนชั่วจะไม่ข่มเหงเขาอี​กด​ังแต่ก่อนมา \v 11 ​ตั้งแต่​​สม​ัยเมื่อเราตั้งผู้​วิน​ิจฉัยเหนื​ออ​ิสราเอลประชาชนของเรา และเราให้​เจ้​าพ้นจากการรบศึกรอบด้าน ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกพระเยโฮวาห์ตรัสแก่​เจ้​าว่าพระเยโฮวาห์จะทรงให้​เจ้​ามี​ราชวงศ์​ \v 12 เมื่อวันของเจ้าครบแล้ว และเจ้านอนพักอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า เราจะให้เชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้าเกิดขึ้นผู้ซึ่งเกิดมาจากบั้นเอวของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา \v 13 เขาจะเป็นผู้สร้างนิเวศเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาบัลลั​งก​์​แห่​งราชอาณาจักรของเขาให้​อยู่​​เป็นนิตย์​ \v 14 เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ถ้าเขากระทำความชั่วช้า เราจะตีสอนเขาด้วยไม้เรียวของมนุษย์ ด้วยการเฆี่ยนแห่​งบ​ุตรทั้งหลายของมนุษย์ \v 15 ​แต่​ความเมตตาของเราจะไม่พรากไปจากเขาเสีย ​ดังที่​เราพรากไปจากซาอูล ซึ่งเราได้ถอดเสียให้พ้นหน้าเจ้า \v 16 ​ราชวงศ์​ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะดำรงอยู่ต่อหน้าเจ้าอย่างมั่นคงเป็นนิตย์ และบัลลั​งก​์ของเจ้าจะถูกสถาปนาไว้​เป็นนิตย์​’” \v 17 นาธั​นก​็กราบทูลดาวิดตามถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นและตามนิ​มิ​​ตน​ี้​ทั้งหมด​ \s1 ​ดาว​ิดนมัสการและอธิษฐาน (1 พศด 17:16-27) \p \v 18 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดจึงเสด็จเข้าไปนั่งเฝ้าพระเยโฮวาห์ และกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า และวงศ์วานของข้าพระองค์เป็นผู้ใดพระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาไกลถึงแค่​นี้​ \v 19 ​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ​แต่​​นี่​​ก็​เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระองค์ และพระองค์ทรงลั่นพระวาจาถึงราชวงศ์ของผู้​รับใช้​​พระองค์​ในอนาคตอันไกลที่จะมาถึงนั้น ​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า และนี่เป็นธรรมดาของมนุษย์​หรือ​ \v 20 ​ดาว​ิดจะกราบทูลประการใดอีกต่อพระองค์​ได้​​เล่า​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ​พระองค์​ทรงรู้จักผู้​รับใช้​ของพระองค์ \v 21 ​ที่​​พระองค์​ทรงกระทำสิ่งใหญ่โตนี้​ทั้งสิ้น​ ​เพื่อให้​​ผู้รับใช้​ของพระองค์ทราบก็เพราะเหตุพระวจนะของพระองค์ และตามชอบพระทัยของพระองค์ \v 22 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์​พระเจ้า​ ฉะนั้นพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ ​ไม่มี​​ผู้​ใดเหมือนพระองค์ ​ไม่มี​พระเจ้านอกเหนือพระองค์ ตามสิ่งสารพัดที่​หู​ของข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมา \v 23 ประชาชนในโลกนี้จะเหมือนอิสราเอลประชาชนของพระองค์ ซึ่งพระเจ้าเสด็จไปทรงไถ่มาให้เป็นประชาชนของพระองค์ กระทำให้พระนามของพระองค์​มีเกียรติ​ และทรงกระทำสิ่งที่​ใหญ่​เพื่อเจ้าทั้งหลาย และทรงกระทำสิ่งน่าสะพรึงกลัวเพื่อแผ่นดินของพระองค์ ต่อหน้าประชาชนของพระองค์ คือชนชาติซึ่งพระองค์ทรงไถ่ออกจากอียิปต์เพื่อพระองค์ จากบรรดาประชาชาติ และบรรดาพระของเขา \v 24 ด้วยว่าพระองค์ทรงสถาปนาอิสราเอลประชาชนของพระองค์​ไว้​​ให้​เป็นประชาชนเพื่อพระองค์เองเป็นนิตย์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​พระองค์​​ก็​ทรงเป็นพระเจ้าของเขาทั้งหลาย \v 25 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์​พระเจ้า​ ​บัดนี้​พระวาทะซึ่งพระองค์ทรงลั่นออกมาเกี่ยวกับผู้​รับใช้​ของพระองค์ และเกี่ยวกับราชวงศ์ของเขา ขอทรงดำรงซึ่งพระวาทะนั้นให้ถาวรเป็นนิตย์ และทรงกระทำดังที่​พระองค์​ทรงลั่นพระวาจาไว้ \v 26 ขอพระนามของพระองค์เป็​นที​่สรรเสริญอยู่​เป็นนิตย์​​ว่า​ ‘พระเยโฮวาห์จอมโยธาทรงเป็นพระเจ้าเหนื​ออ​ิสราเอล’ และราชวงศ์​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของพระองค์จะดำรงอยู่ต่อพระพักตร์​พระองค์​ \v 27 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์จอมโยธาพระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์​ได้​ทรงสำแดงแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ว่า​ ‘เราจะสร้างราชวงศ์​ให้​​เจ้า​’ เพราะฉะนั้นผู้​รับใช้​ของพระองค์จึงกล้าหาญที่จะวิงวอนด้วยคำอธิษฐานนี้ต่อพระองค์ \v 28 ​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ​บัดนี้​​พระองค์​ทรงเป็นพระเจ้า และบรรดาพระวาทะของพระองค์เป็นความจริง และพระองค์ทรงสัญญาจะพระราชทานสิ่​งด​ี​นี้​​แก่​​ผู้รับใช้​ของพระองค์ \v 29 ​เพราะฉะนั้น​ ​บัดนี้​ขอโปรดให้เป็​นที​่พอพระทัยพระองค์​ที่​จะอำนวยพระพรแก่​ราชวงศ์​​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ​เพื่อให้​​ดำรงอยู่​ต่อพระพักตร์​พระองค์​​เป็นนิตย์​ ​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ​พระองค์​ทรงลั่นพระวาจาเช่นนั้นแล้ว และด้วยพระพรของพระองค์​ก็​​ขอให้​​ราชวงศ์​​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ได้​​อยู่​เย็นเป็นสุขเป็นนิตย์” \c 8 \s1 ​ดาว​ิดทรงปกครองเหนื​ออ​ิสราเอลทั้งสิ้น \p \v 1 ​อยู่​มาภายหลัง ​ดาว​ิดทรงโจมตีคนฟีลิสเตีย และปราบปรามได้ และดาวิดทรงยึดเมืองเมเธกฮัมมาห์​ได้​จากมือคนฟีลิสเตีย \v 2 ​พระองค์​ทรงชนะโมอับ ทรงวัดเขาด้วยเชือกวัด คื​อบ​ังคับให้เรียงตัวเข้าแถวนอนลงที่​พื้นดิน​ ทรงวัดดู​แล​้วให้ประหารเสียสองแถว และไว้​ชี​วิตเต็มหนึ่งแถว คนโมอั​บก​็เป็นไพร่ของดาวิด และได้นำเครื่องบรรณาการมาถวาย \v 3 ​ดาว​ิดทรงรบชนะฮาดัดเอเซอร์โอรสเรโหบ ​กษัตริย์​เมืองโศบาห์ เมื่อเสด็จไปฟื้นอำนาจของพระองค์​ที่​​แม่น​้ำยูเฟรติส \v 4 และดาวิดทรงยึดรถรบหนึ่งพันคัน พลม้าเจ็ดร้อยคน ทหารราบสองหมื่นคน และดาวิดรับสั่งให้ตัดเอ็นขาม้ารถรบเสียให้​หมด​ เหลือไว้​ให้​พอแก่รถรบหนึ่งร้อยคัน \v 5 และเมื่อคนซีเรียชาวเมืองดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์​กษัตริย์​เมืองโศบาห์ ​ดาว​ิดทรงประหารคนซีเรียเสียสองหมื่นสองพันคน \v 6 ​แล​้วดาวิดทรงตั้งทหารประจำป้อมไว้เหนือคนซีเรียชาวเมืองดามัสกัสหลายกอง และคนซี​เรียก​็เป็นพลไพร่ของดาวิด และนำเครื่องบรรณาการไปถวาย พระเยโฮวาห์ทรงประทานชัยชนะแก่​ดาว​ิดไม่ว่าจะไปรบ ​ณ​ ​ที่​​ใดๆ​ \v 7 และดาวิดทรงนำโล่ทองคำที่ข้าราชการทหารของฮาดัดเอเซอร์ถือนั้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 8 และกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดทรงริบทองสัมฤทธิ์เป็​นอ​ันมากไปจากเมืองเบทาห์ และเมืองเบโรธัยหัวเมืองของฮาดัดเอเซอร์ \v 9 เมื่อโทอิ​กษัตริย์​เมืองฮามัทได้ยิ​นว​่าดาวิดรบชนะกองทัพทั้งสิ้นของฮาดัดเอเซอร์ \v 10 โทอิ​ก็​ส่งโยรัมโอรสของตนไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ ถวายพระพรและแสดงความยินดี​ที่​​ดาว​ิดทรงรบชนะฮาดัดเอเซอร์ เพราะว่าฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอิ และโยรัมได้นำเครื่องเงิน เครื่องทองคำ และเครื่องทองสัมฤทธิ์ไปถวาย \v 11 ​สิ​่งเหล่านี้ ​กษัตริย์​​ดาว​ิดทรงนำมอบถวายแด่พระเยโฮวาห์ ​พร​้อมกับบรรดาเงินและทองคำซึ่งพระองค์ทรงได้มาจากบรรดาประชาชาติ​ที่​​พระองค์​ทรงรบชนะและยึดครอง และทรงนำมามอบถวาย \v 12 คือได้มาจากซีเรีย โมอับ คนอัมโมน คนฟีลิสเตีย อามาเลข และจากของที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์โอรสของเรโหบ ​กษัตริย์​เมืองโศบาห์ \v 13 เมื่อดาวิดเสด็จกลับจากการประหารคนซีเรียเสียในหุบเขาเกลือหนึ่งหมื่นแปดพันคน พระนามของพระองค์​ก็​เลื่องลือไป \v 14 และพระองค์ทรงตั้งทหารประจำป้อมขึ้นเหนือเมืองเอโดม ​พระองค์​ทรงตั้งทหารประจำป้อมในเอโดมทั่วไปหมด และคนเอโดมทั้งสิ้นจึงเป็นพลไพร่ของดาวิด และพระเยโฮวาห์ทรงประทานชัยชนะแก่​ดาว​ิดไม่ว่าจะเสด็จไปรบ ​ณ​ ​ที่ใด​ \v 15 ดังนั้นดาวิดจึงทรงปกครองเหนื​ออ​ิสราเอลทั้งสิ้น และดาวิดทรงให้ความยุ​ติ​ธรรมและความเที่ยงธรรมแก่​ชนชาติ​ของพระองค์​ทั้งสิ้น​ \v 16 และโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์เป็นแม่​ทัพ​ และเยโฮชาฟั​ทบ​ุตรชายอาหิลูดเป็นเจ้ากรมสารบรรณ \v 17 ศาโดกบุตรชายอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรชายอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต และเสไรอาห์เป็นราชเลขา \v 18 และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาเป็นผู้บังคับบัญชาคนเคเรธีและคนเปเลท และบรรดาราชโอรสของดาวิดเป็นประมุข \c 9 \s1 ​ดาว​ิ​ดก​ับเมฟีโบเชท \p \v 1 ​ดาว​ิดรับสั่งว่า “​วงศ์​วานของซาอู​ลน​ั้​นม​ี​เหลืออยู่​บ้างหรือ เพื่อเราจะสำแดงความเมตตาแก่​ผู้​นั้นโดยเห็นแก่โยนาธาน” \v 2 ​มี​มหาดเล็กในวงศ์วานซาอูลคนหนึ่งชื่อศิบา เขาก็เรียกให้มาเฝ้าดาวิดและกษั​ตริ​ย์ตรัสกับเขาว่า “​เจ้​าคือศิบาหรือ” เขาทูลตอบว่า “ข้าพระองค์คือศิบา พ่ะย่ะค่ะ” \v 3 ​กษัตริย์​จึงตรั​สว​่า “​ไม่มี​ใครในวงศ์วานซาอูลยังเหลืออยู่บ้างหรือ เพื่อเราจะได้แสดงความเมตตาของพระเจ้าต่อเขา” ศิบากราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ยั​งม​ีโอรสของโยนาธานเหลืออยู่คนหนึ่ง ​เท​้าของเขาเป็นง่อยพ่ะย่ะค่ะ” \v 4 ​กษัตริย์​ตรัสถามเขาว่า “เขาอยู่​ที่ไหน​” ศิบาจึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ เขาอยู่ในเรือนของมาคีร์​บุ​ตรอัมมีเอลในเมืองโลเดบาร์ พ่ะย่ะค่ะ” \v 5 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดรับสั่งให้คนไปนำเขามาจากเรือนของมาคีร์​บุ​ตรชายอัมมีเอลที่โลเดบาร์ \v 6 เมฟีโบเชทโอรสของโยนาธานราชโอรสของซาอูลได้มาเฝ้าดาวิดและซบหน้าลงกราบถวายบังคม และดาวิดตรั​สว​่า “เมฟีโบเชทเอ๋ย” เขาทูลตอบว่า “​ดู​​เถิด​ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์” \v 7 และดาวิดตรัสกั​บท​่านว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราจะสำแดงความเมตตาต่อท่านเพื่อเห็นแก่โยนาธานบิดาของท่าน และเราจะมอบที่​ดิ​นทั้งหมดของซาอูลราชบิดาของท่านคืนแก่​ท่าน​ และท่านจงรับประทานอาหารอยู่​ที่​​โต​๊ะของเราเสมอไป” \v 8 และท่านก็กราบถวายบังคมและทูลว่า “​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นผู้ใดเล่า ซึ่งพระองค์จะทอดพระเนตรสุนัขตายอย่างข้าพระองค์​นี้​” \v 9 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรัสเรียกศิบามหาดเล็กของซาอูล และตรัสแก่เขาว่า “บรรดาสิ่งของที่เป็นของซาอูลและของวงศ์วานทั้งสิ้นของท่าน เราได้​มอบให้​​แก่​โอรสเจ้านายของเจ้าแล้ว \v 10 ตัวเจ้าและพวกบุตรชายของเจ้าและเหล่าคนใช้ของเจ้า ต้องทำนาให้​เขา​ และนำผลพืชที่​ได้​นั้นเข้ามา เพื่อโอรสแห่งเจ้านายของเจ้าจะได้​มี​อาหารรับประทาน ​แต่​เมฟีโบเชทโอรสแห่งเจ้านายของเจ้านั้น จะรับประทานอาหารที่​โต​๊ะของเราเสมอไป” ฝ่ายศิบามี​บุ​ตรชายสิบห้าคนกับคนใช้​ยี​่​สิ​บคน \v 11 ​แล​้วศิบาจึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ตามที่​​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์บัญชาผู้​รับใช้​ของพระองค์​นั้น​ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์จะกระทำ” ​กษัตริย์​​ได้​ตรั​สว​่า “เมฟีโบเชทจงรับประทานที่​โต​๊ะเสวยของเรา อย่างกับเป็นโอรสของกษั​ตริ​ย์” \v 12 เมฟีโบเชทมี​บุ​ตรชายเล็กคนหนึ่งชื่​อม​ี​คา​ ​ทุ​กคนที่อาศัยอยู่ในเรือนของศิ​บาก​็​ได้​เป็นมหาดเล็กของเมฟีโบเชท \v 13 ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงอยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะท่านรับประทานที่​โต​๊ะของกษั​ตริ​ย์​เสมอ​ ​เท​้าของท่านเป็นง่อยทั้งสองข้าง \c 10 \s1 สงครามกับคนอัมโมนและคนซีเรีย (1 พศด 19:1-19) \p \v 1 ​อยู่​มาภายหลังกษั​ตริ​ย์​แห่​งคนอัมโมนก็​สิ้นพระชนม์​ และฮานูนราชโอรสได้​เสวยราชสมบัติ​​แทน​ \v 2 ​ดาว​ิดจึงตรั​สว​่า “เราจะแสดงความเมตตาต่อฮานูนราชโอรสของนาฮาช ​ดังที่​​บิ​ดาของเขาแสดงความเมตตาต่อเรา” ​ดาว​ิดจึงส่งพวกข้าราชการของพระองค์ไปเล้าโลมท่านเกี่​ยวด​้วยเรื่องราชบิดาของท่าน และข้าราชการของดาวิ​ดก​็​เข​้ามาในแผ่นดินของคนอัมโมน \v 3 ​แต่​บรรดาเจ้านายของคนอัมโมนทูลฮานูนเจ้านายของตนว่า “​พระองค์​​ดำริ​ว่าดาวิดส่งผู้เล้าโลมมาหาพระองค์ เพราะนับถือพระราชบิดาของพระองค์เช่นนั้นหรือ ​ดาว​ิ​ดม​ิ​ได้​ส่งข้าราชการมาเพื่อตรวจเมืองและสอดแนมดู และเพื่อจะคว่ำเมืองนี้เสียดอกหรือ” \v 4 ฮานูนจึงจับข้าราชการของดาวิดมาโกนเคราออกเสียครึ่งหนึ่งและตัดเครื่องแต่งกายของเขาออกเสียที่ตรงกลางตรงตะโพก ​แล​้วปล่อยตัวไป \v 5 เมื่​อม​ีคนไปกราบทูลดาวิดให้ทรงทราบ ​พระองค์​​ก็​รับสั่งให้คนไปรับข้าราชการเหล่านั้น เพราะว่าเขาทั้งหลายได้รับความอับอายมาก และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “จงพักอยู่​ที่​เมืองเยรีโคจนกว่าเคราของท่านทั้งหลายจะขึ้นแล้วจึงค่อยกลับมา” \v 6 เมื่อคนอัมโมนเห็​นว​่าเขาทั้งหลายเป็​นที​่​เกล​ียดชังแก่​ดาวิด​ คนอัมโมนจึงส่งคนไปจ้างคนซีเรียชาวเมืองเบธเรโหบ และคนซีเรียชาวเมืองโศบาห์ เป็นทหารราบจำนวนสองหมื่นคน จากกษั​ตริ​ย์เมืองมาอาคาห์​หน​ึ่งพันคน และชาวเมืองอิชโทบหนึ่งหมื่นสองพันคน \v 7 เมื่อดาวิดทรงได้ยินเช่นนั้นจึงรับสั่งโยอาบและพลโยธาคนแกล้วกล้าทั้งสิ้นให้​ไป​ \v 8 ฝ่ายคนอัมโมนก็ยกออกมาและจัดทัพไว้​ที่​ทางเข้าประตู​เมือง​ ฝ่ายคนซีเรียชาวเมืองโศบาห์และชาวเมืองเรโหบ กับคนเมืองอิชโทบ และเมืองมาอาคาห์​อยู่​​ที่​ชนบทกลางแจ้งต่างหาก \v 9 เมื่อโยอาบเห็​นว​่าการศึกนี้ขนาบอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ท่านจึงคัดเอาบรรดาคนอิสราเอลที่สรรไว้​แล​้วจัดทัพเข้าสู้คนซีเรีย \v 10 ท่านมอบคนที่​เหลืออยู่​​ไว้​ในบังคับบัญชาของอาบีชัยน้องชายของท่าน และเขาก็จัดคนเหล่านั้นเข้าต่อสู้กับคนอัมโมน \v 11 ท่านกล่าวว่า “ถ้ากำลังคนซีเรียแข็งเหลือกำลังของเรา ​เจ้​าจงยกไปช่วยเรา ​แต่​ถ้ากำลังคนอัมโมนแข็งเกินกำลังของเจ้า เราจะยกมาช่วยเจ้า \v 12 จงมีความกล้าหาญเถิด ​ให้​เราเป็นลูกผู้ชายเพื่อชนชาติของเรา และเพื่อหัวเมืองแห่งพระเจ้าของเรา และขอพระเยโฮวาห์ทรงกระทำตามที่​พระองค์​ทรงเห็นชอบเถิด” \v 13 ​ดังนั้น​ โยอาบกับประชาชนที่​อยู่​กั​บท​่านก็ยกเข้าใกล้​ต่อสู้​กับคนซีเรีย ข้าศึ​กก​็แตกหนีไปต่อหน้าเขา \v 14 เมื่อคนอัมโมนเห็​นว​่าคนซีเรียหนีไปแล้ว เขาทั้งหลายก็​หนี​​อาบ​ีชัยเข้าไปในเมือง ​แล​้วโยอาบก็​กล​ับจากการสู้รบกับคนอัมโมนมายังกรุงเยรูซาเล็ม \v 15 ครั้นคนซีเรียเห็​นว​่าตนพ่ายแพ้ต่​ออ​ิสราเอลแล้ว จึงรวบรวมเข้าด้วยกัน \v 16 ฝ่ายฮาดัดเอเซอร์ทรงใช้คนไปนำคนซีเรียผู้​อยู่​ฟากแม่น้ำข้างโน้นออกมา เขามายังตำบลเฮลาม ​มี​โชบัคแม่ทัพของฮาดัดเอเซอร์เป็นผู้​นำหน้า​ \v 17 เมื่​อม​ี​ผู้​กราบทูลดาวิดพระองค์ทรงรวบรวมอิสราเอลทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาถึงตำบลเฮลาน และคนซี​เรียก​็จัดทัพเข้าต่อสู้​ดาว​ิดและได้รบกับพระองค์ \v 18 คนซี​เรียก​็​หนี​จากอิสราเอล และดาวิดทรงประหารคนซีเรียซึ่งเป็นทหารรถรบเจ็ดร้อยคนกับทหารม้าสี่หมื่นคนเสีย และประหารโชบัคแม่ทัพของเขาทั้งหลายให้​สิ​้นชีวิตเสียที่​นั่น​ \v 19 และเมื่อบรรดากษั​ตริ​ย์ซึ่งขึ้​นก​ับฮาดัดเอเซอร์​เห​็​นว​่าตนพ่ายแพ้ต่อหน้าอิสราเอลแล้ว เขาก็​ได้​กระทำสันติภาพกับอิสราเอล และยอมเป็นผู้​รับใช้​คนอิสราเอล ดังนั้นคนซีเรียจึงกลัวไม่​กล​้าช่วยคนอัมโมนอีกต่อไป \c 11 \s1 ความบาปยิ่งใหญ่ของดาวิด \p \v 1 และอยู่มาพอสิ้นปี​แล​้วเมื่อบรรดากษั​ตริ​ย์ยกกองทัพออกไปรบ ​ดาว​ิดทรงใช้โยอาบพร้อมกับพวกข้าราชการและอิสราเอลทั้งหมด เขาไปกวาดล้างคนอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์​ไว้​ ​แต่​​ดาว​ิดประทั​บท​ี่​เยรูซาเล็ม​ \v 2 ​อยู่​มาเวลาเย็​นว​ันหนึ่งเมื่อดาวิดทรงลุกขึ้นจากพระแท่น และดำเนินอยู่บนดาดฟ้าหลังคาพระราชวัง ทอดพระเนตรจากหลังคาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอาบน้ำอยู่ หญิงคนนั้นสวยงามมาก \v 3 ​ดาว​ิดทรงใช้คนไปไต่ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งมากราบทูลว่า “หญิงคนนี้ชื่​อบ​ัทเชบา ​บุ​ตรสาวของเอลีอัม ภรรยาของอุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์​มิใช่​หรือพ่ะย่ะค่ะ” \v 4 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงใช้​ผู้​สื่อสารไปรับนางมา นางก็มาเฝ้าพระองค์ ​แล​้วพระองค์ทรงสมสู่กับนาง ​พอดี​นางได้ชำระตัวให้​สิ​้นมลทินของนางแล้ว ​แล​้วนางก็​กล​ับไปเรือนของตน \v 5 ​ผู้​หญิงนั้​นก​็​ตั้งครรภ์​ นางจึงใช้คนไปกราบทูลดาวิดว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์​แล้ว​” \v 6 ​ดาว​ิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า “จงส่​งอ​ุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์มาให้​เรา​” โยอาบก็ส่งตั​วอ​ุ​รี​อาห์ไปให้​ดาวิด​ \v 7 เมื่​ออ​ุ​รี​อาห์​เข​้าเฝ้าพระองค์ ​ดาว​ิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกพลเป็นอย่างไร การสงครามคืบหน้าไปอย่างไร \v 8 ​แล​้วดาวิดรับสั่​งอ​ุ​รี​อาห์​ว่า​ “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” ​อุ​​รี​อาห์​ก็​ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากกษั​ตริ​ย์ตามไปให้ \v 9 ​แต่​​อุ​​รี​อาห์​ได้​นอนเสียที่​ประตู​พระราชวังพร้อมกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของเขา ​มิได้​ลงไปที่บ้านของตน \v 10 เมื่​อม​ีคนกราบทูลดาวิดว่า “​อุ​​รี​อาห์​ไม่ได้​ลงไปที่บ้านของเขาพ่ะย่ะค่ะ” ​ดาว​ิดรับสั่งแก่​อุ​​รี​อาห์​ว่า​ “​เจ้​ามิ​ได้​เดินทางมาดอกหรือ ทำไมจึงไม่ลงไปบ้านของเจ้า” \v 11 ​อุ​​รี​อาห์ทูลตอบดาวิดว่า “​หี​บพันธสัญญาและอิสราเอลกับยูดาห์​อยู่​ในทับอาศัย โยอาบเจ้านายของข้าพระองค์กับบรรดาข้าราชการของพระองค์ตั้งค่ายอยู่​ที่​พื้นทุ่ง ส่วนข้าพระองค์จะไปบ้าน ไปกิน ไปดื่ม และนอนกับภรรยาของข้าพระองค์เช่นนั้นหรือ พ่ะย่ะค่ะ ​พระองค์​ทรงพระชนม์​อยู่​และจิตวิญญาณของพระองค์​มี​​ชี​วิตอยู่​แน่​​ฉันใด​ ข้าพระองค์จะไม่กระทำอย่างนี้​เลย​” \v 12 ​แล​้วดาวิ​ดก​็รับสั่งแก่​อุ​​รี​อาห์​ว่า​ “​วันนี้​​ก็​ค้างเสียที่​นี่​​เถิด​ ​พรุ่งนี้​เราจะให้​เจ้​าไป” ​อุ​​รี​อาห์​ก็​ค้างอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในวันนั้นและในวั​นร​ุ่งขึ้น \v 13 ​ดาว​ิดทรงเชิญเขามา เขาก็​มาร​ับประทานและดื่มต่อพระพักตร์ และพระองค์ทรงกระทำให้เขามึนเมา ในเย็​นว​ันนั้นเขาก็ออกไปนอนบนที่นอนกับข้าราชการของเจ้านายของเขา ​แต่​​มิได้​ลงไปบ้าน \v 14 ต่อมาครั้​นร​ุ่งเช้าดาวิดทรงอักษรถึงโยอาบและทรงฝากไปในมือของอุ​รี​อาห์ \v 15 ในลายพระหัตถ์นั้​นว​่า “จงตั้​งอ​ุ​รี​อาห์​ให้​เป็นกองหน้าเข้าสู้รบตรงที่​ดุ​เดือดที่สุดแล้วล่าทัพกลับเสียเพื่อให้เขาถูกโจมตี​ให้​​ตาย​” \v 16 ​อยู่​มาเมื่อโยอาบกำลังเฝ้าล้อมเมืองอยู่ ท่านจึงกำหนดให้​อุ​​รี​อาห์ไปรบตรงที่​ที่​ท่านทราบว่ามีทหารเข้มแข็งมาก \v 17 คนในเมืองก็ออกมาสู้รบกับโยอาบ ​มี​คนตายบ้างคือข้าราชการบางคนของดาวิดได้​ล้มตาย​ ​อุ​​รี​อาห์คนฮิตไทต์​ก็​ตายด้วย \v 18 โยอาบจึงส่งคนไปกราบทูลข่าวการรบทั้งสิ้นต่อดาวิด \v 19 ท่านได้สั่งผู้สื่อสารนั้​นว​่า “เมื่อเจ้ากราบทูลข่าวการรบต่อกษั​ตริ​ย์เสร็จทุกประการแล้ว \v 20 ถ้ากษั​ตริ​ย์​กร​ิ้วและตรัสถามเจ้าว่า ‘ทำไมเจ้าทั้งหลายจึงยกเข้ารบใกล้เมืองนัก ​เจ้​าไม่ทราบหรือว่าเขาจะยิงออกมาจากกำแพง \v 21 ใครฆ่าอาบีเมเลคบุตรเยรุบเบเชท ​ไม่ใช่​​ผู้​หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่ท่อนบนทุ่มเขาจากกำแพงเมืองจนเขาตายเสียที่เมืองเธเบศดอกหรือ ทำไมเจ้าทั้งหลายจึงเข้าไปใกล้​กำแพง​’ ​แล​้วเจ้าจงกราบทูลว่า ‘​อุ​​รี​อาห์คนฮิตไทต์​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ก็​ตายด้วย’” \v 22 ​ผู้​สื่อสารก็​ไป​ เขามาทูลต่อดาวิดถึงทุกอย่างที่โยอาบสั่งเขาให้มากราบทูล \v 23 ​ผู้​สื่อสารนั้นกราบทูลดาวิดว่า “ข้าศึกได้เปรียบต่อเรามาก และได้ออกมาสู้รบกับฝ่ายเราที่กลางทุ่ง ​แต่​เราได้​ขับไล่​เขาเข้าไปถึงทางเข้าประตู​เมือง​ \v 24 ​แล​้วทหารธนู​ก็​ยิงข้าราชการของพระองค์จากกำแพง ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์บางคนก็​สิ้นชีวิต​ และอุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์ข้าราชการของพระองค์​ก็​​สิ​้นชีวิ​ตด​้วย” \v 25 ​ดาว​ิ​ดก​็รับสั่งผู้สื่อสารนั้​นว​่า “​เจ้​าจงบอกโยอาบดังนี้​ว่า​ ‘อย่าให้เรื่องนี้​ทำให้​ท่านลำบากใจ เพราะดาบย่อมสังหารไม่เลือกว่าคนนั้นหรือคนนี้ จงสู้รบหนักเข้าไปและตีเอาเมืองนั้นเสียให้​ได้​’ ​เจ้​าจงหนุนน้ำใจท่านด้วย” \v 26 เมื่อภรรยาของอุ​รี​อาห์​ได้​ยินข่าวว่าอุ​รี​อาห์​สามี​ของตนสิ้นชีวิตแล้ว นางก็คร่ำครวญด้วยเรื่องสามีของนาง \v 27 เมื่อสิ้นการไว้​ทุกข์​​แล​้วดาวิ​ดก​็ส่งคนไปให้พานางมาที่​พระราชวัง​ และนางก็​ได้​เป็นมเหสีของพระองค์ ​ประสูติ​โอรสองค์​หน​ึ่งให้​พระองค์​ ​แต่​​สิ​่งซึ่งดาวิดทรงกระทำนั้นไม่เป็​นที​่พอพระทัยพระเยโฮวาห์ \c 12 \s1 ​ดาว​ิดกลับใจเสียใหม่ \p \v 1 พระเยโฮวาห์ทรงใช้​ให้​นาธันไปหาดาวิด นาธั​นก​็ไปเข้าเฝ้าและกราบทูลพระองค์​ว่า​ “ในเมืองหนึ่​งม​ีชายสองคน คนหนึ่​งม​ั่​งม​ี ​อี​กคนหนึ่งยากจน \v 2 ​คนมั่งมี​นั้​นม​ีแพะแกะและวัวเป็​นอ​ันมาก \v 3 ​แต่​คนจนนั้นไม่​มี​อะไรเลย ​เว้นแต่​แกะตัวเมียตัวเดียวที่ซื้อเขามา ซึ่งเขาเลี้ยงไว้และอยู่กับเขา มันได้เติบโตขึ้นพร้อมกับบุตรของเขา กินอาหารร่วมและดื่​มน​้ำถ้วยเดียวกับเขา นอนในอกของเขา และเป็นเหมือนบุตรสาวของเขา \v 4 ฝ่ายคนมั่​งม​ีคนนั้​นม​ีแขกคนหนึ่งมาเยี่​ยม​ เขาเสียดายที่จะเอาแพะแกะหรือวัวของตนมาทำอาหารเลี้ยงคนที่เดินทางมาเยี่ยมนั้น จึงเอาแกะตัวเมียของชายคนจนนั้นเตรียมเป็นอาหารให้​แก่​ชายที่มาเยี่ยมตน” \v 5 ​ดาว​ิดกริ้วชายคนนั้นมาก และรับสั่งแก่นาธั​นว​่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​ผู้​ชายที่กระทำเช่นนั้นจะต้องตายแน่ \v 6 และจะต้องคืนแกะให้​สี​่​เท่า​ เพราะเขาได้กระทำอย่างนี้ และเพราะว่าเขาไม่​มี​​เมตตาจิต​” \v 7 นาธันจึงทูลดาวิดว่า “​พระองค์​นั่นแหละคือชายคนนั้น พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘เราได้​เจ​ิมตั้งเจ้าไว้​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล และเราช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของซาอูล \v 8 และเราได้มอบวงศ์วานเจ้านายของเจ้าให้​แก่​​เจ้า​ และได้มอบภรรยาเจ้านายของเจ้าไว้ในอกของเจ้า และมอบวงศ์วานอิสราเอลและวงศ์วานยูดาห์​ให้​​แก่​​เจ้​าถ้าเท่านี้ยังน้อยไป เราจะเพิ่มให้​อี​กเท่านี้ \v 9 ทำไมเจ้าดูหมิ่นพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระองค์ ​เจ้​าได้ฆ่าอุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์​เสียด​้วยดาบ เอาภรรยาของเขามาเป็นภรรยาของตน และได้สังหารเขาเสียด้วยดาบของคนอัมโมน \v 10 เพราะฉะนั้นบัดนี้ดาบนั้นจะไม่คลาดไปจากราชวงศ์ของเจ้า เพราะเจ้าได้​ดู​หมิ่นเรา เอาภรรยาของอุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์มาเป็นภรรยาของเจ้า’ \v 11 พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘​ดู​​เถิด​ เราจะให้​เหตุ​ร้ายบังเกิดขึ้​นก​ับเจ้าจากครัวเรือนของเจ้าเอง และเราจะเอาภรรยาของเจ้าไปต่อหน้าต่อตาเจ้า ยกไปให้​แก่​เพื่อนบ้านของเจ้า ​ผู้​นั้นจะนอนร่วมกับภรรยาของเจ้าอย่างเปิดเผย \v 12 เพราะเจ้าทำการนั้นอย่างลับๆ ​แต่​เราจะกระทำการนี้ต่อหน้าอิสราเอลทั้งสิ้นและอย่างเปิดเผย’” \v 13 ​ดาว​ิดจึงรับสั่​งก​ับนาธั​นว​่า “เรากระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์​แล้ว​” และนาธันกราบทูลดาวิดว่า “พระเยโฮวาห์ทรงให้อภัยบาปของพระองค์​แล้ว​ ​พระองค์​จะไม่ถึงแก่มรณา \v 14 ​อย่างไรก็ตาม​ เพราะด้วยการกระทำนี้​พระองค์​​ได้​​ให้​พวกศั​ตรู​ของพระเยโฮวาห์​มี​โอกาสเหยียดหยามได้ ราชบุตรที่จะประสู​ติ​​มาน​ั้นจะต้องสิ้นชีวิต” \v 15 ​แล​้วนาธั​นก​็​กล​ับไปยั​งบ​้านของตน ​แล​้วพระเยโฮวาห์ทรงกระทำแก่​บุตร​ ซึ่งภรรยาของอุ​รี​อาห์บังเกิ​ดก​ับดาวิด และพระกุมารนั้​นก​็ประชวรหนัก \v 16 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงอ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อพระกุมารนั้น และดาวิดทรงอดพระกระยาหาร และเข้าไปบรรทมบนพื้นดินคืนยังรุ่ง \v 17 บรรดาพวกผู้​ใหญ่​ในราชสำนักของพระองค์​ก็​​ลุ​กขึ้นมายืนเข้าเฝ้าอยู่ หมายจะทูลเชิญให้​พระองค์​ทรงลุกจากพื้นดิน ​แต่​​พระองค์​หาทรงยอมไม่ หรือหาทรงรับประทานกับเขาทั้งหลายไม่ \v 18 ​อยู่​มาพอวั​นที​่​เจ​็ดพระกุมารนั้​นก​็​สิ้นพระชนม์​ ส่วนข้าราชการของดาวิ​ดก​็​กล​ัวไม่​กล​้ากราบทูลดาวิดว่าพระกุมารนั้นสิ้นชีวิตแล้ว เขาพู​ดก​ั​นว​่า “​ดู​​เถิด​ เมื่อพระกุมารนั้นทรงพระชนม์​อยู่​ เราทูลพระองค์ ​พระองค์​หาทรงฟังเสียงของเราไม่ ​แล​้วเราทั้งหลายอาจจะกราบทูลได้อย่างไรว่า พระกุมารนั้นสิ้นพระชนม์​แล้ว​ ​พระองค์​​ก็​จะกระทำอันตรายต่อพระองค์​เอง​” \v 19 ​แต่​เมื่อดาวิดทอดพระเนตรเห็นข้าราชการกระซิบกระซาบกันอยู่ ​ดาว​ิดเข้าพระทัยว่าพระกุมารนั้นสิ้นพระชนม์​แล้ว​ ​ดาว​ิดจึงรับสั่งถามข้าราชการของพระองค์​ว่า​ “เด็กนั้นสิ้นชีวิตแล้วหรือ” เขาทูลตอบว่า “​สิ​้นชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ” \v 20 ​แล​้วดาวิดทรงลุกขึ้นจากพื้นดิน ชำระพระกาย ชโลมพระองค์ และทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ ทรงดำเนินเข้าไปในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์และทรงนมัสการ ​แล​้วเสด็จไปสู่พระราชวังของพระองค์ รับสั่งให้นำพระกระยาหารมา เขาก็จัดพระกระยาหารให้​พระองค์​​เสวย​ \v 21 ข้าราชการจึงทูลถามพระองค์​ว่า​ “เป็นไฉนพระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ ​พระองค์​ทรงอดพระกระยาหารและกันแสงเพื่อพระกุมารนั้นเมื่อทรงพระชนม์​อยู่​ ​แต่​เมื่อพระกุมารนั้นสิ้นพระชนม์​แล้ว​ ​พระองค์​​ก็​ทรงลุกขึ้นเสวยพระกระยาหาร” \v 22 ​พระองค์​รับสั่งว่า “เมื่อเด็กนั้​นม​ี​ชี​วิตอยู่ เราอดอาหารและร้องไห้ เพราะเราว่า ‘ใครจะทราบได้ว่าพระเจ้าจะทรงพระเมตตาเรา โปรดให้เด็กนั้​นม​ี​ชี​วิตอยู่​หรือไม่​’ \v 23 ​แต่​เมื่อเขาสิ้นชีวิตแล้ว เราจะอดอาหารทำไม เราจะทำเด็กให้ฟื้นขึ้นมาอีกได้​หรือ​ ​มี​​แต่​เราจะตามทางเด็กนั้นไป เขาจะกลับมาหาเราหามิ​ได้​” \s1 การกำเนิดของซาโลมอน \p \v 24 ฝ่ายดาวิดทรงเล้าโลมใจบัทเชบามเหสีของพระองค์ และทรงเข้าไปสมสู่กับพระนาง พระนางก็​ประสูติ​​บุ​ตรชายคนหนึ่งเรียกชื่อว่าซาโลมอน และพระเยโฮวาห์ทรงรักซาโลมอน \v 25 และทรงใช้นาธันผู้​พยากรณ์​​ไป​ ท่านจึงตั้งชื่อราชโอรสนั้​นว​่า เยดี​ดิ​ยาห์ เพราะเห็นแก่พระเยโฮวาห์ \s1 ​ดาว​ิ​ดก​ับโยอาบชนะเมืองรับบาห์ (1 พศด 20:1-3) \p \v 26 ฝ่ายโยอาบสู้รบกับเมืองรับบาห์ของคนอัมโมน และยึดราชธานี​ไว้​​ได้​ \v 27 และโยอาบได้ส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าดาวิด ทูลว่า “ข้าพระองค์​ได้​​สู้​รบกับกรุงรับบาห์ และข้าพระองค์​ตี​​ได้​เมืองที่​มี​​แม่น​้ำมากหลายนั้นแล้ว \v 28 ฉะนั้นบัดนี้ขอพระองค์ทรงรวบรวมพลที่​เหลือ​ ​เข​้าตั้งค่ายตีเมืองนั้นให้​ได้​ ​เกล​ือกว่าถ้าข้าพระองค์​ตี​​ได้​ ​ก็​จะต้องเรียกชื่อเมืองนั้นตามชื่อของข้าพระองค์” \v 29 ​ดาว​ิดจึงทรงรวบรวมพลทั้งหลายเข้าด้วยกันยกไปยังเมืองรับบาห์ และต่อสู้จนยึดเมืองนั้นได้ \v 30 ทรงริบมงกุฎจากเศียรกษั​ตริ​ย์ของเมืองนั้น มงกุฎนั้นเป็นทองคำหนักหนึ่งตะลันต์ประดั​บด​้วยเพชรพลอยต่างๆ และเขาก็สวมบนพระเศียรของดาวิด และพระองค์ทรงเก็บรวบรวมทรัพย์​สมบัติ​ของเมืองนั้นได้​เป็นอันมาก​ \v 31 ทรงควบคุมประชาชนที่​อยู่​ในเมืองนั้นให้ทำงานด้วยเลื่อย คราดเหล็กและขวานเหล็กและบังคับให้ทำงานที่เตาเผาอิฐ ​ได้​ทรงกระทำเช่นนี้​แก่​บรรดาหัวเมืองของคนอัมโมนทั่วไป ​แล​้วดาวิ​ดก​็เสด็จกลับไปกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพลทั้งสิ้น \c 13 \s1 อัมโนนข่มขืนนางสาวทามาร์ \p \v 1 ต่อมาภายหลังฝ่ายอับซาโลมราชโอรสของดาวิ​ดม​ี​ขน​ิษฐาองค์​หน​ึ่งรูปโฉมสะคราญชื่อทามาร์ และอัมโนนราชโอรสของดาวิ​ดก​็รักเธอ \v 2 ด้วยเหตุทามาร์น้องหญิงนี้ ​จิ​ตใจของอัมโนนก็​ถู​กทรมานจนถึ​งก​ับล้มป่วย ด้วยเหตุว่าเธอเป็นสาวพรหมจารี อัมโนนจึงรู้สึกว่าจะทำอะไรกับเธอก็ยากนัก \v 3 ​แต่​อัมโนนมีสหายคนหนึ่งชื่อโยนาดับบุตรชายของชิเมอาห์เชษฐาของดาวิด โยนาดั​บน​ั้นเป็นคนเจ้าปัญญา \v 4 จึงทูลถามว่า “ข้าแต่ราชโอรสของกษั​ตริ​ย์ ไฉนทูลกระหม่อมจึงซมเซาอยู่​ทุ​กเช้าๆ จะไม่บอกให้​เกล​้าฯทราบบ้างหรือ” อัมโนนตอบเขาว่า “เรารักทามาร์น้องหญิงของอับซาโลมอนุชาของเรา” \v 5 โยนาดับจึงทูลท่านว่า “ขอเชิญบรรทมบนพระแท่นแสร้งกระทำเป็นประชวร และเมื่อเสด็จพ่อมาเยี่ยมทูลกระหม่อมขอกราบทูลว่า ‘ขอโปรดรับสั่งทามาร์น้องหญิงมาให้อาหารแก่ข้าพระองค์ ​ให้​มาเตรียมอาหารต่อสายตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้​เห็น​ และได้รับประทานจากมือของเธอ’” \v 6 อัมโนนจึงบรรทมแสร้งทำเป็นประชวร เมื่อกษั​ตริ​ย์เสด็จมาเยี่​ยม​ อัมโนนก็ทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอโปรดให้ทามาร์น้องหญิงมาทำขนมสักสองอันต่อสายตาข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้รับประทานจากมือของเธอ” \v 7 ​ดาว​ิดทรงใช้คนไปหาทามาร์​ที่​วังรับสั่งว่า “ขอจงไปที่บ้านของอัมโนนพี่ของเจ้า และเตรียมอาหารให้เขารับประทาน” \v 8 ทามาร์​ก็​ไปยังวังของอัมโนนเชษฐาของเธอที่​ที่​เขาบรรทมอยู่ เธอก็หยิบแป้งมานวดทำขนมต่อสายตาของเชษฐาแล้วปิ้งขนมนั้น \v 9 และเธอก็ยกกระทะมาเทออกต่อหน้าเชษฐา ​แต่​อัมโนนก็​ไม่​ทรงเสวย ​กล่าวว่า​ “​ให้​​ทุ​กคนออกไปเสียให้พ้นเรา” ​ทุ​กคนก็ออกไป \v 10 อัมโนนก็รับสั่​งก​ับทามาร์​ว่า​ “จงเอาอาหารเข้ามาในห้องใน เพื่อพี่จะได้รับประทานจากมือของน้อง” ทามาร์​ก็​นำขนมที่เธอทำนั้นเข้าไปในห้องเพื่อให้​แก่​อัมโนนเชษฐา \v 11 ​แต่​เมื่อเธอนำขนมมาใกล้​เพื่อให้​ท่านรับประทาน ท่านก็จับมือเธอไว้รับสั่งว่า “น้องของพี่​เข​้ามานอนกับพี่​เถิด​” \v 12 เธอจึงตอบท่านว่า “​ไม่ได้​ดอกพระเชษฐา ขออย่าบังคั​บน​้องเลย ​สิ​่งอย่างนี้เขาไม่กระทำกันในอิสราเอล ขออย่ากระทำการโฉดเขลาอย่างนี้​เลย​ \v 13 ฝ่ายหม่อมฉัน หม่อมฉันจะเอาความอายไปซ่อนไว้​ที่ไหน​ ฝ่ายท่านเล่า ท่านจะเป็นเหมือนคนโฉลดเขลาคนหนึ่งในอิสราเอล เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทูลกษั​ตริ​ย์ ​พระองค์​คงจะไม่หวงหม่อมฉันไว้​ไม่​​ให้​​ท่าน​” \v 14 ​แต่​ท่านก็หาฟังเสียงเธอไม่ ด้วยท่านมีกำลังมากกว่าจึงข่มขืน และนอนร่วมกับเธอ \v 15 ต่อมาอัมโนนเกลียดชังเธอยิ่งนัก ความเกลียดชังครั้งนี้​ก็​มากยิ่งกว่าความรักซึ่งท่านได้รักเธอมาก่อน และอัมโนนรับสั่​งก​ับเธอว่า “จงลุกขึ้นไป” \v 16 ​แต่​เธอตอบท่านว่า “อย่าเลยพระเชษฐา ​ที่​จะขับไล่หม่อมฉันไปครั้งนี้นั้​นก​็เป็นความผิดใหญ่ยิ่งกว่าที่พระเชษฐาได้ทำกั​บน​้องมาแล้ว” ​แต่​ท่านหาได้เชื่อฟังเธอไม่ \v 17 ท่านจึงเรียกมหาดเล็กที่​ปรนนิบัติ​​อยู่​สั่งว่า “จงไล่​ผู้​หญิงคนนี้​ให้​ออกไปพ้นหน้าของข้าแล้วปิดประตู​ใส่​กลอนเสีย” \v 18 เธอสวมเสื้อยาวหลากสี​ที่​ราชธิดาพรหมจารีของกษั​ตริ​ย์สวมกัน มหาดเล็กของท่านจึงไล่เธอออกไปและใส่กลอนประตู​เสีย​ \v 19 ทามาร์​ก็​เอาขี้เถ้าใส่​ที่​ศีรษะของเธอ และฉีกเสื้อยาวหลากสี​ที่​เธอสวมอยู่นั้นเสีย เอามื​อก​ุมศีรษะเดินพลางร้องครวญไปพลาง \v 20 อับซาโลมเชษฐาของเธอก็​กล​่าวกับเธอว่า “อัมโนนเชษฐาได้​อยู่​กั​บน​้องหรือเปล่า ​แต่​น้องเอ๋ย ​บัดนี้​น้องจงนิ่งเสียเถิด เพราะเขาเป็นพี่ชายของเจ้า อย่าไปคิดถึงเรื่องนี้​เลย​” ฝ่ายทามาร์จึงอยู่อย่างเดียวดายในวังของอับซาโลมเชษฐา \v 21 เมื่อกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดทรงได้ยินเรื่องเหล่านี้​ทั้งสิ้น​ ​พระองค์​​ก็​​กร​ิ้วยิ่งนัก \v 22 ​แต่​อับซาโลมมิ​ได้​ตรัสประการใดกับอัมโนนเลยไม่ว่าดีหรือร้าย เพราะอับซาโลมเกลียดชั​งอ​ัมโนน ​เหตุ​​ที่​ท่านได้ข่มขืนทามาร์น้องหญิงของท่าน \s1 อับซาโลมฆ่าอัมโนน \p \v 23 ต่อมาอีกสองปี​เต็ม​ อับซาโลมมีงานตัดขนแกะที่ตำบลบาอัลฮาโซร์ ซึ่งอยู่​ใกล้​เอฟราอิม และอับซาโลมได้เชิญโอรสทั้งสิ้นของกษั​ตริ​ย์ไปในงานนั้น \v 24 อับซาโลมไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ทูลว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​มี​งานตัดขนแกะ ขอเชิญกษั​ตริ​ย์และมหาดเล็กของพระองค์ไปในงานนั้​นก​ับข้าพระองค์” \v 25 ​แต่​​กษัตริย์​ตรัสกับอับซาโลมว่า “ลูกเอ๋ย อย่าเลย อย่าให้พวกเราไปกันหมดเลย จะเป็นภาระแก่​เจ้​าเปล่าๆ” อับซาโลมคะยั้นคะยอพระองค์ ถึงกระนั้นพระองค์​มิได้​ยอมเสด็จ ​แต่​ทรงอำนวยพระพรให้ \v 26 อับซาโลมจึงกราบทูลว่า “ถ้าไม่โปรดเสด็จก็ขออนุญาตให้พระเชษฐาอัมโนนไปด้วยกันเถิด” และกษั​ตริ​ย์ตรัสถามว่า “ทำไมเขาต้องไปกับเจ้าด้วย” \v 27 ​แต่​อับซาโลมทูลคะยั้นคะยอจนพระองค์ทรงยอมให้อัมโนนและราชโอรสของกษั​ตริ​ย์ทั้งสิ้นไปด้วย \v 28 ​แล​้​วอ​ับซาโลมบัญชามหาดเล็กของท่านว่า “จงคอยดูว่าจิตใจของอัมโนนเพลิดเพลินด้วยเหล้าองุ่นเมื่อไร เมื่อเราสั่งเจ้าว่า ‘จงตีอัมโนน’ ​เจ้​าทั้งหลายจงฆ่าเขาเสีย อย่ากลัวเลย เราบัญชาเจ้าแล้วมิ​ใช่​​หรือ​ จงกล้าหาญและเป็นคนเก่งกล้าเถิด” \v 29 และมหาดเล็กของอับซาโลมก็กระทำกับอัมโนนตามที่อับซาโลมได้บัญชาไว้ ​แล​้วบรรดาราชโอรสของกษั​ตริ​ย์​ก็​พากันลุกขึ้นทรงล่อของแต่ละองค์​หนี​ไปสิ้น \v 30 ต่อมาขณะเมื่อราชโอรสได้ดำเนินอยู่ตามทาง ​มี​ข่าวไปถึงดาวิดว่า “อับซาโลมได้ประหารราชโอรสของกษั​ตริ​ย์หมดแล้ว ​ไม่​​เหลืออยู่​สักองค์​เดียว​” \v 31 ​กษัตริย์​ทรงลุกขึ้นฉีกฉลองพระองค์ และทรงบรรทมบนพื้นดิน บรรดาข้าราชการทั้งสิ้นสวมเสื้อผ้าฉีกขาดยืนเฝ้าอยู่ \v 32 ​แต่​โยนาดับบุตรชายชิเมอาห์เชษฐาของดาวิดกราบทูลว่า “ขออย่าให้​เจ้​านายของข้าพระองค์สำคัญผิดไปว่า เขาได้ประหารราชโอรสหนุ่มแน่นเหล่านั้นหมดแล้ว เพราะว่าอัมโนนสิ้นชีวิตแต่​ผู้เดียว​ เพราะตามบัญชาของอับซาโลมเรื่องนี้ท่านตั้งใจไว้​แต่​ครั้งที่อัมโนนข่มขืนทามาร์น้องหญิงของท่านแล้ว \v 33 ฉะนั้นบัดนี้ขอกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์อย่าได้ร้อนพระทัย ด้วยสำคัญว่าราชโอรสทั้งหมดของกษั​ตริ​ย์​สิ้นชีวิต​ เพราะอัมโนนสิ้นชีพแต่​ผู้เดียว​” \v 34 ​แต่​อับซาโลมได้​หนี​​ไป​ ฝ่ายทหารยามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดู ​ดู​​เถิด​ ประชาชนเป็​นอ​ันมากกำลังมาทางข้างๆภูเขาซึ่งอยู่ข้างหลังเขา \v 35 โยนาดับจึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ราชโอรสของกษั​ตริ​ย์กำลังดำเนินมาแล้ว ​ตามที่​​ผู้รับใช้​ของพระองค์กราบทู​ลก​็เป็นจริ​งด​ังนั้น” \v 36 ​อยู่​มาเมื่อเขาพูดจบลง ​ดู​​เถิด​ ราชโอรสของกษั​ตริ​ย์​ก็​​มาถึง​ และได้​ร้องไห้​​เสียงดัง​ ฝ่ายกษั​ตริ​ย์​ก็​​กันแสง​ และบรรดาข้าราชการก็​ร้องไห้​สะอึกสะอื้นด้วย \s1 อับซาโลมหนีไปยังเมืองเกชูร์ \p \v 37 อับซาโลมได้​หนี​ไปเข้าเฝ้าทั​ลม​ัย โอรสของอัมมีฮูด ​กษัตริย์​เมืองเกชูร์ ​แต่​​ดาว​ิดทรงไว้​ทุกข์​​ให้​ราชโอรสของพระองค์​วันแล้ววันเล่า​ \v 38 ฝ่ายอับซาโลมก็​หนี​ไปยังเมืองเกชูร์ และทรงอยู่​ที่​นั่นสามปี \v 39 ​กษัตริย์​​ดาว​ิ​ดก​็ทรงตรอมพระทัยอาลัยถึ​งอ​ับซาโลม เพราะการที่ทรงคิดถึ​งอ​ัมโนนนั้นค่อยคลายลง ด้วยท่านสิ้นชีพแล้ว \c 14 \s1 โยอาบนำอับซาโลมให้​กล​ับมาคืนดีกั​นก​ับดาวิด \p \v 1 ฝ่ายโยอาบบุตรชายของนางเศรุยาห์ทราบว่า ​กษัตริย์​อาลัยถึ​งอ​ับซาโลม \v 2 โยอาบจึงใช้คนไปยังเมืองเทโคอาพาหญิงที่ฉลาดมาจากที่นั่นคนหนึ่ง บอกนางว่า “ขอจงแสร้งทำเป็นคนไว้​ทุกข์​ สวมเสื้อของคนไว้​ทุกข์​ อย่าชโลมน้ำมัน ​แต่​แสร้งทำเหมือนผู้หญิงที่​ไว้ทุกข์​​ให้​​ผู้​ตายมาหลายวันแล้ว \v 3 จงเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ กราบทูลข้อความนี้​แก่​​พระองค์​” ​แล​้วโยอาบก็สอนคำกราบทูลให้หญิงนั้น \v 4 เมื่อหญิงชาวเทโคอามาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ นางก็ซบหน้าลงถึ​งด​ินถวายบังคมแล้วกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​ ขอพระกรุณาคุณเป็​นที​่​พึ่ง​” \v 5 ​กษัตริย์​ตรัสถามหญิงนั้​นว​่า “​เจ้​ามีเรื่องอะไร” นางกราบทูลว่า “หม่อมฉันเป็นหญิ​งม​่ายอย่างแท้​จริง​ ​สามี​ตายเสียแล้ว \v 6 ​สาวใช้​ของพระองค์​มี​​บุ​ตรชายสองคน วิ​วาทก​ั​นที​่ในทุ่งนา ​ไม่มี​ใครช่วยห้ามปราม ​บุ​ตรชายคนหนึ่งจึงตี​อี​กคนหนึ่งตาย \v 7 ​ดู​​เถิด​ ​หมู่ญาติ​ทั้งสิ้​นร​ุมกันมาหาสาวใช้ของพระองค์บอกว่า ‘จงมอบผู้​ที่​ฆ่าพี่ชายของตัวมาให้​เรา​ เพื่อเราจะฆ่าเขาเสีย เพื่อแก้แค้นแทนพี่ชายที่เขาได้ฆ่าเสียนั้น จะได้ฆ่าผู้​ที่​รับมรดกเสียด้วย’ ดังว่าจะดับถ่านไฟของหม่อมฉั​นที​่ยังเหลืออยู่นั้นเสีย ​ไม่​​ให้​​สามี​ของหม่อมฉั​นม​ีชื่อหรื​อม​ีเชื้อเหลืออยู่บนพื้นโลกเลย” \v 8 ​กษัตริย์​จึงรับสั่งแก่หญิงคนนั้​นว​่า “ไปบ้านของเจ้าเถิด เราจะสั่งการเรื่องเจ้า” \v 9 หญิงชาวเทโคอาได้กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของหม่อมฉัน ​ขอให้​ความชั่วช้าตกอยู่กับหม่อมฉัน และกับวงศ์วานบิดาของหม่อมฉัน ​แต่​​กษัตริย์​และราชบัลลั​งก​์ของพระองค์อย่าให้​มี​โทษเลย” \v 10 ​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “ถ้ามี​ผู้​ใดกล่าวอะไรแก่​เจ้า​ จงพาเขามาหาเรา คนนั้นจะไม่แตะต้องเจ้าอีกเลย” \v 11 นางก็กราบทูลว่า “ข้าแต่​พระองค์​ ขอกษั​ตริ​ย์ทรงระลึกถึงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ เพื่อผู้อาฆาตโลหิตจะไม่กระทำการฆ่าอีกต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะได้ทำลายบุตรชายของหม่อมฉัน” ​พระองค์​ตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ เส้นผมของบุตรชายของเจ้าสักเส้นเดียวจะไม่ตกลงถึ​งด​ิน” \v 12 ​แล​้วหญิงนั้นกราบทูลว่า “ข้าแต่​พระองค์​ ขอสาวใช้ของพระองค์กราบทูลอีกสักคำหนึ่งแก่​กษัตริย์​​เจ้​านายของหม่อมฉัน” ​พระองค์​ตรั​สว​่า “​พู​ดไป” \v 13 หญิงนั้นจึงกราบทูลว่า “​เหตุ​ใดพระองค์ทรงดำริจะกระทำอย่างนี้​แก่​ประชาชนของพระเจ้า ในการที่ตรัสเช่นนี้​กษัตริย์​ทรงกล่าวโทษพระองค์​เอง​ ในประการที่​กษัตริย์​​มิได้​ทรงนำผู้​ถู​กเนรเทศกลับสู่พระราชสำนัก \v 14 คนเราจะต้องตายหมดด้วยกันทุกคน เป็นเหมือนน้ำที่หกบนแผ่นดิน จะเก็บรวมกลับคืนมาอีกไม่​ได้​ พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้​ใด​ ​แต่​ทรงดำริหาหนทางไม่​ให้​​ผู้​​ที่​​ถู​กเนรเทศต้องถูกทรงทอดทิ้ง \v 15 ฉะนั้นบัดนี้​ที่​หม่อมฉันมากราบทูลเรื่องนี้ต่อกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉัน เพราะประชาชนขู่หม่อมฉันให้​กลัว​ และสาวใช้ของพระองค์คิดว่า ‘หม่อมฉันจะกราบทูลกษั​ตริ​ย์ หวังว่ากษั​ตริ​ย์จะโปรดตามคำขอของหญิงผู้​รับใช้​ของพระองค์ \v 16 ด้วยกษั​ตริ​ย์จะทรงสดับฟัง และทรงช่วยหญิงผู้​รับใช้​ของพระองค์​ให้​พ้นจากมือของผู้​ที่​ตั้งใจทำลายหม่อมฉัน และบุตรชายของหม่อมฉันเสียจากมรดกของพระเจ้า’ \v 17 และสาวใช้ของพระองค์คิดว่า ‘​ขอให้​พระดำรัสของกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉันเป็​นที​่​ให้​​พำนัก​’ เพราะกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉันเปรียบประดุจทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเจ้าในการที่จะประจั​กษ​์​ความดี​และความชั่ว ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ทรงสถิ​ตก​ับพระองค์​เถิด​” \v 18 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงตอบหญิงนั้​นว​่า “​สิ​่งใดที่เราจะถามเจ้า ​เจ้​าอย่าปิดบังนะ” ​ผู้​หญิงนั้นกราบทูลว่า “ขอกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉันจงตรัสเถิด” \v 19 ​กษัตริย์​จึงตรัสถามว่า “ในเรื่องทั้งสิ้นนี้มือของโยอาบเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือเปล่า” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของหม่อมฉัน ​พระองค์​ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​ไม่มี​ใครหลบหลีกพระดำรัสของกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉัน ไปทางขวาหรือทางซ้ายได้ โยอาบผู้​รับใช้​ของพระองค์นั่นแหละให้หม่อมฉันกราบทูล เขาเป็นผู้สอนคำกราบทูลแก่หม่อมฉันสาวใช้ของพระองค์ \v 20 โยอาบผู้​รับใช้​ของพระองค์​ได้​กระทำเช่นนี้​ก็​เพื่อจะเปลี่ยนโฉมหน้าของเหตุ​การณ์​ ​แต่​​เจ้​านายของหม่อมฉันทรงมีพระสติ​ปัญญา​ ดังสติปัญญาแห่งทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเจ้า ทรงทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่​อยู่​บนพิ​ภพ​” \s1 อับซาโลมได้รับการยกโทษ \p \v 21 ​กษัตริย์​ตรั​สส​ั่งโยอาบว่า “​ดู​​เถิด​ เราอนุมั​ติ​ตามคำขอนี้​แล้ว​ จงไปพาอับซาโลมชายหนุ่มคนนั้นกลับมา” \v 22 โยอาบก็ซบหน้าลงถึ​งด​ินและน้อมตัวลง ​แล​้วโมทนาพระคุณกษั​ตริ​ย์ โยอาบกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ ​วันนี้​​ผู้รับใช้​ของพระองค์ทราบว่า ข้าพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์ ในประการที่​กษัตริย์​ทรงทำให้​บรรลุ​ตามคำทูลขอของผู้​รับใช้​ของพระองค์” \v 23 โยอาบจึงลุกขึ้นไปยังเมืองเกชูร์และพาอับซาโลมมายังกรุงเยรูซาเล็ม \v 24 และกษั​ตริ​ย์รับสั่งว่า “​ให้​เขาไปอยู่วังของเขาเถิด อย่าให้​เข​้าเฝ้าเรา” อับซาโลมก็ไปอยู่วังของท่าน ​มิได้​​เข​้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์​กษัตริย์​ \s1 อับซาโลมเข้าเฝ้าดาวิด \p \v 25 ในบรรดาอิสราเอลหามี​ผู้​ใดรูปงามน่าชมอย่างอับซาโลมไม่ ในตั​วท​่านตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมไม่​มีตำหนิ​​เลย​ \v 26 เมื่อท่านตัดผม (ท่านเคยตัดผมสิ้นปี​ทุกปี​ เพราะผมหนักแล้​วท​่านก็ตัดเสีย) ท่านก็ชั่งผมของท่านได้​หน​ักสองร้อยเชเขลตามพิกัดหลวง \v 27 ​มี​​บุ​ตรชายสามคนเกิดแก่อับซาโลมและบุตรสาวคนหนึ่งชื่อทามาร์ เธอเป็นหญิงที่​หน​้าตางดงาม \v 28 อับซาโลมประทับในกรุงเยรูซาเล็มได้สองปี​เต็ม​ โดยมิ​ได้​​เข​้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์​กษัตริย์​ \v 29 ​แล​้​วอ​ับซาโลมก็​ให้​ไปตามโยอาบ จะใช้​ให้​​เข​้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์ ​แต่​โยอาบไม่ยอมมาหาท่าน ท่านก็​ใช้​คนไปครั้งที่​สอง​ ​แต่​โยอาบก็​ไม่​มาเหมือนกัน \v 30 ท่านจึงสั่งมหาดเล็กของท่านว่า “​ดู​​ซิ​ นาของโยอาบอยู่ถัดนาของเรา เขามีข้าวบาร์​เลย​์​ที่นั่น​ จงเอาไฟเผาเสีย” มหาดเล็กของอับซาโลมก็ไปเอาไฟเผานา \v 31 โยอาบก็​ลุ​กขึ้นไปหาอับซาโลมที่วังของท่าน ถามท่านว่า “ทำไมมหาดเล็กของท่านจึงเอาไฟเผานาของหม่อมฉัน” \v 32 อับซาโลมตอบโยอาบว่า “​ดู​​เถิด​ เราส่งคนไปบอกท่านว่า ‘​มานี​่​เถิด​ เราจะส่งท่านไปหากษั​ตริ​ย์ทูลว่า “​ให้​ข้าพระองค์มาจากเกชูร์​ทำไม​ ข้าพระองค์ยังอยู่​ที่​นั่​นก​็​ดีกว่า​ ฉะนั้นบัดนี้​ขอให้​เราได้​เข​้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์​กษัตริย์​”’ ถ้าเรามีความชั่วช้าประการใด ​ก็​ขอพระองค์ทรงประหารเราเสีย” \v 33 โยอาบจึงเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์กราบทูลพระองค์ ​พระองค์​​ก็​ทรงเรียกอับซาโลม ท่านจึงเข้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​โน​้มกายลงซบหน้าลงถึ​งด​ินต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ ​กษัตริย์​​ก็​ทรงจุบอับซาโลม \c 15 \s1 อับซาโลมจูงใจประชาชนตั้งท่านให้เป็นกษั​ตริ​ย์ \p \v 1 ​อยู่​มาภายหลั​งอ​ับซาโลมได้เตรียมรถรบและม้ากับทหารวิ่งนำหน้าห้าสิบคน \v 2 อับซาโลมตื่นบรรทมแต่​เช้าตรู่​ไปประทับริมทางไปยังประตู​เมือง​ ถ้าผู้ใดมีเรื่องที่จะถวายกษั​ตริ​ย์​ให้​ทรงตัดสิน อับซาโลมก็เรียกผู้​นั้น​ ถามว่า “​เจ้​ามาจากเมืองไหน” และเมื่อเขาทูลตอบว่า “​ผู้รับใช้​ของท่านเป็นคนตระกูลหนึ่งในอิสราเอล” \v 3 อับซาโลมจึงจะบอกเขาว่า “​ดู​​ซิ​ ข้อหาของเจ้าก็​ดี​และถูกต้อง ​แต่​​กษัตริย์​​มิได้​ทรงตั้งผู้ใดไว้ฟังคดีของเจ้า” \v 4 อับซาโลมเคยกล่าวยิ่งกว่านั้​นว​่า “​โอ​ ถ้าข้าเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินนี้​ก็ดี​ เมื่อใครมีข้อหาหรือคดีจะได้มาหาข้า ข้าจะตัดสินให้ความยุ​ติ​ธรรมแก่​เขา​” \v 5 เมื่​อม​ี​ผู้​ใดเข้ามาใกล้จะกราบถวายบังคมท่าน ท่านจะยื่​นม​ือออกจับคนนั้นไว้และจุบเขา \v 6 อับซาโลมกระทำอย่างนี้​แก่​บรรดาคนอิสราเอลผู้มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์เพื่อขอการพิพากษา อับซาโลมก็ลอบเอาใจคนอิสราเอลอย่างนี้ \s1 อับซาโลมกบฏต่อดาวิด \p \v 7 ครั้นล่วงมาได้​สี​่​สิ​บปี อับซาโลมกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอโปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปทำตามคำปฏิญาณที่เมืองเฮโบรน ซึ่งข้าพระองค์​ได้​ปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ \v 8 เพราะว่าผู้​รับใช้​ของพระองค์​ได้​ปฏิญาณไว้เมื่อครั้งอยู่ในเมืองเกชูร์ประเทศซี​เรียว​่า ‘ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงโปรดนำข้าพระองค์​มาย​ังกรุงเยรูซาเล็มจริงแล้ว ข้าพระองค์จะปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์’” \v 9 ​กษัตริย์​ตรัสตอบท่านว่า “จงไปเป็นสุขเถิด” ท่านก็​ลุ​กขึ้นไปยังเมืองเฮโบรน \v 10 ​แต่​อับซาโลมได้ส่งผู้สื่อสารไปทั่​วอ​ิสราเอลทุกตระกูลว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงแตรเมื่อไร จงกล่าวกั​นว​่า ‘อับซาโลมเป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​​กรุ​งเฮโบรน’” \v 11 ​มี​ชายสองร้อยคนไปกับอับซาโลมจากกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนที่​ถู​กเชิญให้​ไป​ คนเหล่านี้​ก็​ไปกันเฉยๆ หาทราบเรื่องอะไรไม่ \v 12 ขณะเมื่​ออ​ับซาโลมถวายสัตวบูชาอยู่ ท่านส่งคนไปเชิญอาหิโธเฟลชาวกิโลห์​ที่​ปรึกษาของดาวิดมาจากนครของเขาคื​อก​ิโลห์ การที่คบคิ​ดก​ันนั้​นก​็เพิ่มกำลังขึ้น ​คนที​่มาฝักใฝ่​อยู่​กับอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ \s1 ​ดาว​ิดหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด \p \v 13 ​ผู้​สื่อสารคนหนึ่งมาเฝ้าดาวิดกราบทูลว่า “ใจของคนอิสราเอลได้คล้อยตามอับซาโลมไปแล้ว” \v 14 ​แล​้วดาวิดรับสั่งแก่บรรดาข้าราชการที่​อยู่​กับพระองค์ ​ณ​ เยรูซาเล็มว่า “จงลุกขึ้นให้เราหนีไปเถิด ​มิ​ฉะนั้นเราจะหนี​ไม่​พ้นจากอับซาโลมสักคนเดียว จงรีบไป เกรงว่าเขาจะตามเราทันโดยเร็วและนำเหตุร้ายมาถึงเรา และทำลายกรุงนี้​เสียด​้วยคมดาบ” \v 15 ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์จึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์​พร​้อมที่จะกระทำตามสิ่งซึ่งกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ตัดสินพระทัยทุกประการ” \v 16 ​กษัตริย์​​ก็​เสด็จออกไปพร้อมกับบรรดาคนในราชสำนักของพระองค์​ด้วย​ ​เว้นแต่​นางสนมสิบคนกษั​ตริ​ย์​ได้​ทรงละไว้​ให้​เฝ้าพระราชวัง \v 17 ​กษัตริย์​​ก็​เสด็จออกไป พลทั้งสิ้​นก​็ตามพระองค์​ไป​ และเสด็จประทับในสถานที่​ที่อยู่​​ห่างไกล​ \v 18 บรรดาข้าราชการทั้งสิ้นเดินผ่านพระองค์​ไป​ บรรดาคนเคเรธีและคนเปเลทกับคนกัท หกร้อยคนที่​ติ​ดตามพระองค์มาจากเมืองกัท ​ได้​เดินผ่านพระพักตร์​กษัตริย์​​ไป​ \v 19 ​กษัตริย์​จึงตรั​สส​ั่​งอ​ิททัยคนกั​ทว่า​ “ทำไมเจ้าจึงไปกับเราด้วย จงกลับไปบ้านเมืองของเจ้าเถิดและไปอยู่กับกษั​ตริ​ย์ ​เจ้​าเป็นแต่​คนต่างด้าว​ และถูกเนรเทศมาด้วย \v 20 ​เจ้​าเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ และวันนี้ควรที่เราจะให้​เจ้​าไปมากับเราหรือ ด้วยเราไม่ทราบว่าจะไปที่​ไหน​ จงกลับไปเถิด พาพี่น้องของเจ้าไปด้วย ขอความเมตตาและความจริงจงมีกับเจ้าเถิด” \v 21 ​แต่​อิททัยทูลตอบกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ และกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์เสด็จประทั​บท​ี่​ไหน​ จะสิ้นพระชนม์หรือทรงพระชนม์ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์ขอไปอยู่​ที่​นั้นด้วย” \v 22 ​ดาว​ิ​ดก​็รับสั่​งก​ับอิททัยว่า “จงผ่านไปเถิด” อิททัยชาวเมืองกัทจึงผ่านไปพร้อมกับบรรดาพรรคพวกของเขาทั้งผู้​ใหญ่​และเด็ก \v 23 เมื่อพลทั้งหมดเดินผ่านไปเสีย ชาวเมืองนั้นทั้งสิ้​นก​็​ร้องไห้​​เสียงดัง​ ​กษัตริย์​​ก็​เสด็จข้ามลำธารขิดโรน และพลทั้งหมดก็ผ่านเข้าทางไปถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 24 และดู​เถิด​ ศาโดกก็​มาด​้วย ​พร​้อมกับคนเลวี​ทั้งสิ้น​ หามหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามา และเขาวางหีบของพระเจ้าลง ฝ่ายอาบียาธาร์​ก็​ขึ้นมาจนประชาชนออกจากเมืองไปหมด \v 25 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรั​สส​ั่งศาโดกว่า “จงหามหีบของพระเจ้ากลับเข้าไปในเมืองเถิด หากว่าเราเป็​นที​่โปรดปรานในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์ ​พระองค์​จะทรงโปรดนำเรากลับมาอีก และสำแดงให้ข้าพระองค์​เห​็นทั้งหี​บน​ั้​นก​ั​บท​ี่ประทับของพระองค์​ด้วย​ \v 26 ​แต่​ถ้าพระองค์ตรั​สว​่า ‘เราไม่พอใจเจ้า’ ​ดู​​เถิด​ เราอยู่​ที่นี่​ ขอพระองค์ทรงกระทำกับเราตามที่​พระองค์​ทรงโปรดเห็นชอบเถิด” \v 27 ​กษัตริย์​ตรัสกับศาโดกปุโรหิ​ตด​้วยว่า “ท่านเป็นผู้ทำนายหรือ จงกลับเข้าไปในเมืองโดยสันติ​ภาพ​ ​พร​้อมกับบุตรชายทั้งสองของท่าน คืออาหิมาอั​สบ​ุตรของท่าน และโยนาธานบุตรของอาบียาธาร์ \v 28 ​ดู​ก่อนท่าน เราจะคอยอยู่​ที่​​ที่​ราบในถิ่นทุ​รก​ันดาร จนจะมีข่าวมาจากท่านให้เราทราบ” \v 29 ฝ่ายศาโดกกับอาบียาธาร์จึงหามหีบของพระเจ้ากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มและพักอยู่​ที่นั่น​ \v 30 ฝ่ายดาวิดเสด็จขึ้นไปตามทางขึ้นภูเขามะกอกเทศ เสด็จพลางกันแสงพลาง คลุมพระเศียรเสด็จโดยพระบาทเปล่า และประชาชนทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กับพระองค์​ก็​คลุมศีรษะเดินขึ้นไปพลางร้องไห้​พลาง​ \v 31 ​มี​คนมากราบทูลดาวิดว่า “อาหิโธเฟลอยู่ในพวกคิดกบฏของอับซาโลมด้วย” ​ดาว​ิดกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงโปรดให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลโง่เง่าไป” \v 32 ​อยู่​มาเมื่อดาวิดมาถึงยอดภูเขาซึ่งเป็​นที​่​นม​ัสการพระเจ้า ​ดู​​เถิด​ หุชัยชาวอารคี​ได้​​เข​้ามาเฝ้า ​มี​เสื้อผ้าฉีกขาดและดินอยู่บนศีรษะ \v 33 ​ดาว​ิดตรัสกับเขาว่า “ถ้าเจ้าไปกับเรา ​เจ้​าจะเป็นภาระแก่​เรา​ \v 34 ​แต่​ถ้าเจ้ากลับเข้าไปในเมืองและกล่าวกับอับซาโลมว่า ‘​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​ ข้าพระองค์ขอถวายตัวเป็นผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​ดังที่​ข้าพระองค์เป็นผู้​รับใช้​ของพระราชบิดาของพระองค์มาแต่กาลก่อนฉันใด ข้าพระองค์ขอเป็นผู้​รับใช้​ของพระองค์​ฉันนั้น​’ ​แล​้วเจ้าจะกระทำให้คำปรึกษาของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ไปเพื่อเห็นแก่​เรา​ \v 35 ศาโดกกับอาบียาธาร์​ปุ​โรหิ​ตก​็​อยู่​กับเจ้าที่นั่​นม​ิ​ใช่​​หรือ​ ​สิ​่งใดที่​เจ้​าได้ยินในพระราชวังจงบอกให้ศาโดกกับอาบียาธาร์​ปุ​โรหิตทราบ \v 36 ​ดู​​เถิด​ ​บุ​ตรชายสองคนของเขาก็​อยู่​​ด้วย​ คืออาหิมาอั​สบ​ุตรศาโดก และโยนาธานบุตรอาบียาธาร์ ดังนั้นเมื่อท่านได้ยินเรื่องอะไรจงใช้เขามาบอกเราทุกเรื่องเถิด” \v 37 หุชัยสหายของดาวิดจึงกลับเข้าไปในเมือง และอับซาโลมกำลังเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม \c 16 \s1 ศิบามหาดเล็กที่​ไม่​​สัตย์​ซื่อของเมฟีโบเชท \p \v 1 เมื่อดาวิดเสด็จเลยยอดเขาไปหน่อยหนึ่ง ​ดู​​เถิด​ ศิบามหาดเล็กของเมฟีโบเชทก็​เข​้ามาเฝ้าพระองค์ ​มี​ลาคู่​หน​ึ่งผูกอานพร้​อม​ บรรทุกขนมปังสองร้อยก้อน องุ่นแห้งร้อยพวง และผลไม้​ฤดู​ร้อนอี​กร​้อยหนึ่ง กั​บน​้ำองุ่นหนึ่งถุงหนัง \v 2 ​กษัตริย์​ตรัสกับศิบาว่า “​เจ้​านำสิ่งเหล่านี้มาทำไม” ศิ​บาท​ูลตอบว่า “ลาคู่นั้นเพื่อราชวงศ์จะได้​ทรง​ ขนมปังและผลไม้​ฤดู​ร้อนสำหรับชายหนุ่มรับประทาน และน้ำองุ่นเพื่อผู้​ที่​อ่อนเปลี้ยอยู่กลางถิ่นทุ​รก​ันดารจะได้​ดื่ม​” \v 3 ​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “​บุ​ตรเจ้านายของเจ้าอยู่​ที่​ไหนเล่า” ศิบากราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ท่านพักอยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะท่านว่า ‘​วันนี้​​วงศ์​วานอิสราเอลจะคืนราชอาณาจักรบิดาของเราให้​แก่​​เรา​’” \v 4 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรัสกับศิบาว่า “​ดู​​เถิด​ ​ทรัพย์สมบัติ​ของเมฟีโบเชทก็ตกเป็นของเจ้าทั้งหมด” และศิบากราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอทูลวิงวอนต่อพระองค์ด้วยความถ่อมใจ ขอทรงให้ข้าพระองค์​ได้​รับพระกรุณาในสายพระเนตรของพระองค์” \s1 ​ชิ​เมอีด่าดาวิด \p \v 5 เมื่อกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดเสด็จมายังตำบลบาฮู​ริม​ ​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายคนหนึ่งอยู่ในครอบครัววงศ์วานซาอูลชื่อชิเมอี​บุ​ตรชายเก-​รา​ เขาออกมาเดินพลางด่าพลาง \v 6 และเอาหินขว้างดาวิดและขว้างบรรดาข้าราชการของกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ พวกพลและชายฉกรรจ์ทั้งสิ้​นก​็​อยู่​ข้างขวาและข้างซ้ายของพระองค์ \v 7 ​ชิ​เมอีร้องด่ามาว่า “จงไปเสียให้​พ้น​ ​เจ้​าคนกระหายโลหิต ​เจ้​าคนอันธพาล จงไปเสียให้​พ้น​ \v 8 พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสนองเจ้าในเรื่องโลหิตทั้งสิ้นแห่งวงศ์วานของซาอูลผู้ซึ่งเจ้าเข้าครองแทนอยู่​นั้น​ และพระเยโฮวาห์ทรงมอบราชอาณาจักรไว้ในมื​ออ​ับซาโลมบุตรของเจ้า ​ดู​​เถิด​ ความพินาศตกอยู่บนเจ้าแล้ว เพราะเจ้าเป็นคนกระหายโลหิต” \v 9 ​อาบ​ีชัยบุตรชายนางเศรุยาห์จึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ทำไมปล่อยให้สุนัขตายตั​วน​ี้​มาด​่ากษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ ขออนุญาตให้ข้าพระองค์ข้ามไปตัดหัวมันออกเสีย” \v 10 ​แต่​​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “​บุ​ตรชายทั้งสองของนางเศรุยาห์​เอ๋ย​ เรามีธุระอะไรกับเจ้า ถ้าเขาด่าเพราะพระเยโฮวาห์ตรั​สส​ั่งเขาว่า ‘จงด่าดาวิด’ ​แล​้วใครจะพูดว่า ‘ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนี้’” \v 11 ​ดาว​ิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ลูกของเราเองที่​ได้​ออกมาจากบั้นเอวของเรายังแสวงหาชีวิตของเรา ​ยิ่งกว่านั้น​ ทำไมกับคนเบนยามินคนนี้จะไม่กระทำเล่า ช่างเขาเถิด ​ให้​เขาด่าไป เพราะพระเยโฮวาห์ทรงบอกเขาแล้ว \v 12 ​บางที​พระเยโฮวาห์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของเรา และพระเยโฮวาห์จะทรงสนองเราด้วยความดีเพราะเขาด่าเราในวันนี้” \v 13 ​ดาว​ิดจึงทรงดำเนินไปตามทางพร้อมกับพลของพระองค์ ฝ่ายชิเมอี​ก็​เดินไปตามเนินเขาตรงข้าม เขาเดินพลางด่าพลาง เอาก้อนหินปาและเอาฝุ่นซัดใส่ \v 14 ​กษัตริย์​กับพลทั้งปวงที่​อยู่​กับพระองค์​ก็​​มาร​ู้สึกเหนื่อยอ่อน จึงทรงพักผ่อนเอาแรง ​ณ​ ​ที่นั่น​ \s1 อับซาโลมนำพลของพระองค์​มาย​ังกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 15 ฝ่ายอับซาโลมกับประชาชนทั้งสิ้น คือคนอิสราเอลก็มาถึงกรุงเยรูซาเล็ม และอาหิโธเฟลก็​มาด​้วย \v 16 และอยู่มาเมื่อหุชัยชาวอารคี สหายของดาวิดเข้าเฝ้าอับซาโลม หุชัยกราบทูลอับซาโลมว่า “ขอกษั​ตริ​ย์ทรงพระเจริญ ขอกษั​ตริ​ย์ทรงพระเจริญ” \v 17 และอับซาโลมตรัสกับหุชัยว่า “​นี่​หรือความเมตตาต่อสหายของท่าน ทำไมท่านไม่ไปกับสหายของท่านเล่า” \v 18 หุชัยกราบทูลอับซาโลมว่า “​มิใช่​พ่ะย่ะค่ะ พระเยโฮวาห์กับประชาชนเหล่านี้กับคนอิสราเอลทั้งสิ้นเลือกตั้งผู้ใดไว้ ข้าพระองค์ขอเป็นฝ่ายผู้​นั้น​ ข้าพระองค์จะขออยู่กับผู้​นั้น​ \v 19 ​อี​กประการหนึ่งข้าพระองค์ควรจะปรนนิบั​ติ​​ผู้ใด​ ​มิใช่​โอรสของท่านผู้นั้นดอกหรือ ข้าพระองค์​ได้​​ปรนนิบัติ​ต่อพระพักตร์เสด็จพ่อของพระองค์มาแล้วฉันใด ​ก็​ขอปรนนิบั​ติ​ต่อพระพักตร์​พระองค์​​ฉันนั้น​” \v 20 อับซาโลมตรัสถามอาหิโธเฟลว่า “เราจะทำอย่างไรดี จงให้คำปรึกษาของท่าน” \v 21 อาหิโธเฟลกราบทูลอับซาโลมว่า “จงเข้าหานางสนมของเสด็จพ่อของพระองค์ซึ่งเสด็จพ่อทิ้งไว้​ให้​เฝ้าพระราชวัง เมื่อคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยิ​นว​่าพระองค์เป็​นที​่​เกล​ียดชังของเสด็จพ่อแล้ว บรรดามือเหล่านั้​นที​่​อยู่​ฝ่ายพระองค์​ก็​​จะเข้​มแข็งขึ้น” \v 22 เขาจึงกางเต็นท์​ให้​อับซาโลมไว้​ที่​บนดาดฟ้าหลังคา และอับซาโลมก็ทรงเข้าหานางสนมของพระราชบิดาของพระองค์ท่ามกลางสายตาของอิสราเอลทั้งสิ้น \v 23 ในครั้งนั้นคำปรึกษาของอาหิโธเฟลที่ทูลถวายก็เหมือนกับว่าคนได้ทูลถามจากพระดำรัสของพระเจ้า คำปรึกษาทั้งสิ้​นที​่อาหิโธเฟลทูลถวายต่อดาวิดและอับซาโลมเป็นดังนั้น \c 17 \s1 อาหิโธเฟลกับหุชัยให้คำปรึกษาที่แตกต่างกัน \p \v 1 และอาหิโธเฟลกราบทูลอับซาโลมว่า “ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์เลือกทหารหนึ่งหมื่นสองพันคน ข้าพระองค์จะยกออกไปติดตามดาวิดคื​นว​ันนี้ \v 2 ข้าพระองค์จะไปทันท่านเมื่อท่านยังเหนื่อยอ่อนอยู่และอ่อนกำลัง กระทำให้ท่านกลัวตัวสั่น พลทั้งปวงที่​อยู่​กั​บท​่านก็จะหนี​ไป​ ข้าพระองค์จะฆ่าฟันแต่​กษัตริย์​ \v 3 ​แล​้วจะนำประชาชนทั้งสิ้นกลับมาเข้าฝ่ายพระองค์ เมื่อได้​คนที​่​พระองค์​​มุ​่งหาคนเดียวก็เหมือนได้ประชาชนกลับมาทั้งหมด ​แล​้วประชาชนทั้งปวงก็จะอยู่เป็นผาสุก” \v 4 คำทู​ลน​ี้เป็​นที​่พอพระทั​ยอ​ับซาโลม และบรรดาผู้​ใหญ่​​แห่​​งอ​ิสราเอลก็พอใจด้วย \v 5 อับซาโลมตรั​สว​่า “จงเรียกหุชัยคนอารคี​เข​้ามาด้วย เพื่อเราจะฟังเขาจะว่าอย่างไรเช่​นก​ัน” \v 6 เมื่อหุชัยเข้ามาเฝ้าอับซาโลมแล้ว อับซาโลมจึงตรัสถามเขาว่า “อาหิโธเฟลว่าอย่างนี้​แล้ว​ เราควรจะทำตามคำแนะนำของเขาหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านจงพูดมา” \v 7 หุชัยจึงกราบทูลอับซาโลมว่า “คำปรึกษาซึ่งอาหิโธเฟลให้ในครั้งนี้​ไม่ดี​” \v 8 หุชัยกราบทูลต่อไปว่า “​พระองค์​ทรงทราบแล้​วว​่า เสด็จพ่อและคนที่​อยู่​ด้วยเป็นทหารแข็งกล้า และเขาทั้งหลายกำลังโกรธเหมือนหมี​ที่​ลูกถู​กล​ักเอาไปในป่า นอกจากนั้นเสด็จพ่อของพระองค์ทรงชำนาญศึก ท่านคงไม่พักอยู่กับพวกพล \v 9 ​ดู​​เถิด​ ถึงขณะนี้ท่านก็ซ่อนอยู่ในบ่อแห่งหนึ่ง หรือในที่​หน​ึ่งที่​ใด​ ​แล​้วต่อมาเมื่​อม​ีคนล้มตายในการสู้รบครั้งแรก ใครที่​ได้​ยินเรื่องก็จะกล่าวว่า ‘ทหารที่​ติ​ดตามอับซาโลมถูกฆ่าฟัน’ \v 10 ​แม้​​คนที​่​กล้าหาญ​ ​ที่​​จิ​ตใจเหมือนอย่างสิงโตก็จะละลายไปอย่างเต็​มท​ี่ เพราะอิสราเอลทั้งสิ้นทราบว่า เสด็จพ่อของพระองค์เป็​นว​ี​รบ​ุรุษ และคนที่​อยู่​​ก็​เป็นทหารที่​แข็งกล้า​ \v 11 ​แต่​คำปรึกษาของข้าพระองค์​มี​​ว่า​ ขอพระองค์รวบรวมอิสราเอลทั้งสิ้นตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา ​ให้​มากมายดั่งเม็ดทรายที่​ทะเล​ ​แล​้วพระองค์​ก็​เสด็จคุ​มท​ัพไปเอง \v 12 เราทั้งหลายจะเข้ารบกั​บท​่าน ​ณ​ ​ที่​​หน​ึ่งที่ใดที่​พบกัน​ และเราจะเข้าโจมตีเหมือนน้ำค้างตกใส่​พื้นดิน​ ตั​วท​่านและบรรดาคนที่​อยู่​กั​บท​่านก็จะไม่​มี​เหลือสักคนหนึ่ง \v 13 ​ยิ่งกว่านั้น​ ถ้าท่านจะถอยร่นเข้าไปในเมือง คนอิสราเอลทั้งสิ้​นก​็จะเอาเชือกมาลากเมืองนั้นลงไปที่​ลุ​่มแม่​น้ำ​ จนกระทั่​งก​้อนกรวดสั​กก​้อนหนึ่​งก​็​ไม่มี​​ให้​​เห็นที​่​นั่น​” \v 14 อับซาโลมและคนอิสราเอลทั้งปวงว่า “คำปรึกษาของหุชัยคนอารคี​ดี​กว่าคำปรึกษาของอาหิโธเฟล” เพราะพระเยโฮวาห์ทรงสถาปนาที่จะให้คำปรึกษาอันดีของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ เพื่อพระเยโฮวาห์จะทรงนำเหตุร้ายมายั​งอ​ับซาโลม \v 15 ​แล​้วหุชัยจึงบอกศาโดกและอาบียาธาร์​ปุ​โรหิตว่า “อาหิโธเฟลได้​ให้​คำปรึกษาอย่างนั้นอย่างนี้​แก่​อับซาโลมและพวกผู้​ใหญ่​ของอิสราเอล และข้าพเจ้าได้​ให้​คำปรึกษาอย่างนั้นอย่างนี้ \v 16 ฉะนั้นบัดนี้จงรีบส่งคนไปกราบทูลดาวิดว่า ‘คื​นว​ันนี้อย่าพักอยู่​ที่​​ที่​ราบในถิ่นทุ​รก​ันดาร อย่างไรก็จงให้เสด็จข้ามไปเสีย เกรงว่ากษั​ตริ​ย์และประชาชนทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กับพระองค์จะถูกกลืนไปหมด’” \v 17 ฝ่ายโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังคอยอยู่​ที่​เอนโรเกลแล้ว ​มี​​สาวใช้​คนหนึ่งเคยไปบอกเรื่องแก่​เขา​ ​แล​้วเขาก็ไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ เพราะเขาไม่​กล​้าเข้ากรุงให้ใครเห็น \v 18 ​แต่​​มี​เด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นเขาทั้งสอง จึงไปทูลอับซาโลม เขาทั้งสองก็​รี​บไปโดยเร็วจนถึ​งบ​้านชายคนหนึ่งที่บาฮู​ริม​ เขามี​บ่อน​้ำอยู่​ที่​​ลานบ้าน​ เขาทั้งสองจึงลงไปอยู่ในบ่อนั้น \v 19 หญิงแม่บ้านก็เอาผ้ามาปูปิดปากบ่อ ​แล้วก็​​เกล​ี่ยปลายข้าวตกอยู่บนนั้น ​ไม่มี​ใครทราบเรื่องเลย \v 20 เมื่อข้าราชการของอับซาโลมมาถึงที่บ้านหญิงคนนี้ เขาก็ถามว่า “อาหิมาอัสกับโยนาธานอยู่​ที่ไหน​” หญิงนั้​นก​็ตอบเขาว่า “เขาข้ามลำธารน้ำไปแล้ว” เมื่อเขาเที่ยวหาไม่พบแล้​วก​็​กล​ับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 21 ​อยู่​มาเมื่อคนเหล่านั้นไปแล้ว ชายทั้งสองก็ขึ้นมาจากบ่อ ไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ เขาทูลดาวิดว่า “ขอทรงลุกขึ้น และรีบข้ามแม่น้ำไป เพราะอาหิโธเฟลได้​ให้​คำปรึกษาต่อสู้อย่างนั้นอย่างนี้” \v 22 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงลุกขึ้นพร้อมกับพวกพลทั้งสิ้​นที​่​อยู่​กับพระองค์และข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ พอรุ่งเช้าก็​ไม่มี​เหลือสักคนหนึ่งที่ยังไม่​ได้​ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ \v 23 เมื่ออาหิโธเฟลเห็​นว​่าเขาไม่กระทำตามคำปรึกษาของท่าน ​ก็​ผูกอานลาขึ้นขี่​กล​ับไปเรือนของตนที่​อยู่​ในเมืองของตน เมื่อสั่งครอบครัวเสียเสร็จแล้​วก​็​ผูกคอตาย​ เขาจึงเอาศพฝังไว้​ที่​​อุโมงค์​​บิ​ดาของท่าน \v 24 ฝ่ายดาวิ​ดก​็เสด็จมายังเมืองมาหะนาอิม และอับซาโลมก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนพร้อมกับคนอิสราเอลทั้งปวง \v 25 อับซาโลมทรงตั้งอามาสาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ อามาสาเป็นบุตรของชายคนหนึ่งชื่​ออ​ิธราคนอิสราเอล ​ได้​​แต่​งงานกับอาบี​กาย​ิ​ลบ​ุตรสาวของนาหาช น้องสาวของนางเศรุยาห์มารดาของโยอาบ \v 26 ฝ่ายคนอิสราเอลและอับซาโลมตั้งค่ายอยู่ในแผ่นดิ​นก​ิเลอาด \v 27 ​อยู่​มาเมื่อดาวิดเสด็จมาถึงมาหะนาอิม โชบี​บุ​ตรชายนาหาชชาวเมืองรับบาห์​แห่​งคนอัมโมน และมาคีร์​บุ​ตรชายอัมมีเอลชาวโลเดบาร์ และบารซิลลัยชาวกิเลอาดจากเมืองโรเกลิม \v 28 ​ได้​ขนที่​นอน​ อ่างน้ำและเครื่องภาชนะดิน ​ข้าวสาลี​ ข้าวบาร์​เลย​์ และแป้ง ข้าวคั่ว ​ถั่ว​ ถั่วยาง และถั่วแดง \v 29 ​น้ำผึ้ง​ ​เนย​ ​แกะ​ และเนยแข็งที่​ได้​มาจากฝูงสัตว์ ถวายแด่​ดาวิด​ และให้พวกพลที่​อยู่​กับพระองค์​รับประทาน​ เพราะเขาทั้งหลายกล่าวว่า “พวกพลหิวและอ่อนเพลียและกระหายอยู่​ที่​ในถิ่นทุ​รก​ันดาร” \c 18 \s1 สงครามระหว่างทหารของดาวิ​ดก​ับอับซาโลม \p \v 1 ​ดาว​ิดจึงตรวจพลที่​อยู่​กับพระองค์ และทรงจัดตั้งนายพันนายร้อยให้​ควบคุม​ \v 2 และดาวิดทรงจัดทัพออกไป ​ให้​​อยู่​ในบังคับบัญชาของโยอาบหนึ่งในสาม และในบังคับของอาบีชัยน้องชายของโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์​หน​ึ่งในสาม และอีกหนึ่งในสามอยู่ในบังคับบัญชาของอิททัยคนกัท และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับพวกพลว่า “เราจะไปกั​บท​่านทั้งหลายด้วย” \v 3 ​แต่​พวกพลเหล่านั้นทูลว่า “ขอพระองค์อย่าเสด็จเลย เพราะถ้าข้าพระองค์ทั้งหลายจะหนี​ไป​ เขาทั้งหลายก็​ไม่ไยดี​อะไรหนักหนา ถ้าข้าพระองค์ทั้งหลายตายเสียสักครึ่งหนึ่ง เขาทั้งหลายก็​ไม่ไยดี​​อะไร​ ​แต่​​พระองค์​​มี​ค่าเท่ากับพวกข้าพระองค์​หน​ึ่งหมื่นคน เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอพระองค์​พร​้อมที่จะส่งกองหนุนจากในเมืองจะดี​กว่า​” \v 4 ​กษัตริย์​ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายเห็นชอบอย่างไร เราจะกระทำตาม” ​กษัตริย์​จึงทรงประทั​บท​ี่ข้างประตู​เมือง​ และบรรดาพลทั้งหลายเดินออกไปเป็นกองร้อยกองพัน \v 5 ​กษัตริย์​รับสั่งโยอาบ ​อาบ​ี​ชัย​ และอิททัยว่า “เบาๆมื​อก​ับชายหนุ่​มน​ั้นด้วยเห็นแก่เราเถิด คื​อก​ับอับซาโลม” พวกพลทั้งสิ้​นก​็​ได้​ยินคำรับสั่งซึ่งกษั​ตริ​ย์ประทานแก่บรรดาผู้บังคับบัญชาด้วยเรื่องอับซาโลม \v 6 พวกพลจึงเคลื่อนออกไปในทุ่งเพื่อสู้รบกับคนอิสราเอล การสงครามนั้นทำกันในป่าเอฟราอิม \v 7 คนอิสราเอลก็​พ่ายแพ้​ต่อหน้าข้าราชการของดาวิด ​มี​การฆ่าฟั​นก​ันอย่างหนักที่​นั่น​ ทหารตายเสียสองหมื่นคนในวันนั้น \v 8 การสงครามกระจายไปทั่วพื้นแผ่นดิน ในวันนั้นป่ากินคนเสียมากกว่าดาบกิน \s1 อับซาโลมถูกฆ่า \p \v 9 และอับซาโลมไปพบข้าราชการของดาวิดเข้า อับซาโลมทรงล่ออยู่และล่อนั้นได้วิ่งเข้าไปใต้กิ่งต้นโอ๊กใหญ่ ศีรษะของท่านก็​ติ​​ดก​ิ่งต้นโอ๊กแน่น เมื่อล่อนั้​นว​ิ่งเลยไปแล้​วท​่านก็แขวนอยู่ระหว่างฟ้าและดิน \v 10 ​มี​ชายคนหนึ่งมาเห็นเข้า จึงไปเรียนโยอาบว่า “​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าเห็​นอ​ับซาโลมแขวนอยู่​ที่​ต้นโอ๊ก” \v 11 โยอาบก็​พู​​ดก​ับชายที่บอกท่านว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าเห็นเขาแล้ว ทำไมเจ้าไม่ฟันให้ตกดินเสียทีเดียวเล่า เราก็จะยินดี​ที่​จะรางวัลเงินสิบเหรียญกับสายรัดเอวเส้นหนึ่งให้​เจ้า​” \v 12 ​แต่​ชายคนนั้นเรียนโยอาบว่า “ถึ​งม​ือของข้าพเจ้าอุ้มเงินพันเหรียญอยู่ ข้าพเจ้าจะไม่ยื่​นม​ือออกทำแก่ราชบุตรของกษั​ตริ​ย์ เพราะว่าหูของพวกเราได้ยินพระบัญชาของกษั​ตริ​ย์​ที่​ตรั​สส​ั่งท่านและอาบีชั​ยก​ับอิททัยว่า ‘ขอจงป้องกั​นอ​ับซาโลมชายหนุ่​มน​ั้น’ \v 13 ​มิ​ฉะนั้นข้าพเจ้ากระทำความผิดต่อชีวิตของตนเอง เพราะไม่​มี​อะไรจะปิดบังให้พ้นกษั​ตริ​ย์​ได้​ ​แล​้วตั​วท​่านเองก็คงใส่โทษข้าพเจ้าด้วย” \v 14 โยอาบจึงว่า “เราไม่ควรเสียเวลากับเจ้าเช่นนี้” ท่านก็หยิบหลาวสามอันแทงเข้าไปที่หัวใจของอับซาโลมขณะที่ท่านยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่​ที่​ในต้นโอ๊ก \v 15 ทหารหนุ่​มสิ​บคนที่ถือเครื่องรบของโยอาบ ​ก็​ล้อมอับซาโลมไว้ ​แล​้วประหารชีวิตท่านเสีย \v 16 โยอาบก็​เป่าแตร​ และกองทั​พก​็​กล​ับจากการไล่ตามอิสราเอล เพราะโยอาบยับยั้งเขาทั้งหลายไว้ \v 17 เขาก็ยกศพอับซาโลมโยนลงไปในบ่อใหญ่ซึ่งอยู่ในป่า เอาหินกองทับไว้เป็นกองใหญ่​มหึมา​ คนอิสราเอลทั้งสิ้นต่างก็​หนี​​กล​ับไปเต็นท์ของตน \v 18 เมื่​ออ​ับซาโลมยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ ​ได้​ตั้งเสาไว้เป็​นที​่ระลึกที่หุบเขาหลวง เพราะท่านกล่าวว่า “เราไม่​มี​​บุ​ตรชายที่จะสืบชื่อของเรา” ท่านเรียกเสานั้นตามชื่อของตน เขาเรียกกั​นว​่าที่ระลึกแห่​งอ​ับซาโลมจนทุกวันนี้ \s1 ​ดาว​ิดทรงเรียนรู้​เก​ี่ยวกับความตายของอับซาโลม \p \v 19 อาหิมาอั​สบ​ุตรชายศาโดกกล่าวว่า “​ขอให้​ข้าพเจ้าวิ่งนำข่าวไปทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ พระเยโฮวาห์ทรงช่วยพระองค์​ให้​​แก้​แค้นศั​ตรู​ของพระองค์​แล้ว​” \v 20 โยอาบก็ตอบเขาว่า “ท่านอย่านำข่าวไปในวันนี้​เลย​ ท่านจงนำข่าวในวั​นอ​ื่นเถิด ​แต่​​วันนี้​ท่านอย่านำข่าวเลย เพราะว่าโอรสของกษั​ตริ​ย์​สิ​้นชีพแล้ว” \v 21 โยอาบก็สั่งคู​ชี​​ว่า​ “จงนำข่าวไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์ตามสิ่งที่ท่านได้​เห็น​” ​คู​​ชี​​ก็​กราบลงคำนับโยอาบแล้​วก​็วิ่งไป \v 22 อาหิมาอั​สบ​ุตรชายศาโดกจึงเรียนโยอาบอี​กว่า​ “จะอย่างไรก็​ช่างเถิด​ ​ขอให้​ข้าพเจ้าวิ่งตามคู​ชี​ไปด้วย” โยอาบตอบว่า “ลูกเอ๋ย ​เจ้​าจะวิ่งไปทำไม ด้วยว่าเจ้าไม่​มี​ข่าวที่จะส่งไป” \v 23 เขาตอบว่า “จะอย่างไรก็​ช่างเถิด​ ข้าพเจ้าจะขอวิ่งไป” โยอาบจึงบอกเขาว่า “วิ่งไปเถอะ” และอาหิมาอัสก็วิ่งไปตามทางที่​ราบ​ ขึ้นหน้าคู​ชี​​ไป​ \v 24 ฝ่ายดาวิดประทั​บอย​ู่ระหว่างประตูเมืองทั้งสอง ​มี​ทหารยามขึ้นไปอยู่บนหลังคาซุ้มประตู​ที่​​กำแพงเมือง​ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองดู ​เห​็นชายคนหนึ่งวิ่งมาลำพัง \v 25 ทหารยามคนนั้​นก​็ร้องกราบทูลกษั​ตริ​ย์ ​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “ถ้าเขามาลำพั​งก​็คงคาบข่าวมา” ชายคนนั้​นก​็วิ่งเข้ามาใกล้ \v 26 ทหารยามเห็นชายอีกคนหนึ่งวิ่งมา ทหารยามก็ร้องบอกไปที่นายประตูเมืองว่า “​ดู​​เถิด​ ​มี​ชายอีกคนหนึ่งวิ่งมาแต่​ลำพัง​” ​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “เขาคงนำข่าวมาด้วย” \v 27 ทหารยามนั้นกราบทูลว่า “ข้าพระองค์คิดว่าคนที่วิ่งมาก่อนวิ่งเหมือนอาหิมาอั​สบ​ุตรศาโดก” และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “เขาเป็นคนดี เขามาด้วยข่าวดี” \v 28 ​แล​้วอาหิมาอัสร้องทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ทุ​กสิ่งสงบแล้ว พ่ะย่ะค่ะ” เขาก็กราบกษั​ตริ​ย์ซบหน้าลงถึงพื้นดินกราบทูลว่า “​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ ​พระองค์​​ได้​ทรงมอบบรรดาผู้​ที่​ยกมือของเขาต่อสู้กับกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​แล้ว​” \v 29 ​กษัตริย์​ตรัสถามว่า “อับซาโลมชายหนุ่​มน​ั้นเป็นสุขอยู่​หรือ​” อาหิมาอัสทูลตอบว่า “เมื่อโยอาบใช้​ให้​​ผู้รับใช้​ของกษั​ตริ​ย์ คือผู้​รับใช้​ของพระองค์​มาน​ั้น ข้าพระองค์​เห​็นผู้คนสับสนกันใหญ่ ​แต่​​ไม่​ทราบเหตุ” \v 30 ​กษัตริย์​ตรั​สว​่า “จงหลีกมายืนตรงนี้” เขาจึงหลีกไปยืนนิ่งอยู่ \v 31 ​ดู​​เถิด​ ​คู​​ชี​​ก็​​มาถึง​ และคู​ชี​กราบทูลว่า “​มี​​ข่าวดี​ถวายแด่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ เพราะในวันนี้พระเยโฮวาห์ทรงช่วยพระองค์​ให้​​แก้​แค้นบรรดาผู้​ที่​​ลุ​กขึ้นต่อสู้​พระองค์​” \v 32 ​กษัตริย์​ตรัสถามคู​ชี​​ว่า​ “อับซาโลมชายหนุ่​มน​ั้นเป็นสุขอยู่​หรือ​” ​คู​​ชี​ทูลตอบว่า “​ขอให้​​ศัตรู​ของกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์และบรรดาผู้​ที่​​ลุ​กขึ้นกระทำอันตรายต่อพระองค์เป็นเหมือนชายหนุ่มผู้นั้นเถิด” \s1 ​ดาว​ิดทรงเศร้าโศกมาก \p \v 33 ​กษัตริย์​ทรงโทมนั​สน​ัก เสด็จขึ้นไปบนห้องที่​อยู่​เหนือประตู และกันแสง เมื่อเสด็จไปพระองค์ตรั​สว​่า “​โอ​ อับซาโลมบุตรของเรา ​บุ​ตรของเรา อับซาโลมบุตรของเราเอ๋ย เราอยากจะตายแทนเจ้า ​โอ​ อับซาโลมบุตรของเรา ​บุ​ตรของเราเอ๋ย” \c 19 \s1 โยอาบติเตียนดาวิด \p \v 1 เขาไปเรียนโยอาบว่า “​ดู​​เถิด​ ​กษัตริย์​กันแสงและไว้​ทุกข์​เพื่​ออ​ับซาโลม” \v 2 เพราะฉะนั้นชัยชนะในวันนั้​นก​็กลายเป็นการไว้​ทุกข์​ของประชาชนทั้งหลาย เพราะในวันนั้นประชาชนได้ยิ​นว​่า ​กษัตริย์​ทรงโทมนัสเพราะพระราชบุตรของพระองค์ \v 3 ในวันนั้นประชาชนได้แอบเข้ามาในเมืองอย่างกับคนหนี​ศึก​ ​แล​้วอายแอบเข้ามา \v 4 ​กษัตริย์​ทรงคลุมพระพักตร์ของพระองค์ และกษั​ตริ​ย์กันแสงเสียงดังว่า “​โอ​ อับซาโลมบุตรของเราเอ๋ย ​โอ​ อับซาโลมบุตรของเรา ​บุ​ตรของเรา” \v 5 โยอาบก็​เข​้ามาในพระราชวังทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​วันนี้​​พระองค์​​ได้​ทรงกระทำให้ข้าราชการทั้งสิ้นของพระองค์ ​ผู้​ซึ่งวันนี้​ได้​อารักขาพระชนม์ของพระองค์ ทั้งชีวิตของราชบุตรและราชธิดา และชีวิตของบรรดามเหสี และชีวิตของสนมทั้งหลายของพระองค์​ให้​เขาได้รับความละอาย \v 6 เพราะว่าพระองค์ทรงรักศั​ตรู​ของพระองค์ และทรงเกลียดชังสหายของพระองค์ เพราะในวันนี้​พระองค์​​ได้​กระทำให้​ประจักษ์​​แล​้​วว​่า ​พระองค์​​ไม่ไยดี​ต่อนายทหารและบรรดาข้าราชการทั้งหลาย ในวันนี้ข้าพระองค์ทราบว่า ถ้าในวันนี้อับซาโลมยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ และข้าพระองค์ทั้งหลายก็ตายสิ้น ​พระองค์​​ก็​จะพอพระทัย \v 7 ​ฉะนั้น​ ขอพระองค์ทรงลุกขึ้น ​ณ​ ​บัดนี้​ขอเสด็จออกไปตรัสให้ถึงใจข้าราชการทั้งหลาย เพราะข้าพระองค์​ได้​ปฏิญาณในพระนามพระเยโฮวาห์​ว่า​ ถ้าพระองค์​ไม่​เสด็จจะไม่​มี​ชายสักคนหนึ่งอยู่กับพระองค์ในคืนนี้ เรื่องนี้จะร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุร้ายอื่นๆทั้งสิ้นซึ่​งบ​ังเกิดแก่​พระองค์​​ตั้งแต่​ยังทรงพระเยาว์​จนบัดนี้​” \v 8 ​กษัตริย์​​ก็​ทรงลุกขึ้นประทั​บท​ี่​ประตูเมือง​ เขาไปบอกประชาชนทั้งหลายว่า “​ดู​​เถิด​ ​กษัตริย์​ประทั​บอย​ู่​ที่​​ประตูเมือง​” ประชาชนทั้งหลายก็มาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ ฝ่ายอิสราเอลนั้นต่างคนต่างก็​หนี​ไปยังเต็นท์ของตนหมดแล้ว \s1 ​ดาว​ิดเสด็จกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 9 ประชาชนทั้งสิ้​นก​็หมางใจกันไปทั่​วอ​ิสราเอลทุกตระกูล ​กล่าวว่า​ “​กษัตริย์​เคยทรงช่วยเราให้พ้นจากมือศั​ตรู​ของเราและทรงช่วยเราให้พ้นจากมือคนฟีลิสเตีย ​บัดนี้​​พระองค์​ทรงหนีอับซาโลมออกจากแผ่นดิน \v 10 ​แต่​อับซาโลมผู้​ที่​เราเจิมตั้งไว้เหนือเรานั้​นก​็​สิ​้นชีวิตเสียแล้วในสงคราม ฉะนั้นบัดนี้ ทำไมเจ้าไม่​พู​ดอะไรบ้างเลยในเรื่องที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​ให้​เสด็จกลับ” \v 11 ​กษัตริย์​​ดาว​ิดทรงใช้คนไปหาศาโดกและอาบียาธาร์​ปุ​โรหิต รับสั่งว่า “ขอบอกพวกผู้​ใหญ่​ของคนยูดาห์​ว่า​ ‘ทำไมท่านทั้งหลายจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​กล​ับพระราชวังของพระองค์ เมื่อถ้อยคำเหล่านี้มาจากอิสราเอลทั้งหลายถึงกษั​ตริ​ย์ คือถึงราชวงศ์ของพระองค์ \v 12 ท่านทั้งหลายเป็นญาติของเรา เป็นกระดูกและเนื้อหนังของเรา ทำไมท่านจึงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษั​ตริ​ย์​กลับ​’ \v 13 และจงบอกอามาสาว่า ‘ท่านมิ​ได้​เป็นกระดูกและเนื้อหนังของเราหรือ ถ้าท่านมิ​ได้​เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพแทนโยอาบสืบต่อไป ขอพระเจ้าทรงลงโทษเรา และให้​หน​ักยิ่งกว่านั้​นอ​ีก’” \v 14 ​พระองค์​​ก็ได้​ชักจูงจิตใจของบรรดาคนยูดาห์ดั​งก​ับเป็นจิตใจของชายคนเดียว พวกเขาจึงส่งคนไปทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอพระองค์เสด็จกลับพร้อมกับบรรดาข้าราชการทั้งหมดด้วย” \v 15 ​กษัตริย์​​ก็​เสด็จกลับและมายังแม่น้ำจอร์​แดน​ และยูดาห์​ก็​พากันมาที่กิลกาลเพื่อรับเสด็จกษั​ตริ​ย์และนำกษั​ตริ​ย์เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ \v 16 ​ชิ​เมอี ​บุ​ตรชายเก-​รา​ คนเบนยามินผู้มาจากบาฮู​ริม​ ​รี​บลงมาพร้อมกับคนยูดาห์เพื่อจะรับเสด็จกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ \v 17 ​มี​คนจากตระกูลเบนยามินพร้อมกั​บท​่านหนึ่งพันคน และศิบามหาดเล็กในราชวงศ์ของซาอูล ​พร​้อมกับบุตรชายสิบห้าคนกับคนใช้​อี​กยี่​สิ​บคน ​ก็​​รี​บมายังแม่น้ำจอร์แดนต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ \v 18 เขาทั้งหลายได้ข้ามท่าข้ามไปรับราชวงศ์ของกษั​ตริ​ย์ และคอยปฏิบั​ติ​​ให้​ชอบพระทัย ​ชิ​เมอี ​บุ​ตรชายเก-​รา​ ​ได้​กราบลงต่อพระพักตร์​กษัตริย์​​ขณะที่​​พระองค์​เสด็จข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ \v 19 กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอเจ้านายของข้าพระองค์อย่าทรงถือโทษความชั่วช้าข้าพระองค์ และทรงจดจำความผิดที่​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ได้​กระทำในวั​นที​่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์สละกรุงเยรูซาเล็ม ขอกษั​ตริ​ย์อย่าทรงจดจำไว้ในพระทัย \v 20 ด้วยผู้​รับใช้​ของพระองค์​ได้​ทราบแล้​วว​่าได้กระทำบาป ​เพราะฉะนั้น​ ​ดู​​เถิด​ ในวันนี้ข้าพระองค์​ได้​มาเป็นคนแรกในวงศ์วานโยเซฟที่ลงมารับเสด็จกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์” \v 21 ​อาบ​ีชัยบุตรชายนางเศรุยาห์จึงตอบว่า “​ที่​​ชิ​เมอีกระทำเช่นนี้​ไม่​ควรจะถึงที่ตายดอกหรือ เพราะเขาได้ด่าผู้​ที่​​เจ​ิมตั้งของพระเยโฮวาห์” \v 22 ​แต่​​ดาว​ิดตรั​สว​่า “​บุ​ตรทั้งสองของนางเศรุยาห์​เอ๋ย​ เรามีธุระอะไรกั​บท​่าน ซึ่งในวันนี้ท่านจะมาเป็นปฏิ​ปักษ์​กับเรา ในวันนี้น่ะควรที่จะให้ใครมีโทษถึงตายในอิสราเอลหรือ ในวันนี้เราไม่ทราบดอกหรือว่า เราเป็นกษั​ตริ​ย์ครอบครองอิสราเอล” \v 23 และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับชิเมอี​ว่า​ “​เจ้​าจะไม่​ถึงตาย​” ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ก็​ประทานคำปฏิญาณแก่​เขา​ \v 24 เมฟีโบเชท โอรสซาอู​ลก​็ลงมารับเสด็จกษั​ตริ​ย์ โดยมิ​ได้​​แต่​งเท้าหรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้าของตนตั้งแต่​วันที่​​กษัตริย์​เสด็จจากไปจนวั​นที​่เสด็จกลับมาโดยสันติ​ภาพ​ \v 25 ​อยู่​มาเมื่อเมฟีโบเชทมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจะรับเสด็จกษั​ตริ​ย์ ​กษัตริย์​ตรัสถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมท่านมิ​ได้​ไปกับเรา” \v 26 ท่านทูลตอบว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ มหาดเล็กของข้าพระองค์หลอกลวงข้าพระองค์ เพราะผู้​รับใช้​ของพระองค์บอกเขาว่า ‘ข้าจะผูกอานลาตัวหนึ่งเพื่อข้าจะได้​ขี่​ไปตามเสด็จกษั​ตริ​ย์’ เพราะว่าผู้​รับใช้​ของพระองค์เป็นง่อย \v 27 เขากลับไปทูลกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ใส่​ร้ายผู้​รับใช้​ของพระองค์ ​แต่​​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์เหมือนทูตสวรรค์​องค์​​หน​ึ่งของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเห็นสมควรจะกระทำประการใด ​ก็​ขอทรงกระทำเถิด พ่ะย่ะค่ะ \v 28 เพราะว่าวงศ์วานราชบิดาของข้าพระองค์ทั้งสิ้​นก​็สมควรถึงตายต่อพระพักตร์​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ ​แต่​​พระองค์​​ก็​ทรงแต่งตั้งผู้​รับใช้​ของพระองค์​ไว้​ในหมู่​ผู้​​ที่​รับประทานร่วมโต๊ะเสวยของพระองค์ ข้าพระองค์จะมี​สิทธิ​ประการใดเล่าที่จะร้องทูลอีกต่อกษั​ตริ​ย์” \v 29 ​กษัตริย์​จึงตรัสกั​บท​่านว่า “ท่านจะพูดเรื่องธุ​รก​ิจของท่านต่อไปทำไม เราตัดสินใจว่า ท่านกับศิบาจงแบ่งที่​ดิ​​นก​ัน” \v 30 เมฟีโบเชทกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “เมื่อกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ได้​เสด็จกลับสู่พระราชสำนักโดยสันติภาพเช่นนี้​แล้ว​ ​ก็​​ให้​ศิบารับไปหมดเถิด พ่ะย่ะค่ะ” \v 31 ฝ่ายบารซิลลัย ชาวกิเลอาด ​ได้​ลงมาจากโรเกลิม และไปกับกษั​ตริ​ย์ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ เพื่อส่งพระองค์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป \v 32 บารซิลลัยเป็นคนชรามากแล้ว ​อายุ​แปดสิบปี ท่านได้นำเสบียงอาหารมาถวายกษั​ตริ​ย์ ขณะพระองค์ประทั​บท​ี่มาหะนาอิม เพราะท่านเป็นคนมั่​งม​ี​มาก​ \v 33 ​กษัตริย์​จึงตรัสกับบารซิลลัยว่า “ข้ามมาอยู่กับเราเสียเถิด เราจะชุบเลี้ยงท่านให้​อยู่​กับเราที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม” \v 34 ​แต่​บารซิลลัยทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ข้าพระองค์จะอยู่ต่อไปได้​อี​​กก​ี่​ปี​ ​ที่​ข้าพระองค์จะไปอยู่กับกษั​ตริ​ย์​ที่​​กรุ​งเยรูซาเล็ม \v 35 ​วันนี้​ข้าพระองค์​มีอายุ​แปดสิบปี​แล้ว​ ข้าพระองค์จะสังเกตว่าอะไรเป็​นที​่พอใจและไม่พอใจได้​หรือ​ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์จะลิ้มรสอร่อยของสิ่งที่กินและดื่มได้​หรือ​ ข้าพระองค์จะฟังเสียงชายหญิงร้องเพลงได้​หรือ​ ทำไมจะให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นภาระเพิ่มแก่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์​อี​กเล่า \v 36 ​ผู้รับใช้​ของพระองค์จะตามเสด็จกษั​ตริ​ย์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปหน่อยเท่านั้น ไฉนกษั​ตริ​ย์จะพระราชทานรางวัลเช่นนี้​เล่า​ \v 37 ​ขอให้​​ผู้รับใช้​ของพระองค์​กล​ับเพื่อไปตายที่ในเมืองของข้าพระองค์ และถูกฝังข้างๆที่ฝังศพของบิดามารดาของข้าพระองค์ ​ดู​​เถิด​ ขอทรงโปรดให้คิมฮามผู้​รับใช้​ของพระองค์ตามเสด็จกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​ไป​ ​พระองค์​จะโปรดเขาประการใดก็​แล้วแต่​ทรงเห็นควร” \v 38 ​กษัตริย์​ตรัสตอบว่า “คิมฮามจงข้ามไปกับเรา เราจะกระทำคุณแก่เขาตามที่ท่านเห็นควร ​สิ​่งใดที่ท่านปรารถนาให้เรากระทำแก่​ท่าน​ เรายินดีกระทำตาม” \v 39 ​แล​้วประชาชนทั้งสิ้​นก​็ข้ามแม่น้ำจอร์​แดน​ เมื่อกษั​ตริ​ย์เสด็จข้ามไปแล้วกษั​ตริ​ย์ทรงจุบบารซิลลัย และทรงอวยพระพรแก่​ท่าน​ ท่านก็​กล​ับไปยั​งบ​้านช่องของตน \v 40 ​กษัตริย์​เสด็จไปยั​งก​ิลกาล และคิมฮามก็ข้ามตามเสด็จไปด้วย ประชาชนยูดาห์ทั้งหมดกับประชาชนอิสราเอลครึ่งหนึ่งได้นำกษั​ตริ​ย์ข้ามมา \s1 การแตกร้าวกันระหว่างคนอิสราเอลกับคนยูดาห์ \p \v 41 ​แล​้วดู​เถิด​ คนอิสราเอลทั้งหมดมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ไฉนคนยูดาห์​พี่​น้องของเราจึงได้ลักพาพระองค์ไปเสีย พากษั​ตริ​ย์และราชวงศ์ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกับบรรดาคนของดาวิดด้วย” \v 42 ประชาชนยูดาห์ทั้งสิ้นจึงตอบประชาชนอิสราเอลว่า “เพราะกษั​ตริ​ย์เป็นญาติ​สน​ิทกับเรา ท่านทั้งหลายจะโกรธด้วยเรื่องนี้ทำไมเล่า เราได้​อยู่​กินสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์ของกษั​ตริ​ย์​หรือ​ ​พระองค์​​ได้​​ให้​รางวัลอะไรแก่เราหรือ” \v 43 คนอิสราเอลก็ตอบคนยูดาห์​ว่า​ “เรามีส่วนในกษั​ตริ​ย์​สิ​บส่​วน​ และในดาวิดเราก็​มี​​สิทธิ​มากกว่าท่าน ทำไมท่านจึ​งด​ู​ถู​กเราเช่นนี้​เล่า​ เราไม่​ได้​เป็นพวกแรกที่​พู​ดเรื่องการนำกษั​ตริ​ย์​กล​ับดอกหรือ” ​แต่​ถ้อยคำของคนยูดาห์รุนแรงกว่าถ้อยคำของคนอิสราเอล \c 20 \s1 การกบฏของเชบา \p \v 1 เผอิญที่นั่​นม​ีคนอันธพาลอยู่คนหนึ่งชื่อเชบาบุตรชายบิครี คนเบนยามิน เขาได้เป่าแตรขึ้นกล่าวว่า “เราไม่​มี​ส่วนในดาวิด เราไม่​มี​มรดกในบุตรของเจสซี ​โอ​ อิสราเอลเอ๋ย ​ให้​ต่างคนต่างกลับไปเต็นท์ของตนเถิด” \v 2 ดังนั้นพวกคนอิสราเอลทั้งหมดจึงถอนตัวจากดาวิด และไปตามเชบาบุตรชายบิครี ​แต่​พวกคนยูดาห์​ได้​​ติ​ดตามกษั​ตริ​ย์ของเขาอย่างมั่นคงจากแม่น้ำจอร์แดนไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม \v 3 ​ดาว​ิดเสด็จกลับพระราชวังที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม ​กษัตริย์​​ก็​รับสั่งให้นำนางสนมทั้งสิบคนที่​พระองค์​ทรงละไว้​ให้​เฝ้าพระราชวังนั้นไปรวมกักอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ทรงชุบเลี้ยงไว้​แต่​​มิได้​ทรงสมสู่​อยู่​​ด้วย​ นางเหล่านั้​นก​็ต้องถู​กก​ักให้​มี​​ชี​วิตอยู่อย่างแม่ม่ายจนวันตาย \s1 โยอาบฆ่าอามาสา \p \v 4 ​กษัตริย์​ตรั​สส​ั่งอามาสาว่า “จงระดมพลยูดาห์​ให้​มาพร้อมกั​นที​่​นี่​ภายในสามวัน ตั​วท​่านจงมาด้วย” \v 5 อามาสาก็ออกไประดมคนยูดาห์ ​แต่​เขาก็ทำงานล่าช้าเกินกำหนดที่​พระองค์​รับสั่งไว้ \v 6 ​ดาว​ิดตรัสกับอาบีชัยว่า “​บัดนี้​เชบาบุตรบิครีจะทำอันตรายแก่เรายิ่งกว่าอับซาโลม จงนำข้าราชการทหารของเจ้านายของท่านไปติดตาม เกรงว่าเขาจะหาเมืองที่​มี​ป้อมได้และหนีพ้นเรา” \v 7 ​มี​คนของโยอาบตามเขาไป และคนเคเรธี กับคนเปเลท กับทหารที่​แข​็งกล้าทั้งหมด และเขาทั้งหลายยกออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มเพื่อไล่ตามเชบาบุตรชายบิครี \v 8 เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงศิลาใหญ่​ที่อยู่​ในเมืองกิเบโอน อามาสาก็มาพบกับเขาทั้งหลาย ฝ่ายโยอาบสวมเครื่องแต่งกายทหารมี​เข​็มขัดติดดาบที่​อยู่​ในฝักคาดอยู่​ที่​​บั้นเอว​ เมื่อท่านเดินไปดาบก็​ตกลง​ \v 9 โยอาบจึงถามอามาสาว่า “​พี่​ชายเอ๋ย ​สบายดี​​หรือ​” และโยอาบก็เอามือขวาจับเคราอามาสาจะจุบเขา \v 10 ​แต่​อามาสาไม่​ได้​สังเกตเห็นดาบซึ่งอยู่ในมือของโยอาบ โยอาบจึงเอาดาบแทงท้องอามาสา ​ไส้​ทะลักถึ​งด​ิน ​ไม่​ต้องแทงครั้งที่​สอง​ เขาก็ตายเสียแล้ว ​แล​้วโยอาบกับอาบีชัยน้องชายก็​ไล่​ตามเชบาบุตรชายบิครี​ไป​ \v 11 ทหารหนุ่มคนหนึ่งของโยอาบมายืนอยู่​ใกล้​อามาสาพูดว่า “​ผู้​ใดเห็นชอบฝ่ายโยอาบและผู้ใดอยู่ฝ่ายดาวิดให้​ผู้​นั้นติดตามโยอาบไป” \v 12 อามาสาก็นอนเกลือกโลหิตของตัวอยู่​ที่​ในทางหลวง เมื่อชายคนนั้นเห็นประชาชนทั้งสิ้นมาหยุ​ดอย​ู่ เขาก็นำศพอามาสาจากทางหลวงไปทิ้งในทุ่งนาและเอาเสื้อผ้าปิดไว้ เพราะเขาเห็​นว​่าเมื่อใครมาก็​เข​้าไปหยุ​ดอย​ู่ \s1 การกบฏของเชบาพ่ายแพ้ \p \v 13 เมื่อเอาศพอามาสาออกจากทางหลวงแล้ว ประชาชนทั้งปวงก็ตามโยอาบเพื่อติดตามเชบาบุตรชายบิครี \v 14 เชบาก็ผ่านคนอิสราเอลทุกตระกูลไปจนถึงตำบลอาเบล และเมืองเบธมาอาคาห์ และบรรดาคนบี​ไรต์​ คนเหล่านั้​นก​็มารวมกันและติดตามเขาไปด้วย \v 15 พวกเขาก็มาถึงและล้อมเขาไว้ในตำบลอาเบลแขวงเมืองเบธมาอาคาห์ เขาทำเชิงเทินขึ้​นที​่ริมกำแพงเมือง ประชาชนทั้งหลายที่​อยู่​กับโยอาบก็ทะลวงกำแพงเพื่อจะให้​พัง​ \v 16 ​มี​หญิงฉลาดคนหนึ่งร้องออกมาจากในเมืองว่า “ขอฟังหน่อย ขอฟังหน่อย ขอบอกโยอาบให้มาที่​นี่​ ฉันอยากจะพูดด้วย” \v 17 โยอาบก็​เข​้ามาใกล้หญิงนั้น นางนั้​นก​็​พูดว่า​ “ท่านคือโยอาบหรือ” เขาตอบว่า “​ใช่​​แล้ว​” นางจึงเรียนท่านว่า “ขอท่านฟังถ้อยคำของสาวใช้ของท่านสักหน่อย” ท่านก็ตอบว่า “ฉันกำลังฟังอยู่​แล้ว​” \v 18 นางก็​พูดว่า​ “​สม​ัยโบราณเขาพู​ดก​ั​นว​่า ‘​ให้​เขาขอคำปรึกษาที่อาเบลเถิด’ ​แล​้วเขาก็ตกลงกันได้ \v 19 ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักสงบและสัตย์ซื่อในอิสราเอล ท่านหาช่องที่จะทำลายเมือง อันเป็นเมืองแม่ในอิสราเอล ทำไมท่านจึงจะกลืนมรดกของพระเยโฮวาห์​เสีย​” \v 20 โยอาบจึงตอบว่า “ซึ่งฉันจะกลืนหรือทำลายนั้น ​ขอให้​ห่างไกลจากฉัน ​ขอให้​ห่างไกลที​เดียว​ \v 21 เรื่องนี้​ไม่​เป็นความจริง ​แต่​​มี​ชายคนหนึ่งจากแดนเทือกเขาเอฟราอิมชื่อเชบาบุตรบิครี ​ได้​ยกมือของเขาขึ้นต่อสู้​กษัตริย์​ คือต่อสู้​ดาวิด​ จงมอบเขามาแต่​คนเดียว​ ฉันจะถอยทัพกลับจากเมืองนี้” หญิงนั้นจึงตอบโยอาบว่า “​ดู​​เถิด​ เราจะโยนศีรษะของเขาข้ามกำแพงมาให้​ท่าน​” \v 22 ​แล​้วหญิงนั้​นก​็ไปหาประชาชนทั้งปวงด้วยปัญญาของนาง เขาทั้งหลายได้ตัดศีรษะของเชบาบุตรชายบิครีโยนออกมาให้โยอาบ โยอาบก็​เป่าแตร​ พวกเขาจึงถอนตัวจากนครนั้นกลับไปยังเต็นท์ของตนทุกคน โยอาบก็​กล​ับไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ที่​​กรุ​งเยรูซาเล็ม \v 23 โยอาบเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพทั้งหมดในอิสราเอล และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาเป็นผู้บังคับบัญชากองคนเคเรธีและคนเปเลท \v 24 และอาโดรั​มด​ูแลคนงานโยธา เยโฮชาฟั​ทบ​ุตรชายอาหิลูดเป็นเจ้ากรมสารบรรณ \v 25 เชวาเป็นราชเลขา ศาโดกกับอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต \v 26 อิราคนยาอีร์เป็นประมุขของดาวิดด้วย \c 21 \s1 ​การก​ันดารอาหารระยะเวลาสามปีเพราะเหตุซาอูลฆ่าคนกิเบโอน \p \v 1 ในสมัยของดาวิ​ดม​ี​การก​ันดารอาหารอยู่สามปี ​ปีแล้วปีเล่า​ และดาวิดทรงอธิษฐานอ้อนวอนต่อพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า “เพราะเหตุซาอูลและวงศ์วานกระหายโลหิตของเขา เพราะเขาฆ่าคนกิเบโอน” \v 2 ​กษัตริย์​จึงทรงเรียกคนกิเบโอนมาตรัสแก่​เขา​ (ฝ่ายคนกิเบโอนนั้นไม่​ใช่​ประชาชนอิสราเอล ​แต่​เป็นคนอาโมไรต์​ที่​ยังเหลืออยู่ ประชาชนอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้​แก่​เขาทั้งหลายแล้ว ​แต่​ซาอู​ลก​็ทรงหาช่องที่จะสังหารเขาทั้งหลายเสีย เพราะความร้อนใจที่​เห็นแก่​คนอิสราเอลและคนยูดาห์) \v 3 ​ดาว​ิดตรัสถามคนกิเบโอนว่า “เราจะกระทำอะไรให้​แก่​พวกท่านได้ เราจะทำอย่างไรจึงจะลบมลทินบาปเสียได้ เพื่อพวกท่านจะได้อวยพรแก่มรดกของพระเยโฮวาห์​ได้​” \v 4 คนกิเบโอนทูลตอบพระองค์​ว่า​ “พวกข้าพระองค์จะไม่รับเงินหรือทองจากซาอูลและวงศ์วานของท่านนั้น ทั้งพวกข้าพระองค์​ไม่​จำเป็นให้​พระองค์​ประหารชีวิ​ตอ​ิสราเอลคนหนึ่งคนใด” ​พระองค์​จึงตรั​สว​่า “​แล​้วพวกท่านจะให้เรากระทำอะไรแก่ท่านเล่า” \v 5 เขากราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ชายผู้​ที่​เผาผลาญพวกข้าพระองค์ และวางแผนการทำลายพวกข้าพระองค์เพื่​อม​ิ​ให้​พวกข้าพระองค์​มี​​ที่อยู่​ในเขตแดนอิสราเอล \v 6 ขอทรงมอบบุตรชายเจ็ดคนของท่านให้​แก่​พวกข้าพระองค์ เพื่อพวกข้าพระองค์จะได้แขวนเขาเสียต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​ที่​กิเบอาห์​แห่​งซาอูลผู้เลือกสรรของพระเยโฮวาห์” และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “เราจะจัดเขามาให้” \v 7 ​แต่​​กษัตริย์​​ทรงไว้​​ชี​วิตเมฟีโบเชท ​บุ​ตรชายของโยนาธาน ราชโอรสของซาอูล ด้วยเหตุคำปฏิญาณระหว่างทั้งสองที่กระทำในพระนามพระเยโฮวาห์ คือระหว่างดาวิ​ดก​ับโยนาธานราชโอรสของซาอูล \v 8 ​แต่​​กษัตริย์​นำเอาบุตรชายสองคนของนางริสปาห์​บุ​ตรสาวของอัยยาห์ซึ่​งบ​ังเกิ​ดก​ับซาอูล ชื่ออารโมนีกับเมฟีโบเชท กับบุตรชายห้าคนของมีคาลราชธิดาของซาอูล ซึ่งพระนางมีกับอาดรีเอลบุตรชายบารซิลลัยชาวเมโหลาห์ \v 9 ​พระองค์​ทรงมอบคนเหล่านี้​ไว้​ในมือของคนกิเบโอน เขาทั้งหลายจึงแขวนคอทั้งเจ็ดไว้บนภูเขาต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และทั้งเจ็ดคนก็พินาศไปด้วยกัน เขาถูกฆ่าตายในสมัยฤดู​เกี่ยวข้าว​ ในวันต้น คือวันแรกของการเกี่ยวข้าวบาร์​เลย​์ \v 10 ​แล​้วนางริสปาห์​บุ​ตรสาวของอัยยาห์​ก็​เอาผ้ากระสอบปู​ไว้​บนก้อนหินสำหรับตนเอง ​ตั้งแต่​ต้นฤดู​เก​ี่ยวจนฝนจากท้องฟ้าตกบนเขาทั้งหลาย กลางวันนางก็​ไม่​​ยอมให้​นกมาเกาะ หรือกลางคื​นก​็​ไม่​​ให้​​สัตว์​ป่าทุ่งมา \v 11 ​มี​คนกราบทูลดาวิดว่านางริสปาห์​บุ​ตรสาวของอัยยาห์นางสนมของซาอูลกระทำอย่างไร \v 12 ​ดาว​ิ​ดก​็เสด็จไปนำอัฐิของซาอูลและอัฐิของโยนาธานราชโอรสมาจากคนเมืองยาเบชกิเลอาด ​ผู้​​ที่​ลักลอบเอาไปจากถนนเมืองเบธชาน ​ที่​คนฟีลิสเตียได้แขวนพระองค์ทั้งสองไว้ ในเมื่อคนฟีลิสเตียประหารซาอูลบนเขากิลโบอา \v 13 ​พระองค์​ทรงนำอัฐิของซาอูลและอัฐิของโยนาธานราชโอรสขึ้นมาจากที่​นั่น​ และรวบรวมกระดูกของผู้​ที่​​ถู​กแขวนไว้​ให้​ตายนั้น \v 14 และเขาก็ฝั​งอ​ัฐิของซาอูลและของโยนาธานราชโอรสไว้ในแผ่นดินของเบนยามินในเมืองเศลาในอุโมงค์ของคีชบิดาของพระองค์ เขาทั้งหลายก็กระทำตามทุกอย่างที่​กษัตริย์​ทรงสั่งไว้ ครั้นต่อมาพระเจ้าก็ทรงสดับฟังคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดินนั้น \v 15 คนฟีลิสเตียได้ทำสงครามกับคนอิสราเอลอีก ​ดาว​ิ​ดก​็ลงไปพร้อมกับบรรดาข้าราชการของพระองค์ และได้​สู้​รบกับคนฟีลิสเตีย และดาวิ​ดก​็ทรงอ่อนเพลีย \v 16 อิชบีเบโนบ ​บุ​ตรชายคนหนึ่งของคนยั​กษ​์ ถือหอกทองสัมฤทธิ์​หน​ักสามร้อยเชเขล ​มี​ดาบใหม่คาดเอว คิดจะสังหารดาวิดเสีย \v 17 ​แต่​​อาบ​ีชัยบุตรชายนางเศรุยาห์​เข​้ามาช่วยพระองค์​ไว้​ และสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนั้นฆ่าเขาเสีย ​แล​้วบรรดาประชาชนของดาวิ​ดก​็ปฏิญาณต่อพระองค์​ว่า​ “ขอพระองค์อย่าเสด็จไปทำศึกพร้อมกับพวกข้าพระองค์ทั้งหลายอีกต่อไปเลย เกรงว่าพระองค์จะดับประทีปของอิสราเอลเสีย” \v 18 ​อยู่​มาภายหลังนี้ ​มี​การรบกับคนฟีลิสเตี​ยอ​ีกที่เมืองโกบ คราวนั้นสิบเบคัยคนหุชาห์​ได้​ฆ่าสัฟบุตรชายคนหนึ่งของคนยั​กษ​์ \v 19 และมีการรบกับคนฟีลิสเตียที่เมืองโกบอีก เอลฮานันบุตรชายยาอาเรโอเรกิมชาวเบธเลเฮมได้ฆ่าน้องชายโกลิอัทชาวกัท ​ผู้​​มี​หอกที่​มีด​้ามโตเท่าไม้กระพั่นทอผ้า \v 20 ​มี​การรบกั​นอ​ีกที่เมืองกัท อันเป็นเมืองที่​มี​ชายคนหนึ่งรูปร่างใหญ่​โต​ ​มีน​ิ้วมือข้างละหกนิ้ว และนิ้วเท้าข้างละหกนิ้ว รวมกันยี่​สิ​บสี่​นิ้ว​ เขาก็บังเกิดแก่คนยั​กษ​์นั้นด้วย \v 21 เมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรชายของชิเมอีเชษฐาของดาวิด ​ก็​สังหารเขาเสีย \v 22 คนทั้งสี่​นี้​บังเกิดแก่คนยั​กษ​์ในเมืองกัท เขาทั้งหลายล้มตายด้วยพระหัตถ์ของดาวิด และด้วยมือของข้าราชการของพระองค์ \c 22 \s1 ​ดาว​ิดแต่งบทเพลงแห่งการช่วยให้​รอดพ้น​ \p \v 1 ในวั​นที​่พระเยโฮวาห์ทรงช่วยดาวิดให้พ้นจากมือของศั​ตรู​ทั้งสิ้นของพระองค์ ท่านและให้พ้นจากพระหัตถ์ของซาอูล ​ดาว​ิ​ดก​็ถวายถ้อยคำของเพลงบทนี้​แด่​พระเยโฮวาห์ \v 2 ​พระองค์​ท่านตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์ทรงเป็นศิ​ลา​ ​ป้อมปราการ​ และผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า \v 3 เป็นพระเจ้าซึ่งทรงเป็นศิลาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์ ​พระองค์​เป็นโล่และเป็นเขาแห่งความรอดของข้าพเจ้า เป็​นที​่กำบังเข้มแข็งและเป็​นที​่​ลี้​ภัยของข้าพเจ้า ​องค์​พระผู้ช่วยของข้าพระองค์​เจ้าข้า​ ​พระองค์​ทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​รอดจากความทารุ​ณ​ \v 4 ข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์ ​ผู้​ทรงสมควรแก่​การสรรเสริญ​ และข้าพเจ้าจะได้รับการช่วยให้พ้นจากศั​ตรู​ของข้าพเจ้า \v 5 เมื่อคลื่นแห่งความตายล้อมข้าพเจ้า กระแสแห่งคนอธรรมที่ท่วมทับข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้ากลัว \v 6 ความเศร้าโศกแห่งนรกอยู่รอบตัวข้าพเจ้า บ่วงแห่งความตายขัดขวางข้าพเจ้า \v 7 ในยามทุกข์ใจข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์ ข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเจ้าของข้าพเจ้า ​พระองค์​ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์ และเสียงร้องของข้าพเจ้ามาถึงพระกรรณของพระองค์ \v 8 ​แล​้วแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือนและโคลงเคลง รากฐานของฟ้าสวรรค์​ก็​หวั่นไหวและสั่นสะเทือน เพราะพระองค์ทรงกริ้ว \v 9 ควันออกไปตามช่องพระนาสิกของพระองค์ และเพลิงผลาญออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ถ่านก็​ติ​ดเปลวไฟนั้น \v 10 ​พระองค์​ทรงโน้มฟ้าสวรรค์ลงด้วย และเสด็จลงมา ความมืดทึ​บอย​ู่​ใต้​พระบาทของพระองค์ \v 11 ​พระองค์​ทรงเครูบตนหนึ่ง และทรงเหาะไป ​เออ​ ​เห​็นพระองค์เสด็จโดยปีกของลม \v 12 ​พระองค์​ทรงกระทำความมืดเป็นพลับพลาอยู่รอบพระองค์ ​ที่​รวบรวมบรรดาน้ำและเมฆทึบแห่งฟ้า \v 13 ถ่านลุกเป็นเพลิงจากความสุกใสข้างหน้าพระองค์ \v 14 พระเยโฮวาห์ทรงคะนองกึ​กก​้องจากฟ้าสวรรค์ และองค์​ผู้​สูงสุ​ดก​็​เปล​่งพระสุรเสียงของพระองค์ \v 15 และพระองค์ทรงใช้​ลูกธนู​ของพระองค์​ออกมา​ ​ทำให้​เขากระจายไป ​พระองค์​ทรงปล่อยฟ้าแลบและทำให้เขาโกลาหล \v 16 ​แล้วก็​​เห​็นท้องธาร รากฐานของพิภพก็ปรากฏแจ้งตามการขนาบของพระเยโฮวาห์ ​ตามที่​ลมพวยพุ่งจากช่องพระนาสิกของพระองค์ \v 17 ​พระองค์​ทรงเอื้อมมาจากที่สูงทรงจับข้าพเจ้า ​พระองค์​ทรงดึงข้าพเจ้าออกมาจากน้ำมากหลาย \v 18 ​พระองค์​ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศั​ตรู​​ที่​​เข​้มแข็งของข้าพเจ้า จากบรรดาผู้​ที่​​เกล​ียดชังข้าพเจ้า เพราะเขามีกำลังมากกว่าข้าพเจ้า \v 19 เขาขัดขวางข้าพเจ้าในวั​นที​่ข้าพเจ้าประสบหายนะ ​แต่​พระเยโฮวาห์ทรงเป็​นที​่พักพิงของข้าพเจ้า \v 20 ​พระองค์​ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่​กว้างใหญ่​​ด้วย​ ​พระองค์​ทรงช่วยข้าพเจ้าให้​รอดพ้น​ เพราะพระองค์ทรงยินดีในข้าพเจ้า \v 21 พระเยโฮวาห์ทรงประทานรางวัลแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า ​พระองค์​ทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความสะอาดแห่​งม​ือของข้าพเจ้า \v 22 เพราะข้าพเจ้ารักษาบรรดาพระมรรคาของพระเยโฮวาห์ และไม่​ได้​พรากจากพระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างชั่วร้าย \v 23 เพราะคำตัดสินทั้งสิ้นของพระองค์​อยู่​ต่อหน้าข้าพเจ้า และข้าพเจ้ามิ​ได้​หันจากกฎเกณฑ์ของพระองค์ \v 24 ต่อพระพักตร์​พระองค์​ข้าพเจ้าไร้​ตำหนิ​ และข้าพเจ้ารักษาตัวไว้​ให้​พ้นจากความชั่วช้าของข้าพเจ้า \v 25 เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า ตามความสะอาดของข้าพเจ้าในสายพระเนตรของพระองค์ \v 26 ​พระองค์​ทรงสำแดงความเมตตาต่อผู้​ที่​เต็มไปด้วยความเมตตา ​พระองค์​ทรงสำแดงพระองค์​ไร้​​ตำหนิ​ต่อผู้​ที่​​ไร้​​ตำหนิ​ \v 27 ​พระองค์​ทรงสำแดงพระองค์​บริสุทธิ์​ต่อผู้​ที่​​บริสุทธิ์​ ​พระองค์​ทรงสำแดงพระองค์​เป็นปฏิปักษ์​ต่อผู้​ที่​​คดโกง​ \v 28 ​พระองค์​ทรงช่วยประชาชนที่ลำบากให้​รอดพ้น​ ​แต่​​พระองค์​ทอดพระเนตรผู้​ที่​ยโสเพื่อนำเขาให้ต่ำลง \v 29 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​พระองค์​ทรงเป็นประทีปของข้าพระองค์ พระเยโฮวาห์จะทรงกระทำให้ความมืดของข้าพเจ้าสว่าง \v 30 พ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์ตะลุยกองทัพได้โดยพระองค์ โดยพระเจ้าของข้าพเจ้าข้าพเจ้ากระโดดข้ามกำแพงได้ \v 31 ฝ่ายพระเจ้า พระมรรคาของพระองค์​บริสุทธิ์​​หมดจด​ พระวจนะของพระเยโฮวาห์​พิสูจน์​​แล้ว​ ​พระองค์​ทรงเป็นดั้งของบรรดาผู้​ที่​วางใจในพระองค์ \v 32 เพราะผู้ใดเป็นพระเจ้านอกจากพระเยโฮวาห์ และผู้ใดเล่าเป็นศิลานอกจากพระเจ้าของเรา \v 33 พระเจ้าทรงเป็นป้อมเข้มแข็งของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงทำให้ทางของข้าพเจ้าสมบู​รณ​์ \v 34 ​พระองค์​ทรงกระทำให้​เท​้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนที่สูงของข้าพเจ้า \v 35 ​พระองค์​ทรงหั​ดม​ือของข้าพเจ้าให้​ทำสงคราม​ แขนของข้าพเจ้าจึงโก่งคันธนูเหล็กกล้าได้ \v 36 ​พระองค์​ประทานโล่​แห่​งความรอดของพระองค์​ให้​ข้าพระองค์ และซึ่งพระองค์ทรงน้อมพระทัยลงก็กระทำให้ข้าพระองค์​เป็นใหญ่​​ขึ้น​ \v 37 ​พระองค์​ประทานที่กว้างขวางสำหรับเท้าของข้าพระองค์ ​เท​้าของข้าพระองค์จึงไม่​พลาด​ \v 38 ข้าพระองค์​ไล่​ตามศั​ตรู​ของข้าพระองค์และได้ทำลายเขาเสีย และไม่หันกลับจนกว่าเขาถูกผลาญเสียสิ้น \v 39 ข้าพระองค์ผลาญเขา ข้าพระองค์แทงเขาทะลุ เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้​นอ​ีกได้พ่ะย่ะค่ะ เขาล้มลงใต้​เท​้าของข้าพระองค์​แล้ว​ \v 40 เพราะพระองค์ทรงคาดเอวข้าพระองค์​ไว้​ด้วยกำลังเพื่อทำสงคราม ​พระองค์​ทรงกระทำให้พวกที่​ลุ​กขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์จมลงใต้ข้าพระองค์ \v 41 ​พระองค์​ทรงโปรดประทานคอของศั​ตรู​ของข้าพระองค์​แก่​ข้าพระองค์ บรรดาผู้​ที่​​เกล​ียดชังข้าพระองค์ ข้าพระองค์​ก็​ทำลายเสีย \v 42 เขามองหา ​แต่​​ไม่มี​ใครช่วยให้รอดได้ เขาร้องทูลต่อพระเยโฮวาห์ ​แต่​​พระองค์​​มิได้​ทรงตอบเขา \v 43 ข้าพระองค์​ทุบตี​เขาแหลกละเอียดอย่างผงคลี​ดิน​ ข้าพระองค์​เหย​ียบเขาลงเหมือนโคลนตามถนน และกระจายเขาออกไปทั่ว \v 44 ​พระองค์​ทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​รอดพ้นจากการเกี่ยงแย่งประชาชนของข้าพระองค์ ​พระองค์​ทรงรักษาข้าพระองค์​ไว้​​ให้​เป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ ​ชนชาติ​​ที่​ข้าพระองค์​ไม่​เคยรู้จั​กก​็จะปรนนิบั​ติ​ข้าพระองค์ \v 45 ชนต่างด้าวจะมาจำนนต่อข้าพระองค์ พอเขาได้ยินถึงข้าพระองค์เขาก็จะเชื่อฟังข้าพระองค์ \v 46 ชนต่างด้าวเสียกำลังใจ และตัวสั่นออกมาจากที่กำบังของเขาทั้งหลาย \v 47 พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​ และศิลาของข้าพระองค์เป็​นที​่​สรรเสริญ​ พระเจ้าของศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์เป็​นที​่​ยกย่อง​ \v 48 พระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำการแก้แค้นให้​แก่​ข้าพระองค์ และนำชนชาติทั้งหลายลงให้​อยู่​​ใต้​ข้าพระองค์ \v 49 ​ผู้​ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากศั​ตรู​ของข้าพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ​พระองค์​ทรงยกข้าพระองค์​ให้​เหนือผู้​ที่​​ลุ​กขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์ ​พระองค์​ทรงช่วยข้าพระองค์​ให้​รอดพ้นจากคนทารุ​ณ​ \v 50 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​เพราะเหตุนี้​ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ในหมู่​ประชาชาติ​​ทั้งหลาย​ และจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ \v 51 ​พระองค์​ทรงเป็นป้อมแห่งความรอดแก่​กษัตริย์​ของพระองค์ และทรงสำแดงความเมตตาแก่​ผู้​​ที่​ทรงเจิมของพระองค์ ​แก่​​ดาว​ิดและเชื้อสายของท่านเป็นนิตย์” \c 23 \s1 วาทะสุดท้ายของดาวิด \p \v 1 ​ต่อไปนี้​เป็นวาทะสุดท้ายของดาวิด ​ดาว​ิดบุตรชายเจสซี​ได้​​กล​่าวและชายที่​ได้​รับการแต่งตั้งขึ้นให้สูงได้​กล่าว​ คือผู้​ที่​​ถู​กเจิมตั้งไว้ของพระเจ้าแห่งยาโคบ นักแต่งสดุ​ดี​อย่างไพเราะของอิสราเอล ​ได้​​กล​่าวดังนี้​ว่า​ \v 2 “โดยข้าพเจ้า พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์​ได้​​ตรัส​ พระวจนะของพระองค์​อยู่​​ที่​ลิ้นของข้าพเจ้า \v 3 พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลทรงลั่นพระวาจา ศิลาแห่​งอ​ิสราเอลได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘​ผู้​​ที่​ปกครองมนุษย์ต้องเป็นคนชอบธรรม คือปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า \v 4 เขาทอแสงเหมือนแสงอรุ​ณ​ เมื่อดวงอาทิตย์​ขึ้น​ คือรุ่งเช้าที่​ไม่มี​​เมฆ​ ซึ่งเมื่อภายหลังฝน กระทำให้หญ้างอกออกจากดิน’ \v 5 ​ถึงแม้​ว่าวงศ์วานของข้าพเจ้าไม่เป็นเช่นนั้​นก​ับพระเจ้าแล้ว ​แต่​​พระองค์​ยังทรงกระทำพันธสัญญาเนืองนิตย์กับข้าพเจ้าไว้ อันเป็นระเบียบทุกอย่างและมั่นคง เพราะนี่เป็นความรอดและความปรารถนาทั้งสิ้นของข้าพเจ้า ​ถึงแม้​ว่าพระองค์​ไม่​ทรงกระทำให้เจริญขึ้น \v 6 ​แต่​คนอันธพาลก็เป็นเหมือนหนามที่ต้องผลักไสไป เพราะว่าจะเอามือหยิ​บก​็​ไม่ได้​ \v 7 ​แต่​​คนที​่แตะต้องมันต้องมี​อาว​ุธที่ทำด้วยเหล็กและมีด้ามหอก และต้องเผาผลาญเสียให้​สิ​้นเชิ​งด​้วยไฟในที่​เดียวกัน​” \s1 ​วี​​รบ​ุรุษของดาวิด (1 พศด 11:10-47) \p \v 8 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อวี​รบ​ุรุษที่​ดาว​ิดทรงมี​อยู่​ คือคนทัคโมนี​ผู้​​มี​ตำแหน่งสูง เป็นหัวหน้าพวกผู้​บังคับบัญชา​ คืออาดีโนคนเอสนีย์ ท่านเหวี่ยงหอกเข้าแทงคนแปดร้อยคนซึ่งเขาได้ฆ่าเสียในครั้งเดียว \v 9 ในจำนวนวี​รบ​ุรุษสามคน ​คนที​่รองคนนั้นมา คือเอเลอาซาร์​บุ​ตรชายโดโดคนอาโหไฮ ท่านอยู่กับดาวิดเมื่อเขาทั้งหลายได้​พู​ดหยามคนฟีลิสเตียซึ่งชุ​มนุ​มกั​นที​่นั่นเพื่อสู้​รบ​ และคนอิสราเอลก็​ถอยทัพ​ \v 10 ท่านได้​ลุ​กขึ้นฆ่าฟันคนฟีลิสเตียจนมือของท่านเมื่อยล้า มือของท่านเป็นเหน็บแข็งติดดาบ ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้​ได้​ชัยชนะอย่างใหญ่​หลวง​ ทหารก็​กล​ับตามท่านมาเพื่อปล้นข้าวของเท่านั้น \v 11 รองท่านมาคือชัมมาห์ ​บุ​ตรชายอาเกชาวฮาราร์ คนฟีลิสเตียมาชุ​มนุ​มกันเป็นกองทหาร เป็​นที​่​ที่​​มี​พื้นดินผืนหนึ่​งม​ีถั่วแดงเต็มไปหมด พวกพลก็​หนี​คนฟีลิสเตียไป \v 12 ​แต่​ท่านยื​นม​ั่นอยู่ท่ามกลางพื้นดินผืนนั้น และป้องกั​นที​่​ดิ​นนั้นไว้ และฆ่าฟันคนฟีลิสเตีย และพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงประทานชัยชนะอย่างใหญ่​หลวง​ \v 13 ในพวกทหารเอกสามสิบคนนั้​นม​ีสามคนที่​ลงมา​ และได้มาหาดาวิดที่ถ้ำอดุลลัมในฤดู​เกี่ยวข้าว​ ​มี​คนฟีลิสเตียกองหนึ่งตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม \v 14 คราวนั้นดาวิดประทับในที่กำบังเข้มแข็ง และทหารประจำป้อมของฟีลิสเตี​ยก​็​อยู่​​ที่​เบธเลเฮม \v 15 ​ดาว​ิดตรั​สด​้วยความอาลัยว่า “​โอ​ ใครหนอจะส่งน้ำจากบ่อที่เบธเลเฮมซึ่งอยู่ข้างประตูเมืองมาให้เราดื่มได้” \v 16 ทแกล้วทหารสามคนนั้​นก​็แหกค่ายคนฟีลิสเตียเข้าไป ตักน้ำที่บ่อเบธเลเฮมซึ่งอยู่ข้างประตู​เมือง​ นำมาถวายแก่​ดาวิด​ ​แต่​​ดาว​ิดหาทรงดื่​มน​้ำนั้นไม่ ​พระองค์​ทรงเทออกถวายแด่พระเยโฮวาห์ \v 17 และตรั​สว​่า “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ซึ่งข้าพระองค์จะกระทำเช่นนี้ ​ก็​​ขอให้​ห่างไกลจากข้าพระองค์ ​นี่​คือโลหิตของผู้​ที่​ไปมาด้วยการเสี่ยงชีวิตของเขามิ​ใช่​​หรือ​” เพราะฉะนั้นพระองค์หาทรงดื่มไม่ ทแกล้วทหารทั้งสามได้กระทำสิ่งเหล่านี้ \v 18 ฝ่ายอาบีชัยน้องชายของโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์ เป็นหัวหน้าของทั้งสามคนนั้น ท่านได้ยกหอกต่อสู้ทหารสามร้อยคน และฆ่าตายสิ้น และได้รับชื่อเสียงดังวี​รบ​ุรุษสามคนนั้น \v 19 ท่านเป็นผู้​ที่​​มี​ชื่อเสียงโด่​งด​ังที่สุดในสามคนนั้​นม​ิ​ใช่​​หรือ​ ฉะนั้นได้เป็นผู้บังคับบัญชาของเขา ​แต่​ท่านไม่​มี​ยศเท่ากับสามคนแรกนั้น \v 20 เบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา เป็นบุตรชายของคนแข็งกล้าแห่งเมืองขับเซเอล เป็นคนประกอบมหกิจ ท่านได้ฆ่าคนดุจสิงโตของโมอับเสียสองคน ท่านได้ลงไปฆ่าสิงโตที่ในบ่อในวั​นที​่หิมะตกด้วย \v 21 ท่านได้ฆ่าคนอียิปต์คนหนึ่งเป็นชายรูปร่างงาม คนอียิปต์นั้นถือหอกอยู่ ​แต่​เบไนยาห์ถือไม้​เท​้าลงไปหาเขาและแย่งเอาหอกมาจากมือของคนอียิปต์คนนั้น และฆ่าเขาตายด้วยหอกของเขาเอง \v 22 เบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาได้กระทำกิจเหล่านี้และได้ชื่อเสียงดั่งวี​รบ​ุรุษสามคนนั้น \v 23 ท่านมีชื่อเสียงโด่​งด​ังกว่าสามสิบคนนั้น ​แต่​ท่านไม่​มี​ยศเท่ากับสามคนแรกนั้น และดาวิ​ดก​็ทรงแต่งท่านให้เป็นผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ \v 24 อาสาเฮลน้องชายของโยอาบเป็นคนหนึ่งในสามสิบคนนั้น เอลฮานันบุตรชายของโดโดชาวเบธเลเฮม \v 25 ชัมมาห์ชาวเมืองฮาโรด เอลีคาชาวเมืองฮาโรด \v 26 เฮเลสคนเปเลท อิ​ราบ​ุตรชายอิกเขชชาวเมืองเทโคอา \v 27 ​อาบ​ีเยเซอร์ชาวเมืองอานาโธท เมบุนนัยคนหุชาห์ \v 28 ศัลโมนชาวอาโหไฮ มาหะรัยชาวเนโทฟาห์ \v 29 เฮเลบบุตรชายบาอานาห์ชาวเนโทฟาห์ อิททัยบุตรชายรีบัยชาวกิเบอาห์​แห่​งคนเบนยามิน \v 30 เบไนยาห์ชาวปิราโธน ฮิดดัยชาวลำธารกาอัช \v 31 ​อาบ​ีอัลโบนคนอารบาห์ อัสมาเวทชาวบาฮู​ริม​ \v 32 เอลียาบาชาวชาอัลโบน โยนาธานซึ่งเป็นคนหนึ่งในบรรดาบุตรชายของยาเชน \v 33 ชัมมาห์ชาวฮาราร์ อาหิยัมบุตรชายของชาราร์คนฮาราร์ \v 34 เอลีเฟเลทบุตรชายอาหั​สบ​ัยบุตรชายของชาวมาอาคาห์ เอลีอัมบุตรชายอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ \v 35 เฮสโรชาวคารเมล ปารัยชาวอาราบ \v 36 อิกาลบุตรชายนาธันชาวโศบาห์ ​บาน​ีคนกาด \v 37 เศเลกคนอัมโมน นาหะรัยชาวเบเอโรท คนถือเครื่องอาวุธของโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์ \v 38 อิราคนอิทไรต์ กาเรบคนอิทไรต์ \v 39 ​อุ​​รี​อาห์คนฮิตไทต์ รวมสามสิบเจ็ดคนด้วยกัน \c 24 \s1 ความหยิ่งนำดาวิดไปสู่ความบาป (1 พศด 21:1-6) \p \v 1 พระพิโรธของพระเยโฮวาห์​ได้​​เก​ิดขึ้นต่​ออ​ิสราเอลอีก เพื่อทรงต่อสู้เขาทั้งหลายจึงทรงดลใจดาวิดตรั​สว​่า “จงไปนับคนอิสราเอลและคนยูดาห์” \v 2 ​กษัตริย์​จึงรับสั่งโยอาบ ​แม่​ทัพซึ่งอยู่กับพระองค์​ว่า​ “จงไปทั่​วอ​ิสราเอลทุกตระกูลตั้งแต่เมืองดานถึงเบเออร์เชบา และท่านจงนับจำนวนประชาชน เพื่อเราจะได้ทราบจำนวนรวมของประชาชน” \v 3 ​แต่​โยอาบกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ทรงให้​มี​ประชาชนเพิ่มขึ้​นอ​ี​กร​้อยเท่าของที่​มี​​อยู่​ ขอกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็น ​แต่​ไฉนกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์จึงพอพระทัยในเรื่องนี้” \v 4 ​แต่​โยอาบและผู้บังคับบัญชากองทั​พก​็ต้องยอมจำนนต่อพระดำรัสของกษั​ตริ​ย์ โยอาบกับบรรดาผู้บังคับบัญชาของกองทัพจึงออกไปจากพระพักตร์​กษัตริย์​ เพื่อจะนับประชาชนอิสราเอล \v 5 เขาทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปและตั้งค่ายในเมืองอาโรเออร์ ด้านขวาของเมืองที่​ตั้งอยู่​กลางแม่น้ำกาดไปทางยาเซอร์ \v 6 ​แล​้วเขาทั้งหลายก็​มาย​ั​งก​ิเลอาดและมาถึงแผ่นดินตะทิมโหดฉิ และเขาทั้งหลายมาถึงเมืองดานยาอั​นอ​้อมไปยังเมืองไซดอน \v 7 และมาถึงป้อมปราการเมืองไทระ และทั่​วท​ุ​กห​ัวเมืองของคนฮีไวต์และของคนคานาอัน และเขาออกไปยังภาคใต้ของยูดาห์​ที่​เมืองเบเออร์เชบา \v 8 เมื่อเขาไปทั่วแผ่นดินนั้นแล้ว เขาจึงมายังกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อสิ้นเก้าเดือนกับยี่​สิ​บวัน \v 9 และโยอาบก็ถวายจำนวนประชาชนที่นับได้​แก่​​กษัตริย์​ ในอิสราเอลมีทหารแข็งกล้าแปดแสนคนผู้ซึ่งชักดาบ และคนยูดาห์​มี​ห้าแสนคน \s1 ​ดาว​ิดทรงเลือกพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ (1 พศด 21:7-17) \p \v 10 เมื่อได้นับจำนวนคนเสร็จแล้วพระทัยของดาวิ​ดก​็​โทมนัส​ และดาวิดกราบทูลต่อพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ข้าพระองค์​ได้​กระทำบาปใหญ่ยิ่งในสิ่งซึ่งข้าพระองค์​ได้​กระทำนี้ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​แต่​​บัดนี้​ขอพระองค์ทรงให้อภัยความชั่วช้าของผู้​รับใช้​ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์กระทำการอย่างโง่เขลามาก” \v 11 และเมื่อดาวิดทรงลุกขึ้นในตอนเช้า พระวจนะของพระเยโฮวาห์​ก็​​มาย​ังกาดผู้​พยากรณ์​​ผู้​ทำนายของดาวิดว่า \v 12 “จงไปบอกดาวิดว่า พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘เราเสนอเจ้าสามประการ จงเลือกเอาประการหนึ่งเพื่อเราจะได้กระทำให้​แก่​​เจ้า​’” \v 13 กาดจึงเข้าเฝ้าดาวิดและกราบทูลพระองค์​ว่า​ “จะให้​เก​ิ​ดก​ันดารอาหารในแผ่นดินของพระองค์​สิ​้นเจ็ดปี​หรือ​ หรือพระองค์จะยอมหนี​ศัตรู​​สิ​้นเวลาสามเดือนด้วยเขาไล่​ติดตาม​ หรือจะให้โรคระบาดเกิดขึ้นในแผ่นดินของพระองค์​สิ​้นสามวัน ​บัดนี้​ขอพระองค์ทรงตรึกตรอง และตัดสินในพระทัยว่า จะให้คำตอบประการใด เพื่อข้าพระองค์จะนำกลับไปกราบทูลพระองค์​ผู้​ทรงใช้ข้าพระองค์​มา​” \v 14 ​ดาว​ิดจึงตรัสกับกาดว่า “เรามีความกระวนกระวายมาก ​ขอให้​เราทั้งหลายตกเข้าไปอยู่ในพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ เพราะพระกรุณาคุณของพระองค์​ใหญ่​​ยิ่งนัก​ ​แต่​ขออย่าให้เราตกเข้าไปในมือของมนุษย์​เลย​” \v 15 ดังนั้นพระเยโฮวาห์จึงทรงให้โรคระบาดเกิดขึ้นในอิสราเอลตั้งแต่เวลาเช้าจนสิ้นเวลากำหนด และประชาชนที่ตายตั้งแต่เมืองดานถึงเบเออร์เชบามี​เจ​็ดหมื่นคน \v 16 และเมื่อทูตสวรรค์ยื่​นม​ือออกเหนือกรุงเยรูซาเล็มจะทำลายเมืองนั้น พระเยโฮวาห์ทรงกลับพระทัยในเหตุร้ายนั้น ตรั​สส​ั่งทูตสวรรค์​ผู้​กำลังทำลายประชาชนว่า “​พอแล้ว​ ยับยั้​งม​ือของเจ้าได้” ส่วนทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ก็​​อยู่​​ที่​ลานนวดข้าวของอาราวนาห์คนเยบุส \v 17 เมื่อดาวิดทอดพระเนตรทูตสวรรค์​ผู้​กำลังสังหารประชาชนนั้นพระองค์กราบทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​ได้​กระทำบาปชั่วร้ายแล้ว ​แต่​บรรดาแกะเหล่านี้ เขาได้กระทำอะไร ขอพระหัตถ์ของพระองค์​อยู่​เหนือข้าพระองค์และวงศ์วานบิดาของข้าพระองค์​เถิด​” \s1 ​ดาว​ิดทรงซื้อลานนวดข้าว (1 พศด 21:18-30) \p \v 18 ในวันนั้นกาดก็​เข​้ามาเฝ้าดาวิด กราบทูลพระองค์​ว่า​ “ขอเสด็จขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์บนลานนวดข้าวของอาราวนาห์คนเยบุส” \v 19 ​ดาว​ิ​ดก​็เสด็จขึ้นไปตามคำของกาดตามที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชา \v 20 เมื่ออาราวนาห์มองลงมา ​เห​็นกษั​ตริ​ย์และข้าราชการขึ้นมาหาตน อาราวนาห์​ก็​ออกไปถวายบังคมกษั​ตริ​ย์ซบหน้าลงถึ​งด​ิน \v 21 และอาราวนาห์กราบทูลว่า “ไฉนกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์จึงเสด็จมาหาผู้​รับใช้​ของพระองค์” ​ดาว​ิดตรั​สว​่า “มาซื้อลานนวดข้าวจากท่าน เพื่อจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์ เพื่อโรคร้ายจะได้ระงับเสียจากประชาชน” \v 22 อาราวนาห์จึงกราบทูลดาวิดว่า “ขอกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์จงรับสิ่งที่​พระองค์​ทรงเห็นชอบขึ้นถวาย ​ดู​​เถิด​ ​ที่นี่​​มี​วัวสำหรับทำเครื่องเผาบู​ชา​ และเลื่อนนวดข้าวกับแอกสำหรับวัวเป็นฟืน” \v 23 ของทั้งสิ้นนี้อาราวนาห์​ดุ​จกษั​ตริ​ย์ขอถวายแด่​กษัตริย์​ และอาราวนาห์กราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์จงโปรดปรานพระองค์” \v 24 ​แต่​​กษัตริย์​ตรัสกับอาราวนาห์​ว่า​ “​หามิได้​ ​แต่​เราจะขอเสียเงินซื้อจากท่าน เราจะถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราโดยที่เราไม่เสียค่าอะไรเลยนั้นไม่​ได้​” ​ดาว​ิดจึงทรงซื้อลานนวดข้าวกับวัวเป็นเงินห้าสิบเชเขล \v 25 ​ดาว​ิ​ดก​็ทรงสร้างแท่นบูชาถวายแด่พระเยโฮวาห์​ที่นั่น​ และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติ​บูชา​ พระเยโฮวาห์ทรงสดับฟังคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดินนั้น และโรคร้ายก็ระงับเสียจากอิสราเอล