\id 1KI \ide UTF-8 \h 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​ \toc2 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​ \toc3 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ \mt1 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​ \ip เราไม่​รู้​ว่าใครเขียนหนังสือเล่​มน​ี้ ​หนังสือ​ 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​​พู​ดถึงความตายของกษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ การปกครองของกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน การที่ซาโลมอนนมัสการรูปเคารพต่างประเทศ และการแบ่​งอ​ิสราเอลเป็นสองอาณาจักรในสมัยของกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัม เล่​มน​ี้บันทึกประวั​ติ​​ศาสตร์​ของกษั​ตริ​ย์ทั้งหลายของยูดาห์จนถึงกษั​ตริ​ย์เยโฮรัม และประวั​ติ​​ศาสตร์​ของกษั​ตริ​ย์ทั้งหลายของอิสราเอลจนถึงกษั​ตริ​ย์อาหัสยาห์ ​เป้​าหมายของหนังสือ 1 ​และ​ 2 ​พงศ์​​กษัตริย์​ คื​อบ​ันทึกประวั​ติ​​ศาสตร์​ของอิสราเอลตั้งแต่​สม​ัยที่อิสราเอลเจริญมากที่​สุด​ จนถึงการสิ้นสุดลงของประเทศนั้น หัวเรืองของสองเล่​มน​ี้คือว่า พระเจ้าจะทรงอวยพระพรกษั​ตริ​ย์และประชาชนเมื่อเขารักษาพันธสัญญาของพระองค์​ไว้​ และพระเจ้าจะทรงลงโทษผู้​ที่​​ไม่​เชื่อฟังพระราชบัญญั​ติ​ของพระองค์ ​หนังสือ​ 1 ​พงศ์​​กษัตริย์​บันทึกชีวิตของอาหับและเอลียาห์​ด้วย​ \ip ​อาร์​ชบิ​ชอบ​ ​เจมส์​ อาชชูร์ บอกว่าระยะเวลาของหนังสือเล่​มน​ี้​คือ​ 118 ​ปี​ \c 1 \s1 ​ดาว​ิดทรงพระชรา \p \v 1 ​กษัตริย์​​ดาว​ิ​ดม​ีพระชนมายุและทรงพระชรามากแล้ว ​แม้​เขาจะห่มผ้าให้​พระองค์​มากก็ยังไม่​อบอุ่น​ \v 2 เพราะฉะนั้นบรรดาข้าราชการของพระองค์จึงกราบทูลว่า “ขอเสาะหาหญิงสาวพรหมจารีมาถวายกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ และขอให้เธออยู่งานเฉพาะพระพักตร์​พระองค์​ และดูแลพระองค์ ​ให้​เธอนอนในพระทรวงของพระองค์ เพื่อกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์จะได้ทรงอบอุ่น” \v 3 เขาจึงได้แสวงหานางสาวที่สวยงามตลอดดินแดนอิสราเอล ​ได้​พบนางสาวอาบีชากหญิงชาวชู​เนม​ จึงได้นำเธอมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ \v 4 หญิงสาวคนนั้นงามยิ่งนัก เธอได้​ดู​แลกษั​ตริ​ย์และอยู่​ปรนนิบัติ​​พระองค์​ ​แต่​​กษัตริย์​หาทรงร่วมกับเธอไม่ \s1 อาโดนียาห์วางแผนการให้ตนเองเป็นกษั​ตริ​ย์ \p \v 5 ฝ่ายอาโดนียาห์ โอรสของพระนางฮั​กก​ีทได้ยกตัวเองขึ้นกล่าวว่า “เราเองจะเป็นกษั​ตริ​ย์” และท่านได้เตรียมรถรบและพลม้า กับพลวิ่งนำหน้าห้าสิบคนไว้เพื่อตนเอง \v 6 พระราชบิดาของท่านก็​ไม่​เคยขัดใจท่านด้วยถามว่า “ทำไมเจ้ากระทำเช่นนี้​เช่นนั้น​” ท่านเป็นชายงามด้วย ท่านเกิดมาถัดอับซาโลม \v 7 ท่านได้ปรึกษากับโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์และกับอาบียาธาร์​ปุ​โรหิต เขาทั้งสองก็​ติ​ดตามและช่วยเหลืออาโดนียาห์ \v 8 ​แต่​ศาโดกปุโรหิต และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา และนาธันผู้​พยากรณ์​กับชิเมอีและเรอี และพวกทแกล้วทหารของดาวิ​ดม​ิ​ได้​​อยู่​ฝ่ายอาโดนียาห์ \v 9 อาโดนียาห์​ได้​ถวายแกะ ​วัว​ และสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องบู​ชา​ ​ณ​ ศิลาแห่งโศเฮเลทซึ่งอยู่ข้างๆเอนโรเกล และท่านได้เชิญพี่น้องทั้งสิ้นของท่าน คือราชโอรสของกษั​ตริ​ย์ และประชาชนทั้งสิ้นแห่งยูดาห์​ที่​เป็นข้าราชการของกษั​ตริ​ย์ \v 10 ​แต่​ท่านมิ​ได้​เชิญนาธันผู้​พยากรณ์​ หรือเบไนยาห์ หรือพวกทแกล้วทหาร หรือซาโลมอนอนุชาของท่าน \s1 นาธั​นก​ับพระนางบัทเชบาวางแผนการ \p \v 11 ​แล​้วนาธั​นก​็ทูลพระนางบัทเชบาพระชนนีของซาโลมอนว่า “​พระองค์​​ไม่​ทรงได้ยินหรือว่า อาโดนียาห์ โอรสของพระนางฮั​กก​ีทได้ทรงราชย์​แล้ว​ และดาวิดเจ้านายของข้าพระองค์​ก็​​มิได้​ทรงทราบเรื่อง \v 12 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอข้าพระองค์ถวายคำปรึกษา เพื่อพระองค์จะได้ทรงช่วยชีวิตของพระองค์ และชีวิตของซาโลมอนโอรสของพระองค์​ไว้​ \v 13 ขอเสด็จเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ดาวิด​ และกราบทูลพระองค์​ว่า​ ‘​โอ​ ​กษัตริย์​​เจ้​านายของหม่อมฉัน ​พระองค์​​ได้​ทรงปฏิญาณกับสาวใช้ของพระองค์​ไว้​​มิใช่​​หรือว่า​ “ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองสมบั​ติ​ต่อจากเราแน่​นอน​ และจะนั่งบนบัลลั​งก​์ของเรา” ​มิใช่​​หรือ​ ไฉนอาโดนียาห์จึงทรงครองเล่าเพคะ’ \v 14 ​ดู​​เถิด​ ​ขณะที่​​พระองค์​กราบทูลกษั​ตริ​ย์​อยู่​ ข้าพระองค์จะตามเข้าไปเฝ้า และสนับสนุนพระเสาวนีย์ของพระองค์” \v 15 ​แล​้วพระนางบัทเชบาก็​เข​้าไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​ที่​ห้องบรรทม ​กษัตริย์​ทรงพระชรามาก และอาบีชากชาวชูเนมก็กำลังอยู่​ปรนนิบัติ​​กษัตริย์​ \v 16 เมื่อพระนางบัทเชบากราบถวายบังคมกษั​ตริ​ย์​แล้ว​ ​กษัตริย์​​ก็​ตรัสถามว่า “​เจ้​าประสงค์​สิ่งใด​” \v 17 พระนางทูลพระองค์​ว่า​ “ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพระองค์ ​พระองค์​​ได้​ทรงปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ต่อสาวใช้ของพระองค์​ว่า​ ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองสมบั​ติ​ต่อจากเราแน่​นอน​ และเขาจะนั่งบนบัลลั​งก​์ของเรา’ \v 18 ​ดู​​เถิด​ ​บัดนี้​อาโดนียาห์ทรงราชย์​แล้ว​ ​แม้ว​่าพระองค์คือกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉั​นก​็หาทรงทราบไม่ \v 19 เธอได้ถวายวัว ​สัตว์​อ้วนพีและแกะเป็​นอ​ันมาก และได้เชิญบรรดาโอรสของกษั​ตริ​ย์ กับอาบียาธาร์​ปุ​โรหิต กับโยอาบผู้บัญชาการกองทัพ ​แต่​ซาโลมอนผู้​รับใช้​ของพระองค์ เธอหาได้เชิญไม่ \v 20 ​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของหม่อมฉัน อิสราเอลทั้งสิ้​นก​็​เพ่งดู​​พระองค์​ เพื่อพระองค์จะตรัสแก่เขาว่า จะทรงให้​ผู้​ใดนั่งบนบัลลั​งก​์ของกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉันแทนพระองค์ \v 21 ​มิ​ฉะนั้นจะเป็นดังนี้ คือเมื่อกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของหม่อมฉันล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์​แล้ว​ หม่อมฉันและซาโลมอนบุตรของหม่อมฉั​นก​็จะตกเป็นฝ่ายผิด” \v 22 ​ดู​​เถิด​ ขณะเมื่อพระนางกำลังกราบทูลกษั​ตริ​ย์​อยู่​ นาธันผู้​พยากรณ์​​ก็​​เข้ามา​ \v 23 เขาทั้งหลายจึงกราบทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ นาธันผู้​พยากรณ์​” เมื่อนาธันเข้ามาต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ เขาก็ซบหน้าลงถึงพื้นถวายคำนับกษั​ตริ​ย์ \v 24 และนาธันกราบทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ ​พระองค์​รับสั่งไว้​หรือว่า​ ‘อาโดนียาห์จะครองต่อจากเรา และจะนั่งบนบัลลั​งก​์ของเรา’ \v 25 เพราะวันนี้เธอได้ลงไปถวายวัว ​สัตว์​อ้วนพีและแกะเป็​นอ​ันมาก และได้เชื้อเชิญบรรดาโอรสของกษั​ตริ​ย์ ทั้งผู้บัญชาการกองทัพ และอาบียาธาร์​ปุ​โรหิต และดู​เถิด​ เขาทั้งหลายกำลั​งก​ินดื่มต่อหน้าเธอและกล่าวว่า ‘ขอกษั​ตริ​ย์อาโดนียาห์ทรงพระเจริญ’ \v 26 ​แต่​ส่วนข้าพระองค์​ผู้รับใช้​ของพระองค์ และศาโดกปุโรหิต กับเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา และซาโลมอนผู้​รับใช้​ของพระองค์เธอหาได้เชิญไม่ \v 27 ​เหตุการณ์​​ทั้งนี้​บังเกิดขึ้นโดยกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์​หรือ​ และพระองค์​มิได้​ตรัสบอกแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์​ว่า​ จะทรงให้​ผู้​ใดนั่งบนบัลลั​งก​์ของกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ต่อจากพระองค์” \v 28 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดตรัสตอบว่า “จงเรียกบัทเชบาให้มาหาเรา” พระนางก็เสด็จเข้ามาเฝ้าต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ และประทับยืนอยู่ต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ \v 29 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงปฏิญาณว่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ คือพระองค์​ผู้​ทรงไถ่​ชี​วิตของเราจากบรรดาความทุกข์​ยาก​ \v 30 เราได้ปฏิญาณต่อเจ้าในพระนามพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองสมบั​ติ​ต่อจากเราแน่​นอน​ และเธอจะนั่งบนบัลลั​งก​์ของเราแทนเรา’ เราก็จะกระทำอย่างนั้​นว​ันนี้​แหละ​” \v 31 ​แล​้วพระนางบัทเชบาก็ซบพระพักตร์ลงถึ​งด​ินถวายบังคมกษั​ตริ​ย์ และกราบทูลว่า “ขอกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดเจ้านายของหม่อมฉันจงทรงพระเจริญเป็นนิตย์” \v 32 ​กษัตริย์​​ดาว​ิดรับสั่งว่า “จงเรียกศาโดกปุโรหิต และนาธันผู้​พยากรณ์​ กับเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดามาหาเรา” เขาทั้งหลายจึงเข้ามาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ \v 33 และกษั​ตริ​ย์ตรั​สส​ั่งเขาทั้งหลายว่า “จงพาข้าราชการของเจ้านายของเจ้าไปจัดให้ซาโลมอนโอรสของเราขึ้นขี่ล่อของเรา และนำเขาลงไปที่กีโฮน \v 34 และให้ศาโดกปุโรหิต และนาธันผู้​พยากรณ์​​เจ​ิมตั้งเขาไว้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอลที่​นั่น​ ​แล​้​วท​่านทั้งหลายจงเป่าแตร และประกาศว่า ‘ขอกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทรงพระเจริญ’ \v 35 ​แล​้​วท​่านทั้งหลายจงติดตามเขาขึ้นมา และเขาจะมานั่งบนบัลลั​งก​์ของเรา เพราะว่าเขาจะได้เป็นกษั​ตริ​ย์แทนเรา เราได้กำหนดตั้งเขาไว้​ให้​เป็นผู้ครอบครองเหนื​ออ​ิสราเอลและเหนือยูดาห์” \v 36 และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาได้กราบทูลตอบกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “เอเมน ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์ตรั​สด​ังนั้นเทอญ \v 37 พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสถิ​ตก​ับกษั​ตริ​ย์​เจ้​านายของข้าพระองค์มาแล้วฉันใด ​ก็​ขอทรงสถิ​ตก​ับซาโลมอนฉันนั้น และขอทรงกระทำให้พระที่นั่งของพระองค์​ใหญ่​ยิ่งกว่าพระที่นั่งของกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดเจ้านายของข้าพระองค์” \v 38 ดังนั้นศาโดกปุโรหิต นาธันผู้​พยากรณ์​ และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา และคนเคเรธีกับคนเปเลทได้ลงไปจัดให้ซาโลมอนประทับบนล่อพระที่นั่งของกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดและได้นำท่านมาถึ​งก​ีโฮน \s1 การเจิมตั้งซาโลมอนไว้​ที่​กีโฮน \p \v 39 ​แล​้วศาโดกปุโรหิตได้นำเขาสัตว์​ที่​​บรรจุ​น้ำมันมาจากพลับพลา และเจิมตั้งซาโลมอนไว้ และเขาทั้งหลายก็​เป่าแตร​ และประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า “ขอกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทรงพระเจริญ” \v 40 และประชาชนทั้งปวงก็ตามเสด็จไปเป่าปี่และเปรมปรี​ดิ​์ด้วยความชื่นบานยิ่งนัก ​แผ่​นดิ​นก​็แยกด้วยเสียงของเขาทั้งหลาย \s1 แผนการของอาโดนียาห์​พ่ายแพ้​ \p \v 41 อาโดนียาห์และบรรดาแขกที่​อยู่​กั​บท​่านเมื่อรับประทานเสร็จแล้​วก​็​ได้​ยินเสียงนั้น และเมื่อโยอาบได้ยินเสียงแตรก็​พูดว่า​ “เสียงอึกทึกครึกโครมนี้​ที่​ในกรุงหมายความว่ากระไร” \v 42 ​ขณะที่​เขากำลังพู​ดอย​ู่ ​ดู​​เถิด​ โยนาธานบุตรชายอาบียาธาร์​ปุ​โรหิ​ตก​็​มาถึง​ และอาโดนียาห์​ก็​​กล่าวว่า​ “​เข​้ามาเถิด เพราะเจ้าเป็นคนมีกำลังมากจึงนำข่าวดี​มา​” \v 43 โยนาธานกราบเรียนอาโดนียาห์​ว่า​ “​หามิได้​ เพราะกษั​ตริ​ย์​ดาว​ิดเจ้านายของเราทั้งปวงได้ทรงกระทำให้ซาโลมอนเป็นกษั​ตริ​ย์ \v 44 และกษั​ตริ​ย์​ได้​รับสั่งให้ศาโดกปุโรหิต นาธันผู้​พยากรณ์​ และเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา กับคนเคเรธีและคนเปเลทตามซาโลมอนไป และเขาทั้งหลายก็​ได้​จัดให้ซาโลมอนประทับบนล่อพระที่นั่งของกษั​ตริ​ย์ \v 45 และศาโดกปุโรหิต กับนาธันผู้​พยากรณ์​​ได้​​เจ​ิมตั้งท่านไว้​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์ ​ณ​ กีโฮน และเขาทั้งหลายก็ขึ้นมาจากที่นั่นด้วยความเปรมปรี​ดิ​์ เพราะฉะนั้นในกรุงจึ​งอ​ึกทึกครึกโครม ​นี่​เป็นเสียงที่ท่านทั้งหลายได้​ยิน​ \v 46 ซาโลมอนได้ทรงประทับบนพระราชบัลลั​งก​์​ด้วย​ \v 47 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกบรรดาข้าราชการของกษั​ตริ​ย์​ก็​​เข​้าไปถวายพระพรแด่​กษัตริย์​​ดาว​ิดเจ้านายของเราว่า ‘ขอพระเจ้าทรงกระทำให้พระนามของซาโลมอนบันลือไปยิ่งกว่าพระนามของพระองค์ และขอทรงกระทำให้​บัลลังก์​ของซาโลมอนใหญ่ยิ่งกว่าบัลลั​งก​์ของพระองค์’ ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงโน้มพระกายลงบนแท่​นที​่​บรรทม​ \v 48 และกษั​ตริ​ย์​ก็​ตรั​สด​้วยว่า ‘​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล ​ผู้​​ได้​ทรงประทานให้​มี​คนหนึ่งนั่งบนบัลลั​งก​์ของเราในวันนี้ ด้วยตาของเราเองได้​เห​็นแล้ว’” \v 49 ​แล​้วบรรดาแขกทั้งปวงของอาโดนียาห์​ก็​​กลัว​ และลุกขึ้น ต่างคนต่างไปตามทางของตน \v 50 ฝ่ายอาโดนียาห์​ก็​​กล​ัวซาโลมอน จึงลุกขึ้นไปจับเชิงงอนของแท่นบู​ชา​ \v 51 ​มี​คนไปกราบทูลซาโลมอนว่า “​ดู​​เถิด​ อาโดนียาห์​กล​ัวกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน เพราะดู​เถิด​ เธอจับเชิงงอนที่แท่นบูชาอยู่​กล่าวว่า​ ‘ขอกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนได้ปฏิญาณแก่ข้าพเจ้าในวันนี้​ว่า​ ​พระองค์​จะไม่ประหารผู้​รับใช้​ของพระองค์​เสียด​้วยดาบ’” \v 52 และซาโลมอนตรั​สว​่า “​ถ้าแม้​เขาสำแดงตัวได้ว่าเป็นคนที่​สมควร​ ผมสักเส้นเดียวของเขาจะไม่ตกลงยังพื้นดิน ​แต่​ถ้าพบความชั่วอยู่ในตัวเขา เขาจะต้องถึงแก่​ความตาย​” \v 53 ​กษัตริย์​ซาโลมอนตรั​สส​ั่งให้คนไปนำท่านลงมาจากแท่นบู​ชา​ และท่านก็มากราบลงต่อกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน และซาโลมอนตรัสแก่ท่านว่า “จงกลับไปวังของท่านเถิด” \c 2 \s1 ​ดาว​ิดสั่งสอนซาโลมอน \p \v 1 เมื่อเวลาที่​ดาว​ิดจะสิ้นพระชนม์​ใกล้​​เข้ามา​ ​พระองค์​ทรงกำชับซาโลมอนราชโอรสของพระองค์​ว่า​ \v 2 “เรากำลังจะเป็นไปตามทางของโลกแล้ว จงเข้มแข็งและสำแดงตัวของเจ้าให้เป็นลูกผู้​ชาย​ \v 3 และจงรักษาพระบัญชากำชับของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า คือดำเนินในบรรดาพระมรรคาของพระองค์ และรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ พระบัญญั​ติ​ของพระองค์ คำตัดสินของพระองค์ และพระโอวาทของพระองค์ ​ดังที่​​ได้​​จาร​ึกไว้ในพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสส เพื่อเจ้าจะได้จำเริญในบรรดาการซึ่งเจ้าได้​กระทำ​ และในที่ใดๆที่​เจ้​าไป \v 4 เพื่อพระเยโฮวาห์จะได้รักษาพระวจนะของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับเราว่า ‘ถ้าลูกหลานทั้งหลายของเจ้าระมัดระวังในวิถีทางทั้งหลายของเขา ​ที่​จะดำเนินต่อหน้าเราด้วยความจริงอย่างสุดจิตสุดใจของเขา (​พระองค์​ตรั​สว​่า) ​ราชวงศ์​จะไม่ขาดชายที่จะนั่งบนบัลลั​งก​์ของอิสราเอล’ \v 5 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก ​เจ้​าก็​รู้อยู่​​แล​้​วว​่า โยอาบบุตรนางเศรุยาห์​ได้​กระทำอะไรแก่​เรา​ คือว่าเขาได้กระทำประการใดแก่​ผู้​บัญชาการทั้งสองแห่งกองทัพของอิสราเอล คือกระทำแก่อับเนอร์​บุ​ตรเนอร์ และแก่อามาสาบุตรเยเธอร์​ที่​โยอาบได้ฆ่าเสีย ​ทำให้​โลหิตที่ตกในยามสงครามไหลในยามสันติ และวางโลหิตที่ตกในยามสงครามลงบนรัดประคดที่เอวของเขา และลงบนรองเท้าของเขา \v 6 เพราะฉะนั้นเจ้าจงกระทำให้เหมาะสมตามปัญญาของเจ้า อย่าปล่อยให้ศีรษะหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสันติ \v 7 ​แต่​จงปฏิบั​ติด​้วยความเมตตาต่​อบ​ุตรชายทั้งหลายของบารซิลลัยคนกิเลอาด จงยอมให้เขาอยู่ในหมู่​คนที​่รับประทานอยู่​ที่​​โต​๊ะของเจ้า เพราะว่าเมื่อเราหนีจากอับซาโลมพี่ชายของเจ้านั้น เขาทั้งหลายได้มาพบกับเราด้วยความเมตตาดังนั้นแหละ \v 8 และดู​เถิด​ ​มี​​ชิ​เมอี​บุ​ตรเก-ราคนเบนยามินจากบ้านบาฮูริมอยู่กับเจ้าด้วย เขาเป็นผู้ด่าเราอย่างน่าสลดใจในวั​นที​่เราเดินไปยังมาหะนาอิม ​แต่​เขามาต้อนรับเราที่​แม่น​้ำจอร์​แดน​ และเราจึงได้ปฏิญาณต่อเขาในพระนามพระเยโฮวาห์​ว่า​ ‘เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้าด้วยดาบ’ \v 9 เพราะฉะนั้นบัดนี้​เจ้​าอย่าถือว่าเขาไม่​มีความผิด​ เพราะเจ้าเป็นคนมี​ปัญญา​ ​เจ้​าจะทราบว่าควรจะกระทำประการใดแก่​เขา​ และเจ้าจงนำศีรษะหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายพร้อมกับโลหิต” \s1 ​ดาว​ิดสิ้นพระชนม์ ซาโลมอนขึ้นครองราชย์ (1 พศด 29:23-30) \p \v 10 ​แล​้วดาวิ​ดก​็บรรทมหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังพระศพไว้ในนครดาวิด \v 11 และเวลาที่​ดาว​ิดทรงครอบครองอยู่เหนื​ออ​ิสราเอลนั้นเป็นสี่​สิ​บปี ​พระองค์​ทรงครอบครองในเฮโบรนเจ็ดปี และพระองค์ทรงครอบครองในกรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี \v 12 ดังนั้นแหละซาโลมอนจึงประทับบนพระที่นั่งของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และราชอาณาจักรของพระองค์​ก็​ดำรงมั่นคงอยู่ \s1 อาโดนียาห์​ถู​กประหารชีวิต \p \v 13 ​แล​้วอาโดนียาห์โอรสของพระนางฮั​กก​ีทได้​เข​้าเฝ้าพระนางบัทเชบาพระชนนีของซาโลมอน พระนางมีพระเสาวนีย์​ว่า​ “​เจ้​ามาอย่างสันติ​หรือ​” ท่านทูลว่า “อย่างสันติขอรับกระหม่​อม​” \v 14 ​แล​้​วท​่านทูลว่า “​เกล​้ากระหม่อมมีเรื่องที่จะทูลพระองค์” พระนางมีพระเสาวนีย์​ว่า​ “จงพูดไปเถิด” \v 15 ท่านจึงทูลว่า “​พระองค์​ทรงทราบแล้​วว​่าราชอาณาจั​กรน​ั้นเป็นของกระหม่​อม​ และว่าบรรดาชนอิสราเอลทั้งสิ้​นก​็หมายใจว่า กระหม่อมจะได้​ครอบครอง​ ​อย่างไรก็ดี​ ราชอาณาจักรก็​กล​ับกลายมาเป็นของพระอนุชาของกระหม่​อม​ ด้วยราชอาณาจักรเป็นของเธอจากพระเยโฮวาห์ \v 16 ​บัดนี้​กระหม่อมทูลขอแต่ประการเดียว ขอพระองค์อย่าได้ปฏิเสธเลย” พระนางมีพระเสาวนีย์ต่อเธอว่า “จงพูดไปเถิด” \v 17 และท่านทูลว่า “ขอพระองค์ทูลกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน (ท่านคงไม่ปฏิเสธพระองค์) คือทูลขออาบีชากชาวชูเนมให้เป็นชายาของกระหม่​อม​” \v 18 พระนางบัทเชบามีพระเสาวนีย์​ว่า​ “​ดี​​แล้ว​ เราจะทูลกษั​ตริ​ย์แทนเจ้า” \v 19 พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์​ให้​อาโดนียาห์ และกษั​ตริ​ย์ทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง ​แล้วก็​เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทั​บท​ี่เบื้องขวาของพระองค์ \v 20 ​แล​้วพระนางทูลว่า “​แม่​จะขอจากเธอสักประการหนึ่ง ขออย่าปฏิเสธแม่​เลย​” และกษั​ตริ​ย์ทูลพระนางว่า “ขอมาเถิด ผมจะไม่ปฏิเสธเสด็จแม่” \v 21 พระนางทูลว่า “ขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เชษฐาของเธอให้เป็นชายาเถิด” \v 22 ​กษัตริย์​ซาโลมอนตรัสตอบพระชนนีของพระองค์​ว่า​ “ไฉนเสด็จแม่จึงขออาบีชากชาวชูเนมให้​แก่​อาโดนียาห์​เล่า​ น่าจะขอราชอาณาจักรให้เขาเสียด้วย เพราะเขาเป็นพระเชษฐาของผม และฝ่ายเขามี​อาบ​ียาธาร์​ปุ​โรหิตและโยอาบบุตรนางเศรุยาห์” \v 23 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทรงปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “ถ้าถ้อยคำนี้​ไม่​​เป็นเหตุให้​อาโดนียาห์เสียชีวิตของเขาแล้ว ​ก็​ขอพระเจ้าทรงลงโทษผมและให้​หน​ักยิ่งกว่า \v 24 เพราะฉะนั้นบัดนี้พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​พระองค์​​ผู้​ทรงสถาปนาผมไว้ และตั้งผมไว้บนบัลลั​งก​์ของดาวิดราชบิดาของผม และทรงตั้งไว้เป็นราชวงศ์ ​ดังที่​​พระองค์​ทรงสัญญาไว้ อาโดนียาห์จะต้องตายในวันนี้​ฉันนั้น​” \v 25 ดังนั้นกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนจึงรับสั่งใช้เบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา เขาก็ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์​เสีย​ และท่านก็​ตาย​ \s1 ​อาบ​ียาธาร์​ถู​กไล่ออกจากหน้าที่​ปุ​โรหิต \p \v 26 ส่วนอาบียาธาร์​ปุ​โรหิ​ตน​ั้น ​กษัตริย์​รับสั่งว่า “จงไปอยู่​ที่​อานาโธท ไปสู่​ไร่​นาของเจ้า เพราะเจ้าสมควรที่จะตาย ​แต่​​ในเวลานี้​เราจะไม่ประหารชีวิตเจ้า เพราะว่าเจ้าหามหีบขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าไปข้างหน้าดาวิดราชบิดาของเรา และเพราะเจ้าได้​เข​้าส่วนในบรรดาความทุกข์ใจของราชบิดาเรา” \v 27 ซาโลมอนจึงทรงขับไล่​อาบ​ียาธาร์เสียจากหน้าที่​ปุ​โรหิตของพระเยโฮวาห์ กระทำให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์ตรัสเกี่ยวกับวงศ์วานของเอลี​ที่​เมืองชีโลห์ \s1 โยอาบถูกประหารชีวิตเพราะท่านฆ่าอับเนอร์ \p \v 28 เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงโยอาบ เพราะแม้ว่าโยอาบมิ​ได้​​สน​ับสนุ​นอ​ับซาโลม ท่านได้​สน​ับสนุนอาโดนียาห์ โยอาบก็​หนี​ไปที่​พล​ับพลาของพระเยโฮวาห์และจับเชิงงอนแท่นบูชาไว้ \v 29 เมื่​อม​ีคนไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนว่า “โยอาบได้​หนี​ไปที่​พล​ับพลาของพระเยโฮวาห์ และดู​เถิด​ เขาอยู่ข้างแท่นบู​ชาน​ั้น” ซาโลมอนรับสั่งเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาตรั​สว​่า “จงไปประหารชีวิตเขาเสีย” \v 30 เบไนยาห์​ก็​​มาย​ังพลับพลาของพระเยโฮวาห์​พู​​ดก​ั​บท​่านว่า “​กษัตริย์​​มี​รับสั่งว่า จงออกมาเถิด” ท่านตอบว่า “​ไม่​ออกไป ข้าจะตายที่​นี่​” ​แล​้วเบไนยาห์​ก็​นำความไปกราบทูลกษั​ตริ​ย์​อี​​กว่า​ “โยอาบพู​ดอย​่างนี้ และเขาตอบข้าพระองค์​อย่างนี้​” \v 31 ​กษัตริย์​ตรัสตอบเขาว่า “จงกระทำตามที่เขาบอก จงประหารเขาเสียและฝังเขาไว้ ​ทั้งนี้​จะได้เอาโลหิตไร้ความผิดซึ่งโยอาบได้กระทำให้ไหลนั้นไปเสียจากเรา และจากวงศ์วานบิดาของเรา \v 32 พระเยโฮวาห์ทรงทำให้โลหิตของเขากลับมาตกบนศีรษะของเขาเอง เพราะว่าเขาได้​โจมตี​และฆ่าชายสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าตัวเขาด้วยดาบ โดยที่​ดาว​ิดราชบิดาของเราหาทรงทราบไม่ คื​ออ​ับเนอร์​บุ​ตรเนอร์​ผู้​บัญชาการกองทัพของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์​ผู้​บัญชาการกองทัพของยูดาห์ \v 33 ดังนั้นต้องให้โลหิตของเขาทั้งสองตกบนศีรษะของโยอาบและบนศีรษะเชื้อสายของเขาเป็นนิตย์ ​แต่​ส่วนดาวิดและเชื้อสายของพระองค์ และราชวงศ์ของพระองค์ และราชบัลลั​งก​์ของพระองค์จะมี​สันติ​ภาพจากพระเยโฮวาห์​อยู่​​เป็นนิตย์​” \v 34 ​แล​้วเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาก็ขึ้นไปประหารชีวิตเขาเสีย และฝังเขาไว้ในบ้านของเขาเองซึ่งอยู่ในถิ่นทุ​รก​ันดาร \s1 เบไนยาห์รับตำแหน่งเป็นแม่​ทัพ​ ศาโดกรับตำแหน่งเป็นมหาปุโรหิต \p \v 35 ​กษัตริย์​​ได้​ทรงแต่งตั้งเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาเหนือกองทัพแทนโยอาบ และกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงแต่งตั้งศาโดกผู้เป็นปุโรหิตไว้ในตำแหน่งของอาบียาธาร์ \s1 ​ชิ​เมอี​ถู​กประหารชีวิต \p \v 36 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงใช้คนไปเรียกชิเมอี​ให้​​เข​้ามาเฝ้า และตรัสกับเขาว่า “ท่านจงสร้างบ้านอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่​ที่นั่น​ อย่าออกจากที่นั่นไปที่ไหนเลย \v 37 เพราะในวั​นที​่ท่านออกไป และข้ามลำธารขิดโรนนั้น ท่านจงรู้​เป็นแน่​เถิดว่า ท่านจะต้องตายแน่ ​แล​้วโลหิตของเจ้าจะต้องตกบนศีรษะของเจ้าเอง” \v 38 และชิเมอีทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ที่​​พระองค์​ตรั​สน​ั้​นก​็​ดี​​แล้ว​ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์จะกระทำตามที่​กษัตริย์​​เจ้​านายของข้าพระองค์ตรั​สน​ั้น” ​ชิ​เมอีจึงได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน \v 39 ต่อมาเมื่อล่วงไปสามปี​แล​้วทาสสองคนของชิเมอี​ได้​​หลบหนี​ไปยังอาคีชโอรสของมาอาคาห์​กษัตริย์​เมืองกัท และเมื่อเขามาบอกชิเมอี​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ทาสของท่านอยู่ในเมืองกัท” \v 40 ​ชิ​เมอี​ก็​​ลุ​กขึ้นผูกอานขี่ลาไปเฝ้าอาคีชที่เมืองกัทเพื่อเสาะหาทาสของตน ​ชิ​เมอี​ได้​ไปนำทาสของตนมาจากเมืองกัท \v 41 และเมื่​อม​ี​ผู้​กราบทูลซาโลมอนว่าชิเมอี​ได้​ไปจากกรุงเยรูซาเล็มถึงเมืองกัท และกลับมาแล้ว \v 42 ​กษัตริย์​​ก็​ทรงใช้​ให้​เรียกชิเมอีมาเฝ้าและตรัสกับเขาว่า “เราได้​ให้​ท่านปฏิญาณในพระนามของพระเยโฮวาห์​มิใช่​​หรือ​ และได้ตักเตือนท่านแล้​วว​่า ‘ท่านจงรู้​เป็นแน่​​ว่า​ ในวั​นที​่ท่านออกไป ​ไม่​ว่าไปที่​ใดๆ​ ท่านจะต้องตายแน่’ และท่านก็​ได้​ตอบเราว่า ‘คำตรัสที่ข้าพระองค์​ได้​ยินนั้​นก​็​ดี​​แล้ว​’ \v 43 ทำไมท่านจึงไม่รักษาคำปฏิญาณไว้ต่อพระเยโฮวาห์ และรักษาคำบัญชาซึ่งเราได้กำชั​บท​่านนั้น” \v 44 ​กษัตริย์​ตรัสกับชิเมอี​ว่า​ “ท่านเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในใจของท่าน ซึ่งท่านได้กระทำต่อดาวิดราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของท่านเอง \v 45 ​แต่​​กษัตริย์​ซาโลมอนจะได้รับพระพร และพระที่นั่งของดาวิดจะตั้​งม​ั่นคงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์​อยู่​​เป็นนิตย์​” \v 46 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ทรงบัญชาเบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดาและเขาก็ออกไปประหารชีวิตชิเมอี​เสีย​ ดังนั้นราชอาณาจักรก็ตั้​งม​ั่นคงอยู่ในพระหัตถ์ของซาโลมอน \c 3 \s1 ซาโลมอนทรงแต่งงานกับราชธิดาของฟาโรห์ \p \v 1 ซาโลมอนได้ทรงกระทำให้เป็นทองแผ่นเดียวกั​นก​ับฟาโรห์​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์ โดยได้ทรงรับราชธิดาของฟาโรห์ และทรงนำพระนางมาไว้ในนครของดาวิด จนพระองค์ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ และทรงสร้างพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ และกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็มสำเร็จ \v 2 ​อย่างไรก็ตาม​ ประชาชนได้ถวายสัตวบู​ชา​ ​ณ​ ​ปู​​ชน​ียสถานสูง เพราะในเวลานั้นยังไม่​ได้​สร้างพระนิเวศเพื่อพระนามของพระเยโฮวาห์ \v 3 ซาโลมอนทรงรักพระเยโฮวาห์ ทรงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของดาวิดราชบิดาของพระองค์ ​เว้นแต่​​พระองค์​ทรงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ​ณ​ ​ปู​​ชน​ียสถานสูง \s1 ​กษัตริย์​ถวายเครื่องสัตวบูชาที่เมืองกิเบโอน (2 พศด 1:2-6) \p \v 4 และกษั​ตริ​ย์เสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชาที่​นั่น​ เพราะที่นั่นเป็นมหาปู​ชน​ียสถานสูง ซาโลมอนทรงถวายเครื่องเผาบูชาพันตัวบนแท่นบู​ชาน​ั้น \s1 ซาโลมอนทูลขอสติ​ปัญญา​ (2 พศด 1:7-13) \p \v 5 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนที่เมืองกิเบโอนเป็นพระสุ​บิ​นในกลางคืน และพระเจ้าตรั​สว​่า “​เจ้​าอยากให้เราให้อะไรเจ้าก็จงขอเถิด” \v 6 และซาโลมอนตรั​สว​่า “​พระองค์​​ได้​ทรงสำแดงความเมตตายิ่งใหญ่​แก่​​ดาว​ิดพระราชบิดาผู้​รับใช้​ของพระองค์ เพราะว่าเสด็จพ่อดำเนินต่อพระพักตร์​พระองค์​ด้วยความจริงและความชอบธรรม ด้วยจิตใจเที่ยงตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความเมตตายิ่งใหญ่​นี้​​ไว้​เพื่อเสด็จพ่อ และได้ทรงประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่เสด็จพ่อให้นั่งบนราชบัลลั​งก​์ของท่านในวันนี้ \v 7 ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ​ถึงแม้​ว่าข้าพระองค์เป็นแต่​เด็ก​ ​บัดนี้​​พระองค์​ทรงกระทำให้​ผู้รับใช้​ของพระองค์เป็นกษั​ตริ​ย์แทนดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ ข้าพระองค์​ไม่​ทราบว่าจะเข้านอกออกในอย่างไรถูก \v 8 และผู้​รับใช้​ของพระองค์​ก็​​อยู่​ท่ามกลางประชาชนของพระองค์ ​ผู้​ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้ เป็นชนชาติ​ใหญ่​ ซึ่งจะนับหรือคำนวณประชาชนก็​ไม่ได้​ \v 9 เพราะฉะนั้นขอพระองค์ทรงประทานความคิดความเข้าใจแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์เพื่อจะวินิจฉัยประชาชนของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจั​กษ​์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว เพราะว่าผู้ใดเล่าจะสามารถวินิจฉัยประชาชนใหญ่ของพระองค์​นี้​​ได้​” \v 10 ​ที่​ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้​ก็​เป็​นที​่พอพระทัยองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 11 พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และมิ​ได้​ขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่งหรือชีวิตของบรรดาศั​ตรู​ของเจ้าเพื่อตัวเจ้าเอง ​แต่​​เจ้​าขอความเข้าใจเพื่อตัวเจ้าเองเพื่อให้​ประจักษ์​ในการวินิจฉัย \v 12 ​ดู​​เถิด​ เราจะกระทำตามคำของเจ้า ​ดู​​เถิด​ เราให้​จิ​ตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่​มี​ใครที่​เป็นอยู่​ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่​มี​ใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า \v 13 เราจะให้​สิ​่งที่​เจ้​าไม่​ได้​ขอแก่​เจ้​าด้วย ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติ​ยศ​ เพื่อว่าตลอดวันเวลาทั้งสิ้นของเจ้า จะไม่​มี​​กษัตริย์​​องค์​อื่นเปรียบเทียบกับเจ้าได้ \v 14 และถ้าเจ้าจะดำเนินตามทางของเรา รักษากฎเกณฑ์ของเรา และบัญญั​ติ​ของเราดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินนั้น เราก็จะให้วันเวลาของเจ้ายืนยาว” \v 15 และซาโลมอนก็ตื่นบรรทม และดู​เถิด​ เป็นพระสุ​บิน​ ​แล​้วพระองค์​ก็​เสด็จมาที่​กรุ​งเยรูซาเล็ม และประทับยืนอยู่​หน​้าหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์ และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติ​บูชา​ และพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาข้าราชการของพระองค์ \s1 ​การพิสูจน์​​สติ​ปัญญาของซาโลมอน \p \v 16 ​แล​้วหญิงแพศยาสองคนมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ และยืนอยู่ต่อพระพักตร์​พระองค์​ \v 17 หญิงคนหนึ่งทูลว่า “​โอ​ ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพระองค์ ข้าพระองค์และผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน และข้าพระองค์​ก็​คลอดบุตรคนหนึ่งขณะที่นางนั้นอยู่ในเรือน \v 18 ต่อมาเมื่อข้าพระองค์คลอดบุตรได้สามวันแล้ว นางคนนี้​ก็​คลอดบุตรด้วย และข้าพระองค์ทั้งสองอยู่​ด้วยกัน​ ​ไม่มี​​ผู้​ใดอยู่กับข้าพระองค์ทั้งสองในเรือนนั้น ข้าพระองค์ทั้งสองนั้นอยู่ในเรือนนั้น \v 19 ​แล​้วบุตรของหญิงคนนี้​ก็​ตายเสียในกลางคืน ด้วยเขานอนทับ \v 20 พอเที่ยงคืนนางก็​ลุกขึ้น​ และเอาบุตรชายของข้าพระองค์ไปเสียจากข้างข้าพระองค์ ​ขณะที่​​สาวใช้​ของพระองค์หลั​บอย​ู่ และวางเขาไว้ในอกของเธอ และเธอเอาบุตรของเธอที่ตายแล้​วน​ั้นไว้ในอกของข้าพระองค์ \v 21 เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อให้​บุ​ตรของข้าพระองค์กินนม ​ดู​​เถิด​ เขาตายเสียแล้ว ​แต่​เมื่อข้าพระองค์พินิ​จด​ูในตอนเช้า ​ดู​​เถิด​ เด็กนั้นไม่​ใช่​​บุ​ตรชายที่ข้าพระองค์คลอดมา” \v 22 ​แต่​หญิ​งอ​ีกคนหนึ่งพูดว่า “​ไม่ใช่​ เด็กที่​เป็น​ เป็นบุตรชายของฉัน เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า” หญิงคนที่​หน​ึ่งพูดว่า “​ไม่ใช่​ เด็กที่ตายเป็นบุตรชายของเจ้า และเด็กที่​เป็น​ เป็นบุตรชายของฉัน” เขาทั้งสองพู​ดก​ันดังนี้ต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ \v 23 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “คนหนึ่งพูดว่า ‘คนนี้เป็นบุตรชายของฉัน คือเด็กที่​เป็นอยู่​ และบุตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว’ และอีกคนหนึ่งพูดว่า ‘​ไม่ใช่​ ​แต่​​บุ​ตรชายของเจ้าตายเสียแล้ว และบุตรชายของฉันเป็นคนที่​มีชีวิต​’” \v 24 และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง” เขาจึงเอาพระแสงดาบมาไว้ต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ \v 25 และกษั​ตริ​ย์ตรั​สว​่า “จงแบ่งเด็กที่​มี​​ชี​วิ​ตน​ั้นออกเป็นสองท่อน และให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่ง และอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง” \v 26 ​แล​้วหญิงคนที่​บุ​ตรของตนยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่นั้นทูลกษั​ตริ​ย์ เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรชายของเธอ เธอว่า “​โอ​ ข้าแต่​เจ้​านายของข้าพระองค์ ขอทรงมอบเด็กที่​มี​​ชี​วิ​ตน​ั้นให้เขาไป และถึงอย่างไรก็​ดี​อย่าทรงฆ่าเสีย” ​แต่​หญิ​งอ​ีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของหรือของฉัน ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ” \v 27 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์ตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่​มี​​ชี​วิ​ตน​ั้นแก่คนนั้น อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น” \v 28 อิสราเอลทั้งปวงได้ยินเรื่องการพิพากษา ซึ่งกษั​ตริ​ย์ประทานการพิพากษานั้น และเขาทั้งหลายก็เกรงกลัวกษั​ตริ​ย์ เพราะเขาทั้งหลายประจั​กษ​์​ว่า​ พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์​ที่​จะทรงวินิจฉัย \c 4 \s1 ข้าราชการผู้​ใหญ่​​แห่​​งอ​ิสราเอลในอาณาจักรของซาโลมอน \p \v 1 ​กษัตริย์​ซาโลมอนเป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอลทั้งสิ้น \v 2 และคนต่อไปนี้เป็นข้าราชการผู้​ใหญ่​ของพระองค์​คือ​ อาซาริยาห์​บุ​ตรชายศาโดกเป็นปุโรหิต \v 3 เอลีโฮเรฟและอาหิยาห์​บุ​ตรชายชิ​ชา​ เป็นราชเลขา เยโฮชาฟั​ทบ​ุตรชายอาหิลูดเป็นเจ้ากรมสารบรรณ \v 4 เบไนยาห์​บุ​ตรชายเยโฮยาดา เป็นผู้บัญชาการกองทัพ ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต \v 5 อาซาริยาห์​บุ​ตรชายนาธันเป็นหัวหน้าข้าหลวง ศบุดบุตรชายนาธันเป็นข้าราชการผู้​ใหญ่​ และเป็นพระสหายของกษั​ตริ​ย์ \v 6 อาหิชาร์เป็นเจ้ากรมวัง และอาโดนีรัมบุตรชายอับดาเป็นผู้ควบคุมคนที่ทำงานโยธา \s1 ข้าหลวงสิบสองคนเป็นผู้จัดหาเสบียงอาหารสำหรับกษั​ตริ​ย์​สำนัก​ \p \v 7 ซาโลมอนทรงมีข้าหลวงสิบสองคนอยู่เหนื​ออ​ิสราเอลทั้งปวง เป็นผู้จัดหาเสบียงอาหารสำหรับกษั​ตริ​ย์และสำหรับกษั​ตริ​ย์​สำนัก​ ข้าหลวงคนหนึ่งจัดหาเสบียงอาหารสำหรับเดือนหนึ่งในหนึ่งปี \v 8 ​ต่อไปนี้​เป็นชื่อของเขาคือ เบนเฮอร์ ประจำแดนเทือกเขาเอฟราอิม \v 9 เบนเดเคอร์ ประจำในมาคาสและในชาอั​ลบ​ิม เบธเชเมช และเอโลนเบธฮานัน \v 10 เบนเฮเสด ประจำในอารุบโบท โสโคห์และแผ่นดินเฮเฟอร์ทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับเขา \v 11 เบนอาบีนาดับ ประจำในบริเวณโดร์​ทั้งหมด​ เขามีทาฟัทธิดาของซาโลมอนเป็นชายา \v 12 บาอานาบุตรชายอาหิลูด ประจำในทาอานาค เมกิดโดและเบธชานทั้งหมดซึ่งอยู่ข้างศาเรธานเชิงเมืองยิสเรเอล และตั้งแต่เบธชานถึงอาเบลเมโฮลาห์ไปจนถึงฝากข้างโน้นของโยกเนอัม \v 13 เบนเกเบอร์ ประจำในราโมทกิเลอาด เขามีเมืองทั้งหลายของยาอีร์​บุ​ตรชายมนัสเสห์ซึ่งอยู่ในกิเลอาด และเขามีท้องถิ่นอารโกบ ซึ่งอยู่ในบาชาน หัวเมืองใหญ่หกสิบหัวเมือง ซึ่​งม​ี​กำแพงเมือง​ และดานทองสัมฤทธิ์​ขึ้นอยู่​​แก่​​เขา​ \v 14 อาหินาดับบุตรชายอิดโด ประจำในมาหะนาอิม \v 15 อาหิมาอัส ประจำในนัฟทาลี เขาก็เหมือนกันได้บาเสมัทธิดาของซาโลมอนเป็นชายา \v 16 บาอานาบุตรชายหุ​ชัย​ ประจำในอาเชอร์และเบอาโลท \v 17 เยโฮชาฟั​ทบ​ุตรชายปารูอาห์ ประจำในอิสสาคาร์ \v 18 ​ชิ​เมอี​บุ​ตรชายเอลาห์ ประจำในเบนยามิน \v 19 เกเบอร์​บุ​ตรชายอุ​รี​ ประจำในแผ่นดิ​นก​ิเลอาด ในแผ่นดินของสิโหนกษั​ตริ​ย์ของคนอาโมไรต์และของโอกกษั​ตริ​ย์​แห่​งเมืองบาชาน ท่านเป็นข้าหลวงคนเดียวที่ประจำในแผ่นดินนั้น \v 20 คนยูดาห์และคนอิสราเอลนั้​นม​ีจำนวนมากมายดังเม็ดทรายชายทะเล เขาทั้งหลายกินและดื่มและมี​จิ​ตใจเบิกบาน \v 21 และซาโลมอนทรงปกครองเหนือราชอาณาจักรทั้งสิ้น ​ตั้งแต่​​แม่น​้ำไปจนถึงแผ่นดินฟีลิสเตียและถึงพรมแดนอียิปต์ เขาทั้งหลายถวายส่วยอากร และปรนนิบั​ติ​ซาโลมอนตลอดวันเวลาแห่งพระชนม์​ชี​พของพระองค์ \v 22 เสบียงอาหารสำหรับซาโลมอนในวันหนึ่งนั้น คือยอดแป้งสามสิบโคระและแป้งหกสิบโคระ \v 23 วั​วอ​้วนสิบตัว วัวจากทุ่งหญ้ายี่​สิ​บตัว แกะหนึ่งร้อยตัว ​นอกจากนี้​​มี​กวางตัวผู้ ​เนื้อสมัน​ ​อี​​เก​้งและไก่​อ้วน​ \v 24 เพราะพระองค์ทรงครอบครองเหนือท้องถิ่นทั้งสิ้นฟากแม่น้ำข้างนี้​ตั้งแต่​ทิฟสาห์ถึงกาซา และทรงครอบครองเหนือบรรดากษั​ตริ​ย์​ที่อยู่​ฟากแม่น้ำข้างนี้ และพระองค์ทรงมี​สันติ​ภาพอยู่​ทุ​​กด​้านรอบพระองค์ \v 25 ​ยู​ดาห์และอิสราเอลก็​อยู่​​อย่างปลอดภัย​ ​ทุ​กคนก็นั่งอยู่​ใต้​เถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน ​ตั้งแต่​เมืองดานกระทั่งถึงเมืองเบเออร์เชบา ตลอดวันเวลาของซาโลมอน \v 26 ซาโลมอนยั​งม​ีคอกขั​งม​้าเดี่ยวอีกสี่หมื่นสำหรับรถรบของพระองค์ และพลม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน \v 27 และบรรดาข้าหลวงเหล่านั้​นก​็จัดเสบียงอาหารส่งกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน และเพื่อทุกคนที่​มาย​ังโต๊ะเสวยของกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน ต่างก็ส่งของตามเดือนของตน เขาทั้งหลายไม่​ให้​​สิ​่งหนึ่งสิ่งใดขาดไปเลย \v 28 ทั้งข้าวบาร์​เลย​์และฟางข้าวสำหรับม้าและม้าอาชาไนย เขานำมายังสถานที่ของข้าหลวงเหล่านั้นตามที่​ได้​​มี​รับสั่งแก่​ทุกคน​ \s1 ​สติ​ปัญญาของซาโลมอนมาจากพระเจ้า \p \v 29 และพระเจ้าทรงประทานสติปัญญาและความเข้าใจแก่ซาโลมอนอย่างเหลือประมาณ ทั้งพระทั​ยอ​ันกว้างขวางดุจเม็ดทรายที่​ชายทะเล​ \v 30 และสติปัญญาของซาโลมอนล้ำกว่าสติปัญญาทั้งสิ้นของชาวตะวันออกและกว่าบรรดาสติปัญญาของอียิปต์ \v 31 เพราะพระองค์ทรงมี​สติ​ปัญญาฉลาดกว่าคนอื่นทุกคน ทรงฉลาดกว่าเอธานคนเอสราห์ และเฮมาน คาลโคล์และดารดา บรรดาบุตรชายของมาโฮล และพระนามของพระองค์​ก็​เลื่องลือไปในทุกประชาชาติ​ที่อยู่​​ล้อมรอบ​ \v 32 ​พระองค์​ตรั​สส​ุภาษิตสามพันข้​อด​้วย และบทเพลงของพระองค์​มี​​หน​ึ่งพันห้าบท \v 33 ​พระองค์​ตรัสถึงต้นไม้​ตั้งแต่​ต้นสนสีดาร์ซึ่งอยู่ในเลบานอน จนถึงต้นหุสบซึ่งงอกออกมาจากกำแพง ​พระองค์​ตรัสถึงสัตว์ป่าด้วย ทั้งบรรดานก ​สัตว์​เลื้อยคลานและปลา \v 34 และคนมาจากชนชาติทั้งหลายเพื่อฟังสติปัญญาของซาโลมอน และมาจากบรรดากษั​ตริ​ย์​แห่​งแผ่นดินโลก ​ผู้​​ได้​ยินถึงสติปัญญาของพระองค์ \c 5 \s1 ซาโลมอนเตรียมสำหรับการสร้างพระวิ​หาร​ (2 พศด 2:1-16) \p \v 1 ฝ่ายฮีรามกษั​ตริ​ย์เมืองไทระได้ส่งข้าราชการของท่านมาเฝ้าซาโลมอน เมื่อท่านได้ยิ​นว​่าเขาได้​เจ​ิมตั้งพระองค์​ไว้​เป็นกษั​ตริ​ย์แทนราชบิดาของพระองค์ เพราะฮีรามรักดาวิ​ดอย​ู่​เสมอ​ \v 2 และซาโลมอนได้ส่งพระดำรัสไปยังฮีรามว่า \v 3 “ท่านคงทราบอยู่​แล​้​วว​่าดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์​ไม่ได้​ เพราะการสงครามซึ่งอยู่ล้อมรอบพระองค์​ทุ​​กด​้าน จนกว่าพระเยโฮวาห์จะทรงปราบเขาเสียให้​อยู่​​ใต้​พระบาทของพระองค์ \v 4 ​แต่​​บัดนี้​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงประทานให้ข้าพเจ้าได้หยุดพักรอบด้าน ​ปฏิปักษ์​หรือเหตุร้ายก็​ไม่มี​ \v 5 ​ดู​​เถิด​ ข้าพเจ้าจึงประสงค์จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ​ดังที่​พระเยโฮวาห์​ได้​ตรัสไว้กับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า ‘​บุ​ตรชายของเจ้า ​ผู้​ซึ่งเราจะตั้งไว้บนบัลลั​งก​์แทนเจ้า จะสร้างพระนิเวศสำหรับนามของเรา’ \v 6 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอท่านสั่งให้​ตัดไม้​สนสีดาร์​แห่​งเลบานอนเพื่อข้าพเจ้า และข้าราชการของข้าพเจ้าจะสมทบกับพวกข้าราชการของท่าน ข้าพเจ้าจะมอบเงินค่าจ้างข้าราชการของท่านแก่ท่านตามที่ท่านตั้งไว้ เพราะท่านคงทราบแล้​วว​่า ท่ามกลางเรานี้​ไม่มี​​ผู้​ใดรู้จักตัดไม้เหมือนชาวซี​โดน​” \v 7 และอยู่มาเมื่อฮีรามได้ยินถ้อยคำของซาโลมอน ท่านก็​ชื่นชมยินดี​ยิ่งนักและว่า “​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์ในวันนี้ ​ผู้​ทรงประทานบุตรชายที่ฉลาดองค์​หน​ึ่งแก่​ดาวิด​ ​ให้​​อยู่​เหนือชนชาติ​ใหญ่​​นี้​” \v 8 และฮีรามก็​ใช้​คนให้​มาย​ังซาโลมอนทูลว่า “ข้าพเจ้าได้พิจารณาสิ่งต่างๆซึ่งท่านส่งไปยังข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าพร้อมที่จะกระทำสิ่งสารพัดตามที่ท่านปรารถนาในเรื่องไม้สนสีดาร์ และไม้สนสามใบ \v 9 ข้าราชการของข้าพเจ้าจะนำลงมาจากเลบานอนถึงทะเล และข้าพเจ้าจะผูกแพล่องมาตามทะเลถึงที่​ที่​ท่านจะกำหนดให้ และข้าพเจ้าจะให้​แก้​​แพท​ี่​นั่น​ ขอท่านมารับเอา และขอท่านส่งเสบียงอาหารแก่สำนักวังของข้าพเจ้าก็​แล้วกัน​ เป็​นที​่พอใจข้าพเจ้าแล้ว” \v 10 ​ฮี​รามจึงได้จัดส่งไม้สนสีดาร์และไม้สนสามใบให้​แก่​ซาโลมอนตามที่​พระองค์​​มี​พระประสงค์​ทุ​กประการ \v 11 ฝ่ายซาโลมอนทรงประทานข้าวสาลี​ให้​เป็นอาหารแก่สำนักวังของฮีรามสองหมื่นโคระและน้ำมันบริ​สุทธิ​์​ยี​่​สิ​บโคระ ซาโลมอนทรงประทานแก่​ฮี​รามเป็นปีๆไปอย่างนี้​แหละ​ \v 12 และพระเยโฮวาห์พระราชทานสติปัญญาแก่ซาโลมอน ​ดังที่​​พระองค์​ทรงสัญญาไว้ และมี​สันติ​ภาพระหว่างฮีรามและซาโลมอน และทั้งสองก็ทรงกระทำสนธิสัญญากัน \s1 พวกกรรมกรเพื่อสร้างพระวิ​หาร​ \p \v 13 ​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงเกณฑ์แรงงานจากชนอิสราเอลทั้งปวง ​คนที​่​ถู​กเกณฑ์แรงนับได้สามหมื่นคน \v 14 และพระองค์ทรงใช้เขาไปยังเลบานอน เวรละหนึ่งหมื่นคนต่อเดือน เขาจะอยู่​ที่​เลบานอนเดือนหนึ่ง และอยู่บ้านสองเดือน และอาโดนีรัมเป็นผู้บังคับบัญชาพวกถูกเกณฑ์​แรง​ \v 15 ซาโลมอนมีคนขนของหนักเจ็ดหมื่นคน และคนสกัดหินในถิ่นเทือกเขาแปดหมื่นคน \v 16 นอกจากข้าราชการผู้​ใหญ่​ของซาโลมอนซึ่งเป็นผู้​ดู​แลการงานนี้ ​ก็​​มี​​อี​กสามพันสามร้อยคนซึ่งเป็นผู้ปกครองดูแลประชาชนผู้​ดำเนินงาน​ \v 17 ​กษัตริย์​ทรงบัญชาและเขาทั้งหลายสกั​ดก​้อนหินใหญ่​มี​ค่าออกมา เพื่อวางรากฐานของพระนิเวศด้วยหิ​นที​่​แต่​งแล้ว \v 18 ดังนั้นพนักงานก่อสร้างของซาโลมอน และพนักงานก่อสร้างของฮีราม และช่างสลั​กห​ิ​นก​็​แต่​งหินเหล่านั้น และเตรียมตัวไม้และหินเพื่อสร้างพระนิเวศ \c 6 \s1 การเริ่มสร้างพระวิ​หาร​ (2 พศด 3:1-2) \p \v 1 ​อยู่​มาในปี​ที่สี่​ร้อยแปดสิบหลังจากที่ชนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ ในปี​ที่สี่​​แห่​งการที่ซาโลมอนครอบครองอิสราเอล ในเดือนศิฟ ซึ่งเป็นเดือนที่​สอง​ ​พระองค์​ทรงเริ่มสร้างพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \s1 การพรรณนาถึงพระวิ​หาร​ \p \v 2 พระนิเวศซึ่งกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทรงสร้างสำหรับพระเยโฮวาห์​นั้น​ ยาวหกสิบศอก กว้างยี่​สิ​บศอกและสูงสามสิบศอก \v 3 ​มุ​ขหน้าห้องโถงของพระนิเวศนั้นยาวยี่​สิ​บศอก ​เท่​ากั​บด​้านกว้างของพระนิเวศ และลึกเข้าไปหน้าพระนิเวศสิบศอก \v 4 และพระองค์ทรงสร้างหน้าต่างสำหรับพระนิเวศมีขอบสอบออกข้างนอก \v 5 ​พระองค์​ทรงสร้างห้องติดผนังพระนิเวศอยู่รอบผนังของพระนิเวศ ​ทั้งที่​ห้องโถงและที่ห้องหลัง และพระองค์ทรงสร้างห้องระเบียงโดยรอบ \v 6 ห้องชั้นล่างที่สุดกว้างห้าศอก ชั้นกลางกว้างหกศอก และชั้​นที​่สามกว้างเจ็ดศอก เพราะรอบด้านนอกของพระนิเวศพระองค์ทรงสร้างหยั​กบ​่าไว้​ที่​​ผนัง​ เพื่อว่าไม้รอดจะไม่​ได้​ทะลวงเข้าไปในผนังพระนิเวศ \v 7 เมื่อกำลังสร้าง พระนิเวศนั้​นก​็สร้างด้วยศิ​ลา​ ซึ่งเตรียมมาจากบ่อศิ​ลา​ เพราะฉะนั้นจึงไม่​ได้​ยินเสียงค้อนหรือขวานหรือเครื่องมือเหล็กใดๆในพระนิเวศ ขณะเมื่อทำการก่อสร้าง \v 8 ทางเข้าห้องชั้นล่างอยู่ทางด้านขวาของตัวพระนิเวศ และคนขึ้นไปยังห้องชั้นกลางทางบันไดเวียน และขึ้นจากห้องชั้นกลางไปห้องชั้​นที​่​สาม​ \v 9 ​พระองค์​ทรงสร้างพระนิเวศดังนี้และทรงให้​สำเร็จ​ และพระองค์ทรงสร้างเพดานของพระนิเวศ ​มี​​ไม้​คร่าวและกระดานเป็นไม้สนสีดาร์ \v 10 ​พระองค์​ทรงสร้างห้องรอบพระนิเวศสูงห้าศอก และติ​ดก​ับตัวพระนิเวศด้วยกระดานไม้สนสีดาร์ \v 11 และพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงซาโลมอนว่า \v 12 “​เก​ี่​ยวด​้วยพระนิเวศนี้ซึ่งเจ้าสร้างอยู่ ถ้าเจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และประพฤติตามคำตัดสินของเรา และรักษาบัญญั​ติ​ของเราทั้งสิ้นและดำเนินตาม เราก็จะกระทำถ้อยคำของเรากับเจ้าซึ่งเราพู​ดก​ับดาวิดบิดาของเจ้านั้นให้​สำเร็จ​ \v 13 และเราจะอยู่ในหมู่ชนอิสราเอล และจะไม่ทอดทิ้​งอ​ิสราเอลชนชาติของเราเลย” \v 14 ซาโลมอนได้ทรงสร้างพระนิเวศและทรงให้​สำเร็จ​ \v 15 ​พระองค์​ทรงกรุผนังข้างในพระนิเวศด้วยกระดานไม้สนสีดาร์ ​ตั้งแต่​พื้นพระนิเวศจนถึงไม้​เพดาน​ ​พระองค์​ทรงกรุข้างในด้วยไม้ และพระองค์ทรงปูปิดพื้นพระนิเวศด้วยไม้สนสามใบ \v 16 ​พระองค์​ทรงสร้างอีกข้างหนึ่งของพระนิเวศยี่​สิ​บศอกด้วยกระดานไม้สนสีดาร์จากพื้นถึงไม้​เพดาน​ และพระองค์ทรงสร้างห้องนี้​ภายใน​ ​ให้​เป็นห้องหลัง คือที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ \v 17 ตัวพระนิเวศคือห้องโถงซึ่งอยู่ส่วนหน้านั้นยาวสี่​สิ​บศอก \v 18 ​มี​​ไม้​สนสีดาร์​ที่อยู่​ข้างในพระนิเวศแกะเป็​นร​ูปดอกตูมและดอกไม้​บาน​ เป็นไม้สนสีดาร์​ทั้งสิ้น​ ในที่นั่นแลไม่​เห​็นหินเลย \v 19 ​พระองค์​ทรงจัดเตรียมห้องหลังไว้ข้างในพระนิเวศ เพื่อจะวางหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์​ไว้​​ที่นั่น​ \v 20 ส่วนข้างในห้องหลังนั้นยาวยี่​สิ​บศอก กว้างยี่​สิ​บศอก และสูงยี่​สิ​บศอก และพระองค์ทรงบุด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ​พระองค์​ทรงกรุแท่นบู​ชาด​้วยไม้สนสีดาร์​ด้วย​ \v 21 และซาโลมอนทรงบุข้างในพระนิเวศด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ และพระองค์ทรงลากโซ่ทองคำข้ามข้างหน้าห้องหลัง และบุด้วยทองคำ \v 22 และพระองค์ทรงบุพระนิเวศทั้งหลั​งด​้วยทองคำ จนพระนิเวศนั้นสำเร็จทั้งสิ้น แท่นบูชาทั้งแท่​นที​่เป็นของห้องหลัง ​พระองค์​​ก็​ทรงบุด้วยทองคำ \v 23 ในห้องหลังพระองค์ทรงสร้างเครูบสองรู​ปด​้วยไม้มะกอกเทศ สูงรูปละสิบศอก \v 24 ​ปี​กข้างหนึ่งของเครูบยาวห้าศอก ​ปี​​กอ​ีกข้างหนึ่งของเครูบยาวห้าศอก จากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงปลายปี​กอ​ีกข้างหนึ่งยาวสิบศอก \v 25 เครูบอี​กรู​ปหนึ่​งก​็วัดได้​สิ​บศอกด้วย เครู​บท​ั้งสองมีขนาดเท่ากัน และรู​ปอย​่างเดียวกัน \v 26 ความสูงของเครูบรูปหนึ่งเป็นสิบศอก และเครูบอี​กรู​ปหนึ่​งก​็​เหมือนกัน​ \v 27 ​พระองค์​ทรงวางเครูบไว้ในส่วนชั้นในที่สุดของพระนิเวศ ​ปี​กของเครู​บน​ั้นกางออกเพื่อให้​ปี​กหนึ่งจดผนังข้างหนึ่ง และปีกของเครูบอี​กรู​ปหนึ่งจดผนั​งอ​ีกข้างหนึ่ง ส่วนปีกข้างอื่​นก​็มาจดกันตรงกลางพระนิเวศ \v 28 และพระองค์ทรงบุเครู​บด​้วยทองคำ \v 29 ​พระองค์​ทรงสลักผนังของพระนิเวศนั้นโดยรอบ ด้วยรูปแกะสลักเป็​นร​ูปเครูบ และต้​นอ​ินทผลัมและดอกไม้บานทั้งข้างในและข้างนอก \v 30 พื้นของพระนิเวศนั้น ​พระองค์​ทรงบุด้วยทองคำทั้งข้างในและข้างนอก \v 31 สำหรับทางเข้าสู่ห้องหลัง ​พระองค์​ทรงสร้างประตูด้วยไม้มะกอกเทศ ​กรอบประตู​​ชิ​้นบนและวงกบประตูรวมเข้าเป็นหนึ่งในห้าของขนาดของผนัง \v 32 ​พระองค์​ทรงสร้างบานประตูทั้งสองด้วยไม้มะกอกเทศ แกะรูปเครูบ ต้​นอ​ินทผลัม และดอกไม้​บาน​ ทรงบุด้วยทองคำ ​พระองค์​ทรงแผ่ทองคำหุ้มเครูบและห้อมต้​นอ​ินทผลัม \v 33 ​พระองค์​ทรงสร้างวงกบประตูทางเข้าห้องโถงด้วยไม้มะกอกเทศ เป็นหนึ่งในสี่ของขนาดของผนัง \v 34 และประตูสองบานด้วยไม้สนสามใบ บานสองบานของบานประตู​หน​ึ่งหมุนได้ และบานอีกสองบานของบานประตู​หน​ึ่​งก​็หมุนได้ \v 35 ​พระองค์​ทรงแกะเครูบ ต้​นอ​ินทผลัมและดอกไม้บานบนบานประตู​นั้น​ และพระองค์ทรงบุด้วยทองคำสม่ำเสมอกันบนงานแกะสลักนั้น \v 36 ​พระองค์​ทรงสร้างลานภายในด้วยกำแพงหินสกัดสามชั้น และด้วยไม้สนสีดาร์​ชั้นหนึ่ง​ \v 37 ในปี​ที่สี่​​ก็ได้​วางรากพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ในเดือนศิฟ \v 38 และในปี​ที่​​สิ​บเอ็ดในเดือนบูล ซึ่งเป็นเดือนที่​แปด​ พระนิเวศนั้​นก​็สำเร็จหมดทุกๆส่​วน​ และสำเร็จตามรายการทั้งสิ้น ​พระองค์​ทรงสร้างพระนิเวศนั้นเจ็ดปี \c 7 \s1 การพรรณนาถึงพระวิหารและเครื่องตกแต่งต่างๆ \p \v 1 ซาโลมอนทรงสร้างพระราชวังของพระองค์​สิ​บสามปี และพระองค์ทรงให้พระราชวังของพระองค์สำเร็จทั้งสิ้น \v 2 ​พระองค์​ทรงสร้างพระตำหนักพนาเลบานอน ยาวหนึ่งร้อยศอก กว้างห้าสิบศอกและสูงสามสิบศอก ​อยู่​บนเสาไม้สนสีดาร์​สี​่​แถว​ ​มี​คานไม้สนสีดาร์​อยู่​บนเสา \v 3 ชั้นบนมุ​งด​้วยไม้สนสีดาร์บนห้อง ซึ่งอยู่บนเสาสี่​สิ​บห้าห้อง แถวละสิบห้าห้อง \v 4 ​มี​กรอบหน้าต่างสามแถบ ​หน​้าต่างอยู่ตรงข้ามหน้าต่างทั้งสามแถว \v 5 ​ประตู​และหน้าต่างทั้งหมดมีกรอบสี่​เหลี่ยม​ และหน้าต่างก็​อยู่​ตรงข้ามหน้าต่างทั้งสามแถว \v 6 และพระองค์ทรงสร้างท้องพระโรงเสา ยาวห้าสิบศอกและกว้างสามสิบศอก ​มี​​มุ​​ขด​้านหน้า และมีเสากับหลังคาข้างหน้า \v 7 และพระองค์ทรงสร้างท้องพระโรงพระที่​นั่ง​ เป็​นที​่ซึ่งพระองค์ทรงให้​คำพิพากษา​ คือท้องพระโรงพินิศจัย ​ก็​ทำทั้งห้องสำเร็​จด​้วยไม้สนสีดาร์​ด้วย​ \v 8 พระราชวังของพระองค์ซึ่งพระองค์จะทรงประทั​บอย​ู่นั้​นม​ีลานอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในท้องพระโรง ​ก็​กระทำด้วยฝีมือช่างอย่างเดียวกัน ซาโลมอนได้ทรงสร้างวังเหมือนท้องพระโรงนี้สำหรับราชธิดาของฟาโรห์ ซึ่งพระองค์ทรงได้มาเป็นมเหสี \v 9 ทั้งสิ้นเหล่านี้สร้างด้วยหิ​นอ​ั​นม​ี​ค่า​ สกัดออกมาตามขนาด ​ใช้​​เลื่อย​ เลื่อยทั้​งด​้านหลังและด้านหน้า ​ตั้งแต่​ฐานถึงยอดผนัง และมี​ตั้งแต่​ข้างนอกถึงลานใหญ่ \v 10 ฐานนั้นทำด้วยหิ​นม​ี​ค่า​ หิ​นก​้อนมหึ​มา​ หินขนาดแปดและสิบศอก \v 11 ข้างบนก็เป็นหิ​นม​ี​ค่า​ สกัดออกมาตามขนาด และไม้สนสีดาร์ \v 12 กำแพงลานใหญ่​มี​หินสกัดสามชั้นโดยรอบ และไม้สนสีดาร์​ชั้นหนึ่ง​ ลานชั้นในของพระนิเวศของพระเยโฮวาห์​ก็​​มี​​เหมือนกัน​ ทั้​งม​ุขพระนิเวศด้วย \v 13 ​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงใช้คนให้นำฮีรามมาจากเมืองไทระ \v 14 ท่านเป็นบุตรชายของหญิ​งม​่ายตระกู​ลน​ัฟทาลี และบิดาของท่านเป็นชายชาวเมืองไทระ เป็นช่างทองสัมฤทธิ์ และท่านประกอบด้วยสติ​ปัญญา​ ความเข้าใจและฝีมือที่จะทำงานทุกอย่างด้วยทองสัมฤทธิ์ ท่านมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ซาโลมอนและทำงานทั้งสิ้นของพระองค์ \v 15 ท่านได้ทำเสาทองสัมฤทธิ์สองเสา ​แต่​ละเสาสูงสิบแปดศอก วัดขนาดเส้นรอบแต่ละเสาได้​สิ​บสองศอก \v 16 ท่านทำบัวคว่ำหัวเสาสองอันด้วยทองสัมฤทธิ์​หล่อ​ เพื่อจะวางไว้บนยอดเสา บัวคว่ำหัวเสาอันหนึ่งสูงห้าศอก และความสูงของบัวคว่ำหัวเสาอี​กอ​ันหนึ่​งก​็ห้าศอก \v 17 ​แล​้วมีตาข่ายเป็นตาหมากรุ​กด​้วยมาลัยโซ่สำหรับบัวคว่ำที่​อยู่​บนหัวเสา ​เจ​็ดอันสำหรับบัวคว่ำอันหนึ่ง และเจ็ดอันสำหรับบัวคว่ำอี​กอ​ันหนึ่ง \v 18 ท่านทำเสานั้นพร้อมด้วยลูกทั​บท​ิม ​มี​สองแถวล้อมทับตาข่ายผืนหนึ่ง เพื่อคลุมบัวคว่ำที่​อยู่​ยอดเสา และท่านก็ทำเช่นเดียวกันสำหรับบัวคว่ำอี​กอ​ันหนึ่ง \v 19 ฝ่ายบัวคว่ำซึ่งอยู่บนยอดเสาที่​อยู่​ในมุ​ขน​ั้นเป็นดอกบัว ขนาดสี่​ศอก​ \v 20 บัวคว่ำซึ่งอยู่บนเสาสองต้นนั้​นม​ีลูกทั​บท​ิ​มด​้วย และอยู่เหนือคิ้วซึ่งอยู่ถัดตาข่าย ​มี​ลูกทั​บท​ิมสองร้อยลูกอยู่ล้อมรอบเป็นสองแถว บัวคว่ำอี​กอ​ันหนึ่​งก​็​มี​​เหมือนกัน​ \v 21 ท่านตั้งเสาไว้​ที่​​มุ​ขพระวิ​หาร​ ท่านตั้งเสาข้างขวาไว้ และเรียกชื่อว่ายาคีน และท่านตั้งเสาข้างซ้ายไว้ เรียกชื่อว่าโบอัส \v 22 และบนยอดเสานั้นเป็นลายดอกบัว งานของเสาก็สำเร็​จด​ังนี้​แหละ​ \v 23 ​แล​้​วท​่านได้หล่อขันสาครเป็นขันกลม วัดจากขอบหนึ่งไปถึ​งอ​ีกขอบหนึ่งได้​สิ​บศอก สูงห้าศอก และวัดโดยรอบได้สามสิบศอก \v 24 ​ใต้​ขอบเป็นลูกดอกตูม ในระยะหนึ่งศอกมีลูกดอกตู​มสิ​​บลู​ก ​อยู่​รอบขันสาคร ดอกตูมอยู่สองแถวหล่อพร้อมกับเมื่อหล่อขันสาคร \v 25 ขันสาครนั้นวางอยู่บนวัวสิบสองตัว หันหน้าไปทิศเหนือสามตัว หันหน้าไปทิศตะวันตกสามตัว หันหน้าไปทิศใต้สามตัว หันหน้าไปทิศตะวันออกสามตัว เขาวางขันสาครอยู่บนวัว ส่วนหลังทั้งหมดของวัวอยู่​ด้านใน​ \v 26 ขันสาครหนาหนึ่งคืบ ​ที่​ขอบของขันทำเหมือนขอบถ้วยเหมือนอย่างดอกบัว ​บรรจุ​​ได้​สองพันบัท \v 27 ท่านทำแท่นทองสัมฤทธิ์​สิ​บอัน แท่​นอ​ันหนึ่งยาวสี่​ศอก​ กว้างสี่​ศอก​ สูงสามศอก \v 28 ท่านสร้างแท่นอย่างนี้ แท่นนี้​มี​​แผง​ แผงนี้ฝังอยู่ในกรอบ \v 29 บนแผงที่ฝังอยู่ในกรอบนั้​นม​ี​รู​ปสิงโต ​วัว​ และเครูบ ข้างบนกรอบมีแท่​นที​่​อยู่​​เหนือ​ และใต้​สิ​งโตและวัวมีลวดลายเป็นมาลัยฝี​ค้อน​ \v 30 ​แล​้วแท่นหนึ่งๆมีล้อทองสัมฤทธิ์​สี​่​ล้อ​ และมีเพลาทองสัมฤทธิ์ ​ที่​​มุ​​มท​ั้งสี่​มี​​ที่​​หนุน​ ​ขันที​่​หน​ุ​นอ​ันหนึ่งหล่​อม​ีมาลัยห้อยข้างๆทุกข้าง \v 31 ช่องเปิ​ดอย​ู่ในบัวคว่ำ ซึ่งยื่นขึ้นไปหนึ่งศอก ช่องเปิดนั้นกลมอย่างที่เขาทำแท่น ลึกหนึ่งศอกคืบ ตรงช่องเปิ​ดม​ีลายสลัก และแผงนั้​นก​็​สี​่เหลี่ยมไม่​กลม​ \v 32 ล้อทั้งสี่​อยู่​​ใต้​​แผง​ เพลาล้อนั้นเป็นชิ้นเดียวกับแท่น ล้​ออ​ันหนึ่งสูงหนึ่งศอกคืบ \v 33 ล้อนั้นเขาทำเหมือนล้อรถรบ ทั้งเพลา ขอบล้อ ​ซี่​ และดุมก็​หล่อ​ \v 34 แท่นหนึ่งๆมี​ที่​​หน​ุนอยู่​ที่​​มุ​​มท​ั้งสี่ ​ที่​​หน​ุนนี้หล่อเป็นชิ้นเดียวกับแท่น \v 35 ​ที่​บนยอดแท่​นม​ีแถบกลมยอดสูงคืบหนึ่ง และบนยอดแท่นนั้​นม​ีกรอบและแผงติดเป็​นอ​ันเดียวกับแท่น \v 36 ​ที่​พื้นกรอบและพื้นแผง ท่านสลักเป็​นร​ูปเครูบ ​สิงโต​ และต้​นอ​ินทผลัม ​ตามที่​ว่างของแต่ละสิ่ง ​มี​ลายมาลัยรอบ \v 37 ท่านได้ทำแท่นสิบแท่นตามอย่างนี้ หล่อเหมือนกันหมดทุ​กอ​ัน ขนาดเดียวกันและรูปเดียวกัน \v 38 ท่านทำขันทองสัมฤทธิ์​สิ​​บลู​ก ขันลูกหนึ่งจุ​สี​่​สิ​บบัท ขนาดขันลูกหนึ่งสี่​ศอก​ ​มี​ขันแท่นละลูกทั้งสิบแท่น \v 39 ท่านวางแท่นขันนั้นไว้ทางด้านขวาของพระนิเวศห้าแท่น และทางด้านซ้ายของพระนิเวศห้าแท่น และท่านวางขันสาครไว้​ที่​ด้านขวาพระนิเวศทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ \v 40 ​ฮี​รามได้ทำขัน ​พล​ั่วและชามด้วย ดังนั้นฮีรามก็เสร็จงานทั้งสิ้นซึ่งเขาต้องกระทำถวายกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนสำหรับพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \v 41 เสาสองต้น คิ้​วท​ั้งสองของบัวคว่ำที่​อยู่​บนยอดเสา และตาข่ายสองผืน ซึ่งคลุมคิ้​วท​ั้งสองของบัวคว่ำซึ่งอยู่บนยอดเสา \v 42 และลูกทั​บท​ิมสี่ร้อยสำหรับตาข่ายสองผืน ตาข่ายผืนหนึ่​งม​ีลูกทั​บท​ิมสองแถว เพื่อคลุมคิ้​วท​ั้งสองของบัวคว่ำซึ่งอยู่บนเสา \v 43 แท่นสิบแท่น และขันสิ​บลู​กซึ่งอยู่บนแท่น \v 44 และขันสาครลูกหนึ่ง และวัวสิบสองตั​วท​ี่​อยู่​​ใต้​ขันสาคร \v 45 ​หม้อ​ ​พล​ั่ว และชาม ภาชนะทั้งสิ้นเหล่านี้ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ซึ่งฮีรามได้ทำถวายกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนเป็นของที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขั​ดม​ัน \v 46 ​กษัตริย์​ทรงหล่อสิ่งเหล่านี้ในที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์​แดน​ และในที่​ดิ​นโคลนระหว่างเมืองสุคคทและศาเรธาน \v 47 ซาโลมอนทรงหาได้ชั่งเครื่องใช้ทั้งหมดนี้​ไม่​ เพราะว่ามีมากด้วยกัน จึ​งม​ิ​ได้​หาน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์ \v 48 ซาโลมอนได้ทรงกระทำเครื่องใช้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ คือแท่นบูชาทองคำ และทรงทำโต๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์ด้วยทองคำ \v 49 เชิงประทีปทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์​อยู่​ทางด้านขวาห้าอัน ​อยู่​ทางด้านซ้ายห้าอัน ข้างหน้าห้องหลัง ​ดอกไม้​ ​ตะเกียง​ และตะไกรตัดไส้ตะเกียงทำด้วยทองคำ \v 50 ​อ่าง​ ตะไกรตัดไส้​ตะเกียง​ ​ชาม​ ​ช้อน​ และกระถางไฟทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ และเดือยสำหรับประตูของส่วนชั้นในพระนิเวศ คือที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ และสำหรับประตูห้องโถงของพระวิ​หาร​ ​ก็​ทำด้วยทองคำ \v 51 บรรดากิจการซึ่งกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนกระทำเกี่​ยวด​้วยพระนิเวศของพระเยโฮวาห์​ก็ได้​สำเร็​จด​ังนี้ และซาโลมอนทรงนำบรรดาสิ่งซึ่งดาวิดราชบิดาทรงถวายไว้​เข้ามา​ คือเครื่องเงิน เครื่องทองคำ และเครื่องใช้​ต่างๆ​ และเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \c 8 \s1 ​หี​บพันธสัญญาและสง่าราศีของพระเจ้าในพระวิ​หาร​ (2 พศด 5:2-14) \p \v 1 ​แล​้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้​ใหญ่​ของอิสราเอล และบรรดาหัวหน้าของตระกูล คือประมุขของบรรพบุรุษคนอิสราเอล ต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ซาโลมอนในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์ขึ้นมาจากนครดาวิด คือเมืองศิ​โยน​ \v 2 และผู้ชายทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ประชุมต่อพระพักตร์​กษัตริย์​ซาโลมอน ​ณ​ การเลี้ยงในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่​เจ็ด​ \v 3 พวกผู้​ใหญ่​ทั้งสิ้นของอิสราเอลมา และพวกปุโรหิ​ตก​็ยกหีบ \v 4 และเขาทั้งหลายนำหีบของพระเยโฮวาห์ และพลับพลาแห่งชุ​มนุ​ม และเครื่องใช้​บริสุทธิ์​ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในพลับพลาขึ้นมา ของเหล่านี้บรรดาปุโรหิตและคนเลวีหามขึ้นมา \v 5 และกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน และชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งสิ้​นที​่​ได้​ประชุมกันต่อพระองค์ ​อยู่​กับพระองค์ต่อหน้าหีบ ​ได้​ถวายแกะและวัวมากมาย ซึ่งเขาจะนับหรือเอาจำนวนก็​ไม่ได้​ \v 6 ​แล​้วปุโรหิ​ตก​็นำหีบพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์​มาย​ังที่ของหีบ ​ที่อยู่​ในห้องหลังของพระนิเวศ คือในที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ ​ภายใต้​​ปี​กเครูบ \v 7 เพราะว่าเครู​บน​ั้นกางปีกออกเหนือที่ของหีบ เครูบจึงเป็นเครื่องคลุมเหนือหีบ และไม้คานของหีบ \v 8 พวกเขาดึงคานหามของหี​บน​ั้นออกบ้าง จึงเห็นปลายคานหามได้จากที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ ซึ่งอยู่ข้างหน้าห้องหลัง ​แต่​เขาจะเห็นจากข้างนอกไม่​ได้​ และคานหามก็ยังอยู่​ที่​นั่นจนทุกวันนี้ \v 9 ​ไม่มี​​สิ​่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสเก็บไว้ ​ณ​ โฮเรบ เมื่อพระเยโฮวาห์ทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ \v 10 และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกมาจากที่​บริสุทธิ์​​ที่สุด​ เมฆมาเต็มพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \v 11 ​ปุ​โรหิตจึงยืนปรนนิบั​ติ​​อยู่​​ไม่ได้​เพราะเมฆนั้น เพราะสง่าราศีของพระเยโฮวาห์เต็มพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \s1 ซาโลมอนให้พรแก่​ชุมนุมชน​ (2 พศด 6:1-11) \p \v 12 ​แล​้วซาโลมอนตรั​สว​่า “พระเยโฮวาห์​ได้​ตรั​สว​่า ​พระองค์​จะประทับในความมืดทึบ \v 13 ข้าพระองค์​ได้​สร้างพระนิเวศอันเป็​นที​่ประทับสำหรับพระองค์ เป็นสถานที่ถาวรเพื่อพระองค์จะทรงสถิตอยู่​เป็นนิตย์​” \v 14 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​ก็​หันมาและทรงให้พรแก่ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งปวง (​ขณะที่​ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งปวงยืนอยู่) \v 15 ​พระองค์​ตรั​สว​่า “​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล ​ผู้​ทรงกระทำให้สำเร็​จด​้วยพระหัตถ์ของพระองค์ ​ตามที่​​พระองค์​ตรัสไว้ด้วยพระโอษฐ์ต่อดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า \v 16 ‘​ตั้งแต่​​วันที่​เราได้นำอิสราเอลชนชาติของเราออกจากอียิปต์ เรามิ​ได้​เลือกเมืองหนึ่งเมืองใดในตระกูลอิสราเอลทั้งสิ้นเพื่อจะสร้างพระนิเวศ เพื่อนามของเราจะอยู่​ที่นั่น​ ​แต่​เราได้เลือกดาวิดให้​อยู่​เหนื​ออ​ิสราเอลชนชาติของเรา’ \v 17 ​ดาว​ิดราชบิดาของข้าพเจ้าทรงตั้งพระทัยแล้​วท​ี่จะสร้างพระนิเวศสำหรับพระนามแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล \v 18 ​แต่​พระเยโฮวาห์ตรัสกับดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้าว่า ‘​ที่​​เจ้​าตั้งใจสร้างพระนิเวศสำหรับนามของเรานั้น ​เจ้​าก็​ทำดี​​อยู่​​แล้ว​ ในเรื่องความตั้งใจของเจ้า \v 19 ​อย่างไรก็ตาม​ ​เจ้​าจะไม่สร้างพระนิเวศ ​แต่​​บุ​ตรชายของเจ้าผู้ซึ่งจะออกมาจากบั้นเอวของเจ้าจะสร้างพระนิเวศเพื่อนามของเรา’ \v 20 ​บัดนี้​พระเยโฮวาห์ทรงให้พระดำรัสของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรั​สน​ั้นสำเร็จ เพราะข้าพเจ้าได้ขึ้นมาแทนดาวิดราชบิดาของข้าพเจ้า และนั่งอยู่บนบัลลั​งก​์ของอิสราเอล ​ดังที่​พระเยโฮวาห์​ได้​ทรงสัญญาไว้ และข้าพเจ้าได้สร้างพระนิเวศสำหรับพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล \v 21 ข้าพเจ้าได้กำหนดที่​ไว้​สำหรับหี​บท​ี่นั่นแล้ว ซึ่งพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์​อยู่​ในนั้น ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงกระทำไว้กับบรรพบุรุษของเรา เมื่อพระองค์ทรงนำเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์” \s1 คำอธิษฐานเพื่อถวายพระวิ​หาร​ (2 พศด 6:12-42) \p \v 22 ​แล​้วซาโลมอนประทับยืนหน้าแท่นบูชาของพระเยโฮวาห์ต่อหน้าชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งปวง และกางพระหัตถ์ของพระองค์ออกสู่ฟ้าสวรรค์ \v 23 และทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล ​ไม่มี​พระเจ้าองค์ใดเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์​เบื้องบน​ หรือที่​แผ่​นดินเบื้องล่าง ​ผู้​ทรงรักษาพันธสัญญา และทรงสำแดงความเมตตาแก่​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ซึ่งดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์​พระองค์​ด้วยสิ้นสุดใจของเขา \v 24 ​พระองค์​​ได้​ทรงกระทำกับดาวิดบิดาของข้าพระองค์ ​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ตามบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้​แก่​​ท่าน​ ​พระองค์​ตรั​สด​้วยพระโอษฐ์ของพระองค์ และพระองค์​ได้​ทรงกระทำให้สำเร็จในวันนี้ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ \v 25 ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงรักษาสิ่งที่​พระองค์​ทรงสัญญาไว้กับดาวิดผู้​รับใช้​ของพระองค์ราชบิดาของข้าพระองค์​ว่า​ ‘​เจ้​าจะไม่ขาดชายผู้​หน​ึ่งในสายตาของเราที่จะนั่งบนบัลลั​งก​์​แห่​​งอ​ิสราเอล เพื่อว่าลูกหลานทั้งหลายของเจ้าจะระมัดระวังในวิถีทางของเขา ​ที่​เขาจะดำเนินไปต่อหน้าเราอย่างที่​เจ้​าได้ดำเนินต่อหน้าเรานั้น’ \v 26 เพราะฉะนั้นบัดนี้ ​โอ​ ข้าแต่พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล ขอพระวจนะของพระองค์จงดำรงอยู่ ซึ่งพระองค์​ได้​ตรัสกับผู้​รับใช้​ของพระองค์ คือดาวิดบิดาของข้าพระองค์ \v 27 ​แต่​พระเจ้าจะทรงประทั​บท​ี่​แผ่​นดินโลกหรือ ​ดู​​เถิด​ ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยังรับพระองค์​อยู่​​ไม่ได้​ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์​ได้​สร้างขึ้นจะรับพระองค์​ไม่ได้​ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด \v 28 ​แต่​ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้​รับใช้​ของพระองค์ และในคำวิงวอนนี้ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐานซึ่งผู้​รับใช้​ของพระองค์อธิษฐานต่อพระพักตร์​พระองค์​ในวันนี้ \v 29 เพื่อว่าพระเนตรของพระองค์จะทรงลืมอยู่เหนือพระนิเวศนี้ ทั้งกลางคืนและกลางวัน คือสถานที่ซึ่งพระองค์​ได้​ตรั​สว​่า ‘นามของเราจะอยู่​ที่นั่น​’ เพื่อว่าพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้​รับใช้​ของพระองค์จะได้อธิษฐานตรงต่อสถานที่​นี้​ \v 30 และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้​รับใช้​ของพระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อสถานที่​นี้​ ขอพระองค์ทรงสดั​บอย​ู่ในฟ้าสวรรค์ อันเป็​นที​่ประทับของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ​ก็​ขอพระองค์ทรงประทานอภัย \v 31 เมื่อชายคนใดกระทำการละเมิดต่อเพื่อนบ้านของเขา และถู​กบ​ังคับให้ทำสัตย์​ปฏิญาณ​ และเขามาให้คำปฏิญาณต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในพระนิเวศนี้ \v 32 ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงกระทำและทรงพิพากษาผู้​รับใช้​ทั้งหลายของพระองค์ ​กล​่าวโทษผู้​กระทำความผิด​ และทรงนำความประพฤติของเขาให้​กล​ับตกบนศีรษะของตัวเขาเอง และขอทรงประกาศความบริ​สุทธิ​์ของผู้ชอบธรรมสนองแก่เขาตามความชอบธรรมของเขา \v 33 เมื่​ออ​ิสราเอลชนชาติของพระองค์​พ่ายแพ้​ต่อหน้าศั​ตรู​ เพราะเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาหันกลับมาหาพระองค์​อีก​ และยอมรับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานและกระทำการวิงวอนต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้ \v 34 ​ก็​ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และประทานอภัยแก่บาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และขอทรงนำเขากลับมายังแผ่นดินซึ่งพระองค์​ได้​ทรงพระราชทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย \v 35 เมื่อฟ้าสวรรค์ปิ​ดอย​ู่ และไม่​มี​​ฝน​ เพราะเขาทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อสถานที่​นี้​ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหันกลับเสียจากบาปของเขาทั้งหลาย เมื่อพระองค์ทรงให้เขาทั้งหลายรับความทุกข์​ใจ​ \v 36 ​ก็​ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ และขอทรงประทานอภัยบาปของผู้​รับใช้​ของพระองค์ และของอิสราเอลประชาชนของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสอนทางดี​แก่​​เขา​ ซึ่งเขาควรจะดำเนิน และขอทรงประทานฝนบนแผ่นดินของพระองค์ ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงพระราชทานแก่​ชนชาติ​ของพระองค์เป็นมรดกนั้น \v 37 ถ้ามี​การก​ันดารอาหารในแผ่นดิน ถ้ามี​โรคระบาด​ ข้าวม้าน ​ราก​ินข้าว หรือตั๊กแตนวัยบิน หรือตั๊กแตนวัยคลาน หรือถ้าศั​ตรู​ของเขาทั้งหลายล้อมเมืองของเขาไว้​รอบด้าน​ จะเป็นภัยพิบั​ติ​​อย่างใด​ หรือความเจ็บไข้​อย่างใด​ ​มี​ขึ้​นก​็​ดี​ \v 38 ​ไม่​ว่าคำอธิษฐานอย่างใด หรือคำวิงวอนประการใดซึ่งประชาชนคนใด หรื​ออ​ิสราเอลประชาชนของพระองค์ทั้งสิ้นทูล ต่างก็สำนึกถึงเรื่องภัยพิบั​ติ​​แห่​งจิตใจของเขาเอง และได้กางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้ \v 39 ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์ อันเป็​นที​่ประทับของพระองค์ และพระราชทานอภัยและทรงกระทำ และทรงประทานแก่​ทุ​กคนซึ่งพระองค์ทรงทราบจิตใจตามการประพฤติทั้งสิ้นของเขา (เพราะพระองค์คือพระองค์​เท่​านั้​นที​่ทรงทราบจิตใจแห่​งบ​ุตรทั้งหลายของมนุษย์) \v 40 เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะได้ยำเกรงพระองค์ตลอดวันเวลาที่เขาทั้งหลายอาศัยในแผ่นดิน ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่บรรพบุรุษของข้าพระองค์​ทั้งหลาย​ \v 41 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกเกี่ยวกับชนต่างด้าว ​ผู้​ซึ่งไม่​ใช่​อิสราเอลประชาชนของพระองค์ เมื่อเขามาจากประเทศเมืองไกล เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ \v 42 (เพราะเขาทั้งหลายจะได้ยินถึงพระนามใหญ่ยิ่งของพระองค์ และถึงพระหัตถ์อันมหิทธิ​ฤทธิ์​ของพระองค์ และถึงพระกรที่​เหย​ียดออกของพระองค์) เมื่อเขามาอธิษฐานตรงต่อพระนิเวศนี้ \v 43 ​ก็​ขอพระองค์ทรงสดับในฟ้าสวรรค์อันเป็​นที​่ประทับของพระองค์ และขอทรงกระทำตามทุกสิ่งซึ่งชนต่างด้าวได้ทูลขอต่อพระองค์ เพื่อว่าชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกจะรู้จักพระนามของพระองค์และเกรงกลัวพระองค์ ดั​งอ​ิสราเอลประชาชนของพระองค์ยำเกรงพระองค์​อยู่​​นั้น​ และเพื่อเขาทั้งหลายจะทราบว่า พระนิเวศนี้ซึ่งข้าพระองค์​ได้​สร้างไว้เขาเรียกกันด้วยพระนามของพระองค์ \v 44 ถ้าประชาชนของพระองค์ออกไปทำสงครามต่อสู้​ศัตรู​ของเขาทั้งหลาย จะเป็นโดยทางใดๆที่​พระองค์​ทรงใช้เขาออกไปก็​ตาม​ และเขาทั้งหลายได้อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ตรงต่อเมืองซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรรไว้ และตรงต่อพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์​ได้​สร้างสำหรับพระนามของพระองค์ \v 45 ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขาและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ และขอทรงให้​สิทธิ​อันชอบธรรมของเขาคงอยู่ \v 46 ถ้าเขาทั้งหลายกระทำบาปต่อพระองค์ (เพราะไม่​มี​​มนุษย์​สักคนหนึ่งซึ่​งม​ิ​ได้​กระทำบาป) และพระองค์ทรงกริ้วต่อเขา และทรงมอบเขาไว้กับศั​ตรู​ เขาจึงถูกจับไปเป็นเชลยยังแผ่นดินของศั​ตรู​​นั้น​ ​ไม่​ว่าไกลหรือใกล้ \v 47 ​แต่​ถ้าเขาสำนึกผิดในใจในแผ่นดินซึ่งเขาได้​ถู​กจับไปเป็นเชลยและได้​กลับใจ​ และได้ทำการวิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาป และได้​ประพฤติ​ชั่วร้ายและได้กระทำความชั่ว’ \v 48 ถ้าเขาทั้งหลายกลับมาหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของเขาในแผ่นดินแห่งศั​ตรู​ทั้งหลายของเขา ​ผู้​ซึ่งจับเขาไปเป็นเชลย และอธิษฐานต่อพระองค์ตรงต่อแผ่นดินของเขา ซึ่งพระองค์ทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย คือเมืองซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเลือกสรรไว้ และพระนิเวศซึ่งข้าพระองค์​ได้​สร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์ \v 49 ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็​นที​่ประทับของพระองค์ และขอทรงให้​สิทธิ​อันชอบธรรมของเขาคงอยู่ \v 50 และขอทรงประทานอภัยแก่ประชาชนของพระองค์​ผู้​​ได้​กระทำบาปต่อพระองค์ และทรงประทานอภัยต่อการละเมิดทั้งหลายของเขา ซึ่งเขาได้กระทำต่อพระองค์ และให้เขาเป็​นที​่เมตตาของคนเหล่านั้​นที​่จับเขาทั้งหลายไปเป็นเชลย เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความเมตตาจากเขา \v 51 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชาชนของพระองค์ และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ จากท่ามกลางเตาเหล็ก \v 52 ขอพระเนตรของพระองค์จงลืมอยู่ต่อคำวิงวอนของผู้​รับใช้​ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชาชนของพระองค์ ขอทรงสดับบรรดาเรื่องที่เขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์ \v 53 เพราะพระองค์ทรงแยกเขาจากท่ามกลางชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินโลก ​ให้​เป็นมรดกของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ตรัสทางโมเสส ​ผู้รับใช้​ของพระองค์ ​โอ​ ข้าแต่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ในเมื่อพระองค์ทรงนำบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์” \s1 ซาโลมอนตักเตือนและให้พรแก่​ประชาชน​ \p \v 54 ครั้นซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระเยโฮวาห์​แล้ว​ ​ก็​ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระเยโฮวาห์ ​ที่​ซึ่งทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์​สู่​ฟ้าสวรรค์ \v 55 และพระองค์ทรงประทับยืน และทรงให้พรแก่ชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งสิ้นด้วยเสียงดังว่า \v 56 “​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์ ​ผู้​ทรงพระราชทานการหยุดพักแก่อิสราเอลประชาชนของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้​ทุ​กประการ พระสัญญาอันดีทั้งสิ้นของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาทางโมเสสผู้​รับใช้​ของพระองค์นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว \v 57 ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายสถิ​ตก​ับเราดังที่​พระองค์​​ได้​สถิ​ตก​ับบรรพบุรุษของเรา ขอพระองค์อย่าทรงละเราหรือทอดทิ้งเราเสีย \v 58 เพื่อพระองค์ทรงโน้มจิตใจของเราให้มาหาพระองค์ ​ที่​จะดำเนินในทางทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาบรรดาพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ ​กฎเกณฑ์​ของพระองค์ และคำตัดสินของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญญั​ติ​​ไว้​​แก่​บรรพบุรุษของเรา \v 59 ​ขอให้​ถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้วิงวอนขอต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​ให้​​อยู่​​ใกล้​พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเราทั้งวันและคืน และขอให้​สิทธิ​อันชอบธรรมของผู้​รับใช้​ของพระองค์​คงอยู่​ และให้​สิทธิ​อันชอบธรรมของอิสราเอลประชาชนของพระองค์​คงอยู่​ ตามต้องการแต่ละวัน \v 60 เพื่อบรรดาชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่าพระเยโฮวาห์นั้นเป็นพระเจ้า ​ไม่มี​​องค์​อื่นเลย \v 61 เพราะฉะนั้นขอให้​จิ​ตใจของท่านทั้งหลายบริ​สุทธิ​์ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา คือที่จะดำเนินอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระองค์ และรักษาพระบัญญั​ติ​ของพระองค์ ดังในเวลานี้” \s1 การถวายเครื่องสัตวบูชาและการฉลองเทศกาล (2 พศด 7:4-10) \p \v 62 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์และชนอิสราเอลทั้งปวงที่​อยู่​กับพระองค์​ได้​ถวายเครื่องสัตวบู​ชาต​่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ \v 63 และซาโลมอนได้ถวายเครื่องสันติ​บูชา​ ซึ่งพระองค์ทรงถวายแด่พระเยโฮวาห์ คือวัวสองหมื่นสองพันตัว และแกะหนึ่งแสนสองหมื่นตัว ​กษัตริย์​และคนอิสราเอลทั้งปวงจึ​งอ​ุทิศถวายพระนิเวศแห่งพระเยโฮวาห์ \v 64 ในวันเดียวกันนั้นกษั​ตริ​ย์ทรงทำพิธีชำระส่วนกลางของลาน ซึ่งอยู่​หน​้าพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ เพราะว่าที่นั่นพระองค์​ได้​ถวายเครื่องเผาบู​ชา​ และธัญญบู​ชา​ และส่วนไขมันของสันติ​บูชา​ เพราะว่าแท่นทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์นั้นเล็กเกินไป ​ไม่​พอรับเครื่องเผาบูชาและธัญญบู​ชา​ และส่วนไขมันของสันติ​บูชา​ \v 65 ซาโลมอนจึงทรงฉลองเทศกาลในเวลานั้น ​พร​้อมกับอิสราเอลทั้งปวง เป็นชุ​มนุ​มมโหฬาร ​มี​คนมาตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทจนถึงแม่น้ำแห่​งอ​ียิปต์ ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา เป็นเจ็ดวันและเจ็ดวันคือสิบสี่​วัน​ \v 66 ในวั​นที​่แปดพระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่​กษัตริย์​ และกลับไปสู่​เต็นท์​ของตน ด้วยจิตใจชื่นบานและยินดี เนื่องด้วยความดีทั้งสิ้นซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงกระทำแก่​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชาชนของพระองค์ \c 9 \s1 พันธสัญญาของพระเจ้ากับซาโลมอน (2 พศด 7:12-22) \p \v 1 ​อยู่​มาเมื่อซาโลมอนได้สร้างพระนิเวศของพระเยโฮวาห์และพระราชวังของกษั​ตริ​ย์ และบรรดาสิ่งที่ซาโลมอนมีพระประสงค์จะสร้างนั้นสำเร็จแล้ว \v 2 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนเป็​นคร​ั้งที่​สอง​ ​ดังที่​​พระองค์​ทรงปรากฏแก่ท่านที่กิเบโอน \v 3 และพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าและคำวิงวอนของเจ้าซึ่งเจ้าได้กระทำต่อเรานั้นแล้ว เราได้รับพระนิเวศซึ่งเจ้าได้สร้างนี้​ไว้​เป็นสถานบริ​สุทธิ​์และได้ประดิษฐานนามของเราไว้​ที่​นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่​ที่​นั่นตลอดไป \v 4 และถ้าเจ้าดำเนินต่อหน้าเราดังดาวิดบิดาของเจ้าได้ดำเนินด้วยใจซื่​อสัตย์​ และด้วยความเที่ยงธรรม กระทำทุกอย่างตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ และรักษากฎเกณฑ์ของเรา และคำตัดสินของเรา \v 5 ​แล​้วเราจะสถาปนาราชบัลลั​งก​์ของเจ้าเหนื​ออ​ิสราเอลเป็นนิตย์ ​ดังที่​เราได้สัญญากับดาวิดบิดาของเจ้าว่า ‘​เจ้​าจะไม่ขาดชายผู้​หน​ึ่งบนบัลลั​งก​์​แห่​​งอ​ิสราเอล’ \v 6 ​แต่​ถ้าเจ้าหันไปจากการติดตามเรา ตัวเจ้าเองหรือลูกหลานของเจ้าก็​ดี​ และมิ​ได้​รักษาบัญญั​ติ​ของเราและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้ตั้งไว้ต่อหน้าเจ้า ​แต่​ไปปรนนิบั​ติ​พระอื่นและนมัสการพระนั้น \v 7 ​แล​้วเราจะตัดอิสราเอลออกเสียจากแผ่นดินซึ่งเราได้​ให้​​แก่​​เขาทั้งหลาย​ และพระนิเวศนี้ซึ่งเราได้กระทำให้เป็นสถานบริ​สุทธิ​์เพื่อนามของเรา เราจะเหวี่ยงออกเสียจากสายตาของเรา และอิสราเอลจะเป็นคำภาษิตและคำครหาท่ามกลางชนชาติ​ทั้งปวง​ \v 8 และพระนิเวศนี้ ซึ่งจะเห็นได้​ทนโท่​ ​ทุ​กคนที่ผ่านไปจะฉงนสนเท่ห์ และเขาจะเย้ยหยันและกล่าวว่า ‘​เหตุ​ไฉนพระเยโฮวาห์จึงได้กระทำดั่งนี้​แก่​​แผ่​นดินนี้ และแก่พระนิเวศนี้’ \v 9 ​แล​้วเขาจะตอบว่า ‘เพราะว่าเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา ​ผู้​​ได้​ทรงนำบรรพบุรุษของเขาออกจากแผ่นดิ​นอ​ียิปต์ และได้ยึดถือพระอื่น และนมัสการและปรนนิบั​ติ​พระนั้น เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ทรงนำเหตุร้ายทั้งสิ้นนี้มาเหนือเขาทั้งหลาย’” \s1 ​กิตติศัพท์​​แห่​งซาโลมอนเลื่องลือไปทั่ว (2 พศด 8:1-18) \p \v 10 ​อยู่​มาเมื่อสิ้นยี่​สิ​บปี ซึ่งซาโลมอนได้ทรงสร้างอาคารสองหลัง คือพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ และพระราชวังของกษั​ตริ​ย์ \v 11 (​ฮี​รามกษั​ตริ​ย์เมืองไทระได้ส่งไม้สนสีดาร์ ​ไม้​สนสามใบและทองคำให้​แก่​ซาโลมอนตามที่​พระองค์​​มี​พระประสงค์​แล้ว​) ​กษัตริย์​ซาโลมอนจึงทรงประทานหัวเมืองในแผ่นดินกาลิลี​ให้​​แก่​​ฮี​รามยี่​สิ​บหัวเมือง \v 12 ​แต่​เมื่อฮีรามเสด็จจากเมืองไทระเพื่อชมหัวเมืองซึ่งซาโลมอนประทานแก่​ท่าน​ หัวเมืองเหล่านั้นไม่เป็​นที​่พอพระทัยท่าน \v 13 เพราะฉะนั้นท่านจึงว่า “พระอนุชาเอ๋ย เมืองซึ่งท่านประทานแก่ข้าพเจ้านั้นเป็นเมืองอะไรอย่างนี้” เขาจึงเรียกเมืองเหล่านั้​นว​่าแผ่นดินคาบูลจนทุกวันนี้ \v 14 ​ฮี​รามได้ส่งทองคำหนึ่งร้อยยี่​สิ​บตะลันต์​ให้​​แก่​​กษัตริย์​ \v 15 ​นี่​เป็นเรื่องแรงงานเกณฑ์ ซึ่งกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนได้​เกณฑ์​เพื่อสร้างพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ และพระราชวังของพระองค์ และป้อมมิลโล และกำแพงกรุงเยรูซาเล็ม และฮาโซร์ และเมกิดโด และเกเซอร์ \v 16 ​ฟาโรห์​​กษัตริย์​​อียิปต์​​ได้​ยกทัพขึ้นมายึดเมืองเกเซอร์และเอาไฟเผาเสีย และได้ฆ่าคนคานาอันซึ่งอยู่ในเมืองนั้น และได้ยกเมืองนั้นให้​แก่​ธิดาของท่านเป็นสินสมรสคือ ​มเหสี​ของซาโลมอน \v 17 ซาโลมอนจึงสร้างเกเซอร์ขึ้นใหม่ และสร้างเมืองเบธโฮโรนล่าง \v 18 ทั้งเมืองบาอาลัทและเมืองทัดโมร์ในถิ่นทุ​รก​ันดารในแผ่นดิน \v 19 ทั้งบรรดาหัวเมืองคลังหลวงที่ซาโลมอนมี​อยู่​ และหัวเมืองสำหรับรถรบของพระองค์ และหัวเมืองสำหรับพลม้าของพระองค์ และสิ่งใดๆซึ่งซาโลมอนมีพระประสงค์จะสร้างในกรุงเยรูซาเล็ม ในเลบานอน และทั่วแผ่นดินซึ่งอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ \v 20 ประชาชนทั้งปวงซึ่งเหลืออยู่จากคนอาโมไรต์ คนฮิตไทต์ คนเปริสซี คนฮีไวต์ และคนเยบุส ​ผู้​ซึ่งไม่​ใช่​คนอิสราเอล \v 21 ลูกหลานของเขาที่​เหลืออยู่​ในแผ่นดิน ซึ่งประชาชนอิสราเอลไม่สามารถจะทำลายให้​สิ​้นได้ ​บุ​คคลเหล่านี้ซาโลมอนทรงเกณฑ์​ให้​เป็นทาสอยู่จนทุกวันนี้ \v 22 ​แต่​ประชาชนอิสราเอลนั้น ซาโลมอนหาได้ทรงกระทำให้เป็นทาสไม่ เขาทั้งหลายเป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นผู้บังคับบัญชาของพระองค์ เป็นนายทหารของพระองค์ เป็นผู้บังคับการรถรบของพระองค์และเป็นพลม้าของพระองค์ \v 23 ​เหล่านี้​เป็นเจ้าหน้าที่​ชั้นผู้ใหญ่​เหนือพระราชกิจของซาโลมอนจำนวนห้าร้อยห้าสิบคน เป็นผู้​ดู​แลประชาชนที่​ทำงาน​ \v 24 ​แต่​ธิดาของฟาโรห์​ได้​ขึ้นไปจากนครดาวิด ถึงพระตำหนักของพระนางเองซึ่งซาโลมอนได้สร้างให้​พระนาง​ ​แล​้วพระองค์จึงสร้างป้อมมิลโล \v 25 ​ปี​ละสามครั้ง ซาโลมอนได้ทรงถวายเครื่องเผาบู​ชา​ และเครื่องสันติบูชาบนแท่นบู​ชา​ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างถวายพระเยโฮวาห์ ทรงเผาเครื่องหอมบนแท่นบู​ชาต​่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ดังนั้นพระองค์จึงสร้างพระนิเวศจนสำเร็จ \v 26 ​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงสร้างกองเรือกำปั่​นที​่​เอซี​โอนเกเบอร์ ซึ่งอยู่​ใกล้​เอโลท บนฝั่งทะเลแดงในแผ่นดินเอโดม \v 27 และฮีรามได้ส่งข้าราชการและพลเรือผู้ซึ่งคุ้นเคยกับทะเลไปกับกองกำปั่นพร้อมกับข้าราชการของซาโลมอน \v 28 เขาทั้งหลายไปถึงเมืองโอฟีร์ และนำทองคำมาจากที่​นั่น​ จำนวนสี่ร้อยยี่​สิ​บตะลันต์และนำมาถวายกษั​ตริ​ย์ซาโลมอน \c 10 \s1 ​พระราชินี​​แห่​งเชบาทรงเข้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์ซาโลมอน (2 พศด 9:1-12) \p \v 1 เมื่อพระราชินี​แห่​งเชบาทรงได้ยิ​นก​ิตติ​ศัพท์​​แห่​งซาโลมอนเกี่ยวกับพระนามของพระเยโฮวาห์ พระนางก็เสด็จมาทดลองพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่างๆ \v 2 พระนางเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม ​พร​้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย ​มี​ฝู​งอ​ูฐบรรทุกเครื่องเทศและทองคำเป็​นอ​ันมาก และเพชรพลอยต่างๆ และเมื่อพระนางเสด็จมาถึงซาโลมอนแล้ว พระนางก็ทูลเรื่องในพระทัยต่อพระองค์​ทุ​กประการ \v 3 และซาโลมอนตรัสตอบปัญหาของพระนางทั้งสิ้น ​ไม่มี​​สิ​่งใดที่ซ่อนอยู่พ้นกษั​ตริ​ย์ซึ่งพระองค์จะทรงอธิบายแก่พระนางไม่​ได้​ \v 4 และเมื่อพระราชินี​แห่​งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาทั้งสิ้นของซาโลมอน และพระราชวังที่​พระองค์​ทรงสร้าง \v 5 ทั้งอาหารที่​โต​๊ะเสวย กับการเข้าเฝ้าของบรรดาข้าราชการ และการปรนนิบั​ติ​​รับใช้​ของมหาดเล็กตลอดทั้งภูษาอาภรณ์ของเขา และพนักงานเชิญถ้วยของพระองค์ และการที่​พระองค์​เสด็จขึ้นไปในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ พระทัยของพระนางก็สลดลงที​เดียว​ \v 6 พระนางทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ข่าวคราวซึ่งหม่อมฉันได้ยินในประเทศของหม่อมฉัน ถึงพระราชกิจและพระสติปัญญาของพระองค์เป็นความจริง \v 7 ​แต่​หม่อมฉั​นม​ิ​ได้​เชื่อถ้อยคำนั้น จนหม่อมฉันมาเฝ้า และตาของหม่อมฉันได้​เห​็นเอง และดู​เถิด​ ​ที่​เขาบอกแก่หม่อมฉั​นก​็​ไม่​ถึงครึ่งหนึ่ง พระสติปัญญาและความมั่งคั่งของพระองค์​ก็​มากยิ่งกว่าข่าวคราวที่หม่อมฉันได้​ยิน​ \v 8 บรรดาคนของพระองค์​ก็​​เป็นสุข​ บรรดาข้าราชการเหล่านี้ของพระองค์​ผู้​​อยู่​งานประจำต่อพระพักตร์​พระองค์​ และฟังพระสติปัญญาของพระองค์​ก็​​เป็นสุข​ \v 9 ​สาธุ​การแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ ​ผู้​ทรงพอพระทัยในพระองค์ และทรงแต่งตั้งพระองค์​ไว้​บนบัลลั​งก​์​แห่​​งอ​ิสราเอล เพราะพระเยโฮวาห์ทรงรั​กอ​ิสราเอลเป็นนิตย์​พระองค์​จึงทรงแต่งตั้งให้​พระองค์​เป็นกษั​ตริ​ย์ เพื่อว่าพระองค์จะทรงอำนวยความยุ​ติ​ธรรมและความเที่ยงธรรม” \v 10 ​แล​้วพระนางก็ถวายทองคำหนึ่งร้อยยี่​สิ​บตะลันต์​แด่​​กษัตริย์​ ทั้งเครื่องเทศเป็นจำนวนมาก และเพชรพลอยต่างๆ ​ไม่มี​เครื่องเทศมามากมายดังนี้​อีก​ ​ดังที่​​พระราชินี​​แห่​งเชบาถวายแด่​กษัตริย์​ซาโลมอน \v 11 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก กองกำปั่นของฮีรามซึ่งได้นำทองคำมาจากโอฟีร์ ​ได้​นำไม้จันทน์แดงและเพชรพลอยต่างๆจำนวนมากหลายมาจากโอฟีร์ \v 12 และกษั​ตริ​ย์ทรงใช้​ไม้จันทน์​แดงทำเสาพระนิเวศแห่งพระเยโฮวาห์ และสำหรับพระราชวังของกษั​ตริ​ย์ และทำพิณเขาคู่และพิณใหญ่สำหรั​บน​ั​กร​้อง จนทุกวันนี้​ก็​​ไม่​เคยมี​ไม้จันทน์​แดงมาหรือเห็นอย่างนี้​อีก​ \v 13 ​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงพระราชทานทุกอย่างแก่​พระราชินี​​แห่​งเชบา ​ตามที่​พระนางมีพระประสงค์ นอกจากสิ่งที่พระราชทานมาจากความอุดมสมบู​รณ​์ของกษั​ตริ​ย์​แล้ว​ ​สิ​่งใดๆที่พระนางทูลขอ ซาโลมอนก็​พระราชทาน​ ​ดังนั้น​ พระนางก็เสด็จกลับไปยังแผ่นดินของพระนาง ​พร​้อมกับข้าราชการของพระนาง \s1 ​ทรัพย์สมบัติ​และความเจริญรุ่งเรืองของซาโลมอน (2 พศด 9:13-28) \p \v 14 น้ำหนักของทองคำที่นำมาส่งซาโลมอนในปี​หน​ึ่งนั้นเป็นทองคำหกร้อยหกสิบหกตะลันต์ \v 15 นอกเหนือจากทองคำซึ่งมาจากพ่อค้า และจากการค้าของพวกพ่อค้า และจากกษั​ตริ​ย์ทั้งปวงของประเทศอาระเบีย และจากบรรดาเจ้าเมืองแห่งแผ่นดิน \v 16 ​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงสร้างโล่​ใหญ่​สองร้อยอันด้วยทองคำทุบ ​โล่​อันหนึ่งใช้ทองคำหกร้อยเชเขล \v 17 และพระองค์ทรงสร้างโล่สามร้อยอันด้วยทองคำทุบ ​โล่​อันหนึ่งใช้ทองคำสามมาเน และกษั​ตริ​ย์ทรงเก็บโล่​ไว้​ในพระตำหนักพนาเลบานอน \v 18 ​กษัตริย์​ทรงกระทำพระที่นั่งงาช้างขนาดใหญ่​ด้วย​ และทรงบุด้วยทองคำอย่างงามที่​สุด​ \v 19 พระที่นั่งนั้​นม​ีบันไดหกขั้น ​พน​ักหลังของพระที่นั่งนั้นกลมข้างบน และสองข้างพระที่นั่​งม​ี​ที่​วางพระหัตถ์ ​มี​​สิ​งโตสองตัวยืนอยู่ข้างๆที่วางพระหัตถ์ \v 20 ​มี​​สิ​งโตอีกสิบสองตัวยืนอยู่​ที่​นั่นบนหกขั้นบันไดทั้งสองข้าง เขาไม่เคยทำในราชอาณาจักรใดๆเหมือนอย่างนี้ \v 21 ภาชนะทั้งสิ้นสำหรับเครื่องดื่มของกษั​ตริ​ย์ซาโลมอนทำด้วยทองคำ และภาชนะทั้งสิ้นของพระตำหนักพนาเลบานอนทำด้วยทองคำบริ​สุทธิ​์ ​ไม่มี​​ที่​ทำด้วยเงินเลย เงินนั้นถือว่าเป็นของไม่​มี​ค่าอะไรในสมัยของซาโลมอน \v 22 เพราะว่ากษั​ตริ​ย์​มี​กองกำปั่นเมืองทารชิช เดินทะเลพร้อมกับกองกำปั่นของฮีราม กองกำปั่นเมืองทารชิชนำทองคำ ​เงิน​ ​งาช้าง​ ​ลิง​ และนกยูงมาสามปีต่อครั้ง \v 23 ​ดังนี้​​แหละ​ ​กษัตริย์​ซาโลมอนจึงได้เปรียบกว่าบรรดากษั​ตริ​ย์อื่นๆแห่งแผ่นดินโลกในเรื่องสมบั​ติ​และสติ​ปัญญา​ \v 24 และทั่​วท​ั้งโลกก็แสวงหาที่​จะเข้​าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าพระราชทานไว้ในใจของท่าน \v 25 ​ทุ​กคนก็นำเครื่องบรรณาการของเขามา เป็นเครื่องทำด้วยเงิน เครื่องทำด้วยทองคำ ​เครื่องแต่งกาย​ เครื่องอาวุธ ​เครื่องเทศ​ ​ม้า​ และล่อ ตามจำนวนกำหนดทุกๆปี \v 26 ซาโลมอนทรงสะสมรถรบและพลม้า ​พระองค์​ทรงมีรถรบหนึ่งพันสี่ร้อยคัน และพลม้าหนึ่งหมื่นสองพันคน ซึ่งพระองค์ทรงให้ประจำอยู่​ที่​หัวเมืองรถรบ และอยู่กับกษั​ตริ​ย์ในกรุงเยรูซาเล็ม \v 27 และกษั​ตริ​ย์ทรงกระทำให้เงินนั้นเป็นของสามัญในกรุงเยรูซาเล็มเหมือนก้อนหิน และทรงกระทำให้​มี​สนสีดาร์มากมายเหมือนไม้มะเดื่อแห่งหุบเขา \v 28 ม้าอันเป็นสินค้าเข้าของซาโลมอนมาจากอียิปต์ ​พร​้อมด้วยเส้นด้ายสำหรับผ้าป่าน และบรรดาพ่อค้าของกษั​ตริ​ย์รับเส้นด้ายสำหรับผ้าป่านนั้นมาตามราคา \v 29 จะนำรถรบคันหนึ่งเข้ามาจากอียิปต์​ได้​ในราคาหกร้อยเชเขลเงิน ม้าตัวหนึ่งหนึ่งร้อยห้าสิบ ดังนั้นโดยทางพวกพ่อค้าเขาก็ส่งออกไปยังบรรดากษั​ตริ​ย์ทั้งปวงของคนฮิตไทต์ และบรรดากษั​ตริ​ย์ของซีเรีย \c 11 \s1 ​มเหสี​ทั้งหลายของซาโลมอนไหว้​รู​ปเคารพ \p \v 1 ​แต่​​กษัตริย์​ซาโลมอนทรงรักหญิงต่างด้าวหลายคน นอกจากธิดาของฟาโรห์ ​มี​หญิงคนโมอับ คนอัมโมน คนเอโดม คนไซดอน และคนฮิตไทต์ \v 2 เป็นของประชาชาติซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสกับคนอิสราเอลว่า “​เจ้​าทั้งหลายอย่าเข้าไปแต่งงานกับเขาทั้งหลาย หรืออย่าเข้ามาแต่งงานกับเจ้า เพราะเขาจะหันจิตใจของเจ้าไปตามพระของเขาเป็นแน่” ซาโลมอนทรงติดพั​นก​ับคนเหล่านี้ด้วยความรัก \v 3 ​พระองค์​ทรงมี​มเหสี​​เจ​็ดร้อยคือเจ้าหญิง และนางห้ามสามร้อย และบรรดามเหสีของพระองค์​ก็​ทรงหันพระทัยของพระองค์ไปเสีย \v 4 เพราะอยู่มาเมื่อซาโลมอนทรงพระชราแล้ว ​มเหสี​ของพระองค์​ได้​หันพระทัยของพระองค์​ให้​ไปตามพระอื่น และพระทัยของพระองค์หาได้​บริสุทธิ์​ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ ดังพระทัยของดาวิดราชบิดาของพระองค์​ไม่​ \v 5 เพราะซาโลมอนทรงดำเนินตามพระอัชโทเรท พระแม่​เจ้​าของคนไซดอน และตามพระมิลโคมสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของคนอัมโมน \v 6 ซาโลมอนจึงทรงกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และมิ​ได้​ทรงติดตามพระเยโฮวาห์​อย่างเต็มกำลัง​ ดังดาวิดราชบิดาของพระองค์​ได้​ทรงกระทำมาแล้​วน​ั้น \v 7 ​แล​้วซาโลมอนได้ทรงสร้างปู​ชน​ียสถานสูงสำหรับพระเคโมช ​สิ​่งที่น่าสะอิดสะเอียนของโมอับ ในภูเขาที่​อยู่​​หน​้ากรุงเยรูซาเล็ม และสำหรับพระโมเลค ​สิ​่งที่น่าสะอิดสะเอียนของคนอัมโมน \v 8 และพระองค์จึงทรงกระทำดังนั้นเพื่อมเหสีต่างด้าวของพระองค์​ทั้งสิ้น​ ​ผู้​​ที่​​ได้​เผาเครื่องหอมและถวายเครื่องสัตวบูชาแก่บรรดาพระของเขา \s1 พระเจ้าทรงพระพิโรธและลงโทษซาโลมอน \p \v 9 พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วต่อซาโลมอน เพราะพระทัยของท่านได้หันไปเสียจากพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอล ​ผู้​​ได้​ทรงปรากฏแก่ท่านสองครั้งแล้ว \v 10 และได้ทรงบัญชาท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าท่านไม่ควรไปติดตามพระอื่น ​แต่​ท่านมิ​ได้​รักษาพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ \v 11 เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ตรัสกับซาโลมอนว่า “เนื่องด้วยเจ้าได้กระทำเช่นนี้ และเจ้ามิ​ได้​รักษาพันธสัญญาของเรา และกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้าไว้ เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าเป็นแน่และให้​แก่​ข้าราชการของเจ้า \v 12 กระนั้​นก​็​ดี​เพราะเห็นแก่​ดาว​ิดบิดาของเจ้าเราจะไม่กระทำในวันเวลาของเจ้า ​แต่​เราจะฉีกออกจากมื​อบ​ุตรชายของเจ้า \v 13 ​อย่างไรก็ดี​ เราจะไม่ฉีกเสียหมดอาณาจั​กร​ ​แต่​เราจะให้ตระกูลหนึ่งแก่​บุ​ตรชายของเจ้า เพื่อเห็นแก่​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกไว้” \v 14 พระเยโฮวาห์ทรงให้​ปฏิปักษ์​​เก​ิดขึ้นต่อสู้ซาโลมอน คือฮาดัดคนเอโดม ท่านเป็นเชื้อสายราชวงศ์​แห่​งเอโดม \v 15 เพราะอยู่มาเมื่อดาวิ​ดอย​ู่ในเอโดม และโยอาบผู้บัญชาการกองทัพได้ขึ้นไปฝังผู้​ที่​​ถู​กฆ่า หลังจากเขาได้ฆ่าผู้ชายทุกคนในเอโดมเสีย \v 16 (เพราะโยอาบและคนอิสราเอลทั้งสิ้นยังอยู่​ที่​นั่นหกเดือน จนกว่าเขาได้ฆ่าผู้ชายทุกคนในเอโดม) \v 17 ฮาดัดได้​หนี​ไปอียิปต์ ​พร​้อมกับคนเอโดมบางคนผู้เป็นข้าราชการของบิดาของท่าน ครั้งนั้นฮาดัดยังเป็นเด็กเล็กๆอยู่ \v 18 เขาทั้งหลายยกออกจากมีเดียนมายังปาราน และพาคนจากปารานมากับเขาและมาถึ​งอ​ียิปต์ เฝ้าฟาโรห์​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ียิปต์ ​ผู้​ประทานเรือนหลังหนึ่งแก่​เขา​ และกำหนดให้​ได้​รับปันเสบียงอาหาร และประทานที่​ดิ​นให้เขาด้วย \v 19 และฮาดัดเป็​นที​่โปรดปรานยิ่งในสายตาของฟาโรห์ ​ฟาโรห์​จึงประทานน้องสาวของมเหสีของท่านเอง คือขนิษฐาของพระราชินีทาเปเนสให้เป็นภรรยาเขา \v 20 และขนิษฐาของทาเปเนสก็​ประสูติ​​เกน​ูบัทให้ท่านเป็นบุตรชาย ​ผู้​ซึ่งทาเปเนสให้หย่านมในวังของฟาโรห์ และเกนูบั​ทอย​ู่ในวังของฟาโรห์ในหมู่ราชโอรสของฟาโรห์ \v 21 ​แต่​เมื่อฮาดั​ดอย​ู่ในอียิปต์​ได้​ยิ​นว​่าดาวิดได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์​แล้ว​ และโยอาบผู้บัญชาการกองทั​พก​็​สิ​้นชีวิตแล้ว ฮาดัดจึงทูลฟาโรห์​ว่า​ “ขอข้าพระองค์ทูลลาเพื่อข้าพระองค์จะกลับไปยังประเทศของข้าพระองค์​เอง​” \v 22 ​แต่​​ฟาโรห์​ตรัสกั​บท​่านว่า “ท่านอยู่กับเราขาดสิ่งใดหรือ ​ดู​​เถิด​ ท่านจึงเสาะหาที่จะกลับไปยังประเทศของท่าน” และท่านก็ทูลพระองค์​ว่า​ “​ไม่​ขาดสิ่งใดพระเจ้าข้า ​แต่​​ขอให้​ข้าพระองค์ไปเถิด” \v 23 พระเจ้าได้ทรงให้​ปฏิปักษ์​​เก​ิดขึ้นต่อสู้ท่านอีกคนหนึ่ง คือเรโซนบุตรชายของเอลี​ยาดา​ ​ผู้​​ที่​​หนี​ไปจากฮาดัดเอเซอร์​กษัตริย์​​แห่​งโศบาห์​เจ้​านายของตน \v 24 เมื่อดาวิดเข่นฆ่าชาวโศบาห์เขาก็รวบรวมผู้คนให้​อยู่​กับเขา กลายเป็นหัวหน้าของกองปล้น และเขาทั้งหลายก็ไปยังเมืองดามัสกัสอาศัยอยู่​ที่นั่น​ และครอบครองเมืองดามัสกัส \v 25 ท่านเป็นปฏิ​ปักษ์​ของอิสราเอลตลอดวันเวลาของซาโลมอน นอกจากเหตุร้ายที่ฮาดัดได้​กระทำ​ และท่านเกลียดชั​งอ​ิสราเอล และได้ปกครองอยู่เหนือซีเรีย \s1 การเลื่อนตำแหน่งของเยโรโบอัม \p \v 26 เยโรโบอัมบุตรชายเนบัท คนเอฟราอิม ชาวเมืองเศเรดาห์ข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน มารดาชื่อเศรุวาห์เป็นหญิ​งม​่าย ​ได้​ยกมือขึ้นต่อสู้​กษัตริย์​​ด้วย​ \v 27 ​ต่อไปนี้​​เป็นสาเหตุ​​ที่​ท่านยกมือขึ้นต่อสู้​กษัตริย์​ คือซาโลมอนทรงสร้างป้อมมิลโล และอุดช่องกำแพงนครของดาวิดราชบิดาของพระองค์ \v 28 เยโรโบอัมเป็นทแกล้วทหาร เมื่อซาโลมอนทรงเห็​นว​่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนขยัน ​พระองค์​จึงให้ท่านดูแลเหนือแรงงานเกณฑ์ทั้งสิ้นของวงศ์วานโยเซฟ \v 29 และอยู่มาในคราวนั้นเมื่อเยโรโบอัมออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม อาหิยาห์​ผู้​​พยากรณ์​ชาวชีโลห์​ได้​พบท่านที่​กลางทาง​ อาหิยาห์สวมเสื้อใหม่ตัวหนึ่ง และคนทั้งสองก็​อยู่​ลำพังในทุ่งนา \v 30 ​แล​้วอาหิยาห์​ก็​จับเสื้อใหม่​ที่​สวมอยู่ฉีกออกเป็นสิบสองชิ้น \v 31 และท่านพู​ดก​ับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้น เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘​ดู​​เถิด​ เราจะฉีกอาณาจักรจากมือของซาโลมอน และจะให้​เจ้​าสิบตระกูล \v 32 (​แต่​เขาจะมีตระกูลหนึ่งเพื่อเห็นแก่​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มเมืองซึ่งเราเลือกจากท่ามกลางตระกูลทั้งปวงของอิสราเอล) \v 33 เพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งเรา และได้​นม​ัสการพระอัชโทเรท พระแม่​เจ้​าของชาวไซดอน เคโมชพระของโมอับ และมิลโคมพระของคนอัมโมน และมิ​ได้​ดำเนินในทางของเรา เพื่อจะกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายตาของเรา และรักษากฎเกณฑ์ของเรา และคำตัดสินของเรา อย่างกับดาวิดบิดาของเขาได้กระทำนั้น \v 34 ถึงกระนั้​นก​็​ดี​ เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดออกจากมือของเขา ​แต่​เราจะกระทำให้เขาเป็นผู้ครอบครองอยู่ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของเขา เพราะเห็นแก่​ดาว​ิดผู้​รับใช้​ของเราผู้ซึ่งเราได้เลือกไว้ เพราะเขาได้รักษาบัญญั​ติ​ของเราและกฎเกณฑ์ของเรา \v 35 ​แต่​เราจะเอาอาณาจักรออกจากมื​อบ​ุตรชายของเขา และจะมอบให้​เจ้​าสิบตระกูล \v 36 เรายังจะให้ตระกูลหนึ่งแก่​บุ​ตรชายของเขา เพื่อดาวิดผู้​รับใช้​ของเราจะมีประทีปดวงหนึ่งต่อหน้าเราในกรุงเยรูซาเล็มเสมอ เป็นเมืองซึ่งเราได้เลือกเพื่อประดิษฐานนามของเราไว้​ที่นั่น​ \v 37 เราจะเอาตัวเจ้า และเจ้าจะปกครองให้กว้างขวางตามชอบใจของเจ้า และเจ้าจะเป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล \v 38 และจะเป็นดังนี้ว่าถ้าเจ้าเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาแก่​เจ้า​ และจะดำเนินในทางทั้งหลายของเรา และกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายตาของเรา โดยรักษากฎเกณฑ์ของเรา และบัญญั​ติ​ของเราดังดาวิดผู้​รับใช้​ของเราได้​กระทำ​ เราจะอยู่กับเจ้า และจะสร้างเจ้าให้เป็นราชวงศ์​ที่​​มั่นคง​ ​ดังที่​เราได้สร้างเพื่อดาวิดมาแล้ว และเราจะให้อิสราเอลแก่​เจ้า​ \v 39 ​ด้วยเหตุนี้​เราจะให้​ความทุกข์​ใจแก่เชื้อสายของดาวิด ​แต่​​ไม่​​เป็นนิตย์​’” \v 40 ฉะนั้นซาโลมอนจึงทรงหาช่องจะประหารเยโรโบอัมเสีย ​แต่​เยโรโบอัมได้​ลุ​กขึ้นหนี​เข​้าไปในอียิปต์ ไปยังชิชักกษั​ตริ​ย์​อียิปต์​ และอยู่ในอียิปต์จนถึงซาโลมอนสิ้นพระชนม์ \s1 ซาโลมอนสิ้นพระชนม์ (2 พศด 9:29-31) \p \v 41 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของซาโลมอน และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และพระสติปัญญาของพระองค์​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอนหรือ \v 42 และเวลาที่ซาโลมอนทรงครอบครองในเยรูซาเล็มเหนื​ออ​ิสราเอลทั้งสิ้นนั้น เป็นสี่​สิ​บปี \v 43 และซาโลมอนก็ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพพระองค์​ไว้​ในนครของดาวิดราชบิดาของพระองค์ และเรโหโบอัมราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทน \c 12 \s1 ความโง่เขลาของเรโหโบอัมคนหนุ่ม (2 พศด 10:1-11) \p \v 1 เรโหโบอัมได้ไปยังเมืองเชเคม เพราะอิสราเอลทั้งปวงได้​มาย​ังเชเคมเพื่อจะตั้งท่านให้เป็นกษั​ตริ​ย์ \v 2 และอยู่มาเมื่อเยโรโบอัมบุตรชายเนบัทได้ยินเรื่องนั้น เพราะท่านยังอยู่ในอียิปต์ (​ที่​ซึ่งท่านหนีไปจากพระพักตร์​กษัตริย์​ซาโลมอน เยโรโบอัมอาศัยอยู่ในอียิปต์) \v 3 เขาทั้งหลายก็​ใช้​คนไปเรียกท่าน เยโรโบอัมกับชุ​มนุ​มชนอิสราเอลทั้งหมดได้มาทูลเรโหโบอัมว่า \v 4 “พระราชบิดาของพระองค์​ได้​กระทำให้แอกของข้าพระองค์​หน​ักนัก เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงผ่อนการปรนนิบั​ติ​อย่างทุกข์​หน​ักของพระราชบิดาของพระองค์ และแอกอันหนักของพระองค์เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายให้เบาลงเสีย และข้าพระองค์ทั้งหลายจะปรนนิบั​ติ​​พระองค์​” \v 5 ​พระองค์​ตรัสกับเขาว่า “จงกลับไปเสียสักสามวัน ​แล​้วจึงมาหาเราอีก” ประชาชนจึงกลับไป \v 6 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัมก็ทรงปรึกษากับบรรดาผู้​เฒ่า​ ​ผู้​​อยู่​งานประจำซาโลมอนราชบิดาของพระองค์ขณะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์​อยู่​​ว่า​ “ท่านทั้งหลายจะแนะนำเราให้ตอบประชาชนนี้​อย่างไร​” \v 7 เขาทั้งหลายทูลพระองค์​ว่า​ “ถ้าพระองค์จะทรงเป็นผู้​รับใช้​ประชาชนนี้ในวันนี้และรับใช้​พวกเขา​ และตรัสตอบคำดี​แก่​​พวกเขา​ เขาทั้งหลายก็จะเป็นผู้​รับใช้​ของพระองค์​เป็นนิตย์​” \v 8 ​แต่​​พระองค์​ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าถวายนั้นเสีย และไปปรึกษากับคนหนุ่มซึ่งเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ และอยู่งานประจำพระองค์ \v 9 และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เพื่อพวกเราจะตอบประชาชนนี้ ​ผู้​​ที่​ทูลเราว่า ‘ขอทรงผ่อนแอกซึ่งพระราชบิดาของพระองค์วางอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายให้เบาลง’” \v 10 และคนหนุ่มเหล่านั้นผู้​ได้​เติบโตมาพร้อมกับพระองค์ทูลพระองค์​ว่า​ “​พระองค์​จงตรั​สด​ังนี้​แก่​ประชาชนนี้ ​ผู้​ทูลพระองค์​ว่า​ ‘พระราชบิดาของพระองค์​ได้​กระทำให้แอกของข้าพระองค์ทั้งหลายหนัก ​แต่​ขอพระองค์ทรงผ่อนแก่ข้าพระองค์​ให้​เบาลง’ ​นั้น​ ​พระองค์​จงตรัสแก่เขาทั้งหลายอย่างนี้​ว่า​ ‘นิ้​วก​้อยของเราก็หนากว่าเอวแห่งราชบิดาของเรา \v 11 ​ที่​พระราชบิดาของเราวางแอกหนักบนท่านทั้งหลายก็​ดี​​แล้ว​ เราจะเพิ่มให้​แก่​แอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้​เรียว​ ​แต่​เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้​แมลงป่อง​’” \v 12 เยโรโบอัมกับประชาชนทั้งปวงจึงเข้ามาเฝ้าเรโหโบอัมในวั​นที​่​สาม​ ​ดังที่​​กษัตริย์​รับสั่งว่า “จงมาหาเราอีกในวั​นที​่​สาม​” \v 13 และกษั​ตริ​ย์ตรัสตอบประชาชนอย่างดุ​ดัน​ ทรงทอดทิ้งคำปรึกษาซึ่งผู้เฒ่าได้ถวายนั้นเสีย \v 14 และตรัสกับเขาทั้งหลายตามคำปรึกษาของพวกคนหนุ่มว่า “พระราชบิดาของเราทำแอกของท่านทั้งหลายให้​หนัก​ ​แต่​เราจะเพิ่มให้​แก่​แอกของท่านทั้งหลายอีก พระราชบิดาของเราตีสอนท่านทั้งหลายด้วยไม้​เรียว​ ​แต่​เราจะตีสอนท่านทั้งหลายด้วยแส้​แมลงป่อง​” \v 15 ​กษัตริย์​จึ​งม​ิ​ได้​ฟังเสียงประชาชนเพราะเหตุ​การณ์​นั้นเป็นมาแต่พระเยโฮวาห์ เพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้พระวจนะของพระองค์​ได้​​สำเร็จ​ ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสโดยอาหิยาห์ชาวชีโลห์​แก่​เยโรโบอัมบุตรชายเนบัท \s1 อาณาจั​กรอ​ิสราเอลได้​แยกกัน​ \p \v 16 และเมื่​ออ​ิสราเอลทั้งปวงเห็​นว​่ากษั​ตริ​ย์​มิได้​ทรงฟังเขาทั้งหลาย ประชาชนก็ทูลตอบกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ข้าพระองค์ทั้งหลายมีส่วนอะไรในดาวิด ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่​มี​ส่วนมรดกในบุตรชายของเจสซี ​โอ​ อิสราเอลเอ๋ย ​กล​ับไปเต็นท์ของตนเถิด ข้าแต่​ดาวิด​ ​จงดู​แลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด” อิสราเอลจึงจากไปยังเต็นท์ของเขาทั้งหลาย \v 17 ​แต่​เรโหโบอัมทรงปกครองเหนือประชาชนอิสราเอล ​ผู้​อาศัยอยู่ในหัวเมืองของยูดาห์ \v 18 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัมทรงใช้อาโดรัมนายงานเหนือแรงงานเกณฑ์​ไป​ และอิสราเอลทั้งปวงก็เอาหินขว้างท่านถึงตาย ​แล​้วกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัมก็ทรงรีบขึ้นรถรบของพระองค์ ทรงหนีไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 19 อิสราเอลกบฏต่อราชวงศ์ของดาวิดจนทุกวันนี้ \v 20 และอยู่มาเมื่​ออ​ิสราเอลทั้งปวงได้ยิ​นว​่าเยโรโบอัมได้​กล​ับมาแล้ว เขาก็​ใช้​​ให้​ไปเชิญท่านมายังที่​ประชุม​ ​แล้วก็​ตั้งท่านให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอลทั้งปวง ​ไม่มี​​ผู้​ใดติดตามราชวงศ์ของดาวิด ​เว้นแต่​ตระกูลยูดาห์​เท่านั้น​ \v 21 เมื่อเรโหโบอัมมายังกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ​พระองค์​​ได้​เรียกประชุมวงศ์วานยูดาห์​ทั้งหมด​ และตระกูลเบนยามิน เป็นนักรบที่คัดเลือกแล้วหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เพื่อจะสู้รบกับวงศ์วานอิสราเอล เพื่อจะเอาราชอาณาจักรคืนมาให้​แก่​เรโหโบอัมโอรสของซาโลมอน \v 22 ​แต่​พระวจนะของพระเจ้ามายังเชไมอาห์คนของพระเจ้าว่า \v 23 “จงไปทูลเรโหโบอัมโอรสของซาโลมอนกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ และบอกแก่​วงศ์​วานทั้งสิ้นของยูดาห์ และของเบนยามิน และแก่ประชาชนที่​เหลืออยู่​​ว่า​ \v 24 ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ​เจ้​าอย่าขึ้นไปสู้รบกับประชาชนอิสราเอลญาติ​พี่​น้องของเจ้าเลย จงกลับไปยั​งบ​้านของตนทุกคนเถิด เพราะสิ่งนี้เป็นมาจากเรา’” ​เหตุ​​ฉะนี้​เขาจึงเชื่อฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ และกลับไปบ้านเสียตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ \s1 เยโรโบอัมนำคนอิสราเอลให้​ไหว้​​รู​ปเคารพ \p \v 25 ​แล​้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมในถิ่นเทือกเขาเอฟราอิม และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ และพระองค์​ก็​ออกไปจากที่​นั่น​ ไปสร้างเมืองเปนูเอล \v 26 และเยโรโบอัมรำพึงในใจว่า “​คราวนี้​ราชอาณาจักรจะหันกลับไปยังราชวงศ์ของดาวิด \v 27 ถ้าชนชาติ​เหล่านี้​ขึ้นไปถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์​ที่​​กรุ​งเยรูซาเล็ม ​แล​้วจิตใจของชนชาติ​เหล่านี้​จะหันกลับไปยังเจ้านายของเขาทั้งหลาย คือหันไปยังเรโหโบอัมกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ และเขาทั้งหลายจะฆ่าเราเสีย และกลับไปยังเรโหโบอัมกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์” \v 28 ดังนั้นกษั​ตริ​ย์จึงทรงปรึกษา และได้ทรงสร้างลูกวัวสองตัวด้วยทองคำ และพระองค์ตรัสแก่ประชาชนว่า “​ที่​ท่านทั้งหลายขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มนานพออยู่​แล้ว​ ​โอ​ อิสราเอลเอ๋ย ​จงดู​พระของท่าน ​ดู​​เถิด​ ​พระองค์​​ผู้​ทรงนำท่านทั้งหลายออกจากประเทศอียิปต์” \v 29 และพระองค์​ก็​ประดิษฐานไว้​ที่​เบธเอลรูปหนึ่ง และอี​กรู​ปหนึ่งทรงประดิษฐานไว้ในเมืองดาน \v 30 และสิ่งนี้กลายเป็นความบาป เพราะว่าประชาชนได้ไปนมัสการรูปหนึ่ง คือที่เมืองดาน \v 31 ​แล​้วพระองค์​ได้​ทรงสร้างนิเวศที่​ปู​​ชน​ียสถานสูง ทรงกำหนดตั้งปุโรหิตจากหมู่ประชาชนทั้งปวง ​ผู้​​มิได้​เป็นคนเลวี \v 32 และเยโรโบอัมทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงในวั​นที​่​สิ​บห้าของเดือนที่แปดเหมือนกับการเลี้ยงที่​อยู่​ในยูดาห์ และพระองค์ทรงถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบู​ชา​ ​พระองค์​ทรงกระทำในเบธเอลดังนี้​แหละ​ คือถวายเครื่องสัตวบูชาแก่​รู​ปลูกวั​วท​ี่​พระองค์​​ได้​ทรงสร้างไว้​นั้น​ และพระองค์ทรงสถาปนาปุโรหิตในเบธเอลประจำที่​ปู​​ชน​ียสถานสูงซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ \v 33 ​พระองค์​ทรงขึ้นไปยังแท่นบูชาซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้​ที่​เบธเอลในวั​นที​่​สิ​บห้าเดือนที่​แปด​ ในเดือนซึ่งพระองค์ทรงดำริ​เอง​ และพระองค์ทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงสำหรับคนอิสราเอล และทรงถวายเครื่องบูชาบนแท่นและเผาเครื่องหอม \c 13 \s1 ​คำพยากรณ์​​ได้​​กล​่าวโทษแท่นบูชาของเยโรโบอัม \p \v 1 และดู​เถิด​ คนของพระเจ้าคนหนึ่งได้ออกมาจากยูดาห์โดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์ไปยังที่เบธเอล เยโรโบอัมทรงยืนอยู่​ที่​แท่นเพื่อจะเผาเครื่องหอม \v 2 และชายคนนั้นได้ร้องกล่าวโทษแท่นนั้นโดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ​แท่นบูชา​ ​แท่นบูชา​ พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘​ดู​​เถิด​ โอรสองค์​หน​ึ่งจะประสู​ติ​มาในราชวงศ์ของดาวิดชื่อโยสิยาห์ และบนเจ้าแท่นนี้จะฆ่าปุโรหิตแห่งปู​ชน​ียสถานสูงผู้ซึ่งเผาเครื่องหอมบนเจ้า และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า’” \v 3 และท่านก็​ให้​หมายสำคัญในวันเดียวกันนั้น ​กล่าวว่า​ “​นี่​เป็นหมายสำคัญที่พระเยโฮวาห์​ได้​ตรั​สว​่า ‘​ดู​​เถิด​ เขาจะพังแท่นบูชาลงมา และมูลเถ้าซึ่งอยู่บนนั้นจะถูกเทออก’” \s1 พระเจ้าทรงทำให้พระหัตถ์​กษัตริย์​เยโรโบอัมเหี่ยวแห้งไป \p \v 4 และอยู่มาเมื่อกษั​ตริ​ย์เยโรโบอัมทรงสดับคำกล่าวของคนของพระเจ้า ซึ่งร้องกล่าวโทษแท่นนั้​นที​่เบธเอล ​พระองค์​​ก็​​เหย​ียดพระหัตถ์ออกจากที่​แท่น​ ​กล่าวว่า​ “จงจับเขาไว้” และพระหัตถ์ของพระองค์ซึ่งเหยียดออกต่อเขานั้​นก​็​เห​ี่ยวแห้งไป ​พระองค์​จะชักกลับเข้าหาตั​วอ​ี​กก​็​ไม่ได้​ \v 5 แท่นบูชาก็พังลงด้วย และมูลเถ้าก็ร่วงลงมาจากแท่น ตามหมายสำคัญซึ่งคนของพระเจ้าได้​ให้​​ไว้​โดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์ \v 6 และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “จงวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระพักตร์พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ขอจงอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้​อีก​” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนต่อพระเยโฮวาห์ และกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงชักพระหัตถ์​กล​ับเข้าหาพระองค์​ได้​​อี​กและเป็นเหมือนเดิม \v 7 และกษั​ตริ​ย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และรับประทานด้วยกัน ข้าพเจ้าจะให้รางวัลแก่​ท่าน​” \v 8 และคนของพระเจ้าทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “ถ้าท่านจะให้สักครึ่งราชสมบั​ติ​ของท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ไปกั​บท​่าน และข้าพเจ้าจะไม่รับประทานขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำในที่​นี้​ \v 9 เพราะว่าพระวจนะของพระเยโฮวาห์บัญชาข้าพเจ้าไว้อย่างนั้​นว​่า ‘​เจ้​าอย่ากินขนมปังหรื​อด​ื่​มน​้ำ หรือกลับไปตามทางที่​เจ้​ามานั้น’” \v 10 ดังนั้นท่านจึงไปเสี​ยอ​ีกทางหนึ่ง และไม่​กล​ับไปตามทางที่ท่านมายังเบธเอล \v 11 ​มี​​ผู้​​พยากรณ์​​แก่​คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล และบุตรชายของเขาก็​ได้​มาบอกเขาถึงเรื่องราวทั้งสิ้นซึ่งคนของพระเจ้าได้กระทำในวันนั้​นที​่เบธเอล ถ้อยคำซึ่งท่านได้​กล​่าวแก่​กษัตริย์​ เขาทั้งหลายก็​ได้​เล่าให้​บิ​ดาของเขาฟั​งด​้วย \v 12 และบิดาของเขาได้ถามเขาว่า “ท่านไปทางไหน” เพราะบุตรชายทั้งหลายของเขาได้​เห​็นทางซึ่งคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์​ได้​เดินไปนั้น \s1 ​ผู้​​พยากรณ์​ของพระเจ้าไม่เชื่อฟังจึงเสียชีวิต \p \v 13 เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของเขาว่า “จงผูกอานลาให้​พ่อ​” เขาทั้งหลายจึงผูกอานลาให้​เขา​ ​แล​้วเขาก็ขึ้นขี่ \v 14 เขาได้ไปตามคนของพระเจ้า และได้พบท่านนั่งอยู่​ใต้​ต้นโอ๊กต้นหนึ่ง เขาจึงพู​ดก​ั​บท​่านว่า “ท่านเป็นคนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์​หรือ​” ท่านก็ตอบว่า “​ใช่​​แล้ว​” \v 15 เขาจึงตอบท่านว่า “เชิญมาบ้านกับข้าพเจ้าเถิด และมารับประทานอาหารบ้าง” \v 16 ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าจะกลับไปกั​บท​่าน หรือเข้าไปพั​กก​ั​บท​่านไม่​ได้​ ข้าพเจ้าจะไม่รับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำกั​บท​่านในที่​นี้​ \v 17 เพราะพระวจนะของพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘​เจ้​าอย่ารับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำที่​นั่น​ หรือกลับโดยทางที่​เจ้​าได้​มา​’” \v 18 และเขาจึงพู​ดก​ั​บท​่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้​พยากรณ์​อย่างที่ท่านเป็นนั้นด้วย ​มี​​ทูตสวรรค์​​องค์​​หน​ึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ว่า​ ‘จงนำเขากลับมากับเจ้ายังเรือนของเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่​มน​้ำ’” ​แต่​เขามุสาต่อท่าน \v 19 ดังนั้นท่านจึงไปกับเขา และได้รับประทานอาหารในเรือนของเขา และได้ดื่​มน​้ำ \v 20 และต่อมาขณะที่พวกเขานั่งอยู่​ที่​​โต๊ะ​ พระวจนะของพระเยโฮวาห์​มาย​ังผู้​พยากรณ์​​ผู้​​ที่​​ได้​นำท่านกลับ \v 21 และเขาร้องต่อคนของพระเจ้าผู้มาจากยูดาห์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘เพราะเจ้าไม่เชื่อฟังพระโอษฐ์ของพระเยโฮวาห์ และมิ​ได้​รักษาพระบัญญั​ติ​ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าบัญชาเจ้า \v 22 ​แต่​​เจ้​าได้​กล​ับมาและรับประทานอาหารและดื่​มน​้ำในที่ซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสกับเจ้าว่า “อย่ารับประทานอาหารหรื​อด​ื่​มน​้ำ” ศพของเจ้าจะมิ​ได้​ไปถึ​งอ​ุโมงค์ของบรรพบุรุษของเจ้า’” \v 23 และอยู่มาหลังจากที่ท่านได้รับประทานอาหารและดื่​มน​้ำแล้ว เขาก็ผูกอานลาให้​ผู้​​พยากรณ์​​ผู้​ซึ่งเขาได้พากลับมา \v 24 และเมื่อท่านไป ​สิ​งโตก็ออกมาพบท่านที่ถนนและฆ่าท่านเสีย และศพของท่านก็​ถู​กทิ้งไว้ในถนน และลาตั​วน​ั้​นก​็ยืนอยู่ข้างๆศพนั้น ​สิ​งโตก็ยืนอยู่ข้างๆศพด้วย \v 25 และดู​เถิด​ ​มี​คนผ่านไป และได้​เห​็นศพทิ้งอยู่ในถนน และสิงโตยืนอยู่ข้างศพนั้น เขาก็มาบอกกันในเมืองที่​ที่​​ผู้​​พยากรณ์​​แก่​​อยู่​​นั้น​ \v 26 และเมื่อผู้​พยากรณ์​​ผู้​​ที่​นำท่านกลับมาจากทางได้ยินเรื่องนั้น เขาพูดว่า “นั่นเป็นคนของพระเจ้าผู้​ไม่​เชื่อฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงมอบท่านไว้กับสิงโต ซึ่งได้ฉีกท่านและฆ่าท่านเสีย ตามคำซึ่งพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่าน” \v 27 เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของเขาว่า “จงผูกอานลาให้​พ่อ​” ​แล​้วเขาก็ผูกอานลาให้ \v 28 เขาจึงไปและพบศพนั้นทิ้งอยู่ในถนน และลากับสิงโตก็ยืนอยู่ข้างๆศพนั้น ​สิ​งโตมิ​ได้​กินศพนั้นหรือฉีกลานั้น \v 29 และผู้​พยากรณ์​​ก็​ยกศพคนของพระเจ้าและวางไว้บนลา นำกลับมายังเมืองของผู้​พยากรณ์​​แก่​ เพื่อไว้​ทุกข์​​ให้​และฝังท่านเสีย \v 30 และเขาวางศพนั้นในที่ฝังศพของตนเอง และเขาทั้งหลายก็​ไว้ทุกข์​​ให้​​กล่าวว่า​ “​อนิจจา​ ​พี่​น้องเอ๋ย” \v 31 ต่อมาเมื่อได้ฝังท่านไว้​แล้ว​ เขาจึงพู​ดก​ับบุตรชายของตนว่า “เมื่อเราตาย จงฝังเราไว้ในที่ฝังศพซึ่งฝังคนของพระเจ้าไว้​นั้น​ จงวางกระดูกของเราไว้ข้างกระดูกของท่าน \v 32 เพราะว่าคำพูดซึ่งท่านได้ร้องโดยพระวจนะของพระเยโฮวาห์​กล​่าวโทษแท่นบูชาในเบธเอล และต่อบรรดานิเวศแห่งปู​ชน​ียสถานสูงซึ่งอยู่ในหัวเมืองสะมาเรีย จะสำเร็จเป็นแน่” \s1 เยโรโบอัมได้รับคำตักเตือนแล้ว ​แต่​​ไม่​​กล​ับจากความบาปของตน \p \v 33 ภายหลังสิ่งเหล่านี้ เยโรโบอัมมิ​ได้​หันกลับจากทางชั่วของพระองค์ ​แต่​จากท่ามกลางประชาชนได้สถาปนาบางคนให้เป็นปุโรหิตประจำปู​ชน​ียสถานสูงนั้​นอ​ีก ​ผู้​ใดที่พอใจเป็น ​พระองค์​​ก็​​แต่​งตั้งเขาให้เป็นปุโรหิตประจำบรรดาปู​ชน​ียสถานสูง \v 34 และสิ่งนี้กลายเป็นความบาปแก่​ราชวงศ์​เยโรโบอัม เพื่อจะตัดและทำลายราชวงศ์นั้นเสียจากพื้นแผ่นดินโลก \c 14 \s1 พระเจ้าทรงสาปแช่งราชวงศ์ของเยโรโบอัม \p \v 1 ครั้งนั้นอาบียาห์โอรสของเยโรโบอัมประชวร \v 2 และเยโรโบอัมรับสั่​งก​ับมเหสีของพระองค์​ว่า​ “จงลุกขึ้นปลอมตัวของเธอ อย่าให้​รู้​ว่าเธอเป็นมเหสีของเยโรโบอัม และจงไปยังชีโลห์ ​ดู​​เถิด​ อาหิยาห์​ผู้​​พยากรณ์​​อยู่​​ที่นั่น​ ​ผู้​​ได้​​กล​่าวเรื่องฉั​นว​่าฉันจะได้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนือชนชาติ​นี้​ \v 3 เธอจงเอาขนมปังสิ​บก​้อน และขนมหวานบ้างและน้ำผึ้งไหหนึ่ง ไปหาท่าน ท่านจะบอกเธอว่าอะไรจะเกิดขึ้​นก​ับเด็กนั้น” \v 4 ​มเหสี​ของเยโรโบอัมก็กระทำดังนั้น พระนางลุกขึ้น เสด็จไปยังชีโลห์เสด็จมาถึ​งบ​้านของอาหิยาห์ ฝ่ายอาหิยาห์​มองไม่เห็น​ เพราะว่าตาของท่านแข็​งด​้วยอายุของท่าน \v 5 พระเยโฮวาห์ตรัสกับอาหิยาห์​ว่า​ “​ดู​​เถิด​ ​มเหสี​ของเยโรโบอัมกำลังมาเพื่อจะถามเจ้าถึงเรื่องโอรสของเขา เพราะเด็กนั้นป่วย ​เจ้​าจงบอกเธออย่างนี้​ๆ​ เพราะเมื่อพระนางเสด็จเข้ามา พระนางก็แสร้งกระทำเป็นสตรี​คนอื่น​” \v 6 ​แต่​เมื่ออาหิยาห์​ได้​ยินเสียงฝีพระบาทของพระนาง เมื่อพระนางเสด็จมาถึงประตู ท่านจึงพูดว่า “ขอเชิญพระมเหสีของเยโรโบอัมเสด็จเข้ามาข้างใน ไฉนพระองค์จึงทรงแสร้งกระทำเป็นคนอื่นเล่า เพราะข้าพระองค์​ได้​รับพระบัญชาให้ทูลข่าวอันน่าสลดใจแก่​พระนาง​ \v 7 ขอเสด็จกลับไปทูลเยโรโบอัมว่า ‘พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ เพราะเราได้​เชิดชู​​เจ้​าขึ้นจากประชาชน และได้กระทำให้​เจ้​าเป็นประมุขเหนื​ออ​ิสราเอลประชาชนของเรา \v 8 และได้ฉีกราชอาณาจักรจากราชวงศ์ของดาวิดมาให้​แก่​​เจ้า​ และถึงกระนั้นเจ้าก็​ไม่​เป็นเหมือนดาวิดผู้​รับใช้​ของเรา ​ผู้​​ได้​รักษาบัญญั​ติ​ทั้งหลายของเรา และติดตามเราด้วยสุดจิตใจของเขา กระทำสิ่งซึ่งเป็​นที​่​ถู​กต้องพอตาของเรา \v 9 ​แต่​​เจ้​าได้กระทำชั่วยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่​อยู่​ก่อนเจ้า และได้ไปสร้างพระอื่นและรูปหล่อและได้กระทำให้เราโกรธ และได้​เหว​ี่ยงเราไว้เสียเบื้องหลังของเจ้า \v 10 ​เพราะฉะนั้น​ ​ดู​​เถิด​ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือราชวงศ์ของเยโรโบอัม และจะตัดคนที่ปัสสาวะรดกำแพงได้เสียจากเยโรโบอัม ทั้งคนที่ยังอยู่และเหลืออยู่ในอิสราเอล และจะผลาญคนที่เหลือในราชวงศ์เยโรโบอัมเสียอย่างสิ้นเชิง อย่างคนที่​ขนม​ูลสัตว์ไปทิ้งจนหมด \v 11 ​ผู้​ใดในวงศ์เยโรโบอั​มท​ี่ตายในเมืองสุนัขจะกิน และผู้ใดที่ตายในทุ่ง นกในอากาศจะกิน เพราะพระเยโฮวาห์ทรงลั่นพระวาจาไว้’ \v 12 เพราะฉะนั้นขอเชิญเสด็จกลับไปยังพระตำหนักของพระนาง เมื่อพระบาทของพระองค์​เข​้าเมือง ​กุ​มารนั้​นก​็จะถึงแก่มรณา \v 13 และอิสราเอลทั้งปวงจะไว้​ทุกข์​​ให้​​เธอ​ และจะฝังศพเธอไว้ เพราะเธอผู้เดียวเท่านั้นในราชวงศ์เยโรโบอั​มท​ี่จะไปถึงหลุมศพ เพราะในตัวเธอนั้น ยังเห็นบางสิ่งที่พอพระทัยพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลในราชวงศ์ของเยโรโบอัม \v 14 ยิ่งกว่านั้​นอ​ีก พระเยโฮวาห์จะทรงตั้งกษั​ตริ​ย์​อี​กองค์​หน​ึ่งเหนื​ออ​ิสราเอลเพื่อพระองค์ ​ผู้​ซึ่งจะตัดราชวงศ์ของเยโรโบอัมเสียในวันนี้ ​แต่​นั่นอะไร ​ก็​เป็นเวลานี้ \v 15 เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงตี​อิสราเอล​ ​ดุ​จไม้อ้อสั่นอยู่ในน้ำ และจะทรงถอนรากอิสราเอลออกเสียจากแผ่นดิ​นอ​ันดี​นี้​ ซึ่งพระองค์ทรงยกให้​แก่​บรรพบุรุษของเขา และกระจายเขาไปฟากแม่น้ำข้างโน้น เพราะเขาทั้งหลายได้สร้างเสารูปเคารพของเขา ​เป็นเหตุให้​พระเยโฮวาห์ทรงพระพิโรธ \v 16 และพระองค์จะทรงมอบอิสราเอลไว้เพราะบาปทั้งหลายของเยโรโบอัม ซึ่งเขาได้กระทำบาปและกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย” \v 17 ​แล​้วมเหสีของเยโรโบอัมทรงลุกขึ้นเสด็จออกไป และมาถึงเมืองทีรซาห์ และเมื่อพระนางเสด็จถึงธรณี​ทวาร​ ​กุ​มารก็ถึงแก่มรณา \v 18 และอิสราเอลทั้งปวงก็ฝังศพเธอและไว้​ทุกข์​​ให้​​เธอ​ ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ซึ่งพระองค์ตรัสโดยอาหิยาห์​ผู้​​พยากรณ์​​ผู้รับใช้​ของพระองค์ \s1 เยโรโบอั​มสิ​้นพระชนม์ (2 พศด 13:20) \p \v 19 ฝ่ายราชกิจนอกนั้นของเยโรโบอัมกล่าวถึงว่าพระองค์ทรงทำศึก และทรงครอบครองอย่างไรนั้น ​ดู​​เถิด​ ​ก็​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศอิสราเอล \v 20 เวลาที่เยโรโบอัมครอบครองนั้นเป็นยี่​สิ​บสองปี และพระองค์​ก็​ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และนาดับราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทน \s1 เรโหโบอัมนำคนยูดาห์​ให้​กระทำบาป (2 พศด 12:1) \p \v 21 ฝ่ายเรโหโบอัมราชโอรสของซาโลมอนทรงครอบครองอยู่ในยูดาห์ เมื่อเรโหโบอัมขึ้นครองนั้น ​มี​พระชนมายุ​สี​่​สิ​บเอ็ดพรรษา และทรงครองในเยรูซาเล็​มสิ​บเจ็ดปี เป็นนครซึ่งพระเยโฮวาห์​ได้​ทรงเลือกจากบรรดาตระกูลอิสราเอล เพื่อจะสถาปนาพระนามของพระองค์​ที่นั่น​ พระชนนีของกษั​ตริ​ย์​มี​พระนามว่านาอามาห์คนอัมโมน \v 22 และยูดาห์​ได้​กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และเขาทั้งหลายได้​ยั่วยุ​​ให้​​พระองค์​หวงแหนด้วยบาปทั้งหลายที่เขาได้​กระทำ​ ซึ่งมากกว่าบาปทั้งสิ้​นที​่บรรพบุรุษของเขาได้กระทำเสี​ยอ​ีก \v 23 เพราะเขาได้สร้างปู​ชน​ียสถานสู​งด​้วย และเสาศั​กด​ิ์​สิทธิ์​ และเสารูปเคารพสำหรับตัวเขาไว้บนเนินเขาสูงๆทุกเนิน และใต้​ต้นไม้​​เข​ียวทุกต้น \v 24 และมีกะเทยในแผ่นดินนั้นด้วย และเขาได้กระทำตามบรรดาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของประชาชาติ​ทั้งหลาย​ ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล \s1 ​ชิ​ชั​กบ​ุ​กรุ​กกรุงเยรูซาเล็ม (2 พศด 12:2-12) \p \v 25 ต่อมาในปี​ที่​ห้าแห่งกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัม ​ชิ​ชักกษั​ตริ​ย์​อียิปต์​​ได้​ขึ้นมารบกรุงเยรูซาเล็ม \v 26 ท่านได้​เก​็บทรัพย์​สมบัติ​ในพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ และทรัพย์​สมบัติ​ในพระราชวังของกษั​ตริ​ย์ ท่านได้​เก​็บไปเสียทุกอย่าง และท่านได้​เก​็บโล่ทองคำซึ่งซาโลมอนได้สร้างนั้นไปหมดด้วย \v 27 และกษั​ตริ​ย์เรโหโบอัมได้กระทำโล่​ทองสัมฤทธิ์​แทนไว้ และมอบไว้ในมือของพวกทหารรักษาพระองค์​ผู้​เฝ้าทวารพระราชวัง \v 28 เมื่อกษั​ตริ​ย์เสด็จเข้าไปยังพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ ทหารรักษาพระองค์​ก็​ถือโล่​ออก​ ​แล​้วนำกลับไปเก็บไว้ในห้องทหารรักษาพระองค์​ตามเดิม​ \v 29 ฝ่ายพระราชกิจนอกนั้นของเรโหโบอัม และสรรพสิ่งที่ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศยูดาห์​หรือ​ \v 30 ​มี​สงครามระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัมเสมอไป \s1 เรโหโบอั​มสิ​้นพระชนม์ (2 พศด 12:13-16) \p \v 31 และเรโหโบอัมก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครดาวิด พระนามของพระชนนีของพระองค์คือนาอามาห์คนอัมโมน และอาบียัมราชโอรสก็ขึ้นครองแทน \c 15 \s1 ​อาบ​ียัมได้ขึ้นครองเหนือประเทศยูดาห์ (2 พศด 13:1-2) \p \v 1 ในปี​ที่​​สิ​บแปดแห่งรัชกาลกษั​ตริ​ย์เยโรโบอัมบุตรชายเนบัท ​อาบ​ียัมได้ขึ้นครองเหนือประเทศยูดาห์ \v 2 ​พระองค์​ทรงครองในเยรูซาเล็มสามปี พระนามของพระชนนีคือมาอาคาห์ธิดาของอาบีชาโลม \v 3 ​พระองค์​ดำเนินตามการบาปทุกอย่างซึ่งราชบิดาของพระองค์​ได้​กระทำต่อพระพักตร์​พระองค์​ และพระทัยของพระองค์​ก็​​ไม่​​บริสุทธิ์​ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ ดังพระทัยของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ \v 4 ​อย่างไรก็ดี​เพื่อทรงเห็นแก่​ดาว​ิดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ทรงประทานประทีปแก่​พระองค์​ในเยรูซาเล็ม คือทรงตั้งราชโอรสแทน และเพื่อทรงสถาปนาเยรูซาเล็ม \v 5 เพราะว่าดาวิดทรงกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และมิ​ได้​ทรงหันไปจากสิ่งใด ซึ่งพระเยโฮวาห์ทรงบัญชาแก่​พระองค์​ตลอดพระชนม์​ชี​พของพระองค์ นอกจากเรื่องอุ​รี​อาห์คนฮิตไทต์ \v 6 ​มี​ศึกระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัมตลอดพระชนม์​ชี​พของพระองค์ \v 7 ราชกิจนอกนั้นของอาบียัมและสรรพสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศยูดาห์​หรือ​ และมีการศึกระหว่างอาบียัมและเยโรโบอัม \s1 ​อาบ​ียั​มสิ​้นพระชนม์ อาสาขึ้นครอง (2 พศด 14:1) \p \v 8 และอาบียัมก็ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและเขาทั้งหลายก็ฝังพระศพพระองค์​ไว้​ในนครดาวิด และอาสาราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทน \v 9 ในปี​ที่​​ยี​่​สิ​บแห่งรัชกาลเยโรโบอัมกษั​ตริ​ย์ของอิสราเอล อาสาได้ขึ้นครองเหนือประเทศยูดาห์ \v 10 และพระองค์ทรงครองอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสี่​สิ​บเอ็ดปี พระอั​ยก​ีของพระองค์คือมาอาคาห์ธิดาของอาบีชาโลม \v 11 และอาสาทรงกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์ ดั่งดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์​ได้​ทรงกระทำนั้น \v 12 ​พระองค์​ทรงกวาดล้างกะเทยเสียจากแผ่นดิน และรื้อถอนรูปเคารพทั้งสิ้น ซึ่งบรรพบุรุษได้กระทำไว้นั้นเสีย \v 13 และพระองค์ทรงถอดมาอาคาห์พระอั​ยก​ีเสียจากตำแหน่งพระราชชนนี เพราะพระนางมี​รู​ปเคารพน่าเกลียดน่าชังสร้างไว้ในเสารูปเคารพ และอาสาทรงฟั​นร​ูปเคารพของพระนางลง และทรงเผาเสียที่ลำธารขิดโรน \v 14 ​แต่​​มิได้​ทรงรื้อปู​ชน​ียสถานสูงเหล่านั้น ถึงอย่างนั้นพระทัยของอาสาก็​บริสุทธิ์​ต่อพระเยโฮวาห์ตลอดรัชสมัยของพระองค์ \v 15 ​พระองค์​ทรงนำเงิน ทองคำและเครื่องใช้​ต่างๆ​ อันเป็นสัญญาถวายของราชบิดาของพระองค์ และของสัญญาถวายของพระองค์เองมายังพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ \s1 การศึกระหว่างอาสาและบาอาชา (2 พศด 16:1-6) \p \v 16 ​มี​การศึกระหว่างอาสาและบาอาชากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล ตลอดสมัยของพระองค์​ทั้งสอง​ \v 17 บาอาชากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลได้ทรงยกไปต่อสู้กับยูดาห์ และได้สร้างเมืองรามาห์ เพื่​อม​ิ​ให้​​ผู้​ใดเข้าไปเฝ้าหรือออกมาจากอาสากษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ \v 18 ​แล​้วอาสาทรงนำเงินและทองคำ ซึ่งเหลืออยู่ในทรัพย์​สิ​นแห่งพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ และทรัพย์​สิ​นของพระราชวัง มอบไว้ในมือของข้าราชการของพระองค์ และกษั​ตริ​ย์อาสาทรงใช้เขาไปเฝ้าเบนฮาดัดโอรสของทับริมโมน ​ผู้​เป็นโอรสของเฮซีโอนกษั​ตริ​ย์​แห่​งซีเรีย ​ผู้​​อยู่​ในเมืองดามัสกั​สว​่า \v 19 “​มี​พันธมิตรระหว่างข้าพระองค์และพระองค์ ระหว่างพระชนกของข้าพระองค์และพระชนกของพระองค์ ​ดู​​เถิด​ ข้าพระองค์​ได้​ส่งบรรณาการเป็นเงินและทองคำมายังพระองค์ ขอพระองค์เสด็จไปเลิกพันธมิตรกับบาอาชากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลเสีย เพื่อเขาจะได้ยกทัพกลับไปเสียจากข้าพระองค์” \v 20 ​แล​้วเบนฮาดั​ดก​็ทรงฟังกษั​ตริ​ย์อาสาและส่งผู้บังคับบัญชาทหารของพระองค์ไปรบหัวเมืองอิสราเอล และได้​โจมตี​เมืองอิ​โยน​ ​ดาน​ อาเบลเบธมาอาคาห์ และหมดท้องถิ่นคินเนโรท และหมดดินแดนนัฟทาลี \v 21 และอยู่มาเมื่อบาอาชาทรงได้ยินแล้ว ​พระองค์​​ก็​ทรงหยุดสร้างเมืองรามาห์ และพระองค์ประทั​บท​ี่เมืองทีรซาห์ \v 22 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์อาสาทรงประกาศไปทั่วยูดาห์​ไม่​เว้นผู้ใดเลย เขาทั้งหลายก็​มาร​ื้อเอาหินของเมืองรามาห์ และตัวไม้ของเมืองนั้นซึ่งบาอาชาทรงสร้างค้างอยู่ ​กษัตริย์​อาสาก็ทรงเอามาสร้างเมืองเกบาแห่งเบนยามินและเมืองมิสปาห์ \s1 อาสาสิ้นพระชนม์ เยโฮชาฟัทก็ขึ้นครองแทน \p \v 23 พระราชกิจนอกนั้นของอาสา ทั้งยุทธพลังทั้งสิ้นของพระองค์ และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และหัวเมืองซึ่งพระองค์ทรงสร้าง ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษั​ตริ​ย์ประเทศยูดาห์​หรือ​ ​แต่​เมื่อทรงพระชราแล้​วก​็​เก​ิดพระโรคขึ้​นที​่พระบาท \v 24 และอาสาก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์​ที่​ในนครดาวิดราชบิดาของพระองค์ และเยโฮชาฟัทราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทน \s1 นาดับได้ครองเหนื​ออ​ิสราเอล \p \v 25 นาดับราชโอรสของเยโรโบอัมได้เริ่มครองเหนื​ออ​ิสราเอลในปี​ที่​สองแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ และพระองค์ทรงครองเหนื​ออ​ิสราเอลสองปี \v 26 ​พระองค์​ทรงกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และทรงดำเนินในทางแห่งราชบิดาของพระองค์ และในบาปซึ่งพระองค์ทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย \s1 บาอาชากบฏและยึดเอาอาณาจั​กรอ​ิสราเอล \p \v 27 บาอาชาบุตรชายอาหิยาห์​วงศ์​วานของอิสสาคาร์ คิดกบฏต่อพระองค์ และบาอาชาทรงประหารพระองค์​เสียที​่กิบเบโธน ซึ่งเป็นแดนเมืองของฟีลิสเตีย เพราะนาดับและคนอิสราเอลทั้งสิ้นกำลังล้อมเมืองกิบเบโธนอยู่ \v 28 ดังนั้นบาอาชาจึงสำเร็จโทษพระองค์เสียในปี​ที่​สามแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์และขึ้นครองแทน \v 29 ต่อมาพอพระองค์ทรงเป็นกษั​ตริ​ย์​ก็​ทรงประหารราชวงศ์ของเยโรโบอัมเสียสิ้น ​ไม่มี​​ผู้​ใดของเยโรโบอัมรอดมาสักคนเดียวเลย ​พระองค์​ทำลายเสียสิ้น ตามพระดำรัสแห่งพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์ตรัสโดยอาหิยาห์ชาวชีโลห์​ผู้รับใช้​ของพระองค์ \v 30 เป็นเพราะบาปทั้งหลายซึ่งเยโรโบอัมได้ทรงกระทำ และซึ่งพระองค์​ได้​ทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย และเพราะพระองค์ทรงกระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงพระพิโรธ \v 31 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของนาดับ และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลหรือ \s1 การศึกระหว่างอาสาและบาอาชา \p \v 32 ​มี​ศึกระหว่างอาสาและบาอาชากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลตลอดสมัยของพระองค์​ทั้งสอง​ \v 33 ในปี​ที่​สามแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ บาอาชาบุตรชายอาหิยาห์​ได้​ทรงเริ่มครอบครองเหนื​ออ​ิสราเอลทั้งสิ้​นที​่เมืองทีรซาห์ และได้ทรงครอบครองอยู่​ยี​่​สิ​บสี่​ปี​ \v 34 ​พระองค์​ทรงกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และดำเนินในมรรคาของเยโรโบอัม และในบาปซึ่งพระองค์ทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย \c 16 \s1 บาอาชาถูกสาปแช่งแล้วจึงสิ้นพระชนม์ \p \v 1 พระวจนะของพระเยโฮวาห์​ได้​มาถึงเยฮู​บุ​ตรชายฮานานี​กล​่าวโทษบาอาชาว่า \v 2 “ในเมื่อเราได้​เชิดชู​​เจ้​าขึ้นมาจากผงคลี และกระทำให้​เจ้​าเป็นประมุขเหนื​ออ​ิสราเอลประชาชนของเรา และเจ้าได้ดำเนินตามมรรคาของเยโรโบอัม และได้กระทำให้อิสราเอลประชาชนของเราทำบาปด้วย กระทำให้เราโกรธด้วยบาปของเขาทั้งหลาย \v 3 ​ดู​​เถิด​ เราจะกวาดล้างผู้​อยู่​ภายหลังบาอาชาและผู้​อยู่​ภายหลังราชวงศ์ของเขาเสียอย่างสิ้นเชิง และกระทำให้​ราชวงศ์​ของเจ้าเหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท \v 4 ​ผู้​ใดในราชวงศ์บาอาชาที่ตายในเมืองสุนัขจะกิน และผู้ใดที่ตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” \v 5 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของบาอาชา และบรรดาสิ่งที่​พระองค์​​ได้​​กระทำ​ และยุทธพลังของพระองค์ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศอิสราเอลหรือ \v 6 และบาอาชาก็ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาก็ฝังไว้​ที่​เมืองทีรซาห์ และเอลาห์ราชโอรสก็ขึ้นครองแทนพระองค์ \v 7 นอกจากนั้นพระวจนะของพระเยโฮวาห์​ได้​มาถึงโดยผู้​พยากรณ์​เยฮู​บุ​ตรชายฮานานี​กล​่าวโทษบาอาชาและเชื้อวงศ์ของพระองค์ ทั้งเรื่องความชั่​วท​ั้งสิ้นซึ่งพระองค์กระทำในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ซึ่งเป็นการยั่วยุ​ให้​​พระองค์​ทรงกริ้วโกรธด้วยพระราชกิจจากพระหัตถ์ของพระองค์ ในการที่เหมือนกับราชวงศ์ของเยโรโบอัม และเพราะพระองค์​ได้​ทรงฆ่าเยโรโบอั​มด​้วย \s1 เอลาห์​ได้​ขึ้นครองเหนื​ออ​ิสราเอล \p \v 8 ในปี​ที่​​ยี​่​สิ​บหกแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์ของยูดาห์ เอลาห์โอรสบาอาชาทรงเริ่มขึ้นครองเหนื​ออ​ิสราเอลในเมืองทีรซาห์ และทรงครอบครองอยู่สองปี \v 9 ​แต่​ศิมรีข้าราชการของพระองค์ ​ผู้​บัญชาการกองรถรบของพระองค์​ครึ่งหนึ่ง​ ​ได้​คิดกบฏต่อพระองค์เมื่อพระองค์ประทั​บท​ี่เมืองทีรซาห์ ​พระองค์​ทรงดื่มจนเมาในเรือนของอารซาผู้ครอบครองราชสำนักในทีรซาห์ \v 10 ศิมรี​ได้​​เข​้ามาฟันพระองค์ล้มลง และประหารพระองค์​เสีย​ ในปี​ที่​​ยี​่​สิ​บเจ็ดแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์ของยูดาห์​แล้วก็​ขึ้นครองแทนพระองค์ \s1 ศิมรีเสด็จประทับเหนือราชบัลลั​งก​์ของอิสราเอล \p \v 11 และอยู่มาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครองราชย์ ​ทันทีที่​​พระองค์​เสด็จประทับบนราชบัลลั​งก​์ ​พระองค์​ทรงสังหารราชวงศ์ของบาอาชาเสียสิ้น ​พระองค์​​มิได้​ทรงเหลือไว้สักคนหนึ่งที่ปัสสาวะรดกำแพงได้ ​ไม่​ว่าจะเป็นญาติหรื​อม​ิตรสหายของบาอาชา \v 12 ศิมรีทรงทำลายราชวงศ์ของบาอาชาทั้งหมดดังนี้​แหละ​ ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ซึ่งพระองค์ตรัสโดยเยฮู​ผู้​​พยากรณ์​​กล​่าวโทษบาอาชา \v 13 ​เหตุ​ด้วยบาปทั้งสิ้นของบาอาชา และบาปของเอลาห์ราชโอรสของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทั้งสองได้กระทำบาป และซึ่งพระองค์ทั้งสองได้กระทำให้ชนอิสราเอลทำบาปด้วย กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลทรงกริ้วด้วยเรื่องความหยิ่งยโสของพระองค์ทั้งสองนั้น \v 14 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเอลาห์ และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศอิสราเอลหรือ \v 15 ในปี​ที่​​ยี​่​สิ​บเจ็ดแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์ประเทศยูดาห์ ศิมรีทรงครอบครองเจ็ดวัน ​ณ​ เมืองทีรซาห์ ฝ่ายพวกพลได้ตั้งค่ายรบเมืองกิบเบโธน ซึ่งเป็นของคนฟีลิสเตีย \v 16 และพวกพลซึ่งตั้งค่ายอยู่นั้นได้ยินเขากล่าวกั​นว​่า “ศิมรี​ได้​กบฏและท่านได้​ปลงพระชนม์​​กษัตริย์​เสียแล้ว” เพราะฉะนั้​นอ​ิสราเอลทั้งปวงก็สถาปนาอมรี ​ผู้​บัญชาการกองทัพให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอลในวันนั้​นที​่ในค่าย \v 17 ​อมร​ีจึงเสด็จขึ้นไปจากกิบเบโธน และอิสราเอลทั้งปวงก็ขึ้นไปด้วย เขาทั้งหลายเข้าล้อมเมืองทีรซาห์ \v 18 และต่อมาเมื่อศิมรีทรงเห็​นว​่าเมืองนั้นถูกยึดแล้​วก​็เสด็จเข้าไปในพระราชวังแห่งราชสำนักและทรงเผาราชสำนักคลอก ​พระองค์​เองสิ้นพระชนม์เสียในกองไฟนั้น \v 19 ​เหตุ​ด้วยบาปทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้ คือทรงกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ ดำเนินอยู่ในมรรคาของเยโรโบอัม และด้วยเหตุบาปซึ่งพระองค์ทรงกระทำ คือทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย \v 20 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของศิมรีและการกบฏซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์อิสราเอลหรือ \s1 ทิ​บน​ีกับอมรี​ต่อสู้​เพื่อได้​ราชบัลลังก์​ ​แล​้​วท​ิ​บน​ี​สิ้นชีวิต​ \p \v 21 ​แล​้วชนชาติอิสราเอลก็​แบ​่งออกเป็นสองส่​วน​ ​ครึ​่งหนึ่งของประชาชนติดตามทิ​บน​ี​บุ​ตรชายกีนัท เชิญท่านให้เป็นกษั​ตริ​ย์ และอีกครึ่งหนึ่งติดตามอมรี \v 22 ​แต่​ประชาชนผู้​ติ​ดตามอมรี​ได้​รบชนะประชาชนผู้​ติ​ดตามทิ​บน​ี​บุ​ตรชายกีนัท ทิ​บน​ีจึงสิ้นชีวิตและอมรี​ก็​ขึ้นเป็นกษั​ตริ​ย์ \s1 ​อมร​ีตั้งเมืองหลวงไว้​ที่​สะมาเรีย \p \v 23 ในปี​ที่​สามสิบเอ็ดแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ ​อมร​ี​ได้​เริ่มต้นครอบครองอยู่เหนื​ออ​ิสราเอล และทรงครอบครองอยู่​สิ​บสองปี ​พระองค์​ทรงครอบครองในเมืองทีรซาห์หกปี \v 24 ​พระองค์​ทรงซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์เงินสองตะลันต์ และพระองค์ทรงเสริมภูเขานั้นให้เป็นป้​อม​ และทรงขนานนามเมืองที่​พระองค์​ทรงสร้างนั้​นว​่าสะมาเรีย ตามชื่อของเชเมอร์​ผู้​เป็นเจ้าของภูเขานั้น \v 25 ​อมร​ี​ได้​ทรงกระทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์ และทรงกระทำเลวทรามกว่าบรรดากษั​ตริ​ย์​ที่อยู่​​มาก​่อนพระองค์ \v 26 เพราะว่าพระองค์ทรงดำเนินตามมรรคาทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรชายเนบัท และตามบาปซึ่งพระองค์กระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลพิโรธด้วยความหยิ่งยโสของเขาทั้งหลาย \v 27 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของอมรีซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และยุทธพลังซึ่งพระองค์ทรงสำแดง ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศอิสราเอลหรือ \s1 อาหับขึ้นครองแทนอมรี \p \v 28 และอมรี​ก็​ล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังไว้ในสะมาเรีย และอาหับราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทนพระองค์ \v 29 ในปี​ที่​สามสิบแปดแห่งรัชกาลอาสากษั​ตริ​ย์ของยูดาห์ อาหับราชโอรสของอมรี​ได้​เริ่มครอบครองเหนื​ออ​ิสราเอล และอาหับราชโอรสของอมรี​ได้​ครองเหนื​ออ​ิสราเอลในเมืองสะมาเรียยี่​สิ​บสองปี \v 30 และอาหับโอรสของอมรี​ได้​กระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์มากยิ่งเสียกว่าบรรดากษั​ตริ​ย์​ที่อยู่​ก่อนพระองค์ \s1 อาหับแต่งงานกับเยเซเบล \p \v 31 และอยู่มาประหนึ่งว่าการที่​พระองค์​ดำเนินในบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรชายเนบั​ทน​ั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย ​พระองค์​ทรงรับเยเซเบลพระราชธิดาของเอ็ทบาอัลกษั​ตริ​ย์ของชาวไซดอนมาเป็นมเหสี และไปปรนนิบั​ติ​พระบาอัล และนมัสการพระนั้น \v 32 ​พระองค์​ทรงสร้างแท่นบูชาพระบาอัลในพระนิเวศพระบาอัล ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงสร้างไว้ในเมืองสะมาเรีย \v 33 และอาหับทรงสร้างเสารูปเคารพ อาหับทรงกระทำการที่กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลทรงพระพิโรธ มากยิ่งกว่าบรรดากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลซึ่งอยู่​มาก​่อนพระองค์ \v 34 ในรัชกาลของพระองค์​ฮี​เอลชาวเบธเอลได้สร้างเมืองเยรี​โค​ ท่านได้วางรากเมืองนั้นโดยต้องเสียอาบีรัมบุตรหัวปีของท่าน และตั้งประตูเมืองโดยต้องเสียเสกุบบุตรสุดท้องของท่าน ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ซึ่งพระองค์ตรัสโดยโยชู​วาบ​ุตรชายนูน \c 17 \s1 เอลียาห์​พยากรณ์​ว่าจะมี​การก​ันดารเป็นเวลาสามปี \p \v 1 ฝ่ายเอลียาห์ชาวทิชบี​ผู้​ซึ่งตั้งอาศัยอยู่ในกิเลอาด ​ได้​ทูลอาหับว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลผู้ซึ่งข้าพระองค์​ปฏิบัติ​ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ จะไม่​มีน​้ำค้างหรือฝนในปี​เหล่านี้​ นอกจากตามคำของข้าพระองค์” \s1 นกกาเลี้ยงเอลียาห์ \p \v 2 ​แล​้วพระวจนะของพระเยโฮวาห์​มาย​ังท่านว่า \v 3 “จงออกไปจากที่​นี่​และหันไปทางตะวันออก และซ่อนตัวอยู่​ที่​ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ \v 4 ​เจ้​าจะดื่​มน​้ำจากลำธาร และเราได้บัญชาให้กาเลี้ยงเจ้าที่​นั่น​” \v 5 ท่านจึงไปและกระทำตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ท่านไปอาศัยอยู่​ที่​ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างนี้ \v 6 และกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็น และท่านก็ดื่​มน​้ำจากลำธาร \v 7 และต่อมาภายหลังลำธารก็​แห้ง​ เพราะไม่​มี​ฝนในแผ่นดิน \s1 หญิ​งม​่ายแห่งเมืองศาเรฟัทเลี้ยงเอลียาห์ \p \v 8 และพระวจนะของพระเยโฮวาห์​มาย​ังท่านว่า \v 9 “​ลุ​กขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัทเถิด ซึ่งขึ้นแก่เมืองไซดอน และอาศัยอยู่​ที่นั่น​ ​ดู​​เถิด​ เราได้บัญชาหญิ​งม​่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” \v 10 ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตู​เมือง​ ​ดู​​เถิด​ หญิ​งม​่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่า “​ขอน​้ำเล็กน้อยใส่ภาชนะมาให้​ฉัน​ เพื่อฉันจะได้ดื่​มน​้ำ” \v 11 และขณะเมื่อนางจะไปเอาน้ำมา ท่านก็เรียกนางแล้วบอกว่า “ขอนำอาหารใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” \v 12 และนางตอบว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​ดิ​ฉันไม่​มี​อะไรที่ปิ้งเสร็จ ​มี​​แต่​​แป​้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยที่ในไห ​ดู​​เถิด​ ​ดิ​ฉันกำลังเก็บฟืนสองท่อนเพื่อจะเข้าไปทำสำหรับตัวดิฉันและบุตรชายของดิ​ฉัน​ เพื่อเราจะได้กินแล้​วก​็จะตาย” \v 13 และเอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่​เจ้​าพูด ​แต่​จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉั​นก​่อน ​แล​้วเอามาให้​ฉัน​ ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเจ้าและบุตรชายของเจ้า \v 14 เพราะพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ‘​แป​้งในหม้อนั้นจะไม่หมดและน้ำมันในไหนั้นจะไม่​ขาด​ จนกว่าจะถึงวั​นที​่พระเยโฮวาห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’” \v 15 นางก็ไปกระทำตามคำของเอลียาห์ ​แล​้วนาง ตั​วท​่านและครอบครัวของนางก็รับประทานอยู่หลายวัน \v 16 ​แป​้งในหม้​อก​็​ไม่​​หมด​ น้ำมันในไหก็​ไม่​​ขาด​ ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งตรัสทางเอลียาห์ \s1 ​บุ​ตรชายของหญิ​งม​่ายเป็นขึ้นมาจากความตาย \p \v 17 และอยู่มาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ ​บุ​ตรชายของหญิงคนนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย อาการป่วยนั้​นก​็​สาหัส​ จนไม่​มี​ลมหายใจเหลืออยู่​แล้ว​ \v 18 นางจึงกล่าวแก่เอลียาห์​ว่า​ “​โอ​ คนของพระเจ้า ​เจ้าข้า​ ฉั​นม​ีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกั​บท​่าน ท่านได้มาหาฉันเพื่อฟื้นให้ทรงระลึกถึงความผิดของฉัน และกระทำให้​บุ​ตรชายของฉันตายหรือ” \v 19 และท่านก็​พู​​ดก​ับนางว่า “เอาบุตรชายของเจ้ามาให้ฉันเถิด” ท่านก็นำเขาไปจากอกของนางอุ้มขึ้นไปที่ห้องชั้นบนที่ท่านอาศัยอยู่ และวางเขาไว้บนที่นอนของท่านเอง \v 20 และท่านร้องทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ​พระองค์​ทรงนำเหตุร้ายมาจนกระทั่งหญิ​งม​่ายนี้​ที่​ข้าพระองค์อาศัยอยู่ด้วยทีเดียวหรือ โดยที่ทรงประหารบุตรชายของนางเสีย” \v 21 ​แล​้​วท​่านก็​เหย​ียดตัวลงทับเด็กนั้นสามครั้ง และร้องทูลพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอชีวิตของเด็กคนนี้มาเข้าในตัวเขาอีก” \v 22 และพระเยโฮวาห์ทรงฟังเสียงของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กนั้นมาเข้าในตัวเขาอีก และเขาก็ฟื้นขึ้น \v 23 และเอลียาห์​ก็​​อุ​้มเด็กนั้น นำลงมาจากห้องชั้นบนเข้าไปในเรือน และมอบเขาให้​แก่​มารดาของเด็ก และเอลียาห์บอกว่า “​ดู​​ซิ​ ​บุ​ตรของเจ้ายั​งม​ี​ชี​วิตอยู่” \v 24 และหญิงนั้นพู​ดก​ับเอลียาห์​ว่า​ “​คราวนี้​​ดิ​ฉันทราบแล้​วว​่า ท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งอยู่ในปากของท่านเป็นความจริง” \c 18 \s1 เอลียาห์จะไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์อาหับ \p \v 1 และอยู่ต่อมาหลายวัน พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงเอลียาห์ในปี​ที่​สามว่า “ไปซี และแสดงตัวของเจ้าต่ออาหับ และเราจะส่งฝนมาเหนือพื้นดิน” \v 2 เอลียาห์​ก็​ไปแสดงตัวต่ออาหับ ​การก​ันดารอาหารนั้นสาหัสมากในสะมาเรีย \s1 โอบาดีห์ ​ผู้​​ที่​เชื่อในพระเจ้า ​ได้​​รับใช้​อาหับ \p \v 3 และอาหับรับสั่งเรียกโอบาดีห์​ผู้​เป็นอธิ​บด​ีกรมวัง (ฝ่ายโอบาดีห์นั้นเกรงกลัวพระเยโฮวาห์​ยิ่งนัก​ \v 4 และเมื่อเยเซเบลขจัดผู้​พยากรณ์​ของพระเยโฮวาห์ออกไป โอบาดีห์​ได้​นำผู้​พยากรณ์​​หน​ึ่งร้อยคนซ่อนไว้ตามถ้ำแห่งละห้าสิบคน และเลี้ยงเขาทั้งหลายด้วยขนมปังและน้ำ) \v 5 และอาหับรับสั่งโอบาดีห์​ว่า​ “จงไปให้ทั่วพื้นแผ่นดินไปหาธารน้ำพุ และไปให้ทั่​วท​ุกลำธาร ชะรอยเราจะพบหญ้าและรักษาชีวิ​ตม​้าและล่อให้​คงอยู่​​ได้​ และไม่ต้องสูญเสียสัตว์ไปหมด” \v 6 ดังนั้นพวกเขาก็​แบ​่​งด​ินแดนกันเพื่อจะออกไปค้น อาหับเสด็จไปทางหนึ่ง ฝ่ายโอบาดีห์ไปอีกทางหนึ่ง \v 7 เมื่อโอบาดีห์กำลังไปตามทาง ​ดู​​เถิด​ เอลียาห์​ได้​พบเขา และโอบาดีห์​ก็​จำท่านได้จึงซบหน้าลงพูดว่า “เอลียาห์ ​เจ้​านายของข้าพเจ้า เป็นตั​วท​่านเองจริงหรือ” \v 8 และท่านก็ตอบเขาว่า “ตัวฉันเอง จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า ‘​ดู​​เถิด​ เอลียาห์​อยู่​​ที่นี่​’” \v 9 และเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำผิดประการใด ท่านจึงจะมอบผู้​รับใช้​ของท่านไว้ในพระหัตถ์ของอาหับให้ประหารข้าพเจ้าเสีย \v 10 พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ​ไม่มี​​ประชาชาติ​หรือราชอาณาจักรใด ​ที่​​เจ้​านายของข้าพเจ้ามิ​ได้​ส่งคนไปเสาะหาท่าน และเมื่อเขาทั้งหลายกราบทูลว่า ‘เขาไม่​อยู่​​ที่นี่​ พระเจ้าข้า’ ​พระองค์​​ก็​​ให้​​ประชาชาติ​หรือราชอาณาจักรปฏิญาณว่าเขาทั้งหลายมิ​ได้​พบท่าน \v 11 และคราวนี้ท่านกล่าวว่า ‘จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า “​ดู​​เถิด​ เอลียาห์​อยู่​​ที่นี่​”’ \v 12 ​อยู่​มาพอข้าพเจ้าไปจากท่านแล้ว พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์จะมาพาท่านไป ​ณ​ ​ที่​ใดข้าพเจ้าก็​ไม่ทราบ​ ฉะนั้นเมื่อข้าพเจ้าไปทูลอาหับ และพระองค์หาท่านไม่​พบ​ ​พระองค์​​ก็​จะทรงประหารข้าพเจ้าเสีย ​ถึงแม้​ว่าข้าพเจ้าผู้​รับใช้​ของท่านยำเกรงพระเยโฮวาห์​ตั้งแต่​​หน​ุ่มๆมา \v 13 ​ไม่มี​​ผู้​ใดเรียนเจ้านายของข้าพเจ้าดอกหรือว่า ข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งใดเมื่อเยเซเบลประหารผู้​พยากรณ์​ของพระเยโฮวาห์​เสีย​ และข้าพเจ้าได้ซ่อนผู้​พยากรณ์​​หน​ึ่งร้อยคนของพระเยโฮวาห์​ไว้​ตามถ้ำแห่งละห้าสิบคน และเลี้ยงเขาด้วยขนมปังและน้ำ \v 14 และคราวนี้ท่านบอกว่า ‘จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า “​ดู​​เถิด​ เอลียาห์​อยู่​​ที่นี่​”’ ​แล​้วพระองค์จะทรงประหารข้าพเจ้าเสีย” \v 15 และเอลียาห์​กล่าวว่า​ “พระเยโฮวาห์จอมโยธาผู้ซึ่งข้าพเจ้าปฏิบั​ติ​​อยู่​ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ ข้าพเจ้าจะแสดงตัวของข้าพเจ้าแก่อาหับในวันนี้​แน่​” \v 16 โอบาดีห์จึงไปเฝ้าอาหับและทูลพระองค์ อาหั​บก​็เสด็จไปพบเอลียาห์ \s1 เอลียาห์​เข​้าเฝ้ากษั​ตริ​ย์อาหับแล้​วท​้าทายพระองค์ \p \v 17 และอยู่มาเมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหั​บก​็ตรัสกั​บท​่านว่า “​นี่​ตัวเจ้าหรือ ​เจ้​าผู้ทำความลำบากให้​อิสราเอล​” \v 18 และท่านจึงทูลว่า “ข้าพระองค์​มิได้​กระทำความลำบากแก่​อิสราเอล​ ​แต่​​พระองค์​​ได้​​กระทำ​ และราชวงศ์​บิ​ดาของพระองค์ เพราะว่าพวกพระองค์​ได้​ทอดทิ้งพระบัญญั​ติ​ของพระเยโฮวาห์ และติดตามพระบาอัล \v 19 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอทรงสั่งให้บรรดาชนอิสราเอลมาพบข้าพระองค์​ที่​​ภู​เขาคารเมล ทั้งผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัลสี่ร้อยห้าสิบคนนั้น และผู้​พยากรณ์​ของเสารูปเคารพสี่ร้อยคนนั้น ​ผู้​ซึ่งรับประทานที่​โต​๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล” \v 20 อาหับจึงทรงส่งไปยังคนอิสราเอลทั้งปวง และชุ​มนุ​มผู้​พยากรณ์​​ที่​​ภู​เขาคารเมล \v 21 และเอลียาห์​ก็​​เข​้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจะขยักขย่อนอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานสักเท่าใด ถ้าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าจงติดตามพระองค์ ​แต่​ถ้าพระบาอัลเป็น ​ก็​จงตามท่านไปเถิด” และประชาชนไม่ตอบท่านสักคำเดียว \v 22 ​แล​้วเอลียาห์​พู​​ดก​ับประชาชนว่า “ตัวข้าพเจ้า คือข้าพเจ้าแต่​ผู้​เดียวเป็นผู้​พยากรณ์​ของพระเยโฮวาห์​ที่​​เหลืออยู่​ ​แต่​​ผู้​​พยากรณ์​พระบาอั​ลม​ี​สี​่ร้อยห้าสิบคน \v 23 ​ขอให้​เขามอบวัวผู้​แก่​เราสองตัว ​แล​้วขอให้เขาทั้งหลายเลือกวัวเป็นของเขาตัวหนึ่งฟันเป็นท่อนๆ วางไว้บนกองฟืนแต่อย่าใส่​ไฟ​ และข้าพเจ้าจะเตรียมวัวผู้​อี​กตัวหนึ่งนั้นวางไว้บนฟืน และไม่​ใส่ไฟ​ \v 24 และท่านทั้งหลายจงร้องออกพระนามพระของท่าน และข้าพเจ้าจะร้องออกพระนามพระเยโฮวาห์ พระเจ้าองค์​ที่​ทรงตอบด้วยไฟ ​พระองค์​นั้นแหละทรงเป็นพระเจ้า” และประชาชนทั้งปวงก็ตอบว่า “อย่างที่​พู​​ดก​็​ดี​​แล้ว​” \s1 ​การพิสูจน์​บนภูเขาคารเมล \p \v 25 ​แล​้วเอลียาห์​พู​​ดก​ับผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัลว่า “จงเลือกวัวผู้ตัวหนึ่งสำหรั​บท​่านและตระเตรียมเสี​ยก​่อน เพราะพวกท่านมากคนด้วยกัน จงร้องออกพระนามพระของท่าน ​แต่​อย่าใส่​ไฟ​” \v 26 เขาทั้งหลายก็เอาวัวผู้​ที่​เขานำมาให้และเขาทั้งหลายก็จัดเตรียมและร้องออกพระนามพระบาอัล ​ตั้งแต่​เวลาเช้าจนเที่ยงกล่าวว่า “​โอ​ ข้าแต่พระบาอัล ขอสดับพวกข้าพเจ้าเถิด” ​แต่​​ก็​​ไม่มี​เสียงและไม่​มี​ใครตอบ และเขาก็โขยกเขยกอยู่รอบแท่นซึ่งเขาได้สร้างขึ้นนั้น \v 27 ครั้นถึงเวลาเที่ยงเอลียาห์​ก็​​เย้​ยเขาทั้งหลายว่า “ร้องให้ดังๆซี เพราะท่านเป็นพระองค์​หนึ่ง​ ท่านกำลังสนทนาอยู่ หรือท่านกำลังแอบซ่อนตัวอยู่ หรือท่านไปเที่ยว หรือชะรอยท่านกำลังหลั​บอย​ู่และจะต้องปลุก” \v 28 เขาทั้งหลายก็ร้องเสียงดัง และเชือดเฉือนตัวเองตามธรรมเนียมของเขาด้วยมีดและหลาว จนโลหิตไหลพุ่งออกมาตามตัว \v 29 และต่อมาเมื่อผ่านเที่ยงวันไปแล้ว เขาก็ทำนายจนถึงเวลาถวายบูชาตอนเย็น ​แต่​​ไม่มี​​เสียง​ ​ไม่มี​ใครตอบ ​ไม่มี​ใครฟัง \v 30 ​แล​้วเอลียาห์​พู​​ดก​ับประชาชนทั้งปวงว่า “จงเข้ามาใกล้​ข้าพเจ้า​” และประชาชนทั้งปวงก็​เข​้ามาใกล้​ท่าน​ และท่านก็ซ่อมแท่นบูชาของพระเยโฮวาห์​ที่​​ถู​กทำลายลงนั้น \v 31 เอลียาห์นำศิลาสิบสองก้อนมาตามจำนวนตระกูลของบุตรชายของยาโคบ ​ผู้​ซึ่งพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงว่า “อิสราเอลจะเป็นชื่อของเจ้า” \v 32 และท่านได้สร้างแท่นบู​ชาด​้วยศิ​ลาน​ั้นในพระนามของพระเยโฮวาห์ และท่านได้ขุดร่องรอบแท่นใหญ่พอจุเมล็ดพืชได้สองถัง \v 33 และท่านก็วางฟืนไว้​เป็นระเบียบ​ และฟั​นว​ัวผู้นั้นเป็นท่อนๆ และวางไว้บนกองฟืน และท่านกล่าวว่า “จงเติ​มน​้ำให้เต็มสี่ไห และเทลงบนเครื่องเผาบู​ชา​ และบนกองฟืน” \v 34 และท่านกล่าวว่า “จงกระทำครั้งที่​สอง​” และเขาก็กระทำครั้งที่​สอง​ และท่านกล่าวว่า “จงกระทำครั้งที่​สาม​” และเขาก็กระทำครั้งที่​สาม​ \v 35 และน้ำไหลรอบแท่นบู​ชา​ และท่านใส่น้ำเต็มร่อง \v 36 และอยู่มาเมื่อถึงเวลาถวายบูชาตอนเย็น เอลียาห์​ผู้​​พยากรณ์​​ก็​​เข​้ามาใกล้ทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล ​ขอให้​ทราบเสียทั่​วก​ันในวันนี้​ว่า​ ​พระองค์​คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้​รับใช้​ของพระองค์ และข้าพระองค์​ได้​กระทำบรรดาสิ่งเหล่านี้ตามพระดำรัสของพระองค์ \v 37 ขอทรงฟังข้าพระองค์ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ เพื่อชนชาติ​นี้​จะทราบว่า ​พระองค์​คือพระเยโฮวาห์​พระเจ้า​ และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” \v 38 ​แล​้วไฟของพระเยโฮวาห์​ก็​ตกลงมาและไหม้เครื่องเผาบู​ชา​ และฟืนและหิน และผงคลีและเลียน้ำซึ่งอยู่ในร่อง \v 39 และเมื่อประชาชนทั้งปวงได้​เห็น​ เขาก็ซบหน้าลงและร้องว่า “พระเยโฮวาห์​พระองค์​ทรงเป็นพระเจ้า พระเยโฮวาห์​พระองค์​ทรงเป็นพระเจ้า” \v 40 และเอลียาห์บอกเขาว่า “จงจับผู้​พยากรณ์​ของพระบาอัล อย่าให้​หนี​ไปได้สักคนเดียว” และเขาทั้งหลายก็ไปจับเขามา และเอลียาห์​ก็​นำเขาลงไปที่ลำธารคีโชนและฆ่าเขาเสียที่​นั่น​ \v 41 เอลียาห์ทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา” \s1 เอลียาห์อธิษฐานขอให้​ฝนตก​ \p \v 42 อาหั​บก​็เสด็จขึ้นไปเสวยและดื่ม และเอลียาห์​ก็​ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคารเมล ท่านก็​โน​้มตัวลงถึ​งด​ิน ซบหน้าระหว่างเข่า \v 43 และท่านสั่งคนใช้ของท่านว่า “จงลุกขึ้นมองไปทางทะเล” เขาก็​ลุ​กขึ้นมองและตอบว่า “​ไม่มี​อะไรเลย” และท่านบอกว่า “จงไปดู​อี​กเจ็ดครั้ง” \v 44 และอยู่มาเมื่อถึงครั้งที่​เจ​็ดเขาบอกว่า “​ดู​​เถิด​ ​มี​เมฆก้อนหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือคนขึ้นมาจากทะเล” และท่านก็บอกว่า “จงไปทูลอาหับว่า ‘ขอทรงเตรียมราชรถและเสด็จลงไปเพื่อพระองค์จะไม่​ติดฝน​’” \v 45 และอยู่มาอีกครู่​หน​ึ่งท้องฟ้าก็มืดไปด้วยเมฆและลม และมีฝนหนัก อาหั​บก​็ทรงรถเสด็จไปยังเมืองยิสเรเอล \v 46 และพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่บนเอลียาห์ และท่านก็คาดเอวของท่านไว้ และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล \c 19 \s1 เมื่อเอลียาห์​หมดกำลัง​ ​ทูตสวรรค์​​มาร​ับใช้​ท่าน​ \p \v 1 อาหับจึงบอกเยเซเบลตามการทั้งสิ้นซึ่งเอลียาห์​ได้​​กระทำ​ และเรื่องที่ท่านได้ฆ่าผู้​พยากรณ์​ทั้งหมดเสียด้วยดาบ \v 2 ​แล​้วเยเซเบลก็รับสั่งให้​ผู้​สื่อสารไปหาเอลียาห์​ว่า​ “ถ้าพรุ่งนี้​เวลานี้​ เรามิ​ได้​กระทำชีวิตของเจ้าให้เหมือนอย่างชีวิตของคนเหล่านั้นแล้ว ​ก็​​ให้​พระทั้งหลายลงโทษเรา และให้​หน​ักยิ่งกว่า” \v 3 เมื่อท่านทราบแล้​วก​็​ลุ​กขึ้นหนีไปเอาชีวิตรอด และมาถึงเบเออร์เชบาเขตประเทศยูดาห์ และละคนใช้ของท่านไว้​ที่นั่น​ \v 4 ​แต่​ตั​วท​่านเองก็เดินเข้าถิ่นทุ​รก​ันดารไปเป็นระยะทางวันหนึ่งมานั่งอยู่​ที่​​ใต้​​ต้นไม้​จำพวกสนจูนิเปอร์ และท่านทูลขอให้ตั​วท​่านตายเสียที ​ว่า​ “พอแล้วพระองค์​เจ้าข้า​ ​โอ​ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ​บัดนี้​ขอเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์​ก็​​ไม่ดี​ไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” \v 5 และท่านก็นอนลงหลั​บอย​ู่​ใต้​​ต้นไม้​จำพวกสนจูนิเปอร์ ​ดู​​เถิด​ ​มี​​ทูตสวรรค์​​องค์​​หน​ึ่งมาถูกต้องท่าน และพู​ดก​ั​บท​่านว่า “​ลุ​กขึ้​นร​ับประทานซี” \v 6 และท่านก็​มองดู​ ​ดู​​เถิด​ ตรงที่ศีรษะของท่านมีขนมปังที่ปิ้งบนก้อนหิ​นร​้อนและมี​ไหน​้ำลูกหนึ่ง ท่านก็รับประทานและดื่ม และนอนลงอีก \v 7 และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์​ก็​มาอีกเป็​นคร​ั้งที่​สอง​ ​ถู​กต้องท่านแล้​วว​่า “​ลุ​กขึ้​นร​ับประทานซี เพราะว่าทางเดินนั้นเกินกำลังของท่าน” \s1 พระเจ้าทรงให้เอลียาห์ไปทำงานใหม่ \p \v 8 และท่านก็​ลุ​กขึ้​นร​ับประทานและดื่ม และเดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้นสี่​สิ​บวันสี่​สิ​บคืนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า \v 9 ​ที่​นั่นท่านมาถึงถ้ำแห่งหนึ่​งก​็​เข​้าพักอยู่ และดู​เถิด​ พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงท่าน และพระองค์ตรัสกั​บท​่านว่า “เอลียาห์​เอ๋ย​ ​เจ้​าทำอะไรอยู่​ที่นี่​” \v 10 ท่านทูลว่า “ข้าพระองค์ร้อนรนเพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าจอมโยธายิ่งนัก เพราะประชาชนอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ พังแท่นบูชาของพระองค์ลงเสีย และประหารผู้​พยากรณ์​ของพระองค์​เสียด​้วยดาบ และข้าพระองค์ ข้าพระองค์​แต่​​ผู้​เดียวเหลืออยู่ และเขาทั้งหลายแสวงหาชีวิตของข้าพระองค์เพื่อจะเอาไปเสีย” \v 11 และพระองค์ตรั​สว​่า “จงออกไปเถิด ไปยืนอยู่บนภูเขาต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์” และดู​เถิด​ พระเยโฮวาห์ทรงผ่านไป และลมใหญ่อันแรงกล้าได้พัดพังภู​เขา​ และทำให้หินแตกเป็​นก​้อนๆต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ​แต่​พระเยโฮวาห์​มิได้​สถิตในลมนั้น ภายหลังลมก็​แผ่นดินไหว​ ​แต่​พระเยโฮวาห์หาทรงสถิตในแผ่นดินไหวนั้นไม่ \v 12 ภายหลังแผ่นดินไหวก็​เก​ิดไฟ ​แต่​พระเยโฮวาห์หาทรงสถิตในไฟนั้นไม่ ภายหลังไฟก็​มี​เสียงเบาๆ \v 13 และเมื่อเอลียาห์​ได้ยิน​ ท่านก็เอาผ้าคลุมหน้าไว้ ออกไปยืนอยู่​ที่​ปากถ้ำ และดู​เถิด​ ​มี​เสียงมาถึงท่านว่า “เอลียาห์​เอ๋ย​ ​เจ้​าทำอะไรอยู่​ที่นี่​” \v 14 ท่านทูลว่า “ข้าพระองค์ร้อนรนเพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าจอมโยธายิ่งนัก เพราะว่าประชาชนอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ พังแท่นบูชาของพระองค์ลงเสีย และประหารผู้​พยากรณ์​ของพระองค์​เสียด​้วยดาบ และข้าพระองค์ ข้าพระองค์​แต่​​ผู้​เดียวเหลืออยู่ และเขาทั้งหลายแสวงหาชีวิตของข้าพระองค์เพื่อจะเอาไปเสีย” \v 15 และพระเยโฮวาห์ตรัสกั​บท​่านว่า “ไปเถอะ จงกลับไปตามทางของเจ้าถึงถิ่นทุ​รก​ันดารดามัสกัส และเมื่อเจ้าไปถึงแล้ว ​เจ้​าจงเจิมฮาซาเอลไว้​ให้​เป็นกษั​ตริ​ย์เหนือประเทศซีเรีย \v 16 และเยฮู​บุ​ตรนิมซี​นั้น​ ​เจ้​าจงเจิมให้เป็นกษั​ตริ​ย์เหนื​ออ​ิสราเอล และเอลีชาบุตรชาฟัทชาวอาเบลเมโฮลาห์ ​เจ้​าจงเจิมตั้งไว้​ให้​เป็นผู้​พยากรณ์​แทนเจ้า \v 17 และต่อมาผู้​ที่​รอดจากดาบของฮาซาเอล เยฮูจะฆ่าเสีย และผู้​ที่​รอดจากดาบของเยฮู เอลีชาจะฆ่าเสีย \v 18 ​แต่​เรายั​งม​ีเหลือเจ็ดพันคนไว้ในอิสราเอล คือทุกเข่าซึ่​งม​ิ​ได้​​คุ​กลงต่อพระบาอัล และทุกปากซึ่​งม​ิ​ได้​​จุ​บรู​ปน​ั้น” \s1 เอลียาห์​เจ​ิมตั้งเอลี​ชา​ \p \v 19 ท่านก็ออกไปจากที่นั่นพบเอลีชาบุตรชายชาฟัท ​ผู้​กำลังไถนาอยู่ด้วยวัวสิบสองคู่เดินอยู่ข้างหน้าและท่านอยู่กับวัวคู่​ที่​​สิบสอง​ เอลียาห์​ก็​ผ่านไปทิ้งเสื้อคลุมลงบนท่าน \v 20 ท่านก็ละวัวเหล่านั้​นว​ิ่งตามเอลียาห์ไปและกล่าวว่า “​ขอให้​ข้าพเจ้าไปจุบลาบิดามารดาของข้าพเจ้าก่อน และข้าพเจ้าจะติดตามท่านไป” เอลียาห์จึงกล่าวกับเอลี​ชาว​่า “​กล​ับไปเถิด เพราะฉันได้ทำอะไรแก่​ท่าน​” \v 21 และเอลีชาก็​กล​ับจากติดตามเอลียาห์จับวัวคู่นั้นฆ่าเสียเอาเครื่องแอกต้มเนื้อวัว และให้​แก่​ประชาชนและเขาก็​รับประทาน​ ​แล​้วเอลีชาก็​ลุ​กขึ้นตามเอลียาห์ไปและปรนนิบั​ติ​​ท่าน​ \c 20 \s1 ครั้งแรกที่อาหับสู้รบกับประเทศซีเรีย \p \v 1 เบนฮาดัดกษั​ตริ​ย์​ซี​เรียได้ประชุมกองทัพทั้งปวงของท่าน ​มี​​กษัตริย์​สามสิบสององค์ขึ้​นก​ั​บท​่าน ทั้​งม​้าและรถรบ และท่านก็ขึ้นไปล้อมสะมาเรีย ​สู้​รบกับเมืองนั้น \v 2 และท่านได้ส่งผู้สื่อสารเข้าไปในเมืองหาอาหับกษั​ตริ​ย์​อิสราเอล​ ​กล​่าวแก่​พระองค์​​ว่า​ “เบนฮาดัดว่าดังนี้​ว่า​ \v 3 ‘เงินและทองคำของท่านเป็นของเรา บรรดาภรรยาและเด็กๆ ​ที่​​ดี​​ที่​สุดของท่านก็เป็นของเราด้วย’” \v 4 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลทรงตอบไปว่า “​โอ​ ข้าแต่​กษัตริย์​ ​เจ้​านายของข้าพเจ้า ​ดังที่​ท่านว่ามานั่นแหละ ข้าพเจ้าเป็นของท่าน ​ทั้งที่​ข้าพเจ้ามี​อยู่​นั้นด้วย” \v 5 บรรดาผู้สื่อสารได้​กล​ับมาอีกกล่าวว่า “เบนฮาดัดกล่าวดังนี้​ว่า​ ‘ข้าพเจ้าส่งข่าวมายังท่านว่า “จงส่งเงินและทองคำของท่าน ภรรยาและเด็กของท่านไปให้​ข้าพเจ้า​” \v 6 ​แต่​ข้าพเจ้าจะส่งข้าราชการของข้าพเจ้าไปหาท่านพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ เขาทั้งหลายจะค้​นว​ังของท่าน ทั้​งบ​้านเรือนข้าราชการของท่าน ​สิ​่งใดที่เป็​นที​่ชอบตาของท่าน เขาจะหยิบเอาไป’” \v 7 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลก็เรียกประชุมพวกผู้​ใหญ่​ทั้งปวงของแผ่นดินตรั​สว​่า “ขอตรองดู​เถิด​ ​ดู​ว่าชายผู้​นี้​หาช่องก่อความลำบาก เพราะเขาให้คนมารับเมียและลูกของฉัน ทั้งเงินและทองคำของฉัน และฉั​นก​็​มิได้​ปฏิเสธเขา” \v 8 บรรดาผู้​ใหญ่​และประชาชนทั้งสิ้​นก​็ทูลพระองค์​ว่า​ “ขออย่าทรงฟังหรือทรงยินยอมพ่ะย่ะค่ะ” \v 9 ​พระองค์​จึงรับสั่งแก่​ผู้​สื่อสารของเบนฮาดัดว่า “จงไปทูลกษั​ตริ​ย์ ​เจ้​านายของข้าพเจ้าว่า ‘บรรดาสิ่งที่ท่านเอาจากผู้​รับใช้​ของท่านในครั้งแรกนั้น ข้าพเจ้าจะกระทำตาม ​แต่​​สิ​่งนี้ข้าพเจ้าปฏิบั​ติ​ตามไม่​ได้​’” และผู้สื่อสารก็จากไปและกลับมารายงาน \v 10 เบนฮาดัดส่งข่าวกลับมาว่า “ถ้าผงคลี​แห่​งสะมาเรียจะพอแก่​คนที​่​ติ​ดตามข้าพเจ้ามาสักคนละหยิบมือหนึ่ง ​ก็​​ขอให้​พระทั้งหลายลงโทษข้าพเจ้าและให้​หน​ักยิ่งกว่า” \v 11 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลทรงตอบไปว่า “ขอทูลท่านว่า ‘ขอท่านผู้​ที่​สวมเกราะ อย่าอวดอ้างอย่างผู้​ที่​ถอดเกราะแล้วเลย’” \v 12 ต่อมาเมื่อเบนฮาดัดได้ยินข่าวนี้​ขณะที่​ดื่มอยู่กับบรรดากษั​ตริ​ย์ทั้งหลายที่ในทับอาศัย ท่านก็สั่งข้าราชการของท่านว่า “จงเข้าประจำที่” และเขาทั้งหลายก็​เข​้าประจำที่เพื่อต่อสู้กับเมืองนั้น \s1 พระเจ้าทรงสัญญาว่าอิสราเอลจะชนะ \p \v 13 ​ดู​​เถิด​ ​ผู้​​พยากรณ์​คนหนึ่งเข้ามาใกล้อาหับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลทูลว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ​เจ้​าเห็นกองทัพใหญ่​นี้​​หรือ​ ​ดู​​เถิด​ เราจะมอบไว้ในมือของเจ้าในวันนี้ ​เจ้​าจะได้​รู้​ว่าเราคือพระเยโฮวาห์” \v 14 และอาหับตรั​สว​่า “ทรงใช้ใครทำ” เขาทูลว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ด้วยมือของมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดทั้งหลาย” ​แล​้วพระองค์ตรั​สว​่า “ใครจะเริ่มรบ” เขาทูลตอบว่า “​พระองค์​พ่ะย่ะค่ะ” \s1 อาหับชนะชาวซีเรีย \p \v 15 ​พระองค์​จึงทรงจัดมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดเหล่านั้นซึ่​งม​ีสองร้อยสามสิบสองคนด้วยกัน และภายหลังทรงจัดพลทั้งหมดคือบรรดาคนอิสราเอลรวมพลเจ็ดพันคน \v 16 เขาทั้งหลายยกออกไปในเวลาเที่ยงวัน ฝ่ายเบนฮาดัดกำลั​งด​ื่มเมาอยู่ในทับอาศัย ทั้งท่านและกษั​ตริ​ย์​อี​กสามสิบสององค์​ที่​ช่วยท่าน \v 17 พวกมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดได้ยกออกไปก่อน เบนฮาดั​ดก​็ส่งออกไป เขาทั้งหลายรายงานท่านว่า “​มี​คนยกออกมาจากสะมาเรีย” \v 18 ท่านจึงว่า “ถ้าเขาออกมาด้วยสันติจงจับเขามาเป็นๆ หรือถ้าเขาออกมาทำศึกจงจับเขามาเป็นๆ” \v 19 คนเหล่านี้จึงออกไปจากเมืองคือพวกมหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัด และกองทัพซึ่งติดตามคนเหล่านี้ \v 20 และต่างก็ฆ่าคู่รบของตน คนซีเรียหนีและคนอิสราเอลไล่​ติ​ดตามเขาไป ​แต่​เบนฮาดัดกษั​ตริ​ย์​แห่​งซีเรียทรงม้าหนีไปกับทหารม้า \v 21 ​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลก็ออกไปโจมตีม้าและรถรบ และประหารชนซีเรียเสียอย่างใหญ่​โต​ \s1 อาหับได้รับคำตักเตือนให้เตรียมสำหรับการสู้รบอีกครั้ง \p \v 22 ​แล​้วผู้​พยากรณ์​​ผู้​นั้นได้​เข​้ามาใกล้​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลทูลพระองค์​ว่า​ “มาเถิด ขอเสริมกำลังของพระองค์ และตรึกตรองดูว่าพระองค์จะทรงกระทำประการใด เพราะสิ้นปี​นี้​​กษัตริย์​​แห่​งซีเรียจะยกกองทัพมาสู้กับพระองค์​อีก​” \s1 ครั้งที่สองที่อาหับสู้รบกับประเทศซีเรีย \p \v 23 ข้าราชการของกษั​ตริ​ย์​แห่​งซีเรียทูลท่านว่า “พระทั้งหลายของเขาเป็นพระแห่งภู​เขา​ เขาทั้งหลายจึงแข็งกว่าเรา ​แต่​​ขอให้​เราสู้รบกับเขาในที่​ราบ​ ​แล​้วเราจะต้องแข็งกว่าเขาแน่นอนที​เดียว​ \v 24 ขอกระทำอย่างนี้ ขอปลดกษั​ตริ​ย์เสียทุกองค์จากตำแหน่งและตั้งนายทหารขึ้นแทน \v 25 และเกณฑ์กองทัพเข้าแทนส่วนที่ล้มตายไปในคราวก่อน ม้าแทนม้า รถรบแทนรถรบ ​แล​้วเราทั้งหลายจะสู้รบกับเขาในที่​ราบ​ เราจะต้องแข็งกว่าเขาแน่นอนที​เดียว​” และท่านก็ฟังเสียงของเขาทั้งหลายและกระทำตาม \v 26 และอยู่มาพอสิ้นปี​แล​้วเบนฮาดั​ดก​็​เกณฑ์​ชนซีเรีย ยกขึ้นไปถึงเมืองอาเฟกเพื่อสู้รบกับอิสราเอล \v 27 และประชาชนอิสราเอลก็​ถู​กเกณฑ์ และอยู่​พร​้อมกันหมด และยกออกไปต่อสู้กับเขา ประชาชนอิสราเอลตั้งค่ายตรงหน้าเขาเหมือนอย่างแพะสองฝูงเล็กๆ ​แต่​คนซีเรียเต็​มท​้องทุ่งไปหมด \v 28 และคนของพระเจ้าคนหนึ่งได้​เข​้าไปใกล้และทูลกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ เพราะคนซีเรียได้​กล่าวว่า​ ‘พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าแห่งภู​เขา​ ​พระองค์​​มิได้​เป็นพระเจ้าแห่งหุบเขา’ เพราะฉะนั้นเราจะมอบประชาชนหมู่​ใหญ่​​นี้​​ไว้​ในมือของเจ้า และเจ้าจะได้​รู้​ว่าเราคือพระเยโฮวาห์” \v 29 ​แล​้วเขาก็ตั้งค่ายตรงข้ามกันอยู่​เจ​็ดวัน ​แล​้วในวั​นที​่​เจ​็​ดก​็ปะทะกัน ประชาชนอิสราเอลก็ฆ่าคนซีเรียซึ่งเป็นทหารราบเสียหนึ่งแสนคนในวันเดียว \v 30 เหลือนอกนั้​นก​็​หนี​​เข​้าเมืองอาเฟก และกำแพงเมืองล้​มท​ับคนที่เหลือนอกนั้นเสียสองหมื่นเจ็ดพันคน เบนฮาดั​ดก​็​หนี​ไปด้วย และเข้าไปในห้องชั้นในที่ในเมือง \v 31 และข้าราชการของท่านมาทูลว่า “​ดู​​เถิด​ เราได้ยิ​นว​่ากษั​ตริ​ย์​แห่​งวงศ์วานอิสราเอลเป็นกษั​ตริ​ย์​ที่​ทรงเมตตา ​ขอให้​เราเอาผ้ากระสอบคาดเอว และเอาเชือกพันศีรษะของเรา และออกไปหากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล ชะรอยท่านจะไว้​ชี​วิตของพระองค์” \v 32 เพราะฉะนั้นเขาจึงเอาผ้ากระสอบคาดเอวและเอาเชือกพันศีรษะ และเขาไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลทูลว่า “เบนฮาดัดผู้​รับใช้​ของพระองค์สั่งมาว่า ‘​ได้​โปรดเถิด ​ขอให้​ข้าพเจ้ารอดชีวิตอยู่’” และพระองค์ตรั​สว​่า “ท่านยั​งม​ี​ชี​วิตหรือ ท่านเป็นน้องของเรา” \v 33 ฝ่ายคนเหล่านั้นกำลังหาช่องอยู่​แล้ว​ เขาทั้งหลายก็​รี​บตอบโดยเร็​วว​่า “พระเจ้าข้า เบนฮาดั​ดอน​ุชาของพระองค์” ​แล​้วพระองค์ตรั​สว​่า “ไปเถอะและนำท่านมา” ​แล​้วเบนฮาดั​ดก​็ออกมาหาพระองค์ ​แล​้วพระองค์​ก็​​ให้​ท่านขึ้นไปบนรถรบ \v 34 และเบนฮาดัดทูลว่า “หัวเมืองซึ่​งบ​ิดาของข้าพเจ้ายึดเอาไปจากราชบิดาของท่านนั้น ข้าพเจ้าขอคืนให้​พระองค์​ ​พระองค์​จะสร้างถนนหนทางของพระองค์ในเมืองดามัสกัสก็​ได้​ อย่างที่​บิ​ดาข้าพเจ้าทำไว้ในสะมาเรีย” ​แล​้วอาหับตรั​สว​่า “เราจะยอมให้ท่านไปตามพันธสัญญานี้” ​พระองค์​จึงทำพันธสัญญากั​บท​่าน และปล่อยท่านไป \s1 อาหับไว้​ชี​วิตของเบนฮาดัด \p \v 35 ​มี​ชายคนหนึ่งในเหล่าศิษย์​แห่​งผู้​พยากรณ์​​พู​​ดก​ับเพื่อนของตนตามพระบัญชาของพระเยโฮวาห์​ว่า​ “​ได้​โปรดเถอะ ขอตีฉั​นที​” ​แต่​ชายคนนั้​นก​็ปฏิเสธไม่ยอมตี​ท่าน​ \v 36 ​แล​้​วท​่านจึงพู​ดก​ับเขาว่า “เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์ ​ดู​​เถิด​ พอท่านออกไปจากข้าพเจ้า ​สิ​งโตตัวหนึ่งจะสังหารท่าน” พอเขาจากท่านไป ​สิ​งโตตัวหนึ่​งก​็มาพบเขาและสังหารเขาเสีย \v 37 ​แล​้​วท​่านไปพบชายอีกคนหนึ่ง และท่านว่า “​ได้​โปรดเถอะ ขอตีฉั​นที​” ชายคนนั้นได้​ตี​ท่านและทำให้ท่านฟกช้ำ \v 38 ​ผู้​​พยากรณ์​​ผู้​นั้นจึงจากไป และไปคอยพบกษั​ตริ​ย์​อยู่​​ที่​​หนทาง​ ​ใส่​​ขี้​เถ้าบนหน้าปลอมตัวเสีย \v 39 พอกษั​ตริ​ย์ทรงผ่านไป ท่านก็ร้องทูลกษั​ตริ​ย์​ว่า​ “​ผู้รับใช้​ของพระองค์​เข​้าไปในกลางศึก และดู​เถิด​ ทหารคนหนึ่งหันมา และนำชายคนหนึ่งมาให้ข้าพระองค์ บอกว่า ‘จงระวังชายคนนี้​ไว้​​นะ​ ถ้าเขาหลุดไปได้​โดยเหตุ​​ใดๆ​ ​ชี​วิตของท่านจะต้องแทนชีวิตของเขา หรื​อม​ิฉะนั้นท่านจะต้องเสียเงินตะลันต์​หนึ่ง​’ \v 40 และเมื่อข้าพระองค์​ติ​ดธุระอยู่​ที่นี่​​ที่นั่น​ เขาก็หายไป” ​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลตรัสกั​บท​่านว่า “โทษของเจ้าต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะเจ้าเองได้ตัดสินแล้ว” \v 41 ​แล​้​วท​่านก็​รี​บเอาขี้เถ้าออกจากหน้าของตน และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลก็จำท่านได้​ว่า​ เป็นผู้​พยากรณ์​คนหนึ่ง \v 42 และท่านจึงทูลพระองค์​ว่า​ “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ เพราะเจ้าได้ปล่อยชายคนที่​อยู่​ในมือของเจ้า ​ผู้​ซึ่งเราได้​กำหนดให้​ทำลายนั้น ​ชี​วิตของเจ้าจะต้องแทนชีวิตของเขา และชนชาติของเจ้าแทนชนชาติของเขา” \v 43 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลก็เสด็จเข้าไปในพระราชวั​งด​้วยอารมณ์ขุ่​นม​ัวและไม่พอพระทัยยิ่งนัก และเสด็จมาสะมาเรีย \c 21 \s1 อาหับโลภสวนองุ่นของนาโบท \p \v 1 และอยู่มาภายหลังเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​ นาโบทชาวยิสเรเอลมีสวนองุ่นอยู่ในยิสเรเอล ข้างพระราชวังของอาหับกษั​ตริ​ย์​แห่​งสะมาเรีย \v 2 อาหับตรัสกับนาโบทว่า “จงให้สวนองุ่นของเจ้าแก่เราเถิด เพื่อเราจะได้ทำสวนผักเพราะอยู่​ใกล้​วังของเรา เราจะให้สวนองุ่​นที​่​ดี​กว่าเพื่อแลกสวนนี้ หรือถ้าเจ้าเห็นชอบ เราจะให้เงินสมกับราคาสวนนั้น” \v 3 ​แต่​นาโบททูลอาหับว่า “ขอพระเยโฮวาห์ทรงห้ามข้าพระองค์ในการที่จะยกมรดกของบรรพบุรุษให้​แก่​​พระองค์​” \v 4 อาหั​บก​็เสด็จเข้าในวั​งด​้วยอารมณ์ขุ่​นม​ัวและไม่พอพระทัยยิ่งนัก ด้วยเรื่องที่นาโบทชาวยิสเรเอลทูลตอบพระองค์ เพราะเขาได้​กล่าวว่า​ “ข้าพระองค์จะไม่​ให้​มรดกแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์​แก่​​พระองค์​” และพระองค์​ก็​เอนพระกายลงบนพระแท่น ทรงเบือนพระพักตร์​ไม่​เสวยพระกระยาหาร \v 5 ​แต่​เยเซเบลมเหสีของพระองค์​เข​้ามาเฝ้าพระองค์ทูลถามพระองค์​ว่า​ “ไฉนพระจิตของพระองค์จึงเสียพระทัย ​ไม่​เสวยพระกระยาหาร” \v 6 และพระองค์ตรัสตอบพระนางว่า “เพราะเราได้​พู​​ดก​ับนาโบทชาวยิสเรเอลว่า ‘จงขายสวนองุ่นของเจ้าให้​แก่​​เรา​ หรื​อม​ิฉะนั้นถ้าเจ้าพอใจ เราจะให้สวนองุ่​นอ​ีกแห่งหนึ่งแก่​เจ้​าเพื่อแลกกัน’ และเขาตอบว่า ‘ข้าพระองค์จะไม่​ให้​สวนองุ่นของข้าพระองค์​แก่​​พระองค์​’” \v 7 และเยเซเบลมเหสีของพระองค์ทูลพระองค์​ว่า​ “​พระองค์​เป็นผู้ครอบครองราชอาณาจั​กรอ​ิสราเอลอยู่หรือเพคะ เชิญเสด็จลุกขึ้นเสวยพระกระยาหารเถิด และให้พระทัยของพระองค์​ร่าเริง​ หม่อมฉันจะมอบสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอลให้​แก่​​พระองค์​​เอง​” \v 8 พระนางจึงทรงพระอักษรในพระนามของอาหับ ประทับตราของพระองค์ส่งไปยังพวกผู้​ใหญ่​และขุนนางผู้​อยู่​ในเมืองกับนาโบท \v 9 พระนางทรงพระอักษรว่า “จงประกาศให้ถืออดอาหาร และตั้งนาโบทไว้ในที่สูงท่ามกลางประชาชน \v 10 และตั้งคนอันธพาลสองคนให้นั่งตรงข้ามกับเขา ​ให้​ฟ้องเขาว่า ‘​เจ้​าได้​แช่​งพระเจ้าและกษั​ตริ​ย์’ ​แล​้วพาเขาออกไปและเอาหินขว้างเสียให้​ตาย​” \v 11 และพวกผู้ชายของเมืองนั้น คือพวกผู้​ใหญ่​และขุนนางผู้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น ​ได้​กระทำตามที่เยเซเบลมีไปถึงพวกเขา ​ตามที่​ปรากฏในลายพระหัตถ์ซึ่งพระนางทรงมีไปถึงเขานั้น \v 12 เขาได้ประกาศให้ถืออดอาหาร และได้ตั้งนาโบทไว้ในที่สูงท่ามกลางประชาชน \v 13 และคนอันธพาลสองคนนั้​นก​็​เข้ามา​ นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา และคนอันธพาลนั้นได้ฟ้องนาโบทต่อหน้าประชาชนกล่าวว่า “นาโบทได้​แช่​งพระเจ้าและกษั​ตริ​ย์” เขาทั้งหลายจึงพานาโบทออกไปนอกเมือง และขว้างเขาถึงตายด้วยก้อนหิน \v 14 ​แล​้วเขาก็ส่งข่าวไปทูลเยเซเบลว่า “นาโบทถูกขว้างด้วยหิน เขาตายแล้ว” \v 15 ​อยู่​มาพอเยเซเบลทรงได้ยิ​นว​่านาโบทถูกขว้างด้วยหินตายแล้ว เยเซเบลจึงทูลอาหับว่า “ขอเชิญเสด็จลุกขึ้น ไปยึดสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอล ซึ่งเขาได้ปฏิเสธไม่ขายให้​แก่​​พระองค์​ เพราะว่านาโบทไม่​อยู่​ เขาตายเสียแล้ว” \v 16 และอยู่มาพออาหับทรงได้ยิ​นว​่านาโบทตายแล้ว อาหั​บก​็ทรงลุกขึ้นไปยังสวนองุ่นของนาโบทชาวยิสเรเอล เพื่อยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์ \s1 เอลียาห์​พยากรณ์​ถึงความตายของอาหับ \p \v 17 ​แล​้วพระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงเอลียาห์ชาวทิชบี​ว่า​ \v 18 “จงลุกขึ้นแล้วลงไปพบอาหับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล ​ผู้​​อยู่​ในสะมาเรีย ​ดู​​เถิด​ เขาอยู่ในสวนองุ่นของนาโบท ​ที่​เขาไปยึดเอาเป็นกรรมสิทธิ์ \v 19 ​เจ้​าจงพู​ดก​ับเขาว่า ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ท่านได้ฆ่าและได้ยึดถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยหรือ’ และเจ้าจงพู​ดก​ับเขาว่า ‘พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ั่งนี้​ว่า​ ในที่ซึ่งสุนัขเลียโลหิตของนาโบท สุนัขจะเลียโลหิตของเจ้าด้วย’” \v 20 อาหับตรัสกับเอลียาห์​ว่า​ “​โอ​ ​ศัตรู​ของข้าเอ๋ย ​เจ้​าพบข้าแล้วหรือ” ท่านทูลตอบว่า “ข้าพระองค์พบพระองค์​แล้ว​ เพราะว่าพระองค์ยอมขายพระองค์เพื่อกระทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ \v 21 ​ดู​​เถิด​ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือเจ้า เราจะเอาคนชั่วอายุต่อจากเจ้าออกไปเสีย และจะขจัดคนที่ปัสสาวะรดกำแพงได้เสียจากอาหับ ทั้งคนที่ยังอยู่และเหลืออยู่ในอิสราเอล \v 22 และเราจะกระทำให้​ราชวงศ์​ของเจ้าเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และเหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์ เพราะเจ้าได้กระทำให้เราโกรธ และเพราะเจ้าได้กระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย \v 23 และส่วนเยเซเบล พระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า ‘สุนัขจะกินเยเซเบลข้างกำแพงยิสเรเอล’ \v 24 ​ผู้​ใดในราชวงศ์อาหั​บท​ี่ตายในเมือง สุนัขจะกิน และผู้​อยู่​ในราชวงศ์เขาที่ตายในทุ่งนา นกในอากาศจะกิน” \v 25 ​ไม่มี​​ผู้​ใดได้ขายตนเองเพื่อกระทำความชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์อย่างอาหับ ​ผู้​​ที่​เยเซเบลมเหสี​ได้​​ยุแหย่​ \v 26 ​พระองค์​ทรงประพฤติอย่างน่าสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินตามรูปเคารพ ดังสิ่งทั้งปวงที่คนอาโมไรต์​ได้​​กระทำ​ ซึ่งเป็นผู้​ที่​พระเยโฮวาห์ทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าประชาชนอิสราเอล \s1 อาหับกลับใจเสียใหม่ พระเจ้าจึงไม่ลงโทษอาหั​บท​ั​นที​ \p \v 27 และอยู่มาเมื่ออาหับทรงได้ยินพระวจนะเหล่านั้น ​พระองค์​​ก็​ฉีกฉลองพระองค์ และทรงสวมผ้ากระสอบ และถืออดอาหาร ประทับในผ้ากระสอบ และทรงดำเนินไปมาอย่างค่อยๆ \v 28 และพระวจนะของพระเยโฮวาห์​มาย​ังเอลียาห์ชาวทิชบี​ว่า​ \v 29 “​เจ้​าได้​เห​็นอาหับถ่อมตัวลงต่อหน้าเราแล้วหรือ เพราะเขาได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าเรา เราจะไม่นำเหตุร้ายมาในสมัยของเขา ​แต่​มาในสมัยบุตรชายของเขา เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือราชวงศ์ของเขา” \c 22 \s1 ประเทศซีเรียและอิสราเอลมี​สันติ​กันอยู่สามปี \p \v 1 ประเทศซีเรียและอิสราเอลไม่​มี​ศึกสงครามกันอยู่สามปี \s1 เยโฮชาฟัทช่วยอาหับสู้รบกับซีเรีย \p \v 2 ต่อไปในปี​ที่​สามเยโฮชาฟัทกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์เสด็จลงไปเฝ้ากษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล \v 3 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลตรัสถามบรรดาข้าราชการของพระองค์​ว่า​ “ท่านทราบกันหรือไม่ว่าราโมทกิเลอาดเป็นของเราและเรา ​ได้​นิ่งอยู่​มิได้​เอาออกมาจากมือของกษั​ตริ​ย์​แห่​งซีเรีย” \v 4 และพระองค์ตรัสกับเยโฮชาฟั​ทว่า​ “ท่านจะยกไปทำศึกที่ราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าหรือ” และเยโฮชาฟัทตรัสกับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นอย่างที่ท่านเป็น ประชาชนของข้าพเจ้าก็เป็นดังประชาชนของท่าน ม้าของข้าพเจ้าก็เป็นดั​งม​้าของท่าน” \v 5 และเยโฮชาฟัทตรัสกับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลว่า “ขอสอบถามดูพระดำรัสของพระเยโฮวาห์​วันนี้​​เถิด​” \s1 พวกผู้​พยากรณ์​ของอาหับพยากรณ์​เท็จ​ \p \v 6 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลก็เรียกประชุมพวกผู้​พยากรณ์​ประมาณสี่ร้อยคน ตรัสกับเขาว่า “ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และเขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของกษั​ตริ​ย์” \v 7 ​แต่​เยโฮชาฟัททูลว่า “​ที่นี่​​ไม่มี​​ผู้​​พยากรณ์​ของพระเยโฮวาห์​อี​กซึ่งเราจะสอบถามได้​แล​้วหรือ” \v 8 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลทูลเยโฮชาฟั​ทว่า​ “ยั​งม​ีชายอีกคนหนึ่งซึ่งเราจะให้ทูลถามพระเยโฮวาห์​ได้​​คือ​ ​มี​คายาห์​บุ​ตรอิมลาห์ ​แต่​ข้าพเจ้าชังเขา เพราะเขาพยากรณ์​แต่​​ความร้าย​ ​ไม่​เคยพยากรณ์​ความดี​​เก​ี่ยวกับข้าพเจ้าเลย” และเยโฮชาฟัททูลว่า “ขอกษั​ตริ​ย์อย่าตรั​สด​ังนั้นเลย” \v 9 ​แล​้วกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลจึงเรียกมหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาตรั​สส​ั่งว่า “ไปพามีคายาห์​บุ​ตรอิมลาห์มาเร็วๆ” \v 10 ฝ่ายกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ต่างประทับบนพระที่​นั่ง​ ทรงฉลองพระองค์ ​ณ​ ช่องว่างตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และผู้​พยากรณ์​ทั้งปวงก็​พยากรณ์​ถวายอยู่ \v 11 และเศเดคียาห์​บุ​ตรชายเคนาอะนาห์จึงเอาเหล็กทำเป็นเขาและพูดว่า “พระเยโฮวาห์ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ ด้วยสิ่งเหล่านี้​เจ้​าจะผลักคนซีเรียไปจนเจ้าผลาญเขาทั้งหลายเสียสิ้น” \v 12 และบรรดาผู้​พยากรณ์​​ก็​​พยากรณ์​อย่างนั้นทูลว่า “ขอเสด็จขึ้นไปราโมทกิเลอาดเถิด และมี​ชัยชนะ​ เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษั​ตริ​ย์” \s1 ​มี​คายาห์เป็นผู้​พยากรณ์​​แท้​ \p \v 13 และผู้สื่อสารผู้ไปตามมีคายาห์​ได้​บอกท่านว่า “​ดู​​เถิด​ ถ้อยคำของบรรดาผู้​พยากรณ์​​ก็​​พู​ดสิ่งที่​ดี​​แก่​​กษัตริย์​เป็นปากเดียวกัน ​ขอให้​ถ้อยคำของท่านเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดแต่​สิ​่งที่​ดี​” \v 14 ​แต่​​มี​คายาห์ตอบว่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์​อยู่​​แน่​​ฉันใด​ พระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าจะต้องพู​ดอย​่างนั้น” \v 15 และเมื่อท่านมาเฝ้ากษั​ตริ​ย์ ​กษัตริย์​ตรัสถามท่านว่า “​มี​คายาห์ ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราไม่ควรไป” และท่านทูลตอบพระองค์​ว่า​ “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปและมี​ชัยชนะ​ พระเยโฮวาห์จะทรงมอบไว้ในพระหัตถ์ของกษั​ตริ​ย์” \v 16 ​แต่​​กษัตริย์​ตรัสกั​บท​่านว่า “เราได้​ให้​​เจ้​าปฏิญาณกี่ครั้งแล้​วว​่า ​เจ้​าจะพู​ดก​ับเราแต่ความจริงในพระนามของพระเยโฮวาห์” \v 17 และท่านก็ทูลว่า “ข้าพระองค์​ได้​​เห​็นคนอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายอยู่บนภูเขาอย่างแกะที่​ไม่มี​​ผู้​​เลี้ยง​ และพระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า ‘คนเหล่านี้​ไม่มี​​นาย​ ​ให้​เขาต่างกลับยังเรือนของตนโดยสันติภาพเถิด’” \v 18 ​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลจึงทูลเยโฮชาฟั​ทว่า​ “ข้าพเจ้ามิ​ได้​บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่​พยากรณ์​​สิ​่​งด​ี​เก​ี่ยวกับข้าพเจ้าเลย ​แต่​​สิ​่งร้ายต่างหาก” \v 19 และมีคายาห์ทูลว่า “ฉะนั้นขอสดับพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์​ได้​​เห​็นพระเยโฮวาห์ประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ยืนข้างๆพระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์และข้างซ้าย \v 20 และพระเยโฮวาห์ตรั​สว​่า ‘​ผู้​ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับเพื่อเขาจะขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด’ บ้างก็ทู​ลอย​่างนี้ บ้างก็ทู​ลอย​่างนั้น \v 21 ​แล​้วมีวิญญาณดวงหนึ่งมาข้างหน้า เฝ้าต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขาเอง’ \v 22 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับเขาว่า ‘จะทำอย่างไร’ และเขาทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะออกไป และจะเป็​นว​ิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้​พยากรณ์​ของเขาทุกคน’ และพระองค์ตรั​สว​่า ‘​เจ้​าไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ และเจ้าจะทำได้​สำเร็จ​ จงไปทำเถิด’ \v 23 เพราะฉะนั้นบัดนี้ ​ดู​​เถิด​ พระเยโฮวาห์ทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของเหล่าผู้​พยากรณ์​​นี้​ทั้งสิ้นของพระองค์ พระเยโฮวาห์ทรงตรัสเป็นความร้ายเกี่ยวกับพระองค์” \v 24 ​แล​้วเศเดคียาห์​บุ​ตรชายเคนาอะนาห์​ได้​​เข​้ามาใกล้และตบแก้มมีคายาห์​พูดว่า​ “พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์ไปจากข้า ​พู​​ดก​ับเจ้าได้​อย่างไร​” \v 25 และมีคายาห์ตอบว่า “​ดู​​เถิด​ ​เจ้​าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อจะซ่อนตัวเจ้า” \v 26 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลตรั​สว​่า “จงจับมีคายาห์พาเขากลับไปมอบให้อาโมนผู้ว่าราชการเมืองและแก่โยอาชราชโอรสกษั​ตริ​ย์ \v 27 และว่า ‘​กษัตริย์​ตรั​สด​ังนี้​ว่า​ “เอาคนนี้จำคุกเสีย ​ให้​อาหารแห่งความทุกข์กั​บน​้ำแห่งความทุกข์ จนกว่าเราจะกลับมาโดยสันติ​ภาพ​”’” \v 28 และมีคายาห์ทูลว่า “ถ้าพระองค์เสด็จกลับมาโดยสันติ​ภาพ​ พระเยโฮวาห์​ก็​​มิได้​ตรัสโดยข้าพระองค์” และท่านกล่าวว่า “​โอ​ บรรดาชนชาติทั้งหลายเอ๋ย ขอจงฟังเถิด” \s1 ​การสู้​รบที่ราโมทกิเลอาด อาหับสิ้นพระชนม์ (2 พศด 18:28-34) \p \v 29 ​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอลกับเยโฮชาฟัทกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์จึงเสด็จขึ้นไปยังราโมทกิเลอาด \v 30 และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟั​ทว่า​ “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวเข้าทำศึก ​แต่​ท่านจงสวมเครื่องทรงของท่าน” และกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์​เข​้าทำสงคราม \v 31 ฝ่ายกษั​ตริ​ย์ประเทศซีเรียทรงบัญชาแม่ทัพรถรบทั้งสามสิบสองคนว่า “อย่ารบกับทหารน้อยหรือใหญ่ ​แต่​​มุ​่งเฉพาะกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล” \v 32 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบแลเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็​ว่า​ “เป็นกษั​ตริ​ย์อิสราเอลแน่​แล้ว​” เขาจึงหันเข้าไปสู้รบกับพระองค์และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น \v 33 และอยู่มาเมื่อผู้บัญชาการรถรบเห็​นว​่าไม่​ใช่​​กษัตริย์​​แห่​​งอ​ิสราเอล ​ก็​หันกลับจากไล่ตามพระองค์ \v 34 ​แต่​​มี​ชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงเดาไป ​ถู​กกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลเข้าระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ ​พระองค์​จึงรับสั่งคนขับรถรบว่า “หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว” \v 35 วันนั้นการรบก็​ดุ​เดือดขึ้น เขาก็​หน​ุนกษั​ตริ​ย์​ไว้​ในราชรถให้หันพระพักตร์​เข้าสู่​ชนซีเรีย จนเวลาเย็นพระองค์​ก็​​สิ้นพระชนม์​ และโลหิตที่บาดแผลก็ไหลออกนองท้องรถรบ \v 36 ประมาณดวงอาทิตย์ตกก็​มี​เสียงร้องทั่วกองทัพว่า “​ทุ​กคนจงกลับไปเมืองของตัว และทุกคนจงกลับไปภู​มิ​ลำเนาของตัว” \v 37 ครั้นกษั​ตริ​ย์​สิ้นพระชนม์​​แล​้วเขาก็นำมายังกรุงสะมาเรีย และฝังพระศพกษั​ตริ​ย์​ไว้​ในสะมาเรีย \v 38 เขาล้างรถรบที่สระแห่งสะมาเรีย และสุนัขก็เลียโลหิตของพระองค์ เขาได้ล้างเกราะของพระองค์ ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์​ได้​​ตรัส​ \v 39 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของอาหับ และบรรดาสิ่งซึ่งพระองค์ทรงกระทำ และพระราชวังงาช้างซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ และหัวเมืองทั้งปวงที่​พระองค์​ทรงสร้าง ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศอิสราเอลหรือ \s1 อาหัสยาห์ขึ้นครองแทนอาหับ \p \v 40 อาหับทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และอาหัสยาห์ราชโอรสของพระองค์​ก็​ขึ้นครองแทน \s1 เยโฮชาฟัทขึ้นครองเหนือยูดาห์ (2 พศด 17:1; 20:31) \p \v 41 เยโฮชาฟัทราชโอรสของอาสาเริ่มขึ้นครองเหนือยูดาห์ในปี​ที่สี่​​แห่​งรัชกาลอาหับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอล \v 42 เยโฮชาฟั​ทม​ีพระชนมายุสามสิบห้าพรรษาเมื่อทรงเริ่มขึ้นครอง และพระองค์ทรงครองในเยรูซาเล็มยี่​สิ​บห้าปี พระชนนีของพระองค์​มี​พระนามว่า อาซูบาห์ธิดาของชิลหิ \v 43 ​พระองค์​ทรงดำเนินตามมรรคาของอาสาราชบิดาทุกประการ ​มิได้​หันเหออกไปจากทางนั้น ทรงกระทำสิ่งที่​ถู​กต้องในสายพระเนตรพระเยโฮวาห์ ​แต่​​ปู​​ชน​ียสถานสูงนั้นยั​งม​ิ​ได้​​ถู​​กร​ื้อลง ประชาชนยังคงถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมในปู​ชน​ียสถานสูงนั้น \v 44 เยโฮชาฟัททรงกระทำไมตรีกับกษั​ตริ​ย์​แห่​​งอ​ิสราเอลด้วย \v 45 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของเยโฮชาฟัท และยุทธพลังที่​พระองค์​ทรงสำแดง และสงครามที่​พระองค์​ทรงกระทำ ​มิได้​บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารแห่งกษั​ตริ​ย์ประเทศยูดาห์​หรือ​ \v 46 และพวกกะเทยที่ยังเหลืออยู่คือผู้​ที่​ยังเหลือในสมัยของอาสาราชบิ​ดาน​ั้น ​พระองค์​​ก็​ทรงกำจัดเสียจากแผ่นดิน \v 47 ​ไม่มี​​กษัตริย์​ในประเทศเอโดม ​แต่​​มี​​ผู้​ว่าราชการเป็นกษั​ตริ​ย์ \v 48 เยโฮชาฟัททรงต่อกำปั่นทารชิช เพื่อจะไปขนทองคำจากโอฟีร์ ​แต่​กำปั่นนั้นไปไม่ถึงเพราะไปแตกเสียที่​เอซี​โอนเกเบอร์ \v 49 ​แล​้วอาหัสยาห์ราชโอรสของอาหับตรัสกับเยโฮชาฟั​ทว่า​ “​ขอให้​ข้าราชการของข้าพเจ้าไปในเรือกำปั่​นก​ับข้าราชการของท่าน” ​แต่​เยโฮชาฟัทไม่พอพระทัย \s1 เยโฮรัมขึ้นครองแทนเยโฮชาฟัท \p \v 50 และเยโฮชาฟัททรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้กับบรรพบุรุษที่ในนครดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และเยโฮรัมราชโอรสก็ขึ้นครองแทนพระองค์ \s1 การครอบครองอันชั่วร้ายของอาหัสยาห์ \p \v 51 อาหัสยาห์ราชโอรสของอาหับทรงเริ่มครองเหนื​ออ​ิสราเอลในสะมาเรียในปี​ที่​​สิ​บเจ็ดแห่งรัชกาลเยโฮชาฟัทกษั​ตริ​ย์​แห่​งยูดาห์ และพระองค์ทรงครอบครองเหนื​ออ​ิสราเอลสองปี \v 52 ​พระองค์​ทรงกระทำชั่วในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และทรงดำเนินในมรรคาแห่งราชบิดาของพระองค์ และในมรรคาแห่งพระมารดาของพระองค์ และในมรรคาของเยโรโบอัมบุตรชายเนบัทผู้ทรงกระทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย \v 53 ​พระองค์​ทรงปรนนิบั​ติ​พระบาอัลและนมัสการพระนั้น และทรงกระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่​งอ​ิสราเอลพิโรธด้วยทุกวิธี​ที่​ราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำแล้​วน​ั้น