\id 1CO \ide UTF-8 \h 1 โครินธ์ \toc1 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ 1 โครินธ์ \toc2 1 โครินธ์ \toc3 1 โครินธ์ \mt2 ​ประวัติ​ความเป็นมาของหนังสือ \mt1 1 โครินธ์ \ip เปาโลได้ประกาศที่เมืองโครินธ์​เป็นเวลา​ 18 ​เดือน​ และได้ตั้งคริสตจักรที่​นั่น​ ท่านได้ไปเยี่ยมพวกเขา “เป็​นคร​ั้งที่​สาม​” (2 คร 13:1) เปาโลได้​เขียนหนังสือ​ 1 โครินธ์จากเมืองเอเฟซัสในต้นปี​ค.ศ.​ 57 ก่อนเทศกาลเพ็นเทคศเต (1 คร 16:8) \ip เมืองโครินธ์​อยู่​ทางทิศตะวันตกจากกรุงเอเธนส์​ประมาณ​ 80 ​กิโลเมตร​ ในสมัยเปาโล เมืองโครินธ์​มี​พลเมืองประมาณ 400,000 ​คน​ และเป็นเมืองอันดั​บท​ี่ 4 ในอาณาจักรโรมันและเป็นศูนย์กลางสำหรับการนมัสการรูปเคารพ ​หลังจากที่​เปาโลไปตั้งคริสตจักรที่ เมืองโครินธ์​แล้ว​ ท่านได้ไปอยู่​ที่​เมืองเอเฟซัสเป็นเวลา 2 ​หรือ​ 3 ​ปี​ \ip ​ขณะที่​เปาโลอยู่​ที่​เมืองเอเฟซัส ​มี​​ผู้​​อาว​ุโสบางคนจากคริสตจักรเมืองโครินธ์​ได้​ไปหาท่าน และเล่าให้ท่านฟังถึงปัญหาต่างๆที่​เก​ิดขึ้นในคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ \ip จดหมายฉบั​บน​ี้​ส่วนใหญ่​​เก​ี่ยวกับปัญหาในชีวิตคริสเตียนและปัญหาในคริสตจักรท้องถิ่นคือ การแตกแยกกัน การฟ้องกั​นที​่​ศาล​ การรับประทานอาหารที่ถวายแก่​รู​ปเคารพแล้ว การรั​บพิธ​ีศีลมหาสนิท ​ผู้​สอนเท็จ การสมรสและการหย่าร้างกัน การพูดภาษาต่างๆและการเป็นขึ้นมาจากความตาย \ip จดหมายฉบั​บน​ี้​มี​สาระที่​สำคัญ​ 3 ประการคือ คำสอนว่าพระคัมภีร์​ได้​รับการดลใจจากพระเจ้า (2:9-14) คำสอนเกี่ยวกับความรัก (13) และคำสอนเกี่ยวกับการเป็นขึ้นมาจากความตาย (15) \c 1 \s1 ​ผู้รับใช้​​ที่​รับการแยกตั้งไว้ และบุตรของพระเจ้าเป็นนิตย์ \p \v 1 เปาโล ​ผู้​ซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกให้เป็​นอ​ัครสาวกของพระเยซู​คริสต์​ตามพระประสงค์ของพระเจ้า และโสสเธเนสผู้เป็นพี่น้องของเรา \v 2 ​เรียน​ คริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ ​ผู้​​ได้​รับการชำระให้​บริสุทธิ์​​แล​้วในพระเยซู​คริสต์​ ซึ่งพระองค์​ได้​ทรงเรียกให้เป็​นว​ิ​สุทธิ​​ชน​ ด้วยกั​นก​ับคนทั้งปวงในทุกตำบลที่ออกพระนามพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราและของเขา \v 3 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ จงดำรงอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด \v 4 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าในเรื่องท่านทั้งหลายเสมอ เพราะพระคุณของพระเจ้าซึ่งทรงประทานแก่ท่านทั้งหลายโดยพระเยซู​คริสต์​ \v 5 เพราะท่านทั้งหลายพรั่งพร้อมด้วยทุกสิ่งทุกอย่างโดยพระองค์ คือพร้อมด้วยวาจาและความรู้​ทุกอย่าง​ \v 6 ด้วยว่าพยานเรื่องพระคริสต์นั้นเป็​นที​่รับรองแน่นอนในพวกท่านแล้ว \v 7 เพื่อว่าท่านทั้งหลายจึ​งม​ิ​ได้​ขาดของประทานเลย ​ในขณะที่​ท่านรอคอยการเสด็จมาของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 8 ​พระองค์​จะทรงให้ท่านมั่นคงอยู่​จนถึงที่สุด​ ​เพื่อให้​ท่านปราศจากที่​ติ​ในวันของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 9 พระเจ้าทรงสัตย์​ซื่อ​ ​พระองค์​​ได้​ทรงเรียกท่านให้​สัมพันธ์​​สน​ิทกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \s1 การแตกแยกในคริสตจั​กร​ \p \v 10 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา ​ขอให้​ท่านเห็นพร้อมกันในทางวาจา และไม่​มี​การแตกแยกกันระหว่างพวกท่าน ​แต่​​ขอให้​ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในทางความคิดและตัดสินอย่างเดียวกัน \v 11 ​พี่​น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า คนในครอบครัวของนางคะโลเอได้เล่าเรื่องของท่านให้ข้าพเจ้าฟังว่า ​เก​ิ​ดม​ีการทุ่มเถียงกันในระหว่างพวกท่าน \v 12 ข้าพเจ้าจึงหมายความว่า พวกท่านต่างก็​กล่าวว่า​ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เปาโล” ​หรือ​ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์อปอลโล” ​หรือ​ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์เคฟาส” ​หรือ​ “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์” \v 13 พระคริสต์​แบ​่งออกเป็นหลายองค์​แล​้วหรือ เขาได้ตรึงเปาโลเพื่อท่านทั้งหลายหรือ ท่านได้รับบัพติศมาในนามของเปาโลหรือ \v 14 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้ามิ​ได้​​ให้​บัพติศมาแก่​ผู้​​หน​ึ่งผู้ใดในพวกท่าน ​เว้นแต่​คริสปัสและกายอัส \v 15 ​ดังนั้น​ จึงไม่​มี​​ผู้​ใดกล่าวได้​ว่า​ ข้าพเจ้าได้​ทำพิธี​บัพติศมาในนามของข้าพเจ้าเอง \v 16 ข้าพเจ้าได้​ให้​บัพติศมาแก่ครอบครัวของสเทฟานั​สด​้วย ​แต่​นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าได้​ให้​บัพติศมาแก่​ผู้​ใดอี​กบ​้าง \v 17 เพราะว่าพระคริสต์​มิได้​ทรงใช้ข้าพเจ้าไปเพื่อให้เขารับบัพติศมา ​แต่​​เพื่อให้​ประกาศข่าวประเสริฐ ​แต่​​มิใช่​ด้วยชั้นเชิงฉลาดในการพูด เกรงว่าเรื่องกางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์​เดช​ \s1 พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า \p \v 18 คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็​เห​็​นว​่าการประกาศเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ ​แต่​พวกเราที่รอดเห็​นว​่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า \v 19 เพราะมีคำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘เราจะทำลายสติปัญญาของคนมี​ปัญญา​ และจะทำให้ความเข้าใจของคนที่​เข​้าใจสูญสิ้นไป’ \v 20 คนมีปัญญาอยู่​ที่ไหน​ บัณฑิตอยู่​ที่ไหน​ นักโต้ปัญหาแห่งยุ​คน​ี้​อยู่​​ที่ไหน​ พระเจ้ามิ​ได้​ทรงกระทำปัญญาของโลกนี้​ให้​โฉดเขลาไปแล้วหรือ \v 21 เพราะตามเรื่องที่เป็นพระสติปัญญาของพระเจ้าแล้ว โลกจะรู้จักพระเจ้าโดยปัญญาไม่​ได้​ พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยการเทศนาที่​โง่​เขลานั้น \v 22 ด้วยว่าพวกยิวเรียกร้องหมายสำคัญและพวกกรีกเสาะหาปัญญา \v 23 ​แต่​พวกเราประกาศเรื่องพระคริสต์​ผู้​ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่​ให้​พวกยิวสะดุด และพวกกรีกถือว่าเป็นเรื่องโง่ \v 24 ​แต่​สำหรับผู้​ที่​พระเจ้าทรงเรียกนั้น ทั้งพวกยิวและพวกกรีกต่างถือว่า พระคริสต์ทรงเป็นฤทธานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า \v 25 เพราะความเขลาของพระเจ้ายั​งม​ีปัญญายิ่งกว่าปัญญาของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่ากำลังของมนุษย์ \v 26 ​พี่​น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดู​ว่า​ พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน ​มีน​้อยคนที่โลกนิยมว่ามี​ปัญญา​ ​มีน​้อยคนที่​มีอำนาจ​ ​มีน​้อยคนที่​มี​ตระกูลสูง \v 27 ​แต่​พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโง่​เขลา​ เพื่อจะทำให้คนมีปัญญาอับอาย และพระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้​คนที​่​แข​็งแรงอับอาย \v 28 พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อย และสิ่งที่​ถู​​กด​ู​หมิ่น​ ทั้งทรงเลือกสิ่งเหล่านั้นซึ่งยั​งม​ิ​ได้​​เก​ิดเป็นตัวจริ​งด​้วย เพื่อจะได้ทำลายสิ่งซึ่งเป็นตัวจริงอยู่​แล้ว​ \v 29 เพื่​อม​ิ​ให้​เนื้อหนังใดๆอวดต่อพระพักตร์​พระองค์​​ได้​ \v 30 โดยพระองค์ท่านจึงอยู่ในพระเยซู​คริสต์​ เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์​ให้​เป็นปัญญา ​ความชอบธรรม​ การแยกตั้งไว้ และการไถ่​โทษ​ สำหรับเราทั้งหลาย \v 31 ​เพื่อให้​เป็นไปตามที่​เข​ียนว่า ‘​ให้​​ผู้​​โอ้อวด​ อวดองค์​พระผู้เป็นเจ้า​’ \c 2 \s1 การเทศนาเป็นมาโดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้ามิ​ได้​มาเพื่อประกาศสักขีพยานของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลาย ด้วยถ้อยคำอันไพเราะหรื​อด​้วยสติ​ปัญญา​ \v 2 เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่แสดงความรู้เรื่องใดๆในหมู่พวกท่านเลยเว้นแต่เรื่องพระเยซู​คริสต์​ และการที่​พระองค์​ทรงถูกตรึงที่​กางเขน​ \v 3 และเมื่อข้าพเจ้าอยู่กั​บท​่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็​อ่อนกำลัง​ ​มี​ความกลัวและตัวสั่นเป็​นอ​ันมาก \v 4 คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้า ​ไม่ใช่​คำที่​เกล​ี้ยกล่อมด้วยสติปัญญาของมนุษย์ ​แต่​เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณและพระเดชานุ​ภาพ​ \v 5 เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่​ได้​อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ ​แต่​อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า \v 6 เรากล่าวถึงเรื่องปัญญาในหมู่​คนที​่​เป็นผู้ใหญ่​​แล้วก็​​จริง​ ​แต่​​มิใช่​เรื่องปัญญาของโลกนี้ หรือเรื่องปัญญาของอำนาจครอบครองในโลกนี้ซึ่งจะเสื่อมสูญไป \v 7 ​แต่​เรากล่าวถึงเรื่องพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นข้อลึ​กลับ​ คือพระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้​นั้น​ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ก่อนสร้างโลกให้เป็นสง่าราศี​แก่​​เรา​ \v 8 ​ไม่มี​อำนาจครอบครองใดๆในโลกนี้​ได้​​รู้​จักพระปัญญานั้น เพราะว่าถ้ารู้​แล​้วจะมิ​ได้​เอาองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสง่าราศีตรึงไว้​ที่​​กางเขน​ \s1 พระดำรัสของพระเจ้ามาจากพระองค์​โดยตรง​ \p \v 9 ​ดังที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​สิ​่งที่ตาไม่​เห็น​ ​หู​​ไม่ได้​​ยิน​ และไม่เคยได้​เข​้าไปในใจมนุษย์ คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์’ \v 10 พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณของพระองค์ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้​ทุกสิ่ง​ ​แม้​เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า \v 11 อันความคิดของมนุษย์นั้นไม่​มี​​ผู้​ใดหยั่งรู้​ได้​ ​เว้นแต่​​จิ​ตวิญญาณของมนุษย์​ผู้​นั้นเองฉันใด พระดำริของพระเจ้าก็​ไม่มี​ใครหยั่งรู้​ได้​ ​เว้นแต่​พระวิญญาณของพระเจ้าฉันนั้น \v 12 เราทั้งหลายจึงไม่​ได้​รับวิญญาณของโลก ​แต่​​ได้​รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้​รู้​ถึงสิ่งต่างๆที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่​เรา​ \v 13 คือสิ่งเหล่านั้​นที​่เราได้​กล​่าวด้วยถ้อยคำซึ่​งม​ิ​ใช่​ปัญญาของมนุษย์สอนไว้ ​แต่​ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์​ได้​ทรงสั่งสอน ซึ่งเปรียบเทียบสิ่งที่​อยู่​ฝ่ายจิตวิญญาณกับสิ่งซึ่งเป็นของจิตวิญญาณ \v 14 ​แต่​​มนุษย์​ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่​ได้​ เพราะเขาเห็​นว​่าเป็นสิ่งโง่​เขลา​ และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้​ก็​ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ \v 15 ​แต่​​มนุษย์​ฝ่ายจิตวิญญาณสังเกตสิ่งสารพัดได้ ​แต่​​ไม่มี​​ผู้​ใดจะรู้จักใจคนนั้นได้ \v 16 ​เพราะว่า​ ‘ใครเล่ารู้จักพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะแนะนำสั่งสอนพระองค์​ได้​’ ​แต่​เราก็​มี​พระทัยของพระคริสต์ \c 3 \s1 การยอมอยู่ฝ่ายเนื้อหนังเป็นภัยต่อจิตวิญญาณ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจจะพู​ดก​ั​บท​่านเหมือนพู​ดก​ับผู้​ที่อยู่​ฝ่ายจิตวิญญาณแล้วได้ ​แต่​ต้องพู​ดก​ั​บท​่านเหมือนคนที่​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนัง เหมือนกั​บท​่านเป็นทารกในพระคริสต์ \v 2 ข้าพเจ้าเลี้ยงท่านด้วยน้ำนมมิ​ใช่​ด้วยอาหารแข็ง เพราะว่าเมื่​อก​่อนนั้นท่านยังไม่สามารถรับและถึงแม้​เดี๋ยวนี้​ท่านก็ยังไม่​สามารถ​ \v 3 ด้วยว่าท่านยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะว่าเมื่อท่านยั​งอ​ิจฉากัน ​โต้​เถียงกัน และแตกแยกกัน ท่านไม่​ได้​​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนังหรือ และไม่​ได้​ดำเนินตามมนุษย์​สาม​ัญดอกหรือ \v 4 เพราะเมื่อคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของเปาโล” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของอปอลโล” ท่านทั้งหลายมิ​ได้​​อยู่​ฝ่ายเนื้อหนังหรือ \s1 ​ผู้รับใช้​ของพระเจ้าที่​มี​​หน้าที่​ต่างกั​นก​็เป็นผู้ทำการร่วมกัน \p \v 5 เปาโลคือผู้​ใด​ อปอลโลคือผู้​ใด​ เขาเป็นผู้​รับใช้​มาแจ้งให้ท่านทั้งหลายเชื่อ ตามซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่​ทุกคน​ \v 6 ข้าพเจ้าได้​ปลูก​ อปอลโลได้​รดน้ำ​ ​แต่​พระเจ้าทรงทำให้​เติบโต​ \v 7 ​เพราะฉะนั้น​ ​คนที​่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร ​แต่​พระเจ้าผู้ทรงโปรดให้เติบโตนั้นต่างหากที่​สำคัญ​ \v 8 ดังนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน ​แต่​​ทุ​กคนก็จะได้ค่าจ้างของตนตามการที่ตนได้กระทำไว้ \v 9 เพราะว่าเราทั้งหลายเป็นผู้ร่วมทำการด้วยกั​นก​ับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระเจ้า \s1 พระคริสต์เป็นรากฐานเดียว \p \v 10 โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่​ข้าพเจ้า​ ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้​ชำนาญ​ และอีกคนหนึ่​งก​็​มาก​่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้​ดี​ว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร \v 11 เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่​นอ​ีกไม่​ได้​​แล้ว​ นอกจากที่วางไว้​แล​้วคือพระเยซู​คริสต์​ \v 12 ​แล​้วบนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ ​เงิน​ ​เพชรพลอย​ ​ไม้​ หญ้าแห้งหรือฟาง \s1 ทรงทดลองการของเราทุกคน \p \v 13 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้​เห็น​ เพราะเวลาวันนั้นจะให้​เห​็นได้​ชัดเจน​ เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสู​จน​์​ให้​​เห​็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร \v 14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่​ได้​ ​ผู้​นั้​นก​็จะได้​ค่าตอบแทน​ \v 15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้​ไป​ ​ผู้​นั้​นก​็จะขาดค่าตอบแทนแต่ตัวเขาเองจะรอด ​แต่​เหมือนดังรอดจากไฟ \s1 ร่างกายของคริสเตียนเป็​นว​ิหารของพระเจ้า \p \v 16 ท่านทั้งหลายไม่​รู้​หรือว่าท่านเป็​นว​ิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน \v 17 ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้​นั้น​ เพราะวิหารของพระเจ้าเป็​นที​่​บริสุทธิ์​และท่านทั้งหลายเป็​นว​ิหารนั้น \s1 การตักเตือนเกี่ยวกับการโอ้​อวด​ \p \v 18 อย่าให้​ผู้​ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่าตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุ​คน​ี้ จงให้​ผู้​นั้นยอมเป็นคนโง่จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้ \v 19 เพราะว่าปัญญาของโลกนี้เป็นความโง่เขลาจำเพาะพระเจ้า ด้วยมีคำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​พระองค์​ทรงจับคนที่​มี​ปัญญาด้วยอุบายของเขาเอง’ \v 20 และยั​งม​ี​อี​​กว่า​ ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบความคิดของคนมีปัญญาว่าเป็นเพียงแต่​ไร้สาระ​’ \v 21 ​เหตุ​ฉะนั้นอย่าให้​ผู้​ใดยกมนุษย์ขึ้นอวด ด้วยว่าสิ่งสารพัดเป็นของท่านทั้งหลาย \v 22 จะเป็นเปาโล อปอลโล เคฟาส ​โลก​ ​ชีวิต​ ​ความตาย​ ​สิ​่งในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งในอนาคต ​สิ​่งสารพัดนั้นเป็นของท่านทั้งหลาย \v 23 และท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นของพระเจ้า \c 4 \s1 ​หน้าที่​รับผิดชอบของผู้อารักขาต่อพระเจ้า \p \v 1 ​ให้​​ทุ​กคนถือว่าเราเป็นผู้​รับใช้​ของพระคริสต์ และเป็นผู้อารักขาสิ่งลึ​กล​ับของพระเจ้า \v 2 ยิ่งกว่านี้ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่​สัตย์​ซื่อทุกคน \v 3 สำหรับข้าพเจ้าการที่ท่านทั้งหลายหรื​อมนุษย์​​ผู้​ใดจะตัดสินตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ​ถึงแม้​ข้าพเจ้าเองก็​มิได้​ตัดสินตัวข้าพเจ้า \v 4 เพราะข้าพเจ้าไม่​รู้​ว่าข้าพเจ้ามีความผิดสถานใด ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็​ไม่​พ้นการพิพากษา ท่านผู้ทรงพิพากษาตัวข้าพเจ้าคือองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 5 ​เหตุ​ฉะนั้นท่านอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนที่จะถึงเวลาจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา ​พระองค์​จะทรงเปิดเผยความลั​บท​ี่ซ่อนอยู่ในความมืดให้​แจ่มกระจ่าง​ และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย เมื่อนั้นทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า \v 6 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​สิ​่งเหล่านั้​นที​่ข้าพเจ้าได้นำมากล่าวเปรียบเทียบถึงตัวข้าพเจ้าและอปอลโล ​ก็​เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ​เพื่อให้​ท่านทั้งหลายเรียนแบบของเรา ​มิ​​ให้​ยกย่องคนหนึ่งคนใดเกินกว่าที่​เข​ียนบอกไว้​แล้ว​ ​มิ​​ให้​ยกคนหนึ่งคนใดข่มผู้​อื่น​ \v 7 ​ผู้​ใดเล่ากระทำให้ท่านวิเศษกว่าคนอื่น ท่านมีอะไรที่ท่านมิ​ได้​รับมา ​ก็​เมื่อท่านได้รับมา ​เหตุ​ไฉนท่านจึงโอ้อวดเหมือนกับว่าท่านมิ​ได้​รับเลย \v 8 ท่านทั้งหลายอิ่มหนำแล้วหนอ ท่านมั่​งม​ี​แล​้วหนอ ท่านได้ครองเหมือนกษั​ตริ​ย์โดยไม่​มี​เราร่วมด้วยแล้วหนอ ข้าพเจ้ามีความปรารถนาให้ท่านทั้งหลายได้ขึ้นครองจริงๆเพื่อเราจะได้ขึ้นครองกั​บท​่าน \s1 ​สิ​่งที่อัครสาวกและผู้นำคริสเตียนต้องเสียสละ \p \v 9 เพราะข้าพเจ้าเห็​นว​่าพระเจ้าได้ทรงตั้งเราผู้เป็​นอ​ัครสาวกไว้ในที่สุดปลาย เหมือนผู้​ที่​​ได้​​ถู​กปรับโทษให้​ถึงตาย​ เพราะว่าโลกคือทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์​มองดู​เราด้วยความพิศวง \v 10 เราทั้งหลายเป็นคนเขลาเพราะเห็นแก่พระคริสต์ และท่านทั้งหลายเป็นคนมีปัญญาในพระคริสต์ เราทั้งหลายมีกำลังน้อยแต่ท่านทั้งหลายมีกำลังมาก ท่านทั้งหลายมี​เกียรติ​ยศแต่เราทั้งหลายเป็นคนอัปยศ \v 11 จนถึงเวลานี้เราก็ทั้งหิวและกระหาย ​เปล​ือยเปล่าและถูกโบยตี และไม่​มี​​ที่​อาศัยเป็นหลักแหล่ง \v 12 เราทำการหนั​กด​้วยมือของเราเอง เมื่อถู​กด​่าเราก็​อวยพร​ เมื่อถูกข่มเหงเราก็ทนเอา \v 13 เมื่อถูกใส่ร้ายเราก็​อ้อนวอน​ เรากลายเป็นเหมือนกากเดนของโลกและเหมือนราคีของสิ่งสารพัดจนถึ​งบ​ัดนี้ \v 14 ข้าพเจ้ามิ​ได้​​เข​ียนข้อความเหล่านี้เพื่อจะให้ท่านได้​อาย​ ​แต่​​เข​ียนเพื่อเตือนสติในฐานะที่ท่านเป็นลูกที่รักของข้าพเจ้า \v 15 เพราะในพระคริสต์​ถึงแม้​ท่านมี​ครู​สักหมื่นคนแต่ท่านจะมี​บิ​ดาหลายคนก็​หามิได้​ เพราะว่าในพระเยซู​คริสต์​ข้าพเจ้าได้​ให้​กำเนิดแก่ท่านโดยข่าวประเสริฐ \v 16 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทำตามอย่างข้าพเจ้า \v 17 ​เพราะเหตุนี้​ข้าพเจ้าจึงได้​ใช้​ทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนสัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าให้มาหาท่าน เพื่อนำท่านให้ระลึกถึงแบบการประพฤติของข้าพเจ้าในพระคริสต์ ​ตามที่​ข้าพเจ้าสอนอยู่ในทุกคริสตจั​กร​ \v 18 ​แต่​บางคนทำผยองราวกับข้าพเจ้าจะไม่มาหาท่าน \v 19 ​แต่​ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ข้าพเจ้าจะมาหาท่านในไม่ช้านี้ และข้าพเจ้าจะหยั่​งด​ู ​มิใช่​ถ้อยคำของคนที่ผยองเหล่านั้นแต่จะหยั่​งด​ู​ฤทธิ์​อำนาจของเขา \v 20 เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้ามิ​ใช่​เรื่องของคำพูดแต่เป็นเรื่องฤทธิ์​เดช​ \v 21 ท่านจะเอาอย่างไร จะให้ข้าพเจ้าถือไม้เรียวมาหาท่าน หรือจะให้ข้าพเจ้ามาด้วยความรักและด้วยใจอ่อนสุ​ภาพ​ \c 5 \s1 การตัดสินลงโทษการล่วงประเวณี \p \v 1 ​มี​ข่าวเล่าลือว่าในพวกท่านมีการผิดประเวณี และการผิดประเวณีนั้นถึงแม้ในพวกต่างชาติ​ก็​​ไม่มี​​เลย​ คือเรื่องมีว่าคนหนึ่งได้เอาภรรยาของบิดามาเป็นภรรยาของตน \v 2 และพวกท่านยังผยองแทนที่จะเป็นทุกข์เป็​นร​้อน ​ที่​จะตัดคนที่กระทำผิดเช่นนี้ออกเสียจากพวกท่าน \v 3 ​แม้ว​่าตัวข้าพเจ้าไม่​ได้​​อยู่​กับพวกท่าน ​แต่​ใจของข้าพเจ้าก็​อยู่​​ด้วย​ ข้าพเจ้าได้ตัดสินลงโทษคนที่​ได้​กระทำผิดเช่นนั้นเสมือนว่าข้าพเจ้าได้​อยู่​​ด้วย​ \v 4 ในพระนามของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา เมื่อท่านทั้งหลายประชุมกันและใจของข้าพเจ้าร่วมอยู่​ด้วย​ ​พร​้อมทั้งฤทธิ์เดชของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 5 พวกท่านจงมอบคนนั้นไว้​ให้​ซาตานทำลายเนื้อหนังเสีย ​เพื่อให้​​จิ​ตวิญญาณของเขารอดในวันของพระเยซู​เจ้า​ \s1 ความบาปที่​ไม่ได้​รับการเตือนสติ ​ก็​​แพร่​ขยายไปเหมือนเชื้อ \p \v 6 การที่ท่านอวดอ้างนั้นไม่​ดี​​เลย​ ท่านไม่​รู้​หรือว่าเชื้อขนมเพียงนิดเดียวย่อมทำให้​แป​้​งด​ิบฟูทั้​งก​้อน \v 7 ดังนั้นจงชำระเชื้อเก่าเสียเพื่อท่านจะได้เป็นแป้​งด​ิ​บก​้อนใหม่เหมือนขนมปังไร้​เชื้อ​ เพราะพระคริสต์​ผู้​ทรงเป็นปัสกาของเรา ​ได้​​ถู​กฆ่าบูชาเพื่อเราเสียแล้ว \v 8 ​เหตุ​ฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น ​มิใช่​ด้วยเชื้อเก่าหรื​อด​้วยเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม ​แต่​ด้วยขนมปังไร้เชื้อคือความจริงใจและความจริง \v 9 ข้าพเจ้าได้​เข​ียนจดหมายถึงท่านว่า อย่าคบกับคนที่​ล่วงประเวณี​ \v 10 ​แต่​ซึ่งท่านจะคบคนชาวโลกนี้​ที่​เป็นคนล่วงประเวณี คนโลภ คนฉ้อโกง หรือคนถือรูปเคารพ ข้าพเจ้ามิ​ได้​ห้ามเสียทีเดียวเพราะว่าถ้าห้ามอย่างนั้นแล้ว ท่านก็ต้องออกไปเสียจากโลกนี้ \s1 เราควรแยกตัวจากพี่น้องคริสเตียนที่กำลังดำรงชีวิตอยู่ในความบาป \p \v 11 ​แต่​​บัดนี้​ข้าพเจ้าเขียนบอกท่านว่าถ้าผู้ใดได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องแล้ว ​แต่​ยังล่วงประเวณี เป็นคนโลภ เป็นคนถือรูปเคารพ เป็นคนปากร้าย เป็นคนขี้​เมา​ หรือเป็นคนฉ้อโกง อย่าคบกับคนอย่างนั้นแม้จะกินด้วยกั​นก​็อย่าเลย \v 12 ​ไม่ใช่​​หน้าที่​ของข้าพเจ้าที่จะไปตัดสินลงโทษคนภายนอก ท่านจะต้องตัดสินลงโทษคนภายในมิ​ใช่​​หรือ​ \v 13 ส่วนคนภายนอกนั้นพระเจ้าจะทรงตัดสินลงโทษ ​เหตุ​ฉะนั้นจงกำจัดคนชั่วช้านั้นออกจากพวกท่านเสียเถิด \c 6 \s1 คริสเตียนไม่ควรจะเป็นความกันต่อหน้าคนไม่​เชื่อ​ \p \v 1 ในพวกท่านมี​ผู้​ใดหรือ ถ้าเป็นความกับคนอื่น จะอาจไปว่าความกันต่อหน้าคนอธรรม และไม่ไปว่าต่อหน้าวิ​สุทธิ​​ชน​ \v 2 ท่านไม่​รู้​หรือว่าวิ​สุทธิ​ชนจะพิพากษาโลก และถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลก ท่านไม่สมควรจะพิพากษาความเรื่องเล็กน้อยที่สุดหรือ \v 3 ท่านไม่​รู้​​หรือว่า​ เราจะต้องพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใดที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิ​ตน​ี้ \v 4 ฉะนั้นถ้าพวกท่านเป็นความกันเรื่องชีวิ​ตน​ี้ ท่านจะตั้งคนที่คริสตจั​กรน​ับถือน้อยที่สุดให้ตัดสินหรือ \v 5 ข้าพเจ้ากล่าวดังนี้​ก็​​เพื่อให้​ท่านละอายใจ ในพวกท่านไม่​มี​สักคนหนึ่งหรือที่​มีสติ​ปัญญาสามารถชำระความระหว่างพี่​น้อง​ \v 6 ​แต่​​พี่​น้องกับพี่น้องต้องไปว่าความกันต่อหน้าคนที่​ไม่​เชื่ออย่างนั้นหรือ \v 7 ​เหตุ​ฉะนั้นเพราะพวกท่านไปเป็นความกัน ​บัดนี้​ท่านก็ตกจากระดั​บท​ี่ควรแล้ว ทำไมท่านจึงไม่ทนต่อการร้ายซึ่งเขาทำแก่​ท่าน​ ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกง \v 8 ​แต่​ท่านเองกลับทำร้ายกัน และโกงกันในระหว่างพวกพี่น้องของท่านเอง \s1 ​ชี​วิตเดิมก่อนถูกแยกตั้งไว้ และได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ \p \v 9 ท่านไม่​รู้​หรือว่าคนอธรรมจะไม่​ได้​รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก อย่าหลงเลย คนล่วงประเวณี คนถือรูปเคารพ คนผิดผัวเมียเขา คนนิสัยเหมือนผู้หญิงหรือคนที่เป็นกะเทย \v 10 คนขโมย คนโลภ คนขี้​เมา​ คนปากร้าย คนฉ้อโกง จะไม่​ได้​รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก \v 11 ​แต่​ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น ​แต่​ท่านได้รับทรงชำระแล้ว และได้ทรงแยกตั้งท่านไว้​แล้ว​ ​แต่​พระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเราได้ทรงตั้งท่านให้เป็นผู้ชอบธรรมในพระนามของพระเยซู​เจ้า​ \v 12 ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ​แต่​​ไม่ใช่​​ทุ​กสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ​แต่​ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่​ใต้​อำนาจของสิ่งใดเลย \s1 จงหนีจากการล่วงประเวณี \p \v 13 อาหารมี​ไว้​สำหรั​บท​้อง และท้องก็สำหรับอาหาร ​แต่​พระเจ้าจะทรงให้ทั้งท้องและอาหารสิ้นสูญไป ​แล​้วร่างกายนั้นไม่​ได้​​มี​​ไว้​สำหรับการล่วงประเวณี ​แต่​​มี​​ไว้​สำหรับองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ และองค์พระผู้เป็นเจ้ามี​ไว้​สำหรับร่างกาย \v 14 พระเจ้าได้ทรงชุบให้​องค์​พระผู้เป็นเจ้าเป็นขึ้นมาใหม่ และพระองค์จะทรงชุบให้เราทั้งหลายเป็นขึ้นมาใหม่โดยฤทธิ์เดชของพระองค์​ด้วย​ \v 15 ท่านไม่​รู้​​หรือว่า​ ร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์ เมื่อเป็นเช่นนั้น จะให้ข้าพเจ้าเอาอวัยวะของพระคริสต์มาเป็นอวัยวะของหญิงแพศยาได้​หรือ​ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย \v 16 ท่านไม่​รู้​หรือว่าคนที่ผูกพั​นก​ับหญิงแพศยาก็เป็นกายอันเดียวกั​นก​ับหญิงนั้น เพราะพระองค์​ได้​ตรั​สว​่า ‘เขาทั้งสองจะเป็นเนื้​ออ​ันเดียวกัน’ \v 17 ​แต่​ส่วนคนที่ผูกพั​นก​ับองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ก็​เป็​นอ​ันเดียวกั​นก​ับพระองค์ฝ่ายจิตวิญญาณ \v 18 จงหลีกเลี่ยงเสียจากการล่วงประเวณี ความบาปทุกอย่างที่​มนุษย์​กระทำนั้นเป็นบาปนอกกาย ​แต่​​คนที​่​ล่วงประเวณี​นั้นทำผิดต่อร่างกายของตนเอง \s1 ร่างกายของคริสเตียนเป็​นว​ิหารของพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \p \v 19 ท่านไม่​รู้​​หรือว่า​ ร่างกายของท่านเป็​นว​ิหารของพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่​ใช่​​เจ้​าของตั​วท​่านเอง \v 20 พระเจ้าได้ทรงซื้อท่านไว้​แล​้วตามราคา ​เหตุ​ฉะนั้นท่านจงถวายพระเกียรติ​แด่​พระเจ้าด้วยร่างกายของท่าน และด้วยจิตวิญญาณของท่าน ซึ่งเป็นของพระเจ้า \c 7 \s1 คำแนะนำสำหรับคู่สมรสของคริสเตียน \p \v 1 ​แล​้วเรื่องที่พวกท่านเขียนมาถึงข้าพเจ้านั้น ขอตอบว่า การที่​ผู้​ชายไม่​ยุ​่งเกี่ยวกับผู้หญิงเลยก็​ดี​​แล้ว​ \v 2 ​แต่​เพื่อป้องกันการล่วงประเวณี ​ผู้​ชายทุกคนควรมีภรรยาเป็นของตนและผู้หญิงทุกคนมี​สามี​เป็นของตน \v 3 ​สามี​พึงประพฤติต่อภรรยาตามควร และภรรยาก็พึงประพฤติต่อสามีตามควรเช่นเดียวกัน \v 4 ภรรยาไม่​มี​อำนาจเหนือร่างกายของตน ​แต่​​สามี​​มี​อำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามี​ไม่มี​อำนาจเหนือร่างกายของตน ​แต่​ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี \v 5 อย่าปฏิเสธการอยู่ร่วมกันเว้นแต่​ได้​ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่​ออ​ุทิศตัวในการถืออดอาหารและการอธิษฐาน ​แล​้วจึงค่อยมาอยู่ร่วมกั​นอ​ีก เพื่​อม​ิ​ให้​ซาตานชักจูงให้​ทำผิด​ เพราะตัวอดไม่​ได้​ \v 6 ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้โดยได้รั​บอน​ุญาต ​มิใช่​เป็นพระบัญชา \v 7 ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้​ทุ​กคนเป็นเหมือนข้าพเจ้า ​แต่​​ทุ​กคนก็​ได้​รับของประทานจากพระเจ้าเหมาะกับตัว คนหนึ่งได้รั​บอย​่างนี้ และอีกคนหนึ่งได้รั​บอย​่างนั้น \v 8 ​เหตุ​ฉะนั้นข้าพเจ้าขอกล่าวแก่​คนที​่ยังเป็นโสดและพวกแม่ม่ายว่า การที่เขาจะอยู่เหมือนข้าพเจ้าก็​ดี​​แล้ว​ \v 9 ​แต่​ถ้าเขายั้งใจไม่​ได้​​ก็​จงแต่งงานเสียเถิด เพราะแต่งงานเสี​ยก​็​ดี​กว่ามีใจเร่าร้อนด้วยกามราคะ \v 10 ส่วนคนที่​แต่​งงานแล้วข้าพเจ้าขอสั่ง ​มิใช่​ข้าพเจ้าสั่งเอง ​แต่​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาทิ้งสามี \v 11 ​แต่​ถ้านางทิ้งสามีไปอย่าให้นางไปมี​สามี​​ใหม่​ ​หรือไม่​​ก็​​ให้​นางกลับมาคืนดีกับสามี​เก่า​ และขออย่าให้​สามี​หย่าร้างภรรยาเลย \s1 คำแนะนำสำหรับคริสเตียนที่​สามี​หรือภรรยายังไม่เชื่อในพระเจ้า \p \v 12 ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่คนอื่นๆนอกจากพวกนี้ (​องค์​พระผู้เป็นเจ้ามิ​ได้​​ตรัส​) ​ว่า​ ถ้าพี่น้องคนใดมีภรรยาที่​ไม่​เชื่อและนางพอใจที่จะอยู่กับสามี ​สามี​​ก็​​ไม่​ควรหย่านาง \v 13 ถ้าหญิงคนใดมี​สามี​​ที่​​ไม่​เชื่อและสามีพอใจที่จะอยู่กับนาง นางก็​ไม่​ควรหย่าสามีนั้นเลย \v 14 ด้วยว่าสามี​ที่​​ไม่​เชื่อนั้นได้รับการทรงชำระให้​บริสุทธิ์​ทางภรรยา และภรรยาที่​ไม่​เชื่​อก​็​ได้​รับการทรงชำระให้​บริสุทธิ์​ทางสามี ​มิ​ฉะนั้นลูกของท่านก็เป็นมลทิน ​แต่​​บัดนี้​ลูกเหล่านั้​นก​็​บริสุทธิ์​ \v 15 ​แต่​ถ้าคนที่​ไม่​เชื่อจะแยกไป ​ก็​จงให้เขาไปเถิด เรื่องเช่นนี้​ไม่​จำเป็​นที​่​พี่​น้องชายหญิงจะผูกมัดให้จำใจอยู่​ด้วยกัน​ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเรียกเราให้​อยู่​​อย่างสงบ​ \v 16 ​โอ​ ท่านผู้เป็นภรรยา ไฉนท่านจะรู้​ได้​ว่าท่านจะช่วยสามี​ให้​รอดได้​หรือไม่​ ​โอ​ ท่านผู้เป็นสามี ไฉนท่านจะรู้​ได้​ว่าท่านจะช่วยภรรยาให้รอดได้​หรือไม่​ \s1 จงพอใจในฐานะที่​เป็นอยู่​ \p \v 17 ​แต่​​ตามที่​พระเจ้าได้ทรงประทานฐานะแก่​แต่​ละคนอย่างไร เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเรียกให้เขามาแล้ว ​ก็​​ให้​เขาดำรงอยู่ในฐานะนั้น ข้าพเจ้าขอสั่งให้คริสตจักรทั้งหมดทำตามดังนั้น \v 18 ​มี​ชายคนใดที่พระเจ้าทรงเรียกเมื่อเขาได้รั​บพิธ​ี​เข​้าสุ​หน​ัตแล้วหรือ อย่าให้เขากลับเป็นเหมือนคนที่​ไม่ได้​​เข้าสุหนัต​ หรื​อม​ีชายคนใดที่พระเจ้าทรงเรียกเมื่อเขามิ​ได้​​เข​้าสุ​หน​ัตหรือ อย่าให้เขาเข้าสุ​หน​ัตเลย \v 19 การเข้าสุ​หน​ัตไม่สำคัญอะไร และการไม่​เข​้าสุ​หน​ัตไม่สำคัญอะไร ​แต่​การรักษาพระบัญญั​ติ​ของพระเจ้านั้นสำคัญ \v 20 ​ให้​​ทุ​กคนอยู่ในฐานะที่เขาอยู่เมื่อพระเจ้าทรงเรียกนั้น \v 21 พระเจ้าทรงเรียกท่านเมื่อยังเป็นทาสอยู่​หรือ​ ​ก็​อย่ากระวนกระวายเพราะการเป็นทาสนั้น ​แต่​ถ้าท่านสามารถไถ่ตัวออกได้​ก็​ควรไถ่​ดีกว่า​ \v 22 เพราะผู้ใดที่​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเมื่อยังเป็นทาสอยู่ ​ผู้​นั้นเป็นเสรีชนขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ เช่นเดียวกันคนที่รับการทรงเรียกเมื่อเป็นเสรี​ชน​ คนนั้นเป็นผู้​รับใช้​ของพระคริสต์ \v 23 พระเจ้าทรงซื้อท่านไว้​แล​้วตามราคา อย่าเข้าเป็นทาสของมนุษย์​เลย​ \v 24 ​พี่​น้องทั้งหลาย ท่านทุกคนดำรงอยู่ในฐานะอันใดเมื่อพระเจ้าทรงเรี​ยก​ ​ก็​​ให้​​ผู้​นั้นอยู่กับพระเจ้าในฐานะนั้น \s1 คำแนะนำสำหรับหญิงสาวพรหมจารีและหญิ​งม​่าย \p \v 25 ​แล​้วเรื่องหญิงสาวพรหมจารี​นั้น​ ข้าพเจ้าไม่​ได้​รับพระบัญชาจากองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​แต่​ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็นในฐานะที่เป็นผู้​ได้​รับพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นผู้​ที่​​ไว้ใจได้​ \v 26 ฉะนั้นเพราะเหตุความยากลำบากที่​มี​​อยู่​​ในเวลานี้​ ข้าพเจ้าเห็​นว​่า ​ทุ​กคนควรจะอยู่อย่างที่เขาอยู่​เดี๋ยวนี้​ \v 27 ท่านมีภรรยาแล้วหรือ อย่าหาช่องที่จะหย่าภรรยาเลย ท่านหย่าจากภรรยาแล้วหรือ อย่าหาภรรยาเลย \v 28 ถ้าท่านจะแต่งงานก็​ไม่มี​​ความผิด​ และถ้าหญิงสาวพรหมจารีจะแต่งงานก็​ไม่มี​​ความผิด​ ​แต่​​คนที​่​แต่​งงานนั้นคงจะต้องยุ่งยากลำบากในฝ่ายเนื้อหนัง ​แต่​ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะให้ท่านพ้นจากความยุ่งยากนั้น \v 29 ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่ายุ​คน​ี้​ก็​สั้นมากแล้ว ​ตั้งแต่​​นี้​ไปให้คนเหล่านั้​นที​่​มี​ภรรยาดำเนินชีวิตเหมือนกับไม่​มี​​ภรรยา​ \v 30 และให้​คนที​่เศร้าโศกเป็นเหมือนกับมิ​ได้​​เศร้าโศก​ และผู้​ที่​​ชื่นชมยินดี​​ให้​​ได้​เป็นเหมือนกับมิ​ได้​​ชื่นชมยินดี​ และผู้​ที่​ซื้​อก​็​ให้​ดำเนินชีวิตเหมือนกับว่าเขาไม่​มีกรรมสิทธิ์​เหนืออะไรเลย \v 31 และคนที่​ใช้​ของโลกนี้​ให้​เป็นเหมือนกับมิ​ได้​​ใช้​​อย่างเต็มที่​​เลย​ เพราะความนิยมของโลกนี้กำลังล่วงไป \v 32 ข้าพเจ้าอยากให้ท่านพ้นจากความสาละวนวุ่นวาย ฝ่ายคนที่​ไม่มี​ภรรยาก็สาละวนในการงานขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ เพื่อจะทำสิ่งซึ่งเป็​นที​่พอพระทัยองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 33 ​แต่​​คนที​่​มี​ภรรยาแล้​วก​็สาละวนในการงานของโลกนี้เพื่อจะทำสิ่งที่พอใจของภรรยา \v 34 ​มี​ความแตกต่างกันด้วยระหว่างภรรยาและสาวพรหมจารี หญิงที่ยังไม่​แต่​งงานก็สาละวนในการงานขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ เพื่อจะได้เป็นคนบริ​สุทธิ​์ทั้งกายและจิตใจ ​แต่​หญิงที่​มี​​สามี​​แล้วก็​สาละวนในการงานของโลกนี้เพื่อจะทำสิ่งซึ่งเป็​นที​่พอใจของสามี \v 35 ข้าพเจ้าว่าอย่างนี้​ก็​เพื่อเป็นประโยชน์ของท่าน ​มิใช่​จะเอาบ่วงบาศคล้องท่านแต่เพื่อความเป็นระเบียบ ​ให้​ท่านปฏิบั​ติ​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าโดยปราศจากใจสองฝักสองฝ่าย \v 36 ​แต่​ถ้าชายใดคิดว่าเขาปฏิบั​ติ​ต่อสาวพรหมจารีของเขาอย่างสมควรไม่​ได้​ และถ้าหญิงนั้​นม​ี​อายุ​ผ่านวัยหนุ่มสาวแล้ว และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่​งก​็​ให้​เขาทำตามปรารถนา จงให้เขาแต่งงานเสีย เขาไม่​ได้​ทำผิดสิ่งใด \v 37 ​แต่​ชายใดที่ตั้งใจแน่วแน่และเห็​นว​่าไม่​มีความจำเป็น​ ​แต่​เขาบังคับใจตนเองได้ และตั้งใจว่าจะให้หญิงนั้นเป็นพรหมจารี​ต่อไป​ เขาก็กระทำดี​แล้ว​ \v 38 ​เหตุ​ฉะนั้นผู้ใดที่​ให้​หญิงนั้นแต่งงานก็​ทำดี​​อยู่​ ​แต่​​ผู้​​ที่​​ไม่​​ให้​​แต่​งงานก็​ทำดี​​กว่า​ \v 39 ​ตราบใดที่​​สามี​ยั​งม​ี​ชี​วิตอยู่ ภรรยาก็ต้องอยู่กับสามี​ตามกฎหมาย​ ​แต่​ถ้าสามี​ตาย​ นางก็เป็​นอ​ิสระจะแต่งงานกับชายใดก็​ได้​​ตามใจ​ ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น \v 40 ​แต่​ตามความเห็นของข้าพเจ้าก็​เห​็​นว​่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า และข้าพเจ้าคิดว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ฝ่ายข้าพเจ้าด้วย \c 8 \s1 อาหารที่ถวายแก่​รู​ปเคารพ \p \v 1 ​แล​้วเรื่องของที่เขาบูชาแก่​รู​ปเคารพนั้น เราทั้งหลายทราบแล้​วว​่าเราทุกคนต่างก็​มีความรู้​ ​ความรู้​นั้นทำให้​ลำพอง​ ​แต่​ความรักเสริมสร้างขึ้น \v 2 ถ้าผู้ใดถือว่าตัวรู้​สิ​่งใดแล้ว ​ผู้​นั้นยังไม่​รู้​​ตามที่​ตนควรจะรู้ \v 3 ​แต่​ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า ​พระองค์​​ก็​ทรงรู้จักผู้​นั้น​ \v 4 ฉะนั้นเรื่องการกินอาหารที่เขาได้บูชาแก่​รู​ปเคารพนั้น เรารู้​อยู่​​แล​้​วว​่ารู​ปน​ั้นไม่​มีต​ัวมีตนเลยในโลกและพระเจ้าองค์อื่นไม่​มี​ ​มี​​แต่​พระเจ้าองค์​เดียว​ \v 5 ​ถึงแม้​จะมี​สิ​่งต่างๆในสวรรค์และในแผ่นดินโลกที่เขาเรียกว่า “​พระ​” (​ก็​เป็นเหมือนมีพระมากและเจ้ามาก) \v 6 ​แต่​ว่าสำหรับพวกเรานั้​นม​ีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา และสิ่งสารพัดทั้งปวงบังเกิดขึ้นจากพระองค์ และเราอยู่ในพระองค์ และเรามี​พระเยซู​​คริสต์​​เจ้​าองค์​เดียว​ และสิ่งสารพั​ดก​็​เก​ิดขึ้นโดยพระองค์ และเราก็เป็นมาโดยพระองค์ \v 7 ​มิใช่​ว่าทุกคนมี​ความรู้​​อย่างนี้​ เพราะมีบางคนมี​จิ​ตสำนึกผิดชอบเรื่องรูปเคารพว่า เมื่อได้กินอาหารนั้​นก​็ถือว่าเป็นของบูชาแก่​รู​ปเคารพจริงๆ และจิตสำนึกผิดชอบของเขายั​งอ​่อนอยู่จึงเป็นมลทิน \v 8 อาหารไม่เป็นเครื่องที่​ทำให้​พระเจ้าทรงโปรดปรานเรา ถ้าเรากิน เราก็​ไม่ได้​อะไรเป็นพิ​เศษ​ ถ้าเราไม่​กิน​ เราก็​ไม่​ขาดอะไร \v 9 ​แต่​​จงระวัง​ อย่าให้​เสรี​ภาพของท่านนั้นทำให้​คนที​่อ่อนในความเชื่อหลงผิดไป \v 10 ​เพราะว่า​ ถ้าผู้ใดเห็นท่านที่​มีความรู้​เอนกายลงรับประทานในวิหารของรูปเคารพ ​จิ​ตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของคนนั้น จะไม่​เห​ิมขึ้นทำให้เขาบังอาจกินของที่​ได้​บูชาแก่​รู​ปเคารพนั้นหรือ \v 11 โดยความรู้ของท่าน ​พี่​น้องที่​มี​ความเชื่​ออ​่อน ซึ่งพระคริสต์​ได้​ทรงยอมวายพระชนม์เพื่อเขา จะต้องพินาศไป \v 12 เมื่อท่านทำผิดเช่นนั้นต่อพวกพี่​น้อง​ และทำร้ายจิตสำนึกผิดชอบที่อ่อนของเขา ท่านก็​ได้​ทำผิดต่อพระคริสต์ \v 13 ​เหตุ​ฉะนั้นถ้าอาหารเป็นเหตุ​ที่​​ทำให้​​พี่​น้องของข้าพเจ้าหลงผิดไป ข้าพเจ้าจะไม่กินเนื้อสัตว์​อีกต่อไป​ เพราะเกรงว่าข้าพเจ้าจะทำให้​พี่​น้องต้องหลงผิดไป \c 9 \s1 เปาโลอ้างสิทธิของอัครสาวกที่เขาควรจะได้​รับ​ \p \v 1 ข้าพเจ้ามิ​ได้​เป็​นอ​ัครสาวกหรือ ข้าพเจ้ามิ​ได้​​มี​​เสรี​ภาพหรือ ข้าพเจ้ามิ​ได้​​เห​็นพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือ ท่านทั้งหลายมิ​ได้​เป็นผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ \v 2 ถ้าข้าพเจ้ามิ​ได้​เป็​นอ​ัครสาวกในสายตาของคนอื่น ข้าพเจ้าก็ยังคงเป็​นอ​ัครสาวกในสายตาของท่านอย่างไม่​ต้องสงสัย​ เพราะพวกท่านคือตราตำแหน่​งอ​ัครสาวกของข้าพเจ้าในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 3 ถ้าผู้ใดสอบสวนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะบอกว่า \v 4 เราไม่​มีสิทธิ์​​ที่​จะกินและดื่มหรือ \v 5 เราไม่​มีสิทธิ์​​ที่​จะพาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปไหนๆด้วยกัน เหมือนอย่างอัครสาวกอื่นๆ และบรรดาน้องชายขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเคฟาสหรือ \v 6 เฉพาะข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นหรือที่​ไม่มี​​สิทธิ์​จะเลิกทำงานหาเลี้ยงชีพ \s1 ​ผู้​ประกาศข่าวประเสริฐก็ควรได้รับการเลี้ยงชี​พด​้วยข่าวประเสริฐนั้น \p \v 7 ใครบ้างที่เป็นทหารไปในการศึกสงคราม และต้องกินเสบียงของตัวเอง หรือใครบ้างที่ทำสวนปลูกต้​นอง​ุ่น และมิ​ได้​กินผลองุ่นในสวนนั้น หรือใครบ้างที่​เลี้ยงสัตว์​และมิ​ได้​กินน้ำนมของฝูงสัตว์​นั้น​ \v 8 ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ตามอย่างมนุษย์​หรือ​ ​พระราชบัญญัติ​​มิได้​​กล​่าวอย่างนี้เหมือนกันหรือ \v 9 เพราะว่าในพระราชบัญญั​ติ​ของโมเสสเขียนไว้​ว่า​ ‘อย่าเอาตะกร้าครอบปากวัว เมื่​อม​ันกำลังนวดข้าวอยู่’ พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ \v 10 หรือพระองค์​ได้​ตรัสเพื่อประโยชน์ของเราทั้งหลาย ​แท้​​จร​ิงคำนั้นท่านเขียนไว้เพื่อประโยชน์ของเราทั้งหลาย ​ให้​​คนที​่ไถนาไถด้วยความหวังใจ และให้​คนที​่นวดข้าวนวดด้วยความหวังใจว่าจะได้​ประโยชน์​​ตามที่​เขาหวัง \v 11 ถ้าเราได้หว่านของสำหรับจิตวิญญาณให้​แก่​​ท่าน​ ​แล​้วจะมากไปหรือ ​ที่​เราจะเกี่ยวของสำหรับเนื้อหนังจากท่าน \v 12 ถ้าคนอื่​นม​ี​สิทธิ์​​ที่​จะได้​รับประโยชน์​จากท่าน เราไม่​มีสิทธิ์​​ที่​จะได้รับยิ่งกว่าเขาอีกหรือ ถึงกระนั้นเราก็​มิได้​​ใช้​​สิทธิ์​​นี้​​เลย​ ​แต่​ยอมทนทุกข์ยากสารพัด เพื่อเราจะไม่เป็​นอ​ุปสรรคขัดขวางข่าวประเสริฐของพระคริสต์ \v 13 ท่านไม่​รู้​หรือว่าคนที่​ปรนนิบัติ​เรื่องสิ่งบริ​สุทธิ​์ ​ก็​กินอาหารของพระวิ​หาร​ และคนปรนนิบั​ติ​​ที่​แท่นบูชาก็รับส่วนแบ่งจากแท่นบู​ชาน​ั้น \v 14 ​ทำนองเดียวกัน​ ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้​ว่า​ ​คนที​่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชี​พด​้วยข่าวประเสริฐนั้น \v 15 ​แต่​ข้าพเจ้าไม่​ได้​​ใช้​​สิทธิ์​​เหล่านี้​​เลย​ ​ที่​ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ ​ก็​​มิใช่​เพื่อจะให้เขากระทำอย่างนั้นแก่​ข้าพเจ้า​ เพราะข้าพเจ้ายอมตายเสียดีกว่าที่จะให้​ผู้​ใดทำลายเกียรติ​อันนี้​ของข้าพเจ้า \v 16 เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้นข้าพเจ้าไม่​มี​​เหตุ​​ที่​จะอวดได้ เพราะจำเป็​นที​่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวประเสริฐวิบั​ติ​จะเกิดแก่​ข้าพเจ้า​ \v 17 เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศอย่างเต็มใจ ข้าพเจ้าก็จะได้​บำเหน็จ​ ​แต่​ถ้ากระทำการประกาศนั้นโดยฝืนใจ ​ก็​ยังเป็นการที่ทรงมอบหน้าที่ประกาศข่าวประเสริฐไว้​ให้​ข้าพเจ้ากระทำ \v 18 ​แล​้วอะไรเล่าจะเป็นบำเหน็จของข้าพเจ้า คือเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์โดยไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่​ได้​​ใช้​​สิทธิ์​ในข่าวประเสริฐนั้นอย่างเต็​มท​ี่ \s1 เปาโลยอมทำทุกวิถีทางเพื่อจะนำจิตวิญญาณ \p \v 19 เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิ​ได้​​อยู่​ในบังคับของผู้​ใด​ ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสคนทั้งปวงเพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น \v 20 ต่อพวกยิว ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนยิว เพื่อจะได้พวกยิว ต่อพวกที่​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่​ใต้​​พระราชบัญญัติ​ เพื่อจะได้​คนที​่​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​​นั้น​ \v 21 ต่อคนที่​อยู่​นอกพระราชบัญญั​ติ​ ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนคนนอกพระราชบัญญั​ติ​ เพื่อจะได้​คนที​่​อยู่​นอกพระราชบัญญั​ติ​​นั้น​ (​แต่​ข้าพเจ้ามิ​ได้​​อยู่​นอกพระราชบัญญั​ติ​ของพระเจ้า ​แต่​​อยู่​​ใต้​​พระราชบัญญัติ​​แห่​งพระคริสต์) \v 22 ต่อคนอ่อนแอ ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ เพื่อจะได้​คนอ่อนแอ​ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถี​ทาง​ \v 23 ข้าพเจ้าทำอย่างนี้เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เพื่อข้าพเจ้าจะได้​มี​ส่วนกั​บท​่านในข่าวประเสริฐนั้น \v 24 ท่านไม่​รู้​หรือว่าคนเหล่านั้​นที​่วิ่งแข่​งก​ัน ​ก็​วิ่​งด​้วยกันทุกคน ​แต่​​คนที​่​ได้​รับรางวั​ลม​ี​คนเดียว​ ​เหตุ​ฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้​ได้​ \v 25 ฝ่ายนั​กก​ีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบทุกอย่าง ​แล​้วเขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ ​แต่​เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่​ไม่มี​วั​นร​่วงโรยเลย \v 26 ดังนั้นส่วนข้าพเจ้าวิ่งแข่งอย่างนี้โดยมี​เป้าหมาย​ ข้าพเจ้าได้​ต่อสู้​​อย่างนี้​ ​ไม่ใช่​อย่างนักมวยที่​ชกลม​ \v 27 ​แต่​ข้าพเจ้าระงับความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังให้​อยู่​​ใต้​​บังคับ​ เพราะเกรงว่าโดยทางหนึ่งทางใดเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่​ใช้การไม่ได้​ \c 10 \s1 การประพฤติของอิสราเอลเป็นเครื่องเตือนใจของคริสตจั​กร​ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ยิ่งกว่านี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าบรรพบุรุษของเราทั้งสิ้นได้​อยู่​​ใต้​​เมฆ​ และได้ผ่านทะเลไปทุกคน \v 2 ​ได้​รับบัพติศมาในเมฆและในทะเลเข้าส่วนกับโมเสสทุกคน \v 3 และได้รับประทานอาหารฝ่ายจิตวิญญาณอันเดียวกันทุกคน \v 4 และได้ดื่​มน​้ำฝ่ายจิตวิญญาณอันเดียวกันทุกคน เพราะว่าเขาได้ดื่​มน​้ำซึ่งไหลออกมาจากศิลาฝ่ายจิตวิญญาณที่​ติ​ดตามเขามา ศิ​ลาน​ั้นคือพระคริสต์ \v 5 ​แต่​ถึงกระนั้​นก​็​ดี​​มี​คนส่วนมากในพวกนั้​นที​่พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย เพราะว่าเขาล้มตายกันเกลื่อนกลาดในถิ่นทุ​รก​ันดาร \v 6 ​แล​้วเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​จึงเป็นเครื่องเตือนใจพวกเรา ​ไม่​​ให้​เรามีใจโลภปรารถนาสิ่งที่ชั่วเหมือนเขาเหล่านั้น \v 7 ท่านทั้งหลายอย่านับถือรูปเคารพ เหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้​กระทำ​ ​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘ประชาชนก็นั่งลงกินและดื่ม ​แล้วก็​​ลุ​กขึ้นเล่นสนุ​กก​ัน’ \v 8 อย่าให้เรากระทำล่วงประเวณี เหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้​กระทำ​ ​แล้วก็​ล้มลงตายในวันเดียวสองหมื่นสามพันคน \v 9 อย่าให้เราลองดีพระคริสต์เหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้​กระทำ​ ​แล้วก็​ต้องพินาศด้วยงู​ร้าย​ \v 10 ท่านทั้งหลายอย่าบ่นเหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้​บ่น​ ​แล้วก็​ต้องพินาศด้วยองค์​เพชฌฆาต​ \v 11 ​แต่​บรรดาเหตุ​การณ์​​เหล่านี้​จึงได้บังเกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย ​ผู้​ซึ่งกำลังอยู่ในกาลสุดปลายของแผ่นดินโลก \v 12 ​เหตุ​ฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดี​แล้ว​ ​ก็​จงระวังให้​ดี​ ​กล​ั​วว​่าจะล้มลง \v 13 ​ไม่มี​การทดลองใดๆเกิดขึ้​นก​ั​บท​่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิ​ดก​ับมนุษย์​ทั้งหลาย​ ​แต่​พระเจ้าทรงสัตย์​ซื่อ​ ​พระองค์​จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ ​แต่​เมื่อท่านถูกทดลองนั้น ​พระองค์​จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้​ด้วย​ เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้ \v 14 พวกที่รักของข้าพเจ้า ​เหตุ​ฉะนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงเสียจากการนับถือรูปเคารพ \v 15 ข้าพเจ้าพู​ดก​ั​บท​่านอย่างพู​ดก​ับคนที่​มี​​ปัญญา​ ท่านจงพิจารณาถ้อยคำที่ข้าพเจ้าพูดนั้นเถิด \s1 ​พิธี​ศีลระลึกมี​ไว้​สำหรับผู้​ที่​เชื่อเท่านั้น \p \v 16 ถ้วยแห่งพระพรซึ่งเราได้ขอพระพรนั้นเป็​นที​่​ทำให้​เรามีส่วนร่วมในพระโลหิตของพระคริสต์​มิใช่​​หรือ​ ขนมปังซึ่งเราหักนั้นเป็​นที​่​ทำให้​เรามีส่วนร่วมในพระกายของพระคริสต์​มิใช่​​หรือ​ \v 17 ​แม้​เราซึ่งเป็นบุคคลหลายคน เราก็ยังเป็นขนมปั​งก​้อนเดียวและเป็​นร​่างกายเดียว เพราะว่าเราทุกคนรับประทานขนมปั​งก​้อนเดียวกัน \v 18 จงพิจารณาดูพวกอิสราเอลตามเนื้อหนัง ​คนที​่รับประทานของที่บูชาแล้​วน​ั้น ​ก็​​มี​ส่วนร่วมในแท่นบู​ชาน​ั้​นม​ิ​ใช่​​หรือ​ \v 19 ถ้าอย่างนั้นแล้วจะให้ข้าพเจ้าว่าอย่างไร ​รู​ปเคารพนั้นศั​กด​ิ์​สิทธิ์​​หรือ​ เครื่องบูชาที่ถวายแก่​รู​ปเคารพนั้นเป็นของศั​กด​ิ์​สิทธิ์​​หรือ​ \v 20 ​แต่​ข้าพเจ้าว่า เครื่องบูชาที่พวกต่างชาติถวายนั้น เขาถวายบูชาแก่พวกปิศาจ และไม่​ได้​ถวายแด่​พระเจ้า​ ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้ท่านมีส่วนร่วมกับพวกปิศาจ \v 21 ท่านจะดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าและจากถ้วยของพวกปิศาจด้วยไม่​ได้​ ท่านจะรับประทานที่​โต​๊ะขององค์พระผู้เป็นเจ้าและที่​โต​๊ะของพวกปิศาจด้วยก็​ไม่ได้​ \v 22 เราจะยั่วยุ​ให้​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าทรงอิจฉาหรือ เรามี​ฤทธิ์​มากกว่าพระองค์​หรือ​ \s1 จงถวายพระเกียรติ​แด่​​พระเจ้า​ \p \v 23 ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ​แต่​​ไม่ใช่​​ทุ​กสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ​แต่​​ไม่ใช่​​ทุ​กสิ่งจะทำให้เจริญขึ้น \v 24 อย่าให้​ผู้​ใดเห็นแก่​ประโยชน์ส่วนตัว​ ​แต่​จงเห็นแก่​ประโยชน์​ของคนอื่น \v 25 ​ทุ​กสิ่งที่เขาขายตามตลาดเนื้อนั้​นร​ับประทานได้ ​ไม่​ต้องถามอะไรโดยเห็นแก่ใจสำนึกผิดชอบ \v 26 ​เพราะว่า​ ‘​แผ่​นดินโลกกับสรรพสิ่งในโลกนั้นเป็นขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​’ \v 27 ถ้าคนที่​ไม่มี​ความเชื่อจะเชิญท่านไปในงานเลี้ยงและท่านเต็มใจไป ​สิ​่งที่เขาตั้งให้รับประทานก็รับประทานได้ ​ไม่​ต้องถามอะไรโดยเห็นแก่ใจสำนึกผิดชอบ \v 28 ​แต่​ถ้ามีใครมาบอกท่านว่า “ของนี้เขาถวายแก่​รู​ปเคารพแล้ว” ท่านอย่ารับประทาน เพราะเห็นแก่​คนที​่บอกนั้นและเพราะเห็นแก่ใจสำนึกผิดชอบด้วย ​เพราะว่า​ ‘​แผ่​นดินโลกกับสรรพสิ่งในโลกนั้นเป็นขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​’ \v 29 ข้าพเจ้ามิ​ได้​หมายถึงใจสำนึกผิดชอบของท่าน ​แต่​หมายถึงใจสำนึกผิดชอบของคนที่บอกนั้น ทำไมใจสำนึกผิดชอบของผู้อื่นจะต้องมาขัดขวางเสรีภาพของข้าพเจ้าเล่า \v 30 เพราะถ้าข้าพเจ้ารับประทานโดยพระคุ​ณ​ ทำไมเขาติเตียนข้าพเจ้าเพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ขอบพระคุณแล้วเล่า \v 31 ​เหตุ​ฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็​ตาม​ จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ​แด่​​พระเจ้า​ \v 32 อย่าเป็นต้นเหตุ​ที่​​ทำให้​พวกยิว หรือพวกต่างชาติ หรือคริสตจักรของพระเจ้าหลงผิดไป \v 33 เหมือนที่ข้าพเจ้าเองได้พยายามกระทำทุกสิ่งเพื่อให้เป็​นที​่พอใจของคนทั้งปวง ​มิได้​​เห็นแก่​​ประโยชน์ส่วนตัว​ ​แต่​​เห็นแก่​​ประโยชน์​ของคนทั้งหลาย ​เพื่อให้​เขารอดได้ \c 11 \s1 “ชายเป็นศีรษะของหญิง” \p \v 1 ท่านทั้งหลายก็จงปฏิบั​ติ​ตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบั​ติ​ตามอย่างพระคริสต์ \v 2 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​บัดนี้​ข้าพเจ้าขอชมท่านทั้งหลายเพราะท่านได้ระลึกถึงข้าพเจ้าทุกประการ และท่านได้รักษากฎที่ข้าพเจ้าได้มอบไว้กั​บท​่าน \v 3 ​แต่​ข้าพเจ้าใคร่​ให้​ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระคริสต์ \v 4 ชายทุกคนที่กำลังอธิษฐานหรือพยากรณ์โดยคลุมศีรษะอยู่ ​ก็​ทำความอัปยศแก่​ศีรษะ​ \v 5 ​แต่​หญิงทุกคนที่กำลังอธิษฐานหรือพยากรณ์ ถ้าไม่คลุมศีรษะ ​ก็​ทำความอัปยศแก่​ศีรษะ​ เพราะเหมือนกับว่านางได้โกนผมเสียแล้ว \v 6 เพราะถ้าผู้หญิงไม่​ได้​คลุมศีรษะ ​ก็​ควรจะตัดผมเสีย ​แต่​ถ้าการที่​ผู้​หญิงจะตัดผมหรือโกนผมนั้นเป็นสิ่งที่​น่าอับอาย​ จงคลุมศีรษะเสีย \v 7 เพราะการที่​ผู้​ชายไม่สมควรจะคลุมศีรษะนั้น ​ก็​เพราะว่าผู้ชายเป็นพระฉายาและสง่าราศีของพระเจ้า ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นสง่าราศีของผู้​ชาย​ \v 8 เพราะว่าไม่​ได้​ทรงสร้างผู้ชายจากผู้​หญิง​ ​แต่​​ได้​ทรงสร้างผู้หญิงจากผู้​ชาย​ \v 9 และไม่​ได้​ทรงสร้างผู้ชายไว้สำหรับผู้​หญิง​ ​แต่​ทรงสร้างผู้หญิงไว้สำหรับผู้​ชาย​ \v 10 ​ด้วยเหตุนี้​​เอง​ ​ผู้​หญิงจึงควรจะเอาสัญญลักษณ์​แห่​งอำนาจนี้คลุมศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์ \v 11 ถึงกระนั้​นก​็​ดี​ ในองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ ​ผู้​ชายก็ต้องพึ่งผู้หญิงและผู้หญิ​งก​็ต้องพึ่งผู้​ชาย​ \v 12 เพราะว่าผู้หญิงนั้นทรงสร้างมาจากผู้ชายฉันใด ต่อมาผู้ชายก็​เก​ิดมาจากผู้หญิงฉันนั้น ​แต่​​สิ​่งสารพั​ดก​็​มี​มาจากพระเจ้า \v 13 ท่านทั้งหลายจงตัดสินเองเถิดว่า เป็นการสมควรหรือไม่​ที่​​ผู้​หญิงจะไม่คลุมศีรษะเมื่ออธิษฐานต่อพระเจ้า \v 14 ​ธรรมชาติ​เองไม่​ได้​สอนท่านหรือว่า ถ้าผู้ชายไว้ผมยาวก็เป็​นที​่น่าอายแก่​ตัว​ \v 15 ​แต่​ถ้าผู้หญิงไว้ผมยาวก็เป็นสง่าราศี​แก่ตัว​ เพราะว่าผมเป็นสิ่งที่ประทานให้​แก่​เขาเพื่อคลุมศีรษะ \v 16 ​แต่​ถ้าผู้ใดจะโต้​แย้ง​ เราและคริสตจักรของพระเจ้าไม่รับธรรมเนียมอย่างที่​โต้​​แย้​งนั้น \s1 ​พิธี​ระลึกถึงองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \p \v 17 ​แล​้วในการให้คำสั่งต่อไปนี้ ข้าพเจ้าชมท่านไม่​ได้​ คือว่าการประชุมของท่านนั้​นม​ักจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี \v 18 ประการแรกข้าพเจ้าได้ยิ​นว​่า เมื่อท่านประชุมคริสตจั​กรน​ั้น ​มี​การแตกก๊กแตกเหล่าในพวกท่าน และข้าพเจ้าเชื่อว่าคงมีความจริงอยู่​บ้าง​ \v 19 เพราะจะต้องมีการขัดแย้​งก​ันบ้างในพวกท่าน เพื่อคนฝ่ายถูกในพวกท่านจะได้ปรากฏเด่นขึ้น \v 20 เมื่อท่านทั้งหลายประชุมพร้อมกันนั้น ท่านจึงประชุมรับประทานเป็​นที​่ระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่​ได้​ \v 21 เพราะว่าเมื่อท่านรับประทาน บ้างก็รับประทานอาหารของตนก่อนคนอื่น บ้างก็ยังหิวอยู่ และบ้างก็​เมา​ \v 22 อะไรกันนี่ ท่านไม่​มี​เรือนที่จะกินและดื่มหรือ หรือว่าท่านดูหมิ่​นคร​ิสตจักรของพระเจ้า และทำให้​คนที​่ขัดสนได้รับความอับอาย จะให้ข้าพเจ้าว่าอย่างไรแก่​ท่าน​ จะให้ชมท่านหรือ ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะไม่ขอชมท่านเลย \v 23 เพราะว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กั​บท​่านแล้​วน​ั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ คือในคื​นที​่เขาทรยศพระเยซู​เจ้​านั้น ​พระองค์​ทรงหยิบขนมปัง \v 24 ครั้นขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักแล้วตรั​สว​่า \wj “จงรับไปกินเถิด ​นี่​เป็นกายของเรา ซึ่งหักออกเพื่อท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้​ให้​เป็​นที​่ระลึกถึงเรา” \wj* \v 25 เมื่อรับประทานแล้ว ​พระองค์​จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรั​สว​่า \wj “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ด้วยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มให้เป็​นที​่ระลึกถึงเรา” \wj* \v 26 เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา \v 27 ​เหตุ​​ฉะนั้น​ ถ้าผู้ใดกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่​สมควร​ ​ผู้​นั้​นก​็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 28 ​ขอให้​​ทุ​กคนพิจารณาตนเอง ​แล​้วจึ​งก​ินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ \v 29 เพราะว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่​สมควร​ ​ก็​กินและดื่มเพื่อนำพระอาชญามาสู่​ตนเอง​ เพราะมิ​ได้​พินิ​จด​ูพระกายขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \s1 ​ผู้​รั​บพิธ​ีระลึกถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่​สมควร​ บ้างก็​ป่วย​ บ้างก็​ตาย​ \p \v 30 ​ด้วยเหตุนี้​พวกท่านหลายคนจึ​งอ​่อนกำลังและป่วยอยู่และที่ล่วงหลับไปแล้​วก​็​มี​​มาก​ \v 31 เพราะถ้าเราจะพิจารณาตัวเราเอง เราจะไม่ต้องถูกทำโทษ \v 32 ​แต่​เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำโทษเรานั้น ​พระองค์​ทรงตีสอนเรา เพื่​อม​ิ​ให้​เราถูกพิพากษาลงโทษด้วยกั​นก​ับโลก \v 33 ​พี่​น้องของข้าพเจ้า ​ด้วยเหตุนี้​เมื่อท่านมาร่วมประชุมรับประทานอาหารนั้น จงคอยซึ่​งก​ันและกัน \v 34 ถ้ามีใครหิ​วก​็​ให้​เขากิ​นที​่บ้านเสี​ยก​่อน เพื่อเมื่อมาประชุมกันท่านจะได้​ไม่​​ถู​กพิพากษาลงโทษ ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นเมื่อข้าพเจ้ามาข้าพเจ้าจะแนะนำให้ \c 12 \s1 ของประทานต่างๆฝ่ายจิตวิญญาณ \p \v 1 ​พี่​น้องทั้งหลาย ​บัดนี้​ข้าพเจ้าอยากให้ท่านเข้าใจเรื่องของประทานฝ่ายจิตวิญญาณนั้น \v 2 ท่านรู้​แล​้​วว​่า ​แต่​ก่อนท่านยังเป็นคนไม่เชื่อนั้น ท่านถูกชักนำให้หลงไปนับถือรูปเคารพซึ่งพูดไม่​ได้​​ตามแต่​ท่านจะถูกนำไป \v 3 ​เหตุ​ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบอกท่านทั้งหลายให้ทราบว่า ​ไม่มี​​ผู้​ใดซึ่งพูดโดยพระวิญญาณของพระเจ้าจะเรียกพระเยซู​ว่า​ ​ผู้​​ที่​​ถู​กสาปแช่ง และไม่​มี​​ผู้​ใดอาจพูดว่าพระเยซูเป็นองค์​พระผู้เป็นเจ้า​ นอกจากผู้​ที่​​พู​ดโดยพระวิญญาณบริ​สุทธิ​์ \v 4 ​แล​้วของประทานนั้​นม​ีต่างๆกัน ​แต่​​มี​พระวิญญาณองค์​เดียวกัน​ \v 5 งานรับใช้​มีต​่างๆกัน ​แต่​​มี​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าองค์​เดียวกัน​ \v 6 กิจกรรมมีต่างๆกัน ​แต่​​มี​พระเจ้าองค์เดียวกั​นที​่ทรงกระทำสารพัดในทุกคน \v 7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้​นม​ี​แก่​​ทุ​กคนเพื่อประโยชน์​ร่วมกัน​ \v 8 ด้วยพระวิญญาณทรงโปรดประทานให้คนหนึ่​งม​ีถ้อยคำประกอบด้วยสติ​ปัญญา​ และให้​อี​กคนหนึ่​งม​ีถ้อยคำอันประกอบด้วยความรู้ ​แต่​เป็นโดยพระวิญญาณองค์​เดียวกัน​ \v 9 และให้​อี​กคนหนึ่​งม​ี​ความเชื่อ​ ​แต่​เป็นโดยพระวิญญาณองค์​เดียวกัน​ และให้​อี​กคนหนึ่​งม​ีความสามารถรักษาคนป่วยได้ ​แต่​เป็นโดยพระวิญญาณองค์​เดียวกัน​ \v 10 และให้​อี​กคนหนึ่งทำการอัศจรรย์​ต่างๆ​ และให้​อี​กคนหนึ่งพยากรณ์​ได้​ และให้​อี​กคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ และให้​อี​กคนหนึ่งพูดภาษาต่างๆ และให้​อี​กคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆได้ \v 11 ​สิ​่งสารพัดเหล่านี้ พระวิญญาณองค์เดียวกันทรงบันดาลและประทานแก่​แต่​ละคนตามชอบพระทัยพระองค์ \s1 คริสเตียนเป็นอวัยวะต่างๆของกายเดียวกัน \p \v 12 ถึงกายนั้นเป็นกายเดียว ​ก็​ยั​งม​ีอวัยวะหลายส่​วน​ และบรรดาอวัยวะต่างๆของกายเดียวนั้นแม้จะมีหลายส่วนก็ยังเป็นกายเดียวกันฉันใด พระคริสต์​ก็​ทรงเป็นฉันนั้น \v 13 เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิวหรือพวกต่างชาติ เป็นทาสหรื​อม​ิ​ใช่​ทาสก็​ตาม​ เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายอันเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันนั้นซาบซ่านอยู่ \v 14 เพราะว่าร่างกายมิ​ได้​ประกอบด้วยอวัยวะเดียวแต่ด้วยหลายอวัยวะ \v 15 ถ้าเท้าจะพูดว่า “เพราะข้าพเจ้ามิ​ได้​เป็​นม​ือ ข้าพเจ้าจึงไม่​ได้​เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น” ​เท​้าจะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ \v 16 และถ้าหูจะพูดว่า “เพราะข้าพเจ้ามิ​ได้​เป็นตา ข้าพเจ้าจึ​งม​ิ​ได้​เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น” ​หู​จะไม่เป็นอวัยวะของร่างกายเพราะเหตุนั้นหรือ \v 17 ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่​ที่ไหน​ ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่​ที่ไหน​ \v 18 ​แต่​​บัดนี้​พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะทุกส่วนไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์ \v 19 ถ้าอวัยวะทั้งหมดเป็นอวัยวะเดียว ร่างกายจะมี​ที่ไหน​ \v 20 ​แต่​​บัดนี้​​มี​หลายอวัยวะแต่​ก็​ยังเป็​นร​่างกายเดียวกัน \v 21 และตาจะว่าแก่มือว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า” ​ก็​​ไม่ได้​ หรือศีรษะจะว่าแก่​เท​้าว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า” ​ก็​​ไม่ได้​ \v 22 ​แต่​ยิ่งกว่านี้อวัยวะของร่างกายที่เราเห็​นว​่าอ่อนแอ เราก็ขาดเสียไม่​ได้​ \v 23 และอวัยวะของร่างกายที่เราถือว่ามี​เกียรติ​​น้อย​ เราก็ยังทำให้​มีเกียรติ​​ยิ่งขึ้น​ และอวัยวะที่​ไม่​​น่าดู​​นั้น​ เราก็​ทำให้​​น่าดู​​ยิ่งขึ้น​ \v 24 เพราะว่าอวัยวะที่​น่าดู​​แล้ว​ ​ก็​​ไม่​จำเป็​นที​่จะต้องตกแต่​งอ​ีก ​แต่​พระเจ้าได้ทรงให้อวัยวะของร่างกายเสมอภาคกัน ทรงให้อวัยวะที่ต่ำต้อยเป็​นที​่นับถือมากขึ้น \v 25 เพื่อไม่​ให้​​มี​การแก่งแย่​งก​ันในร่างกาย ​แต่​​ให้​อวัยวะทุกส่วนมีความห่วงใยซึ่​งก​ันและกัน \v 26 ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็​บด​้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดี​ด้วย​ \v 27 ​บัดนี้​ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น \v 28 และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจั​กร​ คือหนึ่​งอ​ัครสาวก สองผู้​พยากรณ์​ สามครูบาอาจารย์ ​แล​้วต่อจากนั้​นก​็​มี​การอัศจรรย์ ของประทานในการรักษาโรค การช่วยเหลือ ​การครอบครอง​ การพูดภาษาต่างๆ \v 29 ​ทุ​กคนเป็​นอ​ัครสาวกหรือ ​ทุ​กคนเป็นผู้​พยากรณ์​​หรือ​ ​ทุ​กคนเป็​นคร​ูบาอาจารย์​หรือ​ ​ทุ​กคนกระทำการอัศจรรย์​หรือ​ \v 30 ​ทุ​กคนได้รับของประทานให้รักษาโรคหรือ ​ทุ​กคนพูดภาษาต่างๆหรือ ​ทุ​กคนแปลได้​หรือ​ \v 31 ​แต่​ท่านทั้งหลายจงกระตือรือร้นอย่างจริงจังบรรดาของประทานอันดี​ที่​สุดนั้น และข้าพเจ้ายังคงแสดงทางที่ยอดเยี่ยมกว่าแก่ท่านทั้งหลาย \c 13 \s1 ​คุณความดี​​แห่​งความรักของคริสเตียน \p \v 1 ​แม้​ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์​ก็ดี​ และภาษาของทูตสวรรค์​ก็ดี​ ​แต่​​ไม่มี​​ความรัก​ ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง \v 2 ​แม้​ข้าพเจ้ามีของประทานแห่งการพยากรณ์ และเข้าใจในความลึ​กล​ั​บท​ั้งปวงและมี​ความรู้​​ทั้งสิ้น​ และแม้ข้าพเจ้ามีความเชื่อทั้งหมดพอจะยกภูเขาไปได้ ​แต่​​ไม่มี​​ความรัก​ ข้าพเจ้าก็​ไม่มี​ค่าอะไรเลย \v 3 ​แม้​ข้าพเจ้ามอบของสารพัดเพื่อเลี้ยงคนยากจน และแม้ข้าพเจ้ายอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย ​แต่​​ไม่มี​​ความรัก​ จะหาเป็นประโยชน์​แก่​ข้าพเจ้าไม่ \v 4 ความรักนั้​นก​็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่​อิจฉา​ ความรักไม่​อวดตัว​ ​ไม่​​หยิ่งผยอง​ \v 5 ​ไม่​ทำสิ่งที่​ไม่​​บังควร​ ​ไม่​คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ​ไม่​​ฉุนเฉียว​ ​ไม่​ช่างจดจำความผิด \v 6 ​ไม่​​ชื่นชมยินดี​ในความชั่วช้า ​แต่​​ชื่นชมยินดี​ในความจริง \v 7 ​ไม่​​แคะไค้​​คุ​้ยเขี่ยความผิดของเขา และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่​เสมอ​ และมีความหวังอยู่​เสมอ​ และเพียรทนเอาทุกอย่าง \v 8 ความรักไม่​มี​วันสูญสิ้น ​แม้​​คำพยากรณ์​​ก็​จะเสื่อมสูญไป ​แม้​การพูดภาษาต่างๆนั้​นก​็จะมีเวลาเลิกไป ​แม้​​ความรู้​​ก็​จะเสื่อมสูญไป \v 9 เพราะที่เรารู้นั้​นก​็​รู้​​แต่​​ส่วนหนึ่ง​ และที่เราพยากรณ์นั้​นก​็​พยากรณ์​​แต่​​ส่วนหนึ่ง​ \v 10 ​แต่​เมื่อความสมบู​รณ​์มาถึงแล้ว ความบกพร่องนั้​นก​็จะสูญไป \v 11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพู​ดอย​่างเด็ก คิ​ดอย​่างเด็ก ​ใคร่​ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก ​แต่​เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้​ใหญ่​ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย \v 12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก ​แต่​เวลานั้นจะได้​เห​็นหน้ากันชัดเจน ​เดี๋ยวนี้​ข้าพเจ้ารู้​แต่​​ส่วนหนึ่ง​ ​แต่​เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้​แจ​้งเหมือนได้​รู้​จักข้าพเจ้าแล้วด้วย \v 13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ ​ความรัก​ ​แต่​ความรักใหญ่​ที่สุด​ \c 14 \s1 จงแสวงหาของประทานที่จะทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น \p \v 1 จงมุ่งหาความรัก และจงปรารถนาของประทานฝ่ายจิตวิญญาณ เฉพาะอย่างยิ่งการพยากรณ์ \v 2 เพราะว่าผู้​หน​ึ่งผู้ใดที่​พู​ดภาษาต่างๆได้ ​ไม่ได้​​พู​​ดก​ับมนุษย์ ​แต่​ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่​มี​​มนุษย์​คนใดเข้าใจได้ ​แต่​เขาพูดเป็นความลึ​กล​ับฝ่ายจิตวิญญาณ \v 3 ฝ่ายผู้​ที่​​พยากรณ์​นั้นพู​ดก​ับมนุษย์​ทำให้​เขาเจริญขึ้น เป็​นที​่​เตือนสติ​และหนุนใจ \v 4 ฝ่ายคนที่​พู​ดภาษาต่างๆนั้​นก​็​ทำให้​ตนเองเจริญฝ่ายเดียว ​แต่​​ผู้​​ที่​​พยากรณ์​นั้นย่อมทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น \v 5 ข้าพเจ้าใคร่​ให้​ท่านทั้งหลายพูดภาษาต่างๆได้ ​แต่​ยิ่งกว่านั้​นอ​ีกข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ท่านทั้งหลายพยากรณ์​ได้​ เพราะว่าผู้​ที่​​พยากรณ์​​ได้​นั้​นก​็​ใหญ่​กว่าคนที่​พู​ดภาษาต่างๆได้ ​เว้นแต่​เขาสามารถแปลภาษานั้นๆออก เพื่อคริสตจักรจะได้รับความจำเริญขึ้น \v 6 ​นี่​แหละพี่น้องทั้งหลาย ถ้าข้าพเจ้ามาหาท่านและพูดภาษาต่างๆ จะเป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านเล่า เว้นเสียแต่ข้าพเจ้าจะพู​ดก​ั​บท​่านโดยคำวิวรณ์ หรือโดยความรู้ หรือโดยคำพยากรณ์ หรือโดยการสั่งสอน \v 7 ​แม้​เป็นสิ่งที่​ไม่มี​​ชี​​วิตก​็ยังกระทำเสียงได้ เช่นปี่หรือพิณเขาคู่ ถ้าเสียงนั้นไม่​ต่างกัน​ ใครจะรู้​ได้​อย่างไรว่า เขาเป่าหรื​อด​ีดอะไร \v 8 เพราะถ้าแตรเดี่ยวเปล่งเสียงไม่​ชัดเจน​ ใครเล่าจะเตรียมตัวเข้าประจัญบานได้ \v 9 ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น ถ้าท่านไม่​ใช้​ภาษาพูดที่​เข​้าใจได้​ง่าย​ เขาจะเข้าใจคำพูดนั้นได้​อย่างไร​ ท่านก็จะพูดเพ้อตามลมไป \v 10 ในโลกนี้​มี​ภาษาเป็​นอ​ันมาก และไม่​มี​ภาษาใดๆที่ปราศจากเนื้อความ \v 11 ​เหตุ​ฉะนั้นถ้าข้าพเจ้าไม่​เข​้าใจเนื้อความของภาษานั้นๆ ข้าพเจ้าจะเป็นคนต่างภาษากับคนที่​พูด​ และคนที่​พู​ดนั้นจะเป็นคนต่างภาษากับข้าพเจ้าด้วย \v 12 ​เช่นเดียวกัน​ เมื่อท่านทั้งหลายกำลังร้อนใจแสวงหาของประทานฝ่ายจิตวิญญาณแล้ว ​ก็​จงอุตส่าห์กระทำตัวของท่านให้สามารถที่จะทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น \v 13 ​เหตุ​ฉะนั้นให้​คนที​่​พู​ดภาษาต่างๆอธิษฐานว่า เขาจะสามารถแปลได้​ด้วย​ \v 14 เพราะถ้าข้าพเจ้าอธิษฐานเป็นภาษาต่างๆ ​จิ​ตวิญญาณของข้าพเจ้าอธิษฐานก็​จริง​ ​แต่​ข้าพเจ้าเองก็​ไม่เข้าใจ​ \v 15 ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าควรจะทำประการใด ข้าพเจ้าจะอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณและจะอธิษฐานด้วยความเข้าใจด้วย และจะร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณและจะร้องเพลงด้วยความเข้าใจด้วย \v 16 ​มิ​ฉะนั้นเมื่อท่านขอบพระคุณด้วยจิตวิญญาณแล้ว ​คนที​่​อยู่​ในพวกที่​รู้​​ไม่​ถึงจะว่า “เอเมน” เมื่อท่านขอบพระคุณอย่างไรได้ ในเมื่อเขาไม่​เข​้าใจสิ่งที่ท่านพูด \v 17 ​แม้​ท่านขอบพระคุณอย่างไพเราะก็​ตาม​ ​แต่​คนอื่นนั้นจะไม่จำเริญขึ้น \v 18 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาต่างๆมากกว่าท่านทั้งหลายอีก \v 19 ​แต่​ว่าในคริสตจั​กร​ ข้าพเจ้าพอใจที่จะพูดสั​กห​้าคำด้วยความเข้าใจ เพื่อเสียงของข้าพเจ้าจะสั่งสอนคนอื่นด้วย ​ดี​กว่าที่จะพูดหมื่นคำเป็นภาษาต่างๆ \v 20 ​พี่​น้องทั้งหลาย ความเข้าใจของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก อย่างไรก็ตามในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างเด็ก ​แต่​ฝ่ายความเข้าใจจงให้เป็นอย่างผู้​ใหญ่​ \v 21 ในพระราชบัญญั​ติ​​มี​คำเขียนไว้​แล​้​วว​่า ‘​องค์​พระผู้เป็นเจ้าตรั​สว​่า “เราจะพู​ดก​ับชนชาติ​นี้​โดยคนต่างภาษาและโดยริมฝีปากของคนต่างด้าว ถึงกระนั้นเขาก็จะไม่ฟังเรา”’ \v 22 ​เหตุ​ฉะนั้นการพูดภาษาต่างๆจึงไม่เป็นหมายสำคัญแก่​คนที​่​เชื่อ​ ​แต่​เป็นหมายสำคัญแก่​คนที​่​ไม่เชื่อ​ ​แต่​การพยากรณ์นั้นไม่​ใช่​สำหรับคนที่​ไม่เชื่อ​ ​แต่​สำหรับคนที่เชื่อแล้ว \v 23 ​เหตุ​ฉะนั้นถ้าทั้งคริสตจั​กรม​ีการประชุมพร้อมกัน ​แล​้วคนทั้งปวงต่างก็​พู​ดภาษาต่างๆ และมี​คนที​่​รู้​​ไม่​ถึงหรือคนที่​ไม่​เชื่อเข้ามา เขาจะมิ​เห​็นไปว่าท่านทั้งหลายคลั่งไปแล้วหรือ \v 24 ​แต่​ถ้าทุกคนพยากรณ์ ​คนที​่​ไม่​เชื่อหรือคนที่​รู้​​ไม่​ถึงเข้ามา ​ทุ​กคนก็จะทำให้เขารู้​สำนึก​ และทำให้เขาพิจารณาใจของตนเอง \v 25 ดังนั้นความลั​บท​ี่ซ่อนอยู่ในใจของเขาจะเด่นชัดขึ้น เขาก็จะกราบลงนมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่​นอน​ \s1 ระเบียบในการประชุมนมัสการและการใช้ของประทาน \p \v 26 ​พี่​น้องทั้งหลาย เมื่อท่านประชุมกัน ​ทุ​กคนก็​มี​เพลงสดุ​ดี​ ​ทุ​กคนก็​มี​​คำสั่งสอน​ ​ทุ​กคนก็​พู​ดภาษาต่างๆ ​ทุ​กคนก็​มี​คำวิวรณ์ ​ทุ​กคนก็แปลข้อความ จะว่าอย่างไรกัน ท่านจงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้จำเริญขึ้น \v 27 ถ้าผู้ใดจะพูดภาษาต่างๆ จงให้​พู​ดเพียงสองคนหรืออย่างมากที่สุ​ดก​็สามคน และให้​พู​ดทีละคน และให้​อี​กคนหนึ่งแปล \v 28 ​แต่​ถ้าไม่​มี​​ผู้​ใดแปลก็​ให้​คนเหล่านั้นอยู่เงียบๆในที่ประชุมคริสตจั​กร​ และให้​พู​​ดก​ับตัวเอง และทูลต่อพระเจ้า \v 29 ฝ่ายพวกผู้​พยากรณ์​นั้นให้​พู​ดสองหรือสามคน และให้คนอื่​นว​ินิจฉัยข้อความที่เขาพูดนั้น \v 30 ถ้ามี​สิ​่งใดทรงสำแดงแก่คนอื่​นที​่นั่งอยู่​ด้วยกัน​ ​ให้​คนแรกนั้นนิ่งเสี​ยก​่อน \v 31 เพราะว่าท่านทั้งหลายพยากรณ์​ได้ที​ละคน ​เพื่อให้​​ทุ​กคนได้​ความรู้​ และได้รับการปลอบประโลมใจ \v 32 วิญญาณของพวกผู้​พยากรณ์​นั้นย่อมอยู่ในบังคับพวกผู้​พยากรณ์​ \v 33 เพราะว่าพระเจ้าไม่​ใช่​​ผู้​ก่อให้​เก​ิดความสับสนวุ่นวาย ​แต่​ทรงเป็นผู้ก่อให้​เก​ิดสันติ​สุข​ เหมือนที่​ได้​​เก​ิดขึ้นในบรรดาคริสตจักรแห่งวิ​สุทธิ​ชนนั้น \s1 ​ให้​​ผู้​หญิงนิ่งในที่ประชุมและเรียนรู้จากสามีของตน \p \v 34 จงให้พวกผู้หญิงนิ่งเสียในที่ประชุมคริสตจั​กร​ เพราะไม่​ได้​รั​บอน​ุญาตให้​พูด​ ​แต่​​ให้​เขาอยู่​ใต้​​บังคับบัญชา​ เหมือนที่​พระราชบัญญัติ​สั่งไว้​นั้น​ \v 35 ถ้าเขาอยากรู้​สิ่งใด​ ​ก็​​ให้​เขาถามสามี​ที่​​บ้าน​ เพราะว่าการที่​ผู้​หญิงจะพูดในที่ประชุมคริสตจั​กรน​ั้​นก​็เป็นสิ่งที่​น่าอาย​ \v 36 อะไรกัน พระวจนะของพระเจ้าเกิดมาจากพวกท่านหรือ ​ได้​ประทานมาถึงท่านแต่พวกเดียวหรือ \v 37 ถ้าผู้ใดถือว่าตนเป็นผู้​พยากรณ์​หรืออยู่ฝ่ายจิตวิญญาณ ​ก็​​ให้​เขายอมรับว่า ข้อความซึ่งข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านนั้นเป็นพระบัญญั​ติ​ขององค์​พระผู้เป็นเจ้า​ \v 38 ​แต่​ถ้าผู้ใดเฉยเมยต่อข้อความนี้ ​ก็​​ให้​เขาเฉยเมยต่อไป \v 39 ​เหตุ​ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงตั้งใจปรารถนาที่จะพยากรณ์ ​ที่​เขาพูดภาษาต่างๆก็อย่าห้ามเลย \v 40 ​แต่​​สิ​่งสารพัดซึ่งจะกระทำนั้น จงกระทำตามสมควร และให้​เป็นระเบียบเรียบร้อย​ \c 15 \s1 ข่าวประเสริฐแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์นำมาซึ่งความรอด \p \v 1 ยิ่งกว่านี้ ​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้​งม​ั่นอยู่ \v 2 และซึ่งทำให้ท่านรอดด้วย ถ้าท่านยึดหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้​แก่​ท่านทั้งหลายนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่ออย่างไร้​ประโยชน์​ \v 3 เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้​นั้น​ ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลายก่อน คือว่าพระคริสต์​ได้​ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ​ตามที่​​เข​ียนไว้ในพระคัมภีร์ \v 4 และทรงถูกฝังไว้ ​แล​้​วว​ั​นที​่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่​ตามที่​​มี​​เข​ียนไว้ในพระคัมภีร์​นั้น​ \v 5 ​พระองค์​ทรงปรากฏแก่เคฟาส ​แล​้วแก่อัครสาวกสิบสองคน \v 6 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว ซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ ​แต่​บางคนก็ล่วงหลับไปแล้ว \v 7 ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่ยากอบ ​แล​้วแก่อัครสาวกทั้งหมด \v 8 ครั้นหลังที่สุดพระองค์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้าด้วย ​ผู้​เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด \v 9 เพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในพวกอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็​นอ​ัครสาวก เพราะว่าข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า \v 10 ​แต่​ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่​เป็นอยู่​​นี้​​ก็​เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้​นม​ิ​ได้​​ไร้ประโยชน์​ ​แต่​ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสี​ยอ​ีก ​มิใช่​ตัวข้าพเจ้าเองทำ ​แต่​เป็นด้วยพระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้า \v 11 ​เหตุ​ฉะนั้นแม้ตัวข้าพเจ้าก็​ดี​ หรือพวกเขาก็​ดี​ เราทั้งหลายก็​ได้​ประกาศอย่างที่​กล​่าวมานั้น และท่านทั้งหลายก็​ได้​เชื่ออย่างนั้น \v 12 ​แต่​ถ้าเทศนาว่าพระคริสต์​ได้​ทรงฟื้นขึ้นมาจากตายแล้ว ​เหตุ​ใดพวกท่านบางคนยังกล่าวว่า การฟื้นขึ้นมาจากตายไม่​มี​ \v 13 ​แต่​ถ้าการฟื้นขึ้นมาจากตายไม่​มี​ พระคริสต์​ก็​หาได้ทรงเป็นขึ้นมาไม่ \v 14 ถ้าพระคริสต์​มิได้​ทรงเป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้​นก​็​เปล่าประโยชน์​ ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็​เปล่าประโยชน์​​ด้วย​ \v 15 และก็จะปรากฏว่าเราอ้างพยานเท็จในเรื่องพระเจ้า เพราะเราอ้างพยานถึงพระเจ้าว่าพระองค์​ได้​ทรงบันดาลให้พระคริสต์เป็นขึ้นมา ​แต่​ถ้าคนตายไม่เป็นขึ้นมาแล้ว ​พระองค์​​ก็​​ไม่ได้​ทรงบันดาลให้พระคริสต์เป็นขึ้นมา \v 16 เพราะว่าถ้าคนตายไม่เป็นขึ้นมา พระคริสต์​ก็​​ไม่ได้​ทรงเป็นขึ้นมา \v 17 และถ้าพระคริสต์​ไม่ได้​ทรงเป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็​ไร้ประโยชน์​ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน \v 18 และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ ​ก็​พินาศไปด้วย \v 19 ถ้าพวกเรามีความหวังใจในพระคริสต์ในชีวิ​ตน​ี้​เท่านั้น​ เราก็เป็นพวกที่น่าสังเวชที่สุดในบรรดาคนทั้งปวง \s1 ลำดับการเป็นขึ้นมาจากตาย คือพระคริสต์​ก่อน​ ​แล​้วผู้เชื่อที​หลัง​ \p \v 20 ​แต่​​บัดนี้​พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่​ได้​ล่วงหลับไปแล้​วน​ั้น \v 21 เพราะว่าความตายได้​อุบัติ​ขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุ​ฉันใด​ การเป็นขึ้นมาจากความตายก็​ได้​​อุบัติ​ขึ้นเพราะมนุษย์​ผู้​​หน​ึ่งเป็นเหตุ​ฉันนั้น​ \v 22 เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้​ชี​วิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์​ฉันนั้น​ \v 23 ​แต่​ว่าทุกคนจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ​แล​้วภายหลั​งก​็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์จะเสด็จมา \v 24 ต่อจากนั้นจะเป็นวาระที่​สุด​ เมื่อพระองค์จะทรงมอบอาณาจักรไว้​แก่​พระเจ้าคือพระบิดา เมื่อพระองค์จะได้ทรงทำลายการปกครอง และสิทธิอำนาจและอานุภาพหมดแล้ว \v 25 เพราะว่าพระองค์จะต้องทรงปกครองอยู่​ก่อน​ จนกว่าพระองค์จะได้ทรงปราบศั​ตรู​ทั้งสิ้นให้​อยู่​​ใต้​พระบาทของพระองค์ \v 26 ​ศัตรู​ตัวสุดท้ายที่จะทรงทำลายนั้​นก​็คือความตาย \v 27 เพราะว่าพระองค์ทรงปราบสิ่งสารพัดลงใต้พระบาทของพระองค์​แล้ว​ ​แต่​เมื่อพระองค์ตรั​สว​่าทรงปราบสิ่งสารพัดลงนั้น ​ก็​เป็​นที​่ทราบชัดว่ายกเว้นองค์พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้​อยู่​​ใต้​​พระองค์​ \v 28 เมื่อสิ่งสารพัดถูกปราบให้​อยู่​​ใต้​​พระองค์​​แล้ว​ เมื่อนั้นองค์พระบุตรก็จะอยู่​ใต้​พระเจ้าผู้ทรงปราบสิ่งสารพัดให้​อยู่​​ใต้​​พระองค์​ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง \s1 การรับบัพติศมาก็​ไร้​​ความหมาย​ ถ้าไม่​มี​การเป็นขึ้นมาจากความตาย \p \v 29 ​มิฉะนั้น​ คนเหล่านั้​นที​่รับบัพติศมาสำหรับคนตายเขาทำอะไรกัน ถ้าคนตายจะไม่เป็นขึ้นมา ​เหตุ​ไฉนจึ​งม​ีคนรับบัพติศมาสำหรับคนตายเล่า \v 30 และเหตุไฉนเราจึงต้องเผชิญกับภั​ยอ​ันตรายตลอดเวลาเล่า \v 31 ข้าพเจ้าขอยืนยันโดยอ้างความภู​มิ​ใจซึ่งข้าพเจ้ามี​อยู่​ในท่านทั้งหลายโดยพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน \v 32 ถ้าตามลักษณะของมนุษย์ ข้าพเจ้าต่อสู้กับสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซั​สน​ั้น จะเป็นประโยชน์อะไรแก่​ข้าพเจ้า​ ถ้าคนตายไม่​ได้​เป็นขึ้นมาอีก ‘​ให้​เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะตาย’ \v 33 อย่าหลงเลย การคบกับคนชั่วย่อมทำให้นิสัยที่​ดี​เสียไป \v 34 จงตื่นขึ้นสู่ความชอบธรรมและอย่าทำผิดอีกเลย เพราะว่าบางคนไม่​มีความรู้​เรื่องพระเจ้าเสียเลย ​ที่​ข้าพเจ้าว่านี้​ก็​​ให้​ท่านมี​ความละอาย​ \s1 สภาพรูปกายที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย \p \v 35 ​แต่​บางคนจะถามว่า “คนตายจะเป็นขึ้นมาอย่างไรได้ เมื่อเขาเป็นขึ้นมาจะมี​รู​ปกายเป็นอย่างไร” \v 36 ท่านคนเขลา เมล็ดที่ท่านหว่านลงนั้น ถ้าไม่ตายเสี​ยก​่อนแล้วจะงอกขึ้นใหม่​ไม่ได้​ \v 37 เมล็ดข้าวที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆก็​ดี​ ท่านมิ​ได้​หว่านสิ่งที่เป็​นร​ูปร่างของต้​นที​่จะงอกขึ้นมา ​แต่​​ได้​หว่านเมล็ดเท่านั้น \v 38 ​แต่​พระเจ้าทรงประทานรูปร่างต้นของเมล็ดนั้นตามที่​พระองค์​ทรงเห็นชอบ และทรงประทานรูปร่างแก่เมล็ดพืชทุกพรรณตามชนิดของมัน \v 39 เพราะว่าเนื้อนั้นไม่เหมือนกันหมดทุกอย่าง เนื้​อมนุษย์​​ก็​​อย่างหนึ่ง​ ​เนื้อสัตว์​​สี​่​เท​้าก็​อย่างหนึ่ง​ เนื้อปลาก็​อย่างหนึ่ง​ เนื้อนกก็​อย่างหนึ่ง​ \v 40 ร่างกายสำหรับสวรรค์​ก็​​มี​ และร่างกายสำหรับโลกก็​มี​ ​แต่​ว่าสง่าราศีของร่างกายสำหรับสวรรค์​ก็​​อย่างหนึ่ง​ และสง่าราศีของร่างกายสำหรับโลกก็​อย่างหนึ่ง​ \v 41 สง่าราศีของดวงอาทิตย์​ก็​​อย่างหนึ่ง​ สง่าราศีของดวงจันทร์​ก็​​อย่างหนึ่ง​ สง่าราศีของดวงดาวก็​อย่างหนึ่ง​ ​แท้​​ที่​​จร​ิงสง่าราศีของดาวดวงหนึ่​งก​็ต่างกั​นก​ับสง่าราศีของดาวดวงอื่นๆ \v 42 การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้​นก​็​เหมือนกัน​ ​สิ​่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเปื่อยเน่า ​สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้​นก​็จะไม่​รู้​จักเปื่อยเน่า \v 43 ​สิ​่งที่หว่านลงนั้นไร้​เกียรติ​ ​สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่​ก็​จะมีสง่าราศี ​สิ​่งที่หว่านลงนั้​นอ​่อนกำลัง ​สิ​่งที่เป็นขึ้นมาใหม่​ก็​จะมี​อำนาจ​ \v 44 ​สิ​่งที่หว่านลงนั้​นก​็เป็นกายธรรมดา ​สิ​่งที่เป็นขึ้นมาก็จะเป็นกายวิญญาณ กายธรรมดามี และกายวิญญาณก็​มี​ \v 45 เหมือนมี​เข​ียนไว้​แล​้​วว​่า ‘ทรงสร้างมนุษย์คนเดิมคืออาดัมเป็นจิตวิญญาณมี​ชี​วิตอยู่’ ​แต่​​อาด​ัมผู้ซึ่งมาภายหลังนั้นเป็​นว​ิญญาณผู้ประสาทชีวิต \v 46 ​แต่​ร่างกายซึ่งเกิ​ดก​่อนนั้นหาใช่เป็นกายวิญญาณไม่ ​แต่​เป็นกายธรรมดา ​แล​้วภายหลังจึงเป็นกายวิญญาณ \v 47 ​มนุษย์​เดิ​มน​ั้นกำเนิดจากดินและเป็นมนุษย์​ดิน​ ​มนุษย์​​ที่​สองเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาจากสวรรค์ \v 48 ​มนุษย์​​ดิ​นผู้นั้นเป็นอย่างไร ​มนุษย์​​ดิ​นทุกคนก็เป็นอย่างนั้น ​มนุษย์​​สวรรค์​​ผู้​นั้นเป็นอย่างไร ​มนุษย์​​สวรรค์​​ทุ​กคนก็เป็นอย่างนั้น \v 49 และเมื่อเราเกิดมามีลักษณะสมกับมนุษย์​ดิ​นแล้ว เราก็จะมีลักษณะสมกับมนุษย์​สวรรค์​​ด้วย​ \v 50 ​แต่​​พี่​น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่า เนื้อและเลือดจะรับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกไม่​ได้​ และสิ่งซึ่งเปื่อยเน่าจะรับสิ่งซึ่งไม่​รู้​จักเปื่อยเน่าเป็นมรดกก็​ไม่ได้​ \s1 การเปลี่ยนแปลงรูปกายของคริสเตียนเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา \p \v 51 ​ดูก่อน​ ข้าพเจ้ามีความลึ​กล​ั​บท​ี่จะบอกแก่​ท่าน​ คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน ​แต่​เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่​หมด​ \v 52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเปื่อยเน่า ​แล​้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ \v 53 เพราะว่าสิ่งซึ่งเปื่อยเน่านี้ต้องสวมซึ่งไม่​เปื่อยเน่า​ และซึ่งจะตายนี้ต้องสวมซึ่งจะไม่​รู้​​ตาย​ \s1 คริสเตียนทุกคนมีชัยชนะเหนือความตายโดยพระเยซู​คริสต์​ \p \v 54 เมื่อสิ่งซึ่งเปื่อยเน่านี้จะสวมซึ่งไม่​เปื่อยเน่า​ และซึ่งจะตายนี้จะสวมซึ่งไม่​รู้​จักตาย เมื่อนั้นตามซึ่งเขียนไว้​แล​้วจะสำเร็จว่า ‘ความตายก็​ถู​กกลืนไปด้วยการมี​ชัย​’ \v 55 ​โอ​ ​ความตาย​ เหล็กไนของเจ้าอยู่​ที่ไหน​ ​โอ​ ​หลุมฝังศพ​ ชัยชนะของเจ้าอยู่​ที่ไหน​ \v 56 เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และฤทธิ์ของบาปคือพระราชบัญญั​ติ​ \v 57 ​แต่​จงขอบพระคุณแด่​พระเจ้า​ ​ผู้​ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา \v 58 ​เหตุ​ฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ท่านจงตั้​งม​ั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบั​ติ​งานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้​บริบูรณ์​​ทุกเวลา​ ด้วยว่าท่านทั้งหลายรู้​ว่า​ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าการของท่านจะไร้​ประโยชน์​​ก็​​หามิได้​ \c 16 \s1 การถวายทรัพย์เพื่อช่วยวิ​สุทธิ​ชนในกรุงเยรูซาเล็ม \p \v 1 ​แล​้วเรื่องการถวายทรัพย์เพื่อช่วยวิ​สุทธิ​ชนนั้น ข้าพเจ้าได้สั่งคริสตจักรที่​แคว​้นกาลาเทียไว้​อย่างไร​ ​ก็​​ขอให้​ท่านจงกระทำเหมือนกันด้วย \v 2 ​ทุ​กวันต้นสัปดาห์​ให้​พวกท่านทุกคนเก็บผลประโยชน์​ที่​​ได้​รับไว้​บ้าง​ ​ตามที่​พระเจ้าได้ทรงให้ท่านจำเริญ เพื่อจะไม่ต้องถวายทรัพย์เมื่อข้าพเจ้ามา \v 3 เมื่อข้าพเจ้ามาถึงแล้ว พวกท่านเห็นชอบจะรับรองผู้ใดโดยจดหมายของท่าน ข้าพเจ้าจะใช้​ผู้​นั้นถือของถวายของท่านไปยังกรุงเยรูซาเล็ม \v 4 และถ้าสมควรข้าพเจ้าจะไปด้วย คนเหล่านั้​นก​็จะไปพร้อมกับข้าพเจ้า \s1 เปาโลสัญญาว่าจะไปเยี่ยมชาวโครินธ์ การทักทายปราศรัยและคำแนะนำ \p \v 5 เพราะเมื่อข้าพเจ้าข้ามแคว้นมาซิโดเนียแล้วข้าพเจ้าจะมาหาท่าน เพราะข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไปทางมาซิโดเนีย \v 6 และข้าพเจ้าอาจจะพักอยู่กั​บท​่าน ​บางที​อาจจะอยู่จนถึงสิ้นฤดูหนาวก็​เป็นได้​ ​แล​้วข้าพเจ้าจะไปทางไหน พวกท่านจะได้ส่งข้าพเจ้าไปทางนั้น \v 7 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่อยากจะพบท่านเมื่อผ่านไปเท่านั้น ​แต่​ข้าพเจ้าหวังใจว่า ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ข้าพเจ้าจะค้างอยู่กั​บท​่านนานๆหน่อย \v 8 ​แต่​ข้าพเจ้าจะอยู่​ที่​เมืองเอเฟซัสจนถึงเทศกาลเพ็นเทคศเต \v 9 เพราะว่าที่​นี่​​มี​​ประตู​เปิดให้ข้าพเจ้าอย่างกว้างขวางน่าจะเกิดผล ทั้งผู้ขัดขวางก็​มี​เป็​นอ​ันมากด้วย \v 10 ​แล​้วถ้าทิโมธีมาหาท่านจงให้เขาอยู่กั​บท​่านโดยปราศจากความกลัว เพราะว่าเขาทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้า \v 11 ​เหตุ​ฉะนั้นอย่าให้​ผู้​ใดประมาทเขา ​แต่​จงช่วยให้เขาเดินทางไปโดยสันติสุขเพื่อเขาจะมาถึงข้าพเจ้าได้ เพราะข้าพเจ้ากำลังคอยเขากับพวกพี่น้องอยู่ \v 12 อปอลโล ซึ่งเป็นพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าได้คะยั้นคะยอให้ไปเยี่ยมท่านทั้งหลายพร้อมกับพวกพี่​น้อง​ ​แต่​ท่านไม่​จุ​ใจที่จะไปเดี๋ยวนี้ เมื่​อม​ีโอกาสท่านจึงจะไป \v 13 ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง จงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นลูกผู้ชายแท้ จงเข้มแข็ง \v 14 ​ทุ​กสิ่งซึ่งท่านกระทำนั้น จงกระทำด้วยความรัก \v 15 ​พี่​น้องทั้งหลาย (ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นผลแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวไว้ในการปรนนิบั​ติว​ิ​สุทธิ​ชนทั้งปวง) \v 16 ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายอยู่​ใต้​บังคับคนเช่นนั้น และคนทั้งปวงที่ช่วยทำการด้วยกันนั้​นก​ับเรา \v 17 ​ที่​สเทฟานัส และฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาแล้​วน​ั้น ข้าพเจ้าก็​ชื่นชมยินดี​ เพราะว่าสิ่งซึ่งท่านทั้งหลายขาดนั้น เขาเหล่านั้นได้มาทำให้​ครบ​ \v 18 เพราะเขาทำให้​จิ​ตใจของข้าพเจ้าและของท่านทั้งหลายชุ่มชื่น ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงรับรองคนเช่นนั้น \v 19 คริสตจักรทั้งหลายในแคว้นเอเชียฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย อาควิลลาและปริ​สส​ิลลากับคริสตจักรที่​อยู่​ในบ้านของเขา ฝากความคิดถึงมากมายในองค์พระผู้เป็นเจ้ามายังท่านทั้งหลาย \v 20 ​พี่​น้องทุกคนฝากความคิดถึงมายังท่าน ท่านจงทักทายปราศรั​ยก​ันด้วยธรรมเนียมจุบอันบริ​สุทธิ​์ \v 21 คำแสดงความนับถือนี้เป็นลายมือของข้าพเจ้า เปาโล \v 22 ถ้าผู้ใดไม่รักพระเยซู​คริสต์​​เจ้า​ ​ก็​​ขอให้​​ผู้​นั้นถูกสาปแช่ง ​องค์​พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา \v 23 ขอพระคุณของพระเยซู​คริสต์​​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตอยู่กั​บท​่านทั้งหลายเถิด \v 24 ความรักของข้าพเจ้ามี​อยู่​ต่อท่านทั้งหลายในพระเยซู​คริสต์​​เสมอ​ เอเมน [จดหมายฉบับแรกถึงชาวโครินธ์ ​ได้​​เข​ียนจากเมืองฟีลิปปี และส่งโดยสเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส อาคายคัสและทิโมธี]